ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 555 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 11081 - 11100 จากข้อมูลทั้งหมด 124013 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
11081 | รายงานผลการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านการจัดการภัยพิบัติ ครั้งที่ 7 | มท | 03/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านการจัดการภัยพิบัติ ครั้งที่ ๗ (The 7th ASEAN Ministerial Meeting on Disaster Management : AMMDM) และการประชุมผู้นำภาคีเพื่อดำเนินการตามความตกลงอาเซียนว่าด้วยการจัดการภัยพิบัติและการตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉิน ครั้งที่ ๘ [The 8th Meeting of the conference of the Parties (COP-6) to the ASEAN Agreement on Disaster Management and Emergency Response (AADMER)] เมื่อวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๖๒ ณ เมืองเนปยีดอ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายนิพนธ์ บุญญามณี) เข้าร่วมการประชุมฯ ซึ่งที่ประชุมฯ ได้รับทราบผลการดำเนินงานของคณะกรรมการอาเซียนด้านการจัดการภัยพิบัติ (The ASEAN Committee on Disaster Management : ACDM) และศูนย์ประสานงานอาเซียนเพื่อความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการจัดการภัยพิบัติ (ASEAN Coordinating Centre for Humanitarian Assistance on disaster management AHA Centre) โดยเห็นชอบในหลักการเรื่องสำคัญ ได้แก่ (๑) การดำเนินงานตามแผน AADMER Work Programme 2016-2020 (๒) ความคืบหน้าการร่างแผนงานตามความตกลงอาเซียนว่าด้วยการจัดการภัยพิบัติและการตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๘ (AADMER Work Programme 2021-2525) (๓)ความคืบหน้าและการเปิดตัวโครงการ DELSA ระยะที่ ๒ ณ จังหวัดชัยนาท และแคมป์ Aguinaldo กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ (๔) การขับเคลื่อนปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยความเป็นหนึ่งเดียวในการตอบโต้ภัยพิบัติทั้งภายในและภายนอกภูมิภาค (Declaration on One ASEAN, One Response : ASEAN Responding to Disaster as One in the Region and Outside Region) ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม (๕) รับทราบรายงานผลการดำเนินงานของอาเซียนในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในรัฐยะไข่ และ (๖) เห็นชอบในหลักการสนับสนุนให้มีการระดมทุนและทรัพยากร โดยสร้างความร่วมมือกับภาคเอกชนในการสนับสนุนการดำเนินงานของอาเซียนในด้านการจัดการภัยพิบัติและการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11082 | การพิจารณาคัดเลือกผู้ลงทุนพัฒนาที่ดินราชพัสดุในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก และแต่งตั้งคณะทำงานกำกับและติดตามผลการดำเนินการตามสัญญาของผู้ได้รับสิทธิการพัฒนาพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ | กค | 03/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบผลการคัดเลือกให้กิจการร่วมค้า ไอซีบีแอนด์จี ตาก อินดัสเทรียล พาร์ก เป็นผู้ได้รับสิทธิพัฒนาพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก ตามมติคณะทำงานสรรหา คัดเลือก และเจรจาผู้ลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ในคราวประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลัง (กรมธนารักษ์) รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรดำเนินการตามระเบียบ กฎหมายที่เกี่ยวข้องและหลักธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัด รวมทั้งกำกับและติดตามให้เอกชนผู้ได้รับสิทธิพัฒนาเร่งรัดดำเนินงานให้แล้วเสร็จตามข้อเสนอโครงการลงทุน นอกจากนี้ ในขั้นตอนการอนุมัติโครงการในอนาคต ให้กระทรวงการคลังพิจารณาประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมว่าด้วยการกำหนดโครงการ กิจการ หรือการดำเนินการ ซึ่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ออกตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ ประกอบด้วย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. มอบหมายให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเร่งรัดการจัดทำระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ พ.ศ. .... ตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๓ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และให้กระทรวงการคลัง (กรมธนารักษ์) พิจารณาแต่งตั้งคณะทำงานกำกับและติดตามผลการดำเนินการตามสัญญาของผู้ได้รับสิทธิการพัฒนาพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภายหลังจากที่มีการแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษตามระเบียบดังกล่าวแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11083 | แผนปฏิบัติการด้านการกำกับกิจการพลังงาน ระยะที่ 4 (พ.