ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 878 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 17541 - 17560 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
17541 | ขอถอนร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 บังคับในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลนาคูณใหญ่ อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม พ.ศ. .... | มท | 06/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ บังคับในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลนาคูณใหญ่ อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17542 | ขอความเห็นชอบแผนแม่บทการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. 2560 - 2579 | กษ | 06/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแผนแม่บทการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙ ประกอบด้วย แผนการจัดระบบน้ำเพื่อเกษตรกรรม และแผนการจัดรูปที่ดิน เพื่อให้บรรลุเป้าประสงค์ของการจัดรูปที่ดินในการเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุนการผลิต มีระยะเวลาครอบคลุม ๒๐ ปี แบ่งการดำเนินงานออกเป็น ๔ ระยะ ได้แก่ แผนระยะเร่งด่วน (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐) แผนระยะสั้น (ปี พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๔) แผนระยะกลาง (ปี พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๖๙) และแผนระยะยาว (ปี พ.ศ. ๒๕๗๐-๒๕๗๙) รวมพื้นที่ ๑๔.๔๖๑ ล้านไร่ งบประมาณดำเนินการรวม ๒๒๖,๐๗๘ ล้านบาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดทำแผนปฏิบัติการให้ชัดเจนเพื่อให้สามารถดำเนินการให้บรรลุตามเป้าหมายตามที่กำหนดไว้ในแผนแม่บทฯ ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณในโอกาสแรก ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ รวมทั้งจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการประเมินผลสัมฤทธิ์ตามโครงการตามแผนแม่บทฯ และรายงานให้คณะกรรมการจัดรูปที่ดินกลางทราบ รวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้กับหน่วยงาน องค์กร ประชาชน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มในแนวเขตพื้นที่จัดรูปที่ดินได้เข้ามามีส่วนร่วมในการรับทราบข้อเท็จจริง วิเคราะห์แนวทางการพัฒนาพื้นที่ ให้ข้อเสนอแนะ และพิจารณานำองค์ความรู้จากต่างประเทศที่ประสบความสำเร็จและบทเรียนจากการดำเนินงานมาประยุกต์ใช้ในการจัดรูปที่ดินในประเทศไทย ควรวางกรอบการติดตาม ตรวจสอบ และรวบรวมข้อมูลผลงาน ความก้าวหน้า ตลอดจนปัญหาอุปสรรคในการปฏิบัติงานและจัดทำฐานข้อมูลเกี่ยวกับการจัดรูปที่ดิน นอกจากนี้ ควรพิจารณาเพิ่มเติมมาตรการในการปรับตัวเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้านชลประทานและการเกษตรในอนาคต และควรเร่งรัดการจัดทำแผนปฏิบัติการฯ เพื่อรองรับแผนแม่บทฯ โดยเน้นผลตอบแทนด้านการผลิตให้คุ้มค่ากับการลงทุนจัดระบบชลประทานในไร่นาของภาครัฐซึ่งสูงกว่าพื้นที่ชลประทานทั่วไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17543 | รายงานผลการปรับปรุงงบลงทุนระหว่างปีของรัฐวิสาหกิจ ประจำปี 2560 ไตรมาส 2 (มกราคม - มีนาคม 2560) | นร11 | 06/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปรับปรุงงบลงทุนระหว่างปีของรัฐวิสาหกิจ ประจำปี ๒๕๖๐ ไตรมาส ๒ (มกราคม-มีนาคม ๒๕๖๐) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการพิจารณาปรับปรุงงบลงทุน ประจำปี ๒๕๖๐ ไตรมาส ๒ มีการปรับปรุงงบลงทุนระหว่างปีของรัฐวิสาหกิจ โดยมีกรอบการเบิกจ่ายลงทุนประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ เปลี่ยนแปลงไปจากที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติไว้ จาก ๕๒๐,๙๘๐ ล้านบาท เป็น ๕๐๗,๐๘๑ ล้านบาท ๒. เป้าหมายการเบิกจ่ายลงทุนประจำปี ๒๕๖๐ รัฐวิสาหกิจได้จัดทำเป้าหมายการดำเนินงานตามกรอบการเบิกจ่ายลงทุนที่ได้รับอนุมัติให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อใช้ในการติดตามผลการเบิกจ่ายลงทุน และจัดส่งให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กระทรวงการคลังเพื่อใช้ประกอบในการจัดทำเป้าหมายและตัวชี้วัดในการประเมินผลการดำเนินงานในภาพรวมขององค์กร ๓. ผลการเบิกจ่ายลงทุนประจำปี ๒๕๖๐ ไตรมาส ๒ รัฐวิสาหกิจสามารถเบิกจ่ายลงทุนสะสมถึงเดือนมีนาคม ๒๕๖๐ ได้จำนวน ๗๒,๒๙๔ ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๘๒.๒ ของเป้าหมายไตรมาส ๒ (จำนวน ๘๗,๙๗๒ ล้านบาท) สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่เบิกจ่ายลงทุนได้ร้อยละ ๗๒.๑ และทั้งปีคาดว่าจะเบิกจ่ายลงทุนได้ทั้งสิ้น ๔๙๔,๑๓๑ ล้านบาท หรือประมาณร้อยละ ๙๗.๔ ของเป้าหมายรวม ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่กำหนดให้รัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายไม่น้อยกว่าร้อยละ ๙๕.๐ ของกรอบวงเงินเบิกจ่ายลงทุนที่ได้รับอนุมัติ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17544 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการค่าเช่ารถยนต์ประจำตำแหน่ง (สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา) | สว | 06/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๕ รายการค่าเช่ารถยนต์ประจำตำแหน่งพร้อมพนักงานขับรถยนต์สำหรับรองเลขาธิการวุฒิสภา จำนวน ๑ คัน วงเงินรวมทั้งสิ้น ๒,๖๒๖,๘๐๐ บาท ตามนัยมาตรา ๒๓ วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เป็นกรณีเฉพาะราย ทั้งนี้ ให้มีผลเมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ใช้บังคับแล้ว ๒. สำหรับค่าเช่ารถยนต์ฯ นั้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ไม่ได้เสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีรองรับไว้ เห็นควรให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอคำขอเพิ่มงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ สภานิติบัญญัติแห่งชาติตามขั้นตอน หรือปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ รายการค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่ง แล้วแต่กรณี ทั้งนี้ การเช่ารถยนต์ประจำตำแหน่งพร้อมพนักงานขับรถยนต์ดังกล่าว สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาจะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17545 | การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2555 เรื่อง การให้หน่วยงานรัฐวิสาหกิจเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นในสัดส่วนของรัฐบาลไทยในโครงการอาเซียนโปแตช (ประเทศไทย) | กค | 06/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงการคลังดำเนินการตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับการให้หน่วยงานรัฐวิสาหกิจเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นในสัดส่วนของรัฐบาลไทยในโครงการอาเซียนโปแตช (ประเทศไทย) ให้ได้ข้อยุติ โดยหากรัฐภาคีเห็นว่าข้อเสนอของกระทรวงการคลังเป็นเรื่องที่สามารถดำเนินการได้โดยไม่ขัดกับหลักเกณฑ์ของข้อตกลงพื้นฐานว่าด้วยโครงการอุตสาหกรรมอาเซียน (Basic Agreement on ASEAN Industrial Projects) ก็ให้กระทรวงการคลังดำเนินการตามที่เสนอได้ โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบอีก และให้รายงานคณะรัฐมนตรีทราบต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และคุณสมบัติของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลให้รอบคอบและรัดกุม เพื่อไม่ให้เป็นภาระที่รัฐต้องใช้งบประมาณในการแก้ปัญหาในภายหลัง โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และคุณสมบัติที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งควรมีมาตรการรองรับในกรณีที่ไม่มีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ส่วนราชการและ/หรือรัฐวิสาหกิจถือหุ้นในสัดส่วนที่มีอำนาจในการควบคุมจัดการสนใจเข้าร่วมโครงการฯ เพื่อให้สามารถดำเนินการตามแผนการลงทุนได้อย่างต่อเนื่องและเป็นไปตามเจตนารมณ์ของโครงการฯ และพิจารณาหาสาเหตุที่ไม่มีหน่วยงานรัฐสาหกิจสนใจลงทุนในโครงการฯ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังพิจารณากำหนดแนวทางการดำเนินการในรูปแบบอื่น เพื่อรองรับกรณีที่ผลการหารือกับรัฐภาคีระบุว่าข้อเสนอของกระทรวงการคลังไม่สอดคล้องกับ Basic Agreement ต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประเมินความคุ้มค่าในการดำเนินโครงการอาเซียนโปแตช (ประเทศไทย) พร้อมทั้งกำหนดมาตรการรองรับในกรณีที่การดำเนินโครงการฯ ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ รวมทั้งให้ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการต่อต้านจากมวลชนในการดำเนินโครงการฯ ดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17546 | รายงานผลการเบิกจ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 | นร07 | 06/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงบประมาณและกรมบัญชีกลางรายงานผลการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙-๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๐ งบประมาณทั้งสิ้น ๒,๙๒๓,๐๐๐ ล้านบาท (รวมงบประมาณเพิ่มเติม) เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๑,๘๖๔,๙๐๙ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๖๓.๘๐ ดังนี้
๑. มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบประมาณทั้งสิ้น ๒,๗๓๓,๐๐๐ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๑,๘๑๗,๙๙๕ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๖๖.๕๒ เพิ่มขึ้นจากวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๖๐ จำนวน ๑๖๕,๖๒๘ ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายร้อยละ ๑.๔๗ (เป้าหมายภาพรวม ร้อยละ ๖๕.๐๕) ประกอบด้วย รายจ่ายประจำ จำนวน ๒,๑๘๔,๑๒๘ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๑,๕๗๔,๙๓๕ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๗๒.๑๑ และรายจ่ายลงทุน จำนวน ๕๔๘,๘๗๒ ล้านบาท มีการก่อหนี้แล้ว จำนวน ๓๖๓,๕๗๒ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๖๖.๒๔ และเบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๒๔๓,๐๖๐ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๔๔.๒๘ ๒. มาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กทั่วประเทศ ๒.๑ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น และงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเสริมสร้างความเข้มแข็งและก้าวหน้าของประเทศตามแนวทางปฏิรูป กรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ รวมทั้งสิ้น ๒๓,๐๐๐ ล้านบาท จัดสรรงบประมาณแล้ว จำนวน ๒๑,๗๑๑ ล้านบาท มีการก่อหนี้แล้ว จำนวน ๒๐,๖๘๐ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๙๕.๒๕ และเบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๑๙,๕๙๒ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๙๐.๒๔ ๒.๒ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ รายการรายจ่ายลงทุนที่มีวงเงินไม่เกิน ๒ ล้านบาท จัดสรรงบประมาณแล้ว จำนวน ๓๑,๒๘๒ ล้านบาท มีการก่อหนี้แล้ว จำนวน ๒๘,๖๓๐ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๙๑.๕๒ และเบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๒๕,๘๕๓ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๘๒.๖๔ ๓. งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบประมาณทั้งสิ้น ๑๙๐,๐๐๐ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๔๖,๙๑๔ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๒๔.