ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 58 จากทั้งหมด 102 หน้า แสดงรายการที่ 1141 - 1160 จากข้อมูลทั้งหมด 2039 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1141 | รายงานผลการปฏิบัติงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน | ตผ | 21/08/2550 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปีงบ
ประมาณ พ.ศ. 2549 โดยสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ดำเนินการตรวจสอบเงินงบประมาณแผ่นดิน มูลค่า งานตามสัญญาซื้องาน 51,530.25 ล้านบาท ตรวจสอบเพื่อแสดงความเห็นต่องบการเงินรัฐวิสาหกิจ กองทุนและ เงินทุน หน่วยงานอิสระ/องค์การมหาชน และหน่วยงานอื่น ๆ มีมูลค่าสินทรัพย์ รวมทั้งสิ้น 14,049,951.70 ล้านบาท พบความเสียหายที่สามารถคำนวณเป็นตัวเงินได้ รวมทั้งสิ้น 2,604.86 ล้านบาท ดังนี้ ราชการส่วน กลางและส่วนภูมิภาค 1,471.34 ล้านบาท ราชการส่วนท้องถิ่น 296.66 ล้านบาท เมืองพัทยา 0.16 ล้านบาท และรัฐวิสาหกิจ 836.70 ล้านบาท ซึ่งมูลค่าความเสียหายดังกล่าวสามารถเรียกคืนหรือจัดเก็บได้ 457.79 ล้าน บาท ทั้งนี้ ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐนำผลการตรวจสอบไปปฏิบัติหรือดำเนินการปรับ ปรุงแก้ไขในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยในส่วนที่เกี่ยวกับราชการส่วนท้องถิ่น ให้กระทรวงมหาดไทยกำกับและติด ตามตรวจสอบการดำเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ ให้เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลอย่างใกล้ชิด และต่อเนื่องด้วย นอกจากนี้ ในการจัดทำรายงานในปีต่อ ๆ ไป สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินควรให้ข้อเสนอ แนะและแนวทางการแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ด้วย เพื่อคณะรัฐมนตรีจะได้พิจารณามอบหมายสั่งการได้ชัดเจน ยิ่งขึ้น |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 1142 | ร่างพระราชบัญญัติสภาองค์กรชุมชน พ.ศ. .... | พม | 07/08/2550 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับร่างพระราชบัญญัติ
สภาองค์กรชุมชน พ.ศ. .... ไปพิจารณาปรับปรุงแก้ไขร่วมกับกระทรวงมหาดไทย ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เครือข่าย องค์กรชุมชน และเครือข่ายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อให้ได้ข้อยุติในประเด็นปัญหาต่าง ๆ ตามความเห็นของ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และให้นำข้อสังเกตของกระทรวงมหาดไทยกรณีอำนาจหน้าที่ของสภาองค์กร ชุมชนบางส่วนที่อาจจะซ้ำซ้อนกับอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งอำนาจหน้าที่ในการตรวจ สอบและประเมินผลการดำเนินการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ไปพิจารณาด้วย แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรี พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 1143 | แผนการบรรเทาผลกระทบจากอุทกภัยและภัยแล้ง | นร | 07/08/2550 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรายงานผลการประชุมคณะกรรม
การการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการประชุมครั้งที่ 3/2550 เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2550 ที่มีมติมอบให้กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นประสานข้อมูลเกี่ยวกับงบประมาณในการดำเนินงาน ตามแผนกับกรมทรัพยากรน้ำ และแจ้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดทำและดำเนิน การตามแผนการบรรเทาผลกระทบจากอุทกภัยและภัยแล้งต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 1144 | ขออนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการฟื้นฟู อนุรักษ์ และพัฒนาบึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ | กษ | 24/07/2550 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอแต่งตั้งคณะกรรมการฟื้นฟู อนุรักษ์
และพัฒนาบึงบอเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ จำนวน 26 ท่าน โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็น ประธานกรรมการ และอธิบดีกรมประมง เป็นกรรมการและเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่กำหนดนโยบายและแนว ทางการพัฒนาบึงบอเพ็ด กำหนดแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาและแผนดำเนินโครงการในระยะต่าง ๆ ตามผลการ ศึกษาความเหมาะสม และอนุมัติแผนปฏิบัติการหรือโครงการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาบึงบอเพ็ดของส่วน ราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ รวมทั้งประสานและติดตามประเมินผล การดำเนินการพัฒนาบึงบอเพ็ดของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 1145 | ผลการประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ครั้งที่ 4/2550 | กค | 24/07/2550 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเสนอมติที่
ประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ในคราวประชุมครั้งที่ 4/2550 เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2550 ดังนี้ ให้กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท กรมชลประทาน กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวง สาธารณสุข จัดทำแผนการเบิกจ่ายงบประมาณเป็นรายเดือน ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2550 ถึงสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ให้ได้หรือใกล้เคียงเป้าหมายร้อยละ 93 ส่งให้กรมบัญชีกลาง โดยให้สำนักงบประมาณดูแลการปรับ แผนของกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงสาธารณสุข และรายงานผลการปรับแผนของส่วนราชการต่อที่ประชุม ครั้งต่อไป กับให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและเตรียม ข้อมูลเกี่ยวกับการโอนเงินว่า ยังมีเงินค้างอยู่ในธนาคารพาณิชย์เท่าไร และรายงานที่ประชุมในครั้งต่อไป และให้ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสมาคมอุตสาห กรรมก่อสร้างไทยหารือร่วมกัน แล้วทำหนังสือแจ้งส่วนราชการในเรื่องธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง รวมทั้ง ให้กรมบัญชีกลางพิจารณาประเด็นราคากลางต่ำกว่าความเป็นจริง หากต้องมีการปรับปรุงหลักเกณฑ์การคำนวณ ราคากลางงานก่อสร้างของทางราชการ ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป นอกจากนี้ ให้ สศช. ขอข้อมูลการค้างจ่าย ค่า K ของทุกส่วนราชการ และประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเรื่องระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการเบิกจ่ายเงิน ล่วงหน้า และการซอยโครงการขนาดใหญ่ และให้ธนาคารแห่งประเทศไทยดูแลในทางปฏิบัติเกี่ยวกับกฎระเบียบ การขึ้นบัญชีดำบุคคลให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 1146 | ร่างพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 24/07/2550 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างพระราช
บัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่ง ชาติ พ.ศ. 2507 โดยการเปิดโอกาสให้ชุมชนท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลรักษาป่า ปรับปรุงบัญชีอัตราค่า ธรรมเนียม ค่าภาคหลวง และค่าบำรุงป่าให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ปัจจุบัน และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการ กฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติ บัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป โดยให้รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี ที่ เห็นควรกำหนดรายละเอียด และวิธีการคัดเลือกผู้ที่เป็นผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่จะร่วมเป็นคณะกรรม การควบคุมและรักษาป่าสงวนแห่งชาติให้ชัดเจน และกำหนดมาตรการป้องกันการทำลายทรัพยากรธรรมชาติใน เขตป่าสงวนแห่งชาติที่รัดกุม เนื่องจากบางกรณีอาจเป็นการกระทำหรือมีส่วนร่วมของพนักงานเจ้าหน้าที่ รวมทั้ง กำหนดบทลงโทษในกรณีดังกล่าวให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ไปพิจารณาด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 1147 | การดำเนินนโยบายและยุทธศาสตร์ด้านสังคมอันสืบเนื่องจากการอภิปรายในสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อจากการแถลงผลการดำเนินงานของรัฐบาล เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2550 | นร | 10/07/2550 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ที่มีมติเกี่ยวกับ
เรื่อง การดำเนินนโยบายและยุทธศาสตร์ด้านสังคมอันสืบเนื่องจากการอภิปรายในสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อจาก การแถลงผลการดำเนินงานของรัฐบาล เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2550 โดยคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ มีประเด็น เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาดังนี้ เรื่องคุณธรรมถือเป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญของรัฐบาล ซึ่งควรมีการบูรณาการ ร่วมกันของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง โดยมีกระทรวงศึกษาธิการเป็นเจ้าภาพหลัก ขณะเดียวกันกระทรวงอื่น ๆ ก็ได้ มีการดำเนินการในเรื่องนี้ ซึ่งคณะรัฐมนตรีก็ได้มีมติอนุมัติหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการส่ง เสริมคุณธรรมแห่งชาติ พ.