ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 556 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 11101 - 11120 จากข้อมูลทั้งหมด 124013 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
11101 | ผลการประชุมคณะกรรมการร่วมสำหรับความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ระดับรัฐมนตรี อย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่ 3 | คค | 24/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการร่วมสำหรับความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ระดับรัฐมนตรี อย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่ ๓ เมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๒ ณ กรุมพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (นายถาวร เสนเนียม) ทำหน้าที่หัวหน้าคณะผู้แทนไทย ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าการดำเนินการภายใต้บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการดำเนินการตามความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง “ระยะแรก” (Memorandum of Understanding on the ‘Early Harvest’ Implementation of the Greater Mekong Subregion Cross-Border Transport Facilitation Agreement) ของแต่ละประเทศสมาชิกลุ่มแม่น้ำโขง และสนับสนุนให้ประเทศสมาชิกดำเนินการออกใบอนุญาตการขนส่งทางถนน “ระยะแรก” (Permit) และเอกสารนำเข้าชั่วคราว (TAD) ให้เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งให้การยอมรับใบอนุญาตการขนส่งทางถนนระหว่างกันโดยเร็ว ๒. ที่ประชุมรับทราบว่าที่ประชุมคณะอนุกรรมการด้านศุลกากร (Customs Sub-Committee) ครั้งที่ ๒ ได้ร่วมกันพิจารณารูปแบบของระบบศุลกากรผ่านแดน (Customs Transit System) สำหรับการดำเนินการภายใต้บันทึกความเข้าใจ “ระยะแรก” เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกด้านการดำเนินการพิธีศุลกากรผ่านแดนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และเห็นชอบให้เจ้าหน้าที่อาวุโสของคณะกรรมการอำนวยความสะดวกการขนส่งแห่งชาติ (National Transport Facilitation Committee : NTFC) ร่วมกับธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank : ADB) ร่างแนวทางและขั้นตอนสำหรับผู้ประกอบการขนส่งระหว่างประเทศภายใต้บันทึกความเข้าใจ “ระยะแรก” ให้สามารถเข้าถึงระบบศุลกากรผ่านแดนของประเทศสมาชิกได้ และมอบหมายให้ที่ประชุมคณะอนุกรรมการด้านศุลกากรพิจารณาความเป็นไปได้ในการจัดทำบันทึกความเข้าใจ ทั้งแบบทวิภาคีและพหุภาคีตามหลักการทางกฎหมายและเพื่อการเข้าถึงระบบศุลกากรผ่านแดนของแต่ละประเทศ และรายงานต่อที่ประชุมคณะกรรมการร่วมฯ ครั้งที่ ๘ ในปี ๒๕๖๓ ๓. ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าการดำเนินการภายใต้บันทึกความเข้าใจในการเริ่มใช้ความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (The Initial Implementation of the Cross-Border Transport Agreement : IICBTA) ของประเทศสมาชิก และเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการสิ้นสุดของการมีผลบังคับใช้การดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจ IICBTA ออกไปอีก ๑ ปี จากเดิมสิ้นสุดวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๓ เป็นจนถึงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๔ ๔. ที่ประชุมรับทราบว่า ไทย เมียนมา และกัมพูชาได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเปิดเส้นทางการขนส่งระหว่างประเทศและจุดข้ามแดนเพิ่มเติม ภายใต้พิธีสาร ๑ ของความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Greater Mekong Subregion Cross-Border Transport Facilitation Agreement : CBTA) แล้ว และที่ประชุมขอให้ประเทศสมาชิกที่เหลือดำเนินกระบวนการภายในของตนให้แล้วเสร็จเพื่อให้สามารถลงนามได้ภายในวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๓ ๕. ที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นร่วมกันในการส่งเสริมและอำนวยความสะดวกในด้านการค้า การลงทุน การเพิ่มจำนวนรถขนส่งสินค้าและรถขนส่งผู้โดยสาร ภายใต้บันทึกความเข้าใจ “ระยะแรก” และเห็นชอบให้ ADB จัดเวทีการหารือระหว่างรัฐมนตรีและภาคเอกชนเพื่อรับฟังความเห็นของภาคเอกชน ตลอดจนปัญหาอุปสรรคในการขนส่ง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11102 | รายงานผลการประชุมใหญ่ระดับโลกว่าด้วยวิทยุคมนาคม ค.