ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 57 จากทั้งหมด 102 หน้า แสดงรายการที่ 1121 - 1140 จากข้อมูลทั้งหมด 2039 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1121 | การกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค ของรองนายกรัฐมนตรี (นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม) ณ จังหวัดพิษณุโลก | นร | 22/10/2550 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม) รายงานผลการเดินทาง
ไปกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในพื้นที่เขตตรวจราชการที่ 2 ณ จังหวัดพิษณุโลก เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2550 โดยผลการติดตามการบูรณาการแผนงาน/โครงการ งบประมาณระหว่างกระทรวงและจังหวัด พบว่า จังหวัดพิษณุโลก ได้มีการบูรณาการแผนงานและงบประมาณปี พ.ศ. 2551 ในเบื้องต้นไปแล้ว โดยใช้ตำบลเป็นหน่วยงานหลักในการ บูรณาการร่วมกันระหว่างส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคประชาชน และได้เตรียมการบูรณาการ แผนงานและงบประมาณปี พ.ศ. 2552 ด้วย ส่วนผลการติดตามการดำเนินงานช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยกรณีฝนตก หนักช่วงวันที่ 4-5 ตุลาคม 2550 พบว่า จังหวัดพิษณุโลกมีระบบการแจ้งเตือนที่มีความร่วมมือที่เข้มแข็งระหว่างชุมชน และผู้นำในท้องถิ่นสามารถแจ้งเตือนภัยให้ประชาชนทราบล่วงหน้าอย่างทั่วถึง ส่งผลให้ประชาชนมีเวลาในการเตรียม ตัว ในการนี้ รองนายกรัฐมนตรี (นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม) ได้มอบนโยบายเกี่ยวกับการบูรณาการงบประมาณใน ปี พ.ศ. 2551 โดยให้จังหวัดเตรียมความพร้อม โดยเน้นการผสมผสานเชื่อมโยงการทำงานระหว่างส่วนราชการในภูมิ ภาค องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งให้ดำเนินการในลักษณะคู่ขนานไปกับการดำเนินการของราชการส่วนกลางเพื่อให้มิติเวลามีความสัมพันธ์สอด คล้องกัน สำหรับการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย มอบให้ชุมชนและผู้นำท้องถิ่นร่วมมือกันพัฒนาระบบเตือนภัย และ เตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือและป้องกันภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||
| 1122 | รายงานการตรวจสถานการณ์อุทกภัยจังหวัดในเขตตรวจราชการที่ 4 และ 5 | นร | 22/10/2550 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (รองศาสตราจารย์ธีรภัทร์ เสรีรัง
สรรค์) รายงานผลการตรวจสถานการณ์อุทกภัยในเขตตรวจราชการที่ 4 (นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา และอ่างทอง) เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2550 และเขตตรวจราชการที่ 5 (ชัยนาท สิงห์บุรี ลพบุรี และสระบุรี) เมื่อวัน ที่ 19 ตุลาคม 2550 โดยภาพรวมผลการตรวจติดตามสถานการณ์อุทกภัยจังหวัดในเขตตรวจราชการที่ 4 และ 5 ได้มีการเตรียมรับสถานการณ์ โดยจัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยระดับจังหวัด และ ศูนย์เตือนภัยทั้งระดับจังหวัด อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งจัดเตรียมกระสอบทราย ติดตั้งเครื่อง สูบน้ำพร้อมให้การช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนหากเกิดอุทกภัย เป็นต้น และจากการตรวจติดตามสถานการณ์ อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดดังกล่าว สถานการณ์น้ำไม่รุนแรงเหมือนปี พ.ศ. 2549 เนื่องจากปริมาณน้ำทางเหนือมีแนว โน้มลดลง พร้อมกันนี้ได้ให้ข้อเสนอแนะโดยสรุปดังนี้ การแก้ไขปัญหาระยะสั้นหรือระยะยาว ให้จังหวัดสำรวจแหล่ง น้ำที่ตื้นเขิน เพื่อขุดลอก กำจัดสิ่งกีดขวางการไหลของน้ำเพื่อเร่งระบายไปยังที่รับน้ำได้อย่างรวดเร็ว ส่วนการช่วย เหลือตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ให้จังหวัด เร่งสำรวจความเสียหาย และดำเนินการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบให้ได้รับเงินช่วยเหลือโดยเร็ว สำหรับ การแก้ไขปัญหาระยะยาว หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ควรมีการบูรณาการแผนการช่วยเหลืออย่างเป็นระบบโดยมีข้อมูลเป็นปริมาณน้ำสูงสุดในปีที่ผ่าน ๆ มา ความจุของ เขื่อนต่าง ๆ ที่สามารถรองรับน้ำได้ และสำรวจพื้นที่ที่มีความเหมาะสมเพื่อพัฒนาเป็นแก้มลิง หรือก้างปลาไว้รองรับ น้ำเพิ่มเติม
|
||||||||||||||||||||||||
| 1123 | โครงการก่อสร้างสถาบันการดับเพลิงและบรรเทาสาธารณภัย | มท | 16/10/2550 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รับเรื่อง โครง
