ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1408 จากทั้งหมด 6223 หน้า แสดงรายการที่ 28141 - 28160 จากข้อมูลทั้งหมด 124445 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 28141 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การปรับปรุงการบริหารจัดการและการบริการขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ | สสป | 02/07/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การปรับปรุงการบริหารจัดการและการบริการขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และรับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงคมนาคมร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร กรมการขนส่งทางบก องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยในส่วนความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาฯ สรุปได้ ดังนี้
๑. แนวคิดสมมติฐานการให้สัมปทาน ได้แก่ รายได้ทั้งหมดจากการให้สัมปทานเป็นยอดรวมระหว่างรายได้จากค่าประมูลและจากค่าสัมปทานรายเดือน และรายได้อื่น ๆ ที่เกิดจากการเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรเป็นการให้สัมปทาน ภาระหนี้สินทั้งหมดขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) คิดจากภาระหนี้สินเดิมรวมกับดอกเบี้ย และภาระหนี้ที่เกิดจากการเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรเป็นการให้สัมปทาน สมมติฐานการประมูล คือ รายได้จากค่าประมูลต้องครอบคลุมภาระหนี้สินทั้งหมดของ ขสมก. และรายได้จากค่าสัมปทานรายเดือนต้องครอบคลุมค่าใช้จ่ายรายเดือนของ ขสมก. ตามโครงสร้างใหม่ และกำหนดระยะเวลาในการให้สัมปทานขึ้นกับการคำนวณระยะเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้รายได้ที่จะได้รับทั้งหมดของ ขสมก. สามารถครอบคลุมกับภาระหนี้สินทั้งหมดของ ขสมก. หรือตามสมมติฐานการประมูล ๒. การปรับโครงสร้างการบริหารจัดการและการบริการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ โดยให้สัมปทานการเดินรถโดยสารประจำทางทั้งหมดให้กับผู้ประกอบการเอกชน ๒.๑ โครงการเช่ารถยนต์โดยสารปรับอากาศใช้ก๊าซธรรมชาติ (CNG) ไม่สามารถแก้ไขปัญหาผลประกอบการของ ขสมก. ได้อย่างเบ็ดเสร็จ เนื่องจาก ขสมก. ยังคงต้องแบกรับภาระต้นทุนการเดินรถโดยสารทั้งเงินเดือนค่าตอบแทน ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าเช่า ค่าซ่อมบำรุง และค่าดอกเบี้ย อีกทั้งยังไม่มีความชัดเจนด้านความคุ้มค่าของการดำเนินการตามโครงการดังกล่าวที่ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากการเช่า ๒.๒ รัฐต้องใช้ระบบสัมปทานการดินรถโดยสารประจำทางทั้งหมดให้กับผู้ประกอบการเอกชน คือผู้รับสัมปทานต้องเป็นผู้ลงทุนในการเดินรถเอง ส่วน ขสมก. มีหน้าที่ในการอำนวยการ บริหารสัญญา และตรวจสอบควบคุมมาตรฐานคุณภาพการบริการสภาพรถและอุปกรณ์ ซึ่งจะทำให้ผลประกอบของ ขสมก. ดีขึ้น ๒.๓ ขสมก. มีหน้าที่ในการบริหารสัญญา (Regulator/Contract Management) กำกับและบริหารสัญญาเดินรถให้เป็นไปตามสัญญาการให้บริการเชิงคุณภาพ (Performance Base Contract : PBC) โดยกำหนดมาตรฐาน และเงื่อนไขขั้นต่ำที่เหมาะสมในการให้บริการเป็นมาตรฐานเดียวกันเพื่อให้ผู้ประกอบการทุกรายต้องถือปฏิบัติ (Single Operation by Multiple Operators) ประกอบด้วย แต่งตั้งคณะกรรมการร่วมที่มีองค์ประกอบจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง กำหนดให้ผู้รับสัมปทานทุกรายต้องรับผิดชอบภาระค่าใช้จ่ายในการเดินรถโดยสารประจำทางทั้งหมด กำหนดให้ผู้ขอรับสัมปทานต้องขอรับสัมปทานเป็นจำนวนรถโดยสารประจำทางในแต่ละเส้นทางการเดินรถตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด และควรกำหนดสัดส่วนร้อยละของจำนวนรถโดยสารที่จะรับสัมปทานได้มากที่สุดในแต่ละเส้นทาง อาจเลือกใช้วิธีการประมูลขายรถโดยสารที่มีอยู่เดิมของ ขสมก. หรือกำหนดให้ผู้รับสัมปทานทุกรายต้องรับซื้อรถโดยสารประจำทางของ ขสมก. ที่เคยวิ่งบริการในเส้นทางที่ได้รับสัมปทาน กำหนดให้ผู้รับสัมปทานทุกรายต้องปรับปรุงระบบเชื้อเพลิงของรถโดยสารประจำทางเปลี่ยนมาใช้ CNG ภายในระยะเวลาที่กำหนดในสัญญา กำหนดให้ผู้รับสัมปทานทุกรายต้องใช้รถโดยสารประจำทางที่ได้มาตรฐานและมีคุณลักษณะทั้งทางกายภาพ และการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ (E-Ticket, GPS, GPRS) ตามที่กำหนดในสัญญา การกำหนดเงื่อนไขการปรับขึ้นราคาค่าโดยสาร การให้เงินอุดหนุนกรณีที่รัฐขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการให้ชะลอการขึ้นค่าโดยสาร ต้องคำนวณจากต้นทุนการดำเนินงานและค่าเชื้อเพลิงโดยใช้ราคา CNG เป็นฐาน กำหนดให้ผู้รับสัมปทานทุกรายต้องรับลูกจ้างเดิมบางส่วนของ ขสมก. มาเป็นพนักงานใหม่ของผู้ได้รับสัมปทานโดยต้องมีจำนวน และระยะเวลาการจ้างไม่น้อยกว่าที่กำหนดในสัญญา ในรูปแบบอัตราถอยหลัง คือจำนวนร้อยละของลูกจ้างเดิม ขสมก. ที่กำหนดให้ผู้รับสัมปทานต้องจ้างจะลดลงตามระยะเวลาที่เพิ่มขึ้น และกำหนดให้รัฐจะต้องมีมาตรการรองรับที่ชัดเจน และเป็นธรรมต่อพนักงาน ขสมก. ที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงต้องมีกระบวนการสร้างความเข้าใจต่อพนักงานของ ขสมก. ก่อนเริ่มดำเนินการ ๒.