ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1410 จากทั้งหมด 6223 หน้า แสดงรายการที่ 28181 - 28200 จากข้อมูลทั้งหมด 124445 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง  | 
									วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 28181 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นางเลาจนา เชาวนาดิศัย) | สธ | 25/06/2556 | ||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางเลาจนา เชาวนาดิศัย ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์การแพทย์ (ชีววิทยา) (นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ทรงคุณวุฒิ) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๕๖ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ 
											    												    		
  | 
											    |||||||||||||||||||||
| 28182 | การบริหารโครงการลงทุนภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 | กค | 25/06/2556 | ||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ 
											    												    		๑. รับทราบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบการขยายระยะเวลาการดำเนินงานและการเบิกจ่ายเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ (พ.ร.ก.) สำหรับโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ หลังจากปีงบประมาณ ๒๕๕๕ วงเงินประมาณ ๕๘๖.๕๔๑๙ ล้านบาท ๑.๒ รับทราบการขยายระยะเวลาการดำเนินงานและการเบิกจ่ายเงินกู้ พ.ร.ก. สำหรับโครงการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง วงเงิน ๑,๓๖๐.๔๐ ล้านบาท จนกว่าโครงการจะแล้วเสร็จแต่ต้องไม่เกินปีงบประมาณ ๒๕๕๖ ๑.๓ อนุมัติการใช้เงินเหลือจ่าย วงเงิน ๙๗๙.๒๐ ล้านบาท เพื่อเป็นทุนในการดำเนินงานของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองที่จัดตั้งขึ้นใหม่ และรับทราบการขยายระยะเวลาการดำเนินงานและการเบิกจ่ายเงินกู้โครงการดังกล่าวจนกว่าโครงการจะแล้วเสร็จแต่ต้องไม่เกินปีงบประมาณ ๒๕๕๖ ๑.๔ อนุมัติเปลี่ยนแปลงวงเงินของโครงการพัฒนาระบบบริการระดับทุติยภูมิ ค่าก่อสร้างรายการก่อสร้างอาคารผู้ป่วย ๖๐ เตียง เป็นอาคาร คสล. ๒ ชั้น ของโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช กระทรวงสาธารณสุข เป็นวงเงิน ๑๗,๙๕๙,๐๔๓ บาท [เงิน พ.ร.ก. ๑๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท+เงินบำรุงสมทบของโรงพยาบาล ๕,๙๕๙,๐๔๓ บาท (เป็นเงินบำรุงสมทบของโรงพยาบาลตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๓ วงเงิน ๓,๔๐๐,๐๐๐ บาท+ขอใช้เงินบำรุงสมทบของโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นจากวงเงินที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติไว้ จำนวน ๒,๕๕๙,๐๔๓ บาท)] และอนุมัติให้ขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายโครงการภายในเดือนตุลาคม ๒๕๕๖ ๑.๕ อนุมัติเปลี่ยนแปลงวงเงินของโครงการศูนย์ครูใต้จังหวัดยะลา เป็นวงเงิน ๑๔๙.๗๖๔๑ ล้านบาท โดยใช้เงินกู้ภายใต้ พ.ร.ก. วงเงิน ๑๔๒.๐๘๑๐ ล้านบาท และใช้เงินงบประมาณประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๖ ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สมทบ วงเงิน ๗.๖๘๓๑ ล้านบาท โดยให้ สพฐ. ทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ และอนุมัติให้ขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายโครงการศูนย์ครูใต้จังหวัดยะลาและจังหวัดนราธิวาส วงเงินรวม ๒๕๔.๗๓๐๗ ล้านบาท ให้สามารถดำเนินโครงการและเบิกจ่ายเงินให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม ๒๕๕๗ ๑.๖ อนุมัติจัดสรรเงินสำรองจ่ายภายใต้ พ.ร.ก. ให้แก่ โครงการพัฒนาครูทั้งระบบ ค่าก่อสร้างโรงอาหาร-หอประชุม แบบ ๑๐๑ล/๒๗ พิเศษ ของโรงเรียนมัธยมวานรนิวาส สพฐ. กระทรวงศึกษาธิการ วงเงิน ๑๑,๒๖๙,๙๐๐ บาท และอนุมัติขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ๑.๗ อนุมัติจัดสรรเงินสำรองจ่าย วงเงิน ๓๓๒,๔๓๙,๕๔๑.๑๙ บาท ประกอบด้วย ๑.๗.๑ เงินชดเชยค่างานสิ่งก่อสร้างตามสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) วงเงิน ๓๒๕,๓๒๖,๐๖๓.๙๑ บาท สำหรับกรมทางหลวง วงเงิน ๓๐๗,๖๘๖,๔๐๔.๐๐ บาท กรมทางหลวงชนบท วงเงิน ๒,๖๓๕,๖๒๖.๐๐ บาท มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี วงเงิน ๖๓๐,๕๘๖.๙๘ บาท มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี วงเงิน ๒,๐๒๐,๐๘๑.๙๐ บาท สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข วงเงิน ๒,๑๕๗,๔๑๕.๐๐ บาท กรมการแพทย์ วงเงิน ๑,๐๓๘,๙๗๒.๐๐ บาท มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม วงเงิน ๑,๑๗๖,๘๖๕.