การก่อสร้างสถาบันการดับเพลิงและบรรเทาสาธารณภัย ไปพิจารณาทบทวนในรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้เกิด ความชัดเจนถูกต้องและเหมาะสมตามความจำเป็น และประหยัด รวมไปถึงประเด็นความซ้ำซ้อนและการใช้ประโยชน์ วิทยาลัยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยที่มีอยู่เดิมให้เต็มประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องก่อสร้างสถาบันการดับเพลิงและ บรรเทาสาธารณภัยขึ้นใหม่ และประเด็นเกี่ยวกับความสัมพันธ์และการดำเนินงานร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้อง ถิ่นที่ต้องรับการถ่ายโอนภารกิจด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของส่วนราชการที่ เกี่ยวข้อง อาทิ ความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นว่า โครงการดังกล่าวเป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่ และใช้เงินงบ ประมาณจำนวนมาก และยังขาดความชัดเจนเกี่ยวกับแผนปฏิบัติงาน แผนการใช้จ่ายเงินและการจัดทำรูปแบบการ บริหารจัดการโครงการ รวมทั้งขาดการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ดีการจัดตั้งสถาบันดังกล่าว ยังมีความจำเป็นต่อประโยชน์ในด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จึงเห็นควรลดขนาดของโครงการพร้อมทั้ง จัดทำรายละเอียดแผนการดำเนินงานที่ชัดเจนและสอดคล้องกับความพร้อมของ ปภ. และนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อ พิจารณาต่อไป และความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้การ สนับสนุนโครงการดังกล่าวตามขอบข่าย (TOR) ที่ได้ปรับปรุงใหม่ของกระทรวงมหาดไทย แต่โดยที่ภารกิจด้านการ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเป็นภารกิจที่ต้องถ่ายโอนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทุกรูปแบบตาม พระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 ควรคำนึง ถึงการส่งเสริมสนับสนุนให้ อปท. ได้รับประโยชน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการฝึกอบรม การเตรียมความพร้อม และ การจัดองค์ความรู้ เพื่อรองรับการถ่ายโอนภารกิจด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และการจัดการภัยพิบัติ ต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาทบทวน แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
| 1124 | สรุปผลการดำเนินภารกิจตามนโยบายทางสังคม | พม | 16/10/2550 | |||||||||||||||||||||
|
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลผลการดำเนินภารกิจตามนโยบายทางสังคมของกระทรวงการ
พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งจัดให้มีคณะทำงานติดตามความก้าวหน้าภารกิจของนโยบาย โดยมีนักวิชา การในพื้นที่เข้ามาร่วมติดตามความก้าวหน้า สรุปได้ดังนี้ นโยบายส่งเสริมความรัก ความสามัคคี ความสมานฉันท์ ของคนในชาติ อาทิ ให้มีการขับเคลื่อนเวทีประชาธิปไตยโดยชุมชนทั่วประเทศ ระหว่างเดือนพฤษภาคม-เดือนสิงหา คม 2550 โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐและวิทยากรกระบวนการภาคประชาชน ช่วยทำให้ประชาชนมี ความเข้าใจความหมายของคำว่าประชาธิปไตย เป็นต้น นโยบายสร้างความเข้มแข็งของทุกชุมชน ท้องถิ่นและประชา สังคม อาทิ จัดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จำนวนกว่า 4 พันแห่ง มีการจัดเก็บข้อมูลผู้ยากลำบากอย่าง ทั่วถึง ถูกต้อง และเป็นระบบมากขึ้น พร้อมทั้งนำข้อมูลดังกล่าวมาดำเนินการช่วยเหลือผู้ยากลำบาก เป็นต้น และ นโยบายการจัดทำแผนปฏิรูปสังคมอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกัน อาทิ จัดให้มีการพัฒนาระบบสวัสดิการท้องถิ่น ซึ่งทำให้ ผู้บริหาร อปท. และทีมงานมีความรู้ความเข้าใจการจัดสวัสดิการสังคมแก่ผู้ขาดโอกาส และทำให้ อปท. มีรูปแบบและ วิธีการช่วยเหลือประชาชนที่หลากหลายและมีความเหมาะสมกับพื้นที่มากขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||
| 1125 | การแก้ไขปัญหาธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง | พณ | 16/10/2550 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานสรุปผลการแก้ไขปัญหาธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง โดย
