ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1406 จากทั้งหมด 6223 หน้า แสดงรายการที่ 28101 - 28120 จากข้อมูลทั้งหมด 124445 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 28101 | รายงานความคืบหน้าในการยุบเลิกบริษัท ส่งเสริมธุรกิจเกษตรกรไทย จำกัด (ครั้งที่ 7) | กษ | 02/07/2556 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานความคืบหน้าในการยุบเลิกบริษัท ส่งเสริมธุรกิจเกษตรกรไทย จำกัด (สธท.) (ครั้งที่ ๗) โดยคณะกรรมการผู้ชำระบัญชีและจำหน่ายกิจการ สธท. ได้มีการประชุมระหว่างวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๕๓ ถึงวันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๕๖ รวม ๑๕ ครั้ง มีผลการดำเนินงานที่สำคัญ ดังนี้
๑. การกำหนดแผนการดำเนินงานในการชำระบัญชี โดยกำหนดชำระบัญชีให้เสร็จสิ้นภายในเดือนกันยายน ๒๕๕๖ ซึ่งต่อมาคณะกรรมการผู้ชำระบัญชีและจำหน่ายกิจการ สธท. เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาชำระบัญชีจากเดิมเป็นเสร็จสิ้นภายในธันวาคม ๒๕๕๖ ๒. การอนุมัติหลักเกณฑ์ในการชำระหนี้คืนของเกษตรกรผู้ลักลอบขายโค โดยคำนึงถึงความเป็นธรรมกับเกษตรกรที่มีการชำระหนี้ไปแล้วและอยู่ระหว่างการชำระหนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการดำเนินคดีต่อเกษตรกรซึ่งจะมีผลกระทบทางจิตวิทยาต่อการดำเนินงานของรัฐบาลในโอกาสต่อไป โดยมีแนวทางการดำเนินการใน ๓ ลักษณะ ได้แก่ การอนุมัติให้เกษตรกรชำระหนี้ค่าโคไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๕๐ ของมูลค่าโค ทั้งนี้เป็นกรณีทั่วไป การอนุมัติให้เกษตรกรชำระหนี้ค่าโคได้เป็นกรณีพิเศษในอัตราร้อยละ ๒๐ แต่ไม่ถึงร้อยละ ๕๐ ของมูลค่าโค โดยมีเงื่อนไขว่า เกษตรกรต้องชำระหนี้ภายในเวลาที่คณะกรรมการกำหนดให้แล้วแต่กรณี ซึ่งรวมถึงการอนุมัติในหลักการในการดำเนินการมาตรการจูงใจให้เกษตรกรที่ลักลอบขายโคชำระคืนค่าโคในอัตราร้อยละ ๓๐ และการอนุมัติตัดจำหน่ายหนี้สูญแก่เกษตรกรที่ไม่สามารถชำระหนี้ได้เพราะมีเหตุสุดวิสัยจำเป็น ๓. การเห็นชอบในหลักการให้ สธท. ดำเนินคดีกับเกษตรกรผู้ลักลอบขายโคและมีเจตนาบิดพลิ้วไม่ชำระหนี้ ทั้งนี้ โดยให้พิจารณาเกี่ยวกับผลกระทบและความคุ้มค่าในการดำเนินการ เช่น มูลค่าหนี้ ค่าใช้จ่ายและระยะเวลาในการฟ้องร้อง ๔. ผลการดำเนินงานเกี่ยวกับโคในโครงการส่งเสริมการเลี้ยงโคเนื้อล้านครอบครัว ณ วันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๖ จากจำนวนโคทั้งหมดในโครงการฯ ๒๑,๖๘๔ ตัว จำแนกเป็น โคปกติซึ่งจำหน่ายเสร็จสิ้นแล้ว จำนวน ๙,๕๓๕ ตัว โคเหตุผิดปกติ อาทิ โคตาย โคสูญหาย โคนำไปแลกเปลี่ยน ฯลฯ จำนวน ๔๓๙ ตัว ซึ่งได้ดำเนินการตัดจำหน่ายจากบัญชีไปแล้วทั้งหมด และโคที่เกษตรกรลักลอบขาย จำนวน ๑๑,๗๑๐ ตัว เกษตรกรได้มาชำระหนี้คืนตามหลักเกณฑ์ และคณะกรรมการอนุมัติตัดจำหน่ายหนี้ไปแล้วทั้งสิ้น จำนวน ๑๑,๑๗๙ ตัว ยังคงเหลือโคที่ยังค้างชำระอยู่ จำนวน ๕๓๑ ตัว (เกษตรกร จำนวน ๒๗๑ ราย) คิดเป็นร้อยละ ๔.๕๔ ของจำนวนโคที่เกษตรกรลักลอบขาย หรือคิดเป็นร้อยละ ๒.๔๕ ของจำนวนโคทั้งหมดในโครงการฯ ในจำนวนนี้เป็นเกษตรกรที่อยู่ในข่ายที่จะได้รับการจำหน่ายหนี้สูญ จำนวนโค ๓๒๘ ตัว (เกษตรกร จำนวน ๑๖๗ ราย)
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 28102 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นายสมบูรณ์ ทรัพย์วงศ์เจริญ) | สธ | 02/07/2556 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายสมบูรณ์ ทรัพย์วงศ์เจริญ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาศัลยกรรม) กลุ่มงานศัลยศาสตร์ กลุ่มภารกิจวิชาการ โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 28103 | ขออนุมัติแผนและงบประมาณในการให้ความช่วยเหลือสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 27 | กก | 02/07/2556 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแผนการให้ความช่วยเหลือสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ ๒๗ พ.ศ. ๒๕๕๖ ประกอบด้วย การสนับสนุนด้านบุคลากรกีฬา การสนับสนุนด้านอุปกรณ์กีฬา อุปกรณ์ไอที และการสนับสนุนด้านบุคลากรช่วยจัดการแข่งขันและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ๒. