ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 246 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 4901 - 4920 จากข้อมูลทั้งหมด 123972 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
4901 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ 2566) | ปสส. | 07/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ ๘ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง)
เป็นพิเศษ วันอังคารที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖
พิจารณาระเบียบวาระการประชุมร่วมกันของรัฐสภา
ครั้งที่ ๙ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ วันพุธที่ ๘ กุมภาพันธ์
๒๕๖๖ และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๔ ครั้งที่ ๒๗
(สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ วันพฤหัสบดีที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖
ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4902 | รายงานสรุปผลการดำเนินการของงานมหกรรมร่วมใจแก้หนี้ “มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน” | กค. | 07/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4903 | ร่างจดหมายสนับสนุนการดำเนินงานของธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย | กค. | 07/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4904 | (ร่าง) แผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ 5 (พ.ศ. 2566 - 2570) | ยธ. | 07/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4905 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงการเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณงานก่อสร้างอาคารศูนย์ฝึกปฏิบัติเพื่อความเป็นเลิศด้านผลิตภัณฑ์ยาและสมุนไพร มหาวิทยาลัยมหิดล | อว. | 07/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเพิ่มวงเงินก่อสร้าง
จำนวน ๕๙,๕๕๐,๐๐๐ บาท
งานก่อสร้างอาคารศูนย์ฝึกปฏิบัติเพื่อความเป็นเลิศด้านผลิตภัณฑ์ยาและสมุนไพร
มหาวิทยาลัยมหิดล
โดยงบประมาณในส่วนที่เพิ่มขึ้นเป็นการใช้เงินรายได้สมทบของมหาวิทยาลัยมหิดล
และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณการก่อสร้าง จากปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๕๗ - พ.ศ. ๒๕๖๑ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ - พ.ศ. ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้เป็นไปตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๐ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการดำเนินงานต่อไป ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการ
และประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ รวมทั้งควรมีการกำกับ ติดตาม
และตรวจสอบการดำเนินการเป็นระยะ ๆ
เพื่อให้การก่อสร้างเป็นไปตามแผนและกรอบระยะเวลาที่กำหนด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4906 | การขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีในส่วนที่ได้มอบหมายให้คณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติพิจารณา | มท. | 07/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบมอบหมายให้คณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีจำนวน
๕ มติ ได้แก่ นโยบายการใช้และกรรมสิทธิ์ที่ดิน
การพิจารณาถอนสภาพที่ดินสาธารณประโยชน์เพื่อนำไปจัดให้แก่ประชาชน
การควบคุมการจัดที่ดินขอหน่วยงานที่ดำเนินการจัดที่ดิน
การพิจารณากำกับนโนบายที่ดินแห่งชาติ
และการจำแนกที่ดินออกจากป่าไม้ถาวรซึ่งอยู่นอกเขตป่าสงวนแห่งชาติ
จึงไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการจัดที่ดิน
แต่จะเป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติตามนัยมาตรา ๑๐ (๑) และ
(๔) แห่งพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับกระทรวงกลาโหม
กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการดำเนินการกรณีที่ดินของรัฐที่อยู่ในความครอบครอง
หรือใช้ประโยชน์ของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ
หรือที่ได้อนุญาต/อนุมัติให้เอกชนเข้าทำประโยชน์หรือได้รับสัมปทาน
เมื่อส่วนราชการหน่วยงานของรัฐไม่ประสงค์จะใช้ที่ดินเสื่อมสภาพ
หรือหมดอายุการอนุญาต/อนุมัติให้เข้าทำประโยชน์หรือหมดอายุสัมปทานที่ให้แก่เอกชน
แล้วแต่กรณี
สมควรที่หน่วยงานเจ้าของที่ดินดังกล่าวจะได้พิจารณาดำเนินการเพื่อส่งมอบที่ดินนั้น