๙๗ บาท กรมการขนส่งทางบก ๗๖๗,๔๘๖.๐๐ บาท และกรมโยธาธิการและผังเมือง วงเงิน ๗,๒๑๒,๖๒๖.๐๖ บาท ๑.๗.๒ การคืนเงินค่าปรับให้แก่ผู้ประกอบการก่อสร้าง วงเงิน ๖๐๙,๗๗๔.๔๐ บาท สำหรับจังหวัดสิงห์บุรี วงเงิน ๓๗๔,๗๗๕.๐๐ บาท และจังหวัดตราด วงเงิน ๒๓๔,๙๙๙.๔๐ บาท ๑.๗.๓ สัญญาที่มีปริมาณงานเพิ่มขึ้น วงเงิน ๖,๕๐๓,๗๐๒.๘๘ บาท สำหรับกรมชลประทาน วงเงิน ๖,๕๐๓,๗๐๒.๘๘ บาท ๑.๘ อนุมัติการลงนามในสัญญาภายหลังเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ โดยให้สัตยาบันการลงนามในสัญญาของวิทยาลัยการอาชีพสุไหงโก-ลกที่ได้ลงนามสัญญาแล้ว และอนุมัติยกเลิกการดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารศูนย์วิทยบริการที่ยังไม่มีผลการจัดซื้อจัดจ้าง จำนวน ๖ แห่ง วงเงิน ๕๔.๖๐ ล้านบาท ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ๒. ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) รับไปพิจารณาดำเนินการร่วมกับรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายวราเทพ รัตนากร) สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อประเมินผลการดำเนินโครงการลงทุนภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ (แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕) ในภาพรวมให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน  | 
											    |||||||||||||||||||||
| 28183 | ร่างสารเพิ่มจำนวนภาคีสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยราชอาณาจักรนอร์เวย์ | กต | 25/06/2556 | ||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ 
											    												    		๑. เห็นชอบร่างสารเพิ่มจำนวนภาคีสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยราชอาณาจักรนอร์เวย์ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของประเทศสมาชิกอาเซียนจะลงนามร่วมกันในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ ๔๖ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๒๗ มิถุนายน-๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ณ บันดาร์เสรีเบกาวัน บรูไนดารุสซาลาม ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามสารเพิ่มจำนวนภาคีสนธิสัญญาฯ ร่วมกับประเทศสมาชิกอาเซียน อีก ๙ ประเทศ ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างเอกสารดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก  | 
											    |||||||||||||||||||||
| 28184 | รายงานดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศและรายงานการวิเคราะห์ภาวะราคาสินค้าและเศรษฐกิจของไทยเดือนพฤษภาคม 2556 | พณ | 25/06/2556 | ||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศและรายงานการวิเคราะห์ภาวะราคาสินค้าและเศรษฐกิจของไทยเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้ 
											    												    		๑. ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๖ เทียบกับเดือนเมษายน ๒๕๕๖ สูงขึ้นร้อยละ ๐.๒๔ จากการสูงขึ้นของดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้นร้อยละ ๐.๘๗ สาเหตุจากการสูงขึ้นของราคาหมวดผักและผลไม้ ร้อยละ ๔.๓๙ โดยเฉพาะหมวดผักสด ดัชนีสูงขึ้นร้อยละ ๘.๓๗ และหมวดผลไม้สด สูงขึ้นร้อยละ ๐.๙๒ และสินค้าอื่น ๆ ที่มีราคาสูงขึ้น ได้แก่ หมวดไข่ ดัชนีสูงขึ้นร้อยละ ๘.๗๙ หมวดเนื้อสัตว์ เป็ดไก่ และสัตว์น้ำ ดัชนีสูงขึ้นร้อยละ ๐.๖๐ หมวดข้าว แป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้ง สูงขึ้นร้อยละ ๐.๒๐ หมวดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ดัชนีสูงขึ้นร้อยละ ๐.๑๗ หมวดอาหารสำเร็จรูป สูงขึ้นร้อยละ ๐.๑๖ สำหรับดัชนีราคาหมวดอื่น ๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ลดลงร้อยละ ๐.๑๐ จากการลดลงของหมวดเคหสถาน ร้อยละ ๐.๒๑ หมวดน้ำมันเชื้อเพลิง ลดลงร้อยละ ๐.๓๕ หมวดการบันเทิงและการอ่าน ลดลงร้อยละ ๐.๒๗ ๒. ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๖ เท่ากับ ๑๐๒.๙๘ เทียบกับเดือนเมษายน ๒๕๕๖ สูงขึ้นร้อยละ ๐.๐๕ จากการสูงขึ้นของราคาสินค้าและบริการ ได้แก่ หมวดเครื่องนุ่งห่มและรองเท้า หมวดการตรวจรักษาและบริการส่วนบุคคล สำหรับสินค้าและบริการที่ราคาลดลง ได้แก่ หมวดค่าใช้จ่ายในการเดินทางโอกาสพิเศษและท่องเที่ยว 
  | 
											    |||||||||||||||||||||
| 28185 | ขอความเห็นชอบร่างถ้อยแถลงการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศลุ่มน้ำโขงกับประเทศหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา (ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี สหรัฐอเมริกา) | กต | 25/06/2556 | ||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ 
