ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 249 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 4961 - 4980 จากข้อมูลทั้งหมด 123972 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
4961 | ผลการพิจารณารายงานผลการพิจารณาศึกษา เรื่อง ปัญหาที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจากเขตเศรษฐกิจพิเศษและเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ของคณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร | สผ. | 24/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4962 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่อำเภออ่าวลึก อำเภอเมืองกระบี่ อำเภอเหนือคลอง อำเภอคลองท่อม และอำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ พ.ศ. 2559 | ทส. | 24/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง
ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง
กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่อำเภออ่าวลึก
อำเภอเมืองกระบี่ อำเภอเหนือคลอง อำเภอคลองท่อม และอำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่
พ.ศ. ๒๕๕๙ มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่อำเภออ่าวลึก อำเภอเมืองกระบี่
อำเภอเหนือคลอง อำเภอคลองท่อม และอำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ พ.ศ. ๒๕๕๙
ต่อไปอีกสองปีนับตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรจะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรี และความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินการตามหลักธรรมาภิบาล เกิดผลสัมฤทธิ์
หรือประโยชน์ต่อภาครัฐและประชาชนเป็นสำคัญ
และควรเร่งดำเนินการยกร่างประกาศกระทรวงฯ ฉบับใหม่และนำมาใช้บังคับโดยเร็ว
เพื่อให้มีความสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4963 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง มาตรการส่งเสริมและเพิ่มศักยภาพการขนส่งสินค้าทางอากาศของไทย ของคณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา | สว. | 24/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4964 | สรุปผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง แนวทางการเพิ่มปริมาณการขนส่งสินค้าทางราง ของคณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา | สว. | 24/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4965 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา | สผ. | 24/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4966 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา | สว. | 24/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4967 | ถ้อยแถลงร่วมเกี่ยวกับการเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของมกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย | กต. | 24/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบเนื้อหาของถ้อยแถลงร่วมเกี่ยวกับการเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของมกุฎราชกุมาร
และนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ระหว่างวันที่ ๑๗-๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๕
มีสาระสำคัญเกี่ยวกับความร่วมมือทวิภาคีไทย-ซาอุดีอาระเบีย ในด้านต่าง ๆ ได้แก่
ด้านการเมือง กลาโหมและความมั่นคง เศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน สังคมและการศึกษา
ความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์ การวิจัย และความร่วมมือด้านฮัจย์
รวมถึงประเด็นพัฒนาการในภูมิภาคและความร่วมมือในกรอบพหุภาคี
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมที่ขอให้ดำเนินการตามระเบียบ
กฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4968 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณท้องที่ตำบลตลิ่งงาม ตำบลบ่อผุด ตำบลมะเร็ต ตำบลแม่น้ำ ตำบลหน้าเมือง ตำบลอ่างทอง ตำบลลิปะน้อย อำเภอเกาะสมุย และตำบลเกาะพะงัน ตำบลบ้านใต้ ตำบลเกาะเต่า อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. 2557 | ทส. | 24/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณท้องที่ตำบลตลิ่งงาม
