ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 557 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 11121 - 11140 จากข้อมูลทั้งหมด 124013 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
11121 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ (ร่างกฏกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมท่อพีวีซีแข็งสำหรับใช้เป็นท่อน้ำดื่มต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. ....) | อก | 18/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ เพื่อปรับปรุงมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมท่อพีวีซีแข็งสำหรับใช้เป็นท่อน้ำดื่ม และผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเคเบิลเส้นใยนำแสงโทรคมนาคมภายนอกอาคารติดตั้งในท่อร้อยสายและฝังดินโดยตรง ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมท่อพีวีซีแข็งสำหรับใช้เป็นท่อน้ำดื่ม ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมท่อพีวีซีแข็งสำหรับใช้เป็นท่อน้ำดื่ม ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเคเบิลเส้นใยนำแสงโทรคมนาคมภายนอกอาคารติดตั้งในท่อร้อยสายและฝังดินโดยตรง ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเคเบิลเส้นใยนำแสงโทรคมนาคมภายนอกอาคารติดตั้งในท่อร้อยสายและฝังดินโดยตรง ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11122 | รายงานผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ของโฆษกกระทรวง โฆษกประจำ รองนายกรัฐมนตรี และผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อขอกรมประชาสัมพันธ์ ประจำเดือนธันวาคม 2562 | นร02 | 18/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ของโฆษกกระทรวง โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี และผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อของกรมประชาสัมพันธ์ ประจำเดือนธันวาคม ๒๕๖๒ และมอบหมายให้โฆษกกระทรวง โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวและชี้แจงในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับภารกิจของกระทรวงอย่างรวดเร็วและทันต่อสถานการณ์ ใน ๔ ประเด็น ได้แก่ (๑) การเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ (๒) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (๓) นโยบายรัฐบาลในช่วงเทศกาลปีใหม่ ๒๕๖๓ และ (๔) การตรวจราชการของนายกรัฐมนตรีเพื่อติดตามสถานการณ์แก้ไขปัญหาภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ในฐานะประธานกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11123 | รายงานผลการประชุมคณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดนทั่วไป ไทย-ลาว ครั้งที่ 26 | กห | 18/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมคณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดนทั่วไป ไทย-ลาว (General Border Committee : GBC) ครั้งที่ ๒๖ โดยมี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการป้องกันประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เป็นประธานร่วม เมื่อวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๖๒ ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งผลการประชุม GBC ไทย-ลาว ครั้งที่ ๒๖ เป็นกรอบความร่วมมือในการรักษาความสงบเรียบร้อย และความมั่นคงชายแดนไทย-ลาว ระดับสูงสุด โดยมีประเด็นการประชุมที่สำคัญ ได้แก่ ความร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดนทั่วไปไทยลาว ความร่วมมือในการรักษาเส้นเขตแดนไทย-ลาว ความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาการก่อการร้ายสากลระหว่างไทย-ลาว ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย รวมทั้งกำหนดเวลาและสถานที่ประชุมครั้งต่อไป ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11124 | การเปลี่ยนโฆษกประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส | 18/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการเปลี่ยนโฆษกประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยยกเลิกคำสั่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ ๗๐/๒๕๖๒ ลงวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ เรื่อง แต่งตั้งโฆษกประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และแต่งตั้ง นายพุฒิพงศ์ สุรพฤกษ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นโฆษกประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามคำสั่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ ๔๑/๒๕๖๓ ลงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๓ เรื่อง แต่งตั้งโฆษกประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11125 | ร่างระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ว่าด้วยการจดทะเบียนสถาบันชาวไร่อ้อย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อก | 18/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ว่าด้วยการจดทะเบียนสถาบันชาวไร่อ้อย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้มีสิทธิยื่นคำร้องขอจดทะเบียนเป็นสถาบันชาวไร่อ้อย ตาม (๓) และ (๔) ของข้อ ๘ แห่งระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ว่าด้วยการจดทะเบียนสถาบันชาวไร่อ้อย ฉบับที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๒๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ให้แก่สหกรณ์ชาวไร่อ้อยที่มีฐานะเป็นสถาบันชาวไร่อ้อยอยู่เดิมออกไปอีก ๒ ฤดูการผลิต โดยให้เริ่มใช้บังคับในฤดูการผลิตปี ๒๕๖๓/๒๕๖๔ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้มีการรับฟังความคิดเห็นและพิจารณาแนวทางการช่วยเหลือชาวไร่อ้อยที่ได้รับผลกระทบจากร่างระเบียบดังกล่าวด้วย รวมทั้งควรกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าวที่เหมาะสมกับกลุ่มชุมนุมสหกรณ์และสหกรณ์ชาวไร่อ้อยแทนการขอยกเว้นการตรวจสอบคุณสมบัติของสถาบันชาวไร่อ้อยอย่างต่อเนื่องทุกปี ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11126 | โครงการก่อสร้างสายเคเบิลใต้น้ำไปยังเกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี | มท | 18/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11127 | ร่างพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. .... ร่างประมวลกฎหมายยาเสพติด และร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 3 ฉบับ | ยธ | 18/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบร่างประมวลกฎหมายและร่างพระราชบัญญัติ รวม ๓ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด และกำหนดบทเฉพาะกาลเพื่อรองรับการบังคับใช้ร่างประมวลกฎหมายยาเสพติด ๑.๒ ร่างประมวลกฎหมายยาเสพติด มีสาระสำคัญเป็นการรวบรวมบทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดที่ในปัจจุบันมีอยู่หลายฉบับและกระจายอยู่ในความรับผิดชอบของหลายหน่วยงานไว้เป็นหมวดหมู่ในรูปแบบประมวลกฎหมาย ๑.๓ ร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงบทบัญญัติของพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. ๒๕๕๐ ให้สอดคล้องกับร่างประมวลกฎหมายยาเสพติด และแก้ไขปรับปรุงบทบัญญัติบางส่วนให้เหมาะสมและสอคดล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ๒. ให้รับข้อสังเกตของคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรมที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอไปพิจารณาเกี่ยวกับการนำมาตรการลงโทษอื่นมาใช้ทดแทนการลงโทษจำคุก และการกำหนดบทความผิด และบทกำหนดโทษให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอรัฐสภาต่อไป และให้แจ้งประธานรัฐสภาทราบด้วยว่าร่างประมวลกฎหมายและร่างพระราชบัญญัติ รวม ๓ ฉบับนี้ เป็นร่างกฎหมายที่จะตราขึ้นเพื่อดำเนินการตามหมวด ๑๖ การปฏิรูปประเทศ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11128 | ร่างพระราชบัญญัติโอนหน้าที่และอำนาจ และกิจการบริหารบางส่วน ของกรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไปเป็นของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. .... | นร14 | 18/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอว่า เพื่อให้การขับเคลื่อนภารกิจในการบริหารจัดการน้ำตามนโยบายของรัฐบาลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเป็นหน่วยงานกำกับดูแล (regulator) และมีกรมทรัพยากรน้ำเป็นหน่วยงานปฏิบัติ (operator) ซึ่งปัจจุบันกรมทรัพยากรน้ำอยู่ระหว่างการปรับปรุงโครงสร้างและอัตรากำลังให้สอดคล้องกับภารกิจ ซึ่งอาจต้องขออัตรากำลังเพิ่มขึ้นเพื่อรับผิดชอบการจัดสรรและควบคุมการใช้น้ำควบคู่กับการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่นอกเขตชลประทาน ๑๑๗.