											    												    		๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างถ้อยแถลง จำนวน ๔ ฉบับ ได้แก่ ๑.๑.๑ ร่างถ้อยแถลงของประธานการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ครั้งที่ ๖ เป็นการยืนยันเจตนารมณ์ที่จะลดช่องว่างการพัฒนาบนพื้นฐานของยุทธศาสตร์กรุงโตเกียว ค.ศ. ๒๐๑๒ และแผนปฏิบัติการกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น รวมทั้งการขยายความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและส่งเสริมการติดต่อของประชาชน ๑.๑.๒ ร่างถ้อยแถลงของประธานร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ ๓ ยืนยันเจตนารมณ์ที่จะขยายความเชื่อมโยงทางกายภาพ กฎระเบียบ และการติดต่อระหว่างประชาชนในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง รับทราบความคืบหน้าของโครงการนำร่อง ส่งเสริมการติดต่อแลกเปลี่ยนของภาคเอกชนผ่านการประชุม Mekong-ROK Business Forum และกิจกรรมทางวัฒนธรรม รวมทั้งแสดงความยินดีที่มีการตั้งกองทุน Mekong-ROK Cooperation Fund ๑.๑.๓ ร่างถ้อยแถลงของการประชุมรัฐมนตรีข้อริเริ่มลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ครั้งที่ ๖ รับรองการตั้งคณะผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญ (Eminent and Expert Persons Group) เพื่อให้คำแนะนำทางยุทธศาสตร์แก่ประเทศสมาชิก เน้นย้ำการประสานงานกับอาเซียน เห็นชอบโครงการในสาขาความร่วมมือต่าง ๆ เช่น การป้องกันโรคมาลาเรียข้ามแดนในภูมิภาค การสอนภาษาอังกฤษ การแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติที่ดีเลิศในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งเห็นชอบร่างแผนปฏิบัติการสาขาการเกษตรและความมั่นคงทางอาหาร และสาขาความมั่นคงทางพลังงาน ๑.๑.๔ ร่างถ้อยแถลงของการประชุมรัฐมนตรีมิตรของประเทศลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ครั้งที่ ๓ เน้นย้ำความสำคัญของการประสานระหว่างประเทศผู้ให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศลุ่มน้ำโขงเพื่อเลี่ยงความซ้ำซ้อนและพิจารณาความเป็นไปได้ที่จะร่วมมือกัน โดยให้ความสำคัญแก่อาเซียน และกล่าวถึงความร่วมมือในสาขาสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรน้ำ ซึ่งเป็นประเด็นเร่งด่วนของภูมิภาคโดยแนะนำให้ร่วมมือกับคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (Mekong River Commission : MRC) ๑.๒ ให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนร่วมรับรองร่างเอกสารดังกล่าว ๑.๓ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขเอกสารดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับการปรับแก้ถ้อยคำและข้อความ รวมทั้งจัดลำดับเนื้อหาในร่างถ้อยแถลงของการประชุมรัฐมนตรีข้อริเริ่มลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ครั้งที่ ๖ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย  | 
											    |||||||||||||||||||||
| 28186 | การจัดทำแผนปฏิบัติการร่วมระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐตุรกี ฉบับที่ 1 (ปี 2556 - 2561) | กต | 25/06/2556 | ||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ 
											    												    		๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการต่อร่างแผนปฏิบัติการร่วมระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐตุรกี ฉบับที่ ๑ (ปี ๒๕๕๖-๒๕๖๑) โดยแผนปฏิบัติการร่วมฯ ถือเป็นกรอบแนวทางการดำเนินความสัมพันธ์และความร่วมมือในมิติต่าง ๆ ที่ทั้งสองประเทศมีความสนใจร่วมกันภายในระยะเวลา ๕ ปี คือ ระหว่างปี ๒๕๕๖-๒๕๖๑ โดยจัดทำเป็นภาษาอังกฤษเพื่อลงนามร่วมกัน ทั้งนี้ เนื้อหาของแผนปฏิบัติการร่วมฯ แบ่งออกเป็น ๔ หมวด ได้แก่ การเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับกลไกเชื่อมโยงที่มีอยู่แล้วทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน การส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจทวิภาคี การส่งเสริมความร่วมมือทวิภาคีในสาขาอื่น ๆ ที่ทั้งสองฝ่ายมีความสนใจร่วมกัน ได้แก่ การท่องเที่ยวและวัฒนธรรม การสื่อสารและสารสนเทศ การศึกษาและวิชาการ การป้องกันประเทศ และการทหาร รวมทั้งการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในประเด็นระหว่างประเทศ ๑.๒ อนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามแผนปฏิบัติการร่วมฯ ๑.๓ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างแผนปฏิบัติการร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับข้อสังเกตเพิ่มเติมของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเกี่ยวกับถ้อยคำในเอกสารร่างแผนปฏิบัติการร่วมฯ ฉบับแปล มีบางประการที่อาจไม่สอดคล้องกับถ้อยคำในเอกสารต้นฉบับภาษาอังกฤษ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย  | 
											    |||||||||||||||||||||
| 28187 | ขออนุมัติร่างถ้อยแถลงร่วมของการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม | กต | 25/06/2556 | ||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ 
											    												    		๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วม (Joint Statement) การเยือนไทยอย่างเป็นทางการของนายเหวียน ฝู จ่อง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ระหว่างวันที่ ๒๕-๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๖ โดยเอกสารถ้อยแถลงร่วมฯ มีสาระสำคัญเพื่อเป็นการยืนยันเจตนารมณ์ร่วมของไทยและเวียดนามในการกระชับความสัมพันธ์ในทุก ๆ ด้าน เพื่อส่งเสริมความร่วมมือและมิตรภาพระหว่างกัน เพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศ และเพื่อสันติภาพและความมั่นคงของภูมิภาคและระหว่างประเทศโดยรวม ซึ่งเป็นการยกระดับความสัมพันธ์ไทย-เวียดนามเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ จะเปิดโอกาสให้มีการร่วมกันแสวงหาและเพิ่มความร่วมมือในทุก ๆ ด้าน เพื่อประโยชน์ของประชาชนของทั้งสองประเทศ เพื่อการพัฒนาของภูมิภาค และส่งเสริมการเตรียมความพร้อมเพื่อก้าวสู่การเป็นประชาคมอาเซียนในสาขาความร่วมมือต่าง ๆ ๑.๒ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างถ้อยแถลงร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญก่อนมีการเผยแพร่ ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงอุตสาหกรรมเกี่ยวกับการระบุประเด็นเรื่องการเพิ่มพูนความร่วมมือในการดำเนินมาตรการต่าง ๆ เพื่อปกป้องทรัพยากรน้ำระหว่างประเทศ และการส่งเสริมให้มีการจัดทำวิจัยเรื่องการใช้น้ำอย่างยั่งยืนในแม่น้ำโขงในร่างถ้อยแถลงร่วมฯ ซึ่งเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อนและอาจกระทบถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จึงเห็นควรหลีกเลี่ยงข้อความดังกล่าว นอกจากนี้ ร่างถ้อยแถลงร่วมฯ ยังระบุถึงการคำนึงถึงเป้าหมายเพื่อสร้างโอกาสในการขยายความร่วมมือให้แน่นแฟ้น เพื่อประโยชน์ร่วมกันของประชาชนของทั้งสองประเทศ รวมทั้งเพื่อประโยชน์ต่อการสร้างประชาคมอาเซียนที่เข้มแข็งและเป็นเอกภาพ โดยกล่าวถึงด้านเศรษฐกิจในประเด็นที่ ๓ คือ (iii) On economic cooperation : to promote cooperation in trade, investment, agriculture, energy, telecommunications, information technology and transport. เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายตามพิมพ์เขียว ASEAN Economic Community : AEC (AEC Blueprint) จึงเห็นควรเพิ่มเติม “production network” ในประโยคดังนี้ (iii) On economic cooperation : to promote cooperation in trade, investment, production network,… ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย  | 
											    |||||||||||||||||||||
| 28188 | บันทึกความเข้าใจว่าด้วยโครงการพัฒนาโรงพยาบาลเมืองโพนโฮง | กต | 25/06/2556 | ||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ 
											    												    		๑. อนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยโครงการพัฒนาโรงพยาบาลเมืองโพนโฮงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับการสนับสนุนการก่อสร้างศูนย์บำบัดและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด และศูนย์รองรับผู้ป่วยอุบัติเหตุเบื้องต้นและส่งต่อ และระบุถึงการยกเว้นภาษีหรืออากรทั้งปวงที่เกี่ยวข้องกับวัสดุและอุปกรณ์ที่นำเข้าไปใน สปป.ลาว เพื่อดำเนินกิจกรรมภายใต้บันทึกความเข้าใจฉบับนี้ ๑.๒ ให้ผู้อำนวยการสำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยโครงการพัฒนาโรงพยาบาลเมืองโพนโฮง ๑.๓ หากมีความจำเป็นต้องปรับแก้ถ้อยคำในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขที่เห็นควรให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดหนองคายเป็นหน่วยงานในการดำเนินโครงการพัฒนาโรงพยาบาลเมืองโพนโฮงฝ่ายไทย เพื่อให้การดำเนินงานโครงการฯ บรรลุวัตถุประสงค์ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ส่วนงบประมาณค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการฯ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของกระทรวงการต่างประเทศ รายการเงินอุดหนุนการให้ความช่วยเหลือและความร่วมมือทางด้านวิชาการและเศรษฐกิจแก่ต่างประเทศ ตามความจำเป็นและเหมาะสม ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ  | 
