ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 210 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 4181 - 4200 จากข้อมูลทั้งหมด 9657 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 4181 | ร่างพระราชบัญญัติการจัดการดูแลผลประโยชน์ของคู่สัญญา พ.ศ. .... | กค | 29/08/2549 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างพระราชบัญญัติการจัดการดูแล
ผลประโยชน์ของคู่สัญญา พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ ให้มีกฎหมายว่าด้วยการจัดการดูแลผลประโยชน์ของ คู่สัญญา เพื่อทำหน้าที่จัดการและดูแลการชำระหนี้ของคู่สัญญาทั้งสองฝ่าย และส่งสำนักงานคณะกรรมการ กฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยรับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะ ที่ 7 (ฝ่ายกฎหมาย ฯ) ที่เห็นควรกำหนดมาตรการคุ้มครองผู้บริโภค เพื่อไม่ให้ผู้บริโภคต้องรับภาระค่าธรรม เนียมที่สูงเกินความจำเป็น และเพิ่มบทบัญญัติว่าด้วยความรับผิดในการกระทำโดยประมาทเลินเล่อที่ทำให้คู่ สัญญาได้รับความเสียหาย รวมทั้งบทบัญญัติปลดเปลื้องความรับผิดของคู่สัญญาให้ชัดเจน นอกจากนี้ ควร กำหนดบทลงโทษในกรณีพนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าไปในสถานที่ผู้ประกอบการโดยไม่มีเงื่อนไขและขอบ เขต ด้วยมาตรการทางปกครองจะเหมาะสมหรือไม่ และการกำหนดชื่อร่างพระราชบัญญัติ ฯ ยังไม่สื่อความ หมายที่ชันเจนถึงหลักการในการคุ้มครองผู้บริโภคในการทำธุรกรรมสัญญาต่างตอบแทน ควรพิจารณาชื่อ ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวให้มีความเหมาะสมและชัดเจนยิ่งขึ้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วนำเสนอ คณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง |
|||||||||||||||||||||
| 4182 | อนุสัญญาเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนไทย - ชิลี | กค | 29/08/2549 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ เห็นชอบร่างอนุสัญญาเพื่อการเว้นการเก็บภาษี
ซ้อนไทย-ชิลี โดยร่างอนุสัญญา ฯ มีสาระสำคัญเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเงินได้ และ ป้องกันการหลีกเลี่ยงภาษีระหว่างประเทศคู่สัญญา และอนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการทางการ ทูตและตามแบบพิธีของกฎหมายภายใน เพื่อให้อนุสัญญา ฯ มีผลบังคับใช้ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 4183 | ประมาณการรายได้ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 และประมาณการรายได้ล่วงหน้า 3 ปี (เบื้องต้น) | กค | 29/08/2549 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานการจัดทำประมาณการรายได้ประจำปีงบ
ประมาณ พ.ศ. 2550 และประมาณการรายได้ล่วงหน้า 3 ปี (เบื้องต้น) โดยคำนวณจากฐานการคาดการณ์ราย ได้ปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 (เบื้องต้น) จำนวน 1,335,823 ล้านบาท ประมาณการรายได้สุทธิของรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 จำนวน 1,400,000 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการรายได้รัฐบาลสุทธิที่เสนอคณะ รัฐมนตรีเพื่อทราบเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2549 จำนวน 76,000 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.1 แต่สูงกว่าคาด การณ์ปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 (1,335,823 ล้านบาท) จำนวน 64,177 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.8 และคิด เป็นร้อยละ 16.8 ของ GDP ในส่วนของประมาณการรายได้รัฐบาลล่วงหน้า 3 ปี (เบื้องต้น) มีข้อสมมติฐานและ ผลการประมาณการ ดังนี้ ประมาณเศรษฐกิจไทยในปี พ.ศ. 2551-2553 ที่เป็น Nominal GDP ขยายตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 9.3 9.0 และ 9.0 ประมาณรายได้รัฐบาลปีงบประมาณ พ.ศ. 2551-2553 โดยคิด Revenue Buoyancy (อัตราเพิ่มของรายได้รัฐบาลต่ออัตราเพิ่มของ Nominal GDP) เท่ากับ 1.2 ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 และ 1.1 ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552-2553 ทั้งนี้ ประมาณการรายได้ปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 พ.ศ. 2552 และ พ.ศ. 2553 จะเท่ากับ 1,556,200 1,710,300 และ 1,879,600 ล้านบาท ตามลำดับ
|
|||||||||||||||||||||
| 4184 | แนวทางการผ่อนผันสำหรับรายการที่ไม่สามารถก่อหนี้ผูกพันได้ทันภายในเดือนสิงหาคม 2549 | กค | 29/08/2549 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอแนวทางการการผ่อนผันสำหรับรายการที่ไม่สามารถ