ศ. .... ไปแล้ว ซึ่งจะช่วยให้เกิดการขับเคลื่อนคุณธรรมได้อย่างมีประสิทธิผลและประสิทธิ ภาพ และจะส่งผลต่อเนื่องไปถึงเรื่องธรรมาภิบาลด้วย สำหรับยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขควรหมายรวมไปถึงเรื่องสุขภาพ สุขภาวะ และอนามัยด้วย และส่งเสริมให้มีการบูรณาการแผนงานและงบประมาณการทำงานของหน่วยงานต่าง ๆ จากส่วนกลาง ที่ลงไปสู่จังหวัดและท้องถิ่น โดยให้กระทรวงและหน่วยงานต่าง ๆ แจ้งแผนงาน/โครงการ และงบ ประมาณลงไปสู่จังหวัดและท้องถิ่นให้จังหวัดทราบ เพื่อให้จังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และชุมชนได้ ร่วมกันพิจารณาหารือเกี่ยวกับแผนงาน/โครงการ และงบประมาณดังกล่าว ว่าสมควรปรับปรุงแผนงาน/โครงการ หรือไม่ ประการใด เพื่อให้ตรงกับความต้องการของประชาชนในเขตพื้นที่ได้มากที่สุด ซึ่งอาจเริ่มดำเนินการในปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2551 ทั้งนี้ อาจมอบหมายให้รัฐมนตรีรับผิดชอบดูแลยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขท่านละ 2-3 จังหวัด และ ในช่วงระยะเวลาที่เหลืออยู่ของรัฐบาล ควรมีการศึกษาถึงนโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาลทั้ง 5 ด้าน ว่าการดำเนินงาน ตามนโยบาย ได้ดำเนินงานไปแล้วเกิดผลอย่างไร ควรมีการปรับปรุงแก้ไข อย่างไร หรือไม่ และมีเรื่องใดสมควร กำหนดเป็นนโยบายเพื่อดำเนินการต่อไปในอนาคตโดยอาจจัดให้มีการระดมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนของราช การและเอกชน โดยเบื้องต้นมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นเจ้า ของเรื่องร่วมกับสำนักงานพัฒนานโยบายสาธารณะ ส่วนการดำเนินการอาจจ้างมหาวิทยาลัยศึกษาวิจัยในเรื่องดัง กล่าว ทั้งนี้ อาจขอให้สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอข้อแนะนำเรื่องดังกล่าวอีกทางหนึ่งด้วยเสนอ คณะรัฐมนตรีพิจารณา และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับประเด็นอภิปรายดังกล่าวไปพิจารณาดำเนินการ ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 1148 | บริษัท สายจำรัสปูนขาว จำกัด ขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาเสียดอ้า ป่าเขานกยูง และป่าเขาอ่างหิน เพื่อรับช่วงการทำเหมืองแร่หินปูน เพื่ออุตสาหกรรมแคลเซี่ยมคาร์ไบด์ หรือเพื่อทำปูนขาวสำหรับอุตสาหกรรมฟอกหนัง หรืออุตสาหกรรมน้ำตาล ท้องที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา | ทส | 10/07/2550 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอให้บริษัท สายจำรัส
ปูนขาว จำกัด เข้าทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาเสียดอ้า ป่าเขานกยูง และป่าเขาอ่างหิน เพื่อรับช่วง การทำเหมืองแร่หินปูนเพื่ออุตสาหกรรมแคลเซี่ยมคาร์ไบด์หรือเพื่อทำปูนขาว สำหรับอุตสาหกรรมฟอกหนัง หรือ อุตสาหกรรมน้ำตาล ท้องที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อม (กรมป่าไม้) และบริษัท สายจำรัส ปูนขาว ฯ รับความเห็นและข้อสังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงสาธารณสุขที่เห็นควรแก้ไขเงื่อนไขแนบท้ายหนังสืออนุญาต ในข้อ 13 และ ข้อ 22 โดยให้ใช้ข้อความดัง ต่อไปนี้ "ข้อ 13 ต้องประเมินผลกระทบต่อสุขภาพเพื่อป้องกันการก่อให้เกิดเหตุรำคาญและแก้ไขเหตุรำคาญที่เกิด ขึ้นหรือลดผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนส่วนรวม อันเกิดจากการประกอบกิจการของผู้ได้รับอนุญาต" และ "ข้อ 22 ต้องให้ความร่วมมือ และอำนวยความสะดวกต่อการปฏิบัติงานตามหน้าที่ของคณะทำงานเฉพาะกิจ ฯ และ/หรือเจ้าหน้าที่ในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและชุมชนที่จะติดตาม หรือมีส่วนร่วมในการติดตามตรวจ สอบการปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน และแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและผลกระทบต่อสุขภาพ ตามที่ระบุไว้ในราย งาน ฯ ตามควรแก่กรณี โดยให้ปฏิบัติตามที่พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจได้สั่งเป็นหนังสือให้ปฏิบัติเพื่อให้เป็นไป ตามมาตรการฯ หรือเงื่อนไขที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัดด้วย" และความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ให้บริษัท สายจำรัส ปูนขาว ฯ ต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบ สิ่งแวดล้อม (Mitigation Plan) ของสำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกำหนดไว้ให้กรมป่า