คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของ
เหรียญกษาปณ์ที่ระลึก  50  ปี เทคนิคการแพทย์ไทย  พ.ศ. ....  มีสาระสำคัญคือ  จัดทำเหรียญกษาปณ์โลหะ
สองสี (สีขาวและสีทอง) ราคาสิบบาท หนึ่งชนิด ออกใช้เพื่อเป็นที่ระลึกเนื่องในโอกาสครบ 50 ปี เทคนิคการ
แพทย์ไทย ในวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2550  และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้ว
ดำเนินการต่อไปได้

             คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอดังนี้ รับทราบผลการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ
ขนาดใหญ่  จำนวน  17  แห่ง  ประจำปี พ.ศ. 2550  สำหรับงวดสิ้นสุดวันที่  31  มีนาคม  2550  ประกอบด้วย 
รัฐวิสาหกิจที่ใช้ปีงบประมาณ จำนวน 11 แห่ง ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2550  การเบิกจ่ายงบลงทุนสะสมตั้งแต่วัน
ที่ 1 ตุลาคม 2549-31 มีนาคม 2550  มีแผนการเบิกจ่ายสะสม 88,154.31 ล้านบาท  สามารถเบิกจ่ายจริงได้
ทั้งสิ้น 49,072.98 ล้านบาท ต่ำกว่าแผนการเบิกจ่ายงบลงทุน 39,081.33 ล้านบาท และรัฐวิสาหกิจที่ใช้ปฏิทิน
จำนวน 6 แห่ง  มียอดเบิกจ่ายงบลงทุนสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2550-31 มีนาคม 2550  สามารถเบิกจ่าย
จริงได้ทั้งสิ้น 15,045.16 ล้านบาท  ต่ำกว่าแผนที่ประมาณการไว้  7,462.02  ล้านบาท  ทั้งนี้  ในปีงบประมาณ
พ.ศ. 2550 รัฐวิสาหกิจที่เบิกจ่ายได้ต่ำกว่าแผนเป็นจำนวนมาก  ได้แก่  การทางพิเศษแห่งประเทศไทย การรถไฟ
แห่งประเทศไทย  บริษัท ปตท จำกัด (มหาชน)  และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย  และเห็นชอบให้
พิจารณาเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้ง นางเสาวนีย์ กมลบุตร ดำรง
ตำแหน่งที่ปรึกษาด้านประสิทธิภาพ  (เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน 10 ชช.)  กรมสรรพากร  ตั้งแต่วันที่ 2
มีนาคม 2550 และนายโสภณ รุ่งเรืองผล ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (เจ้าหน้าที่วิเคราะห์
นโยบายและแผน 10 ชช.) กรมธนารักษ์ ตั้งแต่วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2550