ก่อหนี้ผูกพันได้ทันภายในเดือนสิงหาคม 2549 และให้ดำเนินการต่อไป ดังนี้ เห็นชอบการผ่อนผันให้ส่วนราช การและรัฐวิสาหกิจที่ไม่สามารถก่อหนี้ผูกพันได้ทันภายหลังสิ้นเดือนสิงหาคม 2549 สามารถก่อหนี้ผูกพันได้ จนถึงสิ้นเดือนกันยายน 2549 ประกอบด้วย รายการที่อยู่ระหว่างกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง รายการที่ดำเนิน การตามมาตรการส่งเสริมการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้จ่ายงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 และการ เตรียมความพร้อมในการจัดการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 (ปรับแผน) ตามมติคณะ รัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2549 และงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อปรับกลยุทธ์และรองรับการเปลี่ยน แปลง (17,200 ล้านบาท) ทั้งนี้ หากพ้นระยะเวลาดังกล่าวแล้ว ยังไม่สามารถก่อหนี้ผูกพันได้ และจำเป็นต้อง ใช้เงินงบประมาณที่เหลือนั้นต่อไป ให้ขอกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีกรณีไม่มีหนี้ผูกพัน และเห็นชอบแนวทางการ เร่งรัดการเบิกจ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุนให้เป็นไปตามคาดการณ์ โดยหน่วยงานที่คาดว่าจะเบิกจ่ายต่ำ กว่าเป้าหมาย ให้เร่งดำเนินการเบิกจ่ายให้ถึงเป้าหมาย และหน่วยงานที่คาดว่าจะเบิกจ่ายได้ถึงเป้าหมาย หรือ เกินกว่าเป้าหมาย ให้รักษาระดับการเบิกจ่ายให้เป็นไปตามที่ได้คาดการณ์ สำหรับงบกลาง รายการค่าใช้จ่าย ในการดำเนินโครงการตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนากลุ่มจังหวัด และจังหวัด นั้น ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมอบ หมายให้คลังจังหวัดดำเนินการเร่งเบิกจ่ายให้เป็นไปตามเป้าหมาย รวมทั้งให้สำนักงบประมาณพิจารณาการ ตั้งงบประมาณรายจ่ายลงทุนของแต่ละหน่วยงานให้สอดคล้องกับความสามารถในการเบิกจ่ายในกรณีที่หน่วย งานไม่สามารถเบิกจ่ายเงินให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยมิได้มีสาเหตุเกิดจากปัญหาภายนอก โดยให้นำ อัตราการเบิกจ่ายในปีก่อน ๆ เป็นฐานในการพิจารณาจัดสรรงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||
| 4185 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดบัญชีอัตราเงินเดือนพนักงานมหาวิทยาลัยเพื่อใช้ในการคำนวณเงินสะสม เงินสมทบ เงินชดเชย และบำเหน็จบำนาญ พ.ศ. .... | กค | 22/08/2549 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดบัญชี
อัตราเงินเดือนพนักงานมหาวิทยาลัยเพื่อใช้ในการคำนวณเงินสะสม เงินสมทบ เงินชดเชย และบำเหน็จบำนาญ พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ กำหนดบัญชีอัตราเงินเดือนพนักงานมหาวิทยาลัย เพื่อใช้ในการคำนวณเงินสะสม เงินสมทบ เงินชดเชย และบำเหน็จบำนาญ เพื่อกำหนดอัตราเงินเดือนอ้างอิงของพนักงานมหาวิทยาลัย สำหรับ ใช้ในการคำนวณเงินสะสม เงินสมทบ เงินชดเชย และบำเหน็จบำนาญของพนักงานมหาวิทยาลัยซึ่งเป็นสมาชิก กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความ เห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ที่เห็นควรให้ใช้บัญชีอัตราเงินเดือนที่ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาได้ รับอยู่เดิมทั้งหมดเป็นบัญชีอัตราเงินเดือนอ้างอิงสำหรับคำนวณเงินสะสม ฯ ของพนักงานมหาวิทยาลัยที่ประสงค์ จะเป็นสมาชิก กบข. ต่อไป และเทียบอัตราเงินเดือนที่พนักงานมหาวิทยาลัยได้รับอยู่เดิมก่อนเปลี่ยนสถานภาพ เข้าสู่บัญชีอัตราเงินเดือนอ้างอิงในอัตราและอันดับที่ตรงกัน ส่วนการเลื่อนขั้นและการได้รับเงินเดือนในอันดับที่ สูงขึ้น ควรพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนตามผลการปฏิบัติงานเหมือนของข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา เป็นต้น ไปพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||
| 4186 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการสำหรับการปฏิบัติงานประจำสำนักงานในพื้นที่พิเศษ พ.ศ. .... | กค | 22/08/2549 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่า
ด้วยการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการสำหรับการปฏิบัติงานประจำสำนักงานในพื้นที่พิเศษ พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญ คือ กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการยื่นขอเบิกเงินสวัสดิการสำหรับการปฏิบัติงานประจำสำนักงานในพื้น ที่พิเศษของข้าราชการ หรือลูกจ้างประจำ รวมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการ สำหรับปฏิบัติงานประจำสำนักงานในพื้นที่พิเศษ ให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในการเบิกจ่ายตาม ระเบียบการบริหารการเงินการคลังภาครัฐด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (GFMIS) และให้ส่งคณะกรรมการตรวจ สอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 4187 | รายงานกิจการประจำปี งบดุล และบัญชีกำไรขาดทุนของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2548 | กค | 22/08/2549 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานกิจการประจำปี งบดุล และบัญชีกำไร
ขาดทุนของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2548 ซึ่งประกอบด้วย สินทรัพย์ จำนวน 54,799.17 ล้านบาท หนี้สิน จำนวน 46,682.51 ล้านบาท กำไรสุทธิ จำนวน 102.74 ล้านบาท หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จำนวน 7,938.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ. 2547 ร้อยละ 20.13 เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อรวม รวมทั้งแผนการดำเนินงานใน ปี พ.ศ. 2549 โดย ธพว. มีเป้าหมายอนุมัติสินเชื่อ จำนวน 43,600 ล้านบาท เฉลี่ยวงเงินต่อรายประมาณ 3.36 ล้านบาท หรือคิดเป็นจำนวนรายลูกค้าที่ได้รับวงเงินสินเชื่อประมาณ 13,000 ราย และประมาณการ ว่า จะมีผู้ประกอบการใหม่ที่ได้รับอนุมัติสินเชื่อ จำนวน 2,100-2,750 ราย และตั้งเป้าหมายสร้างผู้ประกอบ การใหม่ที่ได้รับอนุมัติสินเชื่อสูงสุด จำนวน 2,750 ราย จากการจัดกิจกรรมสร้างผู้ประกอบการใหม่ประมาณ 7,000 ราย เช่น การดำเนินโครงการ Mobile Unit ที่จัดให้มีรถบริการเคลื่อนที่ออกพบและให้ความรู้แก่ ประชาชนเกี่ยวกับการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน และจัดฝึกอบรมด้านการจัดทำแผนธุรกิจเพื่อให้การสนับสนุน ด้านสินเชื่อในโครงการธุรกิจต่าง ๆ นอกจากนี้ จะมีการให้บริการเสริมที่นอกเหนือจากบริการทางด้านการ เงิน เช่น การดำเนินโครงการยกระดับผู้ประกอบการโดยจัดฝึกอบรม ประชุม สัมมนา และให้บริการปรึกษา แนะนำแก่ลูกค้าของ ธพว. ในแต่ละสาขา ซึ่งคาดว่า จะทำให้ลูกค้าของ ธพว. มีการพัฒนาเพิ่มขึ้นในด้านต่าง ๆ ประมาณ 3,000-4,000 ราย และให้ส่งไปยังสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และสำนักงานเลขาธิ การวุฒิสภา เพื่อนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรชุดใหม่และวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 4188 | รายงานผลการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปี 2549 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2549 | กค | 22/08/2549 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ
ประจำปี พ.ศ. 2549 สำหรับงวดสิ้นสุด ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2549 โดยผลการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐ วิสาหกิจ ประจำปี พ.ศ. 2549 มีวงเงินงบลงทุนที่ได้รับอนุมัติให้เบิกจ่ายทั้งปีจำนวนทั้งสิ้น 329,899.71 ล้าน บาท และได้ดำเนินการให้รัฐวิสาหกิจปรับแผนการเบิกจ่ายงบลงทุนซึ่งมีรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่จำนวน 17 แห่ง มีงบลงทุนประจำปี 2549 รวม 322,226.52 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 97.67 ของงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจทั้ง หมดจะสามารถเบิกจ่ายงบลงทุน จำนวน 260,329.99 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 80.79 ของงบลงทุน ประจำปี 2549 และมียอดเงินคงเหลือที่รัฐวิสาหกิจคาดว่าจะเบิกได้จริงระหว่างเดือนสิงหาคม-ธันวาคม 2549 จำนวน 108,257.21 ล้านบาท ส่วนยอดเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ จำนวน 17 แห่ง ในเดือน กรกฎาคม 2549 มีจำนวน 18,740.32 ล้านบาท และมียอดเบิกจ่ายสะสมตั้งแต่ต้นปี จำนวน 152,072.78 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 47.19 ของงบลงทุนที่ได้รับอนุมัติ รัฐวิสาหกิจที่มีการเบิกจ่ายงบลงทุนในอัตรา ที่ต่ำกว่าร้อยละ 50 เมื่อเทียบกับแผนอยู่ จำนวน 5 แห่ง คือ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยร้อยละ 2.60 โรงงานยาสูบ ร้อยละ 2.66 บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ร้อยละ 24.30 การท่าเรือแห่ง ประเทศไทย ร้อยละ 29.93 และการรถไฟแห่งประเทศไทย ร้อยละ 31.08
|
|||||||||||||||||||||
| 4189 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. 2549) ออกตามความในพระราชบัญญัติศุลกากร พุทธศักราช 2469 ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการใช้ และการกำหนดราคาศุลกากร | กค | 22/08/2549 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. 2549)