๖๙ ประกอบด้วย รายจ่ายประจำ จำนวน ๑๐๕,๖๓๑ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๔๖,๒๘๗ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๔๓.๘๒ และรายจ่ายลงทุน จำนวน ๘๔,๓๖๙ ล้านบาท มีการก่อหนี้แล้ว จำนวน ๑๘,๗๘๘ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๒๒.๒๗ เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๖๒๗ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๐.๗๔ ๔. เงินกันไว้เบิกเหลื่อมปี พ.ศ. ๒๕๕๒-๒๕๕๙ รวมทั้งสิ้น ๒๗๖,๑๗๔ ล้านบาท มีการก่อหนี้แล้ว จำนวน ๒๓๕,๓๑๗ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๘๕.๒๑ และเบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๑๖๗,๗๑๐ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๖๐.๗๓
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17547 | สรุปสาระสำคัญการประชุมคณะกรรมการบริหาราชการแผ่นดินเชิงยุทธศาสตร์ ครั้งที่ 7/2560 | นร05 | 06/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปสาระสำคัญการประชุมคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินเชิงยุทธศาสตร์ (บยศ.) ครั้งที่ ๗/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๖๐ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ตามที่ฝ่ายเลขานุการ บยศ. เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมรับทราบผลการดำเนินงานของกระทรวงสาธารณสุขในช่วง ๓ ปีที่ผ่านมา เช่น การนำร่องโครงการคลินิกหมอครอบครัว การบริการจัดการผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติมีสิทธิ์ทุกที่ (UCEP) และการพัฒนางานสมุนไพรสนับสนุนการสร้างรายได้โดยสร้างเมืองสมุนไพรต้นแบบ (Herbal city) จำนวน ๑๓ แห่ง และเป้าหมายที่จะดำเนินการในช่วงต่อไป (ระยะเวลา ๑ ปี ๔ เดือน) เช่น (๑) การต่อยอดการดำเนินโครงการ Smart citizen (๒) การพัฒนาอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจรเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ (๓) การพัฒนาเขตสุขภาพพิเศษ และ (๔) การพัฒนาโรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุข ๙๕๙ แห่ง เพื่อลดมลพิษ ลดการใช้พลังงาน ลดภาวะโรคร้อน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๒. ที่ประชุมเห็นชอบในหลักการ (๑) การจัดตั้งคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (District Health Board : DHB) เพื่อบูรณาการและกำกับดูแลการใช้จ่ายงบประมาณด้านสาธารณสุขในระดับพื้นที่ (๒) การดำเนินโครงการคลินิกหมอครอบครัว เพื่อให้การดูแลประชาชนแบบปฐมภูมิ (๓) ให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กรมบัญชีกลาง (ในฐานะหน่วยงานเจ้าของงบประมาณสำหรับสิทธิการรักษาพยาบาลสำหรับข้าราชการ) และสำนักงานประกันสังคมหารือร่วมกันถึงแนวทางการจ่ายเงินเพื่อสนับสนุนให้แก่คลินิกหมอครอบครัวเพิ่มเติมจากในปัจจุบันที่จ่ายได้เฉพาะโรงพยาบาลที่ทำการรักษา (๔) สร้างแรงจูงใจให้แพทย์ ๓ สาขา ประกอบด้วย สาขาเวชศาสตร์ครอบครัว สาขาระบาดวิทยา และสาขาเวชศาสตร์ฉุกเฉิน (เพื่อรองรับการดำเนินโครงการคลินิกหมอครอบครัว ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข และการดูแลผู้ป่วย UCEP) โดยการออกระเบียบเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษของผู้ปฏิบัติงานด้านการสาธารณสุขฉบับใหม่ และสนับสนุนความก้าวหน้าด้านวิชาชีพ และ (๕) ให้กระทรวงสาธารณสุขประสานความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพัฒนาเขตสุขภาพพิเศษ เพื่อดูแลงานสาธารณสุขชายแดน งานสาธารณสุขทางทะเลและเกาะ และเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก รวมถึงพื้นที่เฉพาะอื่น ๆ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และรับข้อสังเกตที่ประชุมไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17548 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนหนองขาหย่าง จังหวัดอุทัยธานี พ.ศ. .... | มท | 06/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนหนองขาหย่าง จังหวัดอุทัยธานี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลหนองขาหย่าง อำเภอหนองขาหย่าง จังหวัดอุทัยธานี เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมที่เห็นควรเพิ่มประเภทโรงงาน ได้แก่ โรงงานประเภท ๕๘ (๑) การทำผลิตภัณฑ์คอนกรีต ผลิตภัณฑ์คอนกรีตผสมผลิตภัณฑ์ยิปซั่ม หรือผลิตภัณฑ์ปูนปลาสเตอร์ ในร่างกฎกระทรวงฯ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่าผู้ที่เกี่ยวข้องควรให้ความสำคัญกับการควบคุมการวางผังเมืองให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของร่างกฎกระทรวงฯ และคำนึงถึงปริมาณน้ำต้นทุนและปริมาณการใช้น้ำ รวมทั้งการควบคุมการก่อสร้างต่าง ๆ เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคกับการระบายน้ำในพื้นที่ และในการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ให้พิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ แหล่งศิลปกรรม และพิจารณามิให้เป็นอุปสรรคต่อการจัดสร้างระบบรวบรวมหรือระบบบำบัด/กำจัดมลพิษ ตลอดจนการกำหนดพื้นที่การใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อกิจการอื่น ๆ ที่เป็นการใช้ประโยชน์ที่ดินรองของการใช้ประโยชน์ที่ดินหลักในแต่ละประเภท เมื่อมีการใช้ประโยชน์ที่ดินในแต่ละบริเวณแล้ว ควรมีการจัดทำฐานข้อมูลที่เป็นปัจจุบันและเผยแพร่ต่อสาธารณะให้ทราบว่ามีการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อกิจการอื่นไปแล้วเท่าใด และใช้ฐานข้อมูลดังกล่าวเป็นฐานในการกำหนดผังเมืองรวมฉบับที่จะมีการปรับปรุงของแต่ละเมืองด้วย และกรมโยธาธิการและผังเมืองควรพิจารณาสนับสนุนให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นกำกับดูแลและควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17549 | แผนพัฒนากำลังคนรายจังหวัด พ.