ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 558 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 11141 - 11160 จากข้อมูลทั้งหมด 124013 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
11141 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กระจกฉนวน ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก | 18/02/2563 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กระจกฉนวน ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กระจกฉนวน ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
11142 | การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาท ขึ้นไป รายการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ช่วง กม.4+100.000-กม.9+000.000 (ช่วง 3) | คค | 18/02/2563 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงคมนาคมถอนเรื่อง การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ที่มีวงเวินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ช่วง กม.๔+๑๐๐.๐๐๐-กม.๙+๐๐๐.๐๐๐ (ช่วง ๓) คืนไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
11143 | คำสั่งเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ ส.88/2561 ระหว่างเครือข่ายวางแผนและผังเมืองเพื่อสังคม ที่ 1 กับพวกรวม 12 คน ผู้ฟ้องคดี คณะรัฐมนตรี ที่ 1 กับพวกรวม 4 คน ผู้ถูกฟ้องคดี | นร05 | 18/02/2563 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ไม่อุทธรณ์คำสั่งของศาลปกครองกลางเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ ส.๘๘/๒๕๖๑ ระหว่างเครือข่ายวางแผนและผังเมืองเพื่อสังคม ที่ ๑ กับพวกรวม ๑๒ คน ผู้ฟ้องคดี คณะรัฐมนตรี ที่ ๑ กับพวกรวม ๔ คน ผู้ถูกฟ้องคดี และให้แจ้งสำนักงานคดีปกครอง สำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการต่อไป ๒. รับทราบความเห็นของกรุงเทพมหานคร ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๔ ที่ประสงค์จะอุทธรณ์คำสั่งเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษาคดี
|
||||||||||||||||||||||||
11144 | ขอความเห็นชอบร่างบันทึกความร่วมมือด้านการขนส่งทางถนน ระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน และการขนส่งแห่งสาธารณรัฐเกาหลี | คค | 18/02/2563 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกความร่วมมือด้านการขนส่งทางถนน ระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน และการขนส่งแห่งสาธารณรัฐเกาหลี มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดขอบเขตทั่วไปและหลักการสำคัญของความร่วมมือระหว่างสองฝ่ายในด้านการขนส่งทางถนน โดยคู่ภาคีจะพัฒนาแผนงานและโครงการด้านการขนส่งทางถนนที่มีความสนใจร่วมกันผ่านความร่วมมือในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การแลกเปลี่ยนข้อมูลและผู้เชี่ยวขาญ การศึกษาความเหมาะสม การให้คำปรึกษาและช่วยเหลือทางวิชาการ และการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี เป็นต้น ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยสำหรับการลงนามดังกล่าวในช่วงการเยือนสาธารณรัฐเกาหลี ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการกำหนดให้หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องเข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมภายใต้ความร่วมมือนี้ได้ตามความเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความร่วมมือฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
