ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 201 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 4001 - 4020 จากข้อมูลทั้งหมด 9659 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 4001 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากร ตามมาตรา 12 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 (การปรับปรุงโครงสร้างพิกัดอัตราศุลกากรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน) | กค | 03/07/2550 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง
การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากร ตามมาตรา 12 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 มี สาระสำคัญคือ ปรับปรุงโครงสร้างพิกัดอัตราศุลกากรปัจจัยการผลิต โดยยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับปัจจัยการผลิต ที่ปัจจุบันไม่สามารถผลิตได้ในประเทศ จำนวน 126 ประเภทย่อย ปรับลดอัตราอากรขาเข้าให้เท่ากับอัตราอากร ตามโครงสร้างการผลิตที่กระทรวงการคลังกำหนด คือ ร้อยละ 5 และร้อยละ 10 ขยายระยะเวลาการปรับลดอัตรา อากรขาเข้าเหล็กแผ่นชนิดทีเอ็มบีพีในอัตราร้อยล ะ 1 ต่อไปอีกจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2551 รวมทั้งปรับเพิ่ม อัตราอากรขาเข้ากระจกสะท้อนแสงและกระจกฉนวนความร้อน เป็นร้อยละ 5 และร้อยละ 10 และปรับเพิ่มอัตรา อากรขาเข้ากระจกโฟลตเฉพาะที่มีความหนาไม่เกิน 5 มิลลิเมตร จากร้อยละ 5 เป็นร้อยละ 20 จำนวน 2 ประเภท ย่อย เพื่อแก้ไขปัญหากระจกที่นำเข้าจากจีนราคาถูก และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุ บัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 4002 | เงินกู้โครงการรับซื้อลำไยสดเพื่อแปรรูปและการตลาดลำไยอบแห้งปี 2547 | กค | 26/06/2550 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอดังนี้ ให้องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ขยาย
ระยะเวลาการกู้เงินโครงการรับซื้อลำไยสดเพื่อแปรรูปและการตลาดลำไยอบแห้ง ปี 2547 จำนวน 4,614.56 ล้าน บาท จากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ออกไปอีก ตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2549 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2550 โดยมีกระทรวงการคลังค้ำประกัน และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอขอแปรญัตติงบประมาณรายจ่ายประจำ ปี พ.ศ. 2551 เพื่อของบประมาณให้ อ.ต.ก. ใช้ชำระคืนต้นเงินกู้ จำนวน 4,614.56 ล้านบาท แก่ธนาคารกรุงไทย ฯ โดยให้ชำระคืนธนาคารในโอกาสแรกเมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2551 ประกาศใช้ และ ให้ อ.ต.ก. ในฐานะเป็นผู้กู้เงินต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการชำระดอกเบี้ย โดยการเจียดจ่ายเงินของหน่วยงานหรือใช้ เงินของโครงการรับซื้อลำไยสดเพื่อแปรรูปและการตลาดลำไยอบแห้งที่ยังคงเหลืออยู่ที่ อ.ต.ก มาชำระดอกเบี้ยค้าง จ่ายที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2549 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2550 ภายในวงเงินไม่เกิน 239,051,991.76 บาท ให้ธนาคารกรุงไทย ฯ ให้เสร็จสิ้นภายในเดือนมิถุนายน 2550 รวมทั้งให้ อ.ต.ก. จ่ายค่าดอกเบี้ยเงินกู้ที่จะเกิด ขึ้นหลังจากวันที่ 30 มิถุนายน 2550 จนถึงวันสิ้นสุดสัญญาหรือวันที่ชำระคืนต้นเงินกู้เสร็จสิ้น แต่ทั้งนี้ หาก อ.ต.ก. ไม่สามารถหาเงินมาชำระได้ หรือไม่เพียงพอต่อดอกเบี้ยที่เกิดขึ้น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ขอใช้เงินงบกลาง ของงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 มาชำระ แต่การขอใช้เงินงบกลางอาจมีข้อจำกัดเนื่องจาก งบกลางมีจำนวนจำกัดและเป็นช่วงปลายปีงบประมาณ กับให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ อ.ต.