ออกตามความในพระราชบัญญัติศุลกากร พุทธศักราช 2469 ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการใช้และ การกำหนดราคาศุลกากร โดยมีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ในกรณีที่มีเหตุอันควรสงสัย พนักงานเจ้าหน้าที่อาจ เรียกให้ผู้นำของเข้าหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการนำของเข้าจัดหาคำอธิบายเพิ่มเติม รวมทั้งเอกสารหรือหลักฐาน อย่างอื่น เพื่อตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ของข้อความ เอกสาร หรือการสำแดงดังกล่าว และในการกำหนด ราคาตามกฎกระทรวง ฯ นี้ ให้ผู้นำของเข้ามามีหน้าที่พิสูจน์ข้อเท็จจริงหรือความถูกต้องของข้อความหรือเอกสาร ใดๆ ที่ได้สำแดงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการ ต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 4190 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินตอบแทนการปฏิบัติงานนอกเวลาราชการ พ.ศ. .... | กค | 22/08/2549 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่า
ด้วยการเบิกจ่ายเงินตอบแทนการปฏิบัติงานนอกเวลาราชการ พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ กำหนดลักษณะ การปฏิบัติงานของข้าราชการที่จะสามารถเบิกจ่ายเงินตอบแทนการปฏิบัติงานนอกเวลาราชการเพิ่มเติม โดย พิจารณาตามลักษณะงานที่ปฏิบัติเป็นปกติประจำของผู้ปฏิบัติงานหรือเป็นงานที่ได้รับมอบหมาย รวมทั้งปรับ ปรุงหลักเกณฑ์และปรับเพิ่มอัตราการเบิกจ่ายเงินตอบแทนดังกล่าวให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ตลอดจนยกเลิกเอกสาร ประกอบการเบิกจ่ายเงิน และกำหนดให้หัวหน้าส่วนราชการใช้ดุลพินิจในการกำหนดเอกสารเพื่อประกอบการ เบิกจ่ายเงินสำหรับใช้เป็นหลักฐานให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบได้เอง และให้ส่งคณะกรรมการ ตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ และให้ กระทรวงการคลังนำร่างระเบียบ ฯ เสนอคณะรัฐมนตรีก่อนดำเนินการตามนัย ม. 21(2) แห่งพระราชบัญญัติ วิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2548
|
|||||||||||||||||||||
| 4191 | รายงานผลการตรวจสอบรายงานการรับ - จ่ายเงินของกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร และเงินกองทุนหมุนเวียนสำหรับอุดหนุนเกษตรกรในการหาปัจจัยการผลิตตามโครงการความช่วยเหลือเพื่อเพิ่มผลผลิตทางอาหารจากรัฐบาลญี่ปุ่น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 | กค | 22/08/2549 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการตรวจสอบรายงานการรับ-จ่ายเงิน
ของกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรและเงินกองทุนหมุนเวียนสำหรับอุดหนุนเกษตรกรในการหาปัจจัยการผลิตตาม โครงการความช่วยเหลือเพื่อเพิ่มผลผลิตทางอาหารจากรัฐบาลญี่ปุ่น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ที่สำนัก งานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว โดยกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรมีงบแสดงฐานะการเงินสินทรัพย์สุทธิ /ส่วนทุน ณ วันที่ 30 กันยายน 2547 จำนวน 7,339,194,360.81 บาท ส่วนกองทุนหมุนเวียนสำหรับอุด หนุนเกษตรกรในการหาปัจจัยการผลิตตามโครงการความช่วยเหลือเพื่อเพิ่มผลผลิตทางอาหารจากรัฐบาลญี่ปุ่น มีงบแสดงฐานะการเงินสินทรัพย์สุทธิ/ส่วนทุน ณ วันที่ 30 กันยายน 2547 จำนวน 2,636,611,867.94 บาท สำหรับข้อสังเกตของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ที่ให้เร่งรัดหน่วยงานที่ค้างชำระหนี้ตามแผนการชำระหนี้ที่ ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกรให้ชำระหนี้โดยเร็วเพื่อให้กองทุน ฯ มีเงินทุนหมุนเวียนในการ ดำเนินการต่อไป รวมทั้งให้เร่งรัดองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ดำเนินการส่งคืนกองทุน ฯ โดยเร็ว นั้น กระทรวงการคลังได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินของกองทุน ฯ โดยจัดทำกระบวนการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งใน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ส่วนราชการขอทำบันทึกยินยอมเข้าสู่กระบวนการปรับโครงสร้างหนี้ของกองทุน ฯ รวม 18 โครงการ วงเงิน 645.24 ล้านบาท สามารถดำเนินการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ได้ตามแผนที่กำหนด ณ วันที่ 30 กันยายน 2548 จำนวน 7 โครงการ วงเงิน 272.54 ล้านบาท ต้องปรับปรุงข้อมูล จำนวน 7 โครง การ วงเงิน 30.65 ล้านบาท และล่าช้ากว่าแผนที่กำหนด จำนวน 4 โครงการ วงเงิน 342.05 ล้านบาท และใน ส่วนของการติดตามและเร่งรัดหน่วยงานที่ค้างชำระหนี้เพื่อคืนกองทุน ฯ คณะกรรมการ ฯ ได้ดำเนินการติดตาม และเร่งรัดหน่วยงานที่ค้างชำระหนี้เพื่อคืนกองทุน ฯ โดยตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2548-30 เมษายน 2549 รวม เป็นเงิน 673.00 ล้านบาท ส่วนการเร่งรัดให้ อ.ต.ก. ส่งเงินจากการจำหน่ายโภคภัณฑ์ค้างนำส่งคืนกองทุน ฯ โดยคณะกรรมการ ฯ มีมติให้ อ.ต.ก. ส่งเงินค่าปุ๋ยคืนกองทุน ฯ จำนวน 629.01 ล้านบาท และอนุมัติให้ อ.ต.ก. มอบเครื่องจักรกลการเกษตร อุปกรณ์เครื่องสีข้าว ตามโครงการความช่วยเหลือเพื่อเพิ่มผลผลิตทางอาหารจาก รัฐบาลญี่ปุ่นให้หน่วยงานต่าง ๆ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ทางการศึกษา จำนวน 37.72 ล้านบาท ทั้งนี้ ให้ส่งเรื่อง ไปยังสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเพื่อนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรและ วุฒิสภาชุดใหม่ทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 4192 | ขออนุญาตให้ข้าราชการลาไปปฏิบัติงานในองค์การระหว่างประเทศ (นางสาวสุทธาภา อมรวิวัฒน์) | กค | 22/08/2549 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอขอยกเว้นคุณสมบัติตามความในข้อ 37 (1)
วรรคแรกที่กำหนดให้ข้าราชการที่ไปปฏิบัติงานนอกเหนือจากประเภทที่ 1 ระหว่างประเทศต้องเป็นข้าราช การประจำตลอดมาเป็นระยะเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าห้าปี ก่อนถึงวันที่ได้รับอนุญาตให้ไปปฏิบัติงาน เว้น แต่ผู้ที่ไปปฏิบัติงานในองค์การสหประชาชาติกำหนดเวลาห้าปี ให้ลดเป็นสองปี ของระเบียบว่าด้วยการลา ของข้าราชการ พ.ศ. 2535 โดยไม่ให้นับระยะเวลาระหว่างนั้นเหมือนเต็มเวลาราชการ และให้นำระเบียบว่า ด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. 2535 มาใช้บังคับโดยอนุโลม กับให้สำนักงาน ก.พ. รับไปพิจารณาแก้ไข พระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์การสั่งให้ข้าราชการไปทำการซึ่งให้นับเวลาระหว่างนั้นเหมือนเต็มเวลา ราชการ พ.ศ. 2530 และระเบียบว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. 2535 ให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดอนุมัติให้ข้า ราชการไปปฏิบัติงานในองค์การระหว่างประเทศได้ เพื่อให้เกิดความคล่องตัว และเหมาะสมกับสภาวการณ์ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2543 เรื่อง ขออนุญาตให้ข้าราชการลาไปปฏิบัติงานในองค์ การระหว่างประเทศ และวันที่ 8 มีนาคม 2548 เรื่อง ขอยกเว้นคุณสมบัติของข้าราชการที่ไปปฏิบัติงานใน องค์การระหว่างประเทศ |
|||||||||||||||||||||
| 4193 | ขออนุมัติขายอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาลไทยในต่างประเทศ | กค | 15/08/2549 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 5 (ฝ่ายการ
ต่างประเทศ การศึกษา การศาสนาและวัฒนธรรม) ที่มีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอการขายที่ดินและ อาคารที่ทำการสถานเอกอัครราชทูต เลขที่ 840 ณ กรุงพริทอเรีย ประเทศแอฟริกาใต้ กับที่ดินอาคารสำนัก งานผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารอากาศไทย เลขที่ 5600 ประจำสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐ อเมริกา โดยให้กำหนดราคาขายขั้นต่ำที่ 3,800,000 แรนด์ และ 1,125,000 ดอลลาร์สหรัฐ ตามลำดับ กรณี ที่ไม่สามารถหาผู้ซื้อในราคาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ให้อยู่ในดุลยพินิจของส่วนราชการผู้ครอบครองใช้ประโยชน์ ในการดำเนินการขายที่ดินและอาคารในราคาที่ต่ำกว่าที่คณะรัฐมนตรีกำหนดได้ไม่เกินร้อยละ 10
|
|||||||||||||||||||||
| 4194 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2549 ครั้งที่ 4 | กค | 15/08/2549 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายและกำกับการ
บริหารหนี้สาธารณะ เสนอดังนี้ รับทราบรายงานเงินกู้ระยะสั้นเพื่อเสริมสภาพคล่องในรูป Credit Line และ การ Roll-over เงินกู้ผ่อนปรนจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และเงินกู้เพื่อดำเนินงานตามโครงการ เฉพาะกิจตามนโยบายของรัฐบาล และการปรับแผนการจัดหาเงินกู้ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) สำหรับเครื่องบิน โบอิ้ง 777-200 ER จำนวน 3 ลำ วงเงินรวม 337.08 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเลื่อนการกู้ เงินไปดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 รวมทั้งอนุมัติการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 ครั้งที่ 4 ประกอบด้วย แผนการบริหารและจัดการเงินกู้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจ จากวงเงินเดิม 176,870.84 ล้านบาท ปรับเป็น 134,059.11 ล้านบาท และแผนการกู้เงินตามแผนการก่อ หนี้จากต่างประเทศ จากวงเงินเดิม 747.38 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเทียบเท่า 29,300.63 ล้านบาท ปรับ เป็น 328.46 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเทียบเท่า 12,877.15 ล้านบาท และการกู้เงินในประเทศของรัฐวิสาห กิจ และให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการรกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้ เงิน และหรือการค้ำประกันเงินกู้ภายใต้แผนที่ปรับปรุงแล้วในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น