๐๒ ไร่ ดังนั้น จึงเห็นควรให้ข้าราชการของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปปฏิบัติภารกิจในการดำเนินงานของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติไปพลางก่อนจนกว่าสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติจะได้รับจัดสรรอัตรากำลังตั้งใหม่ จำนวน ๑๗๘ อัตรา ตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติโอนหน้าที่และอำนาจ และกิจการบริหารบางส่วนของกรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไปเป็นของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการโอนหน้าที่และอำนาจ ภารกิจ ทรัพย์สิน งบประมาณ สิทธิ หนี้ ข้าราชการ และอัตรากำลังบางส่วนของกรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไปเป็นของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ ในส่วนของการโอนข้าราชการและอัตรากำลังบางส่วนของกรมทรัพยากรน้ำ จำนวน ๑๗๘ อัตรา ให้เป็นไปตามความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติรับไปดำเนินการขอรับจัดสรรอัตรากำลังตั้งใหม่ จำนวน ๑๗๘ อัตรา ต่อคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐตามขั้นตอนต่อไป แล้วแจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อประกอบการตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมทรัพยากรน้ำ) รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาปรับปรุงภารกิจกรมทรัพยากรน้ำใหม่ เพื่อรองรับภารกิจตามพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลต่อไป และให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงาน ก.พ.ร. เช่น ควรดำเนินการตามมติคณะกรรมการ ก.พ.ร. ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ที่มีความเห็นว่าให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเน้นภารกิจเชิงนโยบายเป็นหลัก ส่วนภารกิจที่เกี่ยวข้องกับงานปฏิบัติการ ควรใช้การบริหารจัดการ (mobilize) ให้ส่วนราชการที่มีหน้าที่ปฏิบัติโดยตรงเป็นผู้ดำเนินการ และในการตัดโอนกิจการ ทรัพย์สิน งบประมาณ หนี้สิน หนี้ ภาระผูกพัน ข้าราชการ และอัตรากำลังบางส่วนของกรมทรัพยากรน้ำ ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการตามที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนดไว้ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11129 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดจังหวัดให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยดำเนินกิจการรถไฟฟ้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เพื่อดำเนินกิจการรถไฟฟ้าในจังหวัดพิษณุโลก | คค | 18/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดจังหวัดให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยดำเนินการรถไฟฟ้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ดำเนินกิจการรถไฟฟ้าในจังหวัดพิษณุโลกเพิ่มเติมจากเดิมที่มีการดำเนินกิจการรถไฟฟ้าในจังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดพังงา จังหวัดภูเก็ต และจังหวัดนครราชสีมา ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า (๑) เนื่องจากผลการศึกษาโครงการศึกษาความเหมาะสมและออกแบบระบบขนส่งสาธารณะเมืองพิษณุโลก สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรพบว่า จะมีความเหมาะสมทางเศรษฐกิจ โดยมีมูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) เป็นบวก ในกรณีที่โครงการรถไฟความเร็วสูงสายเหนือ กรุงเทพมหานคร-พิษณุโลกเปิดให้บริการ จึงเห็นควรให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับ รฟม. และการรถไฟแห่งประเทศไทยบูรณาการแผนการดำเนินโครงการดังกล่าว (๒) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยควรให้ความสำคัญกับการวางแผนทางการเงินขององค์กรทั้งในระยะสั้นและระยะยาว รวมทั้งควรกำหนดแผนบริหารความเสี่ยง และการดำเนินโครงการต่าง ๆ ของ รฟม. จะต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และ (๓) โครงการดังกล่าวเป็นโครงการระบบขนส่งมวลชนที่ใช้ราง จึงเข้าข่ายประเภทและขนาดของโครงการหรือกิจการซึ่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และกรณีที่ รฟม. จะดำเนินการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนขอให้คำนึงถึงบทบัญญัติมาตรา ๔๙ วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11130 | ขอความเห็นชอบการแก้ไขสัญญาโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 2 (ทางพิเศษศรีรัช รวมถึงส่วนดี) และสัญญาโครงการทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด (ทางพิเศษอุดรรัถยา) รวม 2 ฉบับ | คค | 18/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการแก้ไขสัญญาโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ ๒ (ทางพิเศษศรีรัช รวมถึงส่วนดี) และสัญญาโครงการทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด (ทางพิเศษอุดรรัถยา) รวม ๒ ฉบับ ตามพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ มาตรา ๔๗ ประกอบพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. ๒๕๖๒ มาตรา ๖๘ (๓) และเห็นชอบให้กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจหารือกับกระทรวงคมนาคม และการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เพื่อหาแนวทางบริหารจัดการที่เหมาะสมมิให้ส่งผลต่อการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้กระทรวงคมนาคม โดยการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) รับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการคลังและสำนักงานอัยการสูงสุด เช่น (๑) ให้ กทพ. เพิ่มเติมความในวรรคท้ายของข้อ ๘.