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการก่อสร้าง ดังนี้
กรณีสัญญาจ้างก่อสร้างของทางราชการที่ได้ลงนามไว้แล้วและยังมีนิติสัมพันธ์อยู่และมีเงื่อนไขการหักเงินประกันผล
งาน ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐพิจารณาแก้ไขสัญญาในเรื่องของการหักเงินประกันผลงาน
โดยใช้หนังสือค้ำประกันธนาคารแทนการหักเงินประกันผลงาน และกำหนดให้ส่วนราชการ  รัฐวิสาหกิจ  และหน่วย
งานอื่นของรัฐพิจารณาขยายอายุสัญญาสำหรับงานก่อสร้างที่ได้มีการลงนามในสัญญา และยังมีผลผูกพันอยู่ซึ่งเป็น
สัญญาจ้างที่ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการและยังไม่มีการตรวจรับงานในงวดสุดท้ายในช่วงที่เกิดอุทกภัยโดยให้ขยาย
ออกไปอีก  180  วัน  เฉพาะในเขตจังหวัดที่มีการประกาศพื้นที่ที่ประสบพิบัติกรณีฉุกเฉิน เป็นกรณีพิเศษนอกเหนือ
จากเกณฑ์ปกติตามระเบียบของหน่วยงาน โดยให้ผู้ประกอบการยื่นคำร้องขอรับการช่วยเหลือต่อหน่วยงานคู่สัญญา
ภายใน  90  วัน นับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ  รวมทั้งให้ความช่วยเหลือในการฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจจังหวัดชาย
แดนภาคใต้   ซึ่งได้แก่   ผู้ประกอบการก่อสร้างที่ได้รับความเดือดร้อนจากความไม่สงบ ในกรณีที่สัญญาจ้างก่อสร้าง
กำหนดระยะเวลาการประกันความชำรุดบกพร่องของงานจ้าง  2  ปี  ให้คืนหลักประกันให้แก่ผู้รับจ้าง เมื่อระยะเวลา
การประกันความชำรุดบกพร่องครบ 1 ปี  และไม่ปรากฏความชำรุดบกพร่องแก่งานจ้าง  ส่วนระยะเวลาที่เหลืออีก 1
ปี ยังคงถือว่าเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้รับจ้างตามสัญญา โดยไม่มีหลักประกัน   ทั้งนี้  มาตรการให้ความช่วย
เหลือผู้ประกอบการก่อสร้างที่ได้รับความเดือดร้อนจากความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ นั้น ให้ใช้มาตรการดัง
กล่าวครอบคลุมพื้นที่พัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ [จังหวัดยะลา จังหวัดปัตตานี จังหวัดนราธิวาส  จังหวัดสตูล  และจังหวัด
สงขลา (อำเภอจะนะ อำเภอเทพา อำเภอนาทวี และอำเภอสะบ้าย้อย)] จนกว่าสถานการณ์จะกลับคืนสู่สภาวะปกติ
ตามประกาศของทางราชการ

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอการอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินของสถาบันการเงิน
เฉพาะกิจ 3 แห่ง  รวมทั้งสิ้นจำนวน 3,128 ล้านบาท  ได้แก่  ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศ
ไทย (ธสน.) วงเงิน 1,058 ล้านบาท ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) วงเงิน 1,800
ล้านบาท  และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) วงเงิน  270  ล้าน
บาท

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่า
ด้วยการยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินโครงการลงทุนพิเศษของรัฐเพื่อการพัฒนาประเทศ
พ.ศ. 2549 พ.ศ. ....  มีสาระสำคัญคือ ยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินโครงการลงทุนพิเศษ
ของรัฐเพื่อการพัฒนาประเทศ  พ.ศ. 2549  ให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ปัจจุบัน  เพื่อไม่ให้เกิดความลักลั่นในการ
ดำเนินโครงการลงทุนของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจต่าง  ๆ  ซึ่งมีกฎหมายและระเบียบกำหนดวิธีปฏิบัติไว้อย่าง
ชัดเจนแล้ว  และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้    และมอบให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติประสานกับ
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาความเหมาะสมและความจำเป็นในการดำเนินโครงการลงทุนพิเศษของรัฐที่เหลืออยู่
จำนวน  30  โครงการ แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทบทวนมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป  และโดยที่ยังไม่ชัด
เจน  ว่าโครงการที่เหลืออยู่นั้นส่วนราชการเจ้าของโครงการได้ดำเนินการตามระเบียบไปแล้วหรือไม่ เพียงใด  และ
จะเกิดผลกระทบต่อการดำเนินโครงการดังกล่าวต่อไปข้างหน้าหรือไม่  อย่างไร  ดังนั้น  เพื่อป้องกันปัญหาในทาง
ปฏิบัติที่อาจเกิดขึ้นตามมา จึงให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณาประเด็น
ดังกล่าว หากเห็นว่าอาจมีปัญหาในการดำเนินการต่อไปให้เสนอแนวทางแก้ไขปัญหาให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาสั่ง
การโดยเร็ว

