ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1407 จากทั้งหมด 6223 หน้า แสดงรายการที่ 28121 - 28140 จากข้อมูลทั้งหมด 124445 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 28121 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลศรีษะทอง อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม พ.ศ. .... | คค | 02/07/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลศรีษะทอง อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลศรีษะทอง อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม เพื่อสร้างสะพานข้ามทางรถไฟ บริเวณทางหลวงชนบท นฐ.๑๐๑๒ เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28122 | การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดผู้นำเอเชียและแปซิฟิกของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ | ทก | 02/07/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ดังนี้ ๑.๑ แต่งตั้งคณะกรรมการแห่งชาติเพื่อเตรียมการจัดการประชุมสุดยอดผู้นำเอเชียและแปซิฟิกของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (Connect Asia-Pacific Summit 2013) เพื่อทำหน้าที่กำหนดนโยบายและแนวทางจัดเตรียมการประชุมสุดยอดผู้นำฯ และจัดการประชุมในด้านต่าง ๆ ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเหมาะสม โดยมีรองนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายทำหน้าที่ประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารทำหน้าที่กรรมการและเลขานุการ ๑.๒ อนุมัติวงเงินในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดผู้นำฯ จำนวน ๕๔,๒๐๐,๐๐๐ บาท ๑.๓ อนุมัติให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นสำหรับการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดผู้นำฯ จำนวน ๑๒,๒๐๐,๐๐๐ บาท ๑.๔ เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารขอจัดตั้งคำของบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๗ ในวงเงิน ๔๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๑.๕ อนุมัติให้ปรับอัตราค่าตอบแทนสำหรับเจ้าหน้าที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ในช่วงการจัดประชุมสุดยอดผู้นำฯ จากอัตราวันละ ๒๐๐ บาท เป็นอัตราวันละ ๔๐๐ บาท ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดผู้นำฯ ภายในวงเงิน ๕๔,๒๐๐,๐๐๐ บาท ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑๒,๒๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องชำระล่วงหน้าให้แก่สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ และค่าประชาสัมพันธ์ในประเทศก่อนและระหว่างการจัดงาน โดยให้ขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณโดยตรงต่อไป ส่วนที่เหลืออีก จำนวน ๔๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ที่สำนักงบประมาณได้เสนอตั้งงบประมาณรองรับไว้แล้ว ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และการเบิกจ่ายเงินเพื่อการดังกล่าวให้เป็นไปตามระเบียบของทางราชการตามความเห็นของกระทรวงการคลัง |
|||||||||||||||||||||||||||
| 28123 | ผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์และแผนงานเชิงรุกของรัฐบาลในการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันและแนวทางดำเนินการในระยะต่อไป | นร12 | 02/07/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการดำเนินการที่ผ่านมาของการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์และแผนงานเชิงรุกของรัฐบาล ๑.๑.๑. ด้านการปลุกจิตสำนึกและสร้างความตระหนักรู้ ได้แก่ การประกาศ “ยุทธศาสตร์และแผนงานเชิงรุกของรัฐบาลในการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน” การจัดกิจกรรมรณรงค์สร้างการมีส่วนร่วมของเครือข่ายและภาคประชาชน การออกสื่อประชาสัมพันธ์เพื่อรณรงค์สร้างความตระหนัก และความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการต่อต้านการทุจริต รวมทั้งการจัดคาราวานสัญจร ๔ ภูมิภาค เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจ ๑.๑.