ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 559 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 11161 - 11180 จากข้อมูลทั้งหมด 124013 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
11161 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เครื่องตัดวงจรใช้กระแสเหลือแบบไม่มีอุปกรณ์ป้องกันกระแสเกิน สำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและใช้ในลักษณะที่คล้ายกัน เล่ม 1 หลักเกณฑ์ทั่วไป ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก | 11/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เครื่องตัดวงจรใช้กระแสเหลือแบบไม่มีอุปกรณ์ป้องกันกระแสเกิน สำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและใช้ในลักษณะที่คล้ายกัน เล่ม ๑ หลักเกณฑ์ทั่วไป ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการเพิ่มเติมมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เครื่องตัดวงจรใช้กระแสเหลือแบบไม่มีอุปกรณ์ป้องกันกระแสเกิน โดยกำหนดให้เครื่องตัดวงจรใช้กระแสเหลือแบบไม่มีอุปกรณ์ป้องกันกระแสเกิน ที่มีค่ามาตรฐานของกระแสเหลือใช้งานขนาด ๐.๐๑๕ แอมแปร์ ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน เพื่อให้สอดคล้องกับการใช้งานในปัจจุบัน ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11162 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข 6 ตอนบางปะอิน - นครราชสีมา พ.ศ. .... | คค | 11/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข๖ ตอนบางปะอิน-นครราชสีมา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางหลวงพิเศษหมายเลข ๖ ตอนบางปะอิน-นครราชสีมา เป็นทางหลวงที่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวง โดยกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมตามประเภทของยานยนตร์ และให้มีผลใช้บังคับนับแต่วันที่อธิบดีกรมทางหลวงประกาศกำหนด ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐและเอกชน เช่น (๑) ให้กรมทางหลวงพิจารณากำหนดกลไกการปรับอัตราค่าธรรมเนียมผ่านทางทุก ๕ ปี เพื่อลดความเสี่ยงด้านรายได้และค่าใช้จ่ายของโครงการฯ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบต่อฐานะทางการเงินของกองทุนเงินค่าธรรมเนียมผ่านทางพิเศษระหว่างเมืองจนอาจทำให้เกิดข้อจำกัดในการพัฒนาและปรับปรุงระบบทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองที่เปิดให้บริการในปัจจุบัน (๒) การกำหนดค่าธรรมเนียม กรมทางหลวงจะดำเนินการจัดเก็บได้ต่อเมื่อทางหลวงหมายเลข ๖ เปิดใช้บริการอย่างเป็นทางการแล้ว จึงควรคำนึงถึงความเหมาะสมและสภาพเศรษฐกิจและสังคมในขณะนั้นด้วย และ (๓) กรมทางหลวงควรมีการบริหารจัดการบัญชีเงินทุนค่าธรรมเนียมผ่านทางให้มีความเพียงพอต่อการจ่ายค่าตอบแทนให้กับเอกชนตามกำหนดเวลาที่ได้ตกลงกันไว้ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11163 | ร่างกฎกระทรวงเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์การจัดตั้งบริษัท การร่วมกิจการกับบุคคลอื่น และการถือหุ้นในกิจการตามพระราชบัญญัติธนาคารอาคารสงเคราะห์ พ.ศ. 2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติม จำนวน 2 ฉบับ | กค | 11/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการจัดตั้งบริษัทหรือร่วมกิจการกับบุคคลอื่นเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับหรือเนื่องในการให้สินเชื่อที่อยู่อาศัย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ร่วมกิจการกับบุคคลอื่นที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ได้เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการสร้างระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล ๑.๒ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติธนาคารอาคารสงเคราะห์ พ.