กระทรวงพาณิชย์ได้ชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้ร้องเรียนทุกกลุ่ม และประสานกับกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวง มหาดไทย และจังหวัดที่มีการร้องเรียนเพื่อบรรเทาปัญหาและผลกระทบที่เกิดขึ้นกับร้านค้าปลีกดั้งเดิม พร้อมทั้งเร่ง รัดการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจค้าปลีกการค้าส่ง พ.ศ. .... นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ และ กระทรวงมหาดไทย กับกลุ่มผู้ประกอบการค้าปลีกค้าส่งไทย ได้ทำบันทึกข้อตกลงร่วมกันให้มีคณะทำงานเพื่อตรวจ สอบการก่อสร้างและการอนุญาตก่อสร้างอาคารประกอบกิจการค้าปลีกค้าส่งขนาดใหญ่ หากตรวจพบว่า ไม่ปฏิบัติ ตามกฎหมาย ก็จะสั่งการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นออกคำสั่งให้ระงับการก่อสร้าง รวมทั้งได้ดำเนินการส่งเสริม และสนับสนุนในการเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง เพื่อเพิ่มยอดขาย ลดต้นทุน และมีแนวทางที่จะร่วมมือกับ เอกชนในการจัดตั้งองค์กรที่เป็นแกนกลางเพื่อเร่งส่งเสริมให้มีการเชื่อมโยงหรือข่ายโชวห่วยในพื้นที่อื่น ๆ เพิ่มมากขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||
| 1126 | สรุปเหตุการณ์นักท่องเที่ยวเสียชีวิตที่ถ้ำน้ำทะลุอุทยานแห่งชาติเขาสก อำเภอบ้านตาขุน จังหวัดสุราษฎร์ธานี | มท | 16/10/2550 | |||||||||||||||||||||
|
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลสรุปเหตุการณ์นักท่องเที่ยวเสียชีวิตที่ถ้ำน้ำทะลุ อุทยานแห่งชาติ
เขาสก อำเภอบ้านตาขุน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ในส่วนของการให้ความช่วยเหลือ ของกระทรวงมหาดไทย สรุปได้ดังนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายบัญญัติ จันทน์เสนะ) และคณะได้เดินทางตรวจพื้นที่เกิดเหตุ ณ อุทยาน แห่งชาติเขาสก และอำนวยการประสานการให้ความช่วยเหลือร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี และหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งได้มอบเงินค่าจัดการศพให้แก่ญาติผู้เสียชีวิตซึ่งเป็นคนไทย รายละ 15,000 บาท และเดินทาง ไปเยี่ยมนักท่องเที่ยวผู้รอดชีวิต ส่วนกระทรวงมหาดไทยได้วางมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่เกิดจากน้ำป่าไหล หลาก น้ำท่วมฉับพลัน และดินถล่ม อาทิ ให้จังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวดำเนินการสำรวจตรวจสอบพื้นที่เสี่ยงภัยจาก น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลัน และดินถล่ม ในบริเวณที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยว และจัดให้มีการฝึกซ้อมแผนการแจ้ง เตือนภัยและอพยพหนีภัย สำหรับในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ฯ หรือเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า พื้นที่ใดมีความเสี่ยงภัยสูง โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน ให้จังหวัดจัดประชุมร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคธุรกิจท่องเที่ยวเพื่อพิจารณา กำหนดห้วงเวลาปิดสถานที่ดังกล่าว เป็นการชั่วคราวเพื่อความปลอดภัย และให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นประสาน กับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ในพื้นที่ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยว ติดตั้งระบบเฝ้าระวังและเตือนภัย เพื่อ สามารถแจ้งเตือนภัยได้ทันต่อเหตุการณ์ และจัดทำคู่มือความปลอดภัยและคำเตือนถึงอันตรายจากการท่องเที่ยวใน พื้นที่ที่อาจเกิดน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับเพลัน และดินถล่ม ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เพื่อเป็นข้อมูลความ ปลอดภัยสำหรับการท่องเที่ยว รวมทั้งรับทราบสถานการณ์สาธารณภัยที่อาจเกิดขึ้น เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||
| 1127 | สรุปสถานการณ์อุทกภัยและการตรวจติดตามการให้ความช่วยเหลือของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (พลตำรวจโท ธีรวุฒิ บุตรศรีภูมิ) | มท | 16/10/2550 | |||||||||||||||||||||
|
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลสรุปสถานการณ์อุทกภัยและการตรวจติดตามการให้ความช่วย
เหลือของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (พลตำรวจโท ธีรวุฒิ บุตรศรีภูมิ) สรุปได้ดังนี้ สถานการณ์อุทก ภัย ช่วงระหว่างวันที่ 4-15 ตุลาคม 2550 มีพื้นที่ประสบภัย จำนวน 25 จังหวัด 102 อำเภอ 356 ตำบล 1,953 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 254,907 คน 69,355 ครัวเรือน ในส่วนของความเสียหาย อาทิ บ้านเรือนราษฎรได้รับ ความเสียหาย 498 หลัง พื้นที่การเกษตรถูกน้ำท่วม 620,231 ไร่ และถนนได้รับความเสียหาย 1,534 สาย เป็น ต้น มูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการสำรวจ โดยสถานการณ์อุทกภัยปัจจุบัน คลี่คลายแล้ว 14 จังหวัด คงเหลือ จังหวัดที่ยังมีสถานการณ์อุทกภัย จำนวน 11 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพิษณุโลก พิจิตร ขอนแก่น อุบลราชธานี กาฬ สินธุ์ ร้อยเอ็ด มหาสารคาม ชัยภูมิ นครราชสีมา