ศ. 2563-2565) และแผนการดำเนินงาน งบประมาณรายจ่าย และประมาณการรายได้ประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2563 ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน | พน | 03/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบแผนปฏิบัติการด้านการกำกับกิจการพลังงาน ระยะที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕) ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานมีความเชื่อมโยงสอดคล้องกันกับยุทธศาสตร์และแผนที่สำคัญต่าง ๆ ที่สำคัญ เช่น แผนยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐) ได้แก่ ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากชีวมวลในการผลิตไฟฟ้า การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรองรับการใช้พลังงานรูปแบบต่าง ๆ การส่งเสริมพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือกให้มีสัดส่วนมากขึ้น รวมทั้งพัฒนาระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ และยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน โดยสนับสนุนการอนุรักษ์และใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และส่งเสริมการออกแบบอาคารประหยัดพลังงาน ๑.๒ รับทราบผลการดำเนินงาน การจัดเก็บรายได้ และการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยมีผลการดำเนินงานสำคัญ เช่น กำกับดูแลระบบพลังงานให้มีความมั่นคงและมีเสถียรภาพ และส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน กำกับอัตราค่าไฟฟ้าให้เป็นธรรม โดยคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานได้นำเงินเรียกคืนค่าไฟฟ้าจากการลงทุนต่ำกว่าแผน และเงินเรียกคืนรายได้จากการปรับปรุงฐานะการเงินมาปรับลดค่าไฟฟ้าให้ประชาชน เป็นเงิน ๑๔,๓๔๓.๐๐ ล้านบาท กำกับอัตราค่าบริการกิจการก๊าซธรรมชาติ ส่วนผลการจัดเก็บรายได้และการใช้จ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน มีรายได้ทั้งสิ้นจำนวน ๙๕๘.๖๘ ล้านบาท สูงกว่ารายได้ที่ประมาณการไว้จำนวน ๑๐.๗๙ ล้านบาท และมีการใช้จ่ายงบประมาณของสำนักงาน กกพ. เป็นไปตามกรอบงบประมาณที่ได้รับการอนุมัติ โดยเบิกจ่ายงบประมาณ ผูกพันสัญญา ตลอดจนกันเงินเป็นภาระที่จำเป็นของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน จำนวน ๙๔๗.๕๒ ล้านบาท สำหรับเงินนำเงินส่งคลังในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ มีจำนวน ๑๑.๑๖ ล้านบาท ประกอบด้วย รายได้ที่จัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการและงบประมาณคงเหลือจากการดำเนินการ ๑.๓ เห็นชอบแผนการดำเนินงาน งบประมาณรายจ่าย และประมาณการรายได้ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ วงเงินงบประมาณรายจ่าย ๙๔๘.๔๒ ล้านบาท และประมาณการรายได้ ๙๔๘.๗๕ ล้านบาท ซึ่งเป็นการดำเนินงานตามนัยมาตรา ๔๑ แห่งพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. ๒๕๕๐ ๒. ให้กระทรวงพลังงาน (สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน) รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งดำเนินการตามโครงการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้มีสถานที่ทำการที่เหมาะสมในการรองรับการให้บริการกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและประชาชน รวมถึงการให้บริการออกใบอนุญาตรูปแบบ One Stop Service ในอนาคตตามวัตถุประสงค์ของโครงการต่อไป สำหรับกรณีที่มีงบประมาณเหลือจ่ายจากการดำเนินงานการจัดซื้อจัดจ้าง การยกเลิกโครงการต่าง ๆ ตามแผนการดำเนินงานปีงบประมาณ ๒๕๖๓ แล้วจะนำงบประมาณดังกล่าวไปดำเนินการในเรื่องอื่น ๆ ตามภารกิจที่กฎหมายกำหนด เห็นควรให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานหารือร่วมกับกระทรวงการคลังในการพิจารณาความเหมาะสมของแผนการเบิกจ่ายงบประจำปี และแผนการนำรายได้ส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน เพื่อให้การบริหารการเงินการคลังของประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศด้านอื่น ๆ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11084 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจ) | กค | 03/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิที่เกิดจากการจำหน่ายคาร์บอนเครดิตในประเทศตามโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจที่ได้ขึ้นทะเบียนกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่กฎหมายมีผลใช้บังคับจนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11085 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายสุรกิตติ ศรีกุล) | กษ | 03/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสุรกิตติ ศรีกุล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านการผลิตพืช (นักวิชาการเกษตรทรงคุณวุฒิ) กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตั้งแต่วันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11086 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย พ.