ไม้และกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่นำมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมดังกล่าว ฯ ไป กำหนดเป็นเงื่อนไขเพิ่มเติมแนบท้ายใบอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ เพื่อให้บริษัท สายจำรัส ปูนขาว ฯ ปฏิบัติตาม กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ของกรมป่าไม้ และกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ อย่างเคร่งครัดต่อไป รวมทั้ง ให้ความสำคัญในเรื่องแผนฟื้นฟูและแผนป้องกันผลกระทบจากสิ่งแสดล้อมในเรื่องของปริมาณฝุ่นละออง และเสียง โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและผู้แทนชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบ ติดตามประเมินผล และให้มี การติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมแล้วรายงานต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติทราบทุก 2 ปี ต่อไป นอกจากนี้ ให้กรมป่าไม้กำหนดเป็นเงื่อนไขเพิ่มเติมแนบท้ายของหนังสืออนุญาตให้บริษัท สายจำรัส ปูนขาว ฯ ให้ ความสำคัญกับการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชนในบริเวณพื้นที่โดยรอบ เช่น การจ้างงานกับประชาชนท้อง ถิ่นเป็นอันดับแรก การฟื้นฟูและรักษาสิ่งแวดล้อม การให้ความสำคัญกับสุขอนามัยของประชาชนในท้องถิ่นที่จะได้ รับ การจัดตั้งเป็นกองทุนสิ่งแวดล้อมท้องถิ่นที่บริหารโดยไตรภาคี คือ บริษัท ภาครัฐ ภาคประชาชนต่อไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 1149 | แผนแม่บทการพัฒนาเด็กปฐมวัย (0 - 6 ปี) พ.ศ. 2551- 2553 | พม | 10/07/2550 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ที่มีมติเห็น
ชอบหลักการแผนแม่บทการพัฒนาเด็กปฐมวัย (0-6 ปี) พ.ศ. 2551-2553 ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและ ความมั่นคงของมนุษย์เสนอ โดยแผนดังกล่าวประกอบด้วย 3 แผนงานหลัก คือ แผนงานที่ 1 การเตรียมความ พร้อมสังคมไทยเพื่อการพัฒนาเด็กปฐมวัย (0-6 ปี) กลุ่มเป้าหมายที่ต้องเตรียมความพร้อม ประกอบด้วยคู่สมรส ใหม่ พ่อ แม่ ครอบครัว ญาติ พี่เลี้ยงเด็กที่อยู่บ้าน ชุมชน กลุ่มแกนนำ อาสาสมัคร องค์กรพัฒนาเด็กในชุมชน และประชาชนทั่วไป แผนงานที่ 2 การพัฒนาผู้เลี้ยงดูเด็กปฐมวัย (0-6 ปี) ที่ปฏิบัติงานที่สถานรับเลี้ยงเด็ก และ อาสาสมัครผู้ดูแลเด็กในชุมชน และแผนงานที่ 3 การจัดสภาพแวดล้อม สื่อ กระบวนการในการพัฒนาเด็กปฐมวัย (0-6 ปี) ในการส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้ดำเนินกิจการสถานรับเลี้ยงเด็กเห็นความสำคัญของการจัดสภาพแวดล้อม สื่อ และกระบวนการในการพัฒนาเด็ก ทั้งนี้ ให้ปรับชื่อแผนแม่บทดังกล่าว เป็นแผนปฏิบัติการพัฒนาเด็กปฐมวัย (0-6 ปี) พ.ศ. 2551-2553 และให้รับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ที่เห็นควรมีการบูรณา การแผนในทุกมิติไม่ใช่เฉพาะภาครัฐเท่านั้น แต่ควรให้ภาคเอกชนได้เข้ามามีส่วนร่วม โดยเฉพาะการนำผู้มีประสบ การณ์ เช่น ผู้สูงอายุ มาร่วมดำเนินการ และเพิ่มเติมเด็กพิการ เด็กด้อยโอกาส และเด็กถูกทอดทิ้งในแผนดังกล่าว ด้วย และในการกำหนดช่วงอายุในความหมายของคำว่า "เด็กปฐมวัย" ของกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงการ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ยังไม่เหมือนกัน จึงเห็นควรให้หน่วยงานทั้งสองรับไปหารือเพื่อให้ได้ข้อยุติ ว่าจะสมควรกำหนดช่วงอายุของเด็กปฐมวัยเป็น 0-5 ปี หรือ 0-6 ปี จึงจะเหมาะสมตามหลักสากล และควรเป็น ความหมายที่ประชาชนทั่วไปเข้าใจง่ายด้วย รวมทั้งรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการ ต่อไปด้วย และเนื่องจากการพัฒนาเด็กปฐมวัยเป็นเรื่องสำคัญและเป็นงานที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวง ต่าง ๆ หลายกระทรวง และแต่ละกระทรวงก็จะพิจารณาจัดทำแผนปฏิบัติงาน ฯ ดังนั้น เพื่อให้มีการบูรณาการ แผนปฏิบัติการต่าง ๆ ของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าด้วยกัน โดยจัดทำเป็นแผนแม่บทภายใต้นโยบายและยุทธ ศาสตร์การพัฒนาเด็กปฐมวัย (0-5 ปี) ระยะยาว พ.ศ. 2550-2559 ของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งจะทำให้การ ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการพัฒนาเด็กปฐมวัยมีคุณภาพและประสิทธิภาพ จึงควรมีการประชุมหารือร่วมกันระหว่าง ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม) เป็นประธาน ผู้แทนกระทรวงศึกษาธิการ และผู้แทนกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ร่วมเป็น ฝ่ายเลขานุการ เพื่อพิจารณากำหนดแนวทางการจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาเด็กปฐมวัยต่อไป โดยอาจพิจารณา ออกเป็นระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี แต่ไม่ควรมีการจัดตั้งหน่วยงานขึ้นใหม่ โดยให้รองนายกรัฐมนตรี (นาย ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม) รับประเด็นอภิปรายดังกล่าวไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 1150 | โครงการเพิ่มศักยภาพการปฏิบัติงานในระดับตำบล | กษ | 03/07/2550 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินโครงการเพิ่มศักยภาพการปฏิบัติงานใน