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างระเบียบการเบิกจ่ายเงินจากคลัง
การเก็บรักษาเงินและการนำเงินส่งคลัง พ.ศ. ....  มีสาระสำคัญคือ  ยกเลิกระเบียบเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินจากคลัง
การเก็บรักษาเงินและการนำเงินส่งคลังที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน รวม 5 ฉบับ  และกำหนดระเบียบวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับ
การเบิกเงินจากคลัง การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน  ตลอดจนการนำเงินส่งคลังขึ้นใหม่ เพื่อรองรับการ
ปฏิบัติงานของหน่วยงานต่าง ๆ ในระบบการบริหารงานการเงินการคลังภาครัฐด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (GFMIS)
ให้เป็นไปโดยถูกต้อง   และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจ
พิจารณา  ทั้งนี้  ให้รับข้อสังเกตของสำนักงบประมาณที่เห็นควรกำหนดข้อยกเว้นหลักการให้หน่วยงานผู้เบิกจะต้อง
ปฏิบัติงานด้วยวิธีการส่งข้อมูลเข้าระบบเทอร์มินอลหรือระบบอิเล็กทรอนิกส์  กรณีระบบเกิดขัดข้องไว้ด้วย   โดยให้
หน่วยงานผู้เบิกสามารถใช้สำเนากระดาษที่จัดพิมพ์ไว้แล้วเป็นหลักฐานอ้างอิงแทนเอกสารอิเล็กทรอนิกส์    รวมทั้ง
กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ให้ร่างระเบียบ ฯ  ให้สอดคล้องตามบทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยว
ข้อง   และข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่เห็นควรกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ใน
ร่างระเบียบ ฯ ให้สอดคล้องกับพระราชกฤษฎีกาหลักเกณฑ์และวิธีการในการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ภาครัฐ
พ.ศ. 2549 ที่ได้มีการประกาศใช้บังคับเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2550  ไปประกอบการพิจารณาด้วย  แล้วดำเนินการ
ต่อไปได้

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์
การสั่งให้ข้าราชการไปทำการซึ่งให้นับเวลาระหว่างนั้นเหมือนเต็มเวลาราชการ พ.ศ. .... โดยได้ปรับปรุงแก้ไขตาม
มติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 1  อาทิ  เพิ่มเติมร่างมาตรา  5  เพื่อกำหนดตำแหน่ง
รองรับในกรณีที่ข้าราชการซึ่งถูกสั่งให้ไปทำการใดๆ กลับมาปฏิบัติงานก่อนระยะเวลาที่สั่งให้ไปสิ้นสุดลง รวมทั้ง
เพิ่มเติมร่างมาตรา 6 เพื่อกำหนดมาตรการดำเนินการกรณีข้าราชการขัดขืนคำสั่ง โดยไม่กลับเข้ารับราชการตาม
กำหนดเวลา   และขยายกรอบลักษณะของหน่วยงานที่มิใช่องค์การระหว่างประเทศ  ตามร่างมาตรา  8  ให้ครอบ
คลุมถึงสำนักงานเลขาธิการ หรือสถาบันภายในกรอบความร่วมมือด้านพหุภาคี  และองค์การเอกชนต่างประเทศ
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศกำหนด  เป็นต้น  และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้ว
ดำเนินการต่อไปได้

            คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอดังนี้ เห็นชอบให้ยุติการให้กู้ยืมเงินเพื่อการศึกษาที่ผูก
กับรายได้ในอนาคต (กรอ.) ในปีการศึกษา 2550 และให้ดำเนินการยุบเลิก กรอ. และกองทุนเงินให้เปล่า และ
เห็นชอบมาตรการให้ความช่วยเหลือสำหรับผู้กู้ กรอ. ดังนี้ ผู้กู้ยืม กรอ. ที่มีคุณสมบัติการกู้ยืมตามประกาศคณะ
กรรมการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เรื่อง  หลักเกณฑ์เกี่ยวกับการเป็นผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์และ
คุณสมบัติผู้กู้ยืมเงิน  ให้สามารถกู้ยืมแบบ กยศ. ได้  โดยให้กู้ยืมได้ทั้งค่าเล่าเรียน  ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับการ
ศึกษาและค่าครองชีพ สำหรับการคิดอัตราดอกเบี้ย การชำระเงินกู้ยืม รวมทั้งการติดตามหนี้ให้เป็นไปตามแบบ
กยศ. ส่วนผู้กู้ยืม กรอ. ที่ไม่มีคุณสมบัติในการกู้ยืมแบบ กยศ. เนื่องจากไม่ได้เป็นผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ สามารถ
กู้ยืมได้เป็นกรณีพิเศษ  โดยนำหลักเกณฑ์และวิธีการกู้ยืมเงินแบบ กยศ. มาใช้โดยอนุโลม  และให้กู้ยืมโดยเฉพาะ
ค่าเล่าเรียนจนจบหลักสูตรตามขอบเขตการให้กู้ยืมเงินของ กยศ.  สำหรับการคิดอัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขการ
ชำระคืนให้เป็นไปตามแบบ กยศ.    และให้สำนักงานกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาทำหน้าที่จัดการด้านการ
รับชำระหนี้เงินกู้ ทั้งนี้ ให้ กยศ. เร่งรัดดำเนินการจัดสรรเงินให้แก่สถานศึกษาต่าง ๆ โดยเร็วเพื่อให้นักเรียนและ
นักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์สามารถขอกู้เงินได้ทันก่อนเปิดภาคเรียนในปีการศึกษา 2550

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างกฎกระทรวง  ฉบับที่ ..  (พ.ศ. ....)
ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน พุทธศักราช 2485 มีสาระสำคัญคือ กำหนดมาตร
การกำกับดูแลการเคลื่อนไหวของเงินตราต่างประเทศ โดยให้ผู้นำเงินตราต่างประเทศที่เป็นธนบัตรหรือเหรียญ
กษาปณ์อันมีมูลค่าสูงเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดออกไปนอกหรือเข้ามาในประเทศไทย แจ้งรายการเกี่ยวกับเงิน
ตราต่างประเทศนั้น   และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง  แล้วดำเนินการต่อ
ไปได้

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำ
ปี พ.ศ. 2549 และรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ จำนวน 17 แห่ง ประจำปี พ.ศ. 2550  สำหรับงวดสิ้นสุดวันที่ 31 มกราคม
2550  สรุปได้ดังนี้  การเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549  มีรัฐวิสาหกิจได้รับอนุมัติ
งบลงทุนทั้งหมด 48 แห่ง  จากรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 60 แห่ง  งบลงทุนที่ได้รับอนุมัติจำนวน  350,329.51  ล้านบาท
ประกอบด้วย รัฐวิสาหกิจที่มีรอบปีบัญชีตามปีงบประมาณจำนวน 39 แห่ง และรัฐวิสาหกิจที่มีรอบปีบัญชีตามปฏิทิน
จำนวน 9 แห่ง มีผลการเบิกจ่ายงบลงทุนจำนวน  246,974.99  ล้านบาท หรือร้อยละ 70.50  ของงบลงทุนที่ได้รับ
อนุมัติ สูงกว่าปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ที่เบิกจ่ายได้ร้อยละ 66 ส่วนการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่
จำนวน  17  แห่ง  ในปี พ.ศ. 2550  ซึ่งมีงบลงทุนที่ได้รับอนุมัติให้เบิกจ่ายในเดือนตุลาคม 2549 - มกราคม 2550
ประกอบด้วย รัฐวิสาหกิจที่ใช้ปีงบประมาณ จำนวน 11 แห่ง  การเบิกจ่ายงบลงทุนสะสม 4 เดือน  (1 ตุลาคม 2549
-31  มกราคม  2550)  สามารถเบิกจ่ายได้  35,686.62  ล้านบาท  ต่ำกว่าแผนการเบิกจ่ายงบลงทุน 11,183.97
ล้านบาท (งบลงทุนตามแผนการเบิกจ่าย 46,870.59 ล้านบาท) และรัฐวิสาหกิจที่ใช้ปีปฏิทินจำนวน 6 แห่ง มียอด
เบิกจ่ายงบลงทุนสะสม 1 เดือน (มกราคม 2550) รวมทั้งสิ้น 6,153,64 ล้านบาท โดยสามารถเบิกจ่ายงบลงทุนต่ำ
กว่าแผนที่รัฐวิสาหกิจประมาณการไว้จำนวน 4,603.99 ล้านบาท (งบลงทุนตามแผนการเบิกจ่าย 10,757.63 ล้าน
บาท) ทั้งนี้ มอบหมายให้กระทรวงเจ้าสังกัดเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจให้เป็นไปตามแผน ทั้งนี้ เพื่อ
ให้การเบิกจ่ายงบลงทุนในปี พ.ศ. 2550 เป็นไปตามเป้าหมาย

