ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 871 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 17401 - 17420 จากข้อมูลทั้งหมด 123972 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
17401 | การดำเนินการเกี่ยวกับข้อเสนอแนะเพื่อการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ตามมาตรา 266 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย | นร | 27/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการดำเนินการเกี่ยวกับข้อเสนอแนะเพื่อการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ตามมาตรา ๒๖๖ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ เมษินทรีย์) ประธานกรรมการประสานงาน รวม ๓ ฝ่าย (คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ) เสนอ ๒. ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการพิจารณาขับเคลื่อนการดำเนินการตามข้อเสนอแนะเพื่อการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17402 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2559 รวม 6 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภทใบอนุญาต การขอรับใบอนุญาต การออกใบอนุญาต การต่อใบอนุญาต การออกใบแทนใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ พ.ศ. ....) | กก | 27/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ รวม ๖ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ กำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ขอขึ้นทะเบียนเป็นผู้นำเที่ยว กำหนดหลักเกณฑ์ในการดำเนินการข้อผูกพันที่มีอยู่กับนักท่องเที่ยวก่อนวันที่ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวสิ้นสุดลง กำหนดค่าธรรมเนียมประกอบธุรกิจนำเที่ยวและใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ และกำหนดจำนวนเงินหลักประกันที่ผู้ขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวจะต้องวางเงินหลักประกันต่อนายทะเบียน ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงการอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภทใบอนุญาต การขอรับใบอนุญาต การออกใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต การออกใบแทนใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงการขึ้นทะเบียนผู้นำเที่ยว พ.ศ. .... ๑.๔ ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และระยะเวลา ในการดำเนินการตามข้อผูกพันที่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวมีอยู่กับนักท่องเที่ยวก่อนวันที่ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวสิ้นสุดลง พ.ศ. .... ๑.๕ ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมประกอบธุรกิจนำเที่ยวและใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ พ.ศ. .... ๑.๖ ร่างกฎกระทรวงกำหนดจำนวนเงินหลักประกัน พ.ศ. .... ๒. รับทราบการรายงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กรณีที่ไม่สามารถออกกฎกระทรวงในเรื่องนี้ รวม ๖ ฉบับ ให้แล้วเสร็จภายในกำหนดระยะเวลาตามที่เสนอ ๓. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรประชาสัมพันธ์และชี้แจงหลักเกณฑ์ ข้อกำหนด ตลอดจนกระบวนการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจนำเที่ยวและการเป็นมัคคุเทศก์ให้ชัดเจนแก่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวและกลุ่มวิชาชีพมัคคุเทศก์ทั่วประเทศ และควรสร้างแรงจูงใจให้ผู้ประกอบธุรกิจและกลุ่มมัคคุเทศก์เข้าสู่ระบบมากขึ้น โดยชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ที่ได้รับความคุ้มครองจากภาครัฐ ตลอดจนการยกระดับมาตรฐานคุณภาพการให้บริการและคุณภาพวิชาชีพ รวมทั้งควรกำหนดแนวทางการบริหารจัดการรายได้ที่มาจากการเก็บอัตราค่าธรรมเนียมค่าระวางโทษปรับตามร่างกฎกระทรวงฯ ดังกล่าวที่ชัดเจน ครอบคลุม โดยเฉพาะกองทุนคุ้มครองธุรกิจนำเที่ยว เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ และให้ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ตระหนักถึงความสำคัญและประโยชน์ที่ได้จากกองทุนฯ ดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17403 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 27/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านสังคม ให้กระทรวงแรงงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางการช่วยเหลือผู้ประกอบการกลุ่มต่าง ๆ โดยเฉพาะวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ประกอบกิจการที่ต้องใช้แรงงานในสาขาที่ขาดแคลน ให้สามารถจ้างแรงงานได้อย่างเหมาะสมและคล่องตัวมากยิ่งขึ้น ๒. ด้านเศรษฐกิจ ๒.๑ ให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดการดำเนินโครงการต่าง ๆ ในความรับผิดชอบตามนโยบายของรัฐบาลให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้ โดยให้กำกับดูแลการดำเนินงานให้เป็นไปอย่างถูกต้อง รอบคอบ โปร่งใส เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน และให้สร้างการรับรู้ให้ถูกต้องและทั่วถึงด้วย ๒.