๔ รัฐต้องมีการปรับโครงสร้างองค์กรและการบริหารงานของ ขสมก. ใหม่ เพื่อให้สอดคล้องและเหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลง ๒.๕ การบริหารจัดการเดินรถรูปแบบใหม่และการประเมินการบริการเชิงคุณภาพ (PBC) โดยการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ ให้กำหนดตามเกณฑ์ที่ ขสมก. ได้นำเสนอในแผนปรับปรุงการบริหารจัดการ ๒.๖ กรณีที่รัฐมีความจำเป็นต้องดำเนินการมาตรการลดค่าครองชีพประชาชนในส่วนของการลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง (รถโดยสารประจำทางธรรมดา) เพื่อให้มาตรการดังกล่าวเป็นการช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยอย่างแท้จริง รัฐต้องดำเนินการให้มีการขึ้นทะเบียนประชาชนผู้มีรายได้น้อย และควรเลือกใช้วิธีการแจกคูปองที่ใช้ได้กับรถบริการทุกคันแทนการจัดรถบริการเฉพาะให้กับผู้มีรายได้น้อย (กรณี ๘๐๐ คัน) เพราะจะทำให้ผู้มีรายได้น้อยมีโอกาสเลือกเส้นทางและมีจำนวนรถบริการรองรับผู้มีรายได้น้อยมากขึ้น ทั้งยังก่อให้เกิดรายได้แบบกระจายตัวกับผู้รับสัมปทาน รวมทั้งรัฐบาลจะจ่ายค่าบริการเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยตามจริง และเก็บข้อมูลเพื่อการวางแผนที่เหมาะสมต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28142 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าดงใหญ่ ในท้องที่ตำบลโคกมะม่วง ตำบลหูทำนบ อำเภอปะคำ ตำบลโนนดินแดง และตำบลลำนางรอง อำเภอโนนดินแดง จังหวัดบุรีรัมย์ ให้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า พ.ศ. .... (เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่) | ทส | 25/06/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าดงใหญ่ ในท้องที่ตำบลโคกมะม่วง ตำบลหูทำนบ อำเภอปะคำ ตำบลโนนดินแดง และตำบลลำนางรอง อำเภอโนนดินแดง จังหวัดบุรีรัมย์ ให้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดบริเวณที่ดินป่าดงใหญ่ ในท้องที่ตำบลโคกมะม่วง ตำบลหูทำนบ อำเภอปะคำ ตำบลโนนดินแดง และตำบลลำนางรอง อำเภอโนนดินแดง จังหวัดบุรีรัมย์ ให้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ (เรื่อง ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลเขาย่า อำเภอศรีบรรพต และตำบลชะมวง อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. ....) เกี่ยวกับการเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตปฏิรูปที่ดิน หรือร่างพระราชกฤษฎีกาที่ต้องกำหนดแนวเขตที่ดินเพื่อดำเนินการในลักษณะเช่นเดียวกับร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตปฏิรูปที่ดินต่อคณะรัฐมนตรี โดยประสานงานกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม) ให้ได้ข้อยุติเกี่ยวกับแนวเขตในการดำเนินการตามร่างพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ว่าเป็นแนวเขตที่สามารถเข้าดำเนินการได้และไม่ทับซ้อนกับแนวเขตที่ได้มีการกำหนดไว้เป็นพื้นที่ดำเนินการตามกฎหมายอื่น แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28143 | รายงานผลการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านว่าด้วยความร่วมมือในการต่อต้านการลักลอบค้ายาเสพติด วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท และสารตั้งต้น | ยธ | 25/06/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศรายงานผลการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านว่าด้วยความร่วมมือในการต่อต้านการลักลอบค้ายาเสพติด วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท และสารตั้งต้น ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ส. ได้จัดพิธีลงนามในบันทึกความเข้าใจดังกล่าว เมื่อวันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๕๖ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย และ H.E. Mr. Mostafa Mohammad Najjar รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และเลขาธิการสำนักงานควบคุมยาเสพติดแห่งสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน เป็นผู้ลงนามฝ่ายอิหร่าน โดยบันทึกความเข้าใจฯ ได้กำหนดขอบเขตที่สำคัญของความร่วมมือระหว่างคู่ภาคี ได้แก่
