ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การปรับปรุงการบริหารจัดการและการบริการขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ | สสป | 02/07/2556 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การปรับปรุงการบริหารจัดการและการบริการขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และรับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงคมนาคมร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร กรมการขนส่งทางบก องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยในส่วนความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาฯ สรุปได้ ดังนี้
๑. แนวคิดสมมติฐานการให้สัมปทาน ได้แก่ รายได้ทั้งหมดจากการให้สัมปทานเป็นยอดรวมระหว่างรายได้จากค่าประมูลและจากค่าสัมปทานรายเดือน และรายได้อื่น ๆ ที่เกิดจากการเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรเป็นการให้สัมปทาน ภาระหนี้สินทั้งหมดขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) คิดจากภาระหนี้สินเดิมรวมกับดอกเบี้ย และภาระหนี้ที่เกิดจากการเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรเป็นการให้สัมปทาน สมมติฐานการประมูล คือ รายได้จากค่าประมูลต้องครอบคลุมภาระหนี้สินทั้งหมดของ ขสมก. และรายได้จากค่าสัมปทานรายเดือนต้องครอบคลุมค่าใช้จ่ายรายเดือนของ ขสมก. ตามโครงสร้างใหม่ และกำหนดระยะเวลาในการให้สัมปทานขึ้นกับการคำนวณระยะเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้รายได้ที่จะได้รับทั้งหมดของ ขสมก. สามารถครอบคลุมกับภาระหนี้สินทั้งหมดของ ขสมก. หรือตามสมมติฐานการประมูล ๒. การปรับโครงสร้างการบริหารจัดการและการบริการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ โดยให้สัมปทานการเดินรถโดยสารประจำทางทั้งหมดให้กับผู้ประกอบการเอกชน ๒.๑ โครงการเช่ารถยนต์โดยสารปรับอากาศใช้ก๊าซธรรมชาติ (CNG) ไม่สามารถแก้ไขปัญหาผลประกอบการของ ขสมก. ได้อย่างเบ็ดเสร็จ เนื่องจาก ขสมก. ยังคงต้องแบกรับภาระต้นทุนการเดินรถโดยสารทั้งเงินเดือนค่าตอบแทน ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าเช่า ค่าซ่อมบำรุง และค่าดอกเบี้ย อีกทั้งยังไม่มีความชัดเจนด้านความคุ้มค่าของการดำเนินการตามโครงการดังกล่าวที่ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากการเช่า ๒.๒ รัฐต้องใช้ระบบสัมปทานการดินรถโดยสารประจำทางทั้งหมดให้กับผู้ประกอบการเอกชน คือผู้รับสัมปทานต้องเป็นผู้ลงทุนในการเดินรถเอง ส่วน ขสมก. มีหน้าที่ในการอำนวยการ บริหารสัญญา และตรวจสอบควบคุมมาตรฐานคุณภาพการบริการสภาพรถและอุปกรณ์ ซึ่งจะทำให้ผลประกอบของ ขสมก. ดีขึ้น ๒.