ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 554 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 11061 - 11080 จากข้อมูลทั้งหมด 124013 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
11061 | การเร่งรัดบรรเทาสถานการณ์ภัยแล้ง และการบริหารจัดการน้ำ | นร | 10/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า เพื่อให้สถานการณ์ภัยแล้งที่กำลังจะเกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อเกษตรกรและประชาชนน้อยที่สุด จึงมีมติให้ทุกภาคส่วนร่วมกันประหยัดการใช้น้ำ และให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่งรัดการดำเนินการขุดเจาะบ่อบาดาลให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยให้ดำเนินการในพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำเป็นลำดับแรก ทั้งนี้ ให้พิจารณาความเหมาะสมในการใช้พลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานในการสูบน้ำ จัดหาเครื่องสูบน้ำที่มีกำลังในการสูบที่เหมาะสมกับปริมาณน้ำบาดาลในแต่ละพื้นที่ รวมทั้งพิจารณาทางเลือกหรือวิธีการใหม่ในการเพิ่มประสิทธิภาพการขุดเจาะบ่อบาดาลด้วย ๒. ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดประสานภาคเอกชน เพื่อร่วมกันปรับปรุงพัฒนาระบบเชื่อมโยงน้ำ จัดหาแหล่งน้ำต้นทุน เพื่อนำน้ำเข้าระบบเครือข่ายอ่างเก็บน้ำ เสริมระบบประปา และดำเนินการตามมาตรการลดการใช้น้ำของภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่อย่างเคร่งครัด ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) พิจารณาจัดทำแผนการจัดสรรน้ำจากเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ให้แก่พื้นที่ทุ่งบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก เพื่อเตรียมการเพาะปลูกข้าวนาปี และใช้เป็นพื้นที่แก้มลิงรองรับน้ำหลากในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม ๒๕๖๓
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11062 | หลักเกณฑ์สำหรับการให้ข้าราชการปฏิบัติงานภายในที่พัก ในกรณีการป้องกัน ควบคุม แก้ไขปัญหาและบรรเทาผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) | นร | 10/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการเมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๓ ให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนกำหนดหลักเกณฑ์สำหรับเจ้าหน้าที่ของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เดินทางกลับมาจาก หรือเดินทางผ่าน หรือมีเส้นทางแวะผ่าน (Transit/Transfer) ประเทศที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อและแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) และจำเป็นต้องสังเกตอาการ อยู่ปฏิบัติงานภายในที่พักเป็นเวลา ๑๔ วัน โดยไม่ถือเป็นวันลา นั้น สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนได้กำหนดหลักเกณฑ์ดังกล่าวสำหรับให้ข้าราชการปฏิบัติงานภายในที่พักและได้แจ้งเวียนส่วนราชการทราบและถือปฏิบัติแล้ว (ตามหนังสือสำนักงาน ก.พ. ที่ นร ๑๐๐๗.๔/๓๒๖ ลงวันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๖๓) แต่โดยที่หลักเกณฑ์ดังกล่าวมีผลบังคับใช้กับข้าราชการพลเรือนเท่านั้น ไม่ครอบคลุมข้าราชการประเภทอื่น เช่น ทหาร ตำรวจ ดังนั้น เพื่อให้การป้องกัน ควบคุม แก้ไขปัญหาและบรรเทาผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล จึงเห็นควรให้ข้าราชการทหารและข้าราชการตำรวจถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวตามที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนกำหนดด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11063 | ความก้าวหน้าการดำเนินโครงการ Strategic Co - ordination and Monitoring ภายใต้ Country Programme ระหว่างไทยกับ OECD) | นร11 | 03/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการดำเนินโครงการ Strategic Co-ordination and Monitoring ภายใต้โครงการ Country Programm (CP) ระหว่างไทยกับองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organisation for Economic Co-operation and Development : OECD) ซึ่งเป็นการรายงานผลการดำเนินงานของ OECD Development Centre ในการจัดทำรายงานการทบทวนสถานการณ์ประเทศไทยเชื่อมโยงหลายมิติ (MDCR) ให้กับประเทศต่าง ๆ รับทราบ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวปฏิบัติของประเทศต่าง ๆ ในการกำหนดยุทธศาสตร์ประเทศ รวมทั้งการติดตามความก้าวหน้าการดำเนินโครงการต่าง ๆ ภายใต้โครงการ CP ทั้ง ๑๖ โครงการ ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ และกรอบระยะเวลาที่กำหนด ๑.