ศ. .... | ทส | 03/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การสวนสัตว์ พ.ศ. ๒๔๙๗ เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจและหน้าที่และอำนาจขององค์การสวนสัตว์ที่ได้มีการพัฒนาขยายขอบเขตงานเพิ่มขึ้น โดยให้ถ่ายโอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ และงบประมาณของสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) ในส่วนของสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีไปเป็นขององค์การสวนสัตว์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11087 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดการจัดทำ ปัก ติดตั้งป้ายจราจร เครื่องหมายจราจร หรือสัญญาณจราจร สำหรับการจราจรบนทางหลวง พ.ศ. .... | คค | 03/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดการจัดทำ ปัก ติดตั้งป้ายจราจร เครื่องหมายจราจร หรือสัญญาณจราจร สำหรับการจราจรบนทางหลวง พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงรูปแบบ ความหมาย ลักษณะ และตัวอย่างของเครื่องหมายจราจร อุปกรณ์จราจร และสัญญาณจราจร ให้สอดคล้องกับประกาศคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก เรื่อง มาตรฐานเครื่องหมายจราจร ข้อกำหนดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่อง สัญญาณจราจร เครื่องหมายจราจรและความหมายของสัญญาณจราจร และเครื่องหมายจราจร และพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควร (๑) ให้มีการจัดทำ ติดตั้งป้ายจราจร เครื่องหมายจราจร ที่เป็นภาษาอังกฤษสำหรับความเข้าใจของนักท่องเที่ยว (๒) การจัดทำและติดตั้งป้ายจราจร เครื่องหมายจราจร ควรมีความเป็นสากลและสอดคล้องกับความตกลงที่มีอยู่ภายใต้กรอบอาเซียน และ (๓) ให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนให้เกิดความรู้ความเข้าใจ และมีการกำหนดระยะเวลาในการดำเนินการที่เหมาะสม รวมทั้งให้ความสำคัญกับการทบทวนตำแหน่งการติดตั้งป้ายจราจร ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11088 | การรับรองร่างปฏิญญาการเมืองในการประชุมคณะกรรมาธิการว่าด้วยสถานภาพสตรี สมัยที่ 64 | พม | 03/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างปฏิญญาการเมืองในการประชุมคณะกรรมาธิการว่าด้วยสถานภาพสตรี สมัยที่ ๖๔ ซึ่งจะมีการรับรองในการประชุมคณะกรรมาธิการว่าด้วยสถานภาพสตรี สมัยที่ ๖๔ ระหว่างวันที่ ๙-๒๐ มีนาคม ๒๕๖๓ ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา โดยร่างปฏิญญาการเมืองฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันของประเทศภาคีสมาชิกในการส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศและการเสริมพลังของสตรีและเด็กหญิง การเน้นความเชื่อมโยงระหว่างการนำปฏิญญาปักกิ่งและแผนปฏิบัติการเพื่อความก้าวหน้าของสตรี (Beijing Declaration and Platform for Action) และวาระการพัฒนาที่ยั่งยืนไปปฏิบัติร่วมกับการดำเนินการตามอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ (Convention on the Elimination of All Forms of Discrimination against Women : CEDAW) การย้ำความรับผิดชอบหลักของคณะกรรมาธิการว่าด้วยสถานสภาพสตรีในการเป็นกลไกหลักในการติดตามผลการประชุมระดับโลกว่าด้วยเรื่องสตรี และปฏิญญาปักกิ่งและแผนปฏิบัติการเพื่อความก้าวหน้าของสตรี รวมทั้งการผลักดันและติดตามให้เกิดความเท่าเทียมระหว่างเพศในระบบสหประชาชาติ และย้ำความมุ่งมั่นที่จะทำให้เกิดความเท่าเทียมระหว่างเพศภายใน ค.ศ. ๒๐๓๐ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาการเมืองฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. เห็นชอบให้เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ให้การรับรองร่างปฏิญญาการเมืองฯ แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ชี้แจงเพิ่มเติม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11089 | การขอความเห็นชอบต่อร่างหนังสือตราสารการโอนกรรมสิทธิ์ (Deed of Grant) เรือลาดตระเวนฉบับใหม่ ระหว่างสำนักงาน ป.ป.