นครสวรรค์ และอุทัยธานี สำหรับการตรวจติดตามสถานการณ์ อุทกภัยของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (พลตำรวจโท ธีรวุฒิ บุตรศรีภูมิ) พร้อมคณะ ได้เดินทางตรวจ ติดตามสถานการณ์อุทกภัยที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด มหาสารคาม และขอนแก่น เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2550 โดยมอบนโยบายและข้อสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนิน การดังนี้ ให้จังหวัดและอำเภอเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ระดับน้ำอย่างใกล้ชิด โดยมีการบูรณาการหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างมีเอกภาพ รวมทั้งติดตามผลการปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ตอบ สนองความต้องการของประชาชนผู้ประสบภัยได้อย่างแท้จริง และให้จังหวัดแต่งตั้งคณะกรรมการสำรวจความเสีย หายภายหลังน้ำลด
|
||||||||||||||||||||||||
| 1128 | การพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด ประจำปีงบประมาณ 2550 | ยธ | 09/10/2550 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้อำนวยการศูนย์อำนวย
การป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเสนอการพิจารณาบำเหน็จความชอบประจำปี พ.ศ. 2550 เป็นกรณีพิเศษให้ แก่เจ้าหน้าที่ผู้มีผลการปฏิบัติงานด้านยาเสพติดดีเด่น ไม่เกินร้อยละ 1 ของจำนวนเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยา เสพติดทั้งหมดจำนวน 895,388 คน และการพิจารณาบำเหน็จความชอบประจำปี พ.ศ. 2550 เป็นกรณีพิเศษให้ แก่เจ้าหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นผู้มีผลการปฏิบัติงานด้านยาเสพติดดีเด่น ไม่เกินร้อยละ 1 ของจำนวน เจ้าหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดทั้งหมดจำนวน 33,597 คน โดยกรณีของผู้ที่ เงินเดือนเต็มขั้น ซึ่งหากได้รับค่าตอบแทนพิเศษในกรอบการพิจารณาใดไม่เกินร้อยละ 4 ให้ได้รับเงินเดือนค่าตอบ แทนพิเศษเป็นร้อยละ 4 โดยเบิกจ่ายมีระยะเวลา 6 เดือน ทั้งนี้ ในส่วนของงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการนี้ ให้ส่วนราชการปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ของส่วนราชการต้นสังกัด ในโอกาสแรกก่อน หากไม่สามารถปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณได้ ให้เบิกจ่ายจากงบกลาง รายการเงินเลื่อน ขั้นเลื่อนอันดับ เงินเดือน และเงินปรับวุฒิข้าราชการ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้รับความเห็นของ ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเห็นควรให้ส่วนราชการดำเนินการโดยยึดหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติตามแนวทางมติคณะ รัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2550 และในการพิจารณาค่าตอบแทนพิเศษให้แก่ผู้ที่เงินเดือนเต็มขั้น ให้พิจารณา ตามหลักการของระเบียบกระทรวงการคลังที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 1129 | แผนงาน/โครงการเร่งด่วนเพื่อการพัฒนาฟื้นฟูพื้นที่ 6 จังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามัน (ภูเก็ต พังงา กระบี่ ระนอง สตูล ตรัง) | นร | 09/10/2550 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามมติที่ประชุมพิจารณาแผนงาน/โครงการเร่งด่วนเพื่อการพัฒนา
ฟื้นฟูพื้นที่ 6 จังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามัน (ภูเก็ต พังงา กระบี่ ระนอง สตูล ตรัง) เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2550 ตาม ที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ โดยที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบโครงการที่จะขอ สนับสนุนจากกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย จำนวน 4 โครงการ วงเงิน 109,381,400 บาท โดยให้หน่วย งานเจ้าของโครงการจัดทำรายละเอียดของโครงการ และนำเสนอคณะกรรมการกองทุน ฯ พิจารณาตามขั้นตอนโดย ด่วนต่อไป และให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณาเจียดจ่ายงบประมาณ ประจำปี พ.ศ. 2551 ของกระทรวง เพื่อใช้ดำเนินโครงการในกลุ่มที่มีลำดับความสำคัญสูง จำนวน 8 โครงการ วงเงิน 37,758,720 บาท โดยประสานงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และให้คำนึงถึงบทบาทและภารกิจของ อปท.เป็นหลักในการดำเนินการ กับให้กระทรวงคมนาคมเร่งผลักดันโครงการที่เกี่ยวข้องซึ่งอยู่ในกลุ่มโครงการที่เห็น ควรขอสนับสนุนงบประมาณปกติ เพื่อเสนอขอรับงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2552 และให้กระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และจังหวัดภูเก็ต ร่วมกันจัดทำ แผนแม่บทด้านการบริหารจัดการปัญหาขยะมูลฝอย สิ่งปฏิกูล และน้ำเสีย โดยให้ความสำคัญกับการเก็บรวบรวม การคัดแยก การกำจัด และการบริหารจัดการขยะและสิ่งปฏิกูล ตลอดจนปลูกจิตสำนึกแก่เยาวชนและชุมชนให้มีส่วน ร่วมในการดูแลรักษาความสะอาด และสภาพแวดล้อมในพื้นที่ให้เกิดความยั่งยืน เสนอนายกรัฐมนตรีภายในวันที่ 20 ตุลาคม 2550