ตำบลบ่อผุด ตำบลมะเร็ต ตำบลแม่น้ำ ตำบลหน้าเมือง ตำบลอ่างทอง ตำบลลิปะน้อย
อำเภอเกาะสมุย และตำบลเกาะพะงัน ตำบลบ้านใต้ ตำบลเกาะเต่า อำเภอเกาะพะงัน
จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. ๒๕๕๗ มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณท้องที่ตำบลตลิ่งงาม
ตำบลบ่อผุด ตำบลมะเร็ต ตำบลแม่น้ำ ตำบลหน้าเมือง ตำบลอ่างทอง ตำบลลิปะน้อย อำเภอเกาะสมุย และตำบลเกาะพะงัน ตำบลบ้านใต้
ตำบลเกาะเต่า อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. ๒๕๕๗
ต่อไปอีกสองปีนับตั้งแต่วันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงคมนาคม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้การกำหนดพื้นที่ห้ามทำการประมงด้วยเครื่องมือดังกล่าวจาก
“ภายในระยะ ๓,๐๐๐ เมตร จากแนวชายฝั่งทะเล” เป็น
“ภายใต้เขตทะเลชายฝั่งตามกฎหมายว่าด้วยการประมง” ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
มติคณะรัฐมนตรี และความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินการตามหลักธรรมาภิบาล เกิดผลสัมฤทธิ์
หรือประโยชน์ต่อภาครัฐและประชาชนเป็นสำคัญ และควรเร่งดำเนินการยกร่างประกาศกระทรวงฯ
ฉบับใหม่และนำมาใช้บังคับโดยเร็ว เพื่อให้มีความสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4969 | รายชื่อผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภาของส่วนราชการ (จำนวน 15 ราย) | นร.05 | 24/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายชื่อผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภาของส่วนราชการ
จำนวน ๑๕ ราย ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑. พลเอก นุชิต ศรีบุญส่ง รองปลัดกระทรวงกลาโหม ๒. นางวรนุช ภู่อิ่ม รองปลัดกระทรวงการคลัง ๓. นายอภัย
สุทธิสังข์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๔. นายวันชัย
วราวิทย์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ ๕. นายสมคิด
จันทมฤก รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ๖. นางโชติกา
อัครกิจโสภากุล รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ๗. นายทวีศิลป์
วิษณุโยธิน รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ๘.
นายกิตติศักดิ์ จุลสำรวล กรรมการร่างกฎหมายประจำ
นักกฎหมายกฤษฎีกาทรงคุณวุฒิ ๙. นายประเสริฐ
ศิรินภาพร รองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ๑๐. นางสุพร
ตรีนรินทร์ ที่ปรึกษาด้านการประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
รักษาราชการแทนรองเลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอัน เนื่องมาจากพระราชดำริ ๑๑. พลตำรวจโท
กฤษฎา กาญจนอลงกรณ์ ผู้บัญชาการประจำ
สำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ๑๒. นายเทพสุ
บวรโชติดารา รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ๑๓. นายพุฒิพงษ์
เลิศสถิตย์ รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ๑๔. นายทศพร
แย้มวงษ์ รองเลขาธิการวุฒิสภา ๑๕. พลตรี ธีรวุฒิ วิทยากรณ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4970 | การนำเสนออุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท เพื่อขอรับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลก | ทส. | 24/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบเอกสารการนำเสนออุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท
เพื่อขอรับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลก
และเห็นชอบให้ประธานกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญามรดกโลกลงนามในเอกสารนำเสนออุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท
เพื่อขอรับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกต่อศูนย์มรดกโลก กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. การนำเสนอพื้นที่เพื่อการขอรับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกในครั้งต่อ
ๆ ไป
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำผลการศึกษาที่ชัดเจนเป็นรูปธรรม
เกี่ยวกับความคุ้มค่าหรือประโยชน์ที่ไทยจะได้รับจากการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลก
รวมทั้งให้จัดทำข้อมูลการคาดการณ์ผลกระทบจากการดำเนินโครงการ/กิจกรรมของหน่วยงานต่าง