๒ ให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการพิจารณากำหนดแนวทางการใช้ประโยชน์จากพื้นที่ตามแนวเส้นทางโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งต่าง ๆ เช่น รถไฟ รถไฟฟ้า รถไฟความเร็วสูง รวมทั้งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเร่งรัดการพิจารณายกร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๕๙ (เรื่อง แนวทางการนำที่ดินที่ได้จากการเวนคืนไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด) ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้การนำพื้นที่ตามแนวเส้นทางดังกล่าวไปใช้ประโยชน์เป็นไปอย่างถูกต้อง เหมาะสม และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อไป ๒.๓ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้ทุกส่วนราชการที่มีความต้องการใช้ยางพาราสำรวจปริมาณความต้องการใช้ยางพาราภายในหน่วยงานให้ชัดเจน เพื่อจัดทำแผนสำหรับการเสนอขอรับจัดสรรงบประมาณในการจัดซื้อยางพารา โดยให้เร่งดำเนินการเพื่อส่งเสริมให้เกิดการใช้ยางพาราภายในประเทศให้มากยิ่งขึ้น นั้น ให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาความเหมาะสมในการดำเนินโครงการขนาดเล็กในพื้นที่ต่าง ๆ โดยให้นำยางพารามาใช้ในการสร้าง/ซ่อมถนนในชุมชน และให้ประสานงานกับกระทรวงกลาโหม (กรมการทหารช่าง) เพื่อให้เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการดังกล่าว เพื่ออำนวยประโยชน์ในการสัญจรของประชาชนในพื้นที่ที่มีปัญหาเกี่ยวกับเส้นทางคมนาคมได้โดยเร็ว ทั้งนี้ ให้เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๓ เดือน ๒.๔ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งรัดติดตามการดำเนินการขับเคลื่อนนโยบายที่สำคัญของรัฐบาล เช่น การส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ ศูนย์เรียนรู้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร แผนที่เกษตรเพื่อการบริหารจัดการเชิงรุก (Agri-Map) การยกระดับมาตรฐานสินค้าเกษตร การพัฒนาความเข้มแข็งของสถาบันเกษตรกร การพัฒนาระบบส่งน้ำและกระจายน้ำ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วและสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนด้วย ๓. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๓.๑ ในการขับเคลื่อนและติดตามการดำเนินงานเรื่องต่าง ๆ ตามนโยบายรัฐบาล ขอให้ส่วนราชการถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดให้เป็นไปตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๓/๒๕๖๐ เรื่อง การขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง ลงวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๖๐ ที่กำหนดให้มีคณะกรรมการ ป.ย.ป. โดยมีคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินเชิงยุทธศาสตร์ (บ.ย.ศ.) อยู่ภายใต้คณะกรรมการ ป.ย.ป. มีการจัดระดับความรับผิดชอบในการดำเนินการเพื่อการทำงานที่ประสานเชื่อมโยงกันเป็น ๓ ระดับ คือ ระดับหน่วยงานหรือกลุ่มงานที่เกี่ยวข้อง (กระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง) ระดับกำกับการบริหารราชการ (รองนายกรัฐมนตรี) และระดับบัญชาการ (คณะกรรมการ บ.ย.ศ.) และให้ปฏิบัติตามกรอบการทำงานของ บ.ย.ศ. ที่ให้ส่วนราชการเจ้าของเรื่องนำเรื่องที่มีปัญหาในทางปฏิบัติเสนอรองนายกรัฐมนตรีที่รับผิดชอบในเรื่องดังกล่าวพิจารณา โดยอาจใช้กลไกคณะกรรมการและอนุกรรมการที่มีอยู่พิจารณาให้เป็นที่ยุติ เช่น คณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน (กขป.) แต่หากยังมีเรื่องใดติดขัด ไม่สามารถแก้ไขปัญหาในระดับหน่วยงานหรือระดับกำกับการบริหารราชการดังกล่าวได้ จึงให้นำเรื่องเสนอคณะกรรมการ บ.ย.ศ. พิจารณาต่อไป ๓.๒ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดทำแผนการดำเนินการด้านการปฏิรูปกิจการตำรวจ โดยให้ครอบคลุม ๖ ประเด็น ได้แก่ (๑) การปฏิรูปเชิงโครงสร้าง เช่น การถ่ายโอนภารกิจ (๒) การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เช่น การสรรหาและระบบการฝึกอบรม ค่าตอบแทน และสวัสดิการเพื่อดำรงชีพอย่างมีศักดิ์ศรี การปรับปรุงการบริหารงานบุคคลและเส้นทางการเจริญเติบโต (๓) การปฏิรูประบบงานสอบสวนและการบังคับใช้กฎหมาย (๔) การนำระบบเทคโนโลยีดิจิทัลมาสนับสนุนงานด้านการรักษาความปลอดภัย (๕) การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน เช่น การร่วมเป็นอาสาสมัคร และ (๖) การป้องกันและปราบปรามการทุจริตภายในองค์กร ทั้งนี้ ให้นำเสนอแผนดังกล่าวต่อรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) พิจารณาก่อนนำเสนอนายกรัฐมนตรีต่อไป นั้น ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการปฏิรูปกิจการตำรวจใน ๓ ด้านหลัก ดังนี้ (๑) ด้านองค์กร เช่น โครงสร้างองค์กร ระบบงาน ระบบงบประมาณ อำนาจหน้าที่ (๒) ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เช่น กฎระเบียบการปฏิบัติหน้าที่ การป้องกันการทุจริตคอร์รัปชัน ระบบงานสอบสวน การบังคับใช้กฎหมาย (๓) ด้านบุคลากร เช่น ระบบการแต่งตั้ง/โยกย้าย ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในกรอบระยะเวลา ๙ เดือน โดยให้ศึกษาประเด็นปัญหาของทุกระบบภายใน ๒ เดือนแรก และปรับปรุงแก้ไขกฎหมายในอีก ๔ เดือนถัดมา ในส่วน ๓ เดือนที่เหลือจะเป็นการสื่อสารและสร้างการรับรู้ให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด และให้รายงานความคืบหน้าการดำเนินการดังกล่าวต่อนายกรัฐมนตรีเป็นระยะด้วย ๓.