๒ เห็นชอบมอบหมายหน่วยงานรับผิดชอบหลักของทั้ง ๑๖ โครงการ ในการเร่งรัดการดำเนินงานให้เป็นไปตามกำหนดเวลา เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเดินทางเยือนประเทศไทยของเลขาธิการ OECD ในช่วงเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๓ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการ Modernising Education and Skills Development ที่จะมีส่วนสำคัญในการยกระดับการอาชีวศึกษาของไทย ๑.๓ เห็นชอบในหลักการการจัดทำโครงการ CP ระยะที่ ๒ และการจัดตั้งคณะกรรมการกำกับ (Steering Committee) สำหรับติดตามการดำเนินโครงการต่าง ๆ ภายใต้โครงการ CP ๑.๔ เห็นชอบให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการจัดกิจกรรม Thailand Country Programme Launching Event ในช่วงที่เลขาธิการ OECD เดินทางเยือนประเทศไทย โดยให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติประสานงานกับหน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการต่าง ๆ ภายใต้โครงการ CP เกี่ยวกับการนำเสนอผลงานในช่วงเวลาดังกล่าว ๒. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิจัยและนวัตกรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า และสำนักงาน ก.พ.ร. เช่น ควรมีการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานของโครงการต่าง ๆ ภายใต้โครงการ CP เพื่อประกอบการพิจารณาจัดทำโครงการ CP ระยะที่ ๒ รวมทั้งให้ความสำคัญกับสาขาหรือประเด็นปฏิรูปที่มีการบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงาน และการพิจารณาจัดทำฐานข้อมูลความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการคัดเลือกโครงการในมิติความซ้ำซ้อน และการประเมินผลในอนาคต สำหรับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นต้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไป ๓. ในส่วนของการจัดตั้งคณะกรรมการกำกับ (Steering Committee) สำหรับติดตามการดำเนินโครงการต่าง ๆ ภายใต้โครงการ CP นั้น ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นว่า การจัดตั้งคณะกรรมการดังกล่าวน่าจะไม่มีความจำเป็น โดยอาจใช้วิธีการประสานและปรึกษาหารือร่วมกันได้ หรืออาจพิจารณาใช้ประโยชน์จากคณะกรรมการกำกับดูแลในการทบทวนการดำเนินโครงการ CP ระยะที่ ๑ เพื่อพิจารณาผลกระทบและประเมินความคุ้มค่าของโครงการ และใช้ประกอบการพิจารณาความเหมาะสมที่จะจัดทำโครงการ CP ระยะที่ ๒ ไปประกอบการพิจารณาด้วย ๔. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับไปหารือร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศถึงความเหมาะสมในการดำเนินกิจกรรมเพื่อส่งเสริมบทบาทของประเทศไทยภายใต้บริบทของความรับผิดชอบระหว่างไทยกับองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนาต่อไป ตามความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11064 | สรุปผลการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 25 (COP 25) การประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ 15 (CMP 15) การประชุมรัฐภาคีความตกลงปารีส สมัยที่ 2 (CMA 2) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ณ กรุงมาดริด ราชอาณาจักรสเปน | ทส | 03/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบสรุปผลการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๒๕ [United Nations Framework Convention on Climate Change (UNFCCC), the 25th Session of the Conference of the Parties : COP 25] การประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ ๑๕ (CMP 15) การประชุมรัฐภาคีความตกลงปารีส สมัยที่ ๒ (CMA 2) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน-๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๒ ณ กรุงมาดริด ราชอาณาจักรสเปน โดยมีผลการประชุมและข้อตัดสินใจ เช่น แนวปฏิบัติและกฎการดำเนินงานสำหรับข้อ ๖ ของความตกลงปารีส (Article 6 of the Paris Agreement) กลไกระหว่างประเทศวอร์ซอสำหรับการสูญเสียและความเสียหายจากผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Warsaw International Mechanism for Loss and Damage associated with Climate Change Impacts) การประชุมเชิงปฏิบัติการภายใต้หัวข้อ Koronivia Joint Work on Agriculture และการเงินเพื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Finance) เป็นต้น ๑.