๑. การลดอุปทานและอุปสงค์ยาเสพติด ตลอดจนการปรับปรุงวิธีการบริหารจัดการ ๒. การดำเนินมาตรการร่วมในการกำจัดแหล่งที่มาของอุปทานยาเสพติดผิดกฎหมาย ๓. การประสานความร่วมมือในการปราบปรามการลักลอบผลิตและค้ายาเสพติดผิดกฎหมาย ตลอดจนความร่วมมืออย่างใกล้ชิดในเวทีระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ ๔. การแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับวิธีการตรวจค้นและจับกุมยาเสพติดที่มีการซุกซ่อนไว้ ๕. การแลกเปลี่ยนประสบการณ์และข้อสนเทศเกี่ยวกับวิธีการและแผนการของนักค้ายาเสพติด ๖. การแลกเปลี่ยนข้อสนเทศเกี่ยวกับเครือข่ายและบุคคลที่เกี่ยวข้องหรือต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือที่ถูกจับกุมในการลักลอบค้ายาเสพติดผิดกฎหมาย ตลอดจนเส้นทางใหม่ ๆ ในการลักลอบขนส่งยาเสพติด ๗. การนำเครื่องมือทางวิชาการใหม่ ๆ มาใช้ในการฝึกอบรมและการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการตรวจค้นและตรวจพิสูจน์ยาเสพติดผิดกฎหมาย ๘. การให้ข้อสนเทศเกี่ยวกับยาเสพติดรูปแบบใหม่ ๆ ๙. การแลกเปลี่ยนข้อสนเทศและประสบการณ์เกี่ยวกับแผนการด้านการศึกษาที่มีประสิทธิภาพสำหรับหน่วยงาน องค์การและบุคคลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการรณรงค์ต่อต้านยาเสพติด ๑๐. การแลกเปลี่ยนข้อสนเทศและประสบการณ์เกี่ยวกับกฎหมายและแนวปฏิบัติทางการศาลในการต่อต้านการลักลอบค้ายาเสพติด ๑๑. การแลกเปลี่ยนข้อสนเทศและประสบการณ์เกี่ยวกับโครงการที่มีประสิทธิภาพสำหรับการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถสภาพผู้ติดยาเสพติด ๑๒. การแลกเปลี่ยนผลงานวิจัย สิ่งตีพิมพ์ด้านวิทยาศาสตร์ รายงานสิ่งตีพิมพ์พิเศษ ภาพยนตร์ และสื่อการศึกษาอื่น ๆ เกี่ยวกับการป้องกันการใช้ยาเสพติดในทางที่ผิดเพื่อเสริมสร้างความตระหนักให้แก่สาธารณชน ๑๓. สาขาอื่น ๆ ที่เป็นความกังวลร่วมกันในเรื่องยาเสพติด
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28144 | การทบทวนแหล่งเงินกู้สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่ - บางซื่อ) ระยะที่ 3 | กค | 25/06/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการในการใช้แหล่งเงินในประเทศสำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่-บางซื่อ) ระยะที่ ๓ แทนการกู้เงินจากรัฐบาลญี่ปุ่นผ่านองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาจัดหาแหล่งเงินที่เหมาะสมตามความจำเป็น และให้เสนอรัฐสภาเพื่อทราบการเปลี่ยนแปลงแหล่งเงินต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้พิจารณาแนวทางการแจ้งแหล่งเงินกู้ [องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA)] ทราบถึงเหตุผลความจำเป็นของการดำเนินการดังกล่าว เพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ และให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เร่งดำเนินการตามขั้นตอนและกฎหมายที่เกี่ยวข้องจากการเปลี่ยนแปลงแหล่งเงินของโครงการฯ พร้อมทั้งจัดทำแผนการเบิกจ่ายเงินที่สอดคล้องกับแผนการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่-บางซื่อ) เพื่อให้การบริหารจัดการเงินกู้ของกระทรวงการคลังเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยให้ รฟม. สามารถดำเนินโครงการฯ ได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 28145 | ขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 บี เพื่อต่ออายุประทานบัตรทำเหมืองแร่ของห้างหุ้นส่วนจำกัด เจริญผลการศิลา ที่จังหวัดชุมพร | อก | 25/06/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๓๒ (เรื่อง มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เรื่อง การกำหนดชั้นคุณภาพลุ่มน้ำภาคใต้ และข้อเสนอแนะมาตรการการใช้ที่ดินในเขตลุ่มน้ำ) และวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๓๓ (เรื่อง การอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้) เพื่อต่ออายุประทานบัตรทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน (เพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง) ของห้างหุ้นส่วนจำกัด เจริญผลการศิลา ตามคำขอที่ ๒/๒๕๕๑ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้กระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณาดำเนินการตามระเบียบ/ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างรอบคอบ และปฏิบัติตามข้อเสนอแนะมาตรการใช้ที่ดินในเขตลุ่มน้ำภาคใต้ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๓๒ อย่างเคร่งครัด รวมทั้งนำมาตรการป้องกันผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนเพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้างของห้างหุ้นส่วนจำกัด เจริญผลการศิลา คำขอต่ออายุประทานบัตรที่ ๒/๒๕๕๑ ไปกำหนดเป็นเงื่อนไขในการให้ต่ออายุประทานบัตรเหมืองแร่ พร้อมทั้งเห็นควรให้กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมติดตามตรวจสอบและควบคุมการนำมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่กำหนดไว้ไปปฏิบัติ และการดำเนินงานของกองทุนฯ รวมทั้งการฟื้นฟูสภาพพื้นที่ที่ผ่านการทำเหมือง ให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างครบถ้วน โดยให้ชุมชน โรงเรียน วัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีส่วนร่วมในการติดตามตรวจสอบและบริหารจัดการกองทุนฯ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 28146 | ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนที่วัด วัดบางลายใต้ ตำบลบางลาย อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร ให้แก่กรมชลประทาน พ.