ๆ ในพื้นที่แหล่งมรกดกโลกที่อาจเกิดขึ้น (การสร้างถนน ทางรถไฟ
หรือระบบสาธารณูปโภคต่าง ๆ เป็นต้น) เพื่อเสนอเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในคราวเดียวกันด้วย)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4971 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการอุดมศึกษาไทย-ตุรกี ระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม แห่งราชอาณาจักรไทยและสภาอุดมศึกษาแห่งสาธารณรัฐตุรกี | อว. | 24/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการอุดมศึกษาไทย-ตุรกี
ระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งราชอาณาจักรไทย (Draft Memorandum of Understanding of Cooperation in the
Field of Higher Education between Ministry of Higher Education, Science,
Research and Innovation of the Government of the Kingdom of Thailand and The
Council of Higher Education of the Republic of Turkiye) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย
เป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ โดยกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมจะใช้บันทึกความเข้าใจฯ
เป็นหัวข้อในการประชุมคณะกรรมการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการไทย-ตุรกี
ครั้งที่ ๔ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๕-๒๖ มกราคม ๒๕๖๖ ณ กรุงอังการา
สาธารณรัฐตุรกี และเมื่อมีการดำเนินการตามกระบวนการและมีการลงนามบันทึกความเข้าใจฯ
แล้ว บันทึกความเข้าใจฯ จะเป็นหนึ่งในผลลัพธ์สำคัญของการประชุมร่วมฯ ไทย-ตุรกี
ดังกล่าวด้วย ซึ่งร่างบันทึกความเข้าใจฯ
มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดกรอบความร่วมมือในระดับสถาบันสำหรับคู่ภาคีเพื่อจัดการแลกเปลี่ยนทางวิชาการและวิทยาศาสตร์ระหว่างสถาบันอุดมศึกษาของทั้งสองประเทศ
โดยมีสาระสำคัญ เช่น (๑) ขอบเขตความร่วมมือ
(คู่ภาคีจะสนับสนุนการแลกเปลี่ยนด้านการศึกษาและการฝึกงานของนักศึกษาและบุคลากรทางการศึกษาของสถาบันอุดมศึกษาของทั้งสองประเทศภายใต้โครงการที่กำหนด)
(๒) หลักสูตร
(คู่ภาคีจะสนับสนุนให้มีการจัดตั้งการดำเนินการและการพัฒนาหลักสูตรร่วมในระดับปริญญาตรี
ปริญญาโท และปริญญาเอกระหว่างสถาบันอุดมศึกษาของทั้งสองประเทศ
ตามกฎหมายและระเบียบของประเทศของตน) (๓) การรับนักเรียนทุน (คู่ภาคีอาจส่งและรับนักศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาของตนภายใต้กรอบของกฎหมายของประเทศของตนและวิธีการที่ภาคีเห็นชอบร่วมกัน)
(๔) ระยะเวลา (มีผลบังคับใช้วันที่ลงนามครั้งสุดท้าย และมีผลบังคับใช้เป็นระยะเวลา
๔ ปี) (๕) การแก้ไข (สามารถแก้ไขได้ทุกเมื่อโดยความยินยอมร่วมกันของคู่ภาคี) (๖)
การยกเลิก
(ต้องได้รับความยินยอมร่วมกันของคู่ภาคีโดยการแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรไม่น้อยกว่า
๖๐ วัน) (๗) การระงับข้อพิพาท
(ให้ได้รับการแก้ไขอย่างฉันมิตรโดยการปรึกษาหารือและการเจรจาระหว่างคู่ภาคี)
เป็นต้น และอนุมัติตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4972 | การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ซึ่งจะต้องมีการก่อหนี้ผูกพันมากกว่าหนึ่งปีงบประมาณสำหรับรายการที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เป็นหน่วยรับงบประมาณ | มท. | 24/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินโครงการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
จำนวน ๒ แห่ง รวม ๒ รายการ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๓,๐๓๙.๙๖๐๐ ล้านบาท
โดยยื่นเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ต่อสำนักงบประมาณ
ทั้งนี้
โครงการดังกล่าวข้างต้นมีวงเงินงบประมาณมากสำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่อรายได้สุทธิของรัฐบาลจะส่งผลกระทบวงเงินงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น
เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการจัดสรรงบประมาณ ขอให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาใช้จ่ายจากแหล่งเงินอื่นร่วมด้วย
เช่น เงินรายได้ หรือเงินสะสมคงเหลือขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เงินกู้