ส. และกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดเมียนมา | ยธ | 03/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11090 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ) | พน | 03/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพลังงาน ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11091 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายนิรันดร์ ยิ่งมหิศรานนท์) | อก | 03/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายนิรันดร์ ยิ่งมหิศรานนท์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงอุตสาหกรรม ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11092 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข | สธ | 03/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ปริญญา เทวานฤมิตรกุล ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข โดยมีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓ มีนาคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ผู้ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแทนอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11093 | ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามมาตรา 151 ของรัฐธรรมนูญ | สผ | 03/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเกี่ยวกับญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามมาตรา ๑๕๑ ของรัฐธรรมนูญ เมื่อวันศุกร์ที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ซึ่งลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีทั้ง ๖ คน ด้วยคะแนนเสียงไม่มากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร จึงถือว่ารัฐมนตรีทั้ง ๖ คน ได้รับความไว้วางใจจากสภาผู้แทนราษฎร ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11094 | การเตรียมความพร้อมป้องกันและควบคุมการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 | สธ | 03/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11095 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | นร07 | 03/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติให้หน่วยงานรับงบประมาณ ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณใหม่ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ จำนวน ๑,๔๗๐ รายการ เป็นวงเงินภาระผูกพันรวมทั้งสิ้น ๓๐๗,๖๐๒.๒ ล้านบาท สำหรับรายการที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป จำนวน ๔๓ รายการ วงเงิน ๑๑๑,๒๒๕.๐ ล้านบาท เมื่อทราบผลประกวดราคาแล้ว เห็นสมควรให้หน่วยรับงบประมาณนำเสนอนายกรัฐมนตรีทราบอีกครั้งหนึ่งก่อนดำเนินการต่อไป ๑.๒ อนุมัติให้หน่วยรับงบประมาณที่ไม่สามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ สามารถดำเนินการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตามที่เสนอได้ ๑.๓ รายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่จะต้องจ่ายในรูปของเงินตราต่างประเทศ เช่น รายการค่าเช่าบ้าน ค่าเช่าอาคารสำนักงาน และค่าเช่าทรัพย์สินในต่างประเทศ ฯลฯ ให้สำนักงบประมาณพิจารณาอนุมัติวงเงินผูกพันที่เปลี่ยนแปลงไปจากที่ได้รับอนุมัติเนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยน ในกรณีที่หน่วยรับงบประมาณสามารถปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบอีกครั้ง ๑.๔ ให้หน่วยรับงบประมาณเร่งรัดดำเนินการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ โดยให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดกำกับดูแลและเร่งรัดการดำเนินงานให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๖๓ เรื่อง มาตรการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11096 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าวัสดุอุปกรณ์ในการจัดทำหน้ากากอนามัยในการดำเนินโครงการพลังคนไทยร่วมใจป้องกันไวรัสโคโรนา (COVID - 19) | มท | 03/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบการจัดทำโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการให้ความรู้ในการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และการจัดทำหน้ากากอนามัยเพื่อการป้องกันตนเอง ๑.๒ อนุมัติจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในวงเงินงบประมาณ ๒๒๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท สำหรับเป็นค่าวัสดุอุปกรณ์ในการจัดทำหน้ากากอนามัยในโครงการพลังคนไทยร่วมใจป้องกันไวรัสโคโรนา (COVID-19) โดยการจัดสรรเป็นเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน ๗,๗๗๔ แห่ง (เทศบาลและองค์การบริหารส่วนตำบล) ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11097 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่ : กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระยะการระบาดในวงจำกัด (ระยะที่ 2) | สธ | 03/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบโครงการเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่ : กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระยะระบาดในวงจำกัด (ระยะที่ ๒) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ๑.๒ อนุมัติการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ๑,๒๓๓,๒๗๒,๙๐๐ บาท ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11098 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 03/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๓ นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐเร่งรัดดำเนินการป้องกัน ควบคุม แก้ไขปัญหา และบรรเทาผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ดังต่อไปนี้
ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๑. ด้านการป้องกันโรค/สุขภาพ ๑.๑ ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐดำเนินการตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) อย่างเคร่งครัด และหากมีความจำเป็น ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐสามารถกำหนดมาตรการภายในได้ตามความเหมาะสมต่อไป ๑.๒ ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐระงับหรือเลื่อนการเดินทางไปศึกษา ดูงาน ฝึกอบรม หรือประชุม ในประเทศที่มีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) และประเทศเฝ้าระวัง ตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด โดยในส่วนของการดูงานหรือฝึกอบรม ให้พิจารณาเปลี่ยนแปลงงบประมาณเป็นการดูงาน หรือฝึกอบรมภายในประเทศแทน จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย เว้นแต่กรณีมีความจำเป็นไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ต้องได้รับอนุญาตให้เดินทางออกนอกราชอาณาจักรจากหัวหน้าส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังพิจารณากำหนดมาตรการที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มีผลกระทบต่อเอกชนคู่สัญญาในการระงับหรือเลื่อนการเดินทางไปศึกษา ดูงาน ฝึกอบรม หรือประชุมน้อยที่สุด ๑.๓ ให้เจ้าหน้าที่ของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เดินทางกลับมาจาก หรือเดินทางผ่าน หรือมีเส้นทางแวะผ่าน (Transit/Transfer) ประเทศที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อและแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) และจำเป็นต้องสังเกตอาการ อยู่ปฏิบัติงานภายในที่พักเป็นเวลา ๑๔ วัน โดยไม่ถือเป็นวันลา ทั้งนี้ ให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนกำหนดหลักเกณฑ์สำหรับให้ข้าราชการปฏิบัติงานภายในที่พักตามแนวทางดังกล่าวข้างต้นได้ โดยให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ๑.๔ ให้ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการคัดกรองประชาชนที่เดินทางกลับมาจาก หรือเดินทางผ่าน หรือมีเส้นทางแวะผ่าน (Transit/Transfer) ประเทศที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อและแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) อย่างเคร่งครัด และปฏิบัติตามมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนด ในกรณีที่มีความจำเป็นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดการขนส่งประชาชนกลุ่มดังกล่าวกลับภูมิลำเนาหรือไปยังสถานพยาบาลอย่างเหมาะสม และการกำกับดูแล การกักกันตนเอง ณ ที่พักอาศัย โดยให้มีการบูรณาการการดำเนินงานระหว่างชุมชน จิตอาสา อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และสถานพยาบาลในพื้นที่ในการติดตาม เฝ้าระวัง ตรวจสอบ และป้องกันอย่างใกล้ชิด ๑.๕ ให้กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ดำเนินมาตรการคัดกรองผู้โดยสาร ณ ท่าอากาศยาน ท่าเรือ สถานีรถไฟ สถานีรถไฟฟ้า สถานีขนส่งผู้โดยสาร และท่ารถอย่างเคร่งครัด ๑.๖ ให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงกลาโหมจัดเตรียมสถานที่/พื้นที่สำหรับสังเกตอาการในกรณีที่พบว่าผู้เดินทางเป็นหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคติดต่ออันตราย โรคระบาด หรือพาหะนำโรคตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด ๑.๗ ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการภาคเอกชนหลีกเลี่ยงหรือเลื่อนการจัดกิจกรรมที่มีการรวมตัวของประชาชนเป็นจำนวนมาก และอาจมีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโดยไม่จำเป็น เช่น การแข่งขันกีฬา การจัดคอนเสิร์ต และการจัดมหรสพ เว้นแต่ในกรณีที่ผู้ประกอบการภาคเอกชนมีความจำเป็นต้องจัดกิจกรรมโดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ให้ดำเนินการตามมาตรการเฝ้าระวังและป้องกัน ตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดอย่างเคร่งครัด ในกรณีที่เป็นกิจกรรมที่ต้องขออนุญาตจากส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เป็นผู้มีอำนาจอนุญาตพิจารณาความเหมาะสมของการจัดกิจกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกิจกรรมที่มีการรวมตัวของประชาชนจำนวนมาก ให้พิจารณาอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงความเสี่ยงต่อสาธารณชนโดยรวมต่อการแพร่ระบาดของโรคเป็นสำคัญ ๑.