ศ. .... | พศ | 25/06/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาโอนที่วัด วัดบางลายใต้ ตำบลบางลาย อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร ให้แก่กรมชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ โอนที่วัด วัดบางลายใต้ ตำบลบางลาย อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร ให้แก่กรมชลประทาน ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28147 | สหภาพยุโรปเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นายเคซุส มีเกล ซันซ์ เอสโกรีอวยลา (Mr. Jesus Miguel Sanz Escorihuela)] | กต | 25/06/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายเคซุส มีเกล ซันซ์ เอสโกรีอวยลา (Mr. Jesus Miguel Sanz Escorihuela) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตหัวหน้าคณะผู้แทนสหภาพยุโรปประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทนนายเดวิด ลิปแมน (Mr. David Lipman) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28148 | การแต่งตั้งกงสุลใหญ่ญี่ปุ่นประจำจังหวัดเชียงใหม่ [นายอะกิฮิโกะ ฟุจิอิ (Mr. Akihiko Fujii)] | กต | 25/06/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายอะกิฮิโกะ ฟุจิอิ (Mr. Akihiko Fujii) ให้ดำรงตำแหน่งกลสุลใหญ่ญี่ปุ่นประจำจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย น่าน พะเยา แพร่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน และอุตรดิตถ์ สืบแทนนายคะซุโอะ ชิบะตะ ซึ่งครบวาระประจำการ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28149 | รัฐบาลราชอาณาจักรสวาซิแลนด์เสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นางสาวซาเนเล แอนเจลีน อึมดลูลี (Ms. Zanele Angeline Mdluli)] | กต | 25/06/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางสาวซาเนเล แอนเจลีน อึมดลูลี (Ms. Zanele Angeline Mdluli) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งราชอาณาจักรสวาซิแลนด์ประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ สืบแทนนายมพูเมเลโล โจเซฟ ดูมิโซะ ลอเพ (Mr. Mpumelelo Joseph Ndumiso Hlophe) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28150 | การเลื่อนฐานะกงสุลกิตติมศักดิ์ราชรัฐโมนาโก และการยกฐานะสถานกงสุลราชรัฐโมนาโก | กต | 25/06/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เลื่อนฐานะนายศรีภูมิ ศุขเนตร กงสุลกิตติมศักดิ์ราชรัฐโมนาโกประจำกรุงเทพมหานคร เป็นกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ราชรัฐโมนาโกประจำกรุงเทพมหานคร โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมทั่วราชอาณาจักรไทย ๒. ยกฐานะสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ราชรัฐโมนาโกประจำกรุงเทพมหานคร เป็นสถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ราชรัฐโมนาโกประจำกรุงเทพมหานคร โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมทั่วราชอาณาจักรไทย
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28151 | การขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ กรณีการเช่าอาคารที่ทำการสถานกงสุลใหญ่ ณ นครซีอาน และบ้านพักกงสุลใหญ่ ณ เมืองดูไบ | กต | 25/06/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณให้กระทรวงการต่างประเทศก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ กรณีการเช่าอาคารที่ทำการสถานกงสุลใหญ่ ณ นครซีอาน และบ้านพักกงสุลใหญ่ ณ เมืองดูไบ โดยให้ดำเนินการให้ถูกต้องและครบถ้วน ตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องด้วย ดังนี้
๑. รายการค่าเช่าอาคารที่ทำการสถานกงสุลใหญ่ ณ นครซีอาน วงเงินผูกพันตลอดระยะเวลาสัญญาเช่าทั้งสิ้น ๑๐,๘๐๐,๐๐๐ บาท หรือไม่เกินวงเงินผูกพันตลอดระยะเวลาเช่าตามสกุลเงินท้องถิ่น กรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยน โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ จำนวน ๗,๒๐๐,๐๐๐ บาท และผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๕๙ จำนวน ๓,๖๐๐,๐๐๐ บาท ๒. รายการค่าเช่าบ้านพักกงสุลใหญ่ ณ เมืองดูไบ วงเงินผูกพันตลอดระยะเวลาสัญญาเช่าทั้งสิ้น ๑๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท หรือไม่เกินวงเงินผูกพันตลอดระยะเวลาสัญญาเช่าตามสกุลเงินท้องถิ่นกรณีมีการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยน โดยผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๐ |