11145 | มาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่จังหวัดนครราชสีมา | นร01 | 18/02/2563 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่จังหวัดนครราชสีมา ประกอบด้วย (๑) ด้านการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บตามสิทธิประโยชน์ทางกฎหมาย และความช่วยเหลืออื่น ๆ (๒) ด้านการจ่ายเงินช่วยเหลือกรณีทรัพย์สินเสียหาย (๓) ด้านสาธารณสุข (๔) ด้านการสนับสนุนอื่น ๆ และ (๕) ด้านการอำนวยการ ติดตามผล และประชาสัมพันธ์ รวมทั้งการดำเนินการตามมาตรการให้ความช่วยเหลือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติรับไปดำเนินการต่อไป ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ประธานกรรมการติดตามมาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่จังหวัดนครราชสีมาเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
11146 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้น้ำมันปาล์มและแฟรกชันของน้ำมันปาล์ม และน้ำมันเนื้อในเมล็ดปาล์มเป็นสินค้าที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการนำเข้าและนำผ่าน พ.ศ. .... | พณ | 18/02/2563 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการแก้ไขวันใช้บังคับตามร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้น้ำมันปาล์มและแฟรกชันของน้ำมันปาล์ม และน้ำมันเนื้อในเมล็ดปาล์มเป็นสินค้าที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการนำเข้าและนำผ่าน พ.ศ. .... จาก “...เมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป” เป็น “...เมื่อพ้นกำหนดเจ็ดวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป” เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการทะลักของน้ำมันปาล์มเข้ามาในประเทศจากการลักลอบนำเข้าและนำผ่านสินค้าน้ำมันปาล์มและน้ำมันเนื้อในเมล็ดปาล์มน้ำมันมาใช้หรือจำหน่ายภายในประเทศ ซึ่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||
11147 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายรุจ ธรรมมงคล และ นายพุทธพร อิ้วตกส้าน) | กต | 18/02/2563 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. นายรุจ ธรรมมงคล ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ คูเวต รัฐคูเวต ๒. นายพุทธพร อิ้วตกส้าน ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไคโร สาธารณรัฐอาหรับอียิปต์
|
||||||||||||||||||||||||
11148 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (จำนวน 2 ราย 1. นายวันชัย วราวิทย์ 2. นางวรรณภรณ์ เกตุทัต) | พณ | 18/02/2563 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงพาณิชย์ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
๑. นายวันชัย วราวิทย์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นางวรรณภรณ์ เกตุทัต ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||
11149 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (จำนวน 3 ราย 1. นายกวินทร์เกียรติ นนธ์พละ ฯลฯ รวม 3 ราย) | ศธ | 18/02/2563 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้
๑. นายกวินทร์เกียรติ นนธ์พละ ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐาน ๒. ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายวรัท พฤกษากุลนันท์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||
11150 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ( จำนวน 2 ราย 1. นางสาวสุรุ่งลักษณ์ เมฆะอำนวยชัย และนางนันทนา ธรรมสโรช) | นร12 | 18/02/2563 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง สังกัดสำนักงาน ก.พ.ร. สำนักนายกรัฐมนตรี จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ดังนี้
๑. รับโอน นางสาวสุรุ่งลักษณ์ เมฆะอำนวยชัย ตำแหน่งผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการ ก.พ.ร. ๒. แต่งตั้ง นางนันทนา ธรรมสโรช ตำแหน่งที่ปรึกษาการพัฒนาระบบราชการ (นักพัฒนาระบบราชการทรงคุณวุฒิ) ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการ ก.พ.ร.
|
||||||||||||||||||||||||