|
||||||||||||||||||||||||
| 1130 | รายงานผลการพัฒนาระบบราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 - 2549 | นร | 02/10/2550 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอรายงานผลการพัฒนาระบบราช
การประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547-2549 สรุปได้ดังนี้ การพัฒนาคุณภาพการให้บริการประชาชนที่ดีขึ้น ส่วน ราชการสามารถลดระยะเวลาในการปฏิบัติราชการลงได้ โดยเฉลี่ยร้อยละ 47.90 เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด ส่วนความพึงพอใจในคุณภาพการให้บริการของหน่วยงานภาครัฐของประชาชน โดยเฉลี่ยร้อยละ 76.61 ต่ำกว่า เป้าหมายเพียงเล็กน้อย แต่คาดว่าเมื่อสิ้นปี พ.ศ. 2550 จะสามารถยกระดับความพึงพอใจของประชาชนได้ตาม เป้าหมายที่กำหนดไว้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 ส่วนการปรับบทบาท ภารกิจ และขนาดของภาครัฐให้มีความเหมาะสม ปริมาณหรือจำนวนของภารกิจที่ไม่ใช่ภารกิจหลักของส่วนราชการ ลดลงร้อยละ 73 กฎหมายที่ไม่มีความจำเป็น หรือเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศได้รับการปรับปรุงแก้ไข หรือยกเลิก จำนวน 233 ฉบับ จำนวนข้าราช การลดลงร้อยละ 4.35 สำหรับการยกระดับขีดความสามารถและมาตรฐานการทำงานให้อยู่ในระดับสูงเทียบเท่า เกณฑ์สากล มีหน่วยราชการได้รับการรับรองคุณภาพมาตรฐานอย่างน้อย 1 กระบวนงานหลัก ร้อยละ 60 ข้า ราชการได้รับการพัฒนาขีดความสามารถตรงตามที่กำหนดไว้ร้อยละ 80 และส่วนราชการอย่างน้อยร้อยละ 80 ได้รับการพัฒนาการให้บริการหรือสามารถดำเนินงานในรูปแบบรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ ในส่วนของการเปิดระบบ ราชการให้สนองต่อการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ระดับความสำเร็จของการเปิดโอกาสให้ประชา ชนเข้ามามีส่วนร่วมอยู่ในระดับมาก ระดับความสำเร็จในการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณะอยู่ในระดับมากที่ สุด และร้อยละของปัญหาขัดแย้ง หรือกรณีพิพาทร้องเรียนระหว่างส่วนราชการกับประชาชน มีจำนวนลดลงหรือ ไม่มีปัญหาความขัดแย้งในระดับมากที่สุด และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป และให้สำนักงาน ก.พ.ร. เร่งรัดการจัดทำรายงานผลการพัฒนาระบบ ราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ให้แล้วเสร็จและนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรี มีข้อสังเกตว่า การพัฒนาระบบราชการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและการบริหารราชการ ส่วนภูมิภาคจะต้องดำเนินการให้เหมาะสม สอดคล้องสัมพันธ์กัน ลดช่องว่างในทางปฏิบัติ เพื่อให้การบริหารราช การแผ่นดินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล
|
||||||||||||||||||||||||
| 1131 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี [เรื่อง ข้อสังเกตของ คณะกรรมาธิการการสาธารณสุขพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการสาธารณสุข (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] | อก | 02/10/2550 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2550 ที่ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการการสาธารณสุขพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติการสาธารณสุข (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับกรณีที่ให้มี การกระจายอำนาจการจัดการของเสียอันตรายจากโรงงานให้แก่ราชการส่วนท้องถิ่นให้มากขึ้น กรมโรงงานอุตสาห กรรมได้กำหนดให้จังหวัดระยองและพื้นที่ใกล้เคียงซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานทั้งภายนอก และภายในนิคมอุตสาหกรรม รวมทั้งเขตประกอบการอุตสาหกรรมที่ก่อกำเนิดของเสียอันตรายจำนวนมากเป็นพื้นที่นำร่องในการกระจายอำนาจ การตรวจกำกับดูแลของเสียอันตรายจากโรงงานอุตสาหกรรมให้แก่ราชการส่วนท้องถิ่น ส่วนกรณีให้มีการประสาน การทำงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างใกล้ชิดเพื่อให้เกิดการทำงานร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม นั้น ได้มีการ ประสานการทำงานกับส่วนท้องถิ่นให้รับทราบการอนุญาตของเสียอันตรายและข้อมูลที่จำเป็น ตลอดจนเกณฑ์และ แนวทางปฏิบัติในการจัดการของเสียอันตราย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถรับทราบได้โดยตรงที่สำนักงาน อุตสาหกรรมจังหวัดในพื้นที่ ซึ่งสามารถสืบค้นข้อมูลดังกล่าวได้จากฐานข้อมูลของกรมโรงงานอุตสาหกรรมทางสื่อ อิเล็กทรอนิกส์