ศ. ๒๔๙๖ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์จัดตั้งบริษัท องค์กร หรือร่วมกิจการกับบุคคลอื่นที่เกี่ยวกับการรับประกันสินเชื่อที่อยู่อาศัย หรือการรับประเมินมูลค่าทรัพย์สิน รวมทั้งกำหนดให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ถือหุ้นในบริษัทที่ประกอบธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัยและประกันชีวิตที่เกี่ยวข้องกับการให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยได้ ๒. ให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยเกี่ยวกับ (๑) กรณีการประกอบกิจการเกี่ยวกับการรับประกันสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารอาคารสงเคราะห์ โดยที่พระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม กำหนดให้การประกอบธุรกิจประกันภัยหรือผู้ทำการเป็นผู้รับประกันภัย โดยทำสัญญาประกันภัยหรือสัญญาประกันชีวิตกับบุคคลใด ๆ จะกระทำได้เมื่อจัดตั้งเป็นบริษัทมหาชนจำกัด และได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยหรือใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันชีวิต เว้นแต่มีกฎหมายอื่นกำหนดให้ทำการป็นผู้รับประกันภัยได้ เช่น ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย และธนาคารออมสินที่มีการกำหนดขอบเขตการประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการรับประกันภัยไว้ในกฎหมายระดับพระราชบัญญัติการปรับประกันภัยของธนาคารทั้งสองแห่ง จึงไม่ต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติทั้งสองฉบับดังกล่าว แต่กฎหมายที่กำหนดให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์จัดตั้งบริษัท องค์กร หรือหน่วยงาน ทำการเป็นผู้รับประกันภัย เป็นกฎหมายระดับพระราชกฤษฎีกาและกฎกระทรวง ซึ่งมีศักดิ์ทางกฎหมายต่ำกว่าพระราชบัญญัติทั้งสองฉบับดังกล่าว ดังนั้น การประกอบกิจการเกี่ยวกับการรับประกันสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารอาคารสงเคราะห์ จึงต้องจัดตั้งเป็นบริษัทมหาชนจำกัดและได้รับอนุญาตประกอบธุรกิจ รวมทั้งต้องดำเนินงานภายใต้พระราชบัญญัติทั้งสองฉบับดังกล่าว และ (๒) กรณีกำหนดให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ประกอบธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัยและประกันชีวิตที่เกี่ยวข้องกับการให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยสามารถตีความได้ว่า บริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์จะเข้าไปถือหุ้นต้องได้รับใบอนุญาตเป็นนายหน้าประกันวินาศภัยหรือได้รับใบอนุญาตเป็นนายหน้าประกันชีวิตตามพระราชบัญญัติทั้งสองฉบับดังกล่าว ตามแต่กรณีเท่านั้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11164 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ) | กค | 11/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการขยายเวลาการจดแจ้งการขอใช้สิทธิลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับการประกอบกิจการในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตั้งแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับออกไปถึงวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๓ โดยกำหนดให้มีการลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลจากอัตราร้อยละ ๒๐ เหลือร้อยละ ๑๐ เป็นเวลา ๑๐ รอบระยะเวลาบัญชีต่อเนื่องกัน ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งมีสถานประกอบการตั้งอยู่ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษสำหรับกำไรสุทธิจากรายได้ที่เกิดจากการผลิตสินค้าหรือการให้บริการและมีการใช้บริการในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลดังกล่าว ทั้งนี้ สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีเริ่มในหรือหลังวันที่ได้จดแจ้งการขอใช้สิทธิการเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลในพื้นที่ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11165 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติจัดระเบียบการจอดรถในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2562 รวม 3 ฉบับ | มท | 11/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการ (๑) ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวกับขนาดความหนาแน่นในการจราจร รายได้ และขีดความสามารถในการใช้บังคับให้เป็นไปตามกฎหมายที่จะบังคับแก่เทศบาลตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. .... (๒) ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการจอดรถในที่จอดรถ ค่าใช้จ่ายในการใช้เครื่องมือบังคับไม่ให้เคลื่อนย้ายรถ ค่าเคลื่อนย้ายรถ และค่าดูแลรักษารถในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... และ (๓) ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการมอบให้เอกชนทำหน้าที่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมจอดรถแทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... รวม ๓ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดความหนาแน่นในการจราจรที่จำเป็นต้องจัดให้มีที่จอดรถในทางหลวงหรือในที่สาธารณะและจัดระเบียบการจอดรถ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการจอดรถ อัตราค่าใช้จ่ายในการใช้เครื่องมือบังคับไม่ให้เคลื่อนย้ายรถ อัตราค่าใช้จ่ายในการเคลื่อนย้ายรถและอัตราค่าดูแลรักษารถที่ถูกเคลื่อนย้าย และกำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) อาจมอบหมายให้เอกชนทำหน้าที่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมจอดรถแทนก็ได้ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานอัยการสูงสุดที่เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมข้อ ๒ (๓) ของร่างกฎกระทรวงตาม (๑) เป็น “มีความพร้อมในการจัดบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ วัสดุอุปกรณ์ และการบริหารจัดการ” และมีขีดความสามารถในการบังคับตามพระราชบัญญัติจัดระเบียบการจอดรถในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๖๒ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ และแก้ไขเพิ่มเติมข้อ ๔ ในส่วนของหมายเหตุของร่างกฎกระทรวงตาม (๒) เป็น “ในกรณีที่รถถูกใช้เครื่องมือบังคับไม่ให้เคลื่อนย้ายรถตาม ข้อ ๓ อีก” รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมข้อ ๕ ของร่างกฎกระทรวงตาม (๓) เป็น “เอกชนที่ได้รับมอบให้เรียกเก็บค่าธรรมเนียมจอดรถแทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องดำเนินการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมตามอัตราและวิธีการที่กำหนดไว้ในข้อบัญญัติท้องถิ่น และในอัตราไม่เกินกว่าที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง เพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ประชาชนเกินสมควร” ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงคมนาคม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการดำเนินการดังกล่าวต้องคำนึงถึงการได้รับประโยชน์และไม่เป็นภาระแก่ประชาชนเป็นสำคัญ เกิดประสิทธิภาพ ประสิทธิผล คุ้มค่า โปร่งใสและตรวจสอบได้ และให้ อปท. ตรวจสอบ ดำเนินการตามระเบียบ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และหลักธรรมาภิบาลโดยเคร่งครัด รวมทั้ง อปท. ควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นควบคุมการเก็บค่าธรรมเนียม ค่าดูแลรักษา และการปฏิบัติอื่น ๆ ให้เป็นไปอย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11166 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... (การปรับปรุงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2554) | กค | 11/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๕๔ โดยปรับปรุงขั้นตอนและวิธีการพิจารณาการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจให้สอดคล้องกับบริบทและสถานการณ์ในปัจจุบัน รวมทั้งเพื่อให้สอดคล้องกับบทบัญญัติขอพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และพระราชบัญญัติการพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น (๑) คำนิยามคำว่า “เงินอุดหนุน” ควรระบุว่าแหล่งเงินที่ใช้ในการอุดหนุนจะมาจากแหล่งใด เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการจัดทำข้อเสนอขอรับเงินอุดหนุนของรัฐวิสาหกิจต่อไป และ (๒) การปรับปรุงบทนิยามคำว่า “บริการสาธารณะ” ซึ่งอาจทำให้รัฐวิสาหกิจทุกแห่งสามารถขอรับการอุดหนุนทางการเงินได้ อาจส่งผลให้รัฐมีภาระการอุดหนุนงบประมาณ เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น (๑) การให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ ควรคำนึงถึงศักยภาพและความสามารถในการบริหารของรัฐวิสาหกิจ และควรมีการกำกับและประเมินผลการจัดทำบริการสาธารณะที่ได้รับเงินอุดหนุนตลอดระยะเวลาของการให้เงินอุดหนุน เพื่อไม่ให้เกิดภาระงบประมาณที่เพิ่มมากขึ้นในอนาคต และ (๒) ควรให้รัฐวิสาหกิจจัดทำข้อเสนอแนะการขอรับเงินอุดหนุนบริการสาธารณะในระยะยาว โดยพิจารณากำหนดขอบเขตของรอบระยะเวลาการขอรับเงินอุดหนุนสำหรับการดำเนินงานในลักษณะดังกล่าวเพื่อให้เกิดความชัดเจนในทางปฏิบัติ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11167 | ขอเปลี่ยนแปลงสถานที่ดำเนินการก่อสร้างอาคารบ้านพักตุลาการและข้าราชการศาลปกครองระยอง | ศป | 11/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานศาลปกครองเปลี่ยนแปลงสถานที่ดำเนินการก่อสร้างอาคารบ้านพักตุลาการและข้าราชการศาลปกครองระยอง จากเดิมตำบลเนินพระ เป็นตำบลเชิงเนิน ให้ตรงตามหนังสืออนุญาตให้ใช้ที่ราชพัสดุของกระทรวงการคลัง แปลงหมายเลขทะเบียนที่ รย.