๓ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีที่มีการกล่าวหาว่ามีการหาผลประโยชน์และการทุจริตในการดำเนินโครงการของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยให้มีผลการสอบสวนที่ชัดเจนภายใน ๑ เดือน ๓.๔ ให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดประสานความร่วมมือกับหน่วยงานด้านความมั่นคงในการจัดหลักสูตรฝึกอบรมสำหรับเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการป้องกัน แก้ไขปัญหายาเสพติดให้มีความพร้อมในการเผชิญเหตุที่อาจมีการขัดขืน ต่อสู้ และใช้อาวุธทำร้ายเจ้าหน้าที่ เช่น การให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้กลยุทธ์ในการปิดล้อมและตรวจค้นที่เหมาะสมกับสถานการณ์ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานและประชาชนในบริเวณใกล้เคียง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17404 | แนวทางการเสนอแต่งตั้งข้าราชการประเภทบริหารระดับสูงและการประเมินความเหมาะสมของผู้ได้รับการแต่งตั้ง | นร | 27/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับแนวทางการเสนอแต่งตั้งข้าราชการประเภทบริหารรดับสูงและการประเมินความเหมาะสมของผู้ได้รับการแต่งตั้ง ดังนี้
๑. เพื่อให้การพิจารณาแต่งตั้งข้าราชการประเภทบริหารระดับสูงเป็นไปอย่างเหมาะสม รอบคอบ และเป็นการพิจารณาการแต่งตั้งในภาพรวมอันจะเกิดประโยชน์สูงสุดต่อการบริหารราชการแผ่นดินตามนโยบายของรัฐบาล จึงมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ดำเนินการรวบรวมรายชื่อข้าราชการประเภทบริหารระดับสูง (เฉพาะตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวง) ของทุกหน่วยงานที่จะเสนอแต่งตั้งต่อคณะรัฐมนตรีให้ครบถ้วนภายใน ๒ สัปดาห์ แล้วให้นำเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๒. ในการพิจารณาแต่งตั้ง/โยกย้าย/ปรับเลื่อนระดับข้าราชการของหน่วยงานต่าง ๆ ให้ผู้บังคับบัญชาที่มีอำนาจหน้าที่พิจารณาผู้มีคุณสมบัติเหมาะสม โดยคำนึงถึงความมีวิสัยทัศน์ในการปฏิบัติงาน ความสามารถในการเชื่อมโยงภารกิจหน้าที่ของหน่วยงานกับยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี แผนพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ตลอดจนแนวทางการปฏิรูปประเทศตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและนโยบายของรัฐบาล โดยให้ถือว่าคุณสมบัติดังกล่าวเป็นปัจจัยสำคัญในการประเมินความเหมาะสมของผู้ที่จะได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตำแหน่งในระดับผู้บริหารของหน่วยงาน ทั้งนี้ เพื่อให้ข้าราชการในภาพรวมของแต่ละหน่วยงานได้มีโอกาสเจริญเติบโตในตำแหน่งหน้าที่ของตนได้ตามสมควรด้วย ให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาการแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้นตามหลักอาวุโสด้วย โดยให้พิจารณาจัดแบ่งข้าราชการทั้งหมดออกเป็น ๓ กลุ่ม และกำหนดสัดส่วนของผู้ที่จะได้รับการแต่งตั้งของแต่ละกลุ่มให้ชัดเจนเหมาะสม กล่าวคือ (๑) กลุ่มผู้อาวุโสมาก (๒) กลุ่มผู้อาวุโสที่สามารถปฏิบัติงานในหน้าที่ความรับผิดชอบได้ผลดี และ (๓) กลุ่มผู้อาวุโสน้อย แต่มีความรู้ความสามารถความคิดสร้างสรรค์ในการปฏิบัติงานได้อย่างสัมฤทธิ์ผลโดดเด่นเป็นที่ประจักษ์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17405 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2559 รวม 6 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงการขึ้นทะเบียนผู้นำเที่ยว พ.ศ. ....) | กก | 27/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ รวม ๖ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ กำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ขอขึ้นทะเบียนเป็นผู้นำเที่ยว กำหนดหลักเกณฑ์ในการดำเนินการข้อผูกพันที่มีอยู่กับนักท่องเที่ยวก่อนวันที่ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวสิ้นสุดลง กำหนดค่าธรรมเนียมประกอบธุรกิจนำเที่ยวและใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ และกำหนดจำนวนเงินหลักประกันที่ผู้ขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวจะต้องวางเงินหลักประกันต่อนายทะเบียน ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงการอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภทใบอนุญาต การขอรับใบอนุญาต การออกใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต การออกใบแทนใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงการขึ้นทะเบียนผู้นำเที่ยว พ.