11151 | การต่อเวลาการดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต (นายธีรวัฒน์ ภูมิจิตร) | กต | 18/02/2563 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของ นายธีรวัฒน์ ภูมิจิตร ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ซึ่งดำรงตำแหน่งดังกล่าวจะครบ ๔ ปี ในวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๓ ต่อไปอีก ๑ ปี (ครั้งที่ ๑) ตั้งแต่วันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๔ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
11152 | รายงานสถานภาพการดำเนินงานรายจ่ายลงทุน ตามมาตรการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | นร07 | 18/02/2563 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานภาพการดำเนินงานรายจ่ายลงทุน ตามมาตรการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ในภาพรวมประเทศ ณ วันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ จำนวน ๕๐๘ หน่วยรับงบประมาณ รวมทั้งสิ้น ๑๖๐,๗๘๗ รายการ วงเงินทั้งสิ้น ๖๔๓,๖๖๘.๔๒๖๘ ล้านบาท ประกอบด้วย รายการปีเดียว จำนวน ๑๕๗,๑๘๒ รายการ วงเงิน ๔๓๔,๓๕๑.๐๗๙๑ ล้านบาท รายการผูกพันใหม่ จำนวน ๑,๒๓๘ รายการ วงเงิน ๕๓,๙๔๔.๙๑๙๖ ล้านบาท และรายการผูกพันเดิม จำนวน ๒,๓๖๗ รายการ วงเงิน ๑๕๕,๓๗๒.๔๒๘๑ ล้านบาท ทั้งนี้ ให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัด หรือรัฐมนตรีซึ่งกฎหมายกำหนดให้มีหน้าที่กำกับหรือควบคุมกิจการของหน่วยรับงบประมาณ ติดตามและเร่งรัดการดำเนินงานโดยเฉพาะรายจ่ายลงทุนที่อยู่ระหว่างการสำรวจออกแบบ การกำหนดคุณลักษณะ การจัดทำแบบรูปรายการ การกำหนดราคากลาง หรืออยู่ระหว่างการประกวดราคาหรือจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยรับงบประมาณ ให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ในปีงบประมาณ และสอดคล้องกับมาตรการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยเฉพาะการพิจารณากำหนดระยะเวลาการส่งมอบงานให้รวดเร็วขึ้น โดยเฉพาะรายการปีเดียวกันต่อไป ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
11153 | ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สี่ของปี 2562 ทั้งปี 2562 และแนวโน้มปี 2563 | นร11 | 18/02/2563 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สี่ของปี ๒๕๖๒ ทั้งปี ๒๕๖๒ และแนวโน้มปี ๒๕๖๓ ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สี่ของปี ๒๕๖๒ ขยายตัวร้อยละ ๑.๖ ชะลอลงจากการขยายตัวร้อยละ ๒.๖ ในไตรมาสก่อนหน้า (%YOY) และเมื่อปรับผลของฤดูกาลออกแล้ว เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สี่ของปี ๒๕๖๒ ขยายตัวจากไตรมาสที่สามของปี ๒๕๖๒ ร้อยละ ๐.๒ (%QoQ SA) รวมทั้งปี ๒๕๖๒ เศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ ๒.๔ เทียบกับการขยายตัวร้อยละ ๔.๒ ในปี ๒๕๖๑ ทั้งนี้ การชะลอตัวของเศรษฐกิจในไตรมาสนี้มีปัจจัยสำคัญจากการขยายตัวในเกณฑ์ที่ต่ำของเศรษฐกิจโลก ความไม่แน่นอนของทิศทางมาตรการกีดกันทางการค้า และการแข็งค่าของเงินบาท ความล่าช้าของกระบวนการงบประมาณ ผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง และปัจจัยชั่วคราวในการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมบางรายการ ๒. เศรษฐกิจไทยโดยรวมทั้งปี ๒๕๖๒ ขยายตัวร้อยละ ๒.๔ เทียบกับการขยายตัวร้อยละ ๔.๒ ในปี ๒๕๖๑ โดยในด้านการใช้จ่าย การบริโภคภาคเอกชน และการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวร้อยละ ๔.๕ และร้อยละ ๒.๘ ต่อเนื่องจากการขยายตัวร้อยละ ๔.๖ และร้อยละ ๔.๑ ในปี ๒๕๖๑ ตามลำดับ ส่วนการใช้จ่ายของรัฐบาล และการลงทุนภาครัฐ ขยายตัวร้อยละ ๑.๔ และร้อยละ ๐.๒ เทียบกับการขยายตัวร้อยละ ๒.๖ และร้อยละ ๒.๙ ในปี ๒๕๖๑ ตามลำดับ ขณะที่มูลค่าการส่งออกสินค้าลดลงร้อยละ ๓.๒ เทียบกับการขยายตัวร้อยละ ๗.๕ ในปี ๒๕๖๑ ในด้านการผลิต การผลิตสาขาเกษตรกรรม การป่าไม้ และการประมง สาขาโรงแรมและภัตตาคาร สาขาการขายส่ง การขายปลีก และการซ่อมยานยนต์ และจักรยานยนต์ และสาขาการขนส่งและสถานที่เก็บสินค้าขยายตัวร้อยละ ๐.