ระดับตำบล โดยให้จัดจ้างพนักงานราชการภายในกรอบอัตรากำลังพนักงานราชการ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2548- 2551 ที่ได้รับอนุมัติไว้แล้วจำนวน 470 อัตรา ส่วนงบประมาณค่าใช้จ่ายให้เสนอขอแปรญัตติต่อคณะกรรมาธิ การวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ตามที่ผู้อำนวยการ สำนักงบประมาณเสนอเพิ่มเติมต่อไป ทั้งนี้ ในการจัดพนักงานราชการลงพื้นที่ปฏิบัติงาน ให้กระทรวงเกษตรและ สหกรณ์พิจารณา โดยให้ความสำคัญกับพื้นที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นลำดับต้นด้วย สำหรับในส่วนของการ ขอกรอบอัตราใหม่นอกเหนือจากกรอบอัตราที่ได้รับอนุมัติจำนวน 470 อัตรานั้น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมส่งเสริมการเกษตร) รับไปหารือกับคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อ กำหนดกรอบและแนวทางการดำเนินภารกิจให้มีความชัดเจนและไม่มีความซ้ำซ้อน แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อ พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาทบทวนภารกิจและการจัดอัตรากำลังบุคลากร ทั้งหมดของกระทรวงในส่วนภูมิภาคเพื่อบูรณาการการปฏิบัติงานในภาพรวมให้เหมาะสมด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 1151 | มาตรการเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง (ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง พ.ศ. ....) | มท | 03/07/2550 | |||||||||||||||||||||||||||
|
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอมาตรการเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาธุรกิจค้าปลีกค้าส่งในระหว่าง
ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง พ.ศ. .... ยังไม่มีผลใช้บังคับ ของกระทรวงมหาดไทย โดยออก กฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ฯ อาคารพาณิชยกรรมประเภทค้าปลีกค้าส่ง รวม 145 ฉบับ โดยอาศัย อำนาจตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารเพื่อควบคุมการก่อสร้างอาคารพาณิชยกรรมประเภทค้าปลีกค้าส่ง ในเขตผังเมือง และได้แจ้งเวียนผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดกำชับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณาเรื่อง การ ขออนุญาตก่อสร้างอาคารพาณิชยกรรมประเภทค้าปลีกค้าส่ง ให้เป็นไปด้วยความละเอียดรอบคอบ และถูกต้อง ตามกฎหมาย ส่วนมาตรการด้านกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง ได้ให้แต่ละจังหวัดออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ การใช้ประโยชน์ในทรัพย์สินเพื่อประโยชน์ในการวางและจัดทำผังเมือง รวมทั้งได้แจ้งให้กระทรวงพาณิชย์เร่งออก กฎหมายว่าด้วยการควบคุมการประกอบกิจการทางการค้าหรือการขยายกิจการทางการค้า ให้มีผลบังคับใช้โดย เร็ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 1152 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พ.ศ. .... และร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารกิจการและบำรุงรักษาระบบประปาชนบท พ.ศ. 2535 พ.ศ. .... | ทส | 19/06/2550 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอดังนี้ เห็นชอบร่างระเบียบสำนัก
นายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พ.ศ. .... และร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ยกเลิก ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารกิจการและบำรุงรักษาระบบประปาชนบท พ.ศ. 2535 พ.ศ. .... ที่ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของ องค์กรบริหารจัดการลุ่มน้ำในระดับชาติ และระดับลุ่มน้ำ และกำหนดแนวทางในการบริหารจัดการและบำรุงรักษา แหล่งน้ำขนาดเล็กขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและให้มีการจัดทำทะเบียนแหล่งน้ำขนาดเล็ก และยกเลิกระเบียบ สำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารกิจการและบำรุงรักษาระบบประปาชนบท พ.ศ. 2535 และให้ดำเนินการ ต่อไปได้ และอนุมัติให้ถอนร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารกิจการและบำรุงรักษาระบบประปา หมู่บ้าน พ.ศ. ....
