ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 244 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 4861 - 4880 จากข้อมูลทั้งหมด 123972 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
4861 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 6/2565 | นร.04 | 14/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4862 | การเสนอวิธีและขั้นตอนยุติการดำเนินการของกองทุนเพื่อรักษาสภาพคล่องของการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ต่อคณะรัฐมนตรี | กค. | 14/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4863 | โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ | นร.04 | 14/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นว่า
ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕
เห็นชอบการดำเนินโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี ๒๕๖๕ เพื่อปรับปรุงข้อมูลบุคคลผู้มีรายได้น้อยให้ถูกต้อง
ครบถ้วน และเป็นปัจจุบัน ซึ่งจะทำให้การจัดสรรสวัสดิการแห่งรัฐโดยเร็ว
และกระทรวงการคลังสามารถดำเนินการเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อการนี้ได้ทันตามแผนที่กำหนดไว้ในเดือนมีนาคม
๒๕๖๖ คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมเร่งรัดการดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้มีสิทธิได้รับสวัสดิการแห่งรัฐที่ลงทะเบียนไว้แล้วให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
รวมทั้งพิจารณาปรับปรุงรูปแบบสวัสดิการแห่งรัฐที่ผู้มีรายได้น้อยพึงได้รับให้เหมาะสม
แล้วให้นำเรื่องนี้เสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนภายในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ ทั้งนี้
โดยที่การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลถือเป็นการกระทำที่มีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ดังนั้น
การประกาศรายชื่อหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลผู้มีสิทธิได้รับสวัสดิการแห่งรัฐดังกล่าว
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด
โดยให้ผู้ที่ลงทะเบียนสามารถตรวจสอบข้อมูลการได้รับสิทธิเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับตนเองเท่านั้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4864 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 งบกลาง รายการเงินสํารองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจําเป็น วงเงิน 3,786.55 ล้านบาท เพื่อฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยและภัยพิบัติ (จํานวน 32 จังหวัด) ของกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท | คค. | 14/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๓,๗๘๖.๕๕ ล้านบาท ประกอบด้วย กรมทางหลวง จำนวน
๒,๖๕๔.๘๓ ล้านบาท และกรมทางหลวงชนบท จำนวน ๑,๑๓๑.๗๒ ล้านบาท เพื่อฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยและภัยพิบัติ
(จำนวน ๓๒ จังหวัด) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
พร้อมทั้งเร่งรัดการดำเนินการก่อหนี้ผูกพันให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและกระทรวงมหาดไทยรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ที่เห็นควรมอบหมายให้กรมอุตุนิยมวิทยาและกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยร่วมกันพัฒนาระบบดังกล่าวเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ทุกหน่วยงานถือปฏิบัติก็อาจลดค่าใช้จ่ายด้านนี้ได้ตามสมควร
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4865 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. .... ของรัฐสภา | สผ. | 14/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4866 | แนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้เงินผลประโยชน์พิเศษโครงการเหมืองแร่โพแทชของอาเซียน | อก. | 14/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้เงินผลประโยชน์พิเศษโครงการเหมืองแร่โพแทชของอาเซียน
โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรม
กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและเหมืองแร่ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้และเงินค่าปรับของโครงการเหมืองแร่โพแทชของอาเซียน
พร้อมทั้งให้ถอนฟ้องคดีศาลปกครองคดีหมายเลขดำที่ ๒๐๓๓/๖๕ ลงวันที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๕