๑ ร้อยละ ๕.๕ ร้อยละ ๕.๗ และร้อยละ ๓.๔ ชะลอตัวลงจาการขยายตัวร้อยละ ๕.๕ ร้อยละ ๗.๖ ร้อยละ ๖.๖ และร้อยละ ๔.๔ ในปี ๒๕๖๑ ตามลำดับ ขณะที่การผลิตสาขาอุตสาหกรรมลดลงร้อยละ ๐.๗ เทียบกับการขยายตัวร้อยละ ๓.๒ ในปี ๒๕๖๑ รวมทั้งปี ๒๕๖๒ ผลิตภัณฑ์รวมมวลในประเทศ (GDP) อยู่ที่ ๑๖,๘๗๙.๐ พันล้านบาท (๕๔๓.๗ พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ๓. แนวโน้มเศรษฐกิจไทย ปี ๒๕๖๓ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๑.๕-๒.๕ ชะลอตัวลงจากปี ๒๕๖๒ ตามข้อจำกัดที่เกิดจากการระบาดของไวรัสโควิด-๑๙ ปัญหาภัยแล้ง และความล่าช้าของงบประมาณรายจ่ายรัฐบาล มูลค่าการส่งออกสินค้าจะขยายตัวร้อยละ ๑.๔ การบริโภคภาคเอกชน และการลงทุนรวมขยายตัวร้อยละ ๓.๕ และร้อยละ ๓.๖ ตามลำดับ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยอยู่ในช่วงร้อยละ ๐.๔-๑.๔ และบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ ๕.๓ ของ GDP
|
||||||||||||||||||||||||
11154 | การขอรับจัดสรรเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ไปพลางก่อน งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น | นร07 | 18/02/2563 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการจัดสรรเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวนเงินทั้งสิ้น ๑,๒๐๐,๓๙๘,๒๐๘ บาท ให้แก่หน่วยรับงบประมาณ รวม ๓ กระทรวง ๕ หน่วยงาน ๔๒ รายการ ประกอบด้วย กระทรวงคมนาคม จำนวนเงิน ๒๔๕,๒๔๘,๗๒๐ บาท กระทรวงมหาดไทย จำนวนเงิน ๑๖๓,๑๓๕,๓๘๘ บาท และกระทรวงสาธารณสุข จำนวนเงิน ๗๙๒,๐๑๔,๑๐๐ บาท โดยให้ขอทำความตกลงรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ทั้งนี้ เมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ประกาศใช้บังคับแล้ว ให้หน่วยรับงบประมาณดังกล่าวหักจากแผนงานและรายการที่ได้รับจัดสรรงบประมาณคืนงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นตามวิธีปฏิบัติในการอนุมัติเงินจัดสรร การบริหารงบประมาณรายจ่าย และการหักงบประมาณรายจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||
11155 | รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2561 | คค | 11/02/2563 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ งบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน งบแสดงการเปลี่ยนแปลงสินทรัพย์สุทธิ/ส่วนทุน และงบกระแสเงินสด สำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกัน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบรับรองงบการเงินดังกล่าวแล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้เสนอต่อรัฐสภาทราบต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคมนำรายงานในเรื่องนี้ไปประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อรัฐสภาได้รับทราบรายงานดังกล่าวแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||
11156 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดขนาด ลักษณะ และสีของแผ่นป้ายทะเบียนรถ และการแสดงแผ่นป้ายทะเบียนรถ และเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีประจำปี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | คค | 11/02/2563 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดขนาด ลักษณะ และสีของแผ่นป้ายทะเบียนรถ และการแสดงแผ่นป้ายทะเบียนรถ และเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีประจำปี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดขนาด ลักษณะ และสีของแผ่นป้ายทะเบียนรถ และการแสดงแผ่นป้ายทะเบียนรถและเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔ เพื่อกำหนดขนาด ลักษณะ และสีของแผ่นป้ายทะเบียนรถ สำหรับรถของสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าของต่างประเทศที่จัดตั้งขึ้นในประเทศไทยตามความระหว่างตกลงรัฐบาลไทยกับรัฐบาลต่างประเทศ และรถของเจ้าหน้าที่สำนักงานเศรษฐกิจและการค้าของต่างประเทศ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