๓๖๒ (บางส่วน) ตำบลเชิงเนิน อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง เนื่องจากมีการบันทึกข้อมูลคลาดเคลื่อนของรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณในระบบคำของบประมาณของสำนักงบประมาณ (ระบบ e-Budgeting) และเอกสารงบประมาณที่เกี่ยวข้อง ตามที่สำนักงานศาลปกครองเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11168 | การกำหนดเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอื่น ตามพระราชบัญญัติมาตรฐานทางจริยธรรม พ.ศ. 2562 | กค | 11/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการกำหนดเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอื่นให้แก่ประธานกรรมการ กรรมการในคณะกรรมการมาตรฐานทางจริยธรรม และประธานอนุกรรมการ อนุกรรมการที่แต่งตั้งโดยคณะกรรมการมาตรฐานทางจริยธรรม ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ การกำหนดอัตราเบี้ยประชุมของรองประธานกรรมการในคณะกรรมการมาตรฐานทางจริยธรรม ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงาน ก.พ. โดยเห็นควรพิจารณาให้สอดคล้องกับแนวทางการกำหนดอัตราเบี้ยประชุมตามพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. ๒๕๔๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเคยพิจารณากำหนดให้รองประธานกรรมการในคณะกรรมการอื่นได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายเดือนอัตราไม่เกิน ๙,๐๐๐ บาทต่อคนต่อเดือน ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเห็นชอบด้วยแล้ว สำหรับภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการดังกล่าว ให้สำนักงาน ก.พ. ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน หรือที่ได้รับเงินจัดสรรตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ส่วนค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดจำนวนคณะอนุกรรมการ องค์ประกอบของคณะอนุกรรมการแต่ละคณะ และจำนวนครั้งของการประชุมรายปีของคณะอนุกรรมการแต่ละคณะ ควรพิจารณาความเหมาะสมและความจำเป็น รวมทั้งสอดคล้องกับแนวทางการบริหารงบประมาณที่ไม่ทำให้เกิดภาระงบประมาณ และขอให้เป็นไปเพื่อความคุ้มค่าและประโยชน์ราชการเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11169 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรสำหรับอุตสาหกรรม 4.0) | กค | 11/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลในส่วนที่จ่ายไปเพื่อทรัพย์สินที่บริจาคให้แก่ศูนย์ส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรสำหรับอุตสาหกรรม ๔.๐ เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรม ๔.๐ ที่สถานศึกษาของรัฐหรือโรงเรียนเอกชนตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชนจัดตั้งขึ้น สำหรับการบริจาคที่ได้กระทำตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓ แต่ไม่รวมถึงโรงเรียนนอกระบบตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน หรือสถาบันอุดมศึกษาเอกชนตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันอุดมศึกษาเอกชน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาเพิ่มบทนิยามคำว่า “อุตสาหกรรม ๔.๐” เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ชัดเจนยิ่งขึ้น และควรมีการเผยแพร่ข้อมูลของศูนย์ฯ เพื่อประกอบการตัดสินใจของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลในการบริจาคทรัพย์สิน ตลอดจนควรมีการวิเคราะห์ผลการดำเนินงานของศูนย์ฯ ที่ได้รับการบริจาคทรัพย์สินภายใต้มาตรการดังกล่าว เพื่อสร้างฐานข้อมูลอันเป็นประโยชน์ต่อการจัดทำมาตรการส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรสำหรับอุตสาหกรรม ๔.๐ ในอนาคต ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11170 | ข้อเสนอหลักการและแนวทางแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม | นร01 | 11/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบประเด็นข้อเสนอหลักการและแนวทางแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) รวม ๖ ประการ เช่น (๑) ให้ยุติการคุกคามพื้นที่สมาชิกของ ขปส. ด้วยการยุติการแจ้งความดำเนินคดีในทุกพื้นที่ คดีใหม่ต้องไม่มีหรือให้ยุติทุกกรณี คดีเก่าที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมให้มีมาตรการจำหน่ายหรือชะลอการดำเนินคดี (๒) กรณีชุมชนของ ขปส. ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการแก้ไขปัญหาร่วมกับรัฐบาล ต้องให้ชุมชนเข้าถึงสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ซ่อมแซมบ้านเรือน และเข้าถึงโครงการพัฒนาของรัฐได้เพื่อให้สามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติสุข และ (๓) ให้มีการนำข้อเสนอเชิงนโยบายของ ขปส. ๙ ประการ เช่น ให้ยกเลิกนโยบายและกฎหมายที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนและทบทวนกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น พระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปดำเนินการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม เป็นต้น ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ๒. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงมหาดไทย เช่น การพิจารณาให้ยุติคดีทุกกรณีอาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย ควรต้องพิจารณาเป็นรายคดี รวมทั้งการกำหนดมาตรการหรือการชะลอการดำเนินการในคดีเก่าที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมควรที่จะพิจารณาขอบเขตอำนาจในการดำเนินการที่ไม่อาจก้าวล่วงในกระบวนการพิจารณาของศาลยุติธรรมด้วย เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11171 | รัฐบาลมองโกเลียเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งมองโกเลียประจำประเทศไทย (นายทูมูร์ อามาร์ซานา) | กต | 11/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายทูมูร์ อามาร์ซานา (Mr. Tumur Amarsanaa) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งมองโกเลียประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายทุกสบิลกูน ทูมูร์คูเลก (Mr. Tugsbilguun Tumurkhuleg) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11172 | การเข้าร่วมเป็นสมาชิกของที่ประชุมแห่งกรุงเฮกว่าด้วยกฎหมายระหว่างประเทศ แผนกคดีบุคคล (Hague Conference on Private International Law) | ยธ | 11/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ไทยเข้าเป็นสมาชิกของที่ประชุมแห่งกรุงเฮกว่าด้วยกฎหมายระหว่างประเทศ แผนกคดีบุคคล (Hague Conference on Private International Law : HCCH) โดยการเข้าเป็นสมาชิกดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยน เรียนรู้ และหารือถึงแนวทางการพัฒนากฎหมายระหว่างประเทศ แผนกคดีบุคคล เสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับประเทศสมาชิกในด้านกฎหมายระหว่างประเทศ แผนกคดีบุคคล และเพื่อศึกษา เรียนรู้เทคนิคในการพิจารณาและร่างอนุสัญญาในทางระหว่างประเทศ และความรู้ทางวิชาการกฎหมายระหว่างประเทศที่อยู่ในความสนใจของนานาประเทศ ซึ่งการเข้าเป็นสมาชิกฯ จะต้องใช้งบประมาณสำหรับปี ค.ศ. ๒๐๑๙-๒๐๒๐ จำนวน ๒๒,๕๐๐ ยูโร (คิดเป็นเงินไทยประมาณ ๗๖๖,๐๐๐ บาท อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ ๖ มกราคม ๒๕๖๓) ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงบประมาณที่เห็นว่า เมื่อกระทรวงยุติธรรมได้ดำเนินการตามกระบวนการขอเข้าเป็นสมาชิก HCCH เรียบร้อยแล้ว จะต้องแจ้งให้กระทรวงการต่างประเทศทราบ เพื่อจัดทำตราสารการยอมรับสำหรับนำไปยื่นต่อรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ เพื่อให้กระบวนการเข้าเป็นสมาชิกเสร็จสิ้นสมบูรณ์ สำหรับค่าธรรมเนียมการเข้าเป็นสมาชิกฯ ที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ จำนวน ๒๒,๕๐๐ ยูโร หรือประมาณ ๗๖๖,๐๐๐ บาท ให้ใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณของกระทรวงยุติธรรม ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป เห็นควรให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม ไปดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11173 | การแก้ไขเพิ่มเติมองค์ประกอบคณะกรรมการแก้ไขปัญหาโครงการฝายหัวนา | กษ | 11/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแก้ไขเพิ่มเติมองค์ประกอบคณะกรรมการแก้ไขปัญหาโครงการฝายหัวนา โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓) ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