ศ. .... ๑.๔ ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และระยะเวลา ในการดำเนินการตามข้อผูกพันที่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวมีอยู่กับนักท่องเที่ยวก่อนวันที่ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวสิ้นสุดลง พ.ศ. .... ๑.๕ ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมประกอบธุรกิจนำเที่ยวและใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ พ.ศ. .... ๑.๖ ร่างกฎกระทรวงกำหนดจำนวนเงินหลักประกัน พ.ศ. .... ๒. รับทราบการรายงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กรณีที่ไม่สามารถออกกฎกระทรวงในเรื่องนี้ รวม ๖ ฉบับ ให้แล้วเสร็จภายในกำหนดระยะเวลาตามที่เสนอ ๓. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรประชาสัมพันธ์และชี้แจงหลักเกณฑ์ ข้อกำหนด ตลอดจนกระบวนการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจนำเที่ยวและการเป็นมัคคุเทศก์ให้ชัดเจนแก่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวและกลุ่มวิชาชีพมัคคุเทศก์ทั่วประเทศ และควรสร้างแรงจูงใจให้ผู้ประกอบธุรกิจและกลุ่มมัคคุเทศก์เข้าสู่ระบบมากขึ้น โดยชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ที่ได้รับความคุ้มครองจากภาครัฐ ตลอดจนการยกระดับมาตรฐานคุณภาพการให้บริการและคุณภาพวิชาชีพ รวมทั้งควรกำหนดแนวทางการบริหารจัดการรายได้ที่มาจากการเก็บอัตราค่าธรรมเนียมค่าระวางโทษปรับตามร่างกฎกระทรวงฯ ดังกล่าวที่ชัดเจน ครอบคลุม โดยเฉพาะกองทุนคุ้มครองธุรกิจนำเที่ยว เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ และให้ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ตระหนักถึงความสำคัญและประโยชน์ที่ได้จากกองทุนฯ ดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17406 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2559 รวม 6 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และระยะเวลา ในการดำเนินการตามข้อผูกพันที่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวมีอยุ่กับนักท่องเที่ยวก่อนวันที่ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวสิ้นสุดลง พ.ศ. ....) | กก | 27/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ รวม ๖ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ กำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ขอขึ้นทะเบียนเป็นผู้นำเที่ยว กำหนดหลักเกณฑ์ในการดำเนินการข้อผูกพันที่มีอยู่กับนักท่องเที่ยวก่อนวันที่ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวสิ้นสุดลง กำหนดค่าธรรมเนียมประกอบธุรกิจนำเที่ยวและใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ และกำหนดจำนวนเงินหลักประกันที่ผู้ขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวจะต้องวางเงินหลักประกันต่อนายทะเบียน ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงการอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภทใบอนุญาต การขอรับใบอนุญาต การออกใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต การออกใบแทนใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงการขึ้นทะเบียนผู้นำเที่ยว พ.ศ. .... ๑.๔ ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และระยะเวลา ในการดำเนินการตามข้อผูกพันที่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวมีอยู่กับนักท่องเที่ยวก่อนวันที่ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวสิ้นสุดลง พ.ศ. .... ๑.๕ ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมประกอบธุรกิจนำเที่ยวและใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ พ.ศ. .... ๑.๖ ร่างกฎกระทรวงกำหนดจำนวนเงินหลักประกัน พ.ศ. .... ๒. รับทราบการรายงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กรณีที่ไม่สามารถออกกฎกระทรวงในเรื่องนี้ รวม ๖ ฉบับ ให้แล้วเสร็จภายในกำหนดระยะเวลาตามที่เสนอ ๓. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรประชาสัมพันธ์และชี้แจงหลักเกณฑ์ ข้อกำหนด ตลอดจนกระบวนการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจนำเที่ยวและการเป็นมัคคุเทศก์ให้ชัดเจนแก่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวและกลุ่มวิชาชีพมัคคุเทศก์ทั่วประเทศ และควรสร้างแรงจูงใจให้ผู้ประกอบธุรกิจและกลุ่มมัคคุเทศก์เข้าสู่ระบบมากขึ้น โดยชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ที่ได้รับความคุ้มครองจากภาครัฐ ตลอดจนการยกระดับมาตรฐานคุณภาพการให้บริการและคุณภาพวิชาชีพ รวมทั้งควรกำหนดแนวทางการบริหารจัดการรายได้ที่มาจากการเก็บอัตราค่าธรรมเนียมค่าระวางโทษปรับตามร่างกฎกระทรวงฯ ดังกล่าวที่ชัดเจน ครอบคลุม โดยเฉพาะกองทุนคุ้มครองธุรกิจนำเที่ยว เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ และให้ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ตระหนักถึงความสำคัญและประโยชน์ที่ได้จากกองทุนฯ ดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17407 | รายงานการเดินทางไปราชการ ณ รัฐอิสราเอล ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน | รง | 20/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการเดินทางไปราชการ ณ รัฐอิสราเอล ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ระหว่างวันที่ ๒-๖ พฤษภาคม ๒๕๖๐ เพื่อร่วมประชุมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐอิสราเอล ในประเด็นความร่วมมือด้านการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับแรงงานไทย ความร่วมมือด้านการจ่ายค่าชดเชยสำหรับแรงงานไทยที่ครบสัญญาจ้างและเดินทางกลับ ความร่วมมือด้านการคุ้มครองแรงงานไทยในอิสราเอล และการขยายตลาดแรงงานไทยและการกลับเข้าไปทำงานของแรงงานไทยในอิสราเอล พร้อมทั้งตรวจเยี่ยมแรงงานไทยและคึกษาดูงานเทคโนโลยีการเกษตรของอิสราเอล ณ สถาบันการฝึกอบรมทางการเกษตรนานาชาติของอิสราเอล (Arava International Center for Agriculture Training : AICAT) รวมทั้งการประชุมระดับอธิบดี ระหว่างอธิบดีกรมการจัดหางาน และหน่วยงานประชากร และตรวจคนเข้าเมือง กระทรวงมหาดไทย รัฐอิสราเอล (Population and Immigration Authority : PIBA) ในประเด็นปัญหายาเสพติดของแรงงานไทย การจัดให้แรงงานไทยได้รับการตรวจสุขภาพประจำปีระหว่างการทำงานในรัฐอิสราเอล กลไกการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือแรงงานไทยที่ถูกละเมิดสิทธิประโยชน์ตามสัญญาจ้างและกฎหมาย การทบทวนการขยายเพดานในการหักเงินค่าที่พักจากแรงงานต่างชาติ และการกำหนดมาตรการให้นายจ้างจ่ายเงินค่าชดเชย (Severance pay) แก่แรงงานไทยก่อนเดินทางกลับประเทศไทย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17408 | รายงานผลการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสและระดับรัฐมนตรีภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจ 7 ฝ่าย ว่าด้วยการควบคุมยาเสพติดในอนุภูมิภาค | ยธ | 20/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสและระดับรัฐมนตรีภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจ ๗ ฝ่าย ว่าด้วยการควบคุมยาเสพติดในอนุภูมิภาค ระหว่างวันที่ ๘-๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นหัวหน้าคณะเข้าร่วมการประชุมฯ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมฯ มีการแลกเปลี่ยนสถานการณ์ การหารือความร่วมมือในอนาคต การสร้างความตระหนัก การควบคุมยาเสพติดตามแนวชายแดน และเห็นพ้องถึงความจำเป็นในการร่วมมือของประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง และรับทราบเรื่องต่าง ๆ เช่น ปัญหาการใช้ การลักลอบค้ายาเสพติดในอนุภูมิภาคที่เพิ่มมากขึ้น ผลการดำเนินงานกิจกรรมภายใต้แผนปฏิบัติการในอนุภูมิภาคเพื่อการควบคุมยาเสพติด ฉบับที่ ๙ เป็นต้น รวมทั้งเห็นชอบการเริ่มดำเนินมาตรฐานการตรวจพิสูจน์ยาเสพติดเฉพาะประเทศที่มีความพร้อมก่อน ซึ่งได้แก่ กัมพูชา จีน เมียนมา และไทย ๒. ผลการหารือทวิภาคีระหว่างไทยและสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Office on Drugs and Crimes : UNODC) ที่สำคัญ ได้แก่ UNODC จะปรับแผนงานในภูมิภาคให้สอดคล้องกับเอกสารผลลัพธ์จากการประชุมสมัชชาสหประชาชาติว่าด้วยปัญหายาเสพติดโลก ปี ค.ศ. ๒๐๑๖ (UNGASS 2016) และผลการหารือทวิภาคีระหว่างไทยกับลาว เมียนมา และกัมพูชา เช่น การส่งเสริมการแลกเปลี่ยนข้อมูล การดำเนินงานของโครงการแม่น้ำโขงปลอดภัย ความร่วมมือด้านการพัฒนาทางเลือก เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17409 | รายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. .... | สว | 20/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. .... ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้จัดประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วโดยเห็นว่า นิยามคำว่า “บริการ” ครอบคลุมการกำกับดูแลธุรกิจทุกประเภทอยู่แล้วและยังสอดคล้องกับหลักกฎหมายการแข่งขันทางการค้าที่เป็นสากล ส่วนการให้สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้ามีรายได้ที่เพียงพอในการทำงานจะได้หาแนวทางที่เหมาะสมสอดคล้องกับหลักการวิธีการงบประมาณและระเบียบของทางราชการ เพื่อให้สามารถบังคับใช้กฎหมายได้อย่างเป็นอิสระตามเจตนารมณ์ของกฎหมายต่อไป นอกจากนี้ ร่างพระราชบัญญัตินี้ครอบคลุมการกำกับดูแลพฤติกรรมทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมของผู้ประกอบธุรกิจร้านค้าของผู้ประกอบการให้สิทธิ (Franchisor) กับร้านค้าที่ได้รับสิทธิประกอบการ (Franchisee) ของตน หรือกับร้านค้าปลีกขนาดเล็กหรือผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมอยู่แล้ว โดยอาจพิจารณาให้มีกฎหมายมากำกับดูแลเป็นการเฉพาะในแต่ละธุรกิจ โดยคำนึงถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจการค้าในภาพรวม สำหรับการปฏิบัติหน้าที่ของคณะอนุกรรมการสอบสวนในการปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญานั้น