											    |||||||||||||||||||||
| 28189 | การลงนามบันทึกความเข้าใจเรื่องความร่วมมือระหว่างกระทรวงเศรษฐกิจแห่งสาธารณรัฐโปแลนด์กับกระทรวงพาณิชย์แห่งราชอาณาจักรไทย | พณ | 25/06/2556 | ||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ 
											    												    		๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจเรื่องความร่วมมือระหว่างกระทรวงเศรษฐกิจแห่งสาธารณรัฐโปแลนด์กับกระทรวงพาณิชย์แห่งราชอาณาจักรไทย มีสาระสำคัญเพื่อมุ่งเน้นให้เกิดการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจ โดยกำหนดให้ดำเนินการเกี่ยวกับการส่งเสริมความร่วมมือในสาขาที่ผู้ประกอบการทั้งสองประเทศมีความสนใจร่วมกัน พัฒนารูปแบบการแลกเปลี่ยนข้อมูลให้ทันสมัยและสนับสนุนให้ติดต่อประสานโดยตรงระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่งเสริมให้จัดงานแสดงสินค้าระดับชาติและนานาชาติ การประชุมทางเศรษฐกิจ งานสัมมนาและการแสดง รวมถึงการสนับสนุนให้มีการแลกเปลี่ยนการปฏิบัติภารกิจทางเศรษฐกิจต่าง ๆ รวมทั้งการแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจระหว่างกัน และจัดให้มีการพบหารือในระดับรัฐมนตรีอย่างสม่ำเสมอโดยสลับกันเป็นเจ้าภาพ ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกฯ หรือหากติดภารกิจขอให้มอบผู้อื่นลงนามแทนต่อไป และหากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงเอกสารที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรปรับถ้อยคำบางประการในร่างบันทึกความเข้าใจฯ และควรให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้าในสาขาที่สาธารณรัฐโปแลนด์มีความเชี่ยวชาญและเป็นสาขาที่ผู้ประกอบการไทยมีศักยภาพ ได้แก่ สาขาอาหาร เทคโนโลยีชีวภาพ การแพทย์ การบิน ยานยนต์ เป็นต้น เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนและการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมร่วมกัน รวมทั้งการแก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้าระหว่างกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย  | 
											    |||||||||||||||||||||
| 28190 | การแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรม | สธ | 25/06/2556 | ||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ 
											    												    		๑. อนุมัติแต่งตั้งพลเอกสหชาติ พิพิธกุล เป็นกรรมการในคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรม ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ (๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๖) และให้มีวาระเท่ากับระยะเวลาที่เหลืออยู่ของคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรมที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งเมื่อวันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๕๕ ๒. อนุมัติให้คณะกรรมการองค์การเภสัชกรรม มีจำนวนเกินกว่า ๑๑ คน แต่ไม่เกิน ๑๕ คน ตามพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๑๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา ๖ 
  | 
											    |||||||||||||||||||||
| 28191 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) | กค | 25/06/2556 | ||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ขยายเวลาการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลที่มีปริมาณกำมะถันไม่เกินร้อยละ ๐.๐๐๕ โดยน้ำหนัก ในอัตราภาษี ๐.๐๐๕ บาทต่อลิตร และน้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันผสมอยู่ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๔ ในอัตราภาษี ๐.๐๐๕ บาทต่อลิตร ออกไปอีก ๑ เดือน คือ ตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ 
											    												    		
  | 
											    |||||||||||||||||||||
| 28192 | การยกเว้นอากรขาเข้าสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่นำเข้ามาแสดงและจำหน่ายในงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับไทย | กค | 25/06/2556 | ||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ 