เอกชนร่วมลงทุน แล้วแต่กรณี ในโอกาสแรก หรือประสานกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง
ตามภารกิจเพื่อดำเนินการแทน เช่น กรมชลประทาน และการประปาส่วนภูมิภาค เป็นต้น และขอให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน
โดยคำนึงถึงความคุ้มค่า ความประหยัด ภาระทางการคลังที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
และผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทย (องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น)
รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม ที่เห็นว่าการดำเนินโครงการดังกล่าวขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น
กระทรวงมหาดไทย หากส่งผลกระทบต่อโครงข่ายทางและสะพาน
หรือต้องขอใช้เขตทางของกรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบท
ขอให้ประสานและขออนุญาตตามระเบียบที่เกี่ยวข้องก่อน
และหากมีการดำเนินการในพื้นที่ที่รับผิดชอบของกรมเจ้าท่า
ตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พระพุทธศักราช ๒๔๕๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ขอให้ยื่นคำร้องขอทำสิ่งล่วงล้ำลำน้ำต่อกรมเจ้าท่าด้วย และให้ปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และหลักธรรมาภิบาลโดยเคร่งครัด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4973 | การตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 สำหรับรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่หนึ่งพันล้านบาทขึ้นไป "โครงการโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ภูเก็ต" | อว. | 24/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมนำรายการที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป โครงการโรงพยาบาลสงขลานครินทร์
ภูเก็ต วงเงินทั้งสิ้น จำนวน ๓,๑๔๐,๓๑๓,๐๐๐ บาท เสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ และผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ -พ.ศ. ๒๕๗๐ ตามนัยมาตรา ๒๖ ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
ทั้งนี้ ให้จัดทำแผนกการดำเนินการและยืนยันความพร้อมของโครงการดังกล่าว
โดยมีรายละเอียดรูปแบบรายการ ประมาณการค่าก่อสร้าง พื้นที่พร้อมที่จะดำเนินการ
และเพิ่มวัตถุประสงค์และเป้าหมายการให้บริการผู้ป่วยกลุ่มผู้มีสิทธิในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
ผู้มีสิทธิในระบบประกันสังคม และผู้มีสิทธิรักษาพยาบาลสวัสดิการข้าราชการ
ได้เข้าถึงบริการที่มีมาตรฐานและมีคุณภาพชีวิตที่ดี
รวมถึงการดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4974 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราการจ่ายเงินสะสมและเงินสมทบ พ.ศ. .... | กค. | 24/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราการจ่ายเงินสะสมและเงินสมทบ
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับเพิ่มจำนวนเงินสะสมและเงินสมทบของกองทุนการออมแห่งชาติ
โดยให้สมาชิกจ่ายเงินสะสมเข้ากองทุนสูงสุดไม่เกิน ๓๐,๐๐๐ บาทต่อปี (เดิมไม่เกิน ๑๓,๒๐๐ บาท) และให้รัฐบาลจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนสำหรับสมาชิกในอัตราที่กำหนดตามช่วงอายุไม่เกิน
๑,๘๐๐ บาทต่อปี (เดิมอายุไม่เกิน ๓๐ ปี
รัฐจ่ายเงินสมทบไม่เกิน ๖๐๐ บาท ใหม่ ไม่เกิน ๑,๘๐๐ บาท,
เดิมอายุเกิน ๓๐ ปี แต่ไม่เกิน ๕๐ ปี รัฐจ่ายเงินสมทบไม่เกิน ๙๖๐
บาท ใหม่ ไม่เกิน ๑,๘๐๐ บาท,
และเดิมอายุเกิน ๕๐ ปีขึ้นไป รัฐจ่ายเงินสมทบไม่เกิน ๑,๒๐๐
บาท ใหม่ ไม่เกิน ๑,๘๐๐ บาท) ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๖
เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลัง (กองทุนการออมแห่งชาติ)
รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นให้กองทุนการออมแห่งชาติตรวจสอบสถานะเงินกองทุนฯ และใช้จ่ายจากเงินกองทุนการออมแห่งชาติก่อน
หากไม่เพียงพอให้ทำความตกลงกับสำนักงบประมาณต่อไป ควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการปรับเพิ่มจำนวนเงินสะสมของสมาชิกและจำนวนเงินสมทบที่รัฐบาลต้องจ่ายแก่สมาชิกกองทุน
และประชาชนรับทราบในโอกาสแรก
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรให้ความสำคัญกับการสร้างการรับรู้ความเข้าใจ
