ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1403 จากทั้งหมด 6223 หน้า แสดงรายการที่ 28041 - 28060 จากข้อมูลทั้งหมด 124445 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 28041 | ขออนุมัติจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการด้านธรณีวิทยาและทรัพยากรแร่ระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมภายใต้รัฐบาลไทยกับกระทรวงพลังงานและแร่ภายใต้รัฐบาลสหสาธารณรัฐแทนซาเนีย | ทส | 19/07/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจด้านธรณีวิทยาและทรัพยากรแร่ระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมภายใต้รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงพลังงานและแร่ภายใต้รัฐบาลแห่งสหสาธารณรัฐแทนซาเนีย จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อก่อให้เกิดความร่วมมือทางวิชาการทางด้านการจัดการธรณีวิทยาและทรัพยากรแร่ของราชอาณาจักรไทยและสหสาธารณรัฐแทนซาเนีย บนพื้นฐานของความเท่าเทียมและการมีผลประโยชน์ร่วมกัน ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของราชอาณาจักรไทย ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือกระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ในระหว่างการเดินทางเยือนสหสาธารณรัฐแทนซาเนียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๖ |
|||||||||||||||||||||||||||
| 28042 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (นายศุภชัย คุณารัตนพฤกษ์ และนายสุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย) | สธ | 19/07/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล โดยให้อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของประธานกรรมการหรือกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๙ กรกฎาคม ๒๕๕๖) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายศุภชัย คุณารัตนพฤกษ์ ประธานกรรมการ ๒. นายสุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28043 | การปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กปต.) | นร08 | 19/07/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กปต.) ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๗๘/๒๕๕๖ เรื่อง ปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ลงวันที่ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28044 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายสหวัฒน์ แน่นหนา และนายเอนก สีหามาตย์) | วธ | 19/07/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงวัฒนธรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้
๑. นายสหวัฒน์ แน่นหนา ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวง ระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายเอนก สีหามาตย์ ดำรงตำแหน่งอธิบดี (นักบริหาร ระดับสูง) กรมศิลปากร
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28045 | ขออนุมัติจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการจัดการอุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่าระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมภายใต้รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและการท่องเที่ยวภายใต้รัฐบาลแห่งสหสาธารณรัฐแทนซาเนีย | ทส | 19/07/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการจัดการอุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่าระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมภายใต้รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและการท่องเที่ยวภายใต้รัฐบาลแห่งสหสาธารณรัฐแทนซาเนีย จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและพัฒนาความร่วมมือทางวิชาการระหว่างราชอาณาจักรไทยและสหสาธารณรัฐแทนซาเนียในการจัดการอุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่าโดยอยู่บนพื้นฐานความเท่าเทียมกันและได้รับประโยชน์ร่วมกัน ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างบันทึกความเข้าใจในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของราชอาณาจักรไทย ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือกระทรวงการต่างประเทศ สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ในระหว่างการเดินทางเยือนสหสาธารณรัฐแทนซาเนียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ ๓๐ กรกฎาคม-๑ สิงหาคม ๒๕๕๖ |
|||||||||||||||||||||||||||
| 28046 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ (จำนวน 5 ราย 1.รองศาสตราจารย์คุณหญิง สุมณฑา พรหมบุญ ฯลฯ) | ศธ | 19/07/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ ชุดใหม่ จำนวน ๕ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๖ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้