|||||||||||||||||||||||||||
| 28152 | รายงานผลการดำเนินการโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน | ศธ | 25/06/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการโครงการ ๑ อำเภอ ๑ ทุน ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินการโครงการ ๑ อำเภอ ๑ ทุน รุ่นที่ ๔ ๑.๑ มีผู้สมัครสอบจากทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น ๒๐,๓๘๑ คน จำแนกเป็น ทุนประเภท ๑ (สำหรับผู้ที่มีผลการเรียนดี ครอบครัวมีรายได้ไม่เกิน ๒๐๐,๐๐๐ บาทต่อปี) จำนวน ๕,๐๕๓ คน และทุนประเภท ๒ (สำหรับผู้ที่มีผลการเรียนดี ไม่จำกัดรายได้ครอบครัว) จำนวน ๑๕,๓๒๘ คน ๑.๒ กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศรายชื่อผู้สอบผ่านข้อเขียนและมีสิทธิสอบสัมภาษณ์ เมื่อวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๕๖ โดยมีผู้สอบผ่านข้อเขียนและมีสิทธิเข้าสอบสัมภาษณ์ จำนวน ๑๓๗ คน จำแนกเป็น ทุนประเภท ๑ จำนวน ๑๔ คน จาก ๑๒ อำเภอ/เขต และทุนประเภท ๒ จำนวน ๑๒๓ คน จาก ๘๗ อำเภอ/เขต โดยการจัดสอบสัมภาษณ์ ได้ดำเนินการเมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๖ ณ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาที่มีผู้มีสิทธิสอบสัมภาษณ์ ๑.๓ ประกาศผลการคัดเลือกผู้รับทุน เมื่อวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๖ มีผู้ผ่านการคัดเลือกและมีสิทธิรับทุน จำนวนทั้งสิ้น ๙๘ คน จำแนกเป็น ทุนประเภท ๑ จำนวน ๑๒ คน และทุนประเภท ๒ จำนวน ๘๖ คน โดยมีผู้ขอสละสิทธิ จำนวน ๑ คน คงเหลือผู้มีสิทธิรับทุนประเภท ๒ จำนวน ๘๕ คน และมีจำนวนผู้มีสิทธิรับทุนทั้งสิ้น จำนวน ๙๗ คน ๑.๔ กระทรวงศึกษาธิการและสำนักงาน ก.พ. ดำเนินการจัดปฐมนิเทศผู้รับทุนเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับโครงการฯ และแนวทางปฏิบัติสำหรับนักเรียนทุนรัฐบาล รวมทั้งได้จัดเตรียมความพร้อมให้แก่ผู้มีสิทธิรับทุน โดยอบรมภาษา วัฒนธรรม ชีวิตความเป็นอยู่ของประเทศที่ผู้รับทุนเลือกไปศึกษา จัดสอบภาษาอังกฤษ และดำเนินการเกี่ยวกับเอกสารสำหรับการเดินทางไปศึกษาในต่างประเทศ ระหว่างวันที่ ๓ มิถุนายน-๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๖ ซึ่งผู้รับทุนจะเริ่มเดินทางไปต่างประเทศตั้งแต่เดือนกันยายน ๒๕๕๖ เป็นต้นไป ๒. การดำเนินการโครงการ ๑ อำเภอ ๑ ทุน รุ่นที่ ๔ รอบที่ ๒ ที่ประชุมคณะกรรมการโครงการ ๑ อำเภอ ๑ ทุน เมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๕๖ มีมติเห็นชอบให้ดำเนินการโครงการฯ รอบที่ ๒ โดยใช้เกณฑ์การคัดเลือกแนวทางเดียวกับรอบแรกเพื่อให้เป็นมาตรฐานเท่าเทียมกัน รวมทั้งกำหนดกรอบระยะเวลาดำเนินการโครงการฯ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28153 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงวัฒนธรรม) (นายสมชาย ณ นครพนม) | วธ | 25/06/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายสมชาย ณ นครพนม ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งนักโบราณคดีทรงคุณวุฒิ [ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านโบราณคดี (โบราณคดีและพิพิธภัณฑ์)] กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ตั้งแต่วันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๖ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28154 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการโอนทะเบียนรถจากการควบรวมกิจการของสถาบันการเงินตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่ 2 พ.ศ. .... จำนวน 2 ฉบับ | คค | 25/06/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง จำนวน ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ พ.ศ. ๒๕๔๖ เพื่อกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการโอนทะเบียนรถจากการควบรวมกิจการของสถาบันการเงินตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่ ๒ ๒. ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการโอนทะเบียนรถจากการควบรวมกิจการของสถาบันการเงินตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่ ๒ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ยกเว้นค่าธรรมเนียมการโอนทะเบียนรถจากการควบรวมกิจการของสถาบันการเงินตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่ ๒ |
|||||||||||||||||||||||||||