|
|||||||||||||||||||||
| 4195 | ท่าทีไทยสำหรับการประชุมคณะมนตรีเขตการค้าเสรีอาเซียน ครั้งที่ 20 | กค | 15/08/2549 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอมติของคณะกรรมการดำเนินการเขตการค้า
เสรีอาเซียน ครั้งที่ 1/2549 วันที่ 2 สิงหาคม 2549 ที่ประชุมได้มีมติเป็น 5 ประเด็นสำคัญ ดังนี้ (1) เห็นควร ให้ชะลอการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีภายใต้ภายใต้ AFTA แก่สินค้ายานยนต์ของมาเลเซีย จนกว่ามาเลเซียจะ ยกเลิกการใช้มาตรการกีดกันทางการค้าที่มิใช่ภาษีในสินค้าดังกล่าวตามนโยบายยานยนต์แห่งชาติ โดยเฉพาะ การออกใบอนุญาตนำเข้าสินค้ายานยนต์ (Approved Permit) (2) เห็นชอบแผนการยกเลิกมาตรการกีดกัน ทางการค้าที่มิใช่ภาษี (3) ความคืบหน้าการโอนย้ายน้ำตาลสู่บัญชีสินค้าอ่อนไหวสูง (Highly Sensitive List : HSL) เห็นชอบให้เน้นย้ำท่าทีเดิมที่ให้อินโดนีเซียชดเชยค่าเสียหายให้แก่ไทยในระดับหนึ่งโดยอาจผลักดันเรื่อง การขยายเวลาสัมปทานการทำประมง เนื่องจากจะเป็นประโยชน์ต่อภาคอุตสาหกรรมของไทยโดยรวมมากกว่า การลดภาษีสินค้าทุเรียนและลำไย (4) การทบทวนรายการสินค้าในบัญชียกเว้นทั่วไป (General Exception List : GE List) เห็นควรสนับสนุนให้ประเทศสมาชิกอาเซียนนำสินค้าเครื่องดื่มแอลกอฮอร์และยาสูบไว้ใน GE List (5) การให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรแก่ประเทศสมาชิกอาเซียนสำหรับปี 2550 คณะกรรมการ ฯ ได้ พิจารณาให้สิทธิ AISP แก่ประเทศกัมพูชา รวม 383 รายการ ลาว รวม 301 รายการ และพม่า รวม 855 ราย การ นอกจากนี้ ได้มีมติให้ขยายเวลาการให้สิทธิ AISP แก่ลาว และพม่า จากหลักเกณฑ์เดิม ที่ได้กำหนดระยะ เวลาให้สิทธิ AISP แก่ลาวและพม่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2545 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2550 เป็น จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2552 และออกประกาศ AISP ต่อเนื่องไปตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2550 จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2552 สำหรับทั้ง 3 ประเทศ และให้กระทรวงการคลังนำไปใช้เป็นท่าทีไทยในการเจรจากับประเทศสมาชิก อาเซียนและในการประชุม AFTA Council ครั้งที่ 20 ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 4196 | ขอรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องส่วนต่างของยอดคงค้างตั๋วสัญญาใช้เงินคลังประเภทจ่ายเมื่อทวงถามและไม่มีดอกเบี้ยที่ประเทศไทยออกให้แก่ธนาคารโลก | กค | 08/08/2549 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องส่วนต่าง
ของยอดคงค้างตั๋วสัญญาใช้เงินคลังประเภทจ่ายเมื่อทวงถามและไม่มีดอกเบี้ย ที่ประเทศไทยออกให้แก่ธนาคาร โลก ของคณะทำงานเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ฯ พบหลักฐานในอดีตดังนี้ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2521 ถึงปัจจุบัน มีการ ออกตั๋วสัญญาใช้เงินยอดรวมของมูลค่าตั๋วสัญญาใช้เงินคลัง ฯ มียอดรวมทั้งสิ้น 1,104,669,192.89 บาท โดย มีการหักลดยอดตั๋วสัญญาใช้เงินไปแล้วจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งสิ้น 980,500,000 บาท และมียอดคงเหลือตั๋ว สัญญาใช้เงินซึ่งยังไม่ได้ไถ่ถอน 1 ฉบับ เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 124,169,192.89 บาท ณ วันที่ 28 มีนาคม 2549 ตรงกับยอดคงเหลือตั๋วสัญญาใช้เงินคลัง ฯ ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยรับฝากไว้ ในขณะที่ยอดรวมของ การจัดสรรงบประมาณ บัญชีค่าบำรุงองค์การทุนระหว่างประเทศธนาคารโลก (912) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2533 ถึง ปัจจุบันมีการรับโอนจากสำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง และการขอจัดสรรงบประมาณ งบกลาง และรับโอน จากบัญชีเงินฝากค่าหุ้นบรรษัทเงินทุนระหว่างประเทศ มียอดรวมทั้งสิ้น 1,124,749,040.32 บาท มีราย จ่ายจำนวนทั้งสิ้น 1,000,579,846.84 บาท และมียอดคงเหลือทั้งสิ้น