๒ ด้านการพัฒนาองค์กร ได้แก่ การดำเนินโครงการสร้างความโปร่งใสในการปฏิบัติราชการ (๑ กรม ๑ ป้องกันโกง) โดยให้ส่วนราชการระดับกรมและส่วนราชการระดับจังหวัดดำเนินการปรับปรุงแก้ไขกระบวนงานเพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงที่เป็นช่องทางให้เกิดการทุจริต รวมทั้งเสนอแนะให้มีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต (ศปท.) ประจำกระทรวง เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการทำหน้าที่บูรณาการและขับเคลื่อนแผนการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันในส่วนราชการ ๑.๑.๓ ด้านการตรวจสอบ เฝ้าระวังเชิงรุก ได้แก่ การจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน (Anti-Corruption War Room) โดยเปิดสายด่วนรับเรื่องร้องเรียนการทุจริต “๑๒๐๖” การจัดทำเว็บไซต์ www.stopcorruption.go.th และติดตั้งตู้รับเรื่องร้องเรียนการทุจริต ทั่วประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนมีช่องทางในการร้องเรียน และมีส่วนร่วมในการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน ๑.๑.๔ ด้านการปราบปรามที่จริงจังและการลงโทษที่เข้มงวด ได้แก่ การบูรณการการดำเนินงานร่วมกันระหว่างสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (สำนักงาน ป.ป.ท.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) ในการเร่งดำเนินคดีปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันที่อยู่ในความสนใจและเผยแพร่ผลการดำเนินการต่อสาธารณะ เพื่อแสดงถึงเจตนารมณ์และความมุ่งมั่นในการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน ๑.๑.๕ การดำเนินการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย พ.ศ. .... ทั้ง ๒ ฉบับ แล้วเสร็จ และได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ซึ่งมีผลบังคับใช้นับตั้งแต่วันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ เป็นต้นมา รวมทั้งการจัดตั้งศูนย์ส่งเสริมจริยธรรมขึ้นในสำนักงาน ก.พ. เพื่อทำหน้าที่ส่งเสริมให้ข้าราชการยึดถือปฏิบัติตามหลักคุณธรรม จรรยาข้าราชการ และประมวลจริยธรรม ๑.๑.๖ แนวทางการดำเนินการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และแผนงานเชิงรุกฯ ในระยะต่อไป ได้แก่ การแต่งตั้งที่ปรึกษาพิเศษของคณะกรรมการ ป.ป.ท. เพื่อรับผิดชอบหลักในการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันของแต่ละหน่วยงาน การขับเคลื่อนการดำเนินงานของ ศปท. ประจำกระทรวง เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งและเป็นเครือข่ายสำคัญที่รับผิดชอบการขับเคลื่อนนโยบายและมาตรการต่าง ๆ ในการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันภายในกระทรวง การสร้างความโปร่งใสในการปฏิบัติราชการ ระยะที่ ๒ (๑ กรม ๑ ป้องกันโกง) และการเสริมสร้างความโปร่งใสในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ๑.๒ ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงาน ก.พ.ร. ร่วมกันยกร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อกำหนดสาระสำคัญ และวิธีการดำเนินการตามยุทธศาสตร์และแผนงานเชิงรุกของรัฐบาลในการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงาน ป.ป.ท. รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ส่วนราชการและหน่วยงานที่มีภารกิจหลักในการกำกับดูแลการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐร่วมกันพิจารณาทบทวนกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐให้เป็นไปด้วยความรอบคอบ ไม่ซ้ำซ้อน และมีความเชื่อมโยงกับระบบเดิมที่มีอยู่ การกำหนดเกณฑ์และตัวชี้วัดประเมินผลความสำเร็จในการดำเนินโครงการสร้างความโปร่งใสในการปฏิบัติราชการ (๑ กรม ๑ ป้องกัน) ให้ชัดเจนและเป็นมาตรฐานเดียวกัน การกำหนดให้ส่วนราชการต่าง ๆ ที่แม้ไม่มีเรื่องร้องเรียนก็ต้องรายงานผลในแง่ของการดำเนินมาตรการหรือการดำเนินการที่เป็นเชิงป้องกันทำให้ไม่มีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชันในองค์กร เพื่อเป็นข้อมูลและองค์ความรู้ให้ส่วนราชการต่าง ๆ ได้เรียนรู้ร่วมกันด้วย รวมทั้งการจัดทำสื่อการเผยแพร่การดำเนินคดีปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันให้ง่ายแก่การทำความเข้าใจของประชาชน ในภาษาที่เข้าใจง่าย โดยเฉพาะการเผยแพร่ผ่าน Social Network ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28124 | แต่งตั้งประธานกรรมการในคณะกรรมการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (พลอากาศเอก สุเมธ โพธิ์มณี) | คค | 02/07/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งพลอากาศเอก สุเมธ โพธิ์มณี เป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย แทนพลตำรวจเอก วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ที่ขอลาออกจากตำแหน่งประธานกรรมการ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28125 | การแต่งตั้งประธานกรรมการในคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (นายอัชพร จารุจินดา) | กค | 02/07/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายอัชพร จารุจินดา เป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ แทนนายชัยเกษม นิติสิริ ซึ่งพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖) เป็นต้นไป ตามคำแนะนำของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28126 | ขอให้รัฐบาลไทยเป็นเจ้าภาพในการจัดการฝึกอบรมร่วมกับทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ | วท | 02/07/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ตอบรับการเป็นเจ้าภาพในการจัดการฝึกอบรมร่วมกับทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (International Atomic Energy Agency, IAEA) ณ กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ โดยมีรายละเอียดของการจัดการฝึกอบรม ดังนี้
๑. การฝึกอบรม National Training Course on 3D Conformal Radio Therapy (CRT), Quality Assurance and Quality on Brachytherapy มีวัตถุประสงค์เพื่อวางแผนการประเมิน การตรวจสอบความถูกต้องของการบำบัดรักษา การประกันคุณภาพ ตรวจสอบวิธีการและขั้นตอนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในการเปลี่ยนจาก ซีอาร์ที ๓ มิติ เป็นการฉายรังสีแบบปรับความเข้ม (Intensity Guided Radio Therapy, ไอจีอาร์ที) และการฉายแบบภาพนำวิถี Image Guided Radio Therapy (ไอจีอาร์ที) ระหว่างวันที่ ๘-๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖ โดยคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นเจ้าภาพจัดการฝึกอบรม ๒. การฝึกอบรม Regional Training Course on Measurement Protocols for National Radon Strategies มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดตั้งโปรแกรมการตรวจก๊าซเรดอนของแต่ละประเทศสมาชิก เพื่อให้ได้ข้อตกลงร่วมกันเกี่ยวกับขั้นตอนการตรวจวัดและการปรับเทียบระหว่างกันและการวิเคราะห์ข้อมูลในเชิงสถิติพร้อมกับการรายงานผล ระหว่างวันที่ ๙-๑๓ กันยายน ๒๕๕๖ โดยสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ เป็นเจ้าภาพจัดการฝึกอบรม ๓. การฝึกอบรม Regional Training Course on Radiation Protection on Vascular Surgery มีวัตถุประสงค์เพื่อให้คำแนะนำแก่ศัลยแพทย์ผู้ใช้เครื่องฟลูออโรสโคปในการรักษาโรคหลอดเลือดโป่งพองและโรคหลอดเลือดแดงโป่งพองในช่องท้อง ด้านการป้องกันอันตรายจากรังสีแก่ผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ ระหว่างวันที่ ๑๖-๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๖ โดยคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นเจ้าภาพจัดการฝึกอบรม
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28127 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งกลไกสำหรับการหารือเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐโปแลนด์ | กต | 02/07/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งกลไกสำหรับการหารือเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐโปแลนด์ จัดทำขึ้นเพื่อสร้างกลไกในการหารือทวิภาคีระดับสูงระหว่างโปแลนด์กับไทย มุ่งขยาย เพิ่มพูน และแสวงหาลู่ทางในการพัฒนาความสัมพันธ์ ครอบคลุมทั้งด้านการทูต การเมือง เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ทั้งในกรอบทวิภาคี ระดับภูมิภาค และระหว่างประเทศ โดยทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันกำหนดแผนงานความร่วมมือในสาขาต่าง ๆ ได้แก่ การค้าและการลงทุน เกษตรกรรมและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง การทหาร พลังงาน (อาทิ ก๊าซธรรมชาติจากหินดินดาน) สิ่งแวดล้อมและพลังงานทางเลือก (โดยเฉพาะอย่างยิ่งเชื้อเพลิงชีวภาพ) ความมั่นคง (อาทิ การก่อการร้าย การค้ามนุษย์) วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (อาทิ เทคโนโลยีชีวภาพ) วัฒนธรรม การศึกษา โครงสร้างพื้นฐาน การบิน อุตสาหกรรมยานยนต์ และการท่องเที่ยว โดยหากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงในส่วนที่ไม่กระทบต่อสาระสำคัญของร่างบันทึกความเข้าใจฯ และไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ๑.