๓ ขสมก. มีหน้าที่ในการบริหารสัญญา (Regulator/Contract Management) กำกับและบริหารสัญญาเดินรถให้เป็นไปตามสัญญาการให้บริการเชิงคุณภาพ (Performance Base Contract : PBC) โดยกำหนดมาตรฐาน และเงื่อนไขขั้นต่ำที่เหมาะสมในการให้บริการเป็นมาตรฐานเดียวกันเพื่อให้ผู้ประกอบการทุกรายต้องถือปฏิบัติ (Single Operation by Multiple Operators) ประกอบด้วย แต่งตั้งคณะกรรมการร่วมที่มีองค์ประกอบจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง กำหนดให้ผู้รับสัมปทานทุกรายต้องรับผิดชอบภาระค่าใช้จ่ายในการเดินรถโดยสารประจำทางทั้งหมด กำหนดให้ผู้ขอรับสัมปทานต้องขอรับสัมปทานเป็นจำนวนรถโดยสารประจำทางในแต่ละเส้นทางการเดินรถตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด และควรกำหนดสัดส่วนร้อยละของจำนวนรถโดยสารที่จะรับสัมปทานได้มากที่สุดในแต่ละเส้นทาง อาจเลือกใช้วิธีการประมูลขายรถโดยสารที่มีอยู่เดิมของ ขสมก. หรือกำหนดให้ผู้รับสัมปทานทุกรายต้องรับซื้อรถโดยสารประจำทางของ ขสมก. ที่เคยวิ่งบริการในเส้นทางที่ได้รับสัมปทาน กำหนดให้ผู้รับสัมปทานทุกรายต้องปรับปรุงระบบเชื้อเพลิงของรถโดยสารประจำทางเปลี่ยนมาใช้ CNG ภายในระยะเวลาที่กำหนดในสัญญา กำหนดให้ผู้รับสัมปทานทุกรายต้องใช้รถโดยสารประจำทางที่ได้มาตรฐานและมีคุณลักษณะทั้งทางกายภาพ และการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ (E-Ticket, GPS, GPRS) ตามที่กำหนดในสัญญา การกำหนดเงื่อนไขการปรับขึ้นราคาค่าโดยสาร การให้เงินอุดหนุนกรณีที่รัฐขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการให้ชะลอการขึ้นค่าโดยสาร ต้องคำนวณจากต้นทุนการดำเนินงานและค่าเชื้อเพลิงโดยใช้ราคา CNG เป็นฐาน กำหนดให้ผู้รับสัมปทานทุกรายต้องรับลูกจ้างเดิมบางส่วนของ ขสมก. มาเป็นพนักงานใหม่ของผู้ได้รับสัมปทานโดยต้องมีจำนวน และระยะเวลาการจ้างไม่น้อยกว่าที่กำหนดในสัญญา ในรูปแบบอัตราถอยหลัง คือจำนวนร้อยละของลูกจ้างเดิม ขสมก. ที่กำหนดให้ผู้รับสัมปทานต้องจ้างจะลดลงตามระยะเวลาที่เพิ่มขึ้น และกำหนดให้รัฐจะต้องมีมาตรการรองรับที่ชัดเจน และเป็นธรรมต่อพนักงาน ขสมก. ที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงต้องมีกระบวนการสร้างความเข้าใจต่อพนักงานของ ขสมก. ก่อนเริ่มดำเนินการ ๒.๔ รัฐต้องมีการปรับโครงสร้างองค์กรและการบริหารงานของ ขสมก. ใหม่ เพื่อให้สอดคล้องและเหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลง ๒.๕ การบริหารจัดการเดินรถรูปแบบใหม่และการประเมินการบริการเชิงคุณภาพ (PBC) โดยการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ ให้กำหนดตามเกณฑ์ที่ ขสมก. ได้นำเสนอในแผนปรับปรุงการบริหารจัดการ ๒.๖ กรณีที่รัฐมีความจำเป็นต้องดำเนินการมาตรการลดค่าครองชีพประชาชนในส่วนของการลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง (รถโดยสารประจำทางธรรมดา) เพื่อให้มาตรการดังกล่าวเป็นการช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยอย่างแท้จริง รัฐต้องดำเนินการให้มีการขึ้นทะเบียนประชาชนผู้มีรายได้น้อย และควรเลือกใช้วิธีการแจกคูปองที่ใช้ได้กับรถบริการทุกคันแทนการจัดรถบริการเฉพาะให้กับผู้มีรายได้น้อย (กรณี ๘๐๐ คัน) เพราะจะทำให้ผู้มีรายได้น้อยมีโอกาสเลือกเส้นทางและมีจำนวนรถบริการรองรับผู้มีรายได้น้อยมากขึ้น ทั้งยังก่อให้เกิดรายได้แบบกระจายตัวกับผู้รับสัมปทาน รวมทั้งรัฐบาลจะจ่ายค่าบริการเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยตามจริง และเก็บข้อมูลเพื่อการวางแผนที่เหมาะสมต่อไป
|
|||||||||||||||
.....