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๖๐,๔๙๙,๐๐๐ บาท เพื่อให้การกีฬาแห่งประเทศไทยใช้ดำเนินการตามแผนการให้ความช่วยเหลือดังกล่าวภายใต้กรอบแนวทางในการดำเนินการให้ความช่วยเหลือและร่วมมือ เพื่อการเสริมสร้างความไว้วางใจและสนับสนุนความร่วมมือไทย-เมียนมาร์ ในกรอบทวิภาคี และ/หรือพหุภาคีของไทยต่อสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรจัดทำแผนระยะยาวในการสร้างความร่วมมือด้านกีฬากับเมียนมาร์ที่ครอบคลุมหลากหลายกิจกรรม อาทิ การแลกเปลี่ยนบุคลากรระหว่างกัน และการส่งเสริมพัฒนาทักษะความรู้ด้านการกีฬา เพื่อนำไปสู่ความเป็นเลิศร่วมกัน การติดตามประเมินผลแผนการช่วยเหลือ เป็นต้น รวมทั้งส่งเสริมให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมสนับสนุนด้านอุปกรณ์กีฬา อุปกรณ์ไอที เพื่อเป็นการขยายโอกาสให้ภาคเอกชนในการลงทุนด้านกีฬาในตลาดต่างประเทศและลดภาระงบประมาณของภาครัฐ สำหรับงบประมาณด้านบุคลากรช่วยจัดการแข่งขันและงบดำเนินการที่การกีฬาแห่งประเทศไทยขอเพิ่มเติม นั้น เห็นควรให้ทบทวนตามความจำเป็นและหารือสำนักงบประมาณในความเป็นไปได้จากแหล่งเงินอื่น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 28104 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลวังเพลิง อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... | กษ | 02/07/2556 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลวังเพลิง อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลวังเพลิง อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 28105 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "แนวทางการแก้ปัญหาการท้องไม่พร้อม : การทำแท้งไม่ปลอดภัย" | สสป | 02/07/2556 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "แนวทางการแก้ปัญหาการท้องไม่พร้อม : การทำแท้งไม่ปลอดภัย" และรับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงสาธารณสุขร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สำนักงานอัยการสูงสุด และสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในเรื่องดังกล่าว โดยในส่วนของความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาฯ สรุปได้ ดังนี้
๑. ควรสนับสนุนให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยารับขึ้นทะเบียนยาสำหรับข้อบ่งชี้ "การยุติการตั้งครรภ์กรณีที่มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์" เมื่อมีผู้มาขอยื่นขึ้นทะเบียนยา ๒. ควรนำนโยบายและยุทธศาสตร์เกี่ยวกับการพัฒนาอนามัยเจริญพันธุ์แห่งชาติ ฉบับที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๕๗ ไปสู่การปฏิบัติอย่างจริงจังเป็นรูปธรรมและมีความต่อเนื่อง ๓. ควรจัดให้มีศูนย์บริการอนามัยเจริญพันธุ์ เป็น "ศูนย์คลินิกท้องไม่พร้อม" ให้คำปรึกษาแนะนำที่มีประสิทธิภาพ ตามโรงพยาบาลทั่วประเทศ โดยเน้นสร้างเสริมกระบวนการการให้คำปรึกษาผู้ประสบปัญหาก่อนมีปัญหา ขณะและหลังประสบปัญหา รวมทั้งจัดให้มีศูนย์พักพิงสำหรับเยาวชนและผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ไม่พร้อม ให้มีโอกาสทางการศึกษาภายหลังการคลอด ตลอดจนการมีอาชีพให้สามารถเลี้ยงตนเองและลูกได้ ๔. ควรมีการประชาสัมพันธ์การให้ข้อมูลข่าวสาร การเฝ้าระวัง และการวิจัยเพื่อการป้องกัน และแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ โดยการจัดการความรู้จากการปฏิบัติงานป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์โดยไม่พร้อมการทำแท้งที่ไม่ปลอดภัย การพัฒนาเครือข่ายเฝ้าระวังปัญหาการตั้งครรภ์โดยไม่พร้อมและการยุติการตั้งครรภ์ที่ไม่ปลอดภัย ๕. ควรรณรงค์ผ่านสื่อโทรทัศน์ วิทยุ เว็บไซต์ อย่างต่อเนื่อง และจัดเวทีวิชาการระดมความคิดเห็นแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและทุกภาคส่วน ตลอดจนการสร้างค่านิยมเรื่องเพศสัมพันธ์ที่มีสุขภาวะ รวมถึงเพศสัมพันธ์ที่มีความรับผิดชอบ และเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากความสมัครใจ ไม่ถูกบังคับ ๖. ควรมีมาตรการเสริมสร้างบทบาทและความสำคัญ การมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ชุมชน ให้เข้มแข็งขึ้น ให้ความสำคัญกับบ้าน วัด โรงเรียน และการสร้างเครือข่ายความช่วยเหลือภายในสังคม เพื่อเป็นเครือข่ายในการเฝ้าระวังและช่วยเหลือเยาวชนที่ประสบปัญหาการตั้งครรภ์โดยที่ยังไม่พร้อม ๗. ควรกำหนดยุทธศาสตร์ด้านการศาสนาและด้านวัฒนธรรม เช่น ส่งเสริมบทบาทของศาสนาให้เป็นภูมิคุ้มกันแก่เด็กและเยาวชน และส่งเสริมวัฒนธรรมในการดำรงชีวิต การรักนวลสงวนตัว การอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย เป็นต้น ๘. มาตรการด้านกฎหมาย โดยผลักดันให้ผ่าน "ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการอนามัยเจริญพันธุ์ พ.ศ. ...." ให้มีผลออกมาบังคับใช้เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติงานได้อย่างชัดเจนและยั่งยืน และควรปรับปรุงประมวลกฎหมายอาญาให้เปิดกว้างขึ้น เพื่อเป็นทางเลือกการทำแท้งที่ปลอดภัยสำหรับการตั้งครรภ์ไม่พร้อม ๙. ควรบูรณาการหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับด้านการยุติธรรม ประกอบด้วย กระทรวงสาธารณสุข อัยการ ตำรวจ และแพทยสภา จะต้องมีการประชุมทำความเข้าใจเรื่องของการยุติการตั้งครรภ์ตามกฎหมายอาญามาตรา ๓๐๕ ร่วมกันอย่างจริงจัง ๑๐. ควรบังคับใช้กฎหมายให้จริงจัง โดยการปราบปรามผู้ค้าหรือผู้ผลิตสื่อลามกในรูปแบบสื่อสิ่งพิมพ์หรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนการปราบปรามสถานเริงรมย์ซึ่งปล่อยให้เด็กอายุต่ำกว่า ๑๘ ปี เข้าไปมั่วสุมในการดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ยาเสพติด