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 1153 | สรุปความคิดเห็นของประชาชนต่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ | นร | 19/06/2550 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอสรุปความคิดเห็นของประชา
ชนต่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ผ่าน 5 ช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์ www.1111.go.th ตู้ ปณ. 1111 สายด่วนของรัฐบาล 1111 จุดบริการประชาชน 1111 และเว็บไซต์การรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่ www.publicconsultation.opm. go.th ระหว่างวันที่ 27 เมษายน-26 พฤษภาคม 2550 ซึ่งมีประชาชนแสดงความคิดเห็นรวม 403 คน ได้แสดงความ คิดเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ดังนี้ ประเด็นที่ประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วย ได้แก่ ควรมีคณะบุคคลเพื่อหาทาง ออกในยามวิกฤตของชาติ ควรมีการกำหนดคุณธรรม และจริยธรรมนักการเมือง ควรกำหนดจำนวนและการสรรหา สมาชิกวุฒิสภา ควรกำหนดจำนวนและการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ควรกำหนดสิทธิ เสรีภาพ การมีส่วน ร่วมของประชาชน และสิทธิชุมชน ควรมีการกระจายอำนาจสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ควรมีแนวนโยบายพื้นฐาน แห่งรัฐ ควรมีคณะกรรมการสรรหาองค์กรอิสระ ควรกำหนดบทบาทใหม่ของผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา ควรมี การเพิ่มอำนาจและลดอำนาจคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ควรมีการคานและดุลยอำนาจใบแดงคณะกรรม การการเลือกตั้ง ควรปรับอำนาจบทบาทตุลาการ อัยการให้เป็นอิสระมากขึ้น และควรกำหนดการกระทำที่ขัดกัน ระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวและผลประโยชน์ของรัฐ ส่วนประเด็นที่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย ได้แก่ ควรกำหนด ให้ 20,000 รายชื่อถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ รวมทั้งปัญหาการบัญญัติให้พุทธศาสนาเป็นศาสนา ประจำชาติ |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 1154 | ขอให้คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการออกเสียงประชามติ | นร | 12/06/2550 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ รับทราบและเห็นชอบตามมติคณะกรรมการการเลือกตั้ง ครั้งที่ 43/2550 วันที่
15 พฤษภาคม 2550 เกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการจัดการออกเสียงประชามติ เพื่อให้กระทรวง ทบวง กรม และ ส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐานะเทียบเท่ากรม ตลอดจนรัฐวิสาหกิจในสังกัดต่าง ๆ และองค์การของรัฐ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น ให้ความร่วมมือกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง ตามที่สำนักเลขา ธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ และที่รองนายกรัฐมนตรี (นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม) เสนอเพิ่มเติมว่าขอปรับถ้อยคำ ในหนังสือสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่ ลต (กกต) 0303/6478 ลงวันที่ 28 พฤษภาคม 2550 หน้าที่ 1 ข้อ 1 จากเดิม "กลุ่มพลังมวลชนต่าง ๆ" เป็น "กลุ่มเครือข่ายต่าง ๆ"
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 1155 | ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยในกำกับกรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... | มท | 12/06/2550 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ที่มีมติอนุมัติ
หลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยในกำกับกรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... มีสาระ สำคัญคือ จัดตั้งมหาวิทยาลัยในกำกับกรุงเทพมหานครขึ้นเป็นสถาบันอุดมศึกษาของรัฐเพื่อให้มีการศึกษา ส่งเสริม วิชาการ การวิจัย และวิชาชีพชั้นสูง พัฒนาองค์ความรู้ด้านการแพทย์และสาธารณสุข โดยเน้นทางด้านเวชศาสตร์ เขตเมืองเพื่อตอบสนองความต้องการด้านสุขภาพของประชาชนในเขตกรุงเทพมหานคร พัฒนาองค์ความรู้ด้านการ ปกครองส่วนท้องถิ่น และพัฒนามหานคร รวมทั้งให้โอกาสทางการศึกษาที่สอดคล้องกับความต้องการของชุมชน เขตเมือง และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการ กลั่นกรอง ฯ เกี่ยวกับรายได้ของมหาวิทยาลัยที่บัญญัติไว้ในร่างมาตรา 12(6) ที่กำหนดให้รายได้ของมหาวิทยาลัย มาจากเงินอุดหนุนทั่วไปที่รัฐบาลจัดสรรให้ อาจเป็นภาระผูกพันงบประมาณ และส่งผลกระทบต่อสถานการณ์การ เงินการคลังของประเทศ จึงสมควรปรับปรุงร่างมาตรา 12(6) เป็น "เงินอุดหนุนทั่วไปที่รัฐบาลจัดสรรให้ตามความ จำเป็นและเหมาะสมเพื่อประโยชน์ในการดำเนินกิจการของมหาวิทยาลัย" ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง รวม ทั้งรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปประกอบการพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติ บัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป นอกจากนี้ ให้กระทรวงมหาดไทย (กรุง เทพมหานคร) รับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ กรณีชื่อของมหาวิทยาลัยที่ต้องกำหนดเป็นชื่อ เฉพาะ ตามข้อสังเกตของสำนักงาน ก.