ศ. 2019 (WRC - 19) | กสทช | 24/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการประชุมใหญ่ระดับโลกว่าด้วยวิทยุคมนาคม ค.ศ. ๒๐๑๙ (World Radiocommunication Conference : WRC-19) ระหว่างวันที่ ๒๘ ตุลาคม-๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ เมืองชาร์ม อัค ซีค สาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ โดยที่ประชุมฯ ได้พิจารณาท่าทีตามกลุ่มทำงานที่ทำการศึกษาตามวาระการประชุมฯ จำนวน ๖ กลุ่มทำงาน ได้แก่ (๑) กิจการเคลื่อนที่ทางบกและกิจการประจำที่ (๒) กิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากลและการสื่อสารไร้สายความเร็วสูง (Mobile Broadband) อื่น ๆ (๓) กิจการดาวเทียม (๔) กิจการเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ (๕) กิจการวิทยุสมัครเล่น กิจการทางการบิน และกิจการทางทะเล และ (๖) ประเด็นทั่วไป (general issues) ได้แก่ ศึกษาหัวข้อการส่งกำลังไร้สาย (WPT) สำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้า และผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับกิจการวิทยุคมนาคม ศึกษาการกำหนดมาตรการเพิ่มเติมเพื่อจำกัดการส่งขาขึ้นของอุปกรณ์สถานีดาวเทียมภาคพื้นโลกให้มีได้เพียงเฉพาะอุปกรณ์ที่ได้รับอนุญาตโดยถูกต้อง ตามที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11103 | ผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ครั้งที่ 1/2562 | สพร. | 24/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) เสนอมติการประชุมคณะกรรมการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ครั้งที่ ๑/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ซึ่งที่ประชุมฯ ได้รับทราบและพิจารณาในประเด็นสำคัญต่าง ๆ ประกอบด้วย (๑) เรื่องเสนอเพื่อพิจารณา จำนวน ๓ เรื่อง ได้แก่ (ร่าง) แผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕ (ร่าง) ประกาศคณะกรรมการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล เรื่อง ธรรมาภิบาลข้อมูลภาครัฐ และมาตรการต่าง ๆ ในโครงการนำร่องศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จของภาครัฐ (One-Stop Service) และ (๒) เรื่องเพื่อทราบ จำนวน ๒ เรื่อง ได้แก่ หลักการและสาระสำคัญของพระราชบัญญัติการบริหารงานและการให้บริการภาครัฐผ่านระบบดิจิทัล พ.ศ. ๒๕๖๒ และรายงานการขับเคลื่อนการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลในช่วงที่ผ่านมา และสั่งการหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ ๑.๑ ให้หน่วยงานภาครัฐทุกหน่วยงานดำเนินการตามประกาศคณะกรรมการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล เรื่อง ธรรมาภิบาลข้อมูลภาครัฐ โดยระยะแรกมุ่งเน้นให้หน่วยงานระดับกระทรวง และการดำเนินการจัดทำธรรมาภิบาลข้อมูลภายในหน่วยงานให้เป็นไปตามประกาศคณะกรรมการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล เรื่อง ธรรมาภิบาลข้อมูลภาครัฐ ภายใต้เป้าหมายการขับเคลื่อนประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๓-๒๕๖๕ ๑.๒ ให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมาตรการระยะสั้นและระยะยาวของโครงการนำร่องศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จของภาครัฐ (One-Stop Service) ตามมติที่ประชุมฯ ๒. ให้สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงาน ก.พ.