๑. แต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการแก้ไขปัญหาโครงการฝายหัวนาเพิ่มเติม จำนวน ๖ คน โดยเป็นผู้แทนกลุ่มราษฎรตำบลโนนสังที่คณะกรรมการแต่งตั้ง จำนวน ๓ คน ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุด และผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๒. ปรับปรุงชื่อตำแหน่งกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ จากเดิม “ผู้อำนวยการกองกฎหมายและที่ดิน กรมชลประทาน” เป็น “ผู้อำนวยการสำนักกฎหมายและที่ดิน กรมชลประทาน”
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11174 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาวเกตสุดา สุประดิษฐ์) | กค | 11/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวเกตสุดา สุประดิษฐ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (เศรษฐกรทรงคุณวุฒิ) สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11175 | ผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง | กต | 11/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมและเอกสารผลลัพธ์การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑-๓ สิงหาคม ๒๕๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร โดยการประชุมดังกล่าวประกอบด้วย ๔ กรอบความร่วมมือ ได้แก่ (๑) ข้อริเริ่มลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ครั้งที่ ๑๒ (๒) ความร่วมมือแม่น้ำโขง-คงคา ครั้งที่ ๑๐ (๓) ความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-สาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ ๙ และ (๔) ความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ครั้งที่ ๑๒ ซึ่งเป็นเวทีที่ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงกับหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนานอกภูมิภาค ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี และญี่ปุ่น โดยมีเป้าหมายหลักในการส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืน การลดความเหลื่อมล้ำ การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และการพัฒนาทางสังคม เพื่อส่งเสริมการรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียน โดยไทยเน้นการแสดงบทบาทนำในฐานะผู้ให้ร่วมกับหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาของประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง และมอบหมายส่วนราชการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า (๑) หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรพิจารณารับความช่วยเหลือจากประเทศต่าง ๆ ให้หลากหลายและมีความเหมาะสม และ (๒) ความร่วมมือในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงมีอยู่หลายกรอบความร่วมมือ ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชนจะต้องบูรณาการการทำงานร่วมกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11176 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 | มท | 11/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการก่อสร้าง ดัดแปลง รื้อถอน เคลื่อนย้าย ใช้หรือเปลี่ยนการใช้อาคารที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันฝุ่นละออง ความปลอดภัยของนั่งร้าน ค้ำยัน ปั้นจั่นหอสูง (ทาวเวอร์เครน) และเดอร์ริกเครน เพื่อประโยชน์แห่งความมั่นคงแข็งแรง ความปลอดภัย การสาธารณสุข และการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11177 | ขออนุมัติดำเนินการตามโครงการติดตั้งเครื่องมือวัดปริมาณน้ำมันปาล์ม เพื่อบริหารจัดการและควบคุมสต็อกน้ำมันปาล์ม | พณ | 11/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติวงเงินงบประมาณ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้เงินงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน หรืองบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น แล้วแต่กรณี จำนวน ๓๗๒.