ศ. 2560 - 2564 | รง | 06/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบแผนพัฒนากำลังคนรายจังหวัด พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ เป็นการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ด้านการจัดทำแผนพัฒนากำลังคน ระยะที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๕๙) โดยแต่งตั้งคณะอนุกรรมการพัฒนาแรงงานและประสานงานการฝึกอาชีพจังหวัดเป็นกลไกขับเคลื่อนการจัดทำ กำกับดูแล รวมถึงบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเพื่อให้เป็นแผนพัฒนาจำแนกความต้องการกำลังคนตามตำแหน่งงานของจังหวัด โดยได้กำหนดเป้าหมายการดำเนินงาน ๕ ปี มีความต้องการแรงงานเป้าหมายซึ่งกำหนดโดยภาคอุตสาหกรรม จำนวนรวม ๕,๐๒๑,๐๔๐ คน แบ่งเป็นแรงงานภาคการศึกษาซึ่งเป็นหน่วยผลิตกำลังแรงงานเข้าใหม่สู่ตลาดแรงงานทั้งสายสามัญและสายวิชาชีพ จำนวน ๑,๐๑๗,๖๑๘ คน และแรงงานภาคการพัฒนา ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะทำหน้าที่พัฒนาแรงงานที่อยู่ในกำลังแรงงานอยู่แล้วให้มีทักษะความสามารถเพิ่มขึ้น จำนวน ๔,๐๐๓,๔๒๒ คน รวมทั้งได้กำหนดความต้องการแรงงานในภาคกลุ่มอุตสาหกรรม ๑๙ กลุ่มอุตสาหกรรม จำแนกตามจังหวัดและกลุ่มจังหวัดเพื่อสนับสนุนนโยบายการบริหารงานแบบกลุ่มจังหวัด รวม ๑๘ กลุ่มจังหวัด โดยเกษตรกรรม ประมง และปศุสัตว์มีจำนวนแรงงานเป้าหมายการผลิตและการพัฒนามากที่สุด และมอบหมายหน่วยงานต่าง ๆ ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานเพื่อการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเกี่ยวกับการขับเคลื่อนแผนพัฒนากำลังคนรายจังหวัดฯ ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเป้าหมายการผลิตและพัฒนากำลังคนของอุตสาหกรรมอนาคต (S-Curve และ New S-Curve) เป็นการประมาณการความต้องการกำลังคนบนฐานโครงสร้างการผลิตของอุตสาหกรรมที่มีอยู่ในปัจจุบันที่ใกล้เคียงกับอุตสาหกรรมในอนาคต จึงควรพิจารณาศึกษาความต้องการกำลังคนภายใต้ห่วงโซ่คุณค่าของอุตสาหกรรมทั้ง ๑๐ อุตสาหกรรมเพิ่มเติม โดยคำนึงถึงความสอดคล้องเชื่อมโยงกับข้อเสนอแนวทางและแผนการดำเนินงานที่กำหนดโดยคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาพื้นที่ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อให้การผลิตและการพัฒนากำลังคนสามารถรองรับความต้องการกำลังคนของอุตสาหกรรมอนาคตอย่างแท้จริง เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงแรงงานเร่งจัดทำแผนพัฒนากำลังคนเพิ่มเติมที่แสดงให้เห็นถึงความต้องการแรงงานรองรับ ๑๐ อุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมอนาคต (New S-Curve) กลุ่มต่าง ๆ เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ และอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร โดยคำนึงถึงความสอดคล้องเชื่อมโยงกับแนวทาง/แผนการดำเนินงานที่กำหนดโดยคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก รวมทั้งความต้องการแรงงานแยกตามภาค/เขตพื้นที่อุตสาหกรรม แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17550 | สรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 29 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2559 - 28 กุมภาพันธ์ 2560) | นร | 06/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๒๙ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๙-๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐) ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเสนอ มีผลงานสำคัญโดยสรุป ดังนี้
๑. การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ เช่น โครงการส่งเสริมการจัดกิจกรรมเพื่อความปรองดองสมานฉันท์โดยผ่านกลไกระดับจังหวัด อำเภอ ท้องถิ่น การจัดงานประเพณีกิจกรรมทางศาสนาและกิจกรรมพัฒนา และการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนร้องทุกข์ ๒. การปฏิรูปประเทศ ได้แก่ การปฏิรูปการเงินฐานรากและร่างพระราชบัญญัติสถาบันการเงินชุมชน การปฏิรูประบบการให้ความรู้พื้นฐานทางการเงินแก่ประชาชน การเสริมสร้างวัฒนธรรมทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย การปฏิรูปกฎหมายและระบบบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชนของประเทศ ระบบการแพทย์ฉุกเฉินช่วงก่อนถึงโรงพยาบาล การปฏิรูปโครงสร้างองค์กรภาครัฐ การจัดความสัมพันธ์ระหว่างราชการส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น : การปฏิรูปการบริหารจัดการของหน่วยรับผิดชอบงานทาง ธนาคารที่ดินและร่างพระราชบัญญัติธนาคารที่ดิน พ.ศ. .... และการปฏิรูปการดำเนินการด้านการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของไทยและแนวทางการดำเนินงานไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ๓. การบริหารราชการแผ่นดิน ๓.๑ ด้านความมั่นคง เช่น การเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้ด้วยความจงรักภักดีและปกป้องรักษาพระบรมเดชานุภาพ การน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและร่วมแสดงความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และการรักษาความมั่นคงของรัฐและต่างประเทศ ๓.๒ ด้านสังคมจิตวิทยา เช่น การลดความเหลื่อมล้ำของสังคม การจัดทำโครงการผลิตครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น โครงการห้องเรียนกีฬา โครงการโรงเรียนที่ต้องการความช่วยเหลือและพัฒนาเป็นพิเศษอย่างเร่งด่วน (โรงเรียนไอซียู) การจัดงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาเนื่องในเทศกาลมาฆบูชา และการยกระดับคุณภาพบริการด้านสาธารณสุข และสุขภาพของประชาชน ๓.