และให้โครงการเหมืองแร่โพแทชของอาเซียนผ่อนชำระหนี้ด้วยผลผลิตแร่โพแทชตามเงื่อนไขที่กำหนด
รวมทั้งมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นหน่วยงานรับและบริหารจัดการผลผลิตแร่โพแทชที่ได้จากการชำระหนี้ของโครงการ
และพิจารณาแนวทางการผลักดันการจัดหาวัตถุดิบในการผลิตแม่ปุ๋ยโพแทชเซียมให้แก่ภาคเกษตรกรรมของประเทศ
ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อภาคเกษตรกรรมและประเทศชาติต่อไป
และให้กระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ให้ถูกต้อง
เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
โดยคำนึงถึงผลประโยชน์/ผลกระทบที่จะเกิดแก่ประชาชนเป็นสำคัญ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนในภาคการเกษตรที่ควรจะได้ใช้ปุ๋ยเคมีในราคาที่ถูกลงจากปัจจุบันที่มีนัยสำคัญ
ทั้งนี้
ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น กรณีผ่อนชำระหนี้สินด้วยแร่โพแทชต้องพิจารณาดำเนินการตามบทบัญญัติของกฎหมายที่ให้อำนาจไว้
และควรวิเคราะห์ความเป็นไปได้ และความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นของโครงการฯ
อย่างรอบด้าน และคณะรัฐมนตรีสามารถทราบแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้ เงินผลประโยชน์พิเศษโครงการเหมืองแร่โพแทชของอาเซียนได้
เป็นต้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4867 | ขออนุมัติการลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูลการต่อต้านการทำการประมงผิดกฎหมาย ระหว่างกรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทย และกรมประมง กระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม | กษ. | 14/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4868 | ร่างพิธีสารแก้ไขบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกกับรัฐบาลมณฑลกวางตุ้ง | สกพอ. | 14/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพิธีสารแก้ไขบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกกับรัฐบาลมณฑลกวางตุ้ง
และอนุมัติให้เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามร่างพิธีสารแก้ไขบันทึกความเข้าใจฯ
ของฝ่ายไทย โดยบันทึกความเข้าใจฯ
มีสาระสำคัญเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งและความร่วมมือด้านเศรษฐกิจในสาขาที่ทั้งสองฝ่ายมีความสนใจร่วมกัน
ได้แก่
การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสองฝ่ายในการสร้างความเชื่อมโยงระหว่างเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกกับมณฑลกวางตุ้ง
และเขตอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า ความร่วมมือในด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมาย
ด้านการวิจัยและพัฒนา และนวัตกรรม รวมทั้งด้านการศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ มีระยะเวลาบังคับใช้
๓ ปี นับจากวันที่ได้ลงนาม (๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๒-๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๕) เว้นแต่ทั้งสองฝ่ายตกลงร่วมกันที่จะขยายระยะเวลาของบันทึกความเข้าใจฯ
ฉบับนี้เป็นลายลักษณ์อักษร
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ
และให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
การพิจารณาจัดทำบันทึกความเข้าใจฯ ฉบับใหม่ ควรประมวลผลการดำเนินความร่วมมือในช่วงที่ผ่านมาและประโยชน์ที่ได้รับเพื่อสนับสนุนความร่วมมือทางเศรษฐกิจและเกิดประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองฝ่าย
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างพิธีสารแก้ไขบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักกการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4869 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นของสำนักงานอัยการสูงสุด | อส. | 14/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการการขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ของสำนักงานอัยการสูงสุด
และให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑,๔๘๐,๖๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการว่าด้วยกลไกการส่งต่อระดับชาติ
การบริหารจัดการคดี และการช่วยเหลือคุ้มครองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์
และการบังคับใช้แรงงานหรือบริการ พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามข้อ ๘ และข้อ ๙ (๑)
ของระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่าย งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้รับทราบด้วยแล้ว
และขอให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
และขอให้สำนักงานอัยการสูงสุดรับความเห็นของกระทรวงการคลัง ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4870 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย-ซาอุดีอาระเบีย | คค. | 14/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบบันทึกความเข้าใจระหว่างไทย-ซาอุดีอาระเบีย
และเห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของไทย โดยมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตยืนยันการมีผลใช้บังคับของบันทึกความเข้าใจดังกล่าวต่อไป
โดยให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถปรับถ้อยคำตามความเหมาะสมที่ไม่กระทบกับสาระสำคัญ
โดยผลการเจรจาการบินระหว่างไทย-ซาอุดีอาระเบีย มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงและเพิ่มเติมสิทธิการบินระหว่างไทยและซาอุดีอาระเบีย
ในประเด็นต่าง ๆ เช่น (๑)
ปรับปรุงใบพิกัดเส้นทางการบินจากเดิมแบบกำหนดจุดเป็นพิกัดเส้นทางบินแบบเปิด (๒)
เพิ่มสิทธิการทำการบินจากเดิม ๙ เที่ยวบิน/สัปดาห์ เป็น ๔๒ เที่ยวบิน/สัปดาห์
เป็นต้น ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ ที่เห็นว่าบันทึกความเข้าใจฯ
ไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
แต่ไม่เข้าข่ายตามมาตรา ๑๗๘ วรรคสองและวรรคสาม
ที่จะต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของฝ่ายไทย
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์กรระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4871 | หลักเกณฑ์การได้รับเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอื่นของประธานกรรมการ กรรมการ และอนุกรรมการ ตามมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติมาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง พ.ศ. 2565 | ยธ. | 14/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์การได้รับเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอื่นของประธานกรรมการ
กรรมการ และอนุกรรมการ ตามมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง
พ.ศ. ๒๕๖๕ ดังนี้ (๑) เบี้ยประชุมคณะกรรมการ เห็นควรปรับถ้อยคำจากเดิมเป็น
“ให้ประธานกรรมกรรมการ และกรรมการ ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายเดือน
ในอัตราประธานกรรมการ ๑๐,๐๐๐ บาทต่อเดือน รองประธานกรรมการ ๙,๐๐๐ บาทต่อเดือน และกรรมการ ๘,๐๐๐ บาทต่อเดือน ทั้งนี้
ให้มีสิทธิได้รับเบี้ยประชุมรายเดือนเฉพาะเดือนที่มีการประชุม
หากเดือนใดไม่มีการประชุมหรือมีการประชุมแต่ไม่ได้เข้าประชุม ให้งดจ่าย”
และตัดข้อความ “ทั้งนี้ ในกรณีที่ประธานกรรมการหรือประธานอนุกรรมการไม่สามารถเข้าร่วมประชุมได้ให้ผู้ซึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมได้รับเบี้ยประชุมในอัตราเดียวกับประธานกรรมการหรือประธานอนุกรรมการ
แล้วแต่กรณี” เพื่อให้สอดคล้องกับการได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายเดือนตามพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ
พ.ศ. ๒๕๔๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (๒) เบี้ยประชุมคณะอนุกรรมการ
ควรปรับอัตราเบี้ยประชุมคณะอนุกรรมการเป็น
“อนุกรรมการได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายครั้ง
เฉพาะครั้งที่เข้าร่วมประชุมและให้ได้รับเบี้ยประชุมไม่เกิน ๔ ครั้งต่อเดือน
ในอัตราประธานอนุกรรมการ ๑,๒๕๐ บาทต่อครั้ง รองประธานอนุกรรมการ
๑,๑๒๕ บาทต่อครั้ง และอนุกรรมการ ๑,๐๐๐
บาทต่อครั้ง และ (๓) ประโยชน์ตอบแทนอื่น เห็นควรปรับถ้อยคำจากเดิมเป็น
“ให้ประธานกรรมการ กรรมการ
และอนุกรรมการในคณะกรรมการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำมีสิทธิได้รับค่าใช้จ่ายในการเดินทางเข้าร่วมประชุมเป็นค่าพาหนะ
ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าเช่าที่พัก
และค่าใช้จ่ายอื่นที่จำเป็นต้องจ่ายเนื่องในการเดินทางไปราชการตามหลักเกณฑ์และอัตราที่กำหนดตามนัยพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ
ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ
และหนังสือสั่งการที่เกี่ยวข้อง ตามความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง ทั้งนี้
ให้กระทรวงยุติธรรม (กรมคุมประพฤติ) รับความเห็นของสำนักงบประมาณ และสำนักงาน ก.พ.