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 28106 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณเกินกว่าที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติและอนุมัติให้ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินรวม ตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการค่าก่อสร้างอาคารศูนย์การแพทย์พร้อมระบบสาธารณูปการ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ | ศธ | 02/07/2556 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๓ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ในคราวประชุมครั้งที่ ๙/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๖ ที่เห็นชอบการขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณเกินกว่าที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติและอนุมัติให้ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป รายการค่าก่อสร้างอาคารศูนย์การแพทย์พร้อมระบบสาธารณูปการ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธานกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๓ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) เสนอ ดังนี้
๑. เพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการค่าก่อสร้างศูนย์การแพทย์พร้อมระบบสาธารณูปการ จากเดิม ภายในวงเงิน ๑,๖๘๒,๓๐๐,๐๐๐ บาท เป็น ภายในวงเงิน ๒,๑๕๘,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๒. ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการค่าก่อสร้างศูนย์การแพทย์พร้อมระบบสาธารณูปการ จากเดิม ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๕๗ เป็น ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๖๐ ๓. ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการค่าก่อสร้างศูนย์การแพทย์พร้อมระบบสาธารณูปการ ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 28107 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลองครักษ์ ตำบลบางเจ้าฉ่า ตำบลทางพระ ตำบลโคกพุทรา ตำบลอ่างแก้ว อำเภอโพธิ์ทอง ตำบลไชโย ตำบลหลักฟ้า ตำบลชะไว ตำบลราชสถิตย์ ตำบลจรเข้ร้อง ตำบลชัยฤทธิ์ อำเภอไชโย ตำบลห้วยคันแหลน อำเภอวิเศษชัยชาญ และตำบลโรงช้าง ตำบลบางเสด็จ อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... | กษ | 02/07/2556 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลองครักษ์ ตำบลบางเจ้าฉ่า ตำบลทางพระ ตำบลโคกพุทรา ตำบลอ่างแก้ว อำเภอโพธิ์ทอง ตำบลไชโย ตำบลหลักฟ้า ตำบลชะไว ตำบลราชสถิตย์ ตำบลจรเข้ร้อง ตำบลชัยฤทธิ์ อำเภอไชโย ตำบลห้วยคันแหลน อำเภอวิเศษชัยชาญ และตำบลโรงช้าง ตำบลบางเสด็จ อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลองครักษ์ ตำบลบางเจ้าฉ่า ตำบลทางพระ ตำบลโคกพุทรา ตำบลอ่างแก้ว อำเภอโพธิ์ทอง ตำบลไชโย ตำบลหลักฟ้า ตำบลชะไว ตำบลราชสถิตย์ ตำบลจรเข้ร้อง ตำบลชัยฤทธิ์ อำเภอไชโย ตำบลห้วยคันแหลน อำเภอวิเศษชัยชาญ และตำบลโรงช้าง ตำบลบางเสด็จ อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นขอสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า การกำหนดเขตที่ดินให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดินควรพิจารณาให้สอดคล้องกับนโยบายและแผนการใช้ประโยชน์ที่ดินระยะยาวของประเทศ การคุ้มครองพื้นที่การเกษตร การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงนโยบายของรัฐบาลในการบริหารจัดการที่ดินของคณะกรรมการบูรณาการการบริหารจัดการที่ดินเชิงระบบ (กบช.) และการจัดทำโซนนิ่งภาคเกษตร ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 28108 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 2 ฉบับ | สผ | 02/07/2556 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎร จำนวน ๒ ฉบับ และผลการดำเนินการตามข้อสังเกตดังกล่าวที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ แล้วแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป โดยในส่วนข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ มีดังนี้