11157 | รายงานผลการตรากฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 | ทส | 11/02/2563 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการตรากฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ ซึ่งไม่อาจดำเนินการได้ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กฎกระทรวงตามมาตรา ๗๘ เหตุผลที่ไม่อาจดำเนินการออกกฎกระทรวงได้ เนื่องจากการยกร่างกฎกระทรวงตามมาตรา ๗๘ มีความซับซ้อนและเป็นเรื่องใหม่ที่ยังไม่เคยมีการศึกษามาก่อน รวมถึงมีความใกล้เคียงกับกฎหมายสิ่งแวดล้อม และมีความเชื่อมโยงกับกฎหมายผังเมือง ตลอดจนกฎหมายอื่นอีกหลายฉบับ อีกทั้งยังมีผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมาก จึงต้องมีการรับฟังความคิดเห็นอย่างรอบด้าน และจำเป็นต้องใช้ผู้มีความรู้และเชี่ยวชาญในการยกร่างฯ ประกอบกับเมื่อพิจารณาถึงเนื้อหาของมาตรา ๗๘ แล้ว พบว่า เป็นการออกกฎกระทรวงเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเพื่อการอนุรักษ์และการพัฒนาทรัพยากรน้ำสาธารณะและกำหนดมาตรการคุ้มครองทรัพยากรน้ำสาธารณะอื่น ๆ ตามที่เห็นสมควรและเหมาะสมแก่สภาพของพื้นที่ โดยจะกำหนดให้ใช้บังคับเป็นการทั่วไปหรือใช้บังคับในท้องที่ใดท้องที่หนึ่งหรือจะกำหนดข้อยกเว้นการใช้บังคับทั้งหมดหรือบางส่วนสำหรับกิจกรรมบางประเภทหรือบางพื้นที่ก็ได้ ซึ่งเป็นมาตรการทางกฎหมายที่สามารถรอการดำเนินการได้ หากยังไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จได้ทันภายใน ๙๐ วัน นับแต่พระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ ใช้บังคับ ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการขับเคลื่อนและการบังคับใช้พระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ ๒. ประกาศกระทรวงตามมาตรา ๘๑ เหตุผลที่ไม่อาจดำเนินการออกกฎกระทรวงได้ เนื่องจากการยกร่างประกาศกระทรวงตามมาตรา ๘๑ ต้องมีการแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ก่อนแล้วจึงประกาศกำหนดรูปแบบบัตรพนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ และการกำหนดว่าผู้ใดควรเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายในส่วนที่อยู่ในหน้าที่และอำนาจของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอยู่ระหว่างการศึกษาและรับฟังความเห็นจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง
|
||||||||||||||||||||||||
11158 | ร่างกฎกระทรวงที่ออกตามพระราชบัญญัติเงินทดแทน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561 จำนวน 3 ฉบับ | รง | 11/02/2563 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงที่ออกตามพระราชบัญญัติเงินทดแทน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ จำนวน ๓ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงค่ารักษาพยาบาลที่ให้นายจ้างจ่าย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และอัตราค่ารักษาพยาบาลที่ให้นายจ้างจ่ายเมื่อลูกจ้างประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ๒. ร่างกฎกระทรวงค่าฟื้นฟูสมรรถภาพในการทำงานที่ให้นายจ้างจ่าย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และอัตราค่าฟื้นฟูสมรรถภาพในการทำงานที่ให้นายจ้างจ่ายเมื่อลูกจ้างประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าทำศพที่ให้นายจ้างจ่าย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตราค่าทำศพที่ให้นายจ้างจ่าย เมื่อลูกจ้างประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยจนถึงแก่ความตายหรือสูญหาย
|
||||||||||||||||||||||||