รวมทั้งข้อเสนอแนะของสำนักงาน ก.พ.ร. .โดยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๖.ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของกรมคุมประพฤติตามที่ได้รับจัดสรร
สำหรับค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป
ให้กรมควบคุมประพฤติจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ควรรับฟังความเห็นของกระทรวงการคลังซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบกฎหมายว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการเพื่อประกอบการพิจารณา
และเกี่ยวกับการจัดตั้งคณะอนุกรรมการชุดต่าง ๆ
และการกำหนดองค์ประกอบของคณะอนุกรรมการ ควรมีเท่าที่จำเป็นและเหมาะสมต่อการสนับสนุนการดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการตามกฎหมายว่าด้วยมาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง
เพื่อให้เกิดความคุ้มค่า และไม่ให้เป็นภาระงบประมาณภาครัฐในระยะยาว
และควรมีการทบทวนความคงอยู่ของคณะอนุกรรมการเมื่อสิ้นสุดการดำเนินภารกิจตามที่ได้รับมอบหมาย.ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4872 | การดำเนินงานโครงการจัดเตรียมความพร้อมในการให้บริการการเดินอากาศ ณ สนามบินอู่ตะเภา ของบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด | คค. | 14/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4873 | โครงการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้แห่งชาติ OKMD : OKMD National Knowledge Center (Ratchadamnoen Center 1 และ 2) | สบร. | 14/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4874 | สรุปผลการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 27 (COP 27) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ณ เมืองชาร์ม เอล เชค สาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ | ทส. | 14/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4875 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 | อก. | 14/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....)
ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผู้ประกอบกิจการโรงงานที่ทำให้เกิดสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว
(โรงงานผู้ก่อกำเนิดสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว)
และผู้ประกอบกิจการโรงงานรับบำบัดและกำจัดสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว
(โรงงานผู้รับบำบัดและกำจัดสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว)
ต้องรายงานข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบ
โดยให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมประกาศกำหนด ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เห็นควรต้องแจ้งข้อมูลที่จำเป็นเกี่ยวกับสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว
และโรงงานที่มีการกำจัด บำบัด หรือจัดการสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว ต้องแจ้งข้อมูลที่จำเป็นเกี่ยวกับสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบ
ตามแบบและวิธีการที่รัฐมนตรีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อป้องกันมิให้การบริหารจัดการสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วเกิดผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อม
ซึ่งมาตรา ๖ วรรค ๑ แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติโรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒
บัญญัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมมีอำนาจออกกฎกระทรวงกำหนดกิจการอื่นเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
และมาตรา ๘ (๗) แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ บัญญัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกระทรวงอุตสาหกรรมมีอำนาจออกกฎกระทรวงกำหนดข้อมูลที่จำเป็นเกี่ยวกับการประกอบกิจการโรงงานที่ผู้ประกอบกิจการโรงงานต้องแจ้งให้ทราบเป็นครั้งคราวหรือตามระยะเวลาที่กำหนดไว้
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4876 | ผลการสรรหากรรมการในคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (1. นายไมตรี สุเทพากุล ฯลฯ จำนวน 4 คน) | สขค | 14/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบรายชื่อผู้ที่ได้รับคัดเลือกเป็นกรรมการในคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า