๑. ร่างพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ได้มีการกำหนดให้มีนิติบุคคลทุกประเภทโดยมิได้จำกัดเฉพาะบริษัทเท่านั้น สามารถขอรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบการตรวจสอบมาตรฐานได้ ซึ่งจะส่งผลให้มีการแข่งขันกันมากขึ้น ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องมีมาตรการในการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานของผู้ประกอบการให้มากขึ้น เพราะหากไม่มีการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานแล้ว อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสินค้าพืช ปศุสัตว์ และสินค้าประมง รวมทั้งความเชื่อมั่นในมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารของไทยได้ ๒. การให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมในการกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตรจากตัวแทนเกษตรกรด้านพืช ด้านสัตว์ และด้านประมง เห็นควรตั้งเป็นข้อสังเกตให้พิจารณาตัวแทนเกษตรกรผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ ด้านพืช ด้านสัตว์ และด้านประมงเข้ามามีส่วนร่วมเป็นอันดับแรก ในกรณีการแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ตามมาตรา ๖ การแต่งตั้งเป็นกรรมการวิชาการ ตามมาตรา ๑๕ และในกรณีมีการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ. ๒๕๕๑
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 28109 | รายงานประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย และรายงานผลการปฏิบัติงาน ประจำปี 2553 - 2554 | สม | 02/07/2556 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย และรายงานผลการปฏิบัติงาน ประจำปี ๒๕๕๓-๒๕๕๔ ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ปี ๒๕๕๓-๒๕๕๔ ได้แก่ ๑.๑ สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ประกอบด้วย การเคารพสิทธิมนุษยชน และสิทธิการเลือกตั้งและสมัครรับเลือกตั้ง ๑.๒ สิทธิทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม ประกอบด้วย สิทธิและเสรีภาพในการทำงาน/การประกอบอาชีพ เสรีภาพในการแสดงความเห็นของบุคคลและสื่อมวลชน สิทธิเด็ก สิทธิสตรี ชนกลุ่มน้อย บุคคลไร้รัฐ คนต่างด้าว หลบหนีเข้าเมือง และการคุ้มครองและช่วยเหลือคนพิการ ๑.๓ สิทธิในกระบวนการยุติธรรม ประกอบด้วย สิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกายจากการถูกกระทำทรมาน และการประกาศใช้กฎหมายด้านความมั่นคง ๑.๔ สิทธิชุมชนและการมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย สิทธิชุมชน : สิทธิการมีส่วนร่วม และปัญหาการละเมิดเกี่ยวกับที่ดินและป่าไม้ ๑.๕ สถานการณ์ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วย สถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และมาตรการเพื่อเยียวยาผู้เสียหาย ๒. รายงานผลการปฏิบัติงาน ประจำปี ๒๕๕๓-๒๕๕๔ ได้แก่ ๒.๑ การคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ๒.๒ การติดตามการดำเนินการตามมาตรการแก้ไขปัญหาจากรายงานการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน ๒.๓ การเสนอเรื่องพร้อมด้วยความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง และการฟ้องคดีต่อศาลยุติธรรมแทนผู้เสียหาย ๒.๔ การเสนอแนะในการปรับปรุงกฎหมายและนโยบายของรัฐ ๒.๕ การส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและการประสานเครือข่าย ๒.๖ การศึกษาวิจัยด้านสิทธิมนุษยชน ๒.๗ การดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศที่สำคัญในปี ๒๕๕๓ และ ๒๕๕๔
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 28110 | หลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full powers) | นร09 | 02/07/2556 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full powers) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ในการจัดทำหนังสือสัญญาในนามรัฐหรือรัฐบาลไทยกับนานาประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ ที่ก่อให้เกิดพันธกรณีทางกฎหมายภายใต้บังคับกฎหมายระหว่างประเทศ หากผู้ลงนามหนังสือสัญญามิใช่นายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ต้องได้รับหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full powers) เว้นแต่ในทางปฏิบัติเป็นที่ยอมรับกันระหว่างคู่ภาคีของความตกลงว่าไม่จำเป็นต้องแสดงหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full powers) ให้หน่วยงานของรัฐแจ้งคณะรัฐมนตรีทราบด้วย ทั้งนี้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำส่งต้นฉบับหนังสือสัญญาไปเก็บรักษาไว้ที่กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ ด้วย ๑.๒ การจัดทำความตกลงในนามหน่วยงานของรัฐกับหน่วยงานของรัฐต่างประเทศ หรือองค์การระหว่างประเทศ ภายใต้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายของหน่วยงานนั้น โดยไม่ก่อให้เกิดพันธกรณีภายใต้บังคับของกฎหมายระหว่างประเทศ ไม่ต้องมีหนังสือมอบอำนาจเต็ม และผู้มีอำนาจลงนามของหน่วยงานนั้น หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายสามารถลงนามได้เอง ๒. ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๔๕ (เรื่อง การทำความตกลงกับต่างประเทศ การทำอนุสัญญาและสนธิสัญญาต่าง ๆ) ในส่วนที่เกี่ยวกับการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full powers) ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 28111 | ผลการพิจารณาคำร้องที่ขอให้เสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย | สม | 02/07/2556 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบข้อเสนอแนะเชิงนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย ตามมติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๘/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ กระทรวงกลาโหม ควรมีการระบุรายละเอียดข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยเงินเบี้ยหวัด พ.ศ. ๒๔๙๕ ข้อ ๘ (๓) และข้อ ๑๐ ในเอกสารการขอรับเงินเบี้ยหวัด เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ข้าราชการทหารที่ลาออกได้รับทราบข้อบังคับดังกล่าวถึงกรณีการงดเบี้ยหวัด และหน้าที่ของข้าราชการที่ลาออกต้องรายงานให้ผู้บังคับบัญชาต้นสังกัด และต้องแจ้งให้ส่วนราชการเดิมที่เบิกจ่ายเบี้ยหวัดของตนทราบ ทั้งนี้ เพื่อมิให้เกิดการเบิกจ่ายที่ซ้ำซ้อนและมีการเรียกเก็บเงินคืนย้อนหลัง อันเนื่องมาจากส่วนราชการเดิมได้รับข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ๑.๒ กระทรวงมหาดไทย ควรมีการสำรวจข้อมูลและรายละเอียดของข้าราชการที่ได้รับผลกระทบจากพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๓ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และเร่งรัดการศึกษาข้อมูลตามที่คณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่น (ก.บ.ท.) ในการประชุมครั้งที่ ๑๐/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ได้มีมติให้จัดทำรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการว่าจ้างศึกษาในการพิจารณาทบทวนพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๐๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อให้ข้าราชการส่วนท้องถิ่นได้รับสิทธิประโยชน์เช่นเดียวกับข้าราชการพลเรือน และข้าราชการประเภทอื่น รวมทั้งมิให้เกิดการลักลั่นและเกิดความไม่เป็นธรรมกับข้าราชการไทยในภาพรวมทั้งระบบต่อไป ๑.๓ กรมบัญชีกลาง ควรพิจารณาหามาตรการในการป้องกันปัญหากรณีการเบิกจ่ายเงินเบี้ยหวัด บำนาญ เงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัด (ช.ค.บ.) และการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลตามสิทธิของผู้มีสิทธิและบุคคลในครอบครัวตามพระราชกฤษฎีกาเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล พ.ศ. ๒๕๕๓ โดยการพัฒนาระบบเทคโนโลยีให้มีประสิทธิภาพในการตรวจสอบข้อมูลของทหารซึ่งได้รับเบี้ยหวัด และได้รับการบรรจุเข้ารับราชการในกรม กอง กระทรวง ที่บรรจุใหม่ จะต้องไม่ใช้สิทธิในการเบิกจ่ายเงินที่ซ้ำซ้อนกัน และควรมีการจัดทำฐานข้อมูลรวมทั้งเชื่อมโยงข้อมูลร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานต่อไป ๒. ให้กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) รับข้อเสนอแนะเชิงนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติไปประกอบการพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของหน่วยงาน โดยอยู่ในกรอบของกฎหมายและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. เนื่องจากความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขที่ได้ดำเนินการเกี่ยวกับสวัสดิการการรักษาพยาบาลของข้าราชการส่วนท้องถิ่นแล้ว มีรายละเอียดและข้อมูลที่ยังไม่ชัดเจนเกี่ยวกับปัญหาอุปสรรคในการปฏิบัติ แนวทางการดำเนินการในการประสานงานกับกระทรวงมหาดไทย รวมถึงการจัดตั้งกองทุนสวัสดิการที่เกี่ยวข้อง จึงมอบให้กระทรวงสาธารณสุขรับไปประสานงานกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำรายละเอียดของการดำเนินการดังกล่าว แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีทราบอีกครั้งหนึ่ง |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 28112 | รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของสถาบันการบินพลเรือน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2555 และ 2554 | คค | 02/07/2556 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการตรวจสอบรับรองงบการเงินของสถาบันการบินพลเรือน (สบพ.) สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ และ ๒๕๕๔ ซึ่งผ่านการตรวจสอบและรับรองจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. งบการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ ประกอบด้วย ๑.๑ งบแสดงฐานะการเงิน มีสินทรัพย์รวม ๑,๐๕๒,๑๑๒,๔๗๕.๑๘ บาท มีหนี้สินรวม ๕๕๓,๗๗๕,๓๓๘.๓๖ บาท มีหนี้สินและส่วนของทุนรวม ๑,๐๕๒,๑๑๒,๔๗๕.๑๘ บาท ๑.๒ งบกำไรขาดทุน มีรายได้รวม ๓๙๘,๓๖๕,๒๘๒.๗๐ บาท มีค่าใช้จ่ายรวม ๓๖๙,๖๗๔,๕๙๑.๐๑ บาท มีกำไรสุทธิ ๒๘,๖๙๐,๖๙๑.๖๙ บาท ๑.๓ งบกระแสเงินสด มีเงินสดสุทธิได้มาจากกิจกรรมดำเนินงานรวม ๙๔,๕๕๔,๔๗๗.๕๕ บาท เงินสดสุทธิใช้ไปในกิจกรรมลงทุนรวม ๓๔,๕๖๑,๓๘๙.