๘ ให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกันพิจารณาปริมาณความต้องการของสินค้าที่จำเป็นต่อการป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) เช่น หน้ากากอนามัย และน้ำยาฆ่าเชื้อหรือเจลฆ่าเชื้อและจัดหาให้เพียงพอกับความต้องการดังกล่าวในแต่ละช่วงเวลา โดยควรจัดลำดับความสำคัญในการกระจายสินค้าที่จำเป็นดังกล่าวตามระดับความเสี่ยงของบุคคล หน่วยงาน และสถานที่ เช่น สถานพยาบาลทั้งภาครัฐและภาคเอกชน กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน กลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) และประชาชนทั่วไป ๑.๙ ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการป้องกันการกักตุนและควบคุมราคาสินค้าที่จำเป็นต่อการป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) เช่น หน้ากากอนามัย และน้ำยาฆ่าเชื้อหรือเจลฆ่าเชื้ออย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ให้ครอบคลุมถึงช่องทางการขายสินค้าออนไลน์ด้วย ๑.๑๐ ในกรณีกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความจำเป็นต้องจัดหาเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่จำเป็นเพิ่มเติม ให้ประสานสำนักงบประมาณ เพื่อขอรับจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติม เพื่อให้มีเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ต่าง ๆ สำหรับดำเนินการอย่างเพียงพอ ๑.๑๑ ให้กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงแรงงานติดตามและดูแลคนไทยที่พำนักอยู่ในประเทศที่มีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) และประเทศเฝ้าระวัง ตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดอย่างใกล้ชิด ๑.๑๒ ให้คณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อม ป้องกัน และแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติมีการประชุมอย่างสม่ำเสมอ เพื่อรับทราบสถานการณ์และข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งพิจารณาตัดสินใจกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาให้ทันต่อสถานการณ์ ๑.๑๓ ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีจัดให้มีศูนย์ข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ขึ้น ณ ทำเนียบรัฐบาล เพื่อบูรณาการข้อมูลจากทุกส่วนราชการ รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน และสื่อสารข้อมูลที่ถูกต้องให้แก่สาธารณชน โดยเฉพาะในส่วนของมาตรการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ในทุกมิติ รวมถึงจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ให้เข้าถึงทุกกลุ่ม เพื่อสร้างการรับรู้ ตระหนัก และขอความร่วมมือประชาชนปฏิบัติตามมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด โดยเฉพาะขั้นตอนการเฝ้าระวังและการป้องกัน ๑.๑๔ ให้กระทรวงสาธารณสุขดูแลบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขที่เกี่ยวข้องในด้านต่าง ๆ อย่างเหมาะสม และจัดให้มีสวัสดิการพิเศษเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขที่เกี่ยวข้อง และครอบครัว ๑.๑๕ ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีพิจารณาจัดตั้งกองทุนสนับสนุนการดำเนินการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) เพื่อสนับสนุนการจัดหาสินค้าที่จำเป็นต่อการป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) เช่น หน้ากากอนามัย และน้ำยาฆ่าเชื้อหรือเจลฆ่าเชื้อ ดูแลบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขที่เกี่ยวข้องในด้านต่าง ๆ อย่างเหมาะสม และการดำเนินการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยคณะรัฐมนตรีจะสมทบเงินเข้ากองทุนดังกล่าวเป็นทุนประเดิม ๑.๑๖ ให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงสาธารณสุขบูรณาการและเชื่อมโยงข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) เพื่อรองรับการดำเนินการตามพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. ๒๕๕๐ หากมีความจำเป็น ๒. ด้านการบรรเทาผลกระทบที่เกี่ยวข้อง มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกำหนดมาตรการบรรเทาผลกระทบและกระตุ้นเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) โดยครอบคลุมด้านต่าง ๆ ได้แก่ มาตรการทางภาษี มาตรการด้านสินเชื่อและพักชำระหนี้ มาตรการด้านงบประมาณ มาตรการสร้างความเชื่อมั่นในตลาดทุน มาตรการการจ้างงานและพัฒนาทักษะ และมาตรการด้านสินค้าเกษตรและสินค้าอื่นในชุมชน เพื่อเสนอคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจพิจารณาโดยเร็ว ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป รวมทั้งให้ข้อมูลและสื่อสารกับสาธารณชน