ๆ ให้แก่คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติเพื่อพิจารณาใช้ประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาที่ดินของประชาชน
ตามความจำเป็นเหมาะสมต่อไป ทั้งนี้ ให้พิจารณาดำเนินการให้ถูกต้อง
เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4907 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ (GMS) ครั้งที่ 25 (The 25th GMS Ministerial Conference) | นร.11 สศช | 07/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4908 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย-เบลเยียม | คค. | 07/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบบันทึกความเข้าใจระหว่างเจ้าหน้าที่เดินอากาศของรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและเจ้าหน้าที่การเดินอากาศของรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรเบลเยียม เห็นชอบร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรเบลเยียมและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยว่าด้วยการเดินอากาศ
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามร่างความตกลงฯ
และให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers)
ให้แก่ผู้ที่ได้รับมอบหมายดังกล่าวด้วย
โดยมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแจ้งเป็นหนังสือผ่านช่องทางการทูตถึงการดำเนินการตามกระบวนการภายในที่จำเป็นเพื่อให้ความตกลงฯ
มีผลใช้บังคับ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้กระทรวงคมนาคมและสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าบันทึกความเข้าใจฯ ไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
โดยร่างความตกลงฯ เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
หากกระทรวงคมนาคมยืนยันได้ว่าร่างความตกลงฯ ไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม
หรือการค้าการลงทุนอย่างกว้างขวาง ก็ไม่ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา ซึ่งกระทรวงคมนาคมยืนยัน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรเบลเยียมและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยว่าด้วยบริการเดินอากาศ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4909 | การขออนุมัติเพิ่มจำนวนการรับนิสิตโครงการเพชรในตม | กอรมน. | 07/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบการเพิ่มจำนวนการรับนิสิตโครงการเพชรในตม
จากเดิมปีละ ๔๕ คน เพิ่มเป็นปีละ ๑๖๑ คน โดยรับจาก ๗๓ จังหวัด (ยกเว้น
กรุงเทพมหานคร) จังหวัดละ ๒ คน รวมเป็น ๑๔๖ คน และในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ ๔ อำเภอในจังหวัดสงขลา
จำนวนเท่าเดิม ๑๕ คน รวมรับนิสิตโครงการเพชรในตมปีละ ๑๖๑ คน ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ เป็นต้นไป
รวมทั้งบรรจุบัณฑิต จำนวน ๑๖๑ คน เป็นข้าราชการครู ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
(สพฐ.) ในโรงเรียนพื้นที่ภูมิลำเนาของนิสิตโครงการเพชรในตม หรือหมู่บ้านใกล้เคียง
โดยไม่ต้องสอบแข่งขันเป็นกรณีพิเศษ และการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ตามความจำเป็นและเหมาะสม ตามที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรเสนอ
สำหรับภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นเพิ่มเติมจากการดำเนินโครงการเพชรในตมในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ และปีต่อ ๆ ไป
ให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรและกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม (มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ)
ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
(มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ) กระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาความั่นคงแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรมีการกำหนดคุณสมบัติเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการเพชรในตม
ควรดำเนินการอย่างเป็นธรรม โปร่งใส และตรงตามวัตถุประสงค์ของโครงการดังกล่าว
สำหรับภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นเพิ่มเติมจากการดำเนินโครงการดังกล่าวในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ควรพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖
และ/เหลือใช้จ่ายจากงบประมาณที่เหลือจ่ายจาการดำเนินการที่บรรลุตามวัตถุประสงค์
และ/หรือรายการที่หมดความจำเป็น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรให้ความสำคัญกับกระบวนการคัดเลือกผู้เข้าร่วมโครงการด้วยความเป็นธรรม
ควรมีการวิเคราะห์เหตุผลความจำเป็นของการขยายการรับนิสิตและการขยายพื้นที่การดำเนินงานเพิ่มให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์โครงการเพชรในตมให้ชัดเจนและต่อเนื่อง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบรรจุบัณฑิตของโครงการในโรงเรียนพื้นที่ภูมิลำเนา
ความยั่งยืนของการเป็นข้าราชการครูของบัณฑิตและพัฒนาด้านการเรียนรู้ของนักเรียน
เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาการดำเนินโครงการในระยะต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4910 | รายงานผลการดำเนินการตามมาตรการสำคัญในการแก้ไขปัญหาอาวุธปืนและยาเสพติด | ยธ. | 07/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4911 | การปรับปรุงโครงสร้างอัตราเงินเดือนของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย | คค. | 07/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงโครงสร้างอัตราเงินเดือนของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย
โดยขยายเพดานอัตราเงินเดือนขั้นสูงเฉพาะระดับตำแหน่งที่เกินกว่า ๑๑๓,๕๒๐ บาท ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓
กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘ ดังนี้ (๑) ระดับ ๘ ผู้อำนวยการกอง จาก ๙๙,๙๗๐
บาท เป็น ๑๒๐,๒๗๐ บาท (๒) ระดับ ๙ ผู้อำนวยการฝ่าย จาก ๑๐๘,๘๑๐ บาท เป็น ๑๓๓,๗๗๐ บาท (๓) ระดับ ๑๐
ผู้ช่วยผู้ว่าการ จาก ๑๑๑,๑๖๐ บาท เป็น ๑๓๘,๒๗๐ บาท และ (๔) ระดับ ๑๑ รองผู้ว่าการ จาก ๑๑๓,๕๒๐
บาท เป็น ๑๔๒,๘๓๐ บาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้กระทรวงคมนาคมและการทางพิเศษแห่งประเทศไทยรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรคำนึงถึงประเด็นความคุ้มค่า
ต้นทุน และผลประโยชน์ เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม
ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐ
ควรพิจารณาค่าใช้จ่ายบุคลากรให้มีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ
โดยคำนึงถึงสถานะทางการเงินและผลดำเนินงานของหน่วยงานอย่างรอบคอบ
มีการจัดทำแผนเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานหรือเพิ่มรายได้อย่างต่อเนื่อง
กำหนดตัวชี้วัดเพื่อติดตามประเมินผลสำเร็จของแผนดังกล่าว เช่น กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น
เพื่อให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพ และสามารถเพิ่มรายได้และชดเชยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นได้
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4912 | ทบทวนมาตรการส่งเสริมการถ่ายทําภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย | กก. | 07/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบผลการดำเนินการตามมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยและเห็นชอบรายการปรับหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขของมาตรการดังกล่าว ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
ทั้งนี้ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพิจารณาปรับรายละเอียดเงื่อนไขการรับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมและอัตราการคืนเงินของเงื่อนไขต่าง
ๆ ให้เหมาะสม โดยให้ความสำคัญกับปัจจัยที่ส่งผลต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศโดยตรงเป็นลำดับแรก
เช่น การกระจายรายได้สู่เมืองรอง การเพิ่มการจ้างแรงงานไทย
และการเพิ่มมูลค่าค่าใช้จ่ายในประเทศ เป็นต้น ซึ่งจะเป็นการสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนและประชาชนในพื้นที่โดยตรง
๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรม
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค)
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น จะต้องพิจารณาถึงผลกระทบของการใช้ทรัพยากรในประเทศอย่างคุ้มค่าและยั่งยืน
และไม่เป็นการเพิ่มภาระงบประมาณให้แก่รัฐบาล การดำเนินการใด ๆ ในพื้นที่ป่า
ให้ดำเนินการเป็นไปตามระเบียบ กฎหมาย
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
ควรดำเนินการติดตามและประเมินผลการดำเนินมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยที่ผ่านมา