ก. ขอเจรจากับ ธนาคารกรุงไทย ฯ เพื่อขอปรับลดอัตราดอกเบี้ยจากอัตราเบี้ยปรับ (ร้อยละ MLR ต่อปี) เป็นอัตราดอกเบี้ยเงิน กู้ปกติ (อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 12 เดือน บวกร้อยละ 1.40-1.50 ต่อปี) เพื่อประโยชน์ต่อภาครัฐ ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ส่งผลการดำเนินโครงการรับซื้อลำไยสด ฯ ให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจ สอบต่อไปด้วย นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีเห็นว่า ในการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลที่ผ่านมาควรมีการศึกษา วิจัยถึงผลการดำเนินการตามนโยบายที่ดำเนินการแล้วประสบปัญหาต่าง ๆ ซึ่งบางครั้งรัฐอาจมีความเสียหาย เช่น โครงการรับซื้อลำไยสด ฯ เป็นต้น เพื่อเป็นฐานองค์ความรู้ของรัฐบาลในปัจจุบันและอนาคต รวมถึงเป็นกรณีศึกษา แก่สาธารณะ ส่วนการดำเนินการอาจจ้างมหาวิทยาลัยทำการศึกษาวิจัยเรื่องดังกล่าวจึงมอบให้กระทรวงเกษตรและ สหกรณ์รับเรื่องนี้ไปประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ เป็นต้น เพื่อดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 4003 | รายงานการนำเข้าสินค้าที่ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (ไตรมาสที่ 1 ปี 2550) | กค | 26/06/2550 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานการนำเข้าสินค้าที่ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษี
ศุลกากร ประจำไตรมาสที่ 1 ปี พ.ศ. 2550 (มกราคม-มีนาคม 2550) มีการนำเข้าสินค้าที่ได้รับสิทธิพิเศษทาง ภาษีศุลกากรจากประเทศสมาชิกใหม่อาเซียน ประกอบด้วย กัมพูชา สปป.ลาว และพม่า โดยมีมูลค่าที่ได้รับสิทธิ พิเศษรวม 130,392,725 บาท แยกเป็นมูลค่าที่ยกเว้นอากร 116,632,113 บาท และมูลค่าที่ลดอัตราอากร 13,760,612 บาท โดยกัมพูชา มูลค่านำเข้าที่ได้รับยกเว้นอากร 2,511,600 บาท มูลค่านำเข้าที่ได้รับลดหย่อน อากร 8,272,637 บาท สปป.ลาว มูลค่านำเข้าที่ได้รับยกเว้นอากร 109,308,729 บาท มูลค่านำเข้าที่ได้รับลด หย่อนอากร 3,903,975 บาท และพม่า มูลค่านำเข้าที่ได้รับยกเว้นอากร 4,811,784 บาท มูลค่านำเข้าที่ได้รับ ลดหย่อนอากร 1,584,000 บาท
|
|||||||||||||||||||||
| 4004 | การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) แก่สินค้ายานยนต์มาเลเซีย | กค | 26/06/2550 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีภายใต้เขตการค้า
เสรีอาเซียน (ASEAN Free Trade Area : AFTA) แก่สินค้ายานยนต์มาเลเซีย ตามมติคณะกรรมการนโยบายเศรษฐ กิจระหว่างประเทศ (กนศ.) ครั้งที่ 2/2550 วันที่ 30 เมษายน 2550 ที่มีมติเห็นชอบการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี แก่สินค้ายานยนต์ชนิด Completely Built-Up (CBU) จากมาเลเซียภายใต้ AFTA และมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ ประสานกับกระทรวงอุตสาหกรรมในการพิจารณาถ้อยคำที่จะแจ้งมาเลเซีย รวมทั้งเห็นชอบให้จัดตั้งคณะทำงานเพื่อ ติดตามผลอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ ให้หน่วยงาน AFTA ของไทยติดตามผลการนำเข้าหลังจากที่ไทยได้ให้สิทธิประโยชน์ ทางภาษีดังกล่าวแก่มาเลเซีย และรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมที่เห็นว่า ในการระบุว่ามาเลเซียได้ดำเนิน การตามพันธกรณีภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียนครบถ้วน ตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม 2549 เป็นต้นมา ไม่สอดคล้องกับ ข้อมูลจากเอกสารนโยบายรถยนต์แห่งชาติมาเลเซีย ฉบับลงวันที่ 22 มีนาคม 2549 และไม่สอดคล้องกับข้อมูลที่ ได้รับจากกลุ่มผู้ประกอบการ และในการกำหนดว่าจะให้สินค้ายานยนต์จากมาเลเซียใช้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีภาย ใต้ AFTA ได้ตั้งแต่เมื่อใด นั้น อาจมีประเด็นเกี่ยวข้องกับการนำรายได้ภาษีของภาครัฐไปให้กับเอกชนบางราย จึงควร ตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน เพื่อให้เป็นไปตามข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องทุกประการ ไปพิจารณาด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 4005 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเรื่อง การยุบเลิกทุนหมุนเวียน | กค | 26/06/2550 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม
2550 เรื่อง การยุบเลิกกองทุนหมุนเวียน และที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอเพิ่มเติมขอแก้ไขข้อเสนอ (ตามหนังสือกระทรวงการคลัง ด่วนที่สุดที่ กค 0409.3/11587 ลงวันที่ 21 มิถุนายน 2550 หน้า 4) ทั้งนี้ ให้ กระทรวงการคลังแจ้งการขอแก้ไขข้อเสนอดังกล่าวเป็นลายลักษณ์อักษรไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีด้วย
|
|||||||||||||||||||||
| 4006 | เงินกู้โครงการรับซื้อลำไยสดเพื่อแปรรูปและการตลาดลำไยอบแห้งปี 2547 | กค | 26/06/2550 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอดังนี้ ให้องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ขยาย
ระยะเวลาการกู้เงินโครงการรับซื้อลำไยสดเพื่อแปรรูปและการตลาดลำไยอบแห้ง ปี 2547 จำนวน 4,614.56 ล้าน บาท จากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาช) ออกไปอีก ตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2549 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2550 โดยมีกระทรวงการคลังค้ำประกัน และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอขอแปรญัตติงบประมาณรายจ่ายประจำ ปี พ.ศ. 2551 เพื่อของบประมาณให้ อ.ต.ก. ใช้ชำระคืนต้นเงินกู้ จำนวน 4,614.56 ล้านบาท แก่ธนาคารกรุงไทย ฯ โดยให้ชำระคืนธนาคารในโอกาสแรกเมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2551 ประกาศใช้ และ ให้ อ.ต.ก. ในฐานะเป็นผู้กู้เงินต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการชำระดอกเบี้ย โดยการเจียดจ่ายเงินของหน่วยงานหรือใช้ เงินของโครงการรับซื้อลำไยสดเพื่อแปรรูปและการตลาดลำไยอบแห้งที่ยังคงเหลืออยู่ที่ อ.ต.ก มาชำระดอกเบี้ยค้าง จ่ายที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2549 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2550 ภายในวงเงินไม่เกิน 239,051,991.76 บาท ให้ธนาคารกรุงไทย ฯ ให้เสร็จสิ้นภายในเดือนมิถุนายน 2550 รวมทั้งให้ อ.ต.ก. จ่ายค่าดอกเบี้ยเงินกู้ที่จะเกิด ขึ้นหลังจากวันที่ 30 มิถุนายน 2550 จนถึงวันสิ้นสุดสัญญาหรือวันที่ชำระคืนต้นเงินกู้เสร็จสิ้น แต่ทั้งนี้ หาก อ.ต.ก. ไม่สามารถหาเงินมาชำระได้ หรือไม่เพียงพอต่อดอกเบี้ยที่เกิดขึ้น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ขอใช้เงินงบกลาง ของงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 มาชำระ แต่การขอใช้เงินงบกลางอาจมีข้อจำกัดเนื่องจาก งบกลางมีจำนวนจำกัดและเป็นช่วงปลายปีงบประมาณ กับให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ อ.ต.ก. ขอเจรจากับ ธนาคารกรุงไทย ฯ เพื่อขอปรับลดอัตราดอกเบี้ยจากอัตราเบี้ยปรับ (ร้อยละ MLR ต่อปี) เป็นอัตราดอกเบี้ยเงิน กู้ปกติ (อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 12 เดือน บวกร้อยละ 1.40-1.50 ต่อปี) เพื่อประโยชน์ต่อภาครัฐ ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ส่งผลการดำเนินโครงการรับซื้อลำไยสด ฯ ให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจ สอบต่อไปด้วย นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีเห็นว่า ในการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลที่ผ่านมาควรมีการศึกษา วิจัยถึงผลการดำเนินการตามนโยบายที่ดำเนินการแล้วประสบปัญหาต่าง ๆ ซึ่งบางครั้งรัฐอาจมีความเสียหาย เช่น โครงการรับซื้อลำไยสด ฯ เป็นต้น เพื่อเป็นฐานองค์ความรู้ของรัฐบาลในปัจจุบันและอนาคต รวมถึงเป็นกรณีศึกษา แก่สาธารณะ ส่วนการดำเนินการอาจจ้างมหาวิทยาลัยทำการศึกษาวิจัยเรื่องดังกล่าวจึงมอบให้กระทรวงเกษตรและ สหกรณ์รับเรื่องนี้ไปประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ เป็นต้น เพื่อดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 4007 | ร่างพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 19/06/2550 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดิน
ทางไปราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการเดินทางไปราชการชั่วคราว และราชการประจำในราชอาณาจักรเสียใหม่ เพื่อให้ผู้มีสิทธิเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการมีสิทธิเบิกจ่ายได้ เหมาะสมกับสภาพความเป็นจริง และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้เชิญผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศมาร่วมพิจารณา และให้รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาด้วยว่า การเดินทางไปราชการโดยเครื่องบินตามร่างมาตรา 6 แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 27 ควรพิจารณาอนุโลมกรณีเป็นเลขานุ การหรือผู้ติดตามของผู้บริหาร ซึ่งมีความจำเป็นต้องเดินทางพร้อมกับผู้บริหารที่มีสิทธิเดินทางไปราชการโดยเครื่อง บิน รวมทั้งปัจจุบันมีสายการบินต้นทุนต่ำ (Low Cost) ให้บริการแล้ว จึงสมควรนำมาพิจารณาประกอบด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 4008 | ร่างพระราชบัญญัติการกำหนดกิจการ หลักเกณฑ์ และขั้นตอนการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... | กค | 19/06/2550 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างพระราชบัญญัติการกำหนดกิจการ
หลักเกณฑ์ และขั้นตอนการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดกิจการ หลักเกณฑ์ และขั้นตอน การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยคณะกรรมการกฤษฎีกา คณะพิเศษ ตรวจ พิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีกรณีชื่อร่าง พระราชบัญญัติที่ใช้คำว่า "แปรรูป" มีความเหมาะสมและสามารถสื่อความหมายครอบคลุมสาระสำคัญของร่างพระ ราชบัญญัติแล้วหรือไม่ รวมทั้งการกำหนดกิจการของรัฐวิสาหกิจที่จะแปรรูปมิได้ตามร่างมาตรา 7 ถ้อยคำยังไม่ชัด เจน และอาจไม่เหมาะสมที่จะกำหนดห้ามเด็ดขาด ควรให้แปรรูปได้แต่ต้องตราเป็นพระราชบัญญัติน่าจะเหมาะสม กว่า สำหรับกรณีรัฐวิสาหกิจที่แปลงสภาพเป็นบริษัทแล้ว เช่น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ร่างมาตรา 9/1 จะ เป็นอุปสรรคในการที่จะแยกบริษัทเป็นบริษัทย่อยหรือไม่ ประกอบกับลักษณะต้องห้ามของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ตามร่างมาตรา 11 ควรให้หมายความรวมถึงผู้มีผลประโยชน์ทับซ้อน หรือมีข้อพิพาทกับรัฐวิสาหกิจที่จะแปรรูป ด้วย ส่วนองค์ประกอบของคณะกรรมการเตรียมการจัดตั้งบริษัท ตามร่างมาตรา 25 ซึ่งกำหนดให้มีผู้แทนขององค์ กรที่เป็นนิติบุคคล ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการคุ้มครองผู้บริโภค และมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ไม่น้อยกว่าห้าปีจำนวน หนึ่งคน นั้น จะทำให้หาผู้มีคุณสมบัติดังกล่าวได้ยาก และจำกัดอยู่ในวงแคบ จึงสมควรตัดออก และการกำหนดให้ ต้องตราพระราชบัญญัติเพื่อโอนอำนาจที่รัฐวิสาหกิจมีอยู่ไปให้แก่องค์กรกำกับดูแล หรือการตราพระราชบัญญัติ จัดตั้งองค์กรกำกับ ดูแลกิจการ ตามร่างมาตรา 31 จะทำให้การแปลงสภาพไม่สามารถดำเนินการได้อย่างคล่อง ตัวรวมไปถึงการกระจายหุ้น ตามร่างหมวด 5 มีหลักเกณฑ์และเงื่อนไขรายละเอียดมาก ซึ่งอาจเป็นปัญหาในทาง ปฏิบัติ สมควรพิจารณานำระเบียบเกี่ยวกับการกระจายหุ้นที่เคยใช้อยู่เดิมมาปรับปรุงให้รัดกุมยิ่งขึ้น น่าจะเหมาะ สมกว่าการกำหนดไว้ในร่างพระราชบัญญัติ นอกจากนี้ บทเฉพาะกาลตามร่างมาตรา 53/1 อาจไม่เป็นธรรมกับ ผู้ถือหุ้นที่เป็นเอกชนกรณีมีการขายหุ้นเพิ่มทุน แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง |
|||||||||||||||||||||
| 4009 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 19/06/2550 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้นับผู้ที่ได้รับมอบหมายให้เข้าร่วมประชุมแทนเป็นองค์ประชุม และมี สิทธิได้รับเบี้ยประชุมซึ่งจะมีผลต่อมติที่ประชุมของคณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการ แล้วแต่กรณีด้วย และให้ส่ง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 4010 | สรุปผลการตรวจราชการการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุข จังหวัดสมุทรปราการ | กค | 19/06/2550 | ||||||||||||||||||
|
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลผลการตรวจราชการการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุข จังหวัด