											    												    		๑. เห็นชอบร่างประกาศ จำนวน ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่นำเข้ามาแสดงและจำหน่ายในงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับไทย มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้สินค้าอัญมณีและเครื่องประดับตามประเภทย่อย ๗๐๑๘.๑๐.๐๐ และสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับในตอนที่ ๗๑ ในภาค ๒ แห่งพิกัดอัตราศุลกากรท้ายพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๕๕ ที่นำเข้าคลังสินค้าทัณฑ์บนและเขตปลอดอากรตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร หรือเขตประกอบการเสรีตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย แล้วนำออกไปเพื่อแสดงในงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับไทยที่จัดโดยความร่วมมือระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และสมาพันธ์อัญมณี เครื่องประดับ และโลหะมีค่าแห่งประเทศไทย และของนั้นได้จำหน่ายในงานแสดงสินค้าดังกล่าวให้ได้รับการยกเว้นอากร โดยผู้นำของเข้ามาแสดงและจำหน่ายดังกล่าวต้องปฏิบัติตามระเบียบและพิธีการที่กรมศุลกากรกำหนด ๑.๒ ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกำหนดให้ของได้รับยกเว้นจากบทบังคับตามความในมาตรา ๑๐ แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ (ฉบับที่ ..) มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้สินค้าอัญมณีและเครื่องประดับตามประเภทย่อย ๗๐๑๘.๑๐.๐๐ และสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับในตอนที่ ๗๑ ในภาค ๒ แห่งพิกัดอัตราศุลกากรท้ายพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๕๕ ที่ได้รับการยกเว้นอากรเนื่องจากนำเข้ามาพร้อมกับตนหรือนำเข้ามาเป็นการชั่วคราวตามภาค ๔ ประเภทที่ ๓ (ฉ) แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ และได้จำหน่ายในงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับไทยที่จัดโดยความร่วมมือระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และสมาพันธ์อัญมณี เครื่องประดับ และโลหะมีค่าแห่งประเทศไทย และของนั้นได้จำหน่ายในงานแสดงสินค้าดังกล่าวให้ได้รับยกเว้นจากบทบังคับตามความในมาตรา ๑๐ พระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ ทั้งนี้ ต้องนำเข้าโดยผู้เข้าร่วมแสดงสินค้า และนำเข้าได้เฉพาะท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานดอนเมือง ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการประเมินผลความคุ้มค่าและผลกระทบจากการดำเนินงานตามมาตรการดังกล่าวในช่วงปีแรก เพื่อพิจารณาปรับปรุงมาตรการให้เอื้อต่ออุตสาหกรรมและสามารถสร้างประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย  | 
											    |||||||||||||||||||||
| 28193 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (จำนวน 3 คน 1. นายกฤษดา มาลีวงศ์ ฯลฯ) | กค | 25/06/2556 | ||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์แทนกรรมการอื่นที่ขอลาออก จำนวน ๒ คน และเป็นกรรมการอื่นเพิ่มเติมอีก จำนวน ๑ คน เพื่อให้คณะกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ครบจำนวนตามกฎหมายกำหนด ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ 
											    												    		๑. นายกฤษดา มาลีวงศ์ กรรมการอื่น แทนนายบรรพต ตั้งศัตยาภิรมย์ ๒. ผู้ช่วยศาสตราจารย์สมบัติ อยู่เมือง กรรมการอื่น แทนนายศุภสิทธิ์ ศิริศักดิ์ ๓. นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง กรรมการอื่นเพิ่มเติม ทั้งนี้ นายกฤษดา มาลีวงศ์ และผู้ช่วยศาสตราจารย์สมบัติ อยู่เมือง ให้มีผลตั้งแต่วันที่ผู้ซึ่งตนแทนลาออก คือวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๖ เป็นต้น โดยให้ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งดำรงตำแหน่งแทนอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งตนแทน สำหรับนายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ (๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๖) เป็นต้นไป โดยมีวาระเท่ากับระยะเวลาที่เหลืออยู่ของคณะกรรมการที่คณะรัฐมนตรีได้แต่งตั้งไว้แล้ว เมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๔ 
  | 
											    |||||||||||||||||||||
| 28194 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายสุทธิชัย สังขมณี และนายราฆพ ศรีศุภอรรถ) | กค | 25/06/2556 | ||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ 
											    												    		๑. นายสุทธิชัย สังขมณี ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวงสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายราฆพ ศรีศุภอรรถ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวงสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง 
  | 
											    |||||||||||||||||||||
| 28195 | การปรับปรุงแนวทางการขยายความคุ้มครองประกันสังคมแรงงานนอกระบบ | รง | 25/06/2556 | ||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ  