๒ มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินงานให้สอคดล้องกับผลการประชุมในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ (๑) ติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานและเข้าร่วมการประชุมในประเด็นที่เกี่ยวข้อง (๒) พิจารณานำผลการประชุมที่เป็นประโยชน์มาประยุกต์ใช้ให้สอดคล้องกับการดำเนินงานทั้งในระดับนโยบายและการปฏิบัติภายในประเทศ (๓) ประสานการดำเนินงานร่วมกับสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในประเทศไทยให้บรรลุตามเป้าหมายที่ประเทศไทยกำหนด และ (๔) ประสานแจ้งความก้าวหน้าการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปงสภาพภูมิอากาศให้กับสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับทราบ และรายงานความคืบหน้าในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทราบต่อไป ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย เช่น ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดท่าทีของไทยต่อการเข้าร่วมกลไกภายใต้ข้อ ๖ ของความตกลงปารีส รวมถึงท่าทีเกี่ยวกับการถ่ายโอนคาร์บอนเครดิตมาสู่การดำเนินการภายใต้ระบอบของความตกลงปารีส ซึ่งรัฐภาคีมีการแบ่งฝ่ายกันอย่างชัดเจน เพื่อประกอบการเจรจากำหนดท่าทีไทยในเรื่องดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะมีการเจรจาอย่างเข้มข้นเกี่ยวกับประเด็นเหล่านี้ในปี ๒๕๖๓ และพิจารณาให้มีกระบวนการถ่ายทอดองค์ความรู้ที่เหมาะสมและกระบวนการเสริมสร้างศักยภาพของหน่วยงานต่าง ๆ ภายใต้ประเด็นที่ได้รับมอบหมาย เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11065 | ร่างนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ พ.ศ. 2563 - 2565 | สธ | 03/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕ จัดทำขึ้นภายใต้พระราชบัญญัติความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๑ ซี่งจะเป็นแผนที่นำไปสู่การพึ่งตนเองและความมั่นคงด้านวัคซีนอย่างยั่งยืน โดยมีวิสัยทัศน์ให้ประเทศไทยมีความมั่นคงด้านวัคซีน ประชาชนทุกคนในประเทศเข้าถึงการป้องกันโรคด้วยวัคซีนที่มีคุณภาพอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม โดยร่างนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ฯ ประกอบด้วย ๕ ยุทธศาสตร์ ๑๔ แผนงาน ๖๗ โครงการ ระยะเวลาดำเนินงาน ๓ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕) กรอบวงเงินรวมทั้งสิ้น ๑๑,๐๗๘,๙๔๖,๕๕๓ บาท ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายและภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นเพื่อขับเคลื่อนนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ฯ เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคีเครือข่ายบูรณาการการดำเนินงานและนำร่างนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ฯ ไปใช้เป็นกรอบในการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ตลอดจนสนับสนุนการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ภาคเอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อร่วมแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการ ส่วนค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ เห็นควรให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ไปดำเนินการ และค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป เห็นควรให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องจัดลำดับความสำคัญ ความจำเป็นเร่งด่วน ความคุ้มค่า และประโยชน์ที่ทางราชการและประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ ในการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงาน ก.พ. และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรจัดทำ list of priority vaccine ที่ต้องการผลิตให้ได้อย่างเป็นรูปธรรมในช่วง ๓-๕ ปี ควรพิจารณาส่งเสริมความสามารถในการผลิตวัคซีนเพื่อป้องกันโรคจากสัตว์สู่คน ควรเพิ่มความชัดเจนและความท้าทายของตัวชี้วัดและเป้าหมายให้สอดคล้องกับผลลัพธ์ของแผนยุทธศาสตร์และงบประมาณที่ได้รับ ควรพิจารณาระบบการจัดสรรทุนวิจัยที่มีความต่อเนื่อง (block grant) เน้นประเด็นโจทย์วิจัยที่เป็นปัญหาเร่งด่วนและสอดคล้องกับแผนงานเป้าหมาย ควรพิจารณาการเคลื่อนย้ายบุคลากรในสถาบันการศึกษาที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการวิจัยและพัฒนาวัคซีนไปปฏิบัติงานเพื่อแก้ไขปัญหาและเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตให้กับภาคอุตสาหกรรม (Talent Mobility) และควรพิจารณาเพิ่มเติมประเด็นการพิจารณาวัคซีนในสัตว์ เนื่องจากโรคในสัตว์หลายชนิดมีความสำคัญทั้งทางด้านสาธารณสุขและด้านเศรษฐกิจ ซี่งควรมีแผนและนโยบายที่ชัดเจน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11066 | การพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 | ยธ | 03/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติให้มีการพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ในอัตราไม่เกิน ๑๑,๒๙๒ อัตรา โดยแบ่งเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดโดยตรง และผู้ปฏิบัติงานเกื้อกูลต่อการแก้ไขปัญหายาเสพติด ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้มีการพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ระดับดีเด่นไม่เกินร้อยละ ๒.