|
||||||||||||||||||||||||
| 1132 | สรุปสถานการณ์อุทกภัย และการให้ความช่วยเหลือ (ข้อมูล ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2550) | มท | 02/10/2550 | |||||||||||||||||||||
|
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลสถานการณ์อุทกภัย และการให้ความช่วยเหลือ ของกระทรวง
มหาดไทย สรุปได้ดังนี้ สถานการณ์อุทกภัย ระหว่างวันที่ 28-30 กันยายน 2550 มีพื้นที่ประสบภัย 3 จังหวัด 9 อำเภอ 21 ตำบล 62 หมู่บ้าน ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ พิษณุโลก และกาฬสินธุ์ ราษฎรเดือดร้อน 7,550 คน 2,598 ครัวเรือน บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 1 หลัง และบางส่วน 5 หลัง พื้นที่การเกษตรเสียหาย 1,500 ไร่ ความเสียหาย ด้านอื่น ๆ และมูลค่าความเสียหาย อยู่ระหว่างการสำรวจ และปัจจุบันสถานการณ์อุทกภัย ยังคงมีสถานการณ์อุทก ภัย 3 จังหวัด ด้านการให้ความช่วยเหลือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว สำหรับสภาพน้ำ ท่าในลุ่มน้ำเจ้าพระยาและแนวโน้มสถานการณ์น้ำ ปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่านอำเภอเมือง จังหวัดนคร สวรรค์ 1,387 ลบ.ม./วินาที และปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท 1,377 ลบ.ม./วินาที ส่วน สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศ มีปริมาตรน้ำในอ่าง ฯ ทั้งหมด 53,274 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิด เป็นร้อยละ 78 ของความจุอ่าง ฯ ทั้งหมด น้อยกว่าปี พ.ศ. 2549 (60,298 ล้านลูกบาศก์เมตร) จำนวน 7,024 ล้านลูกบาศ์กเมตร คิดเป็นร้อยละ 11.64 ของความจุอ่างทั้งหมด ในส่วนของสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ปัจจุบัน น้ำเหนือจะไม่มีผลกระทบต่อปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยายกเว้นกรณีที่มีฝนตกหนักในพื้นที่อาจ ทำให้เกิดน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำเป็นบางพื้นที่ โดยกรมชลประทานและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้เตรียมเครื่อง สูบน้ำประจำที่ท่าสูบน้ำไว้พร้อมแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||
| 1133 | หนังสือ "สานฝัน 80 ความดี ถวายในหลวง" | พม | 25/09/2550 | |||||||||||||||||||||
|
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยกรม
พัฒนาสังคมและสวัสดิการ ได้จัดทำหนังสือ "สานฝัน 80 ความดี ถวายในหลวง" เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระชนมายุครบ 80 พรรษา ในปี พ.ศ. 2550 โดยหนังสือดังกล่าวได้รวบรวมความ ดี จำนวน 80 ความดี ซึ่งเป็นความดีของบุคคลและองค์กรที่ได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนจากหน่วยงานทั่ว ประเทศในสังกัดกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ในการพัฒนาตนเอง การพัฒนาศักยภาพชุมชนจนประสบความ สำเร็จสามารถเป็นแบบอย่างที่ดีแก่สังคม และจะได้จัดส่งเพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์แก่สถาบันการศึกษาระดับ ต่างๆ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรเครือข่ายกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ องค์กร ภาคเอกชน ส่วนราชการ สื่อมวลชน หน่วยงานในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หอ สมุดแห่งชาติ และเจ้าของความดี
|
||||||||||||||||||||||||
| 1134 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณจัดหารถยนต์ดับเพลิงอาคารขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ | มท | 18/09/2550 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับการขอรับการสนับสนุนงบประมาณจัดหารถยนต์ดับเพลิงอาคารขององค์กร
ปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเห็นว่า รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายอุดหนุนองค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่นเป็นประจำทุกปีอยู่แล้ว จึงให้คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้จ่ายจากเงินดังกล่าว |
||||||||||||||||||||||||
| 1135 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 [ปรับปรุงกฎกระทรวง ฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2535)] | อก | 11/09/2550 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ ..
(พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ผู้ประกอบกิจ การโรงงาน ซึ่งประสงค์จะชำระค่าธรรมเนียมรายปีให้ชำระผ่านธนาคารพาณิชย์ หรือที่ทำการไปรษณีย์ หรือศูนย์บริการชำระเงินที่เชื่อมต่อระบบสัญญาณคอมพิวเตอร์เข้ากับระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของกรม โรงงานอุตสาหกรรม สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แล้วแต่กรณี และส่ง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
| 1136 | การกำหนดหลักเกณฑ์การให้รางวัลจูงใจตามยุทธศาสตร์การปรับขนาดกำลังคนภาครัฐ (พ.ศ. 2549 - 2551) | นร | 11/09/2550 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.)
เสนอว่า ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 คปร.จะปรับปรุงยุทธศาสตร์การปรับขนาดกำลังคนภาครัฐ (พ.ศ. 2549- 2551) ซึ่งจะสิ้นสุดในปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 เพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศัก ราช พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการ พลเรือน พ.ศ. .... รวมทั้งแนวทางการพัฒนาระบบราชการ และการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลภาครัฐแนว ใหม่ เพื่อจัดทำข้อเสนอใหม่เรื่องยุทธศาสตร์การปรับขนาดกำลังคนภาครัฐ (พ.ศ 2552-2555) รวมทั้งรายละ เอียดหลักเกณฑ์และวิธีการให้รางวัลจูงใจส่วนราชการที่ดำเนินการตามยุทธศาสตร์ ฯ ให้สอดคล้องกัน และนำ เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาในคราวเดียวกันต่อไป นอกจากนี้ คปร.มีมติให้ตรึงกรอบอัตราข้าราชการในภาพรวม (ไม่รวมถึงข้าราชการทหารข้าราชการรัฐสภาสามัญ ข้าราชการตุลาการ ข้าราชการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ และข้าราชการส่วนท้องถิ่น) ตามจำนวนตำแหน่งมีเงินที่มีอยู่ ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2550 จำนวน 1.16 ล้านอัตรา และตรึงกรอบอัตราพนักงานราชการในภาพรวมให้มีจำนวนไม่เกิน 243,490 อัตรา เพื่อควบคุมจำนวนกำลังคน ภาครัฐมิให้มีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็นภาระผูกพันงบประมาณค่าใช้จ่ายด้านบุคคลในระยะยาวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
| 1137 | ผลการดำเนินงานการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ปีงบประมาณ 2550 (1 ตุลาคม 2549 - 30 มิถุนายน 2550) | สธ | 04/09/2550 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติมีมติรับทราบตามที่กระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
(สปสช.) รายงานสรุปผลการดำเนินงานการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า รอบ 9 เดือน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 สรุปได้ดังนี้ ผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2549-30 มิถุนายน 2550 มีประชากรลงทะ เบียนสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า จำนวน 46.74 ล้านคน มีหน่วยบริการคู่สัญญาในระบบหลักประกัน สุขภาพถ้วนหน้า จำนวน 1,194 แห่ง ด้านการใช้บริการทางการแพทย์เฉพาะผู้มีสิทธิในระบบหลักประกันสุข ภาพถ้วนหน้า มีการใช้บริการผู้ป่วยนอก จำนวน 82.61 ล้านครั้ง (27.50 ล้านคน) อัตราเฉลี่ยการใช้บริการ ผู้ป่วยนอก เท่ากับ 2.59 ครั้ง/คน/9 เดือน และผู้ป่วยใน จำนวน 3.05 ล้านคน (11.77 ล้านวัน) อัตราการใช้ บริการผู้ป่วยใน เท่ากับ 0.14 ครั้ง/คน/9 เดือน ด้านการควบคุมคุณภาพและกำกับมาตรฐานบริหาร หน่วย บริการที่มีการพัฒนาตามมาตรฐาน HA หรือ ISO 9001 : 2000 ผ่านตามเกณฑ์ที่กำหนด เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 91.36 เป็น 94.33 สำหรับการคุ้มครองสิทธิ การช่วยเหลือเบื้องต้น และการประชาสัมพันธ์ ในส่วนของการให้ บริการประชาชนเพื่อช่วยเหลือผู้มีสิทธิและผู้ให้บริการในระบบหลักประกันถ้วนหน้าได้มีการให้บริการไปแล้วทั้ง สิ้น 623,844 เรื่อง โดยร้องเรียนทุกเรื่องได้รับการตอบสนอง (ตอบกลับผู้ร้องหรือผู้แจ้งเรื่อง) ภายใน 5 วันทำ การ ด้านการช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ผู้รับบริการ กรณีที่ได้รับความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการใช้บริการรักษาพยา บาลในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ได้จ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้น