สมุทรปราการ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2550 สรุปผลการดำเนินงานในภาพรวม ได้ดังนี้ จังหวัดสมุทรปราการได้รับจัดสรรงบประมาณตามยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุข จำนวน 51 ล้านบาท มีโครงการรอง รับตามวัตถุประสงค์ของยุทธศาสตร์ 694 โครงการ โดยจังหวัดได้โอนเงินให้กับหมู่บ้านและชุมชนแล้ว จำนวน 43 ล้านบาท หรือคิดเป็น 579 โครงการ สำหรับปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ในส่วนของการ เตรียมความพร้อมของจังหวัด หมู่บ้านและชุมชนมีระยะเวลาจำกัด และคณะกรรมการหมู่บ้านหรือชุมชนยังขาดความรู้ ความเข้าใจเรื่องยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุข ส่งผลให้โครงการที่เสนอโดยหมู่บ้านและชุมชนไม่ตรงกับวัตถุประสงค์ของยุทธ ศาสตร์ โดยโครงการส่วนใหญ่ (ร้อยละ 71) เป็นโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน นอกจากนี้ กระบวนการจัดทำ แผนงานโครงการบางส่วนขาดการระดมความเห็นจากประชาชน (ทำประชาคม) อย่างแท้จริง เนื่องจากระยะเวลามี จำกัดทำให้โครงการที่เสนออาจจะไม่ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่ รวมทั้งขาด มาตรฐานราคากลางของการจัดซื้อวัสดุครุภัณฑ์ ทำให้การใช้งบประมาณยังไม่มีประสิทธิผลสูงสุด สำหรับการดำเนิน โครงการพัฒนาชุมชนตามปรัญชาเศรษฐกิจพอเพียง (พพพ.) กระทรวงมหาดไทยได้จัดสรรงบประมาณให้แก่จังหวัด สมุทรปราการ จำนวน 400,000 บาท สำหรับ 40 หมู่บ้าน และจังหวัดได้สนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติม (เงินจาก องค์การบริหารส่วนจังหวัด) อีก 9 ล้านบาท เพื่อขยายให้ครอบคลุม 80 หมู่บ้าน ซึ่งเริ่มดำเนินโครงการเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2550 ในการนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดับจังหวัดและ ท้องถิ่นเตรียมความพร้อมโครงการยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุข และ พพพ. สำหรับงบประมาณในปี พ.ศ. 2551 ไว้ล่วงหน้า โดยเน้นให้หน่วยงานภาครัฐใช้กลไกการทำงานร่วมกับหมู่บ้าน/ชุมชน เพื่อประมวลโครงการที่เป็นความต้องการของ ประชาชนอย่างแท้จริง ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการคิดโครงการ รวมทั้งจัดทำโครงการยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุข และ พพพ. ให้มีความสอดคล้องกัน และกำกับดูแลโครงการต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพเพื่อให้เม็ดเงินที่จัดสรรลงสู่ประชาชน ระดับฐานรากที่มีจำกัด เกิดประโยชน์สูงสุด เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||
| 4011 | ร่างพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ปรับปรุงบทบัญญัติเรื่องอำนาจการดำเนินกิจการของกองทุน) | กค | 12/06/2550 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอร่างพระราชบัญญัติบริหารการขนส่ง
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีกฎหมายเพื่อบูรณาการระบบการบริหารจัดการด้านการขนส่งของประเทศเพื่อใช้ เป็นกฎหมายกลางในการจัดกลุ่มภารกิจด้านนโยบาย ด้านการกำกับดูแล และด้านการประกอบการให้ชัดเจน และใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการทุกกิจกรรมของการขนส่งเพิ่มเติมจากกฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบัน รวมถึง การวางกรอบในการดำเนินกิจการขนส่งที่มีลักษณะเป็นพันธะในการให้บริการสาธารณะ และการเพิ่มบทบาท ของภาคเอกชนในการมีส่วนร่วมในการจัดให้มีโครงสร้างพื้นฐานและการประกอบกิจการขนส่ง และให้ส่งสำนัก งานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยรับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับร่างพระราช บัญญัติฉบับนี้ว่า จะซ้ำซ้อน ขัดแย้ง หรือสอดคล้องกับกฎหมายของรัฐวิสาหกิจที่ประกอบกิจการขนส่งที่มีอยู่เดิม และประเด็นการจัดตั้งกองทุนเสริมสร้างประสิทธิภาพการขนส่งขึ้นในร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ จะกระทบระบบ การคลังและวินัยทางการเงินการคลังของประเทศ รวมทั้งให้รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ ความ เห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ให้มีการศึกษาผลกระทบของร่างพระ ราชบัญญัติ ฯ ที่มีต่อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายของรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งแต่ละรูปแบบ กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการมีส่วนร่วมของเอกชน และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการขนส่ง (Logistic) เพื่อให้สามารถพัฒนาระบบการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีคุณภาพ และประสาน งานขององค์กรกำกับดูแลกิจการขนส่งในแต่ละด้านให้มีแนวปฏิบัติที่สอดคล้องกัน เป็นต้น ไปพิจารณาด้วย แล้ว ส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อ ไป
|
|||||||||||||||||||||
| 4012 | รายงานผลการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปี 2550 สำหรับงวดสิ้นสุด วันที่ 30 เมษายน 2550 | กค | 12/06/2550 | ||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||
| 4013 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ เฉลิมพระชนมพรรษา 75 พรรษา 12 สิงหาคม 2550 พ.ศ. .... | กค | 12/06/2550 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญ
กษาปณ์ที่ระลึกสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เฉลิมพระชนมพรรษา 75 พรรษา 12 สิงหาคม 2550 พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เฉลิมพระชนมพรรษา 75 พรรษา 12 สิงหาคม 2550 โดยกำหนดชนิด ราคา โลหะ อัตราเนื้อโลหะ น้ำหนัก ขนาด อัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด ลวดลาย และลักษณะอื่น ๆ ของเหรียญกษาปณ์ทองคำ ราคาหนึ่งหมื่นหกพันบาท สองชนิด เหรียญกษาปณ์เงิน ราคาแปดร้อยบาท สองชนิด เหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล) ราคายี่สิบบาท สองชนิด และเหรียญกษาปณ์โลหะสองสี (สีขาวและสีทอง) ราคาสิบบาท หนึ่งชนิด และให้ส่งสำนักงานคณะกรรม การกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 4014 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย จำนวน 6 ราย (1. นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ฯ) | กค | 12/06/2550 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการบรรษัท
บริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) จำนวน 6 ราย ดังนี้ นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ ประธานสมาคมธนาคารไทย เป็น กรรมการอื่นในคณะกรรมการ บสท. แทนคุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม โดยมีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (12 มิถุนายน 2550) เป็นต้นไป นายคัมภีร์ แก้วเจริญ อัยการอาวุโส สำนักงานอัยการสูงสุด เป็นกรรมการอื่น ในคณะกรรมการ บสท. แทนนายสุชาติ ไตรประสิทธิ์ ที่ขอลาออก สำหรับนายสันติ วิลาศศักดานนท์ ประธาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นายอำพน กิตติอำพน นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช และนายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการ บสท. ต่ออีกวาระหนึ่ง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 12 มิถุนายน 2550 เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||
| 4015 | การแก้ไขปัญหาหนี้สินกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร | กค | 12/06/2550 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอขอใช้จ่ายงบประมาณปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 เพื่อ