											    												    		๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายเงินสมทบประเภทของประโยชน์ทดแทน ตลอดจนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขแห่งสิทธิในการรับประโยชน์ทดแทนของบุคคลซึ่งสมัครเป็นผู้ประกันตน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้ประสานกับกระทรวงแรงงานและกระทรวงการคลังเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของระเบียบและกฏหมายที่เกี่ยวข้อง แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง โดยร่างพระราชกฤษฎีกาฯ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายเงินสมทบ ประเภทของประโยชน์ทดแทน ตลอดจนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขแห่งสิทธิในการรับประโยชน์ทดแทนของบุคคลซึ่งสมัครเป็นผู้ประกันตน พ.ศ. ๒๕๕๔ ดังต่อไปนี้ ๑.๑ กำหนดบทนิยามคำว่า "เงินบำเหน็จชราภาพ" และ "เงินบำนาญชราภาพ" ระหว่างบทนิยามคำว่า "เงินสมทบ" และคำว่า "สำนักงาน" ๑.๒ เพิ่มเติมการจ่ายเงินสมทบเพื่อประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ ๑.๓ ผู้ประกันตนเลือกจ่ายเงินเพื่อรับประโยชน์ทดแทนได้ ๑.๔ แก้ไขเพิ่มเติมให้ผู้ประกันตนหรือบุคคลอื่นใดที่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนตามมาตรา ๘/๑ ขอรับประโยชน์ทดแทนได้ ๑.๕ แก้ไขเพิ่มเติมเงินทดแทนขาดรายได้กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ๑.๖ แก้ไขเพิ่มเติมการจ่ายเงินสมทบเพื่อประโยชน์ทดแทนกรณีตาย ๑.๗ แก้ไขเพิ่มเติมให้ผู้ประกันตนที่เลือกสิทธิประโยชน์ตามมาตรา ๘/๑ ได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพเป็นเงินบำนาญชราภาพ ๑.๘ แก้ไขเพิ่มเติมให้ผู้ประกันตนตามมาตรา ๘/๑ ได้รับบำนาญตลอดชีวิต และการคำนวณเงินบำนาญชราภาพให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขและอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวง ๑.๙ แก้ไขเพิ่มเติมโดยกำหนดอัตราเงินสมทบระยะเริ่มแรกที่ผู้ประกันตนที่มีสิทธิประโยชน์ตามมาตรา ๘/๑ จะต้องจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุน ๑.๑๐ แก้ไขเพิ่มเติมให้ผู้ที่มีอายุหกสิบปีบริบูรณ์ขึ้นไปสามารถสมัครเป็นผู้ประกันตนได้ ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการจ่ายเงินสิทธิประโยชน์กรณีบำนาญชราภาพให้แก่ผู้ประกันตน (มาตรา ๔๐) เห็นควรให้ใช้หลักเกณฑ์เดียวกับผู้ประกันตน มาตรา ๓๓ และมาตรา ๓๙ และควรให้ความสำคัญกับการเร่งสร้างวินัยในการจ่ายเงินสมทบของผู้ประกันตนอย่างต่อเนื่องควบคู่กับการพัฒนากระบวนการขอรับสิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตนแรงงานนอกระบบให้มีความสะดวก รวดเร็ว เพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจให้กับแรงงานนอกระบบเข้าสู่ระบบประกันสังคมมากขึ้น รวมทั้งพัฒนาระบบฐานข้อมูลแรงงานนอกระบบให้มีความชัดเจนและพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงสถานะของผู้ประกันตนจากแรงงานนอกระบบเป็นแรงงานในระบบเพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนในการจ่ายเงินสมทบของภาครัฐ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย  | 
											    |||||||||||||||||||||
| 28196 | แต่งตั้งคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (จำนวน 22 ราย 1. นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ ฯลฯ) | วท | 25/06/2556 | ||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ จำนวน ๒๒ คน โดยเป็นผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๑๑ คน และผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งมิใช่ข้าราชการ จำนวน ๑๑ คน ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ดังนี้ 
											    												    		๑. ผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๑๑ คน ๑.๑ นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ ๑.๒ นายอำพน กิตติอำพน ๑.๓ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ ๑.๔ นายวรวิทย์ จำปีรัตน์ ๑.๕ นายอัชพร จารุจินดา ๑.๖ นพ.วิษณุ ธรรมลิขิตกุล ๑.๗ นพ.สุทธิพันธ์ จิตพิมลมาศ ๑.๘ นายศักรินทร์ ภูมิรัตน ๑.๙ นพ.นิพนธ์ โพธิ์พัฒนชัย ๑.๑๐ รศ.ดร.วุฒิชัย กปิลกาญจน์ ๑.๑๑ นายขวัญชัย วงศ์นิติกร ๒. ผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งมิใช่ข้าราชการ จำนวน ๑๑ คน ๒.๑ นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ๒.๒ นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ๒.๓ นายชาติศิริ โสภณพนิช ๒.๔ นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ๒.๕ นายสุเมธ ตันติเวชกุล ๒.๖ นายพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา ๒.๗ นายกานต์ ตระกูลฮุน ๒.๘ นายวีระชัย เชาว์ชาญกิจ ๒.๙ นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ๒.๑๐ นายทรงศักดิ์ เปรมสุข ๒.๑๑ รศ.ดร.ภก.นิจศิริ เรืองรังษี 