เพื่อให้เกิดเอกภาพและสร้างความมั่นใจให้แก่สาธารณชน ผ่านศูนย์ข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ที่จะได้มีการจัดตั้งขึ้น ณ ทำเนียบรัฐบาล ในการดำเนินมาตรการบรรเทาผลกระทบและกระตุ้นเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11099 | การแก้ไขปรับปรุุงบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 301 ตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ | 03/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายให้กระทรวงสาธรณสุข กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันดำเนินการแก้ไขปรับปรุงประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๐๑ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ ๔/๒๕๖๓ ลงวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ เพื่อดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสามร้อยหกสิบวับนับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย โดยให้รับฟังความคิดเห็นของบุคลากรทางการแพทย์และดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๗๗ ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11100 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 6/2562 | ทส | 24/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) ครั้งที่ ๖/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๖๒ ซึ่งได้พิจารณาเรื่องเชิงนโยบายที่สำคัญและได้ข้อยุติแล้ว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กก.วล. มีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดไว้ในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมในภาพรวม (รายงานสถานการณ์) โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีข้อเสนอแนะต่อ กก.วล. เช่น ควรระบุหน่วยงานอนุญาตและขั้นตอนการเสนอรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (รายงาน EIA) ให้สอดคล้องกับขั้นตอนการอนุญาตตามกฎหมายของหน่วยงานอนุญาต พร้อมทั้งพัฒนาระบบ Smart EIA ให้เชื่อมโยงกับระบบฐานข้อมูลของหน่วยงานอนุญาต เพื่อให้สามารถใช้งานระบบฐานข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เป็นต้น ๒. กก.วล. มีมติรับทราบนโยบายและแผนการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๘๐ และแผนจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๕ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประสานสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ๓. กก.วล. มีมติเห็นชอบตามความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมต่อรายงาน EIA จำนวน ๒ โครงการ ได้แก่ (๑) โครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชน หารายได้ จังหวัดภูเก็ต (เทพกระษัตรี ๒ และ ๓) ของการเคหะแห่งชาติ และ (๒) โครงการระบบโครงข่ายไฟฟ้า ๕๐๐ กิโลโวลต์ สุราษฎร์ธานี ๒-ภูเก็ต ๓ (ส่วนที่พาดผ่านพื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี) ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ๔. กก.วล. มีมติเห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง คณะกรรมการเปรียบเทียบและวิธีพิจารณาของคณะกรรมการเปรียบเทียบตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ โดยมีสาระสำคัญ ได้แก่ (๑) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแต่งตั้งคณะกรรมการเปรียบเทียบในเขตกรุงเทพมหานครและในส่วนภูมิภาคตามความเหมาะสม และ (๒) การเสนอเรื่องต่อคณะกรรมการเปรียบเทียบ ๕. กก.วล. มีมติเห็นชอบตามความเห็นของคณะอนุกรรมการกำกับการจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๒ โดยเห็นชอบแผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ รวม ๔๒ จังหวัด และเห็นชอบโครงการภายใต้แผนดังกล่าว จำนวน ๗ โครงการ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๑,๑๖๐,๒๔๕,๑๐๐ บาท ซี่งเป็นการก่อสร้างหรือดำเนินการเพื่อให้มีระบบบำบัดน้ำเสียรวม ๖. กก.วล. มีมติเห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เรื่อง การยกเลิกประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ฉบับที่ ๕ (พ.ศ. ๒๕๕๘) เรื่อง หลักเกณฑ์ และวิธีการในการแต่งตั้งคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านอุตสาหกรรมและระบบสาธารณูปโภคที่สนับสนุนในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ โดยมีเหตุผลของการยกเลิก เนื่องจากในระยะที่ผ่านมามีรายงาน EIA ด้านอุตสาหกรรมและระบบสาธารณูปโภคที่สนับสนุนในพื้นที่ดังกล่าวเพียง ๓ โครงการ ประกอบกับปัจจุบันรัฐบาลมีนโยบายพัฒนาพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จึงทำให้ไม่มีการนำเสนอรายงาน EIA ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษทั้ง ๑๐ จังหวัด
|
.....