ณ วันที่ 28 มีนาคม 2549 จำนวน 124,169,193.48 บาท ซึ่งเป็นยอดเงินคงเหลือที่ต่างกับยอดเงินคงเหลือของตั๋วสัญญาใช้เงิน จำนวน 0.59 บาท เมื่อเปรียบเทียบการออกตั๋วสัญญาใช้เงินคลัง ฯ และการจัดสรรงบประมาณ พบว่า การขอตั้งงบประมาณ ไม่ตรงกับจำนวนเงินหน้าตั๋วสัญญาใช้เงินคลัง ฯ และมีการทยอยตั้งงบประมาณ ตามที่ธนาคารโลกขอเบิกหรือ จำเป็นจะต้องใช้ในแต่ละปี ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของปัญหาส่วนต่างที่เกิดขึ้นของตั๋วสัญญาใช้เงินคลัง ฯ และยอด เงินที่ไม่ตรงกันกับบัญชีเงินคงคลัง ทั้งนี้ ในส่วนของตั๋วสัญญาใช้เงินคลังที่ยังไม่ได้ไถ่ถอนดังกล่าว และในส่วน ของบัญชีเงินคงคลัง กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ได้ดำเนินการของบประมาณจากงบ กลาง ปี พ.ศ. 2549 ครบตามจำนวนที่ยังไม่ได้ไถ่ถอนและฝากไว้ในบัญชีเงินคงคลังแล้ว ส่วนแนวทางการออก ตั๋วสัญญาใช้เงินคลังฯ ในอนาคต กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลังจะเป็นผู้ประสานงานหลัก ในการตรวจสอบความถูกต้องในการดำเนินการออกตั๋วสัญญาใช้เงินคลัง ฯ และการขออนุมัติงบประมาณเต็ม ตามจำนวนเงินหน้าตั๋วสัญญาใช้เงินคลังฯ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดกรณีปัญหาส่วนต่างเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีต
|
|||||||||||||||||||||
| 4197 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์ ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (นายสมชัย ฤชุพันธุ์) | กค | 08/08/2549 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้งนายสมชัย ฤชุพันธุ์ เป็นกรรมการผู้ทรง
คุณวุฒิในคณะกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ต่อไป อีกวาระหนึ่ง โดยให้การแต่งตั้งมีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (4 สิงหาคม 2549) เป็นต้นไป ทั้งนี้ ตาม มาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548 |
|||||||||||||||||||||
| 4198 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินเดือน เงินปี เงินประจำตำแหน่ง เงินเพิ่ม และเงินอื่นในลักษณะเดียวกัน พ.ศ. .... | กค | 08/08/2549 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่า
ด้วยการเบิกจ่ายเงินเดือน เงินปี เงินประจำตำแหน่ง เงินเพิ่ม และเงินอื่นในลักษณะเดียวกัน พ.ศ. .... โดยมีสาระ สำคัญคือ ปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในการเบิกและการจ่ายเงินเดือน เงินปี เงินประจำตำแหน่งเงินเพิ่ม และเงินอื่นในลักษณะเดียวกัน โดยกำหนดให้รวมอยู่ในหมวดหมู่เดียวกัน และสอดคล้องกับหลักเกณฑ์และวิธี ปฏิบัติในการเบิกจ่ายเงินตามระบบการบริหารการเงินการคลังภาครัฐด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (GFMIS) และ โครงการจ่ายเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้มีสิทธิรายบุคคลโดยตรง (โครงการจ่ายตรง) เพื่อให้เกิดความ คล่องตัว สะดวก รวดเร็ว ทันสมัย ส่งผลให้การเบิกจ่ายเงินมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น และให้ส่งคณะ กรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา ในการนี้คณะเจรจาข้อ ตกลงและการประเมินการพัฒนากฎหมายของส่วนราชการ คณะที่ 1 พิจารณาแล้วเห็นว่า ร่างระเบียบที่เสนอ เป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินเสียใหม่ โดยนำกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ มากำหนดเสียใหม่ให้เป็นหมวดหมู่อยู่ภายใต้ระเบียบฉบับเดียว เพื่อลดขั้นตอนและระยะเวลาในการปฏิบัติงาน ของเจ้าหน้าที่ ทำให้เกิดความคล่องตัว สะดวก รวดเร็ว ทันสมัย ส่งผลให้การเบิกจ่ายเงินมีประสิทธิภาพและ ประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น และสอดคล้องตามกรอบนโยบายการพัฒนากฎหมาย และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 4199 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ประจำปี 2548 | กค | 08/08/2549 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์ข้อมูลอสังหา