  | 
											    |||||||||||||||||||||
| 28197 | ผลการประชุมเต็มคณะของ FATF ณ กรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์ | ปง | 25/06/2556 | ||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมรายงานผลการประชุมเต็มคณะของ Financial Action Task Force (FATF) ณ กรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์ ระหว่างวันที่ ๑๗-๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๖ โดยมีพลตำรวจเอกประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และพันตำรวจเอกสีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เดินทางไปร่วมการประชุมเพื่อชี้แจงความคืบหน้าในการปรับปรุงระบบการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย (AML/CFT) ของประเทศไทย โดยเมื่อวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๖ ที่ประชุมได้รับรองผลการตรวจประเมินระบบ AML/CFT ของประเทศไทย และมีมติถอดรายชื่อประเทศไทยออกจาก Public Statement อย่างสมบูรณ์ โดยในเอกสารชื่อ Improving Global AML/CFT Compliance : On-going process ที่ประชุม FATF ได้กล่าวถึงประเทศไทยความว่า “FATF มีความยินดีต่อความก้าวหน้าครั้งสำคัญของประเทศไทยในการปรับปรุงระบบ AML/CFT และรับทราบว่าประเทศไทยได้จัดตั้งกรอบทางกฎหมายและการกำกับดูแลเพื่อบรรลุพันธกิจตามแผนปฏิบัติการที่มุ่งขจัดข้อบกพร่องเชิงยุทธศาสตร์ที่ FATF ได้ระบุไว้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ ดังนั้น ประเทศไทยไม่อยู่ในกระบวนการติดตามความก้าวหน้าของ FATF อีกต่อไป ประเทศไทยจะยังคงร่วมงานกับ APG ในการแก้ไขข้อบกพร่องด้าน AML/CFT ส่วนที่เหลืออยู่ตามที่ระบุไว้ใน Mutual Evaluation Report” 
											    												    		
  | 
											    |||||||||||||||||||||
| 28198 | แนวทางการพิจารณาการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร | 25/06/2556 | |||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการพิจารณาการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันจันทร์ที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๖ ซึ่งให้เสนอสรุปการดำเนินการในพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ในเขตพระนคร ป้อมปราบศัตรูพ่าย และดุสิต กรุงเทพมหานคร ในห้วงวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน-๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ไปยังสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วนต่อไป ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ 
											    												    		
  | 
											    |||||||||||||||||||||
| 28199 | สรุปการดำเนินการในพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ในเขตพระนคร ป้อมปราบศัตรูพ่ายและดุสิต กรุงเทพมหานคร ในห้วงวันที่ 22 พฤศจิกายน - 30 พฤศจิกายน 2555 | นร04 | 25/06/2556 | ||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการพิจารณาการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๖ ซึ่งให้เสนอสรุปการดำเนินการในพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักรในเขตพระนคร ป้อมปราบศัตรูพ่าย และดุสิต กรุงเทพมหานคร ในห้วงวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน-๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ไปยังสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วนต่อไป 
											    												    		
  | 
											    |||||||||||||||||||||
| 28200 | การประชุมคณะรัฐมนตรีในเดือนกรกฎาคม 2556 | นร | 25/06/2556 | ||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอว่า เนื่องจากในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๖ จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ณ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในระหว่างวันพฤหัสบดีที่ ๑๘-วันศุกร์ที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ดังนั้น ในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๖ จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรีตามปกติ ณ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล เฉพาะในวันอังคารที่ ๒, ๙ และ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๖ เท่านั้น 
											    												    		
  | 
											    |||||||||||||||||||||
					.....
									
			