๓ ด้านเศรษฐกิจ เช่น การเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ การดำเนินโครงการสนับสนุนสินเชื่อสถาบันเกษตรแปรรูปยางพาราภายใต้แนวทางพัฒนายางพาราทั้งระบบ การดำเนินโครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังด้วยมาตรการสนับสนุนสินเชื่อ การดำเนินมาตรการด้านการเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ปี ๒๕๖๐ เพิ่มเติม การดำเนินโครงการส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมด้านอาหารไทย ประจำปี ๒๕๖๐ การดูแลผู้บริโภคหลังการปรับราคาจำหน่ายปลีกก๊าซหุงต้ม และการดำเนินโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ๓.๔ ด้านการต่างประเทศ ได้พัฒนาฝีมือแรงงานนานาชาติในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงให้มีสมรรถนะและทักษะฝีมือตามมาตรฐานเทียบเท่าระดับสากลอันจะนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาคให้เข้มแข็งและยั่งยืน รวมถึงเพื่อเป็นการส่งเสริมและผลักดันมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติของประเทศไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับภูมิภาคและระดับสากล ตลอดจนเพื่อส่งเสริมการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้แก่ประชาชนอย่างทั่วถึง ๓.๕ ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เช่น การส่งเสริมและการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาลและการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ การป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ และการปรับปรุงกฎหมายที่ล้าสมัยไม่เป็นธรรม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17551 | แนวทางการดำเนินการประชาสัมพันธ์งานของรัฐบาลโดยโฆษกกระทรวงตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี (6 ตุลาคม 2558) ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2560 | นร | 06/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการดำเนินการประชาสัมพันธ์งานของรัฐบาลโดยโฆษกกระทรวง ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี (๖ ตุลาคม ๒๕๕๘) ประจำเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ในฐานะประธานกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติเสนอ มีประเด็นการประชาสัมพันธ์ที่สำคัญ ดังนี้
๑. ผลงานตามนโยบายและยุทธศาสตร์ (๑) เดือนที่ผ่านมา (กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐) ได้แก่ การเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ การแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม การให้ความช่วยเหลือเกษตรกรในด้านต่าง ๆ การสร้างจิตสำนึกด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย การค้ามนุษย์ และแรงงานต่างชาติ และ (๒) เดือนต่อไป (เมษายน ๒๕๖๐) ได้แก่ การส่งเสริมให้เกษตรกรน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่มาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตและการทำการเกษตร การสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิแรงงาน และภาวะการค้าระหว่างประเทศ ๒. ผลงานตามประเด็นการปฏิรูป (๑) เดือนที่ผ่านมา (กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐) ได้แก่ ยุทธศาสตร์ชาติ การปฏิรูปประเทศ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง การรณรงค์ส่งเสริมการเคารพสิทธิผู้อื่น มาตรการควบคุมป้องกันโรคติดต่อ โรคติดต่ออุบัติใหม่ ภัยสุขภาพ โรคฤดูร้อน มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการท่องเที่ยว และมาตรการจัดระเบียบสังคม และการแก้ปัญหาสาธารณภัย และ (๒) เดือนต่อไป (เมษายน ๒๕๖๐) ได้แก่ ความคืบหน้าโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และความคืบหน้าการดำเนินงานตามแผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของประเทศไทย ๓. ผลงานการแก้ไขปัญหาเร่งด่วน (๑) เดือนที่ผ่านมา (กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐) ได้แก่ การชี้แจงประเด็นการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน การป้องกันปัญหาหมอกควันและการเผาในที่โล่งในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน การให้ข้อมูลเรื่องโรงไฟฟ้าถ่านหิน และนโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่ และ (๒) เดือนต่อไป (เมษายน ๒๕๖๐) ได้แก่ การดำเนินการและความก้าวหน้าการแก้ไขปัญหาราคาข้าว การรายงานสถานการณ์การละเมิดสิทธิเสรีภาพและมนุษยชน และการรณรงค์ป้องกันการบาดเจ็บจากการจราจรช่วงเทศกาลสงกรานต์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17552 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ พ.ศ. .... | มท | 06/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลสักหลง ตำบลวัดป่า ตำบลบ้านโสก ตำบลตาลเดี่ยว ตำบลหล่มสัก ตำบลน้ำก้อ ตำบลหนองไขว่ ตำบลบ้านหวาย ตำบลน้ำชุน ตำบลลานบ่า และตำบลปากดุก อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยให้รับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมที่เห็นว่า ร่างกฎกระทรวงฯ ไม่สอดคล้องกับสภาพข้อเท็จจริงที่การประกอบกิจการโรงงานอุตสาหกรรม จำนวน ๒๙ ประเภท ๕๘ โรงงาน คิดเป็นร้อยละ ๔๔ ของโรงงานทั้งหมดในพื้นที่วางผังไม่ได้กำหนดไว้ในร่างกฎกระทรวงฯ ส่งผลให้ไม่สามารถเพิ่มเครื่องจักรเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และการควบคุมมลพิษ เพื่อรองรับการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจ ไม่สามารถตั้งโรงงานเพื่อรองรับและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ เช่น โรงงานประเภท ๑๐๕ โรงงานคัดแยก ฝังกลบสิ่งปฏิกูล โรงงานประเภท ๑๐๖ โรงงานนำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่ไม่ใช้แล้วหรือของเสียจากโรงงานมาผลิตเป็นวัตถุดิบหรือผลิตภัณฑ์โดยผ่านกรรมวิธีการผลิตทางอุตสาหกรรม