๑. รองศาสตราจารย์ คุณหญิงสุมณฑา พรหมบุญ เป็นประธานกรรมการ ๒. ศาสตราจารย์ประสาท สืบค้า เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิทยาศาสตร์ ที่มาจากบัญชีรายชื่อที่เจ้าหน้าที่โรงเรียนเสนอ ๓. รองศาสตราจารย์ศักรินทร์ ภูมิรัตน เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิทยาศาสตร์ ที่มาจากบัญชีรายชื่อที่ผู้ปกครองนักเรียนเสนอ ๔. รองศาสตราจารย์เอกชัย ลีลารัศมี เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิทยาศาสตร์ ๕. นางฉันทวิทย์ สุชาตานนท์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งมิใช่ข้าราชการ หรือผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28047 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (จำนวน 4 ราย 1. นายอารี ไกรนรา ฯลฯ) | พณ | 19/07/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน ๔ ราย ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
๑. นายอารี ไกรนรา ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ) ๒. นายชัยวัฒน์ ทรัพย์รวงทอง ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายยรรยง พวงราช) ๓. นายสมหวัง อัสราษี ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ) ๔. นายสุวัฒน์ ม่วงศิริ ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายยรรยง พวงราช)
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28048 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล และ นางสาวศรีญาดา ปาลิมาพันธ์) | พม | 19/07/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน ๒ ราย ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ดังนี้
๑. นายเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ๒. นางสาวศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28049 | ขออนุมัติการจัดทำและลงนามร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพลังงานแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงทรัพยากรธรณีแห่งสาธารณรัฐโมซัมบิกว่าด้วยความร่วมมือด้านน้ำมันและก๊าซธรรมชาติและการพัฒนา (Memorandum of Understanding Between the Ministry of Energy the Kingdom of Thailand and the Ministry of Mineral Resources of the Republic of Mozambique on Cooperation in field of Oil and Gas and Development) | พน | 19/07/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
๑. เห็นชอบและอนุมัติให้มีการลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพลังงานแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงทรัพยากรธรณีแห่งสาธารณรัฐโมซัมบิกว่าด้วยความร่วมมือด้านน้ำมันและก๊าซธรรมชาติและการพัฒนา (Memorandum of Understanding Between the Ministry of Energy of the Kingdom of Thailand and the Ministry of Mineral Resources of the Republic of Mozambique on Cooperation in field of Oil and Gas and Development) โดยสาระสำคัญของร่างบันทึกความเข้าใจฯ ระบุสาขาความร่วมมือด้านพลังงาน ได้แก่ ด้านปิโตรเลียม ปิโตรเคมี ก๊าซธรรมชาติ และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ภายใต้การให้เกียรติซึ่งกันและกันเพื่อผลแห่งการพัฒนา รวมทั้งรูปแบบความร่วมมือกำหนดให้ทั้งสองฝ่ายดำเนินการจัดตั้งคณะทำงานร่วมกัน (Joint Working Group : JWG) เพื่อดำเนินงานร่วมกันในการสนับสนุนสาขาความร่วมมือของบันทึกความเข้าใจฯ โดยจะมีการประชุมทุก ๒ ปี ผลัดกันระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐโมซัมบิก ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน) เป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงถ้อยคำของร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญ เพื่อให้สอดคล้องกับผลประโยชน์และนโยบายของไทย ให้กระทรวงพลังงานหารือร่วมกับกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อพิจารณาดำเนินการในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรีโดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28050 | ข้อเสนอแผนงาน/โครงการของจังหวัดนครนายก ในการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ ณ จังหวัดฉะเชิงเทรา วันที่ 30 - 31 มีนาคม 2556 | นร11 | 19/07/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบข้อเสนอแผนงาน/โครงการของจังหวัดนครนายก ในการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ ณ จังหวัดฉะเชิงเทรา วันที่ ๓๐-๓๑ มีนาคม ๒๕๕๖ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบโครงการที่มีความพร้อมและสามารถดำเนินการได้ทันที จำนวน ๔ โครงการ ตามที่จังหวัดนครนายกเสนอ โดยให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งจัดทำรายละเอียดคำขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ จัดส่งให้สำนักงบประมาณภายใน ๒ สัปดาห์ เพื่อสำนักงบประมาณพิจารณาวงเงินงบประมาณที่เหมาะสม โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นต่อไป ได้แก่ ๑.๑ โครงการภายใต้แผนงานบริการและปรับปรุงทัศนียภาพ จำนวน ๒ โครงการ วงเงิน ๔๐ ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์สร้างความร่มรื่นบริเวณสันเขื่อนขุนด่านฯ วงเงิน ๒๐ ล้านบาท (โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนขุนด่านปราการชล กรมชลประทาน) และโครงการก่อสร้างอาคารชมวิวและทัศนียภาพอ่างเก็บน้ำเขื่อนขุนด่านปราการชล และสิ่งก่อสร้างประกอบ วงเงิน ๒๐ ล้านบาท (โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนขุนด่านปราการชล กรมชลประทาน) ๑.