ริมทรัพย์ประจำปี พ.ศ. 2548 โดยศูนย์ข้อมูลฯ ได้ดำเนินการรวบรวมและพัฒนาข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ตลอดจน ข้อมูลประกอบด้านอื่น ๆ อาทิ การจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ มีข้อมูลที่สามารถดำเนินการจัด เก็บเสร็จสิ้นในปี พ.ศ. 2548 ได้แก่ ที่อยู่อาศัย ได้จัดเก็บข้อมูลในพื้นที่กรุงเทพ ฯ ปริมณฑล และ 11 จังหวัดยุทธ ศาสตร์ในภูมิภาค เผยแพร่ในรูปแบบของดัชนีอสังหาริมทรัพย์ 4 ด้าน ประกอบด้วย (1) ดัชนีด้านอุปสงค์ (ค่า ธรรมเนียมซื้อขายทั่วประเทศ) ดัชนีด้านอุปทาน (ใบอนุญาตจัดสรรที่ดิน ใบอนุญาตก่อสร้าง ที่อยู่อาศัยสร้าง เสร็จ) ดัชนีด้านการตลาด (ราคาที่อยู่อาศัย) และดัชนีด้านการเงิน (สินเชื่อที่อยู่อาศัย หุ้นกู้อสังหาริมทรัพย์) และ (2) อาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า โรงแรม-รีสอร์ท และนิคมอุตสาหกรรม จัดเก็บข้อมูลในพื้นที่กรุงเทพ ฯ ปริมณฑล และ 11 จังหวัดยุทธศาสตร์ในภูมิภาค ประกอบด้วย ข้อมูลด้านอุปทานและด้านการเงิน สำหรับข้อ มูลด้านอุปสงค์และการตลาดจะจัดเก็บในปี พ.ศ. 2549 ส่วนการพัฒนาระบบคลังข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ศูนย์ข้อ มูล ฯ ได้ใช้ฐานข้อมูลที่จัดเก็บและรวบรวมนำมาสร้างความสัมพันธ์และเงื่อนไขตามที่กำหนดขึ้น ซึ่งสามารถจัดทำ เป็นรายงานในรูปแบบต่าง ๆ ได้ และพัฒนาให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถสร้างรายได้ให้ศูนย์ข้อมูล ฯ ในอนาคต และการพัฒนาระบบเครือข่ายเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานภาครัฐโดยได้อบรมและติดตั้งโปรแกรมให้กับเทศบาล และองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) จำนวน 311 แห่ง ใน 5 จังหวัดปริมณฑล และจะดำเนินการอบรมและติด ตั้งโปรแกรมให้กับเทศบาลและ อบต. อีก 1,457 แห่ง ใน 11 จังหวัดยุทธศาสตร์ รวมทั้งการเชื่อมโยงข้อมูลกับ กรมที่ดินและกรมธนารักษ์เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็น Digital File เข้าระบบคอมพิวเตอร์ของศูนย์ข้อมูล ฯ เพื่อลดเวลา และค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บข้อมูลในระยะยาว และเชื่อมโยงข้อมูลสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS) ของหน่วยงานภาค รัฐ โดยการจ้างสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สวทช.) เพื่อศึกษาแนวทางการจัดทำระบบ GIS ระหว่างเทศบาลเมืองป่าตองกับศูนย์ข้อมูล ฯ โดยกำหนดแนวทางพัฒนาระบบดังกล่าวของเทศบาลเมืองป่าตอง ให้สามารถให้บริการข้อมูลผ่านอินทราเน็ต/อินเตอร์เน็ต ให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้สามารถเรียกใช้ข้อมูลได้ นอกจากนี้ ศูนย์ข้อมูล ฯ ได้ว่าจ้างสถาบันการศึกษาและบริษัทเอกชนที่มีชื่อเสียง อาทิ สถาบันวิจัยและให้คำ ปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ดำเนินโครงการจัดทำดัชนีศักยภาพการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยในประเทศ ไทย และโครงการศึกษาการแบ่งระดับนักประเมินราคาในประเทศไทย และคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬา ลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดำเนินโครงการวิจัยความเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์โครงการอาคารขนาดใหญ่ที่ยุติก่อ สร้างระหว่างปี พ.ศ. 2546-พ.ศ. 2548 เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||
| 4200 | ขออนุมัติดำเนินโครงการพัฒนาถนนสาย 67 (อันลองเวง - เสียมราฐ) ประเทศกัมพูชา | กค | 08/08/2549 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับ
ประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) (สพพ.) จัดหาเงินกู้จากธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศ ไทย (ธสน.) เพื่อให้กู้แก่ประเทศกัมพูชาเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการพัฒนาถนนสาย 67 (อันลอง เวง-เสียมราฐ) ระยะทาง 131 กิโลเมตร วงเงิน 1,300 ล้านบาท โดย ธสน. เป็นผู้ลงนามในสัญญากู้เงินกับ ประเทศกัมพูชาในฐานะผู้ให้กู้ (Lender) และ สพพ. ร่วมลงนามในสัญญากู้เงินกับประเทศกัมพูชาในฐานะตัว แทนผู้ให้กู้ (Lender''s Agent) กับให้สำนักงบประมาณจัดสรรเงินงบประมาณให้แก่ สพพ. เป็นค่าดอกเบี้ยใน ส่วนเกินกว่าร้อยละ 1.5 ต่อปี และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่กล่าวข้างต้น ตลอดอายุสัญญากู้เงิน 30 ปี และในกรณีที่ ประเทศกัมพูชาผิดนัดชำระหนี้ให้สำนักงบประมาณจัดสรรเงินงบประมาณให้กับ สพพ. ตามจำนวนเงินที่ผิดนัด ชำระหนี้เพื่อชำระให้แก่ ธสน. ไปก่อน และเมื่อ สพพ. เรียกเก็บหนี้ดังกล่าวได้ก็ให้นำส่งเงินคืนคลังต่อไป ทั้งนี้ ให้ ธสน. ได้รับการชดเชยจากรัฐบาลตามมาตรา 23 ของพระราชบัญญัติธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้า แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2536 ในกรณีที่เกิดความเสียหายเนื่องจากการให้กู้ในโครงการดังกล่าว สำหรับส่วน ต่างของดอกเบี้ยสำหรับการให้กู้ในโครงการนี้ ให้คำนวณจากต้นทุนทางการเงิน (cost of funds) ของ ธสน. รวมกับส่วนเพิ่มอีกร้อยละ 0.75 ต่อปี และหักด้วยดอกเบี้ยที่ ธสน. ได้รับจากรัฐบาลกัมพูชา ตามสัญญาเงินกู้ |
|||||||||||||||||||||
.....