๒ ของร่างสัญญาทั้ง ๒ ฉบับ โดยกำหนดให้บริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM) และ/หรือบริษัท ทางด่วนกรุงเทพเหนือ จำกัด (NECL) ซึ่งเป็นคู่สัญญาแต่ละฉบับตกลงให้ความร่วมมือในการยกเว้นค่าผ่านทางให้ประชาชน และ (๒) กทพ. ควรตรวจสอบจำนวนข้อพิพาทที่มีอยู่ต่อกัน โดยระบุให้ครบถ้วนทั้งหมดด้วย โดยไม่จำกัดว่าข้อพิพาทนั้น ๆ จะอยู่ขั้นตอนใดก็ตาม เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. ให้กระทรวงคมนาคม โดย กทพ. เร่งดำเนินการลงนามในสัญญาฯ รวมทั้งประสานงานกับสำนักงานอัยการสูงสุดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการให้มีการถอนฟ้องข้อพิพาทที่มีกับ กทพ. ทั้งหมด ทั้งที่อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลปกครอง อนุญาโตตุลาการ หรือขั้นตอนอื่น ๆ ให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายในวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ๓. ในกรณีการบันทึกบัญชีจากสัญญาที่จะแก้ไข นั้น ให้กระทรวงคมนาคม โดย กทพ. จัดทำบัญชีและรายงานการเงินตามมาตรฐานการบัญชีที่รับรองทั่วไป โดยหากผลการดำเนินงานจากวิธีการทางบัญชีส่งผลต่อการประเมินผลการดำเนินการของ กทพ. ให้กระทรวงการคลังหารือกับ กทพ. เพื่อกำหนดแนวทางการบริหารจัดการที่เหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ๔. ในกรณีที่กระทรวงการคลังเห็นสมควรแจ้งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษรับไปตรวจสอบการดำเนินการในเรื่องนี้ นั้น ให้กระทรวงคมนาคมปะสานงานกับกรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปได้ ๕. ให้กระทรวงคมนาคมเร่งดำเนินการศึกษาแนวทางการดำเนินการที่เหมาะสมและเป็นไปได้เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดในภาพรวมทั้งระบบ รวมถึงการดำเนินโครงการก่อสร้างทางด่วนขั้นที่ ๒ (Double Deck) หรือการดำเนินโครงการก่อสร้างทางด่วนในเส้นทางอื่น ๆ เพิ่มเติม ทั้งนี้ ให้ดำเนินการศึกษาให้แล้วเสร็จภายใน ๒ ปี แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11131 | การจัดกลุ่มองค์การมหาชน กรณีสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ | นร12 | 18/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและรับทราบตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบปรับกลุ่มสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จากเดิมองค์การมหาชนกลุ่มที่ ๓ บริการสาธารณะทั่วไป เป็นองค์การมหาชนกลุ่มที่ ๑ พัฒนาและดำเนินการตามนโยบายสำคัญของรัฐเฉพาะด้าน เนื่องจาก สปสช. สามารถแสดงผลการดำเนินงานให้เห็นในเชิงประจักษ์จนปัจจุบันสามารถพัฒนาต่อเนื่องจนเป็นหน่วยงานรับผิดชอบนโยบายสำคัญของประเทศในการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าให้แก่ประชาชน ลดอัตราการเจ็บป่วยและเสียชีวิตที่เกิดจากความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ๑.๒ รับทราบแนวทางการทบทวนหลักเกณฑ์การประเมินค่างานและการจัดกลุ่มองค์การมหาชน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๔๗ (เรื่อง การปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำหนดอัตราเงินเดือนฯ หลักเกณฑ์การกำหนดเบี้ยประชุมฯ และการพัฒนาการดำเนินงานและประเมินผลองค์การมหาชน) ของสำนักงาน ก.พ.ร. ซึ่งจะเพิ่มเติมมิติด้านผลกระทบ (impact) ที่เกิดจากการดำเนินงานขององค์การมหาชนไว้ด้วย ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้มีการประเมินประสิทธิภาพการดำเนินงานของ สปสช. หลังจากที่มีการปรับกลุ่มเป็นองค์การมหาชนกลุ่มที่ ๑ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการบริหารจัดการงบประมาณที่ไม่ก่อให้เกิดปัญหาสภาพคล่องทางการเงินของสถานพยาบาล และการพัฒนาระบบการเงินการคลังของหลักประกันสุขภาพที่ไม่กระทบต่อความยั่งยืนของระบบหลักประกันสุขภาพในระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรพัฒนาระบบและวิธีการทำงานโดยนำเทคโนโลยีมาใช้ ตลอดจนพิจารณาจ้างเหมาเอกชนเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน และควบคุมค่าใช้จ่ายของหน่วยงานให้เป็นไปอย่างประหยัด และคุ้มค่า สำหรับภาระงบประมาณที่เกิดจากการปรับกลุ่ม สปสช. เป็นองค์การมหาชนกลุ่มที่ ๑ ดังกล่าว เห็นควรให้พิจารณานำเงินสะสมที่มีอยู่มาสมทบดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ และปีงบประมาณต่อไปด้วย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11132 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายพาสิทธิ์ หล่อธีรพงศ์) | อว | 18/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายพาสิทธิ์ หล่อธีรพงศ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ตั้งแต่วันที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11133 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายสิทธิชัย บุญสะอาด) | คค | 18/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสิทธิชัย บุญสะอาด ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งวิศวกรใหญ่ที่ปรึกษาวิชาชีพเฉพาะด้านวิศวกรรมโยธา (ด้านวางแผนและวางโครงการก่อสร้าง) (วิศวกรโยธาทรงคุณวุฒิ) กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม ตั้งแต่วันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11134 | การขอแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐเช็ก ณ จังหวัดภูเก็ต (นายตอมาช คอตาลีก) | กต | 18/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายตอมาช คอตาลีก (Mr. Tomas Kotalik) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐเช็ก ณ จังหวัดภูเก็ต โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดภูเก็ต กระบี่ และพังงา สืบแทน นายอนุรักษ์ ธารสิริโรจน์ ที่ประสงค์จะเกษียณอายุราชการ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11135 | รายงานผลการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ครั้งที่ 1 และรายงานผลการประเมินตนเองของคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการคณะต่าง ๆ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ครั้งที่ 1 | นร12 | 18/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบรายงานผลการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ และรายงานผลการประเมินตนเองของคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ (ค.ต.ป.) คณะต่าง ๆ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ครั้งที่ ๑ ตามมติที่ประชุม ค.ต.ป. ครั้งที่ ๓/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๒ ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เป็นประธานกรรมการ ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ผลการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ จำนวน ๒ เรื่อง ได้แก่ (๑) การพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกใน ๖ โครงการใหญ่ เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน โครงการสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก พบว่า โครงการมีความเสี่ยงต่าง ๆ เช่น ความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (เช่น ภาวะเศรษฐกิจโลก การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง) ความเสี่ยงจากความร่วมมือระหว่างหน่วยงานและข้อกังวลด้านกฎหมาย ความเสี่ยงที่เกิดจากความไม่พร้อมด้านเทคโนโลยี การศึกษา และแรงงาน ความเสี่ยงจากการไม่ปฏิบัติตามสัญญาของคู่สัญญา เป็นต้น และ (๒) การดำเนินงานตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ พบว่า การกำหนดหลักเกณฑ์รายละเอียดวิธีในการปฏิบัติงานตามที่กำหนดในพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ ยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ หลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้แล้วยังขาดความชัดเจน และอัตรากำลังบุคลากรไม่เพียงพอต่อการให้คำปรึกษาและแนะนำประเด็นข้อหารือต่าง ๆ ในการนี้ ค.ต.ป. ได้มีข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในประเด็นต่าง ๆ เพื่อให้รัฐมนตรี หัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง กรม และจังหวัดรับไปพิจารณาดำเนินการ พร้อมทั้งรายงานผลความก้าวหน้าในการดำเนินการต่อ ค.ต.ป. คณะต่าง ๆ ต่อไป ๑.๒ ผลการประเมินตนเองของ ค.ต.ป. และคณะอนุกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการคณะต่าง ๆ เพื่อพิจารณาทบทวนการปฏิบัติงานตามหน้าที่ความรับผิดชอบในรอบปีงบประมาณที่ผ่านมาพบว่า ผลการปฏิบัติงานเฉลี่ยรวมอยู่ในระดับดีเยี่ยม โดยผลการประเมินรายคณะ เฉลี่ยรวม ๔.๕๔ คะแนน และผลการประเมินรายบุคคล เฉลี่ยรวม ๔.