๒ อนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเกี่ยวกับ Section 5 Programme of Work มีเนื้อหาครอบคลุมในประเด็นด้านการป้องกันประเทศและความมั่นคง คือ c. Defence และ f. Security (e.g. terrorism, human trafficking) จึงเห็นควรเสนอปรับเพิ่มเติมข้อความใน Section 3 Scope ข้อ ๑ ดังนี้ “1. promote extensive cooperation in diplomatic, political, security, economic …” เพื่อให้ร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีความสมบูรณ์และสะท้อนเนื้อหาของความร่วมมือดังกล่าวระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐโปแลนด์ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 28128 | มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี | นร04 | 02/07/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ ๑๕๑/๒๕๕๖ ลงวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖ เรื่อง มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28129 | มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี | นร05 | 02/07/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอการมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ดังนี้
๑. ในกรณีที่นายกรัฐมนตรีไม่อาจปฏิบัติราชการได้ คณะรัฐมนตรีมอบหมายเป็นหลักการให้รองนายกรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทน ตามลำดับ ดังนี้ ๑.๑ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ๑.๒ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ๑.๓ พลตำรวจเอก ประชา พรหมนอก ๑.๔ นายปลอดประสพ สุรัสวดี ๑.๕ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ๑.๖ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ๑.๗ นายยุคล ลิ้มแหลมทอง ๒. ในระหว่างการรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ผู้รักษาราชการแทนข้างต้นจะสั่งการใดเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลและการอนุมัติเงินงบประมาณอันอยู่ในอำนาจของนายกรัฐมนตรีได้ต้องรับความเห็นชอบจากนายกรัฐมนตรีเสียก่อน
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28130 | การมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนกัน | นร05 | 02/07/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ ๑๕๐/๒๕๕๖ ลงวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖ เรื่อง การมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนกัน
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28131 | มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่เป็นประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ กรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามกฎหมาย และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี และมอบอำนาจตามกฎหมาย | นร04 | 02/07/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ ๑๕๒/๒๕๕๖ ลงวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖ เรื่อง มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่เป็นประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ กรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามกฎหมาย และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี และมอบอำนาจตามกฎหมาย