๒ โครงการภายใต้แผนงานก่อสร้างและปรับปรุงอาคารบริการและอำนวยความสะดวกทางการท่องเที่ยว จำนวน ๒ โครงการ วงเงิน ๖๐ ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการก่อสร้างแหล่งเรียนรู้เชิงปฏิบัติการทางวิศวกรรมแหล่งน้ำและเทคโนโลยีการสร้างเขื่อน วงเงิน ๒๒ ล้านบาท (โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนขุนด่านปราการชล กรมชลประทาน) และโครงการพัฒนาและเพิ่มศักยภาพการบริการในการท่องเที่ยวหัวงานเขื่อนขุนด่านปราการชล วงเงิน ๓๘ ล้านบาท (สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดนครนายก กรมโยธาธิการและผังเมือง) ๒. ให้จังหวัดนครนายกรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณสันเขื่อนขุนด่านปราการชล ควรให้ความสำคัญกับการกำหนดเอกลักษณ์หรือการเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์ของเขื่อนขุนด่านปราการชล และจังหวัดนครนายก ส่งเสริมให้ภาคเอกชนหรือท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการหรือการจัดหาสถานที่เพื่อให้ชุมชนสามารถนำผลิตภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่นเข้ามาจำหน่ายภายในเขื่อนได้อย่างกลมกลืนและเป็นระเบียบ ส่วนการก่อสร้างและปรับปรุงอาคารเพื่ออำนวยความสะดวกและพัฒนาเป็นแหล่งเรียนรู้เชิงปฏิบัติการทางวิศวกรรมแหล่งน้ำและเทคโนโลยีการสร้างเขื่อน ควรให้ความสำคัญกับการแสดงแบบจำลองทางกายภาพด้านชลศาสตร์และการเรียนรู้เทคโนโลยีด้านการบริหารจัดการน้ำ การเตรียมแผนบริหารจัดการอาคารสถานที่ บุคลากร และการจัดหาแหล่งเงิน (รายได้) ที่จะนำมาใช้ในการบำรุงรักษา การประชาสัมพันธ์และการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สามารถเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านชลประทานแก่เยาวชน ประชาชนและนักท่องเที่ยวที่สำคัญ สำหรับแผนงาน/โครงการในส่วนที่เหลือ ให้จังหวัดนครนายกพิจารณาดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในคราวตรวจราชการที่จังหวัดนครนายก เมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๕๖ โดยเฉพาะในประเด็นการศึกษาความเป็นไปได้ทางเศรษฐกิจและสังคม การออกแบบทางภูมิทัศน์ที่เหมาะสม (Landscape) การวิเคราะห์ทางด้านการเงิน และการบริหารจัดการแผนธุรกิจด้านการตลาดให้มีความชัดเจนสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ตลอดจนจัดลำดับความสำคัญของแผนงาน/โครงการ โดยอาจแบ่งช่วงระยะเวลาการลงทุน (Phasing) ตามศักยภาพความพร้อมของหน่วยงานรับผิดชอบ รวมถึงบทบาทการมีส่วนร่วมของท้องถิ่น ชุมชน และภาคเอกชน ประกอบการพัฒนาพื้นที่บริเวณเขื่อนขุนด่านปราการชล (ขุนด่านแลนด์) ตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28051 | การลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างไทยกับโมซัมบิก | กก | 19/07/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ดังนี้
๑. การจัดทำและลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างไทยกับโมซัมบิก โดยสาระสำคัญของบันทึกความเข้าใจฯ เป็นการสนับสนุนการแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญ การอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้กับประชาชนของคู่ภาคี ส่งเสริมในการโฆษณาผ่านทางการประชาสัมพันธ์ โปสเตอร์ และหน่วยงานด้านการท่องเที่ยว รวมทั้งจัดตั้งคณะกรรมาธิการร่วมเพื่อดำเนินการภายใต้ความตกลง ทั้งนี้ หากก่อนลงนามมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขเอกสารดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพิจารณาดำเนินการในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรี โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก ๒. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างไทยกับโมซัมบิก (โดยระบุตำแหน่ง) ระหว่างเยือนสาธารณรัฐโมซัมบิกของนายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ ๒๘-๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๖ |
|||||||||||||||||||||||||||
| 28052 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นางนฤมล ธารดำรงค์ และ พลตำรวจเอก ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา) | รง | 19/07/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๙ กรกฎาคม ๒๕๕๖) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้