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้ง นายสมชัย สัจจพงษ์ ให้
ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง (เศรษฐกร 10 ชช.) สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการ
คลัง ตั้งแต่วันที่ 29 มกราคม 2550 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์

            คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอดังนี้ รับทราบผลการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ
ขนาดใหญ่ จำนวน 17 แห่ง ประจำปี พ.ศ. 2550 สำหรับงวดสิ้นสุดวันที่  28  กุมภาพันธ์  2550 ประกอบด้วย
รัฐวิสาหกิจที่ใช้ปีงบประมาณ จำนวน 11 แห่ง  มีการเบิกจ่ายงบลงทุนสะสม ตั้งแต่วันที่  1  ตุลาคม  2549-28
กุมภาพันธ์ 2550 เบิกจ่ายได้ทั้งสิ้น 41,452.67 ล้านบาท  ต่ำกว่าแผนการเบิกจ่ายงบลงทุน 18,053.10 ล้าน
บาท  (แผนการเบิกจ่าย 59,505.77 ล้านบาท)  และรัฐวิสาหกิจที่ใช้ปีปฏิทิน จำนวน 6 แห่ง มียอดเบิกจ่ายงบ
ลงทุนสะสม ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-28 กุมภาพันธ์ 2550 รวมทั้งสิ้น 8,411.32 ล้านบาท เบิกจ่ายงบลงทุนต่ำ
กว่าแผนที่รัฐวิสาหกิจประมาณการไว้จำนวน 10,403.80 ล้านบาท  (แผนการเบิกจ่าย 18,815.12 ล้านบาท)
ทั้งนี้ หน่วยงานที่เบิกจ่ายงบลงทุนต่ำกว่าแผนเป็นจำนวนมาก ได้แก่ การรถไฟแห่งประเทศไทย  การทางพิเศษ
แห่งประเทศไทย   การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย   บริษัท ปตท  จำกัด  (มหาชน)   และการไฟฟ้า
ฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย  และเห็นชอบให้กระทรวงเจ้าสังกัดเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจให้เป็น
ไปตามแผน ทั้งนี้ เพื่อให้การเบิกจ่ายงบลงทุนในปี พ.ศ. 2550 เป็นไปตามเป้าหมาย

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของ
เหรียญกษาปณ์ที่ระลึก สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ฉลอง
พระชนมายุ  84  พรรษา  พ.ศ. ....  มีสาระสำคัญคือ  จัดทำเหรียญกษาปณ์เงิน  ราคาแปดร้อยบาท  สองชนิด
และเหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว  (ทองแดงผสมนิกเกิล)  ราคายี่สิบบาท  สองชนิด ออกใช้เพื่อเป็นที่ระลึกเนื่อง
ในโอกาสที่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์  ฉลองพระชนมายุ
84 พรรษา  ในวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2550  และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็น
เรื่องด่วน โดยให้รับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอแนวทางการผ่อนผันสำหรับรายจ่ายลงทุนกรณี
ที่ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจไม่สามารถก่อหนี้ผูกพันได้ทันภายในไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2550  โดย
ให้ก่อหนี้ผูกพันได้จนถึงไตรมาสที่ 3 (สิ้นเดือนมิถุนายน 2550) และให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจถือปฏิบัติต่อไป
ทั้งนี้ ให้หัวหน้าหน่วยงานเร่งรัดการดำเนินการ โดยเรื่องใดยังมิได้ดำเนินการ ควรพิจารณาทบทวนความเหมาะสม
จำเป็นของงาน/โครงการ  เพื่อชะลอ  ยกเลิก   หรือปรับแผนการดำเนินการจากเดิมไปดำเนินการในเรื่องที่มีความ
จำเป็นเร่งด่วน เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน  เรื่องที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล  หรือเรื่องที่
ช่วยให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น แล้วแต่กรณี