ร. เช่น กำหนดระยะเวลาและตัวชี้วัดของการดำเนินการต่าง ๆ ให้ชัดเจน และประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดทำแผนปฏิบัติการธรรมาภิบาลข้อมูลภาครัฐทั้งระบบ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11104 | การกำหนดค่าตอบแทนคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และคณะอนุกรรมการที่คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจแต่งตั้ง | กค | 24/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการกำหนดค่าตอบแทนกรรมการในคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และคณะอนุกรรมการที่คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจแต่งตั้ง โดยให้ได้รับค่าตอบแทนเป็นรายเดือนเฉพาะเดือนที่มาร่วมประชุม และให้ได้รับค่าตอบแทนตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจครบถ้วนเมื่อวันที่ ๒ มกราคม ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. สำหรับภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ เห็นควรให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน หรือที่ได้รับจัดสรรตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ส่วนค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11105 | การแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำราชรัฐโมนาโก (นายเรฌี แบร์กอนซี) | กต | 24/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายเรฌี แบร์กอนซี (Mr. Regis Bergonzi) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำราชรัฐโมนาโก สืบแทน นายฌอง-โคลด มูรู (Mr. Jean-Claude Mourou) ซึ่งลาออกจากตำแหน่ง โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมราชรัฐโมนาโก ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11106 | รัฐบาลสาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์ - เลสเตเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์ - เลสเตประจำประเทศไทย (นางสาวอาร์มังดีนา มารียา กุชเมา ดุช ซังตุช) | กต | 24/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวอาร์มังดีนา มารียา กุชเมา ดุช ซังตุช (Ms. Armandina Maria Gusmao dos Santos) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์-เลสเตประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายโจอาคิม อามารัล (Mr. Joaquim Amaral) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11107 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขายทอดตลาด พ.ศ. .... | ยธ | 24/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขายทอดตลาด พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขายทอดตลาด พ.ศ. ๒๕๕๙ เพื่อให้สอดคล้องกับบทบัญญัติเกี่ยวกับการขายทอดตลาดที่มีการแก้ไขในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งเพื่อให้การขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีมีความรวดเร็ว โปร่งใส เป็นธรรม และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11108 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติสำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. .... | นร09 | 24/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแบ่งส่วนราชการของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นและเหมาะสมกับสภาพของงานที่เปลี่ยนแปลงไป อันจะทำให้การปฏิบัติภารกิจตามอำนาจหน้าที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งร่างกฎกระทรวงดังกล่าวให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเพื่อนำเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาลงนาม และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11109 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดสาขาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม พ.