๑. นางนฤมล ธารดำรงค์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ๒. พลตำรวจเอก ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28053 | แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 154/2554 เรื่อง ยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ และปรับปรุงการจัดตั้งศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ | ยธ | 19/07/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๕๔/๒๕๕๔ เรื่อง ยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ โดยให้รองนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมาย เป็นผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ ๒. ปรับปรุงการจัดตั้งศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน (ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) เป็นผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28054 | รายงานความก้าวหน้างบลงทุนที่ดำเนินการล่าช้า และขอขยายระยะเวลาลงนามในสัญญาจ้างงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 - พ.ศ. 2556 | สธ | 19/07/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบความก้าวหน้างบลงทุนและปัญหาอุปสรรคที่ทำให้ดำเนินการล่าช้า ของงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔-พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ กระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินการบริหารงบประมาณ งบลงทุน ตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔-พ.ศ. ๒๕๕๖ ผลการจัดซื้อจัดจ้างล่าช้าไม่เป็นไปตามแผนปฏิบัติงาน ซึ่งต้องขอขยายระยะเวลาการลงนามสัญญา ภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ จำนวน ๒๔ รายการ ประกอบด้วย สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข จำนวน ๒๒ รายการ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จำนวน ๑ รายการ และกรมอนามัย จำนวน ๑ รายการ ๑.๒ สาเหตุของการดำเนินการล่าช้า เนื่องจาก ๑.๒.๑ แบบแปลนก่อสร้างของกองแบบแผนเป็นแบบมาตรฐานกลาง บางแบบไม่เหมาะกับพื้นที่ ต้องมีการปรับปรุงรายละเอียดรูปแบบรายการ ๑.๒.๒ ขณะตั้งคำของบประมาณราคากองแบบแผน ยังไม่แล้วเสร็จ ๑.๒.๓ ไม่ได้เตรียมความพร้อมในการส่งมอบพื้นที่ให้ผู้รับจ้าง ๑.๒.๔ การเปลี่ยนแปลงฐานรากและเสาเข็ม ตามผลการทดสอบดิน ๑.๒.๕ เจ้าหน้าที่พัสดุ/ผู้ปฏิบัติงานขาดความรู้ ความเข้าใจเรื่องระเบียบพัสดุฯ และขั้นตอนการดำเนินงานการจัดซื้อ/จัดจ้าง การดำเนินงานจึงไม่เป็นไปตามระเบียบพัสดุฯ ทำให้ต้องแจ้งกรมบัญชีกลางเพื่อขอยกเว้นผ่อนผันการไม่ปฏิบัติตามระเบียบพัสดุฯ (กวพ.อ) ๑.๒.๖ งบประมาณที่ได้รับจัดสรรต่ำกว่าความเป็นจริงจนไม่สามารถนำไปดำเนินการจัดหาได้ ต้องดำเนินการหลายครั้ง ๑.๒.๗ ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างหลายครั้ง เนื่องจากไม่มีผู้รับจ้างเสนอราคา ๑.๒.๘ เจ้าหน้าที่ขาดทักษะการบริหารสัญญา ๑.๓ กระทรวงสาธารณสุขได้มีมาตรการและแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดย ๑.๓.๑ แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงสาเหตุของความล่าช้า ๑.๓.๒ หลังงบประมาณผ่านคณะรัฐมนตรี แจ้งหน่วยงานที่จะได้รับจัดสรรงบประมาณดำเนินขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างล่วงหน้าโดยให้ดำเนินไปตามระเบียบพัสดุและจะลงนามสัญญาต่อเมื่อได้รับจัดสรรเงินงบประมาณ ๑.๓.๓ จัดฝึกอบรมให้ความรู้แก่เจ้าหน้าที่พัสดุในภูมิภาคเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับระเบียบฯ ว่าด้วยการจัดซื้อ/จัดจ้าง มติคณะรัฐมนตรี และกฎหมายข้อบังคับที่เกี่ยวข้องเพื่อป้องกันไม่ให้ดำเนินการผิดระเบียบฯ ต้องขอผ่อนผันไม่ปฏิบัติตามระเบียบต่อ กวพ.อ. และการบริหารสัญญา ทุกหน่วยงาน ๑.๓.๔ หน่วยงานที่รับผิดชอบเร่งรัดติดตามผลการดำเนินงานส่วนภูมิภาคทุกรายการ เพื่อทราบและหาแนวทางแก้ไขปัญหา ๑.๓.๕ ติดตามเร่งรัดการจัดซื้อจัดจ้างและบริหารสัญญา โดยคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการจัดซื้อ/จัดจ้างของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ๒. สำหรับการขอขยายระยะเวลาการลงนามในสัญญาจ้างภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ จำนวน ๒๔ รายการ นั้น ให้กระทรวงสาธารณสุขนำเสนอคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ พิจารณารายละเอียดเหตุผลและความจำเป็นของการขอขยายระยะเวลาดังกล่าว ตามขั้นตอนตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๕๖ (เรื่องมาตรการเร่งรัดติดตามการใช้จ่ายเงินปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ เพิ่มเติม) แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28055 | แต่งตั้งข้าราชการการเมือง (จำนวน 15 ราย 1. พลตำรวจเอก เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ฯลฯ) | นร04 | 19/07/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน ๑๕ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๙ กรกฎาคม ๒๕๕๖) เป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. พลตำรวจเอก เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ๒. พลตำรวจตรี เกษม รัตนสุนทร ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง (รองนายกรัฐมนตรี พลตำรวจเอก ประชา พรหมนอก) ๓. นายปรีชา ธนานันท์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (พลตำรวจเอก ประชา พรหมนอก) ๔. นายซูการ์โน มะทา ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง (รองนายกรัฐมนตรี นายปลอดประสพ สุรัสวดี) ๕. นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายปลอดประสพ สุรัสวดี) ๖. นางลินดา เชิดชัย ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง (รองนายกรัฐมนตรี นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ๗. นายพศ อดิเรกสาร ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ๘. พลเอก วรวิทย์ ชินะนาวิน ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง (รองนายกรัฐมนตรี นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา) ๙. นางฐิติมา ฉายแสง ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา) ๑๐. นายวิม รุ่งวัฒนจินดา ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายวราเทพ รัตนากร) ๑๑. นายวิมล จันทร์จิราวุฒิกุล ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสันติ พร้อมพัฒน์) ๑๒. นายเสถียร วิพรมหา ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสันติ พร้อมพัฒน์) ๑๓. พันตำรวจเอก บรรจบ สุดใจ ดำรงตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ๑๔. นายพรเทพ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ ดำรงตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ๑๕. นายคารม พลพรกลาง ดำรงตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28056 | ขออนุมัติลงนามในข้อตกลงว่าด้วยการซื้อขาย สะพานเครื่องหนุนมั่นขนาดหนัก ในฐานะผู้แทนรัฐบาลไทย | กห | 19/07/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการให้ผู้บัญชาการทหารบก หรือผู้แทน (เจ้ากรมการทหารช่าง) เป็นผู้ลงนามในข้อตกลงว่าด้วยการซื้อขายสะพานเครื่องหนุนมั่นขนาดหนัก พร้อมอุปกรณ์ ในฐานะผู้แทนรัฐบาลไทย รวมทั้งการลงนามในเอกสารการแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อตกลงจัดซื้อที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง เฉพาะในกรณีแก้ไขรายละเอียดที่มิใช่สาระสำคัญ โดยวงเงินรวมไม่เพิ่มขึ้นจากที่ได้รับอนุมัติไว้ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ๒. ให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของสำนักงานอัยการสูงสุดไปพิจารณาดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ กองทัพบกควรพิจารณาปรับปรุงสัดส่วนจำนวนเงินในงวดที่ ๑ และงวดที่ ๒ ที่ต้องชำระตามร่างความตกลงฯ เพื่อให้ได้สัดส่วนเหมาะสมกับการส่งมอบและการตรวจรับพัสดุในประเทศไทย ๒.๒ หลักประกันการจ่ายเงินล่วงหน้าตามร่างความตกลงฯ ซึ่งกำหนดให้ออกโดย Bank of China กองทัพบกควรพิจารณาว่าจะเป็นการสะดวกในการบังคับชำระหนี้ตามหลักประกันหรือไม่ ๒.๓ กองทัพบกควรตรวจสอบเนื้อหา รายละเอียดและหมายเลขกำกับเอกสารแนบท้ายให้ถูกต้องและสอดคล้องกับร่างความตกลงฯ ที่สำนักงานอัยการสูงสุดตรวจพิจารณา ๒.๔ การกำหนดขั้นตอนให้มีการตรวจสายการผลิตสิ่งของที่จัดหาในต่างประเทศ การตรวจสอบสิ่งของที่จัดหาในต่างประเทศก่อนการตรวจรับในประเทศ การฝึกอบรมในต่างประเทศ รวมถึงการลงนามความตกลงในต่างประเทศ โดยกำหนดให้ผู้ขายรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ซึ่งผู้ขายย่อมต้องนำค่าใช้จ่ายดังกล่าวมารวมอยู่ในราคาที่ซื้อขายด้วย นั้น เป็นการฝ่าฝืนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๒๓ ที่ให้ส่วนราชการจัดซื้อตั้งงบประมาณสำหรับค่าใช้จ่ายในการดูงานไว้ต่างหาก โดยพิจารณาความจำเป็นเป็นสำคัญ ฯลฯ รวมทั้งกำหนดเงื่อนไขในการประกวดราคาให้ชัดเจนว่าในกรณีจำเป็นต้องส่งข้าราชการไปฝึกงานต่างประเทศเพื่อศึกษาหาความชำนาญในการใช้เครื่องจักรเครื่องมือที่สั่งซื้อ ผู้ซื้อจะรับผิดชอบในค่าใช้จ่ายดังกล่าวเอง ผู้ขายมีหน้าที่จัดฝึกอบรมให้เท่านั้น ๒.๕ การกำหนดให้มีการชำระเงิน ๘๕% ของมูลค่าตามสัญญา โดยการเปิด Letter of Credit ประเภท Confirmed, irrevocable, partial payable, transferable and divisible L/C นั้น กองทัพบกควรทำความตกลงกับฝ่ายจีนให้เกิดความชัดเจนว่าค่าธรรมเนียมที่เกิดขึ้นจากการเปิด L/C ตามที่ได้กำหนดไว้คู่สัญญาจะรับภาระค่าธรรมเนียมที่เกิดขึ้นอย่างไร ๒.๖ กรณีผู้ขายให้การรับประกันความต่อเนื่องของ spare parts และ services อื่น ๆ ไม่น้อยกว่า ๑๕ ปี โดยจะมีการทำความตกลงต่างหาก (separate contracts) กองทัพบกควรทำความตกลงถึงขอบเขตและกำหนดเวลาการทำ separate contracts ดังกล่าว เพื่อให้การรับประกันส่วนนี้มีความเป็นรูปธรรม ๓. ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการให้ขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๔. ในส่วนการขอยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ นั้น ให้ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นว่า การจัดซื้อสะพานเครื่องหนุนมั่นขนาดหนักของกระทรวงกลาโหมเป็นเรื่องเกี่ยวกับการพัสดุซึ่งอยู่ในบังคับของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ ๑๒) ได้เคยให้ความเห็นว่า ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ ได้กำหนดไว้ชัดเจนว่า ให้คณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุเป็นองค์กรที่มีอำนาจยกเว้นหรือผ่อนผันการไม่ปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ คณะรัฐมนตรีจึงไม่มีอำนาจยกเว้นหรือผ่อนผันการไม่ปฏิบัติตามระเบียบดังกล่าว ดังนั้น เมื่อกระทรวงกลาโหมประสงค์จะขอยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ จึงสมควรปฏิบัติตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาดังกล่าว |
|||||||||||||||||||||||||||