และความจำเป็นของการออมในวัยเกษียณอายุ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4975 | ขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2530 วันที่ 23 กรกฎาคม 2534 วันที่ 22 สิงหาคม 2543 และวันที่ 17 ตุลาคม 2543 ที่ห้ามใช้ประโยชน์ป่าชายเลน ในการขออนุญาตใช้พื้นที่ป่าชายเลนเพื่อการพัฒนาฟื้นฟูให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศบ้านทะเลน้อย ถนนทะเลน้อย - ท่ากะพัก ถนนทะเลน้อย - ท่าตาเทือง และท่าตาเทือง - สะพานรักษ์แสม มีความคาบเกี่ยวตำบลวังหว้า ตำบลเนินฆ้อ ตำบลทางเกวียน อำเภอแกลง จังหวัดระยอง | มท. | 24/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบการขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๕ ธันวาคม ๒๕๓๐ วันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๓๔ วันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๓ และวันที่ ๑๗ ตุลาคม
๒๕๔๓ ที่ห้ามใช้ประโยชน์ป่าชายเลน ในการขออนุญาตใช้พื้นที่ป่าชายเลนเพื่อการพัฒนาฟื้นฟูให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศบ้านทะเลน้อย
ถนนทะเลน้อย-ท่ากะพัก ถนนทะเลน้อย-ท่าตาเทือง และท่าตาเทือง-สะพานรักษ์แสม
มีความคาบเกี่ยวตำบลวังหว้า ตำบลเนินฆ้อ ตำบลทางเกวียน อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้กระทรวงมหาดไทย (องค์การบริหารส่วนตำบลวังหว้า) รับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ไปดำเนินการต่อไปให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒.
สำหรับการปลูกป่าทดแทนเพื่อการอนุรักษ์หรือรักษาสภาพแวดล้อมตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๙ มกราคม ๒๕๖๕ (เรื่อง
ขออนุมัติเพิ่มเติมมติคณะรัฐมนตรีที่เห็นชอบและอนุมัติให้กรมเจ้าท่าดำเนินโครงการก่อสร้างท่าเทียนเรืออเนกประสงค์คลองใหญ่
จังหวัดตราด) และค่าใช้จ่ายในการปลูกป่าและบำรุงรักษาป่าชายเลนทดแทน นั้น
ให้กระทรวงมหาดไทย (องค์การบริหารส่วนตำบลวังหว้า)
ใช้จ่ายจากเงินรายได้ขององค์การบริหารส่วนตำบลวังหว้าเป็นลำดับแรก
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4976 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา | สผ. | 24/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา
ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ สรุปได้
ดังนี้ ๑.๑
คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎร
เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติฯ เพื่อให้สอดคล้องกับการแก้ไขเนื้อหาของร่างพระราชบัญญัติฯ
รวมทั้งมีข้อสังเกตว่า ผู้ดำรงตำแหน่งเป็นข้าราชการการเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
สมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ
ซึ่งอาจช่วยผู้สมัครในการหาเสียงเลือกตั้งได้ตามมาตรา ๓๔
ต้องพึงระมัดระวังในการช่วยหาเสียงเลือกตั้งให้กับผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
มิให้ฝ่าฝืนข้อห้ามตามที่กฎหมายบัญญัติไว้เป็นความผิด
เพื่อไม่ให้เกิดข้อร้องเรียนที่อาจนำไปสู่การสืบสวน สอบสวน หรือไต่สวนของคณะกรรมการการเลือกตั้งได้
ในการช่วยหาเสียงให้แก่ผู้สมัครรับเลือกตั้งต้องคำนึงถึงการใช้เวลาราชการหรือทรัพย์สินของรัฐในการช่วยหาเสียง
รวมถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐในพื้นที่ซึ่งมีหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมายให้พึงระมัดระวัง
และวางตัวเป็นกลางทางการเมืองโดยเคร่งครัด
และคณะกรรมการการเลือกตั้งควรพิจารณาทบทวนแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
พ.ศ. ๒๕๖๓ ในสาระสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดให้ข้าราชการการเมือง
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่น
หรือเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ ๑.๒ คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของวุฒิสภา มีข้อสังเกตว่า
การเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองและสมาชิกพรรคการเมือง
ทั้งที่เป็นหรือไม่เป็นข้าราชการการเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาท้องถิ่น
หรือผู้บริหารท้องถิ่น
ให้การสนับสนุนผู้สมัครได้จะเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งของพรรคการเมือง