คณะกรรมการแข่งขันทางการค้ามีอำนาจกำหนดระเบียบข้อบังคับในการสืบสวนสอบสวนของพนักงานเจ้าหน้าที่อยู่แล้ว และการรวมธุรกิจตามร่างพระราชบัญญัตินี้มุ่งเน้นการกำกับดูแลเฉพาะการรวมธุรกิจของผู้ประกอบธุรกิจรายใหญ่เพื่อป้องกันมิให้เกิดการผูกขาดทางการค้าและการมีอำนาจเหนือตลาด ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17410 | การยุติการดำเนินคดีแพ่งของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง | อส | 20/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการพิจารณาชี้ขาดการยุติในการดำเนินคดีแพ่งของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้พิจารณาตัดสินชี้ขาดการดำเนินคดีระหว่างส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และรัฐวิสาหกิจ กับเอกชน และข้อพิพาทระหว่างส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และรัฐวิสาหกิจด้วยกันเอง รวม ๙ เรื่อง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานกรรมการพิจารณาชี้ขาดการยุติในการดำเนินคดีแพ่งของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอ และให้แจ้งสำนักงานอัยการสูงสุดส่งเรื่องคืนตัวความหรือส่งคำตัดสินชี้ขาดและมติคณะรัฐนมตรีในเรื่องนี้ให้คู่กรณีทราบและถือปฏิบัติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17411 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภทการใช้น้ำบาดาล และการขอใบอนุญาตและการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับการประกอบกิจการน้ำบาดาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 20/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภทการใช้น้ำบาดาล และการขอใบอนุญาตและการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับการประกอบกิจการน้ำบาดาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การพิจารณาคำขอและออกใบอนุญาตเจาะน้ำบาดาลหรือใบอนุญาตใช้น้ำบาดาลกรณีมีภัยพิบัติที่จำเป็นต้องดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยเป็นการเร่งด่วน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17412 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลสระยายโสม อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. .... | กษ | 20/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลสระยายโสม อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน เพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่เข้าทำการสำรวจพื้นที่ที่จะจัดทำเป็นโครงการจัดรูปที่ดินต่อไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรประเมินผลการดำเนินโครงการจัดรูปที่ดินและการนำที่สาธารณะไปจัดรูปที่ดินที่ผ่านมา โดยเฉพาะปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ เพื่อนำมาใช้ในการปรับปรุงและวางแผนการดำเนินงานในระยะต่อไปให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17413 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (มาตรการภาษีเพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของสำนักเลขานุการองค์กรสำรองข้าวฉุกเฉินของอาเซียนบวกสาม พ.ศ. 2559) | กค | 20/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (มาตรการภาษีเพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของสำนักเลขานุการองค์กรสำรองข้าวฉุกเฉินของอาเซียนบวกสาม พ.ศ. ๒๕๕๙) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้เงินได้ที่เป็นเงินเดือนหรือค่าตอบแทนที่ผู้จัดการทั่วไปและรองผู้จัดการทั่วไปของสำนักงานเลขานุการองค์กรสำรองข้าวฉุกเฉินของอาเซียนบวกสาม (สำนักเลขานุการแอปเทอร์) ซึ่งเป็นคนต่างด้าว ได้รับจากสำนักเลขานุการองค์กรสำรองข้าวฉุกเฉินของอาเซียนบวกสาม เนื่องจากการเข้ามาปฏิบัติงานในประเทศไทยภายใต้ความตกลงการสำรองข้าวฉุกเฉินของอาเซียนบวกสาม เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17414 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารงานของหน่วยบริการรูปแบบพิเศษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร12 | 20/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารรงานของหน่วยบริการรูปแบบพิเศษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขผู้รับผิดชอบระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารงานของหน่วยบริการรูปแบบพิเศษ พ.