| 28155 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 421 สายทางเลี่ยงเมืองสตูล ตอนบ้านกาเน๊ะ - บ้านนาลาน และเพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4051 ตอนบ้านนาลาน - บ้านไร่ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | คค | 25/06/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๒๑ สายทางเลี่ยงเมืองสตูล ตอนบ้านกาเน๊ะ-บ้านนาลาน และเพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๐๕๑ ตอนบ้านนาลาน-บ้านไร่ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๒๑ สายทางเลี่ยงเมืองสตูล ตอนบ้านกาเน๊ะ-บ้านนาลาน และเพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๐๕๑ ตอนบ้านนาลาน-บ้านไร่ ในท้องที่อำเภอสตูล จังหวัดสตูล ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนเพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๒๑ สายทางเลี่ยงเมืองสตูล ตอนบ้านกาเน๊ะ-บ้านนาลาน และขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๐๕๑ ตอนบ้านนาลาน-บ้านไร่ พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าครอบครอง หรือใช้อสังหาริมทรัพย์นั้นตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ได้ ๒. ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๒ สายบางปะอิน-พยุหะคีรี ตอนบ้านเตาอิฐ-บ้านบางประทุน เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๒ สายบางปะอิน-พยุหะคีรี ตอนบ้านเตาอิฐ-บ้านบางประทุน ในท้องที่อำเภอพรหมบุรี และอำเภอเมืองสิงห์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๒ สายบางปะอิน-พยุหะคีรี ตอนบ้านเตาอิฐ-บ้านบางประทุน พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าครอบครอง หรือใช้อสังหาริมทรัพย์นั้นตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28156 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลในเมือง อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ พ.ศ. .... | คค | 25/06/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลในเมือง อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลในเมือง อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อสร้างสะพานข้ามทางรถไฟ บริเวณทางหลวงชนบท อต.๒๐๑๔ เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมทางหลวงชนบทเร่งนำเสนอผลการศึกษาทบทวนแผนการก่อสร้างสะพานข้ามทางรถไฟให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาตามขั้นตอน พร้อมทั้งกำหนดแผนการก่อสร้างโครงการโดยให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาจุดตัดระหว่างถนนและทางรถไฟในพื้นที่ที่มีปริมาณการจราจรหนาแน่นเป็นลำดับแรก และประสานกับการรถไฟแห่งประเทศไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อบูรณาการรูปแบบและแผนการก่อสร้างให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาระบบรถไฟของประเทศในอนาคต |
|||||||||||||||||||||||||||
| 28157 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 สายบางปะอิน - พยุหะคีรี ตอนบ้านเตาอิฐ - บ้านบางประทุน เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | คค | 25/06/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๒๑ สายทางเลี่ยงเมืองสตูล ตอนบ้านกาเน๊ะ-บ้านนาลาน และเพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๐๕๑ ตอนบ้านนาลาน-บ้านไร่ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๒๑ สายทางเลี่ยงเมืองสตูล ตอนบ้านกาเน๊ะ-บ้านนาลาน และเพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๐๕๑ ตอนบ้านนาลาน-บ้านไร่ ในท้องที่อำเภอสตูล จังหวัดสตูล ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนเพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๒๑ สายทางเลี่ยงเมืองสตูล ตอนบ้านกาเน๊ะ-บ้านนาลาน และขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๐๕๑ ตอนบ้านนาลาน-บ้านไร่ พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าครอบครอง หรือใช้อสังหาริมทรัพย์นั้นตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ได้ ๒. ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๒ สายบางปะอิน-พยุหะคีรี ตอนบ้านเตาอิฐ-บ้านบางประทุน เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๒ สายบางปะอิน-พยุหะคีรี ตอนบ้านเตาอิฐ-บ้านบางประทุน ในท้องที่อำเภอพรหมบุรี และอำเภอเมืองสิงห์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๒ สายบางปะอิน-พยุหะคีรี ตอนบ้านเตาอิฐ-บ้านบางประทุน พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าครอบครอง หรือใช้อสังหาริมทรัพย์นั้นตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28158 | ผลการประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ 7 แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย - มาเลเซีย - ไทย (IMT-GT) | นร11 | 25/06/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ ๗ แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (Indonesia-Malaysia-Thailand Growth