ศ. .... | อว | 24/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดสาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้วิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในสาขาธรณีวิทยาและสาขาอนามัยสิ่งแวดล้อม เป็นวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม เพิ่มเติม เพื่อเป็นการส่งเสริมและควบคุมการประกอบวิชาชีพดังกล่าว รวมทั้งเพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองความปลอดภัยในชีวิตและสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีสุขภาพดีของประชาชน ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11110 | ร่างหนังสือแสดงเจตจำนงระหว่างองค์การจัดการน้ำเสียกับองค์การงานระบายน้ำแห่งประเทศญี่ปุ่น (Japan Sewage Works Agency) | มท | 24/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างหนังสือแสดงเจตจำนงระหว่างองค์การจัดการน้ำเสียกับองค์การงานระบายน้ำแห่งประเทศญี่ปุ่น (Japan Sewage Works Agency) และให้ผู้แทนองค์การจัดการน้ำเสียเป็นผู้ลงนามในร่างหนังสือแสดงเจตจำนงฯ โดยร่างหนังสือแสดงเจตจำนงฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดโอกาสและอำนวยความสะดวกสำหรับความร่วมมือในการทำงานร่วมกัน และเพื่อให้การถ่ายทอดแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และบุคลากรในการบริหารจัดการระบบบำบัดน้ำเสีย รวมถึงกิจกรรมที่เกี่ยวข้องให้เกิดประสิทธิภาพและเป็นประโยชน์ โดยขอบเขตความร่วมมือครอบคลุมด้านต่าง ๆ เช่น นโยบายการพัฒนาและการจัดการเกี่ยวกับงานบำบัดน้ำเสีย เทคโนโลยีและเทคนิคการประเมิน มาตรฐาน และคู่มือสำหรับงานบำบัดน้ำเสีย การส่งเสริมและการสนับสนุนในกิจกรรมความร่วมมือทางวิชาการในหมู่เทศบาล/บริษัทของไทยและญี่ปุ่น เป็นต้น โดยองค์การงานระบายน้ำแห่งประเทศญี่ปุ่นมีความประสงค์จะลงนามหนังสือแสดงเจตจำนงฯ ภายในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างหนังสือแสดงเจตจำนงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับประเด็นที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินทางปัญญาหรือลิขสิทธิ์เทคโนโลยีที่อาจจะมีการพัฒนาร่วมกันระหว่างไทยกับญี่ปุ่น และในระยะยาวควรมีการพัฒนาต่อยอดเทคโนโลยีของตนเอง รวมถึงแนวทางการบริหารจัดการระบบน้ำเสียระดับชุมชนที่ท้องถิ่นสามารถดำเนินการได้เองอย่างยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11111 | ขออนุมัติจัดสรรเงินจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรโครงการสนับสนุนเงินทุนเพื่อสร้างระบบน้ำในไร่นาของสมาชิกสถาบันเกษตรกร ระยะที่ 2 ของกรมส่งเสริมสหกรณ์ | กษ | 24/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติจัดสรรเงินจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ยืมเพื่อนำไปดำเนินการตามโครงการสนับสนุนเงินทุนเพื่อสร้างระบบน้ำในไร่นาของสมาชิกสถาบันเกษตรกร ระยะที่ ๒ มีกำหนดชำระคืนภายใน ๖ ปี ระยะเวลาโครงการ ปี ๒๕๖๓-๒๕๖๘ โดยอนุมัติวงเงินจำนวน ๕๐๘,๒๐๐,๐๐๐ บาท โดยแบ่งเป็นเงินยืม (เงินหมุนเวียน) จำนวน ๕๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อให้สมาชิกสถาบันเกษตรกรกู้ยืมในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๐ ต่อปี ให้มีระยะเวลาปลอดการชำระหนี้ใน ๒ ปีแรก และเงินจ่ายขาดจำนวน ๘,๒๐๐,๐๐๐ บาท สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการและติดตามงาน ตามมติคณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกร ในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เช่น ควรให้ความสำคัญกับกระบวนการสำรวจออกแบบแหล่งน้ำในไร่นาและจัดทำแผนผังให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่และการบริหารระบบน้ำในไร่นาให้เกิดความยั่งยืน การติดตามผลการชำระคืนเงินจากสถาบันเกษตรกรเพื่อให้การชำระคืนเงินกองทุนฯ เป็นไปตามเป้าหมายและระยะเวลาที่กำหนด และการขอให้กรมส่งเสริมสหกรณ์จัดส่งข้อมูลพิกัดโครงการและผลการดำเนินงาน (Big Data) ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเพื่อใช้เป็นข้อมูลต่อไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11112 | การดำเนินงานโครงการตามแผนปฏิบัติการฟื้นฟู เยียวยา เกษตรกรผู้ประสบภัยฝนทิ้งช่วงและอุทกภัย ปี 2562 | กษ | 24/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ คู่มือการดำเนินงานแผนปฏิบัติการฟื้นฟู เยียวยา เกษตรกรผู้ประสบภัยฝนทิ้งช่วง และอุทกภัย ปี ๒๕๖๒ ของ ๔ โครงการ ได้แก่ (๑) โครงการส่งเสริมการปลูกพืชใช้น้ำน้อยเพื่อสร้างรายได้แก่เกษตรกร (๒) โครงการรักษาระดับปริมาณและคุณภาพข้าว ปี ๒๕๖๓/๖๔ (๓) โครงการพัฒนาเสริมทางเลือกอาชีพด้านประมง การเลี้ยงปลานิลแปลงเพศในบ่อดิน และ (๔) โครงการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์ปีก โดยมีรายละเอียด เช่น คุณสมบัติของเกษตรกรและเงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการ ขั้นตอน/แผนการดำเนินงาน ๑.