จำนวน ๔ คน ตามที่คณะกรรมการสรรหาได้คัดเลือกแล้ว
เนื่องจากกรรมการเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปี
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑. นายไมตรี สุเทพากุล ๒. นายสมชาติ สร้อยทอง ๓. พ.ต.อ. ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4877 | ขออนุมัติปรับระยะเวลาและแผนการดำเนินงานโครงการส่งเสริมการผลิตครูที่มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ (สควค.) ระยะที่ 4 จากปี พ.ศ. 2564-2567 เป็นปี พ.ศ. 2566-2569 | ศธ. | 14/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติการปรับระยะเวลาและแผนการดำเนินงานโครงการส่งเสริมการผลิตครูที่มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์
(สควค.) ระยะที่ ๔ จากปี พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๗ เป็นปี พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๖๙ ในประเด็นสำคัญต่าง ๆ
ดังต่อไปนี้ (๑) อนุมัติการปรับลดจำนวนทุนการผลิตครู สควค. ๒ ประเภท ได้แก่
ทุนประเภทที่ ๑ ทุนระดับปริญญาตรี-โท จำนวนปีละไม่เกิน ๑๐๐ ทุน ระยะเวลารับทุน ๖
ปี รวมระยะเวลาดำเนินการ ๑๐ ปี ตั้งแต่ปีการศึกษา ๒๕๖๖-๒๕๗๕ และทุนประเภทที่ ๒ ทุนระดับปริญญาโท
จำนวนปีละไม่เกิน ๑๐๐ ทุน ระยะเวลารับทุน ๒ ปี รวมระยะเวลาดำเนินการ ๖ ปี
ตั้งแต่ปีการศึกษา ๒๕๖๖-๒๕๗๑ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้กระทรวงศึกษาธิการ
(สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี)
เร่งรัดการดำเนินโครงการส่งเสริมการผลิตครูที่มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์
(สควค.) ระยะที่ ๔ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
เพื่อส่งเสริมให้การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เป็นไปอย่างเหมาะสม
สอดคล้องกับความต้องการกำลังคนในการพัฒนาประเทศต่อไป ทั้งนี้
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการฯ ให้กระทรวงศึกษาธิการ (สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี)
ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้กระทรวงศึกษาธิการและสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรม
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร. ในประเด็นเรื่องงบประมาณ
ขอให้มีการพิจารณาดำเนินการตามกฎหมาย ขั้นตอน และระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป
ควรมีการติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการ
เนื่องด้วยเป็นการดำเนินโครงการในระยะที่ ๔
โดยอาจพิจารณาผลลัพธ์การเรียนรู้ของนักเรียนจากผลทดสอบโปรแกรมประเมินสมรรถนะนักเรียนมาตรฐานสากลของนักเรียนในสถานศึกษาที่มีบัณฑิตจากโครงการ
สควค. เป็นผู้สอน และผลการทดสอบวิชาความถนัดทางวิชาการและวิชาชีพ (PAT) อาทิ ความถนัดทางคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์
และวิศวกรรมศาสตร์
รวมทั้งมีการพัฒนาแนวทางการติดตามความก้าวหน้าทางอาชีพของผู้สำเร็จการศึกษารายบุคคล
อาทิ ข้อมูลการประกอบอาชีพ ข้อมูลงานวิจัยและการสร้างนวัตกรรม
เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพัฒนานโยบาย หลักสูตร
และวิธีการดำเนินโครงการให้มีประสิทธิภาพ
ควรพัฒนาทักษะครูที่ได้รับการบรรจุเข้ารับราชการแล้วอย่างต่อเนื่อง
ทั้งด้านการพัฒนาทักษะเดิม และการเพิ่มเติมทักษะใหม่ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4878 | การพิจารณามีมติให้ข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่ หรือผู้ปฏิบัติงานอื่นใดในหน่วยงานของรัฐมาปฏิบัติงานที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เป็นการชั่วคราว | ดศ. | 14/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4879 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายเอกพงษ์ หริ่มเจริญ) | ดศ. | 07/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นายเอกพงษ์ หริ่มเจริญ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4880 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นางสาวเพชรรัตน์ สายทอง) | วธ. | 07/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวเพชรรัตน์ สายทอง
ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้ช่วยปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงวัฒนธรรม เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|