Triangle : IMT-GT) เมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๕๖ ณ กรุงบันดาร์เสรีเบกาวัน บรูไนดารุสซาลาม และให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการประชุม ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล) ในฐานะรัฐมนตรีประจำกรอบแผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT) เสนอ โดยสาระสำคัญของการประชุมครั้งนี้ ที่ประชุมได้เห็นชอบเรื่องสำคัญต่าง ๆ เช่น รายงานความก้าวหน้าการดำเนินการแผนงาน IMT-GT ระหว่างปี ๒๕๕๕-๒๕๕๖ ที่เสนอโดยผู้แทนพิเศษของรัฐมนตรีกรอบแผนงาน IMT-GT ของมาเลเซีย ข้อเสนอแนวทางการดำเนินการที่จะสั่งการและเห็นชอบโดยผู้นำ รวมทั้งเห็นชอบแถลงการณ์ร่วมของการประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ ๗ แผนงาน IMT-GT (The Seventh IMT-GT Summit Joint Statement) นอกจากนี้ ยังมีประเด็นหารือและข้อสั่งการเพิ่มเติมต่อรายงานของรัฐมนตรีกรอบแผนงาน IMT-GT โดยในส่วนของนายกรัฐมนตรีไทยได้เสนอประเด็น ดังนี้
๑. เน้นย้ำว่าความก้าวหน้าการดำเนินการโครงการเร่งด่วนเพื่อความเชื่อมโยงในอนุภูมิภาค IMT-GT ได้ช่วยเสริมสร้างความใกล้ชิดระหว่าง IMT-GT และอาเซียน รวมทั้งเสริมสร้างความเชื่อมโยงในอาเซียนเองและความเชื่อมโยงกับภายนอก ๒. เน้นย้ำความสำคัญของการเสริมสร้างบทบาทของมุขมนตรีและผู้ว่าราชการจังหวัดในการเป็นแกนกลางเชื่อมโยงระหว่างรัฐบาลส่วนกลางและองค์กรส่วนท้องถิ่น สภาธุรกิจและภาคีการพัฒนาอื่น ๆ ของ IMT-GT รวมทั้งบทบาทของมุขมนตรีและผู้ว่าราชการจังหวัดในการเป็นผู้เสนอโครงการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐาน และโครงการบูรณาการเชื่อมโยงเศรษฐกิจข้ามแดน ๓. สนับสนุนการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมด้านการเชื่อมโยงทางบก เช่น การบูรณาการการพัฒนาระหว่างด่านสะเดาแห่งใหม่กับด่านบูกิตกายูฮิตัมแห่งใหม่ ด่านบ้านประกอบ-ด่านโกตาปุตรา ด่านและสะพานแห่งใหม่ที่ตากใบ-ตุมปัต สะพานสุไหงโกลก-รันเตาปันยังแห่งที่สอง การเชื่อมโยงทางการขนส่งทางทะเลระหว่างระนอง-ภูเก็ต-กระบี่-ตรัง-ปีนัง-ปอร์ตกลาง-อาเจห์-เบลาวัน การเชื่อมโยงทางอากาศทั้งโดยสายการบินแห่งชาติและสายการบินเอกชน โดยส่งเสริมการใช้ประโยชน์เสรีภาพที่ห้า โดยอินโดนีเซียและมาเลเซียในการบินในจุดบินในประเทศไทยมากขึ้น ๔. เสนอให้ขยายการเชื่อมโยงสายการผลิตเพื่อเพิ่มมูลค่าในระหว่างอนุภูมิภาค ทั้งการเชื่อมโยงบริเวณชายแดน ณ เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน และการเสริมสร้างความเชื่อมโยงตอนใน เช่น โครงการจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช การเชื่อมโยงเมืองยางระหว่างไทยและมาเลเซีย ๕. เน้นย้ำถึงศักยภาพในการเชื่อมโยงด้านการท่องเที่ยวเส้นทางใหม่ ๆ ที่มีสาระเชื่อมโยงกัน (Thematic Routes) เช่น เชื่อมโยงทางวัฒนธรรม วัฒนธรรมภาษา ประวัติศาสตร์ และแสดงความผูกพันในการพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาล ซึ่งสนับสนุนโดยการใช้เทคโนโลยีระดับสูงด้านมาตรฐานฮาลาลและการตรวจสอบย้อนหลัง การส่งเสริมตราผลิตภัณฑ์ฮาลาล IMT-GT และการส่งเสริมด้านการตลาดโดยงานนิทรรศการระหว่างประเทศ การสร้างความเชื่อมโยงสายการผลิตเพื่อมูลค่าด้านฮาลาล การส่งเสริมให้ภาคเอกชนร่วมเป็นหุ้นส่วนธุรกิจ ร่วมลงทุนและร่วมผลิต ๖. เน้นย้ำความสำคัญของการใช้แนวทางใหม่ ๆ เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันของผลิตผลเกษตรและเกษตรแปรรูป โดยเฉพาะยางและปาล์มน้ำมัน ในตลาดระหว่างประเทศ โดยใช้ความร่วมมือด้านการยกระดับและควบคุมคุณภาพสินค้า รวมทั้งเปิดโอกาสการเข้าถึงแหล่งวัตถุดิบเกษตรในอนุภูมิภาคเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงด้านอาหาร ๗. สนับสนุนการจัดตั้งศูนย์ประสานความร่วมมืออนุภูมิภาคแผนงาน IMT-GT (Draft Establishment Agreement of Centre for Indonesia-Malaysia-Thailand Growth Triangle : CIMT) อย่างเป็นทางการ เพื่อให้มีบทบาทสำคัญในการอำนวยความสะดวกและประสานการนำข้อริเริ่มและโครงการต่าง ๆ สู่การปฏิบัติ โดยไทยได้ดำเนินการตามกระบวนการภายในแล้วเสร็จเพื่อให้สามารถลงนามความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์ CIMT แล้ว และหวังที่จะได้รับการสนับสนุนต่อผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้อำนวยการศูนย์ CIMT จากไทย ๘. ชื่นชมต่อการสนับสนุนทางวิชาการโดยธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank : ADB) โดยเฉพาะในโครงการโดดเด่น (Signature Projects) เช่น ข้อริเริ่มเมืองสีเขียว การจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษบริเวณชายแดน การจัดทำฐานข้อมูลด้านการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยว และหวังในความสนับสนุนจาก ADB ในการเสริมสร้างสมรรถนะของศูนย์ CIMT และให้ความช่วยเหลือต่อ IMT-GT ด้านอื่น ๆ ต่อไป โดยเฉพาะในด้านความสัมพันธ์ที่เป็นรูปธรรมกับพันธมิตรการพัฒนา ได้แก่ ญี่ปุ่น องค์กรวิชาการ ได้แก่ สถาบันวิจัยทางเศรษฐกิจสำหรับอาเซียนและเอเชียตะวันออก (ERIA) และพันธมิตรการพัฒนาใหม่ ได้แก่ ภูมิภาคเอเชียใต้และแปซิฟิก ซึ่งได้ผ่านการพิจารณาโดยที่ประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ ๖ โดยขอมอบหมายให้ศูนย์ CIMT สำรวจแนวทางความร่วมมือที่มีศักยภาพกับทั้งพันธมิตรการพัฒนาในปัจจุบันและที่มีศักยภาพในอนาคต |