การมีส่วนร่วมของประชาชน และการพัฒนาการปกครองในระบอบประชาธิปไตย และมาตรา ๑๑๓
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติว่า “สมาชิกวุฒิสภาต้องไม่ฝักใฝ่หรือยอมตนอยู่ใต้อาณัติของพรรคการเมืองใด
ๆ” การให้สมาชิกวุฒิสภาสามารถช่วยเหลือผู้สมัครรับเลือกตั้งท้องถิ่น
ซึ่งอาจสังกัดพรรคการเมืองหรือมีพรรคการเมืองให้การสนับสนุนอาจสุ่มเสี่ยงที่จะเข้าข่ายฝักใฝ่พรรคการเมือง
ดังนั้น จึงไม่ควรให้สมาชิกวุฒิสภามีบทบาทในการช่วยเหลือผู้สมัครรับเลือกตั้ง
ตลอดจนร่างพระราชบัญญัตินี้แก้ไขปัญหาการใช้บังคับกฎหมายที่มีอยู่
ซึ่งมีความย้อนแย้งในเชิงหลักการและปัญหาในทางปฏิบัติซึ่งทำให้เกิดปัญหาในทางปฏิบัติมีการหลบเลี่ยงและเปิดโอกาสให้กระทำการในทางมิชอบ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎร
เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓.
ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาดังกล่าว
ไปพิจารณาร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว
และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
ภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4977 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา | สว. | 24/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา
ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ สรุปได้
ดังนี้ ๑.๑
คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎร
เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติฯ เพื่อให้สอดคล้องกับการแก้ไขเนื้อหาของร่างพระราชบัญญัติฯ
รวมทั้งมีข้อสังเกตว่า ผู้ดำรงตำแหน่งเป็นข้าราชการการเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
สมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ
ซึ่งอาจช่วยผู้สมัครในการหาเสียงเลือกตั้งได้ตามมาตรา ๓๔
ต้องพึงระมัดระวังในการช่วยหาเสียงเลือกตั้งให้กับผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
มิให้ฝ่าฝืนข้อห้ามตามที่กฎหมายบัญญัติไว้เป็นความผิด
เพื่อไม่ให้เกิดข้อร้องเรียนที่อาจนำไปสู่การสืบสวน สอบสวน หรือไต่สวนของคณะกรรมการการเลือกตั้งได้
ในการช่วยหาเสียงให้แก่ผู้สมัครรับเลือกตั้งต้องคำนึงถึงการใช้เวลาราชการหรือทรัพย์สินของรัฐในการช่วยหาเสียง
รวมถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐในพื้นที่ซึ่งมีหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมายให้พึงระมัดระวัง
และวางตัวเป็นกลางทางการเมืองโดยเคร่งครัด
และคณะกรรมการการเลือกตั้งควรพิจารณาทบทวนแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
พ.ศ. ๒๕๖๓ ในสาระสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดให้ข้าราชการการเมือง
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่น
หรือเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ ๑.๒ คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของวุฒิสภา มีข้อสังเกตว่า
การเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองและสมาชิกพรรคการเมือง
ทั้งที่เป็นหรือไม่เป็นข้าราชการการเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาท้องถิ่น
หรือผู้บริหารท้องถิ่น
ให้การสนับสนุนผู้สมัครได้จะเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งของพรรคการเมือง
การมีส่วนร่วมของประชาชน และการพัฒนาการปกครองในระบอบประชาธิปไตย และมาตรา ๑๑๓
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติว่า “สมาชิกวุฒิสภาต้องไม่ฝักใฝ่หรือยอมตนอยู่ใต้อาณัติของพรรคการเมืองใด
ๆ” การให้สมาชิกวุฒิสภาสามารถช่วยเหลือผู้สมัครรับเลือกตั้งท้องถิ่น
ซึ่งอาจสังกัดพรรคการเมืองหรือมีพรรคการเมืองให้การสนับสนุนอาจสุ่มเสี่ยงที่จะเข้าข่ายฝักใฝ่พรรคการเมือง
ดังนั้น จึงไม่ควรให้สมาชิกวุฒิสภามีบทบาทในการช่วยเหลือผู้สมัครรับเลือกตั้ง
ตลอดจนร่างพระราชบัญญัตินี้แก้ไขปัญหาการใช้บังคับกฎหมายที่มีอยู่
ซึ่งมีความย้อนแย้งในเชิงหลักการและปัญหาในทางปฏิบัติซึ่งทำให้เกิดปัญหาในทางปฏิบัติมีการหลบเลี่ยงและเปิดโอกาสให้กระทำการในทางมิชอบ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎร
เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓.
ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาดังกล่าว
ไปพิจารณาร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว
และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
ภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4978 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการควบคุมและจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการเลือกตั้งทั่วไป | ลต. | 24/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการการขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง และอนุมัติให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งและหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจที่ร่วมดำเนินการ
จำนวน ๑๐ หน่วยงาน ใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในกรอบวงเงินทั้งสิ้น ๕,๙๔๕,๑๖๑,๐๐๐ บาท ตามนัยข้อ ๘ และข้อ ๙ (๓)
ของระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๒
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการควบคุม และจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
เป็นการเลือกตั้งทั่วไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการรณรงค์
ประชาสัมพันธ์ และเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผ่านช่องทางที่หลากหลาย
โดยเฉพาะสื่อสังคมออนไลน์เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลต่าง ๆ อย่างถูกต้อง
รวดเร็ว และทั่วถึงมากยิ่งขึ้น และให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการใช้จ่ายเงินดังกล่าวให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4979 | ขออนุมัติรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม | อว. | 24/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมนำเสนอรายการที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป จำนวน ๔ โครงการ วงเงินรวมทั้งสิ้น
๒๐,๘๙๑,๙๙๑,๙๐๐
บาท โดยให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมและหน่วยรับงบประมาณจัดทำแผนการดำเนินการ
และยืนยันความพร้อมของโครงการ จำนวน ๔ โครงการดังกล่าว
โดยมีรายละเอียดแบบรูปรายการ ประมาณการค่าสิ่งก่อสร้าง
สถานที่/พื้นที่พร้อมที่จะดำเนินการ รวมถึงการดำเนินการตามระเบียบ
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนสถานะการเงินการคลังของประเทศและคำนึงถึงภาระผูกพันงบประมาณในแต่ละปีงบประมาณให้เป็นไปตามสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนที่กำหนด
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อเสนอแนะของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าหน่วยงานผู้รับผิดชอบโครงการควรคำนึงถึงความเพียงพอของภาพรวมการผลิตแพทย์ในระดับประเทศและการกระจายแพทย์ที่ยังคงเป็นปัญหาในระบบสาธารณสุข
โดยพิจารณาให้สอดคล้องกับแผนปฏิรูปกำลังคนและภารกิจบริการด้านสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุข
จัดทำแผนอัตรากำลังให้เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานอัตรากำลังคนด้านสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุข
ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปได้ด้วย ๒. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4980 | ธรรมนูญว่าด้วยระบบสุขภาพแห่งชาติ ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2565 และเอกสารประกอบ | สช. | 24/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบธรรมนูญว่าด้วยระบบสุขภาพแห่งชาติ ฉบับที่ ๓ พ.ศ. ๒๕๖๕
และเอกสารประกอบ ซึ่งได้ปรับปรุงตามข้อแนะนำของสภาผู้แทนราษฎร
ตามที่คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติเสนอ
และให้รายงานต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อทราบอีกครั้งหนึ่ง
แล้วประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
|