จำนวน 318 ราย เป็นเงินทั้งสิ้น 37.61 ล้านบาท รวมทั้งให้การช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ผู้ให้บริการที่ได้รับความเสียหายจากการให้บริการสาธารณสุขใน ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า จำนวน 121 ราย เป็นเงินทั้งสิ้น 1.89 ล้านบาท นอกจากนี้ สปสช. ได้สนับ สนุนการมีส่วนร่วมกับเครือข่ายองค์กรประชาชน เครือข่ายผู้ป่วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และองค์กรวิชาชีพ ในการพัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพ ตลอดจนส่งเสริมการมีส่วนร่วมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในระบบ ประกันสุขภาพระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่ต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ส่วนการบริหารงบกองทุนหลักประกันสุขภาพ แห่งชาติในรอบ 9 เดือนที่ผ่านมา มีการใช้เงินกองทุน ฯ ไปแล้วทั้งสิ้น 42,911.81 ล้านบาท หรือร้อยละ 67.57 ของงบประมาณที่ได้รับตามพระราชบัญญัติหลักประกัน ฯ 63,508.46 ล้านบาท โดยมีการใช้จ่ายเกินกว่างบ ประมาณที่ได้รับในงบช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ผู้รับบริการ ฯ และงบชดเชยค่าธรรมเนียม 30 บาท แก่หน่วยบริการ ที่ได้รับผลกระทบจากการยกเลิกการจัดเก็บค่าธรรมเนียม
|
||||||||||||||||||||||||
| 1138 | ข้อบังคับกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินค่าตอบแทนการสืบหาทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษา พ.ศ. .... | กค | 04/09/2550 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอข้อบังคับกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงิน
ค่าตอบแทนการสืบหาทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์และวิธี ปฏิบัติในการบังคับคดีและสืบหาทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาเพื่อให้ส่วนราชการ (กระทรวง กรม หรือ ส่วนราชการอื่นและมีฐานะเป็นกรม และราชการส่วนภูมิภาค แต่ไม่รวมถึงราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจหรือ หน่วยงานอื่นของรัฐ) ใช้เป็นแนวทางปฏิบัติ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่ เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
| 1139 | รายงานการสอบสวนเรื่องร้องเรียนน้ำเน่าเสียในจังหวัดนครปฐม | ผร | 04/09/2550 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภารายงานการสอบสวนเรื่อง
ร้องเรียนกรณีน้ำเน่าเสียจากเขตเทศบาลนครนครปฐม ตำบลสนามจันทร์ ตำบลห้วยจรเข้ ตำบลพระประโทน ตำบลถนนขาด ตำบลธรรมศาลา ตำบลดอนยายหอม และตำบลท่ากระชับ ได้ไหลลงสู่คลองบางแก้ว บึงกุ่ม และบึงบางช้าง ทำให้น้ำในคลองและบึงดังกล่าวเน่าเสีย มีกลิ่นเหม็น และส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำหลายชนิดที่ อาศัยอยู่ในคลอง รวมทั้งประชาชนที่ประกอบอาชีพเลี้ยงสัตว์น้ำ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ามีการปล่อยน้ำเสีย จากฟาร์มสุกรโดยมิได้ผ่านการบำบัดลงสู่ลำคลอง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อำเภอ และจังหวัดยังมิได้ ดำเนินการแก้ไขปัญหาน้ำเน่าเสีย จึงควรมีการแก้ไขปรับปรุง โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการปรับปรุง บ่อบำบัดน้ำเสียของเทศบาลนครนครปฐมโดยเร่งด่วนตามแบบซึ่งได้อนุมัติในการประชุมเชิงปฏิบัติการเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2550 และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสำรวจบ่อบำบัดน้ำเสีย หากพบว่าใช้ งานไม่ได้พลดี ควรเสนอแนะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับปรุงโดยเร็ว โดยประยุกต์ใช้รูปแบบที่ใช้ในโครงการวิจัย และพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยอันเนื่องมาจากพระราชดำริและแนวทางที่ใช้ที่เทศบาลนครนครปฐม
|
||||||||||||||||||||||||
| 1140 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณจัดหารถยนต์ดับเพลิงอาคารขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ | มท | 21/08/2550 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรงมหาดไทยเสนอขอถอนเรื่อง ขอรับการสนับสนุนงบประมาณ
จัดหารถยนต์ดับเพลิงอาคารขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ คืนไปได้ |
||||||||||||||||||||||||
.....