|||||||||||||||||||||||||||
| 28159 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 59 ทวิ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน) | มท | 25/06/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน เพื่อปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์เป็นการเฉพาะรายให้แก่ผู้ซึ่งครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินอยู่ก่อนและภายหลังวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา ๕๙ ทวิ) ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา โดยให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแก้ไขความในร่างมาตรา ๓ (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา ๕๙ ทวิ วรรค ๒) โดยเพิ่มเติมคำว่า “ถ้ามีความจำเป็น” หน้าความว่า “จะขอออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์...” เพื่อให้เกิดความชัดเจนยิ่งขึ้น ตามข้อสังเกตของนายกรัฐมนตรี แล้วเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕ [เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา ๕๖ ทวิ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน)] โดยจัดเตรียมแนวทางการประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจถึงสิทธิและทางเลือกการดำเนินการตามกฎหมายดังกล่าวในพื้นที่ที่คาดว่าจะมีประชาชนต้องการขอออกโฉนดและหนังสือรับรองการทำประโยชน์เพื่อให้ประชาชนได้เข้าใจและใช้สิทธิตามเจตนารมณ์ของกฎหมายอย่างเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 28160 | ผลการประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัดและเจ้าแขวงชายแดนไทย - ลาว ครั้งที่ 9 | มท | 25/06/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัดและเจ้าแขวงชายแดนไทย-ลาว ครั้งที่ ๙ ณ กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ ๗-๘ มีนาคม ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยแห่งราชอาณาจักรไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงป้องกันความสงบแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ได้ร่วมลงนามในบันทึกการประชุมฯ ซึ่งมีเรื่องต่าง ๆ ที่จะร่วมมือกัน ได้แก่ ๑.๑ ความร่วมมือด้านการรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงตามชายแดน ได้แก่ การป้องกันและแก้ไขปัญหาผู้ลักลอบเข้าเมือง การป้องกันสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดน การปฏิบัติต่อผู้ถูกจับกุมคุมขัง และการแก้ไขปัญหาบุคคลสองสัญชาติ ๑.๒ ความร่วมมือในการดูแลรักษาเส้นเขตแดนและการป้องกันตลิ่ง ได้แก่ ให้จังหวัด-แขวงสนับสนุนการปฏิบัติและปฏิบัติตามผลการประชุมคณะกรรมาธิการสำรวจปักปันเขตแดนร่วมไทย-ลาว และให้จังหวัด-แขวง ร่วมมือกันป้องกันดูแลรักษาตลิ่ง การดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ และการดูดทรายตามแม่น้ำโขงและแม่น้ำเหือง ๑.๓ ความร่วมมือด้านการผ่านแดน ได้แก่ การอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในการเข้า-ออกเมืองตามจุดผ่านแดน และการยกระดับจุดผ่านแดนและการเปิดจุดผ่านแดนเพิ่มเติม ๑.๔ ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ได้แก่ การอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในการเข้า-ออกเมืองตามจุดผ่านแดน การยกระดับจุดผ่านแดนและการเปิดจุดผ่านแดนเพิ่มเติม ๑.๕ ความร่วมมือด้านสังคม ได้แก่ ความร่วมมือด้านแรงงาน โดยเร่งการพิสูจน์สัญชาติแรงงานที่ยังคงเหลือให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระดับจังหวัด-แขวง ๑.๖ ความร่วมมือระหว่างจังหวัดกับแขวง ให้คณะกรรมการรักษาความสงบเรียบร้อยระดับจังหวัด-แขวงที่มีพรมแดนติดกันพบปะหารือกันอย่างต่อเนื่องอย่างน้อยปีละ ๑ ครั้ง ๒. ที่ประชุมฯ สนับสนุนให้มีการแลกเปลี่ยนการเยี่ยมเยือนกันระหว่างคณะเจ้าหน้าที่ระดับสูง และคณะเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการ ๓. ที่ประชุมฯ สนับสนุนให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ราชอาณาจักรไทย และกรมใหญ่ กระทรวงป้องกันความสงบ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จัดการประชุมครั้งต่อไป โดยฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดในห้วงกลางปี ๒๕๕๖
|
|||||||||||||||||||||||||||
.....