๔๒ คะแนน (คะแนนเต็ม ๕ คะแนน) ๒. ให้กระทรวงการคลัง สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น การพัฒนาระบบฐานข้อมูลในการดำเนินงานเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้สามารถเข้าถึงระบบฐานข้อมูลดังกล่าวและนำไปใช้ในการวิเคราะห์ เนื่องจากข้อมูลบางส่วนอาจไม่สามารถเผยแพร่ได้ จำเป็นต้องมีระบบการจัดการและเชื่อมโยงข้อมูลที่เหมาะสมเพื่อให้การพัฒนาระบบฐานข้อมูลของ สกพอ. เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสนับสนุนการพัฒนาประเทศได้อย่างแท้จริง เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11136 | การถอดถอนกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ ณ นครปูซาน สาธารณรัฐเกาหลี และการแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ นครปูซาน สาธารณรัฐเกาหลีคนใหม่ (นายปัก มย็อง - จิน) | กต | 18/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. การถอดถอน นายคิม อิล คยุน (Mr. Kim Il-Kyoun) ออกจากตำแหน่งกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ ณ นครปูซาน สาธารณรัฐเกาหลี ๒. การแต่งตั้ง นายปัก มย็อง-จิน (Mr. Park Myung-jin) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ นครปูซาน สาธารณรัฐเกาหลี โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมนครปูซาน นครอุลซัน นครแทกู จังหวัดคย็องซังใต้ และจังหวัดคย็องซังเหนือ สืบแทน นายคิม อิล คยุน ทั้งนี้ โดยคงสถานะสถานที่ทำการกงสุล เป็น สถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ ณ นครปูซาน สาธารณรัฐเกาหลี ไว้เช่นเดิม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11137 | ร่างแถลงการณ์ร่วมต่อสื่อมวลชนของการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือแม่โขง - ล้านช้าง ครั้งที่ 5 | กต | 18/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมต่อสื่อมวลชนของการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ครั้งที่ ๕ (Joint Press Communique of the Fifth Lancang-Mekong Cooperation Foreign Ministers’ Meeting) และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองแถลงการณ์ร่วมฯ โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ เป็นเอกสารที่จะมีการรับรองโดยไม่มีการลงนามในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ครั้งที่ ๕ ที่จะมีขึ้นในวันที่ ๑๙-๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ณ นครเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันของประเทศสมาชิกกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ในการทบทวนความสำเร็จและความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการระยะ ๕ ปี ของกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ๒๕๖๑-๒๕๖๕ ในช่วง ๑ ปีที่ผ่านมา การกำหนดทิศทางความร่วมมือในอนาคต และการส่งเสริมการดำเนินการไปในทิศทางเดียวกันกับยุทธศาสตร์การพัฒนาแห่งชาติของแต่ละประเทศสมาชิก รวมทั้งกลไกความร่วมมือในระดับอนุภูมิภาคและภูมิภาค ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและข้อสังเกตของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ เช่น ขอให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11138 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า) | อื่นๆ | 18/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าเป็นหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าซึ่งปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริตได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11139 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร12 | 18/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๕๑ ให้สอดคล้องกับบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ เพื่อให้การบริหารงานและการปฏิบัติภารกิจของสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11140 | รายงานผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ประจำปี พ.ศ. 2561 | นร09 | 18/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองตามพระราชบัญญัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยมีประเด็นเกี่ยวกับผลการดำเนินงานของคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองและสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง และการพิจารณาอนุญาตหรืออนุมัติโครงการที่ก่อให้เกิดผลกระทบในพื้นที่ขนาดใหญ่ตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองของสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
|
.....