๒ ผลการดำเนินงานตามแผนการฟื้นฟู เยียวยา เกษตรกรผู้ประสบภัยฝนทิ้งช่วง และอุทกภัย ปี ๒๕๖๒ โดยผลการรับสมัครเกษตรกร ปรากฏว่า โครงการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์ปีก มีเกษตรกรแจ้งความประสงค์ขอเข้าร่วมโครงการมากกว่าเป้าหมาย ส่วนโครงการส่งเสริมการปลูกพืชใช้น้ำน้อยเพื่อสร้างรายได้แก่เกษตรกร โครงการรักษาระดับปริมาณและคุณภาพข้าว ปี ๒๕๖๓/๖๔ และโครงการพัฒนาเสริมทางเลือกอาชีพด้านประมง การเลี้ยงปลานิลแปลงเพศในบ่อดิน มีผู้ประสงค์เข้าร่วมต่ำกว่าเป้าหมาย ๒. อนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ถัวจ่ายงบประมาณ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ระหว่างโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการฟื้นฟู เยียวยา เกษตรกรผู้ประสบภัยฝนทิ้งช่วง อุทกภัย ปี ๒๕๖๒ ภายในกรอบวงเงิน ๒,๙๖๗.๕๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สำหรับการปรับเปลี่ยนปริมาณของเมล็ดพันธุ์แต่ละชนิดข้าวและปริมาณเมล็ดพันธุ์ข้าวของแหล่งผลิตตามความเหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมการข้าว) ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินโครงการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณ รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงพาณิชย์ที่เห็นควรส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของสถาบันเกษตรกรให้ยกระดับการผลิตข้าวเปลือกบริโภคทั่วไปเป็นการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดี และกำกับดูแลการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามหลักการ เป้าหมาย วัตถุประสงค์ และคู่มือการดำเนินงานแผนปฏิบัติการอย่างเคร่งครัด รวมทั้งเร่งรัดการดำเนินโครงการให้ถูกต้องครบถ้วน ตลอดจนจัดให้มีการติดตามและรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบด้วย นอกจากนี้ การขออนุมัติปรับเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ข้าวแต่ละชนิด และปริมาณเมล็ดพันธุ์ข้าวของแหล่งผลิต ควรคำนึงถึงจำนวนเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการที่มีจำนวนต่ำกว่าเป้าหมาย และการปรับเพิ่มปริมาณพันธุ์ที่มากกว่าปริมาณที่จัดสรรให้สหกรณ์การเกษตรดำเนินการ ควรสอดรับกับจำนวนเกษตรกร พื้นที่ และปริมาณเมล็ดพันธุ์ที่จะจัดสรรให้ผู้เข้าร่วมโครงการจริง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11113 | รายงานผลการจัดทำกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2562 | พน | 24/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานเหตุผลที่ไม่อาจดำเนินการตามกฎหมายลำดับรองได้ตามมาตรา ๕๗ แห่งพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งมีกฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงฯ ไม่ทันตามกำหนดเวลา รวม ๘ ฉบับ เนื่องจากสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้จัดทำร่างกฎหมายลำดับรองเพื่อรองรับการปฏิบัติงานภายใต้พระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงฯ จำนวน ๑๕ ฉบับ เสนอคณะอนุกรรมการด้านกฎหมายที่คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้แต่งตั้งภายใต้พระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงฯ พิจารณาแล้ว คณะอนุกรรมการฯ เห็นควรปรับลดจำนวนกฎหมายลำดับรองเพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงฯ ให้เหลือ ๑๐ ฉบับ แต่เนื่องจากร่างกฎหมายลำดับรองที่สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้จัดทำไว้นั้น