ทั้งด้านผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ และผลกระทบทางสังคม วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม โดยละเอียด
ตั้งแต่ก่อนการถ่ายทำ ระหว่างถ่ายทำ และหลังการถ่ายทำ เร่งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๙ ปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์
พ.ศ. ๒๕๕๑ ในส่วนของการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
เตรียมความพร้อมและประเมินทิศทางและแนวโน้มการขยายตัวของการเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทยล่วงหน้าเพื่อกำหนดมาตรการส่งเสริมให้มีความครอบคลุม
โดยเฉพาะการจัดหาแหล่งเงินงบประมาณให้เพียงพอเหมาะสมกับความต้องการ เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4913 | แผนปฏิบัติการด้านการจัดการขยะพลาสติก ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2566-2570) | ทส. | 07/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบและเห็นชอบแผนปฏิบัติการด้านการจัดการขยะพลาสติก
ระยะที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐) และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขับเคลื่อนการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการฯ
ต่อไป ซึ่งแผนดังกล่าวเป็นแผนขับเคลื่อนการดำเนินงานภายใต้ Roadmap การจัดการขยะพลาสติก พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๗๓ ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ ๑๗
เมษายน ๒๕๖๒ รับทราบ เพื่อเป็นกรอบนโยบายการบริหารจัดการขยะพลาสติกในภาพรวมของประเทศและเป็นแนวทางการบูรณาการการดำเนินงานการจัดการขยะพลาสติกของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เกิดความต่อเนื่องจากแผนปฏิบัติการระยะที่
๑ (พ.ศ. ๒๕๖๓-พ.ศ. ๒๕๖๕) รวมทั้งยกระดับการจัดการขยะให้ดียิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย
สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เช่น ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด ควรได้รับการสนับสนุนงบประมาณองค์ความรู้ด้านวิชาการและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
เพื่อสร้างความรู้ความข้าใจและความร่วมมือจากทุกภาคส่วน
ควรเร่งดำเนินการโดยคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในทุกมิติ ตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง
และปลายทาง
รวมถึงการสร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์ขยะพลาสติกทั้งในปัจจุบันและอนาคต
การกำหนดให้มีการยกร่างกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียนในการจัดการขยะบรรจุภัณฑ์
ตลอดจนร่างอนุบัญญัติและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องจะต้องวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมายอย่างรอบด้านตามพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
พ.ศ. ๒๕๖๒
รวมทั้งจะต้องพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกันด้วย
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ในระยะต่อไป
หากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีแผนระดับที่ ๓ ที่ต้องเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี
ให้ดำเนินการตามขั้นตอนของการเสนอแผนระดับที่ ๓ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔
ธันวาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง แนวทางการเสนอแผนเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี) วันที่ ๓
ธันวาคม ๒๕๖๓ (เรื่อง การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติสู่การปฏิบัติ) วันที่ ๑๕
ธันวาคม ๒๕๖๓ (เรื่อง แนวทางการจัดทำแผนระดับที่ ๓ ที่เป็นแผนปฏิบัติการด้าน...
เพื่อเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี) และวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๖๔ (เรื่อง
คู่มือแนวทางการจัดทำแผนระดับที่ ๓ และการเสนอแผนระดับที่ ๓
ในส่วนของแผนปฏิบัติการด้าน... ต่อคณะรัฐมนตรี) ตามความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติอย่างเคร่งครัด |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4914 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... (จำนวน 4 ฉบับ) | กษ. | 07/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... (จำนวน ๔ ฉบับ) ได้แก่ ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองซอย
๑ ขวา ของคลองส่งน้ำสายใหญ่ ๑ ขวา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
พ.ศ. .... ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำกุดตาเพชร เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
พ.ศ. .... ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำแม่จอกหลวง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำสันหนอง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในท้องที่ตามร่างกฎกระทรวง
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้เพื่อกิจการโรงงาน
ประปา หรือกิจการอื่น นอกจากภาคเกษตรกรรมเพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำ
และให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์แก้ไขชื่อท้องที่ในร่างกฎกระทรวงตามข้อ ๑ จาก
“ตำบลหนองผักนาค” เป็น “ตำบลหนองผักนาก” ตลอดจนตรวจสอบพื้นที่และจุดยึดโยงต่าง ๆ
ใหถูกต้อง
รวมทั้งแก้ไขชื่อผู้มีอำนาจลงนามให้เป็นปัจจุบันก่อนประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไป
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4915 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงแบบรูปรายการ ขออนุมัติเพิ่มวงเงิน และขอขยายระยะเวลาก่อสร้างอาคารผ่าตัด ผู้ป่วยนอกและอุบัติเหตุ เป็นอาคาร คสล. 7 ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ 13,576 ตารางเมตร (ปรับราคา 3 จังหวัดชายแดนใต้) โรงพยาบาลปัตตานี ตำบลสะบารัง อำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี 1 หลัง | สธ. | 07/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงสาธารณสุข
โดยสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของรายการและเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างอาคารผ่าตัดผู้ป่วยนอกและอุบัติเหตุ
เป็นอาคาร คสล. ๗ ชั้น จากพื้นที่ใช้สอยประมาณ ๑๓,๕๗๖ ตารางเมตร ระยะเวลาดำเนินการ ๙๓๐ วัน ในวงเงิน ๑๕๓,๘๔๖,๔๐๐ บาท เป็นพื้นที่ใช้สอยประมาณ ๑๔,๗๐๓ ตารางเมตร ระยะเวลาดำเนินการ ๑,๓๙๕ วัน ในวงเงิน
๓๕๖,๖๖๔,๐๐๐ บาท และอนุมัติขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
จากเดิมปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕-พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕-พ.ศ. ๒๕๖๙
เป็นกรณีเฉพาะราย ตามนัยข้อ ๗ (๓) ของระเบียบว่าด้วยการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ จำนวน ๓๒๔,๑๓๓,๓๐๐ บาท
ขอให้กระทรวงสาธารณสุขจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีรองรับตามความจำเป็นที่ต้องใช้จ่ายในแต่ละปีให้ครบวงเงินตามสัญญาต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุข
(สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข)
รับความเห็นของกระทรวงคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ควรเร่งดำเนินโครงการดังกล่าวให้แล้วเสร็จและถือปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ ของทางราชการ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
ควรมีการกำกับติดตาม และตรวจสอบการการดำเนินการอยู่เป็นระยะ ๆ
เพื่อให้การดำเนินการก่อสร้างเป็นไปตามแผนและกรอบระยะเวลาที่กำหนด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4916 | (ร่าง) นโยบายด้านการบินพลเรือนของประเทศ พ.ศ. 2565-2580 | คค. | 07/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4917 | การกําหนดระยะเวลาการให้อัตราดอกเบี้ยผ่อนปรนสําหรับโครงการ "บ้านคนไทยประชารัฐ" บนที่ดินราชพัสดุ | กค. | 07/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบผลการดำเนิน “โครงการบ้านคนไทยประชารัฐ” และอนุมัติให้ขยายระยะเวลาการให้อัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน
(Pre Finance และ Post Finance)
สำหรับธุรกรรมนโยบายภาครัฐ “โครงการบ้านคนไทยประชารัฐ” ออกไปอีก ๑ ปี
(ตั้งแต่วันที่ ๓ มกราคม ๒๕๖๖ ถึงวันที่ ๒ มกราคม ๒๕๖๗) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒.อนุมัติให้ยกเลิกการดำเนิน
“โครงการบ้านคนไทยประชารัฐ” ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ มกราคม ๒๕๖๑ ในพื้นที่
๗ จังหวัด ประกอบด้วย (๑) พื้นที่ชลบุรี (๒) พื้นที่เชียงใหม่ (๓) พื้นที่เชียงราย
(๔) พื้นที่ขอนแก่น (๕) พื้นที่ลำปาง (๖) พื้นที่นครพนม และ (๗) พื้นที่อุดรธานี ๓.