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28132 | มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค | นร04 | 02/07/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ ๑๕๓/๒๕๕๖ ลงวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖ เรื่อง มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28133 | โครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2555/56 | พณ | 02/07/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ทำหน้าที่ประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบราคา ปริมาณ วงเงินการรับจำนำข้าวเปลือกของเกษตรกรและระยะเวลาการรับจำนำโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต ๒๕๕๕/๕๖ ตามมติคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๖/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ทั้งนี้ โดยยังคงอยู่ในกรอบรวมของปริมาณการรับจำนำข้าวเปลือกและกรอบวงเงินในการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๖ (เรื่อง โครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต ๒๕๕๕/๕๖ ครั้งที่ ๒) โดย ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ โครงการรับจำนำข้าวเปลือกต้องอยู่ในกรอบวงเงิน ๕๐๐,๐๐๐ ล้านบาท ๒. เห็นชอบมาตรการการป้องกันการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานต่าง ๆ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือปฏิบัติงานอย่างเคร่งครัด ตามมติคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๖/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๖ และให้รายงานผลการดำเนินการต่อคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่กำหนด ๓. เห็นชอบแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูกข้าวเพื่อลดต้นทุนการผลิตข้าวและเพิ่มรายได้ให้แก่ชาวนา (zoning) ตามมติคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๖/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับไปประสานงานกับกระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการจัดหาพื้นที่เพาะปลูกพืชพลังงานทดแทน เช่น อ้อย ปาล์มน้ำมัน และหญ้าเนเปียร์ (napier) เป็นต้น ให้แก่เกษตรกรที่ประสงค์จะปรับเปลี่ยนการเพาะปลูกเพื่อเพิ่มรายได้ของตนเอง และให้กระทรวงพลังงานเร่งรัดการดำเนินการเพื่อให้มีการจัดตั้งสถานประกอบการเพื่อรองรับผลิตผลจากพืชพลังงานทดแทนดังกล่าวโดยเร็วต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28134 | การขอต่อเวลาการดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต (นักบริหารการทูต ระดับสูง) ครั้งที่ 1 (กระทรวงการต่างประเทศ) (นายนรชิต สิงหเสนี และนายวีรชัย พลาศรัย) | กต | 02/07/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของเอกอัครราชทูตประจำต่างประเทศ ซึ่งดำรงตำแหน่งติดต่อกันเป็นเวลาครบ ๔ ปี ในวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ต่อไปอีก ๑ ปี ครั้งที่ ๑ ตั้งแต่วันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๗ จำนวน ๒ ราย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. นายนรชิต สิงหเสนี เอกอัครราชทูต คณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ๒. นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮก ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28135 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ (จำนวน 8 คน 1. นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา ฯลฯ) | กษ | 02/07/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ จำนวน ๘ คน เนื่องจากกรรมการชุดเดิมได้ดำรงตำแหน่งมาครบกำหนดสามปีตามวาระแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา ผู้ทรงคุณวุฒิ ๒. นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล ผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. นายวิศิษฎ์ ลิ้มประนะ ผู้ทรงคุณวุฒิ ๔. นายอรรณพ คุณาวงษ์กฤต ผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ผู้แทนเกษตรกรและสหกรณ์การเกษตร ๖. นายประสิทธิ์ บุญเฉย ผู้แทนเกษตรกรและสหกรณ์การเกษตร ๗. นายอนันต์ ศิริมงคลเกษม ผู้แทนเกษตรกรและสหกรณ์การเกษตร ๘. นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ผู้แทนเกษตรกรและสหกรณ์การเกษตร
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28136 | การมอบหมายให้รัฐมนตรีเป็นผู้ตรวจพิจารณาร่างมติคณะรัฐมนตรี | นร04 | 02/07/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการมอบหมายให้รัฐมนตรีเป็นผู้ตรวจพิจารณาร่างมติคณะรัฐมนตรี รวมทั้งกรณีที่รัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายไม่อยู่ หรืออยู่แต่มิอาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ตามลำดับ ดังนี้