๓๐ บาท มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด ณ วันสิ้นงวด ๗๙,๘๘๔,๕๕๓.๑๐ บาท ๒. งบการเงินของ สบพ. สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๔ ประกอบด้วย ๒.๑ งบแสดงฐานะการเงิน มีสินทรัพย์รวม ๑,๐๑๘,๒๕๐,๕๑๐.๑๐ บาท มีหนี้สินรวม ๕๔๘,๖๐๔,๐๖๔.๙๗ บาท มีหนี้สินและส่วนของทุนรวม ๑,๐๑๘,๒๕๐,๕๑๐.๑๐ บาท ๒.๒ งบกำไรขาดทุน มีรายได้รวม ๔๐๔,๙๙๔,๖๗๘.๖๕ บาท มีค่าใช้จ่ายรวม ๓๔๘,๔๘๙,๗๙๔.๗๖ บาท มีกำไรสุทธิ ๕๖,๕๐๔,๘๘๓.๘๙ บาท ๒.๓ งบกระแสเงินสด มีเงินสดสุทธิได้มาจากกิจกรรมดำเนินงานรวม ๙๖,๕๔๓,๓๗๘.๙๖ บาท มีเงินสดสุทธิใช้ไปในกิจกรรมลงทุนรวม ๗๑,๕๐๑,๖๖๒.๐๙ บาท และมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด ณ วันสิ้นงวด ๓๙,๔๒๗,๖๔๘.๑๓ บาท
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 28113 | รายงานประจำปีและรายงานงบการเงินขององค์กรร่วมไทย - มาเลเซีย ประจำปี 2555 | พน | 02/07/2556 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปีและรายงานงบการเงินขององค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย ประจำปี ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอสรุปได้ ดังนี้
๑. กิจกรรมที่สำคัญประกอบด้วยกิจกรรมด้านการสำรวจ การประเมินผลปิโตรเลียม การประเมินปริมาณสำรอง การพัฒนา การผลิตปิโตรเลียม และการกำกับดูแลด้านชีวอนามัย ความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซียแปลง A-18 แปลง B-17 และแปลง B-17-01 โดยในปี ๒๕๕๕ มีการผลิตก๊าซธรรมชาติจากแปลง A-18 รวมทั้งสิ้น ๓๒๕.๒๗ พันล้านลูกบาศก์ฟุต ในอัตราเฉลี่ยวันละ ๘๘๙ ล้านลูกบาศก์ฟุต และจากแปลง B-17 รวมทั้งสิ้น ๑๒๕ พันล้านลูกบาศก์ฟุต ในอัตราเฉลี่ยวันละ ๓๔๒ ล้านลูกบาศก์ฟุต ทั้งนี้ ในปี ๒๕๕๕ มีก๊าซธรรมชาติจากพื้นที่พัฒนาร่วมฯ ส่งให้แก่ประเทศไทย จำนวน ๒๗๓ พันล้านลูกบาศก์ฟุต โดยผ่านท่อก๊าซไทย-มาเลเซียไปยังโรงไฟฟ้าจะนะที่จังหวัดสงขลา และผ่านท่อประธานเส้นที่ ๓ ของ ปตท. ขึ้นไปที่จังหวัดระยอง ๒. ผลประกอบการในปี ๒๕๕๕ ขององค์กรร่วมฯ ได้จากการขายปิโตรเลียมโดยการผลิตปิโตรเลียมจากแปลง A-18 และแปลง B-17 ก่อให้เกิดรายได้ขององค์กรร่วมฯ ในรูปของค่าภาคหลวง ๒๙๗,๕๒๐,๘๘๔ ดอลลาร์สหรัฐ ปิโตรเลียมส่วนที่เป็นกำไร ๗๖๐,๐๖๑,๓๘๖ ดอลลาร์สหรัฐ และรายได้อื่น ๓๓๙,๖๕๓ ดอลลาร์สหรัฐ สถานะของกองทุนองค์กรร่วมฯ ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ มียอดรวม ๒๔๒,๙๑๗,๐๗๘ ดอลลาร์สหรัฐ ๓. สำนักงาน M/s KPMG ผู้สอบบัญชีมีความเห็นว่า รายงานงบการเงินขององค์กรร่วมฯ ประจำปี ๒๕๕๕ แสดงข้อมูลโดยถูกต้องตามที่ควร สอดคล้องกับสถานะการดำเนินงาน รายรับและรายจ่าย และงบกระแสเงินสดขององค์กรร่วมฯ ณ สิ้นปี ๒๕๕๕ อนึ่งในปี ๒๕๕๕ องค์กรร่วมฯ ได้นำส่งรายได้จากการผลิตปิโตรเลียมในพื้นที่พัฒนาร่วมฯ ให้แก่รัฐบาลไทย ๕๑๑,๗๐๙,๖๓๘.๐๗ ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ ๑๕,๘๒๒,๐๗๐,๘๗๒.๐๔ บาท) ซึ่งเท่ากับรายได้ที่ส่งให้รัฐบาลมาเลเซีย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 28114 | การปรับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน | มท | 02/07/2556 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๓ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ในการประชุมครั้งที่ ๑๒/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธานกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๓ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) เสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบการปรับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ให้สอดคล้องกับระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของข้าราชการและลูกจ้างชั่วคราวของส่วนราชการ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๕๕ ๑.๑ ปรับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวรวมกับเงินค่าตอบแทน จาก ๘,๒๐๐ บาท เป็น ๘,๖๑๐ บาท ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๔ ๑.๒ ปรับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวรวมกับเงินค่าตอบแทน จาก ๘,๖๑๐ บาท เป็น ๙,๐๐๐ บาท ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ๒. สำหรับงบประมาณที่จำเป็นต้องจ่ายเป็นเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวนั้น ให้กรมการปกครองพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับการจัดสรร และขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังปรับแก้ระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทน เงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวและเงินช่วยเหลือสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กระทรวงมหาดไทย พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อให้สอดรับกับข้อเสนอของกระทรวงมหาดไทยในครั้งนี้ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 28115 | แผนแม่บทสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล | คค | 02/07/2556 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๓ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ในการประชุมครั้งที่ ๑๒/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธานกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๓ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) เสนอ ดังนี้