ให้กระทรวงการคลัง (กรมธนารักษ์)
และหน่วยงานที่เกี่ยข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและธนาคารแห่งประเทศไทย
เช่น ควรมีกระบวนการคัดกรองลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสม
ปล่อยสินเชื่อให้ลูกหนี้ที่มีความจำเป็น และได้รับสิทธิตามเงื่อนไขของโครงการ
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4918 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินงบประมาณและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา จำนวน 12 ตอน | คค. | 07/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติเพิ่มวงเงินงบประมาณรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณ
ภายใต้แผนงานบูรณาการพัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์
โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา จำนวน ๑๒
ตอน วงเงิน ๔,๙๗๐,๗๑๐,๖๖๖ บาท และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ภายใต้แผนงานบูรณาการพัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์
โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา ได้แก่
(๑) ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๓ เป็น
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๖ จำนวน ๓ ตอน ได้แก่ ตอนที่ ๕ ,ตอนที่
๒๐ และตอนที่ ๒๔ (๒) ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๕๙-๒๕๖๓ เป็น ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๗ จำนวน ๕ ตอน ได้แก่ ตอนที่ ๒, ตอนที่ ๑๘ ตอนที่ ๑๙ ตอนที่ ๓๔ และตอนที่ ๓๙ และ (๓)
ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๓ เป็น ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๘ จำนวน ๔ ตอน ได้แก่ ตอนที่ ๑, ตอนที่ ๔,
ตอนที่ ๒๑, และตอนที่ ๒๓ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง)
รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ เช่น
ให้กรมทางหลวงดำเนินการให้เป็นไปตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่
๕/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๖๑ เกี่ยวกับแนวปฏิบัติกรณีรายงานการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
พิจารณาการเปิดให้บริการโครงการฯ บางช่วงของเส้นทางที่แล้วเสร็จ
เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรในบริเวณพื้นที่โครงการ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. ให้กระทรวงคมนาคม
(กรมทางหลวง)
เร่งรัดการดำเนินการแก้ไขสัญญาเพิ่มเติมและกำกับการก่อสร้างงานโยธาในส่วนที่เหลือให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนดไว้
รวมทั้งตรวจสอบงานก่อสร้างในส่วนที่ดำเนินการก่อสร้างไปก่อนการแก้ไขสัญญาให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
และดำเนินการให้ถูกต้อง ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4919 | การลดหย่อนค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม [ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง หลักเกณฑ์การลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเป็นพิเศษ ตามประมวลกฎหมายที่ดิน สำหรับกรณีการโอนอสังหาริมทรัพย์ในการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม] | กษ. | 07/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบการขยายระยะเวลาการลดหย่อนค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
ตามอัตราการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมให้เหลือในอัตราร้อยละ
๐.๐๑ ตามราคาประเมินทุนทรัพย์ ออกไปจนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๙
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒.
เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
หลักเกณฑ์การลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเป็นพิเศษ
ตามประมวลกฎหมายที่ดิน สำหรับการโอนอสังหาริมทรัพย์ในการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ ที่ควรจะต้องพิจารณาถึงความสอดคล้องกับประโยชน์สาธารณะหรือความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศเป็นสำคัญ
ควรเร่งดำเนินการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับการปฏิบัติงานในระยะยาว
โดยเฉพาะการยกร่างพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินและคุ้มครองพื้นที่เกษตรกรรม พ.ศ.
.... ทั้งฉบับ รวมถึงพิจารณาแนวทางการลดขั้นตอนหรือระยะเวลาการโอนกรรมสิทธิ์
และเตรียมความพร้อมด้านการประสานงานและเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องให้กับเกษตรกรและเจ้าของที่ดินสำหรับขั้นตอนการโอนกรรมสิทธิ์ตั้งแต่ก่อนครบกำหนดตามสัญญา
เพื่อให้กระบวนการโอนกรรมสิทธิ์เป็นไปด้วยความรวดเร็วและมีส่วนช่วยลดภาระให้กับเกษตรกรได้อีกทางหนึ่ง
และควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการขยายระยะเวลาการลดหย่อนค่าธรรมเนียมดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4920 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การจัดตั้งหน่วยงานขับเคลื่อนระบบสุขภาพปฐมภูมิ ปัญหาอุปสรรค และข้อเสนอแนะการดำเนินการระบบสุขภาพปฐมภูมิ ของคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา | สว. | 31/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|