และโรงงานประเภท ๘๘ ผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ลม ชีวมวล ชีวภาพ และขยะชุมชนได้ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยเพิ่มเติมข้อมูลระดับชั้นความสูงในแผนที่ท้ายกฎกระทรวงในเรื่องนี้ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการตรวจสอบแนวเขตพื้นที่ที่จะดำเนินการอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากอาจมีพื้นที่บางส่วนทับซ้อนกับเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมและควรให้ความสำคัญกับการควบคุมการวางผังเมืองให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของร่างกฎกระทรวงดังกล่าว และคำนึงถึงปริมาณน้ำต้นทุนและปริมาณการใช้น้ำ รวมถึงการควบคุมการก่อสร้างต่าง ๆ เพื่อมิให้เป็นอุปสรรคกับการระบายน้ำในพื้นที่ สำหรับการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ให้พิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ แหล่งศิลปกรรม และพิจารณามิให้เป็นอุปสรรคต่อการจัดสร้างระบบรวบรวมหรือระบบบำบัด/กำจัดมลพิษ รวมทั้งการกำหนดพื้นที่การใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อกิจการอื่น ๆ ที่เป็นการใช้ประโยชน์ที่ดินรองของการใช้ประโยชน์ที่ดินหลักในแต่ละประเภท ควรมีการจัดทำฐานข้อมูลที่เป็นปัจจุบันและเผยแพร่ต่อสาธารณะ นอกจากนี้ ควรให้กรมโยธาธิการและผังเมืองสนับสนุนให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นกำกับ ดูแล และอนุมัติการใช้ประโยชน์ที่ดินริมฝั่งแม่น้ำหรือแหล่งน้ำสาธารณะอย่างเข้มงวด ไม่ให้มีการรุกล้ำลำน้ำ รวมทั้งที่เว้นว่างตามแนวขนานลำน้ำ เพื่อให้สามารถบรรเทาปัญหาน้ำท่วมและรองรับการขยายตัวของเมืองได้อย่างมีคุณภาพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17553 | สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นจากประชาชน ไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 | นร01 | 06/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นจากประชาชน ไตรมาสที่ ๒ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งภาพรวมสถิติที่ยื่นเรื่องผ่านช่องทางการร้องทุกข์ ๑๑๑๑ และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ รวมทั้งสิ้น ๔๐,๙๙๓ ครั้ง รวมจำนวน ๒๓,๖๗๖ เรื่อง สามารถดำเนินการจนได้ข้อยุติ จำนวน ๒๐,๕๔๔ เรื่อง คิดเป็นร้อยละ ๘๖.๗๗ โดยประเด็นเรื่องที่ประชาชนร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นมากที่สุด ได้แก่ เหตุเดือดร้อนรำคาญ รองลงมาคือ การเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายและโครงการของรัฐในประเด็นที่หลากหลาย หนี้สินนอกระบบ แจ้งเบาะแสการลักลอบจำหน่ายและเสพยาเสพติด และแจ้งเบาะแสการลักลอบเปิดบ่อนและเล่นการพนัน ตามลำดับ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ๒. มอบหมายให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้ความสำคัญแก่การเร่งรัดการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์ให้มีผลเป็นที่ยุติด้วยความเป็นธรรมภายในระยะเวลาที่เหมาะสม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17554 | การขออนุมัติปิดสถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ ณ กรุงออสโล ราชอาณาจักรนอร์เวย์ (กระทรวงการต่างประเทศ) | กต | 06/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติปิดสถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ ณ กรุงออสโล ราชอาณาจักรนอร์เวย์ เนื่องจากได้ถ่ายโอนภารกิจส่วนใหญ่ของสถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ ณ กรุงออสโล ราชอาณาจักรนอร์เวย์ ให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงออสโล ราชอาณาจักรนอร์เวย์ ดำเนินการ และนางโซลไวก์ สกาอวน (Mrs. Solveig Skauan) กงสุลกิตติมศักดิ์ ณ กรุงออสโล ราชอาณาจักรนอร์เวย์ ได้ขอยุติการปฏิบัติหน้าที่แล้ว ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17555 | การเพิกถอนการดำรงตำแหน่งกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ และรองกงสุลกิตติมศักดิ์ ประจำกรุงดามัสกัส สาธารณรัฐอาหรับซีเรีย (กระทรวงการต่างประเทศ) | กต | 06/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเพิกถอนการดำรงตำแหน่งกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ และรองกงสุลกิตติมศักดิ์ ประจำกรุงดามัสกัส สาธารณรัฐอาหรับซีเรีย รวม ๒ ราย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เพิกถอนการดำรงตำแหน่งกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ประจำกรุงดามัสกัส สาธารณรัฐอาหรับซีเรีย ของนายเรมอนด์ ฮาบีบ กัลปักจี (Mr. Raymond Habib Kalpakji) ๒. เพิกถอนการดำรงตำแหน่งรองกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำกรุงดามัสกัส สาธารณรัฐอาหรับซีเรีย ของนายฮาบีบ กัลปักจี (Mr. Habib Kalpakji)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17556 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท รวม 3 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภทในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดสมุทรสาคร พ.ศ. ....) | มท | 06/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท รวม ๓ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดอุบลราชธานี และจังหวัดชัยภูมิ เพื่อประโยชน์ในด้านการป้องกันอัคคีภัย การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดสมุทรสาคร พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดอุบลราชธานี พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดชัยภูมิ พ.ศ. .... ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า เพื่อให้การบังคับใช้ร่างกฎกระทรวงฯ ดังกล่าว มีผลในทางปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม กรมโยธาธิการและผังเมืองควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นควบคุมการขออนุญาตและการก่อสร้างอาคารพาณิชยกรรมประเภทค้าปลีกค้าส่งให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของร่างกฎกระทรวงฯ อย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17557 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล (กขร.) ครั้งที่ 2/2560 : การเร่งรัดและขับเคลื่อนประเด็นการปฏิรูปการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และการกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรมและใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างมีประสิทธิภาพ | นร | 06/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล (กขร.) เสนอ ดังนี้
๑. รับทราบความคืบหน้าการดำเนินการตามประเด็นปฏิรูปด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และการปฏิรูปด้านสังคม : กระจายการถือครองและใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเป็นธรรม ตามสรุปผลการประชุม กขร. ครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ซึ่งที่ประชุมมีมติมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นเจ้าภาพหลักในการบูรณาการประเด็นปฏิรูปด้านการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าภาพหลักในการบูรณาการประเด็นปฏิรูปด้านการกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรมและใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างมีประสิทธิภาพ โดยประสานงานกับคณะอนุกรรมการบูรณาการและขับเคลื่อนการปฏิรูปเชิงระบบและโครงสร้าง ภายใต้คณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศ เพื่อจัดประชุมขับเคลื่อนเรื่องดังกล่าวร่วมกับที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้มีการจัดทำแผนการดำเนินการและกำหนดกรอบระยะเวลาดำเนินการในเรื่องสำคัญ เช่น ปฏิรูปด้านระบบการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย (ระบบ EHIA และระบบ SEA) ระบบผังเมือง และธนาคารที่ดิน โดยให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ยุทธศาสตร์ และการปฏิรูปประเทศ ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามความเห็นของ กขร. และรายงานความคืบหน้าให้ กขร. ทราบ รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามความคืบหน้าและสร้างการรับรู้การดำเนินการในเรื่องดังกล่าวให้ประชาชนรับทราบ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17558 | ขออนุมัติกู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่องสำหรับการดำเนินโครงการตามมาตรการลดภาระค่าครองชีพประชาชน (รถเมล์ฟรี) และเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ (PSO) ปีงบประมาณ 2560 ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ | คค | 06/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่องสำหรับการดำเนินโครงการตามมาตรการลดภาระค่าครองชีพประชาชน (รถเมล์ฟรี) และเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ (PSO) ปีงบประมาณ ๒๕๖๐ จำนวนรวม ๑,๗๗๗.๒๐๒ ล้านบาท และให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ รวมทั้งพิจารณาวิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ในการกู้เงิน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคม โดย ขสมก. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการบริหารจัดการบริการสาธารณะของ ขสมก. และการบริหารหนี้สินของ ขสมก. ตลอดจนการปรับปรุงขั้นตอนการขอรับการจัดสรรเงินงบประมาณสำหรับการดำเนินการตามมาตรการรถเมล์ฟรี และ PSO ให้สอดคล้องกับระยะเวลาการชำระค่าใช้จ่ายภายในปีงบประมาณนั้น ๆ เพื่อลดปัญหาการชำระค่าใช้จ่ายล่าช้าที่ทำให้เกิดหนี้ค้างชำระและค่าเบี้ยปรับค้างชำระ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17559 | ขอสนับสนุนงบกลางเพื่อดำเนินงานโครงการโคบาลบูรพา | กษ | 06/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการแนวทางดำเนินงานโครงการโคบาลบูรพาของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยเป็นการส่งเสริมปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกข้าวที่ไม่เหมาะสมไปเลี้ยงปศุสัตว์ (โคเนื้อและแพะ) ในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว มีเป้าหมายเพื่อให้มีการเลี้ยงแม่โคเนื้อ รวม ๑๒๐,๐๐๐ ตัว และแพะพันธุ์ดี ๒๗,๒๐๐ ตัว รวมทั้งปลูกพืชอาหารสัตว์ทดแทนการปลูกพืชชนิดอื่นที่ให้ผลผลิตต่ำ รวม ๑๐๓,๘๒๓ ไร่ ภายในระยะเวลาโครงการ ๖ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๕) ผ่านการสนับสนุนของภาครัฐ สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายส่งเสริมและสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจภายในประเทศ ที่ได้รับความเห็นชอบจากนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการพิจารณาการจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ แผนงานบูรณาการเสริมสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจภายในประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ แล้ว ภายในกรอบวงเงิน ๙๗๐.๕๐ ล้านบาท ที่ครอบคลุมการดำเนินกิจกรรมส่งเสริมการเลี้ยงแม่โคเนื้อผลิตลูก กิจกรรมส่งเสริมอาชีพเลี้ยงแพะ และกิจกรรมส่งเสริมการปลูกพืชอาหารสัตว์เฉพาะในส่วนของเกษตรกรที่ได้รับการส่งเสริมการเลี้ยงแม่โคเนื้อผลิตลูกและเกษตรกรที่ได้รับการส่งเสริมการเลี้ยงแพะ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ อาทิ การกู้ยืมเงินจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรเพื่อให้เกษตรกรนำไปใช้ร่วมในการดำเนินงาน ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร พ.