ศ. ๒๕๕๐ จากคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ เป็นคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชน ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17415 | สรุปผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกาย และสิทธิแรงงาน กรณีกล่าวอ้างว่ามีการใช้แรงงานทาสหรือแรงงานบังคับในอุตสาหกรรมประมงไทย | รง | 20/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกาย และสิทธิแรงงาน กรณีกล่าวอ้างว่ามีการใช้แรงงานทาสหรือแรงงานบังคับในอุตสาหกรรมประมงไทย ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยกระทรวงแรงงานได้ดำเนินการเกี่ยวกับการปราบปรามดำเนินคดีกับนายจ้างจัดหาแรงงานต่างด้าวอย่างเฉียบขาด โดยได้ออกพระราชกำหนดการนำคนต่างด้าวมาทำงานกับนายจ้างในประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๙ เพื่อควบคุมการประกอบธุรกิจนำคนต่างด้าวมาทำงานกับนายจ้างในประเทศ และแก้ไขปัญหาการลักลอบนำคนต่างด้าว หรือหลอกลวงคนต่างด้าวมาทำงานกับนายจ้างในประเทศโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย มีนโยบายห้ามมิให้ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ทุกระดับเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์ และได้เปิดโอกาสให้องค์กรภาคเอกชนและองค์กรพัฒนาเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาโดยเฉพาะการเอารัดเอาเปรียบแรงงาน รวมทั้งได้ดำเนินโครงการส่งเสริมการเข้าถึงสิทธิของแรงงานต่างด้าวรองรับประชาคมอาเซียน โดยการจัดทำสื่อวิดีโอช่วยสอนหรือสื่อมัลติมีเดียเกี่ยวกับสิทธิหน้าที่ตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานในหลาย ๆ ภาษา ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17416 | ขออนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการและคณะอนุกรรมการเพื่อพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (นโยบาย Medical Hub) | สธ | 20/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้แต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการเพื่อพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (นโยบาย Medical Hub) ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นประธานกรรมการ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และอธิบดีกรมการท่องเที่ยวเป็นเลขานุการ มีหน้าที่ในการกำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติอย่างแท้จริง พร้อมทั้งติดตามผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการเพื่อรายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๒. ส่วนคณะอนุกรรมการเพื่อพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ จำนวน ๔ คณะ ประกอบด้วย (๑) คณะอนุกรรมการพัฒนาประเทศไทยให้ศูนย์กลางบริการเพื่อส่งเสริมสุขภาพ (Wellness Hub) (๒) คณะอนุกรรมการพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางบริการรักษาพยาบาล (Medical Service Hub) (๓) คณะอนุกรรมการพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางบริการวิชาการและงานวิจัย (Academic Hub) และ (๔) คณะอนุกรรมการพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพ (Product Hub) ให้กระทรวงสาธารณสุขรับไปดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการอำนวยการเพื่อพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (นโยบาย Medical Hub) ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17417 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2560 และวันที่ 14 มีนาคม 2560 | รง | 20/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๖๐ และวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๖๐ เรื่อง การขยายระยะเวลาการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรและการทำงานของแรงงานในกิจการประมงทะเลและกิจการแปรรูปสัตว์น้ำจนถึงวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ มีจำนวนแรงงานในกิจการประมงทะเลและกิจการแปรรูปสัตว์น้ำที่ได้จดทะเบียนและได้รับอนุญาตทำงานแล้วทั้งหมด ๓๓,๘๖๗ คน และ ๕๙,๒๒๒ ตามลำดับ และโดยที่แรงงานที่ได้รับใบอนุญาตทำงานทั้งหมดจะต้องเข้ารับการตรวจสัญชาติภายในวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ซึ่งแรงงานที่ผ่านการตรวจสัญชาติจะได้รับอนุญาตทำงานต่อไปอีก ๒ ปี ถึงวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ เมื่อครบกำหนดการอนุญาตแล้ว แรงงานต้องกลับออกไปนอกราชอาณาจักร และหากประสงค์จะเข้ามาทำงานให้กลับเข้ามาทำงานตามบันทึกความตกลงหรือบันทึกความเข้าใจที่รัฐบาลไทยทำไว้กับรัฐบาลต่างประเทศ (MOU) ๒. ผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๖๐ เรื่อง การผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา เดินทางกลับประเทศต้นทางเพื่อร่วมงานประเพณีสงกรานต์ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๐ ระหว่างวันที่ ๕-๓๐ เมษายน ๒๕๖๐ มีจำนวนแรงงานเดินทางออก(กลับภูมิลำเนา) จำนวน ๑๔๐,๖๕๕ คน และมีจำนวนแรงงานเดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทย จำนวน ๑๔๑,๕๒๐ คน ซึ่งผลสำรวจความพึงพอใจการผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา เดินทางกลับประเทศต้นทางเพื่อร่วมงานประเพณีสงกรานต์ ประจำปี ๒๕๖๐ ผลปรากฏว่าแรงงานต่างด้าวพอใจกับนโยบายและการอำนวยความสะดวกในการเดินทางกลับประเทศต้นทาง และกลับเข้ามาทำงานในประเทศไทย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17418 | การปรับถ้อยคำในร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงกิจการเทศบาลและผังเมืองแห่งราชอาณาจักรบาห์เรนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตร หลังคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้มีการลงนาม | กษ | 20/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการปรับถ้อยคำในร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงกิจการเทศบาลและผังเมืองแห่งราชอาณาจักรบาห์เรนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตร หลังคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้มีการลงนาม โดยได้ปรับถ้อยคำในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ตามความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ และฝ่ายบาห์เรน เพื่อให้เกิดความชัดเจนและถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ ซึ่งไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ทั้งนี้ บันทึกความเข้าใจฯ ฉบับที่ลงนามทั้ง ๓ ภาษา ได้แก่ ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย และภาษาอาหรับ ได้จัดแปลให้มีความหมายตรงกัน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17419 | ผลการประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ 10 แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย - มาเลเซีย - ไทย (The 10th IMT - GT Summit) | นร11 | 20/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑.๑ รับทราบผลการประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ ๑๐ แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (Indonesia-Malaysia-Thailand Growth Triangle : IMT-GT) ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๖๐ ณ สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ โดยฝ่ายไทยมีนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเข้าร่วมประชุม ๑.๒ รับทราบและเห็นชอบการแก้ไขแถลงการณ์ร่วมการประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ ๑๐ แผนงาน IMT-GT ซึ่งเป็นการปรับแก้ข้อความเล็กน้อยและไม่ได้กระทบต่อสาระสำคัญของร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบ ๑.๓ เห็นชอบการมอบหมายส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ ๑๐ แผนงาน IMT-GT ซึ่งมีประเด็นที่ต้องดำเนินการ เช่น การขับเคลื่อนการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโกลกแห่งใหม่ และสะพานแห่งที่สองที่อำเภอสุไหงโกลก และทางหลวงสตูล-รัฐปะลิส การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการเชื่อมโยงในทุกมิติ การใช้นวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์ และการออกแบบ เพื่อการเปลี่ยนแปลงในทุกมิติ การลดการเหลื่อมล้ำและการพัฒนาที่ยั่งยืน การส่งเสริมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การเชื่อมโยงเสรีดิจิทัลข้ามแดน การส่งเสริมฮาลาล และ E-Commerce และการเชื่อมโยงการพัฒนาสามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน กับพื้นที่เศรษฐกิจชายฝั่งทะเลตะวันออกของมาเลเซีย เป็นต้น โดยให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการระดับชาติของแผนงานติดตามการขับเคลื่อนแผนงานตามวิสัยทัศน์ระยะ ๒๐ ปี และแผนดำเนินงานระยะห้าปี แผนที่ ๓ ปี ๒๕๖๐-๒๕๖๔ กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งประสานงานอย่างใกล้ชิดกับสภาธุรกิจ IMT-GT (ประเทศไทย) เพื่อให้มีความก้าวหน้าที่ชัดเจนเป็นรูปธรรมเพื่อนำเสนอในการประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ ๑๑ แผนงาน IMT-GT ในปี ๒๕๖๑ ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ ซึ่งนายกรัฐมนตรีของไทยจะเป็นประธานการประชุมต่อไป ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติที่เห็นควรคำนึงถึงการจัดระเบียบการพัฒนาพื้นที่ชายแดนให้มีความสมดุลทั้งในมิติเศรษฐกิจและสังคมกับมิติความมั่นคง ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17420 | รายงานผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการป้องกันอุบัติเหตุและอำนวยความสะดวกในการเดินทางช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2560 ของกระทรวงคมนาคม | คค | 20/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการป้องกันอุบัติเหตุและอำนวยความสะดวกในการเดินทางช่วงเทศกาลสงกรานต์ ๒๕๖๐ ของกระทรวงคมนาคม ระหว่างวันที่ ๕-๑๘ เมษายน ๒๕๖๐ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับผลการดำเนินมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ๒๕๖๐ สรุปสถิติการเกิดอุบัติเหตุช่วงเทศกาลสงกรานต์ ๒๕๖๐ รวมทั้งการให้บริการและอำนวยความสะดวกในการเดินทางของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ซึ่งผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการดังกล่าวส่งผลให้มีสถิติอุบัติเหตุร้ายแรงที่ส่งผลให้เกิดความสูญเสียในชีวิตลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และกระทรวงคมนาคมจะได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
.....