๕ ของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดโดยตรง จำนวน ๓๓๐,๒๔๑ อัตรา คิดเป็นอัตราไม่เกิน ๘,๒๕๖ อัตรา ๑.๒ ให้มีการพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ระดับดีเด่นไม่เกินร้อยละ ๑.๕ ของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเกื้อกูลต่อการแก้ไขปัญหายาเสพติด จำนวน ๒๐๒,๔๑๔ อัตรา คิดเป็นอัตราไม่เกิน ๓,๐๓๖ อัตรา ๑.๓ สำหรับงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าวให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของส่วนราชการต้นสังกัดเป็นลำดับแรกก่อน หากไม่สามารถดำเนินการได้ ให้เบิกจ่ายจากงบกลาง รายการเงินเลื่อนเงินเดือนและเงินปรับวุฒิข้าราชการเป็นลำดับต่อไป ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้พิจารณาสรรหาอัตรากำลังพลให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์การพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษฯ โดยเคร่งครัดและมีจำนวนที่เหมาะสม และควรมีการพิจารณาคัดเลือกและจัดสรรอัตราบำเหน็จความชอบที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแล้วให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดอย่างเป็นธรรมและทั่วถึง รวมทั้งควรเร่งรัดให้มีการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๒ ที่เห็นชอบให้มีการประเมินผลการปฏิบัติราชการตามผลงานและผลสัมฤทธิ์ รวมถึงการประเมินสมรรถนะของเจ้าหน้าที่ผู้ได้รับบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษฯ เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาจัดสรรอัตราบำเหน็จความชอบและการพัฒนาหลักเกณฑ์ฯ ให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้นต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11067 | วันป่าชายเลนแห่งชาติ | ทส | 03/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้วันที่ ๑๐ พฤษภาคมของทุกปี เป็น “วันป่าชายเลนแห่งชาติ” สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๓๔ เป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้ทรงมีพระราชดำรัสที่เกี่ยวข้องกับป่าชายเลนเป็นครั้งแรกและส่งผลให้ทุกภาคส่วนได้ร่วมกันอนุรักษ์ป่าชายเลนมาอย่างต่อเนื่อง โดยแนวทางการดำเนินงาน จัดกิจกรรมนิทรรศการเพื่อเทิดพระเกียรติและน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยกับการอนุรักษ์ป่าชายเลน รณรงค์ให้ความรู้ความเข้าใจและเชิญชวนประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่าร่วมกิจกรรมเพื่อการอนุรักษ์ป่าชายเลนในวันป่าชายเลนแห่งชาติในทุก ๆ ปี ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11068 | ความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ เดือนมกราคม 2563 | นร11 | 03/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ เดือนมกราคม ๒๕๖๓ ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา เช่น การจัดทำโครงการที่สำคัญเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อให้ความเห็นประกอบการพิจารณาการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ของคณะรัฐมนตรี การรับฟังความคิดเห็นเพื่อปรับปรุงแผนการปฏิรูปประเทศ และการนำเสนอประเด็นกิจกรรมที่จะส่งผลต่อประชาชนอย่างมีนัยสำคัญ (Big Rock) การหารือกับสำนักงบประมาณเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างระบบ eMENSCR และระบบของสำนักงบประมาณ และการจัดทำสื่อวีดิทัศน์เปรียบเทียบผลของการดำเนินการก่อน-หลังของการมียุทธศาสตร์ชาติ เป็นต้น ๒. การดำเนินงานในระยะต่อไป ได้แก่ การนำโครงการสำคัญเสนอคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ การประมวลความเห็นที่ได้จากการรับฟังผ่านช่องทางต่าง ๆ เพื่อประกอบการปรับปรุงแผนการปฏิรูปประเทศ ให้แล้วเสร็จภายใน ๒ มีนาคม ๒๕๖๓ และการมอบหมายให้หน่วยงานร่วมกันจัดทำโครงการสำคัญในการขับเคลื่อนเป้าหมายแผนแม่บทฯ ในทุกระดับ และนำเสนอต่อคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติพิจารณา เพื่อนำไปสู่การจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ของหน่วยงานราชการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11069 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดการแบ่งระดับ การกำหนดคุณวุฒิ และการอนุญาตเป็นเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยทางรังสี พ.