๕๑๖ ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการติดตั้งเครื่องมือวัดปริมาณน้ำมันปาล์มเพื่อบริหารจัดการและควบคุมสต็อกน้ำมันปาล์ม และให้กระทรวงพาณิชย์เร่งรัดการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นต้น ดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการดำเนินโครงการในระยะต่อไป ให้เป็นความรับผิดชอบของภาคเอกชนหรือผู้ประกอบการ โดยจะต้องเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรีและหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน รวมทั้งดำเนินการอย่างโปร่งใส คำนึงถึงความคุ้มค่า ต้นทุนที่เหมาะสม ผลประโยชน์ที่จะได้รับจากโครงการ รวมถึงให้มีการติดตามและการประเมินผลสัมฤทธิ์ และประโยชน์ที่เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันจะได้รับจากการดำเนินโครงการเพื่อให้มีข้อมูลในการบริหารงานอย่างถูกต้องครบถ้วน สำหรับใช้ประกอบการกำหนดนโยบายของภาครัฐที่เหมาะสมต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11178 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ | ทส | 11/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ รวม ๗ คน แทนประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นายวิจารย์ สิมาฉายา เป็นประธานกรรมการ ๒. นางสาวธัญลักษ์ เจริญปรุ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สาขาบริหารเศรษฐกิจการเกษตร ๓. นายคนิต ลิขิตวิทยาวุฒิ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สาขาทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ๔. นางจิราวรรณ แย้มประยูร เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๕. นางสาวนิลุบล เครือนพรัตน์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สาขาการเงิน ๖. นายโยธิน มูลกำบิล เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สาขานิติศาสตร์ ๗. นายชัยเกียรติ ห่านสัมฤทธิ์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สาขาบริหารธุรกิจ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11179 | การเสนอแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารกองทุนตามพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. 2527 (จำนวน 12 ราย 1. นายสำราญ สาราบรรณ์ ฯลฯ) | อก | 11/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการบริหารกองทุนตามพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. ๒๕๒๗ จำนวน ๑๒ คน แทนกรรมการชุดเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสองปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายสำราญ สาราบรรณ์ ผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๒. นายเกียรติณรงค์ วงศ์น้อย ผู้แทนกระทรวงการคลัง ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบการเงินการคลัง กรมบัญชีกลาง ๓. นายสุพพัต อ่องแสงคุณ ผู้แทนกระทรวงพาณิชย์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ ๔. นายประกอบ วิวิธจินดา ผู้แทนกระทรวงอุตสาหกรรม อธิบดีกรมโรงงานอุสาหกรรม ๕. นางสาวเพ็ญแข จันทร์สว่าง ผู้แทนสำนักงบประมาณ ผู้อำนวยการกองจัดทำงบประมาณด้านเศรษฐกิจ ๑ ๖. นายจิตเกษม พรประพันธ์ ผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทย ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายโครงสร้างเศรษฐกิจ สายนโยบายการเงิน ๗. นายเกียรติภูมิ ศรีจันทร์รัตน์ ผู้แทนชาวไร่อ้อย ๘. นายปารเมศ โพธารากุล ผู้แทนชาวไร่อ้อย ๙. นายสุวิทย์ พันธุ์วิทยากูล ผู้แทนชาวไร่อ้อย ๑๐. นายศรายุธ แสงจันทร์ ผู้แทนโรงงาน ๑๑. นายวิณณ์ ผาณิตวงศ์ ผู้แทนโรงงาน ๑๒. นายฉัตรชัย ธรรมสวยดี ผู้แทนโรงงาน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11180 | การสรรหาบุคคลเพื่อเข้ารับการคัดเลือกเป็นกรรมการในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ | ปปท. | 11/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบรายชื่อบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมครบถ้วนและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๕๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติม จำนวน ๔ คน เป็นบุคคลที่คณะรัฐมนตรีสรรหาและเสนอรายชื่อเพื่อเข้ารับการคัดเลือกโดยคณะกรรมการคัดเลือก ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ตามที่สำนักงาน ป.ป.ท. เสนอ ดังนี้
๑. นายประยงค์ ปรียาจิตต์ ๒. นายศิรินทร์ยา สิทธิชัย ๓. นายประสาท พงษ์ศิวาภัย ๔. นายพิทยา บุญชู
|
.....