| 28057 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (นายธานินทร์ อังสุวรังษี) | กค | 19/07/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายธานินทร์ อังสุวรังษี เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์แทนนายชัยเกษม นิติสิริ กรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ที่ขอลาออก ทั้งนี้ ให้ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งดำรงตำแหน่งแทนอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งตนแทน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28058 | ผลการประชุมร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ครั้งที่ 4/2556 | นร11 | 19/07/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ครั้งที่ ๔/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ณ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมีรายละเอียดข้อเสนอเพื่อพิจารณาของคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน ๓ สถาบัน (กกร.) (สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย) สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) และสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ๒. เห็นชอบตามมติที่ประชุมร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ครั้งที่ ๔/๒๕๕๖ ณ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการตามมติที่ประชุม รวมทั้งรายงานผลการดำเนินงานให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป สรุปได้ ดังนี้ ๒.๑ ข้อเสนอของ กกร. ๒.๑.๑ การส่งเสริมการค้าและการลงทุน ๒.๑.๑.๑ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประสานคณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นมพิจารณาในรายละเอียดของความคุ้มค่าและความเหมาะสมของโครงการพัฒนานวัตกรรมการเลี้ยงโคนมและนมอินทรีย์ครบวงจร โดยเฉพาะรูปแบบและกลไกการบริหารจัดการที่ไม่เป็นภาระต่องบประมาณของรัฐในอนาคต รวมทั้งความเชื่อมโยงกับกลไกดำเนินงานที่มีอยู่ในพื้นที่ ๒.๑.๑.๒ ให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการต่างประเทศ และภาคเอกชน เพื่อปรับปรุงประกาศกฎกระทรวงใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและจังหวัดสระบุรีตามขั้นตอนต่อไป ๒.๑.๑.๓ ให้สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยจัดทำรายละเอียดคำร้องพร้อมเหตุผลการขอเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินต่อเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา เพื่อประกอบการปรับปรุงผังเมืองรวมพระนครศรีอยุธยาต่อไป และให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาเร่งรัดขั้นตอนการปรับปรุงประกาศกฎกระทรวงใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดสระบุรีตามพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. ๒๕๑๘ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ๒.๑.๑.๔ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ศึกษาความเป็นไปได้และความเหมาะสมของโครงการพัฒนาคลัสเตอร์อุตสาหกรรมการเกษตร ตามที่ภาคเอกชนเสนอ รวมทั้งรูปแบบการบริหารจัดการของโครงการฯ อย่างยั่งยืน และความเชื่อมโยงกลไกดำเนินการที่มีอยู่ในพื้นที่ ๒.๑.๒ การพัฒนาโครงข่ายคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ ให้กระทรวงคมนาคมรับไปพิจารณา ๒.๑.๒.๑ เร่งรัดโครงการก่อสร้างถนน ๓ เส้นทาง [ถนนวงแหวนต่างระดับ ๙ สาย ตัด ๓๔๐ และตัด ๓๔๕ เชื่อมโยงจังหวัดนนทบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี, ทางด่วนโทลเวย์ (รังสิต-ประตูน้ำพระอินทร์) และเส้นทางหมายเลข ๓๒ ต่อเชื่อมกับสถานีรถไฟมาบพระจันทร์ ที่อำเภอนครหลวง (สถานีขนส่งสินค้า)] การขยายช่องจราจรจาก ๒ ช่องจราจร เป็น ๔ ช่องจราจร ๓ เส้นทาง [ถนนเลียบคลองเจ็ด ฝั่งตะวันตก (ปท. ๓๐๐๔) อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี ระยะทาง ๑๐.๔ กิโลเมตร, เส้นทางหมายเลข ๓๒๙ (มาจากหินกอง) ช่วงอำเภอนครหลวง-อำเภอบางปะหัน เพื่อการขนส่งลงทางน้ำของแม่น้ำป่าสัก และถนน ๓๐๕๖ อำเภอภาชี-อำเภออุทัย-อำเภอบางปะอิน ชนหมายเลข ๓๒ เส้นทางหลักของทางออกนิคมอุตสาหกรรมโรจนะไปกรุงเทพมหานคร] และโครงการก่อสร้างขยายถนนหมายเลข ๙ จากแยกทางต่างระดับ ๓๔๐ (จังหวัดนนทบุรี พระนครศรีอยุธยา และปทุมธานี) จาก ๔ ช่องจราจร เป็น ๑๐ ช่องจราจร ตามที่ภาคเอกชนเสนอ ไปประกอบการพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของเส้นทางตามความจำเป็นและความเร่งด่วน เพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณประจำปีหรือการสนับสนุนจากแหล่งเงินกู้เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ วงเงิน ๒ ล้านล้านบาท ตามขั้นตอนต่อไป โดยให้พิจารณาข้อจำกัดของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องด้วย ๒.๑.๒.๒ รับข้อเสนอการขยายเส้นทางรถไฟสายสีม่วงจากบางใหญ่-ไทรน้อย (๒.๕ กิโลเมตร) และเชื่อมโยงกับรถไฟฟ้าสายสีชมพูบนถนนชัยพฤกษ์ ระยะทาง ๙ กิโลเมตร (สายสีทอง) ไปพิจารณาการออกแบบในภาพรวม โดยอาจดำเนินการจัดระบบขนส่งผู้โดยสารเพื่อเชื่อมต่อสถานีรถไฟฟ้าทั้งสองสายด้วย ๒.๑.๒.