๑. รองนายกรัฐมนตรี (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ๒. รองนายกรัฐมนตรี (นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา)
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28137 | แนวทางดำเนินการเกี่ยวกับคำพิพากษาศาลปกครองกลางคดีการบริหารจัดการน้ำ วงเงิน 350,000 ล้านบาท | นร04 | 02/07/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่ได้มีคำพิพากษาศาลปกครองกลางให้รัฐบาลปฏิบัติหน้าที่ตามที่มาตรา ๕๗ วรรคสอง และมาตรา ๖๗ วรรคสองของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยกำหนด โดยให้นำแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำไปดำเนินการจัดให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้เสียอย่างทั่วถึงก่อนที่จะดำเนินการจ้างออกแบบและก่อสร้างในแต่ละแผนงาน (Module) ต่อไปนั้น เพื่อให้การดำเนินการต่าง ๆ เป็นไปอย่างถูกต้องตรงตามคำพิพากษาดังกล่าว จึงมอบให้คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) และกระทรวงมหาดไทยรับไปดำเนินการให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่เกี่ยวข้องตามนัยคำพิพากษาศาลปกครองกลางดังกล่าวโดยเร็วต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28138 | รายงานผลการประชุมเชิงปฎิบัติการและการตรวจราชการในพื้นที่เพื่อจัดทำยุทธศาสตร์จังหวัดยโสธรและมุกดาหาร | นร04 | 02/07/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีรายงานการเดินทางไปตรวจราชการและเป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อจัดทำยุทธศาสตร์จังหวัดยโสธรและจังหวัดมุกดาหารให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ประเทศ ระหว่างวันที่ ๓๐ มิถุนายน-๑ กรกฎาคม ๒๕๕๖ โดยมีปลัดกระทรวงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมด้วย สรุปได้ ดังนี้
๑. จังหวัดยโสธร เป็นจังหวัดที่มีการปลูกข้าวหอมมะลิเกษตรอินทรีย์ที่มีคุณภาพดีมากที่สุด แต่เกษตรกรที่ปลูกข้าวดังกล่าวไม่ได้เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเพราะข้าวเกษตรอินทรีย์ที่ปลูกสามารถขายได้ในราคาที่สูงกว่าราคาในโครงการรับจำนำข้าว รวมทั้งข้าวดังกล่าวส่งออกไปยังต่างประเทศประมาณร้อยละ ๘๐ ส่วนที่เหลือบริโภคภายในประเทศเพียงร้อยละ ๒๐ เท่านั้น จึงมอบให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำผลการวิจัยและพัฒนา (R & D) ที่เกี่ยวข้องมาสนับสนุนส่งเสริมให้มีการพัฒนาคุณภาพและขยายพื้นที่เพาะปลูกให้มากยิ่งขึ้นเพื่อให้เป็นจังหวัดต้นแบบการปลูกข้าวหอมมะลิเกษตรอินทรีย์ และการสร้างมูลค่าเพิ่มจากการนำข้าวหัก ปลายข้าว รำข้าวมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวชนิดแคปซูล เป็นต้น โดยเน้นความปลอดภัยและปลอดสารเคมีอย่างครบวงจร รวมทั้งสนับสนุนให้มีการเพาะปลูกพืชชนิดต่าง ๆ เช่น อ้อยและมันสำปะหลังควบคู่กันไปด้วยเพื่อพัฒนาให้กับเกษตรกรในจังหวัดมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นต่อไป ทั้งนี้ เนื่องจากพื้นที่ในจังหวัดยโสธรส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เพาะปลูกข้าว และปัญหาที่เกษตรกรประสบอยู่คือ การขาดแคลนน้ำที่จะนำมาใช้เพาะปลูกข้าว จึงมอบให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการบริหารจัดการน้ำและแหล่งน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการเพื่อช่วยเพิ่มผลผลิตและรายได้ของเกษตรกรในจังหวัดดังกล่าว ทั้งนี้ ให้ขยายผลการดำเนินโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ให้เกิดประโยชน์แก่เกษตรกรให้มากยิ่งขึ้นด้วย ๒. จังหวัดมุกดาหาร เป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ติดต่อกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยมีแม่น้ำโขงเป็นเส้นกั้นพรมแดน เป็นจังหวัดที่มีรายได้สูงจากแหล่งท่องเที่ยวประเภท homestay แต่รายได้เฉลี่ยต่อหัวของประชากรในจังหวัดอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างต่ำ เนื่องจากรายได้ที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่เป็นรายได้ที่ผ่านไปยังประเทศเพื่อนบ้าน จึงมอบให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวของจังหวัดประเภท homestay ให้เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งพัฒนาเป็นการพำนักระยะยาว (longstay) ต่อไปด้วย และให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อส่งเสริมการค้าและการลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมแปรรูป การบริหารจัดการระบบการจัดส่งสินค้า (logistics) เพื่อให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น รวมทั้งเสริมสร้างจุดแข็งของจังหวัดในด้านต่าง ๆ ให้มีความพร้อมรองรับโครงการเชื่อมเส้นทางคมนาคมตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic Corridor) ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28139 | การส่งเรื่องคืนและการติดตามการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีกรณีที่มีการปรับเปลี่ยนรัฐมนตรี | นร04 | 02/07/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอเกี่ยวกับการส่งเรื่องคืนและการติดตามการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีกรณีที่มีการปรับเปลี่ยนรัฐมนตรี ดังนี้
๑. การส่งเรื่องคืน ๑.๑ กรณีเป็นเรื่องที่รัฐมนตรีเจ้าสังกัดหรือรองนายกรัฐมนตรีที่ลงนามเสนอเรื่องพ้นจากตำแหน่งและเรื่องอยู่ระหว่างการดำเนินการของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งเรื่องดังกล่าวคืน เพื่อให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดหรือรองนายกรัฐมนตรีท่านใหม่พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ๑.๒ กรณีเป็นเรื่องที่รัฐมนตรีเจ้าสังกัดหรือรองนายกรัฐมนตรีที่ลงนามเสนอเรื่องพ้นตำแหน่ง แต่เรื่องดังกล่าวได้ดำเนินการตามขั้นตอนไปจนคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องได้พิจารณามีมติแล้ว ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีดำเนินการเรื่องดังกล่าวเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไปได้ โดยไม่ต้องส่งเรื่องคืน ๑.๓ กรณีเป็นเรื่องที่รัฐมนตรีเจ้าสังกัดที่ลงนามเสนอเรื่องเป็นท่านเดิม แต่มีการเปลี่ยนแปลงรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับการบริหารราชการหรือสั่งและปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรีในเรื่องนั้น ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเรื่องดังกล่าวเสนอรองนายกรัฐมนตรีท่านใหม่ตามนัยคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ ๑๕๑-๑๕๒/๒๕๕๖ ลงวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖ และดำเนินการต่อไปได้ โดยไม่ต้องส่งเรื่องคืน ๒. การติดตามการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีรวบรวมมติคณะรัฐมนตรีในเรื่องต่าง ๆ ที่ได้มีการสั่งการหรือมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี/รัฐมนตรีที่พ้นตำแหน่งหรือที่มีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งรับไปดำเนินการเพื่อแจ้งให้รองนายกรัฐมนตรี/รัฐมนตรีท่านใหม่ที่เกี่ยวข้องทราบเพื่อติดตามและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28140 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมรถยนต์ขนาดเล็กที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิดด้วยประกายไฟที่ใช้ก๊าซธรรมชาติหรือก๊าซปิโตรเลียมเหลวเป็นเชื้อเพลิง เฉพาะด้านความปลอดภัย : สารมลพิษจากเครื่องยนต์ ระดับที่ 1 ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก | 02/07/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมรถยนต์ขนาดเล็กที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิดด้วยประกายไฟที่ใช้ก๊าซธรรมชาติหรือก๊าซปิโตรเลียมเหลวเป็นเชื้อเพลิง เฉพาะด้านความปลอดภัย : สารมลพิษจากเครื่องยนต์ ระดับที่ ๑ ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมรถยนต์ขนาดเล็กที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิดด้วยประกายไฟที่ใช้ก๊าซธรรมชาติหรือก๊าซปิโตรเลียมเหลวเป็นเชื้อเพลิง เฉพาะด้านความปลอดภัย : สารมลพิษจากเครื่องยนต์ ระดับที่ ๑ ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
.....