ศ. .... | อว | 03/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดการแบ่งระดับ การกำหนดคุณวุฒิ และการอนุญาตเป็นเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยทางรังสี พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดการแบ่งระดับและการกำหนดคุณวุฒิของเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยทางรังสี และกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอรับใบอนุญาต การออกใบอนุญาต การขอต่ออายุใบอนุญาต และการต่ออายุใบอนุญาตเป็นเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยทางรังสี ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11070 | รายงานการรับจ่ายเงินกองทุนคุ้มครองพันธุ์พืช | กษ | 03/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการรับจ่ายเงินกองทุนคุ้มครองพันธุ์พืช ปี ๒๕๕๗-๒๕๖๐ และจัดให้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยกรมวิชาการเกษตรได้จัดทำรายงานการรับจ่ายเงินกองทุนคุ้มครองพันธุ์พืชปี ๒๕๕๗-๒๕๖๐ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบและรับรองงบการเงินสำหรับปีสิ้นสุด ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ และ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ และผลการดำเนินงานทางการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันเรียบร้อยแล้ว แต่เนื่องจากขณะนั้นเป็นช่วงระหว่างที่คณะกรรมการคุ้มครองพันธุ์พืชชุดเดิมได้สิ้นสุดวาระแล้ว และยังไม่มีการแต่งตั้งคณะกรรมการคุ้มครองพันธุ์พืชชุดใหม่ จึงไม่ได้นำรายงานเสนอต่อคณะกรรมการคุ้มครองพันธุ์พืช ต่อมาในปี ๒๕๖๑ ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการคุ้มครองพันธุ์พืชชุดใหม่แล้ว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงได้รวบรวมรายงานของปี ๒๕๕๗-๒๕๖๐ ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจรับรองแล้วเสนอต่อคณะกรรมการคุ้มครองพันธุ์พืชในการประชุมคณะกรรมการคุ้มครองพันธุ์พืช ครั้งที่ ๓/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11071 | ขอบเขตพื้นที่เมืองเก่า และกรอบแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าพิษณุโลก | ทส | 03/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบขอบเขตพื้นที่เมืองเก่า และกรอบแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าพิษณุโลก โดยขอบเขตพื้นที่เมืองเก่าพิษณุโลก ครอบคลุมอาณาบริเวณกำแพงเมือง คูเมืองพิษณุโลก พระราชวังจันทน์ วัด และโบราณสถานที่สำคัญ ซึ่งคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่า โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เป็นประธาน ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๖๒ มีมติเห็นชอบด้วยแล้ว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควร (๑) มีการพิจารณาแนวทางการอนุรักษ์และกรอบเวลาที่ชัดเจน ส่วนแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาด้านระบบการจราจรและคมนาคมขนส่งควรเน้นพัฒนาโครงข่ายการสัญจรด้วยระบบขนส่งสาธารณะที่มีความเหมาะสม กลมกลืน และรองรับการเป็นเมืองเก่า (๒) ให้จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าประสานความร่วมมือกับภาคประชาชนและหน่วยงานในระดับท้องถิ่น เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจต่อการมีส่วนร่วมในการดำเนินการตามกรอบแนวทางการอนุรักษ์ สำหรับค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้น ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน จนกว่าพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ประกาศใช้บังคับแล้ว หรือจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีแล้วแต่กรณี ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป และ (๓) ให้จังหวัดพิษณุโลกเร่งรัดการจัดทำแผนแม่บทและผังแม่บทการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าพิษณุโลกให้สอดคล้องกับกรอบแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเขตพื้นที่เมืองเก่า
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11072 | ขออนุมัติงบประมาณสำหรับงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | สธ | 03/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติงบประมาณสำหรับกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ภายในวงเงิน ๑๙๔,๕๐๘,๗๘๙,๙๐๐ บาท ประกอบด้วย ค่าบริการทางการแพทย์เหมาจ่ายรายหัว ค่าบริการสุขภาพผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ ค่าบริการผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง ค่าบริการควบคุม ป้องกันและรักษาโรคเรื้อรัง ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับหน่วยบริการในพื้นที่กันดาร พื้นที่เสี่ยงภัย และพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ค่าบริการสาธารณสุขสำหรับผู้มีภาวะพึ่งพิงในชุมชน และค่าบริการสาธารณสุขเพิ่มเติมสำหรับการบริการระดับปฐมภูมิที่มีแพทย์ประจำครอบครัว ๑.๒ สำหรับงบประมาณบริหารงานของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ วงเงิน ๒,๑๑๘,๘๓๓,๖๐๐ บาท นั้น มอบหมายให้สำนักงบประมาณพิจารณาสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้ตามความจำเป็น เหมาะสม ประหยัดและสอดคล้องกับภารกิจการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ๑.๓ เนื่องจากปริมาณการใช้บริการและอัตราค่าใช้จ่ายในการให้บริการแก่ผู้ป่วยของกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเพื่อไม่ให้เป็นภาระงบประมาณแผ่นดินมากเกินไป เห็นควรที่กระทรวงสาธารณสุขจะเร่งดำเนินการด้านการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคแก่ประชาชนทั่วไปโดยเร่งด่วน พร้อมทั้งให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติบริหารจัดการและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณค่ารักษาพยาบาล และหากมีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ เหลือจ่ายจากการดำเนินงาน และในปีงบประมาณที่ผ่านมามีเงินคงเหลือกรณีรายได้สูงกว่ารายจ่ายสะสม เห็นควรให้นำเงินดังกล่าวของกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติมาสมทบกับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ๒. การเสนอขออนุมัติงบประมาณสำหรับงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติในปีต่อ ๆ ไป ให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติดำเนินการให้เป็นไปตามกระบวนการจัดทำงบประมาณอย่างเคร่งครัด โดยให้จัดส่งคำของบประมาณต่อคณะรัฐมนตรีโดยเร็วภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนดก่อนส่งสำนักงบประมาณดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11073 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมภาชนะและเครื่องใช้เมลามีน - ฟอร์แมลดีไฮด์ ยูเรีย - ฟอร์แมลดีไฮด์ และเมลามีน - ยูเรีย - ฟอร์แมลดีไฮด์ สำหรับอาหาร : เฉพาะด้านความปลอดภัย ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก | 03/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมภาชนะและเครื่องใช้เมลามีน-ฟอร์แมลดีไฮด์ ยูเรีย-ฟอร์แมลดีไฮด์ และเมลามีน-ยูเรีย-ฟอร์แมลดีไฮด์ สำหรับอาหาร : เฉพาะด้านความปลอดภัย ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมภาชนะและเครื่องใช้เมลามีน-ฟอร์แมลดีไฮด์ ยูเรีย-ฟอร์แมลดีไฮด์ และเมลามีน-ยูเรีย-ฟอร์แมลดีไฮด์ สำหรับอาหาร : เฉพาะด้านความปลอดภัย ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้ใช้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่มีคุณภาพ และปลอดภัยจากสารปนเปื้อน ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11074 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินสนับสนุนและเงินชดเชยภายใต้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2562) | กค | 03/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินสนับสนุนและเงินชดเชยที่ผู้มีเงินได้ได้รับตามมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศและมาตรการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ อันเนื่องจากการชำระเงินเพื่อซื้อสินค้าหรือรับบริการจากผู้ขายสินค้าหรือผู้ให้บริการผ่านระบบการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์โดยภาครัฐ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๒ และวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11075 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายชูเกียรติ เกียรติขจรกุล) | สธ | 03/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายชูเกียรติ เกียรติขจรกุล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขากุมารเวชกรรม) สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11076 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางประพิศ เทพอารักษ์กุล) | สธ | 03/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางประพิศ เทพอารักษ์กุล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานี สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๕ กันยายน ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11077 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 100 ปี การสาธารณสุขไทย พ.ศ. .... | กค | 03/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ๑๐๐ ปี การสาธารณสุขไทย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล) ชนิดราคายี่สิบบาท เพื่อเป็นที่ระลึกเนื่องในโอกาสครบ ๑๐๐ ปี การสาธารณสุขไทย ในวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11078 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง พ.