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทวงการคลังเสนอแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นใน
คณะกรรมการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย จำนวน 3 คน ดังนี้ นายณรงค์ชัย อัครเศรณี
เป็นประธานกรรมการแทนนายวีรพงษ์ รามางกูร  นางสาวอรจิต สิงคาลวณิช เป็นกรรมการแทนนายณรงค์ชัย
อัครเศรณี  นายวิศาล  บุปผเวส  เป็นกรรมการแทนนายก้องเกียรติ  โอภาสวงการ   โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะ
รัฐมนตรีมีมติ (20 มีนาคม 2550) เป็นต้นไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักประสานงานการเมืองเสนอสรุปผลการประชุมคณะกรรมการ
ประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ 11/2550 วันจันทร์ที่ 19 มีนาคม 2550  ซึ่งที่ประชุมมีมติให้เสนอ
ร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้ง นางเดือนเด่น นิคมบริรักษ์ เป็นเลขานุ
การรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง  และนายธนญ  ตันติสุนทร  เป็นผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวง
การคลัง ปฏิบัติราชการในหน้าที่เลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายสมหมาย ภาษี) ตั้งแต่วัน
ที่ 9 มีนาคม 2550 เป็นต้นไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอขอถอนร่างพระราชกฤษฎีกาสวัสดิการเงินกู้
เพื่อที่อยู่อาศัย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกจากการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา

            สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยที่มีหนี้สินกับสถาบันการ
เงินของกระทรวงการคลัง โดยสถาบันการเงินซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลังและสถาบันการเงินเฉพาะ
กิจได้กำหนดมาตรการร่วมกันในการพิจารณาและให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย อาทิ ธนาคารเพื่อการเกษตร
และสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ดำเนินการช่วยเหลือโดยกรณีเสียชีวิตตัดเป็นหนี้สูญ จำนวน 13 ราย  วงเงิน 1.14
ล้านบาท ขยายเวลาและงดคิดดอกเบี้ย 3 ปี จำนวน 106,300 ราย ต้นเงิน 15,149.04 ล้านบาท ธนาคารออมสิน
ดำเนินการช่วยเหลือในส่วนของลูกหนี้สินเชื่อเคหะ  จำนวน 551 ราย  วงเงิน  131.45  ล้านบาท  ลูกหนี้ธุรกิจห้อง
แถว จำนวน 35 ราย วงเงิน 3.71 ล้านบาท ลูกค้าสินเชื่อโครงการธนาคารประชาชน จำนวน 226 ราย วงเงิน 8.55
ล้านบาท และลูกค้าสินเชื่อบำรุงขวัญ จำนวน  1,351  ราย  วงเงิน  116.72  ล้านบาท  ธนาคารอาคารสงเคราะห์
ดำเนินการช่วยเหลือโดยลดอัตราดอกเบี้ย  จำนวน  551  ราย  มูลหนี้  346.62  ล้านบาท  และกู้เพิ่มเพื่อซ่อมแซม
จำนวน 11 ราย มูลหนี้ 4.20 ล้านบาท  ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ดำเนิน
การช่วยเหลือโดยพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย  จำนวน  94  ราย  วงเงิน  388.63  ล้านบาท  ธนาคารอิสลามแห่ง
ประเทศไทย ดำเนินการช่วยเหลือโดยพักชำระหนี้/ขยายระยะเวลาและปรับโครงสร้างหนี้  จำนวน  2  ราย  มูลหนี้
259.90 ล้านบาท เป็นต้น