พ. นั้น โดยที่การจัดตั้งมหาวิทยาลัยในกำกับของกรุงเทพมหานครดังกล่าว เป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในโอกาสงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี และเฉลิม พระเกียรติในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา ซึ่งหากจะต้องขอพระราชทานชื่อของ มหาวิทยาลัย ก็ควรพิจารณาดำเนินการในช่วงเวลาที่เหมาะสม ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 1156 | ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พม | 12/06/2550 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอร่างพระ
ราชบัญญัติส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริม การจัดสวัสดิการสังคมเพื่อให้สามารถส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมโดยองค์กรภาคประชาชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิ ภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการของสมาชิกและเกิดระบบการช่วยเหลือเกื้อกูลในสังคมชุมชน ตลอดจนรวมตัวกัน เป็นเครือข่ายการจัดสวัสดิการชุมชน เพื่อประโยชน์ในการเสริมสร้างความมั่นคงทางสังคม และการพึ่งพาตนเองของ ชุมชนได้อย่างเข้มแข็งและเป็นไปอย่างทั่วถึง เหมาะสม และเป็นธรรม และส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจ พิจารณา โดยให้รับความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาทิ กระทรวงมหาดไทยที่เห็นควรปรับปรุงแก้ไขมาตรา 40/3 โดยบัญญัติให้หน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือองค์กรสาธารณประโยชน์อาจให้ความร่วมมือ และ สนับสนุนการดำเนินงานขององค์กรสวัสดิการชุมชนตามความเหมาะสม เพื่อให้สอดคล้องกับบทบัญญัติในมาตรา 40 /2 ที่กำหนดให้องค์กรสวัสดิการชุมชนอาจได้รับการสนับสนุนในการจัดสวัสดิการสังคมหรือการปฏิบัติงานด้านการ จัดสวัสดิการสังคม นอกจากนี้ องค์กรสวัสดิการชุมชนที่ภาคประชาชนร่วมกันก่อตั้งขึ้นตามบทบัญญัตินี้ หากไม่มีข้อ กำหนดในการบริหารงานและการกำกับดูแลที่ชัดเจน อาจส่งผลกระทบต่อประชาชนที่เป็นสมาชิกได้ ไปพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อ ไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 1157 | การถ่ายโอนบุคลากรและงบประมาณด้านการศึกษาให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | นร | 12/06/2550 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์) ประธานกรรมการการกระจาย
อำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเสนอ ดังนี้ เห็นชอบมติคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.) ครั้งที่ 2/2550 วันที่ 25 เมษายน 2550 ที่มีมติเห็นชอบแนวทางการถ่ายโอนบุคลากร และงบประมาณด้านการศึกษาให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งเห็นชอบตามที่เสนอขอแก้ไขปรับปรุงถ้อย คำของมติ กกถ. ตามหนังสือ กกถ. ที่ นร 0107/1053 ลงวันที่ 29 พฤษภาคม 2550 ในประเด็นข้อ 2 เป็นดังนี้ "ให้กระทรวงศึกษาธิการพิจารณาแนวทางการดำเนินการที่เหมาะสมเพื่อให้ผู้บริหารสถานศึกษาที่ถ่ายโอนไปสังกัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นบังคับบัญชาและดูแลการปฏิบัติราชการของข้าราชการสังกัดกระทรวงศึกษาธิการที่ช่วย ราชการในสถานศึกษาที่ถ่ายโอนได้"
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 1158 | ขอขยายเวลาการดำเนินงานและการเบิกจ่ายงบประมาณ และการดำเนินงานโครงการส่วนที่เหลือของโครงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค ระยะที่ 1 (16 จังหวัดนำร่อง) | ทส | 05/06/2550 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอการขยายเวลาการ
ดำเนินงานโครงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค ระยะที่ 1 ที่ได้รับงบประมาณแล้วและยังคงดำเนิน การก่อสร้าง/ปรับปรุงไม่แล้วเสร็จ จำนวน 324 โครงการ ออกไปอีก 4 เดือน จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2550 และ ขยายเวลาการเบิกจ่ายงบประมาณออกไปอีก 4 เดือน จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2550 รวมทั้งมอบหมายให้กรมส่ง เสริมการปกครองท้องถิ่นดำเนินงานโครงการในพื้นที่ 16 จังหวัดนำร่อง ประกอบด้วย โครงการที่ได้รับการจัดสรร งบประมาณดำเนินการไม่สมบูรณ์ทั้งระบบจำนวน 1,066 โครงการ และโครงการที่ตอบสนองความต้องการน้ำเพื่อ การอุปโภคบริโภคของประชาชน แต่ยังไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ จำนวน 2,739 โครงการ ทั้งนี้ ให้กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งรัดโครงการจำนวน 324 โครง การที่ล่าช้า ให้แล้วเสร็จทันกับฤดูแล้ง เพื่อให้การดำเนินการสามารถตอบสนองต่อความจำเป็นในการดำรงชีพของ ประชาชนในท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิผล สำหรับโครงการที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณดำเนินการไม่สมบูรณ์ทั้ง ระบบ จำนวน 1,066 โครงการ และโครงการที่ยังไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ จำนวน 2,739 โครงการ ในพื้นที่ นำร่อง 16 จังหวัด นั้น ควรสนับสนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ความสำคัญเป็นลำดับแรกกับโครงการจัดหา น้ำสะอาดเพื่อการอุปโภคบริโภค เพื่อสร้างความเป็นธรรมในการเข้าถึงแหล่งน้ำอย่างทั่วถึงและเสริมสร้างคุณภาพ ชีวิตที่ดีให้แก่ประชาชน และดำเนินการติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการเพื่อทราบสถานการณ์การเปลี่ยน แปลงของสภาพการขาดแคลนน้ำโดยรวมของประเทศ รวมถึงความสำเร็จของโครงการในการแก้ไขปัญหาการขาด แคลนน้ำ ตลอดจนปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ เพื่อนำมาปรับใช้ในการบำรุงรักษาแหล่งน้ำและระบบจ่ายน้ำให้อยู่ใน สภาพที่ดีพร้อมใช้งานบริการประชาชนได้อย่างต่อเนื่อง เป็นต้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 1159 | ร่างพระราชบัญญัติหอพัก พ.ศ. .... | พม | 05/06/2550 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ที่มีมติอนุมัติ
หลักการตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอร่างพระราชบัญญัติหอพัก พ.ศ. .... มีสาระ สำคัญคือ ปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยหอพัก โดยกำหนดแนวทางและวิธีการในการกำกับดูแลและควบคุมการดำเนิน กิจการหอพักให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น เพื่อคุ้มครองสวัสดิภาพของเด็กและเยาวชนที่อยู่ระหว่างการศึกษาเล่าเรียน และเพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้อง ถิ่น พ.ศ. 2542 และแผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และให้ส่ง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ทั้งนี้ ให้รับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ และ ข้อสังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปประกอบการพิจารณาด้วย โดยในส่วนของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ เห็น ว่าการกำหนดให้มีการยกเว้นภาษีป้ายหอพักรวมทั้งให้ลดหย่อนหรือยกเว้นภาษีอากรและค่าธรรมเนียมให้กับหอ พักที่ได้รับการรับรองมาตรฐานหอพัก ไม่ควรกำหนดเป็นข้อยกเว้นไว้ในร่างพระราชบัญญัตินี้ แต่หากเห็นว่า ควร ยกเว้นภาษี เพื่อเป็นการจูงใจให้ผู้ประกอบการหอพักปรับปรุงหอพักให้ได้มาตรฐาน โดยเฉพาะหอพักของเยาวชน ก็อาจไปกำหนดไว้ในกฎหมายภาษีอากรเรื่องนั้น ๆ แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พิจารณา ก่อนนำเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 1160 | ขอความเห็นชอบให้ข้าราชการเข้าร่วมอุปสมบทเพื่อเฉลิมพระเกียรติโครงการอุปสมบทเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 โดยไม่ถือเป็นวันลา | วธ | 29/05/2550 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอให้ข้าราชการเข้าร่วมอุปสมบทเพื่อเฉลิมพระ
เกียรติโครงการอุปสมบทเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนม พรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 โดยไม่ถือเป็นวันลา ดังนี้ ให้ข้าราชการทหาร ตำรวจ ข้าราชการพลเรือน พนักงานราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ ลูกจ้างส่วนราชการ และหน่วยงานของรัฐ รวมถึงสมาชิกและผู้บริหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นลาอุปสมบท เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหา มงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 ตลอดพรรษา เป็นระยะเวลา 94 วัน สำหรับผู้ที่ไม่อยู่ จำพรรษาให้ลาอุปสมบทได้เป็นระยะเวลา 19 วัน โดยไม่ถือเป็นวันลาเสมือนเป็นการปฏิบัติราชการ ได้รับเงิน เดือนตามปกติ สำหรับผู้อุปสมบทที่เคยใช้สิทธิในการลาแล้ว ให้สามารถลาอุปสมบทในปีมหามงคลนี้ได้ รวมทั้ง ผู้อุปสมบทเฉลิมพระเกียรติกับหน่วยงานอื่นให้ใช้สิทธิในการลาครั้งนี้ได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||
.....