ศ. .... | นร | 03/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดการปฏิบัติหน้าที่และค่าตอบแทนของคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๙/๒๕๖๑ เรื่อง กลไกในการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง ลงวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ตามที่สำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดองเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นว่า (๑) การกำหนดค่าตอบแทนของคณะกรรมการในร่างข้อ ๘ ที่กำหนดให้ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการได้รับค่าตอบแทนเช่นเดียวกับประธานกรรมการปฏิรูปและกรรมการปฏิรูปตามกฎหมายว่าด้วยแผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ เห็นควรให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังไปประกอบการพิจารณาต่อไป (๒) ร่างข้อ ๕ วรรคสาม ที่กำหนดให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่พ้นจากตำแหน่งตามวาระอยู่ในตำแหน่ง เพื่อดำเนินการต่อไปจนกว่ากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งได้รับแต่งตั้งใหม่เข้ารับหน้าที่ อาจไม่สอดคล้องกับร่างข้อ ๔ วรรคสาม ที่กำหนดว่า กรณีไม่มีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ให้คณะกรรมการปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ โดยให้ถือว่าคณะกรรมการประกอบด้วยกรรมการเท่าที่มีอยู่ และ (๓) ควรตัดความในวรรคสี่ของร่างข้อ ๔ ออก เนื่องจากเป็นการกำหนดองค์ประกอบของคณะกรรมการที่เกินไปกว่าคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๙/๒๕๖๑ฯ ได้บัญญัติไว้ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้สำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดองรับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นว่า หน่วยงานของรัฐที่เสนอร่างกฎหมายต้องพิจารณาความคุ้มค่า ต้นทุน และผลประโยชน์ เสถียรภาพ และความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐด้วย เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติในมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11079 | รายงานผลการดำเนินการโครงการจิตอาสาพระราชทาน | นร01 | 03/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการโครงการจิตอาสาพระราชทาน ประจำเดือนธันวาคม ๒๕๖๒ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การจัดกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาในโอกาสวันสำคัญของชาติไทย โดยศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน (ศอญ.จอส.พระราชทาน) ได้จัดทำแนวทางปฏิบัติเพื่อให้ส่วนราชการ ศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทานภาค ๑-๔ และจังหวัด ใช้เป็นแนวทางปฏิบัติการจัดกิจกรรมจิตอาสาในวันสำคัญของชาติไทยตามความเหมาะสมในบริบทของพื้นที่ ๒. การจัดกิจกรรมจิตอาสาพัฒนา เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดย ศอญ.จอส.พระราชทาน ได้กำหนดแนวทางการจัดกิจกรรม ในวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๖๒ เช่น การพัฒนาภูมิทัศน์ ทำความสะอาดลำน้ำ คูคลอง และการพัฒนาชุมชนที่อาศัยริมแม่น้ำคูคลอง เป็นต้น ๓. การขับเคลื่อนและจัดตั้งชุดปฏิบัติการจิตอาสาภัยพิบัติประจำ อปท. ได้มีการจัดตั้งชุดปฏิบัติการอาสาภัยพิบัติประจำ อปท. จำนวน ๗,๕๕๐ แห่ง โดยมีการบันทึกรายชื่อผู้สมัครในระบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-Report) ๗,๑๔๗ แห่ง มีจิตอาสาภัยพิบัติรวมทั้งสิ้น ๔๐๗,๐๐๑ คน ๔. การดำเนินงานของจิตอาสาพระราชทานสนับสนุนการปฏิบัติงานตามจุดบริการและอำนวยความสะดวกประชาชน ในห้วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๖๓ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ณ จุดปฏิบัติงานด้านจราจร จุดบริการและด่านชุมชนต่าง ๆ รวม ๑๕๐,๗๓๙ ด่าน โดยให้จิตอาสา ๙๐๔ ที่อยู่ในพื้นที่เป็นแกนนำจิตอาสาพระราชทานร่วมปฏิบัติงานดังกล่าวด้วย ๕. ข้อมูลจำนวนจิตอาสาและกิจกรรมจิตอาสา ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ มีจิตอาสาลงทะเบียน รวม ๖,๓๙๓,๑๙๓ คน และมีการจัดกิจกรรมจิตอาสาพัฒนา จำนวน ๔๐,๗๙๓ ครั้ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11080 | การเปลี่ยนแปลงโฆษกหน่วยงาน | นร09 | 03/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบเรื่อง การเปลี่ยนแปลงโฆษกสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา จากเดิม นางพงษ์สวาท กายอรุณสุทธิ์ และนายยอดฉัตร ตสาริกา เป็น นายนพดล เภรีฤกษ์ กรรมการร่างกฎหมายประจำ (นักกฎหมายกฤษฎีกาทรงคุณวุฒิ) เพื่อให้สอดคล้องกับการมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ตามข้อเท็จจริง ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
|
.....