11159 | การดำเนินการจัดทำอนุบัญญัติออกตามความในพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560 | อก | 11/02/2563 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการจัดทำอนุบัญญัติออกตามความในพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินการจัดทำอนุบัญญัติออกตามความในพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๖๐ ในส่วนที่ดำเนินการแล้วเสร็จและมีผลบังคับใช้แล้ว ได้แก่ กฎกระทรวง ประกาศ และระเบียบที่จะต้องดำเนินการออกตามความในพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๖๐ มีจำนวนทั้งสิ้น ๘๔ ฉบับ ประกอบด้วยกฎกระทรวง จำนวน ๘ ฉบับ ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม จำนวน ๔๙ ฉบับ ประกาศกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ จำนวน ๒๑ ฉบับ ระเบียบกระทรวงอุตสาหกรรม จำนวน ๒ ฉบับ ระเบียบกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเมืองแร่ จำนวน ๒ ฉบับ และประกาศคณะกรรมการแร่ จำนวน ๒ ฉบับ ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมได้จัดทำอนุบัญญัติดังกล่าวในเรื่องที่มีความจำเป็นต่อการบริหารจัดการแร่ การพิจารณาอนุมัติ อนุญาต การควบคุมตรวจสอบ การกำกับดูแล รวมถึงการอำนวยความสะดวกในการประกอบกิจการตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยมีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๖๘ ฉบับ ๒. อนุบัญญัติที่ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จภายในสองปีนับแต่พระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๖๐ มีผลใช้บังคับ จำนวน ๑๖ ฉบับ ได้แก่ กฎกระทรวงและประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อให้มีผลใช้บังคับ จำนวน ๔ ฉบับ และอนุบัญญัติที่ไม่ใช่เรื่องการกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการอนุมัติอนุญาตโดยจะดำเนินการจัดทำเมื่อมีเหตุการณ์จำเป็น เพื่อจะนำไปบังคับใช้เมื่อมีเหตุการณ์เกี่ยวกับเรื่องนั้นโดยเฉพาะ จำนวน ๑๒ ฉบับ
|
||||||||||||||||||||||||
11160 | ผลการประชุม Asian Financial Forum ครั้งที่ 13 และการพบปะผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานด้านเศรษฐกิจของเขตบริหารพิเศษฮ่องกง | กค | 11/02/2563 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุม Asian Financial Forum (AFF) ครั้งที่ ๑๓ และการพบปะผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานด้านเศรษฐกิจของเขตบริหารพิเศษฮ่องกง (ฮ่องกง) จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๑-๑๔ มกราคม ๒๕๖๓ ณ เขตบริหารพิเศษฮ่องกง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้เข้าร่วมการประชุม AFF ภายใต้หัวข้อ “Redefining Growth : Innovation, Breakthrough, Inclusiveness” ซึ่งเป็นเวทีการประชุมนานาชาติที่รวมผู้บริหารระดับสูงจากภาคการเงิน ภาครัฐ และภาคเอกชนของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก โดยไทยได้เน้นย้ำในด้านการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสร้างความเชื่อมโยง (Connectivity) กับประเทศต่าง ๆ การส่งเสริมการเงินเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนและการลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะการดำเนินโครงการ National e-Payment การสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อมุ่งสู่เศรษฐกิจนวัตกรรมโดยการลงทุนในด้านการศึกษาการวิจัยและพัฒนา ๒. การหารือผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานด้านเศรษฐกิจของฮ่องกง เช่น การหารือทวิภาคีกับนายพอล ชาน (Mr. Paul Chan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของฮ่องกง การหารือทวิภาคีร่วมกับนายปีเตอร์ แลม (Mr. Peter K N Lam) ประธานสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง (Hong Kong Trade DEVELOPMENT Council : HKTDC) และการพบปะหารือกับคณะผู้แทนภาคการเงินการธนาคารในฮ่องกง (Thai Professional and Friends of Thailand from Financial Sector) เป็นต้น เพื่อขับเคลื่อนและสานต่อความร่วมมือระหว่างรัฐบาลของทั้งสองฝ่ายในด้านต่าง ๆ
|
.....