๑. รับทราบแผนแม่บทสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยแผนแม่บทฯ จัดทำขึ้นเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นกรอบแนวทางในการพัฒนาสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เพื่อแก้ไขปัญหาจราจร และเพื่อให้การเดินทางระหว่างพื้นที่สองฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยามีความสะดวกมากขึ้น โดยเป็นแผนการดำเนินงานเพื่อพัฒนาโครงการสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ในช่วงระยะเวลา ๒๐ ปี จาก พ.ศ. ๒๕๕๕ ถึง พ.ศ. ๒๕๗๔ ประกอบด้วย แผนดำเนินงานระยะ ๑๐ ปีแรก (ปัจจุบัน-พ.ศ. ๒๕๖๔) จำนวน ๙ โครงการ งบประมาณดำเนินงาน ๔๘,๙๕๐ ล้านบาท ได้แก่ โครงการสะพานเกียกกาย โครงการสะพานพระราม ๒ โครงการสะพานสมุทรปราการ โครงการสะพานปทุมธานี ๓ โครงการสะพานลาดหญ้า-มหาพฤฒาราม โครงการสะพานสามโคก โครงการสะพานท่าน้ำนนท์ โครงการสะพานถนนจันทน์-เจริญนคร และโครงการสะพานราชวงศ์-ดินแดง และแผนดำเนินงานระยะ ๑๐ ปีหลัง (พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๗๔) ได้แก่ โครงการสะพานสนามบินน้ำ งบประมาณดำเนินงาน ๑,๕๘๐ ล้านบาท ๒. ให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปประกอบการดำเนินงานอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะประเด็นเรื่องผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม การรับฟังความคิดเห็นของประชาชน รวมทั้งการเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการโครงการด้วย สำหรับประเด็นความเห็นประกอบด้วย เห็นควรให้หน่วยงานที่รับผิดชอบตรวจสอบกับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดประเภทและขนาดของโครงการหรือกิจการซึ่งต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติ และแนวทางการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ลงวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๕ ว่าเข้าข่ายจะต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ลำดับที่ ๒๐ ทางหลวงหรือถนน ซึ่งหมายความว่าด้วยทางหลวงหรือไม่ โดยเฉพาะลำดับที่ ๒๐.๗ พื้นที่ที่ตั้งอยู่ใกล้โบราณสถาน แหล่งโบราณคดี แหล่งประวัติศาสตร์ หรืออุทยานประวัติศาสตร์ตามกฎหมายว่าด้วยโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติในระยะทาง ๒ กิโลเมตร และอาจต้องมีการรับฟังความเห็นจากประชาชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ และควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการตามรายละเอียดที่กำหนดไว้ในแผนแม่บทฯ พร้อมทั้งมีการศึกษาติดตามข้อมูลที่เป็นองค์ประกอบสำคัญในการจัดทำแผนให้เป็นปัจจุบันเสมอ เพื่อปรับแผนการดำเนินงานให้มีความสอดคล้องและทันต่อสถานการณ์ด้านการคมนาคมและการขนส่งที่มีการเปลี่ยนแปลงในแต่ละช่วงเวลา รวมทั้งให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและการจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และให้ความสำคัญกับการบูรณาการแผนงาน/โครงการในพื้นที่ร่วมกัน เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนตามแนวสายทาง และเพื่อให้การลงทุนของภาครัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการออกแบบสถาปัตยกรรมและวิศวกรรมของสะพานควรพิจารณาให้มีความสอดคล้องกับสภาพพื้นที่และมีเอกลักษณ์ เพื่อให้สามารถพัฒนาโดยรอบโครงการเป็นแหล่งท่องเที่ยวหรือพื้นที่สันทนาการของประชาชนแห่งใหม่ของกรุงเทพมหานคร ตลอดจนการกำหนดรูปแบบทางวิศวกรรมของสะพานที่จะช่วยลดการกีดขวางลำน้ำเพื่อสนับสนุนการขนส่งทางน้ำภายในประเทศ |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 28116 | การลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลต่อการจัดตั้งศูนย์ประสานงานการซื้อขายไฟฟ้าระหว่างประเทศสมาชิกในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (Inter - Governmental Memorandum of Understanding for the Establishment of the Regional Power Coordination Centre in the Greater Mekong Subregion : IGM) | พน | 02/07/2556 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลต่อการจัดตั้งศูนย์ประสานงานการซื้อขายไฟฟ้าระหว่างประเทศสมาชิกในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (Inter-Governmental Memorandum of Understanding for the Establishment of the Regional Power Coordination Centre in the Greater Mekong Subregion : IGM) และให้เสนอรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบตามมาตรา ๑๙๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยต่อไป ๒. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน หรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานมอบหมายร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจฯ และให้กระทรวงพลังงานดำเนินการต่อไปได้ เมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบบันทึกความเข้าใจฯ แล้ว ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน หรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานมอบหมายลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ และให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการต่อไปได้ เมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบบันทึกความเข้าใจฯ ๔. ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับร่างบันทึกความเข้าใจฯ ซึ่งเข้าข่ายเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๙๐ วรรคสองของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๕๐ หลังจากที่ได้เจรจาเสร็จสิ้นแล้ว ส่วนราชการเจ้าของเรื่องควรนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจฯ และเสนอรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบในการลงนามและให้สัตยาบันร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในคราวเดียวกัน และก่อนที่จะแสดงเจตนาให้มีผลผูกพัน ส่วนราชการเจ้าของเรื่องจะต้องให้ประชาชนสามารถเข้าถึงรายละเอียดของบันทึกความเข้าใจฯ และในกรณีที่การปฏิบัติตามบันทึกความเข้าใจฯ ก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน หรือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม คณะรัฐมนตรีจะต้องดำเนินการแก้ไขหรือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบนั้นอย่างรวดเร็ว เหมาะสม และเป็นธรรม นอกจากนี้ ร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีข้อบทกำหนดเอกสิทธิ์และความคุ้มกันให้แก่ศูนย์ประสานงานการซื้อขายไฟฟ้าระหว่างประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (Regional Power Coordination Center : RPCC) ผู้อำนวยการ และเจ้าหน้าที่ ซึ่งหาก RPCC ได้จัดตั้งขึ้นในประเทศไทย จะทำให้ประเทศไทยมีความผูกพันที่ต้องมีกฎหมายรับรองให้เอกสิทธิ์และความคุ้มกันแก่ RPCC และบุคลากรดังกล่าว จึงเป็นกรณีที่จะต้องออกพระราชบัญญัติเพื่อให้การเป็นไปตามหนังสือสัญญา และเข้าลักษณะเป็นหนังสือสัญญาที่ต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภาตามมาตรา ๑๙๐ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๕๐ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 28117 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ ตำบลศิลาลอย อำเภอสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... | คค | 02/07/2556 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ ตำบลศิลาลอย อำเภอสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลศิลาลอย อำเภอสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อสร้างสะพานข้ามทางรถไฟ บริเวณทางหลวงชนบท ปข.๑๐๒๑ เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 28118 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลสามกระทาย อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... | คค | 02/07/2556 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลสามกระทาย อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลสามกระทาย อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อสร้างสะพานข้ามทางรถไฟ บริเวณทางหลวงชนบท ปข.๑๐๑๔ เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 28119 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม พ.ศ. .... | คค | 02/07/2556 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม เพื่อสร้างสะพานข้ามทางรถไฟ บริเวณทางหลวงชนบท นฐ.๓๐๐๔ เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 28120 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลธรรมศาลา อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม พ.ศ. .... | คค | 02/07/2556 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลธรรมศาลา อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลธรรมศาลา อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม เพื่อสร้างสะพานข้ามทางรถไฟ บริเวณทางหลวงชนบท นฐ.๑๐๒๓ เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
.....