ศ. ๒๕๕๔ และควรให้มีการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลโครงการอย่างต่อเนื่อง ควรจัดให้มีการฝึกอบรมให้ความรู้ที่จำเป็น มีการกำหนดแผนการติดตาม กำกับดูแล ประเมินผลและให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดต่อเนื่องตลอดโครงการ ควรพิจารณาการสนับสนุนเงินกู้ยืมปลอดดอกเบี้ยตามความจำเป็น ความเหมาะสม และความสามารถในการชำระเงินกู้ยืมของเกษตรกรเพื่อมิให้เป็นภาระภาครัฐ และควรมีแนวทางการดำเนินงานที่สอดคล้องกับพันธกรณีของไทยภายใต้องค์การการค้าโลก ควรมีกระบวนการหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกเกษตรกรเข้าร่วมโครงการที่เหมาะสมและเป็นธรรม และควรมีการติดตามประเมินผลโครงการดังกล่าวในลักษณะถอดบทเรียน (Best Practice) ว่าประสบผลสำเร็จมากน้อยเพียงใด เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาดำเนินการเพิ่มเติมด้วย ดังนี้ ๓.๑ เร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์โครงการให้ชัดเจนและทั่วถึงเพื่อให้เกษตรกรเข้าร่วมโครงการได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ รวมทั้งเร่งดำเนินโครงการให้เป็นไปตามแผนงานเพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณไม่เกิดความล่าช้าและสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของโครงการด้วย ๓.๒ ในการคัดเลือกเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ ควรพิจารณาเลือกเกษตรกรที่มีความพร้อมและสมัครใจเข้าร่วมโครงการ โดยให้ความสำคัญกับเกษตรกรที่ยังไม่ได้รับการสนับสนุนจากโครงการอื่นที่มีลักษณะเดียวกัน (เช่น โครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ทำนาไม่เหมาะสมเพื่อส่งเสริมการเลี้ยงโคเนื้อ โครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ทำนาไม่เหมาะสมเพื่อส่งเสริมการเลี้ยงแพะ และโครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ทำนาไม่เหมาะสมเพื่อส่งเสริมการทำนาหญ้า) เป็นลำดับแรก และควรให้คำปรึกษาแนะนำเกษตรกรในการปรับเปลี่ยนอาชีพอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง โดยคำนึงถึงปริมาณความต้องการโคเนื้อและแพะของตลาดและจัดหาตลาดสำหรับจำหน่ายโคเนื้อและแพะของเกษตรกร เพื่อให้เกษตรกรประสบความสำเร็จในการปรับเปลี่ยนอาชีพตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ มีรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีพ และเกิดความเชื่อมั่นต่อโครงการในลักษณะดังกล่าวของภาครัฐ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17560 | ขออนุมัติจัดทำโครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย ปี 2559 ระยะที่ 1 | พม | 06/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติในหลักการการจัดทำโครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย ปี ๒๕๕๙ ระยะที่ ๑ จำนวน ๑๔ โครงการ รวม ๔,๓๘๘ หน่วย วงเงินลงทุนรวม ๒,๐๕๗.๓๘๖ ล้านบาท ของการเคหะแห่งชาติ โดยแหล่งที่มาของวงเงินลงทุนและการใช้จ่ายงบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ และในปีต่อ ๆ ไป ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้การเคหะแห่งชาติเริ่มดำเนินโครงการดังกล่าวได้เมื่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติแล้ว ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นของมนุษย์และการเคหะแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ อาทิ การจัดทำแผนบริหารความเสี่ยงด้านต้นทุนค่าก่อสร้างและอัตราการเช่า ตลอดจนศึกษาความเป็นไปได้ในการให้เอกชนร่วมดำเนินการโครงการฯ และให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงของโครงการฯ และการบริหารจัดการโครงการอาคารเช่าที่มีประสิทธิภาพเพื่อให้เกิดความเหมาะสมและคุ้มค่าในการใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐ การจัดทำแผนหารายได้จากอาคารเช่าที่ยังว่างอยู่ การเร่งรัดติดตามหนี้ค้างชำระ และกำหนดมาตรการป้องกันการเกิดหนี้ค้างชำระใหม่ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้ดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ นำฐานข้อมูลผู้มีรายได้น้อยตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐของกระทรวงการคลังที่เป็นปัจจุบันมาพิจารณาประกอบการดำเนินการกำหนดหลักเกณฑ์และคุณสมบัติของผู้เช่า โดยให้ความสำคัญกับผู้มีรายได้น้อยตามโครงการดังกล่าวเป็นลำดับแรก ๒.๒ ให้ดำเนินโครงการในลักษณะประชารัฐและบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยพิจารณานำอาคารที่อยู่อาศัยของภาครัฐหรือเอกชนที่ไม่มีการใช้ประโยชน์ หรือไม่สามารถจำหน่ายได้มาพัฒนาให้เกิดประโยชน์ ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงความต้องการที่อยู่อาศัยของกลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริงและเหมาะสม เช่น สภาพ ขนาด และรูปแบบที่อยู่อาศัย สภาพแวดล้อม และเส้นทางการคมนาคม รวมทั้งความคุ้มค่าในการดำเนินการและการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ได้มาตรฐาน ๒.๓ ให้กำหนดหลักเกณฑ์การเช่า การบริหารโครงการ และการทำสัญญาเช่าให้รอบคอบ เพื่อให้ผู้มีรายได้น้อยได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองได้อย่างแท้จริงและป้องกันการขายสิทธิ์ต่อหรือการเก็งกำไรของผู้ที่ต้องการแสวงประโยชน์ ๓. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์กำกับดูแลให้การเคหะแห่งชาติดำเนินโครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย ปี ๒๕๕๙ ระยะที่ ๑ ให้เป็นไปตามแผนและกรอบระยะเวลาที่กำหนด โดยให้การเคหะแห่งชาติจัดลำดับความสำคัญและดำเนินโครงการในส่วนที่มีความพร้อมก่อน และให้มีการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานด้วย
|
.....