ชดเชยให้แก่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ในวงเงิน 28,891.97 ล้านบาท ประกอบด้วย ต้นเงินกู้ ค้างชำระ จำนวน 19,514.87 ล้านบาท และดอกเบี้ยชดเชยแทนเกษตรกร จำนวน 9,377.10 ล้านบาท และให้คณะ กรรมการนโยบายข้าวและคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรนำแนวทางการแก้ไขปรับปรุงการ ดำเนินโครงการรับจำนำผลผลิตการเกษตรไปใช้เป็นแนวทางในการพิจารณาโครงการเพื่อให้การช่วยเหลือเกษตรกร มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล และไม่ก่อให้เกิดภาระด้านงบประมาณแก่รัฐบาล ได้แก่ การกำหนดนโยบายการรับ จำนำผลิตผลการเกษตรให้ใกล้เคียงกับสภาพความจำเป็นทางการเกษตร การรับจำนำข้าวเปลือกควรเน้นจำนำที่ยุ้ง ฉางเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรเป็นหลัก ควบคู่ไปกับการสนับสนุนให้มีการปรับปรุงยุ้งฉาง การจัดทำโครงการ รับจำนำต้องมีแผนการตั้งแต่การรับฝาก ผลิตผลจำนำ การเก็บรักษา การระบายหรือแปรรูป โดยให้สอดคล้องกับ สภาพทางการตลาด และมีแผนการสร้างความเข้มแข็งให้แก่ตลาดกลางการเกษตร และตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า เพื่อเป็นการลดบทบาทการแทรกแซงตลาดโดยวิธีการรับจำนำ โดยให้กองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรประเมินผล การดำเนินงานแต่ละโครงการแล้วรายงานผลสำเร็จ ผลกระทบด้านต่าง ๆ ปัญหาอุปสรรค ข้อดีข้อเสียเพื่อเสนอให้ คณะรัฐมนตรีทราบด้วย ทั้งนี้ ให้รับความเห็นและข้อสังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการในส่วน ที่เกี่ยวข้องต่อไป อาทิ ข้อสังเกตของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการดำเนินโครงการรับจำนำผลผลิตการเกษตร โดย เห็นควรให้ ธ.ก.ส. ทบทวนอัตราดอกเบี้ยสำหรับโครงการรับจำนำผลผลิตการเกษตรต่างๆ ที่สิ้นสุดระยะเวลาดำเนิน การแล้ว แต่ยังคงมีหนี้ค้างชำระคืนค่าผลผลิตที่จำนำไว้ และให้ คชก. เร่งปิดบัญชีให้เสร็จสิ้นภายใน 1 ปี เมื่อโครงการ รับจำนำผลผลิตการเกษตรแต่ละโครงการดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว และควรมีระบบบริหารจัดการในการเรียกเก็บเงิน คืนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเร็วเพื่อให้ภาระหนี้ค้างจ่าย ธ.ก.ส. ลดลง ส่วนการวางแผนดำเนินโครงการแทรกแซง ราคาผลผลิตการเกษตรให้มีการศึกษาความเหมาะสมของราคารับจำนำ เนื่องจากการกำหนดราคารับจำนำที่สูงเกิน ไป อาจทำให้เกษตรกรไม่ไถ่ถอนผลผลิตในระยะเวลาที่กำหนด ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บผลผลิตและสินค้าจะ เสื่อมสภาพ ซึ่งจะทำให้มีโอกาสเกิดผลขาดทุนเพิ่มขึ้นด้วย นอกจากนี้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันบูรณาการใน การแก้ไขปัญหาให้ครอบคลุมทั้งในด้านการผลิต การตลาด และการแปรรูปผลผลิต เพื่อก่อให้เกิดประสิทธิภาพใน การแก้ไขปัญหาของเกษตรกรได้มากขึ้นและช่วยลดภาระให้รัฐบาลอีกทางหนึ่ง เป็นต้น และให้กระทรวงพาณิชย์รับ ไปประสานกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งรัดดำเนินการประเมิน ผลการดำเนินโครงการเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรโดยการแทรกแซงราคาและรับจำนำผลผลิตการเกษตรต่าง ๆ ที่ผ่าน มา รวมทั้งปัญหาอุปสรรคข้อดีข้อเสีย ผลกระทบ ตลอดจนข้อมูลข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จ แล้วนำ เสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็วเพื่อประโยชน์ในการพิจารณาดำเนินการและเผยแพร่ให้ประชาชนได้ทราบตามความเหมาะ สมต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 4016 | มาตรการให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ | กค | 12/06/2550 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้การปฏิบัติตามมาตรการให้ความช่วยเหลือ
ฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2550 ครอบ คลุมถึงการดำเนินการด้านการพัสดุของส่วนราชการในส่วนกลางที่มีหน่วยงานตั้งอยู่ในส่วนภูมิภาคในเขตพัฒนา พิเศษเฉพาะกิจด้วย ทั้งนี้ โดยให้อยู่ในอำนาจของหัวหน้าส่วนราชการนั้นหรือผู้ว่าราชการจังหวัด แล้วแต่กรณีที่จะ พิจารณาได้ตามความเหมาะสมและเป็นประโยชน์ต่อทางราชการเป็นสำคัญ
|
|||||||||||||||||||||
| 4017 | หลักเกณฑ์การจัดสรรเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ (Structural Adjustment Loan - SAL) ในส่วนที่เหลือ | กค | 12/06/2550 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอดังนี้ ให้นำเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างทาง