คณะอนุกรรมการฯ พิจารณาโดยถี่ถ้วนแล้ว ปรากฏว่าร่างกฎหมายลำดับรองดังกล่าวยังคงมีความสมบูรณ์ไม่เพียงพอที่จะนำมาใช้บังคับ ซึ่งในกระบวนการดำเนินงานต้องทำการปรับปรุงร่างกฎหมายแต่ละฉบับต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร จึงเป็นเหตุให้เกิดความล่าช้าและไม่สามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด อย่างไรก็ตาม มีกฎหมายลำดับรองที่สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสามารถดำเนินการแล้วเสร็จ จำนวน ๒ ฉบับ คือ ประกาศคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. ๒๕๖๒ และประกาศคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11114 | รายงานผลการสมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็นกรรมการมรดกโลก วาระปี พ.ศ. 2562 - 2566 | ทส | 24/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการสมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็นกรรมการมรดกโลก วาระปี พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๖ เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่างลง จำนวน ๙ ที่นั่ง จัดขึ้นในระหว่างการประชุมสมัชชารัฐภาคีแห่งอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก สมัยสามัญ ครั้งที่ ๒๒ (22nd General Assembly of States Parties to the World Heritage Convention) เมื่อวันที่ ๒๗-๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ สำนักงานใหญ่ยูเนสโก กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ซึ่งผลการคัดเลือกคณะกรรมการมรดกโลก จำนวน ๙ ที่นั่ง ได้แก่ สาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ สหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเอธิโอเปีย สาธารณรัฐมาลี สหพันธ์สาธารณรัฐไนจีเรีย รัฐสุลต่านโอมาน สหพันธรัฐรัสเซีย ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย สาธารณรัฐแอฟริการใต้ และราชอาณาจักรไทย โดยราชอาณาจักรไทยได้รับเลือกเข้าเป็นกรรมการมรดกโลก ด้วยคะแนน ๑๕๖ เสียง จากจำนวนรัฐภาคีสมาชิกที่เข้าร่วมการประชุม ๑๗๐ ประเทศ โดยเป็นบัตรดี ๑๕๖ ใบ และบัตรเสีย (Invalid votes) ๑๔ ใบ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11115 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ (จำนวน 9 ราย 1. นายชวลิต ชูขจร ฯลฯ) | ทส | 24/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ รวม ๙ คน แทนประธานกรรมการและกรรมการเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากขาดคุณสมบัติการดำรงตำแหน่งและลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายชวลิต ชูขจร ประธานกรรมการ ๒. รองศาสตราจารย์เจษฎ์ โทณะวณิก กรรมการด้านการศึกษา ๓. นายสรวิศ ธานีโต กรรมการด้านสัตวแพทย์และสวัสดิภาพสัตว์ ๔. รองศาสตราจารย์วรสัณฑ์ บูรณากาญจน์ กรรมการด้านสถาปัตยกรรม ภูมิสถาปัตยกรรม และวิศวกรรม ๕. นายภัทระ คำพิทักษ์ กรรมการด้านบริหารธุรกิจ ๖. นางภาณุมาศ สิทธิเวคิน กรรมการด้านกฎหมาย ๗. นางรัชดาภรณ์ ราชเทวินทร์ กรรมการด้านการเงิน และบัญชี ๘. นายสมิทธิ ดารากร ณ อยุธยา กรรมการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ๙. นายสมศักดิ์ อนันทวัฒน์ กรรมการผู้แทนกระทรวงการคลัง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11116 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ | อื่นๆ | 24/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสมชาย เจริญอำนวยสุข เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ (ด้านคนพิการและผู้สูงอายุ) แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ประธานกรรมการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11117 | รายงานสรุปการประชุมขับเคลื่อนการสร้างพื้นที่ปลอดภัยในหมู่บ้าน/ชุมชนนำร่อง โดยศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ (ศอ.ปส.) | ยธ | 24/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมรายงานสรุปการประชุมขับเคลื่อนการสร้างพื้นที่ปลอดภัยในหมู่บ้าน/ชุมชนนำร่อง โดยศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ (ศอ.ปส.) ซึ่งที่ประชุมฯ มีข้อคิดเห็น/ข้อเสนอแนะ ดังนี้