๓ รับข้อเสนอการสนับสนุนโครงการศึกษา ๒ โครงการ ได้แก่ การปรับปรุงสะพานนวลฉวีเพื่อการสัญจรทางน้ำ และการยกระดับเส้นทางรถไฟ เพื่อการแก้ไขปัญหาการจราจร กรณีเส้นทางรถไฟผ่ากลางเมือง จังหวัดสระบุรี ไปประกอบการศึกษาความเหมาะสมและความจำเป็นของโครงการ รวมทั้งพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของโครงการตามความจำเป็นและความเร่งด่วนเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณจากแหล่งเงินที่เหมาะสมต่อไป ๒.๑.๓ การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ๒.๑.๓.๑ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาในรายละเอียดของโครงการก่อสร้างประตูระบายน้ำและสถานีสูบน้ำคลองบางบัวทอง และเสนอต่อคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณตามข้อเสนอของภาคเอกชนต่อไป ทั้งนี้ ในการดำเนินการต้องทำความเข้าใจกับประชาชนและให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมในการติดตามตรวจสอบและประเมินผลโครงการอย่างใกล้ชิด ๒.๑.๓.๒ ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นและข้อเสนอแนะของภาคเอกชนไปประกอบการพิจารณาโครงการศึกษาความเหมาะสมของการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งพังในแม่น้ำป่าสัก และการพิจารณาจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าและการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งสินค้าทางน้ำได้ตามเป้าหมาย ๒.๒ ข้อเสนอของ กกร./สทท. ๒.๒.๑ การส่งเสริมการท่องเที่ยว ๒.๒.๑.๑ ให้กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอของภาคเอกชนไปหารือร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงวัฒนธรรม สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และ สทท. เพื่อประกอบการพิจารณาจัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด โดยคำนึงถึงความเชื่อมโยงกับแผนแม่บทการอนุรักษ์พัฒนาและฟื้นฟูประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา และแนวทางการบริหารจัดการศูนย์บริการนักท่องเที่ยวให้สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มจากการท่องเที่ยวอยุธยาเมืองมรดกโลก รวมทั้งเน้นกระบวนการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ๒.๒.๑.๒ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงมหาดไทย และ สทท. พิจารณาในรายละเอียดการพัฒนาถนนวัฒนธรรมไท-ยวนเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยให้คำนึงถึงการมีส่วนร่วมของชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการอนุรักษ์และสืบสานวัฒนธรรม การเชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมภายในกลุ่มจังหวัดและการส่งเสริมด้านการตลาด ๒.๓ เรื่องอื่น ๆ รวม ๖ เรื่อง เสนอโดย สทท./กกร. ๒.๓.๑ การเร่งรัดการวางแผนการบริหารจัดการสนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินภูเก็ต เพื่อเตรียมรองรับ High Season ๒.๓.๑.๑ ให้กระทรวงคมนาคมเป็นหน่วยงานหลักในการจัดตั้งคณะทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในรูปแบบเดียวกับที่เคยใช้แก้ไขปัญหากรณีท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ เพื่อแก้ไขปัญหาแออัดรองรับนักท่องเที่ยวของท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ตให้ทันกับฤดูกาลท่องเที่ยว ๒.๓.๑.๒ ให้กระทรวงคมนาคมประสานบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งรัดการเสนอแผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกของท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานภูเก็ต โดยเฉพาะในด้านการรองรับปริมาณผู้โดยสารที่จะเดินทางสู่กรุงเทพฯ โดยคำนึงถึงการแก้ไขปัญหาด้านผลกระทบของสิ่งแวดล้อมโดยรอบของท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิด้วย ๒.๓.๒ แนวทางการรณรงค์เพื่อดำเนินการด้านการใช้แรงงานเด็กและการใช้แรงงานบังคับ (ตามรายงานกระทรวงแรงงานสหรัฐอเมริกาเกี่ยวกับสถานการณ์การใช้แรงงานเด็กและการใช้แรงงานบังคับ) ให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงแรงงาน กระทรวงยุติธรรม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมประชาสัมพันธ์ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พิจารณาหาแนวทางและมาตรการป้องกันและแก้ไขร่วมกัน โดยใช้กลไกต่าง ๆ ที่มีอยู่ให้สามารถดำเนินงานได้อย่างเร่งด่วนและเป็นรูปธรรม ตลอดจนเผยแพร่แนวปฏิบัติด้านการใช้แรงงานที่ดีเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของอุตสาหกรรมและประเทศชาติต่อไป ๒.๓.๓ การทบทวนเกณฑ์การรวมธุรกิจที่ต้องขออนุญาตตามบทบัญญัติมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. ๒๕๔๒ ให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม และ กกร. พิจารณาการกำหนดแนวทางการหารือเพื่อทบทวนเกณฑ์การรวมธุรกิจที่ต้องขออนุญาต ตามบทบัญญัติมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยการพิจารณาให้คำนึงถึงผลกระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจในทุกระดับทั้งระบบร่วมกัน ๒.๓.๔ การแก้ไขพระราชบัญญัติศุลกากรในประเด็นว่าด้วยโทษสำ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28059 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายพิพัฒน์ชัย ไพบูลย์ และนายกฤษ ศรีฟ้า) | สธ | 19/07/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. ให้ถอนการแต่งตั้งนายกฤษ ศรีฟ้า ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข คืนไปได้ ๒. ให้แต่งตั้งนายพิพัฒน์ชัย ไพบูลย์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28060 | ข้อเสนอแผนงาน/โครงการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน 1 รวม 4 จังหวัด ในการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ ณ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วันที่ 18 - 19 กรกฎาคม 2556 | นร11 | 19/07/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบแผนงาน/โครงการที่มีความพร้อมและสามารถดำเนินการได้ทันที จำนวน ๒๓ โครงการ วงเงินรวม ๕๐๙.๓๘ ล้านบาท ประกอบด้วย ภาคกลางตอนบน ๑ (จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นนทบุรี ปทุมธานี และสระบุรี) จำนวน ๕ โครงการ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวน ๔ โครงการ จังหวัดนนทบุรี จำนวน ๖ โครงการ จังหวัดปทุมธานี จำนวน ๓ โครงการ และจังหวัดสระบุรี จำนวน ๕ โครงการ โดยให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งจัดทำรายละเอียดคำขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๖ จัดส่งให้สำนักงบประมาณภายใน ๒ สัปดาห์ เพื่อสำนักงบประมาณพิจารณาวงเงินงบประมาณที่เหมาะสม โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นต่อไป ๑.๒ ในกรณีโครงการใดที่หน่วยงานท้องถิ่นต้องรับผิดชอบในการบริหารจัดการและบำรุงรักษาภายหลังจากก่อสร้างโครงการแล้วเสร็จ ให้จังหวัดประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ได้ข้อยุติที่ชัดเจน ก่อนขอรับการจัดสรรงบประมาณจากสำนักงบประมาณต่อไป ๑.๓ สำหรับโครงการบริหารจัดการโครงข่ายแหล่งน้ำ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วงเงิน ๓๖.๑๗ ล้านบาท ให้จังหวัดพระนครศรีอยุธยารับไปหารือร่วมกับคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (กรมชลประทาน และกรมทรัพยากรน้ำ) เพื่อพิจารณาความเหมาะสมและความจำเป็นในการดำเนินโครงการฯ ให้ชัดเจนก่อน ทั้งนี้ หากผลการหารือได้ข้อยุติว่าโครงการฯ มีความจำเป็นในการดำเนินการ ให้จังหวัดยืนยันโดยให้ทำความตกลงกับสำนักงบประมาณในรายละเอียดตามขั้นตอน แต่หากมีการปรับเปลี่ยนการดำเนินโครงการใหม่ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ๑.๔ ให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานรับไปพิจารณาดำเนินการโครงการก่อสร้างอาคารเรียนระดับประถมศึกษา อาคารเรียนแบบ สปช ๒/๒๘ [โรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๕๕ (วัดโบสถ์ดอนพรหม) ตำบลบางกร่าง อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี และโรงเรียนวัดเสนีวงศ์ หมู่ที่ ๙ ตำบลหนองเพรางาย อำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี] วงเงิน ๑๓.๖๐ ล้านบาท ของสำนักงานเขตพื้นที่ประถมศึกษานนทบุรี เขต ๑ และ ๒ โดยปรับแผนเจียดจ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี เพื่อดำเนินการตามความเหมาะสม ๑.๕ ให้กรมทางหลวงชนบทรับไปพิจารณาดำเนินการโครงการปรับปรุงเส้นทางขนส่งสินค้าอุตสาหกรรม สายแยก ทล.๓๓๓๔-บ.ถนนโค้ง วงเงิน ๑๕.๐๐ ล้านบาท และโครงการปรับปรุงเส้นทางเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยว สายบ้านหินซ้อน วงเงิน ๑๕.๐๐ ล้านบาท ของสำนักงานทางหลวงชนบทจังหวัดสระบุรี โดยปรับแผนเจียดจ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี เพื่อดำเนินการตามความเหมาะสม ๑.๖ เห็นชอบในหลักการของกรอบข้อเสนอแผนงาน/โครงการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน ๑ รวม ๔ จังหวัด จำนวน ๓๔ โครงการ วงเงินรวม ๗๓,๒๐๒.๔๐ ล้านบาท โดยเห็นควรมอบให้หน่วยงานที่รับผิดชอบรับไปพิจารณาศึกษาความเหมาะสม และจัดทำรายละเอียดแผนงาน/โครงการ รวมทั้งดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบ กฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้วแต่กรณี เพื่อให้สำนักงบประมาณใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาจัดสรรงบประมาณประจำปีตามลำดับความสำคัญของแผนงาน/โครงการตามขั้นตอน ๒. สำหรับโครงการพัฒนาศูนย์ OTOP คอมเพล็กซ์สระบุรี มอบให้กระทรวงมหาดไทย (กรมการพัฒนาชุมชน) ประสานหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อให้การจัดตั้งศูนย์ดังกล่าวที่จะดำเนินการในที่ดินของเอกชนเป็นไปโดยถูกต้องตามข้อกฎหมายด้วย ๓. คณะรัฐมนตรีเห็นว่า โครงการแก้มลิงบ้านมาบพระจันทร์ กรอบวงเงิน ๓๘ ล้านบาท ของกรมชลประทาน เป็นโครงการที่จะเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรในการใช้น้ำเพื่อการเกษตร แต่อาจมีผลกระทบต่อกรุงเทพมหานครเนื่องจากเป็นพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งถ้าสามารถออกแบบให้ใช้ประโยชน์ได้ทั้งในด้านการส่งน้ำ การระบายน้ำ และการกักเก็บน้ำ ก็จะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างคุ้มค่า จึงขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับโครงการดังกล่าวไปพิจารณา หากมีความจำเป็นต้องดำเนินโครงการดังกล่าวให้เจียดจ่ายจากงบประมาณปกติที่ได้รับการจัดสรรไว้ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
.....