เศรษฐกิจในส่วนที่เหลือ จำนวน 3,384 ล้านบาท มาจัดสรรตามหลักเกณฑ์การพิจารณาดังนี้ เป็นแผนงาน/โครง การที่เร่งรัดการปรับโครงสร้างและการแก้ปัญหาของส่วนราชการที่มีความจำเป็นต้องดำเนินการให้เสร็จภายในปี งบประมาณ พ.ศ. 2551 เป็นแผนงาน/โครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงและส่งเสริมประสิทธิภาพการปฏิบัติ งาน และเป็นแผนงาน/โครงการด้านการศึกษา การวิเคราะห์วิจัย รวมทั้งการจ้างที่ปรึกษาเพื่อสนับสนุนการเสริม สร้างวิสัยทัศน์หรือกลยุทธ์ใหม่ เพื่อสนองตอบต่อสภาวะเศรษฐกิจและสังคมอย่างมีประสิทธิภาพ และให้รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงการคลัง เป็นผู้มีอำนาจอนุมัติการใช้จ่ายเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ ในส่วนที่เหลือให้ แผนงาน/โครงการต่าง ๆ ตามหลักเกณฑ์การพิจารณา และให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองโครงการ ใช้เงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจเพื่อพิจารณากลั่นกรองและจัดลำดับความสำคัญของโครงการที่จะใช้เงินกู้ ดังกล่าวเพื่อเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพิจารณาอนุมัติ พร้อมทั้งปฏิบัติงาน หรือดำเนินการอื่นใดตาม ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมาย ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังกำหนดรายละเอียดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และระยะเวลาในการดำเนินการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจนมากขึ้น โดยหลักเกณฑ์การจัดสรรควรครอบคลุมถึง แผนงาน/โครงการที่เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และให้ปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรม การพิจารณากลั่นกรองโครงการใช้เงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่จะจัดตั้งขึ้น จากเดิม (2) "รองเลขาธิ การคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือผู้แทน" เป็น "เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือผู้แทน" ด้วย
|
|||||||||||||||||||||
| 4018 | ร่างพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 05/06/2550 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับ
กรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มี สาระสำคัญคือ ปรับปรุงคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของรัฐวิสาหกิจ และ แก้ไขวิธีการนับจำนวนการดำรงตำแหน่งกรรมการของรัฐวิสาหกิจ รวมทั้งปรับปรุงวิธีการสรรหาผู้บริหารของรัฐ วิสาหกิจ และกำหนดให้พิจารณาแต่งตั้งกรรมการในรัฐวิสาหกิจที่มิใช่กรรมการโดยตำแหน่งจากบัญชีรายชื่อกรรม การไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจำนวนกรรมการอื่นของรัฐวิสาหกิจ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติ บัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 4019 | สิทธิพิเศษขององค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ (ร.ส.พ.) | กค | 05/06/2550 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอว่า สิทธิพิเศษขององค์การรับส่งสินค้าและ
พัสดุภัณฑ์ (ร.ส.พ.) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2520 วันที่ 20 กันยายน 2526 และวันที่ 27 มีนาคม 2527 ได้สิ้นสุดเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2549 แล้ว เนื่องจาก ร.ส.พ. ได้ถูกยกเลิก โดยพระราช กฤษฎีกายุบเลิกองค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ พ.ศ. 2549 ทั้งนี้ ตามมติคณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษ ของหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจ
|
|||||||||||||||||||||
| 4020 | ขอถอนร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. .... | กค | 05/06/2550 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้ถอนร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้า
ร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. .... ออกจากการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และ ให้แจ้งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทราบต่อไป |
|||||||||||||||||||||
.....