๑. ควรสนับสนุนให้ผู้นำตามธรรมชาติเข้ามามีส่วนร่วมเป็นแกนนำในการขับเคลื่อนงานในหมู่บ้าน/ชุมชน เพื่อเสริมการทำงานร่วมกับกำนัน/ผู้ใหญ่บ้าน ๒. ควรบูรณาการหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาคุณภาพชีวิต เช่น กระทรวงแรงงานในการพัฒนาวิชาชีพและการตั้งเป้าหมายในชีวิตแก่ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด รวมทั้งนโยบายการลดหย่อนภาษีให้แก่ผู้ประกอบการหรือนายจ้างที่รับผู้ผ่านการบำบัด/ผู้พ้นโทษ เข้าทำงาน ๓. ควรเน้นเรื่องการนำข้อมูลจากระดับหมู่บ้าน/ชุมชน มาบูรณาการเพื่อดำเนินการขยายผลจับกุมควบคู่กับมาตรการยึดทรัพย์ และการพัฒนาคุณภาพชีวิตและครอบครัวของผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งนี้ ควรพิจารณาประเด็นความปลอดภัยของผู้ให้ข้อมูลข่าวสารให้รอบคอบ ๔. ให้สำนักงาน ป.ป.ส. พิจารณาแนวทางการมอบธงสัญลักษณ์ระดับครัวเรือนให้แก่หมู่บ้าน/ชุมชน ที่เข้าร่วมโครงการ ๕. ให้ขยายการดำเนินโครงการให้ครอบคลุมทุกหมู่บ้าน/ชุมชน ของจังหวัดกำแพงเพชร ๖. ให้มีการรายงานความคืบหน้าและผลการดำเนินโครงการให้นายกรัฐมนตรีรับทราบเป็นประจำทุกเดือน เพื่อเป็นต้นแบบของการดำเนินงานในพื้นที่อื่นต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11118 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ 2563) | นร05 | 24/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันพุธที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๓๑ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ วันจันทร์ที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ และครั้งที่ ๓๒ (สมัยสามัญประจำปีครั้งสอง) เป็นพิเศษ วันอังคารที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ และครั้งที่ ๓๓ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ วันพุธที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11119 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2563) | นร04 | 18/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๒๙ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพุธที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ และครั้งที่ ๓๐ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพฤหัสบดีที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ รวมทั้งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ ๒ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันศุกร์ที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11120 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ (ร่างกฏกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเคเบิลเส้นใยนำแสงโทรคมนาคมภายนอกอาคารติดตั้งในท่อร้อยสายและฝังดินโดยตรง ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. ....) | อก | 18/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ เพื่อปรับปรุงมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมท่อพีวีซีแข็งสำหรับใช้เป็นท่อน้ำดื่ม และผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเคเบิลเส้นใยนำแสงโทรคมนาคมภายนอกอาคารติดตั้งในท่อร้อยสายและฝังดินโดยตรง ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมท่อพีวีซีแข็งสำหรับใช้เป็นท่อน้ำดื่ม ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมท่อพีวีซีแข็งสำหรับใช้เป็นท่อน้ำดื่ม ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเคเบิลเส้นใยนำแสงโทรคมนาคมภายนอกอาคารติดตั้งในท่อร้อยสายและฝังดินโดยตรง ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเคเบิลเส้นใยนำแสงโทรคมนาคมภายนอกอาคารติดตั้งในท่อร้อยสายและฝังดินโดยตรง ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน
|
.....