ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 51 จากทั้งหมด 102 หน้า แสดงรายการที่ 1001 - 1020 จากข้อมูลทั้งหมด 2039 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1001 | ของบประมาณเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 โครงการสร้างหลักประกันรายได้แก่ผู้สูงอายุ และโครงการส่งเสริมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เชิงรุก ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล | มท | 09/07/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 โครงการสร้าง
หลักประกันรายได้แก่ผู้สูงอายุ และโครงการส่งเสริมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เชิงรุก ตาม นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล จำนวน 2,283,251,400 บาท โดยใช้งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุก เฉินหรือจำเป็นงบเงินอุดหนุน เงินอุดหนุนเฉพาะกิจ ให้แก่กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาด ไทย เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการตามโครงการ ฯ ดังกล่าว ทั้งนี้ ให้มีการติดตาม ประเมินผลการเบิกจ่าย ปัญหาอุปสรรคในการดำเนินการ รวมทั้งมีการประมวลข้อมูลรายงานให้คณะรัฐมนตรี ทราบ เพื่อนำข้อมูลแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพิจารณาปรับปรุงการดำเนินงานในปี พ.ศ. 2553 ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||
| 1002 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ "ยุทธศาสตร์การเสริมสร้างธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการภาครัฐ" | สสป | 30/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็นและข้อเสนอแนะ ของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง "ยุทธศาสตร์การเสริมสร้างธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการภาครัฐ" โดยมีความเห็น และข้อเสนอแนะเกี่ยวกับธรรมาภิบาลด้านการเสริมสร้างวัฒนธรรมประชาธิปไตย ธรรมาภิบาลด้านการกระจาย อำนาจสู่ท้องถิ่น ธรรมาภิบาลด้านกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน ธรรมาภิบาลด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม และทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน และธรรมาภิบาลด้านกฎหมายและการบริหารบ้านเมืองที่ดี สรุปได้ดังนี้ 1.1 ควรยึดกรอบการบริหารบ้านเมืองที่ดีตามแนวทางรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยที่มีฐาน คิดธรรมาภิบาลชุมชน โดยเน้นการปรับโครงสร้างทางการเมือง สังคม เศรษฐกิจ ปฏิรูปกฎหมาย เพื่อคุ้มครอง ส่งเสริมสิทธิประชาชนและชุมชนในการพัฒนาตนเองและการมีส่วนร่วมของประชาชนในทุกระดับ 1.2 สร้างธรรมาภิบาลจากความร่วมมือของภาคต่าง ๆ ในสังคม 1.3 มุ่งเน้นประสิทธิผลของการบริหารบ้านเมืองที่ดี เช่น การพัฒนาที่ยั่งยืน การสร้างวัฒนธรรม ประชาธิปไตยทั้งแบบมีส่วนร่วมและแบบทางตรงให้มากยิ่งขึ้น 1.4 แก้ไขกฎหมายตามรัฐธรรมนูญทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อให้เกิดความ อิสระและสามารถดำเนินการตามเจตจำนงของชุมชนท้องถิ่น 1.5 แก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทั้งหมดให้กระจาย สู่ท้องถิ่นและรองรับสิทธิมนุษยชนต่อการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างแท้จริง 1.6 ส่งเสริมให้ชุมชนท้องถิ่นร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในการจัดทำแผนพัฒนา ชุมชนทั้งระบบหมู่บ้าน ตำบล และระหว่างตำบลอย่างบูรณาการ และเป็นอิสระสอดคล้องกับสภาพปัญหา เจต จำนง และต้นทุนทางสังคมของท้องถิ่นนั้น ๆ 1.7 พัฒนากลไกขององค์กรที่รองรับบทบัญญัติ เรื่อง สิทธิการมีส่วนร่วมของประชาชนตามมาตรา 67 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยว่าด้วยการบังคับให้ต้องมีการศึกษาและประเมินผลกระทบ ต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนในชุมชน รวมทั้งจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสีย ก่อนการดำเนินโครงการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง 1.8 พัฒนากลไกขององค์กรที่จะรองรับในแนวนโยบายแห่งรัฐด้านการมีส่วนร่วมของประชาชนตาม มาตรา 87 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ที่ระบุว่ารัฐต้องส่งเสริมการมีส่วนร่วมในกระบวนการกำหนด นโยบาย การวางแผน การตัดสินใจทางการเมือง การทำบริการสาธารณะ การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ และ การจัดให้มีกฎหมายจัดตั้งกองทุนพัฒนาการเมืองภาคพลเมืองเพื่อช่วยเหลือการดำเนินกิจกรรมสาธารณะของชุม ชนและกลุ่มประชาชน 1.9 ยกเลิกประกาศและพื้นที่เป้าหมายที่จะประกาศหมู่เกาะเป็นแหล่งท่องเที่ยวเพื่อเป็นพื้นที่พิเศษ เพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนขององค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อ.พ.ท.) ให้ กลับไปดำเนินการบริหารจัดการที่ดินบนหมู่เกาะท่องเที่ยวตามกระบวนการที่มีประชาชนมีส่วนร่วม 1.10 ให้พระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำมีทิศทางในการสร้างความสมดุลระหว่างทุนทางเศรษฐกิจ ทุน ทางสังคมและทุนทางสิ่งแวดล้อม โดยเน้นกระบวนการการมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียมกันระหว่างภาครัฐ ภารธุรกิจ เอกชน และภาคประชาชน เพื่อนำไปสู่การจัดสรรน้ำที่เป็นธรรม มีประสิทธิภาพ และสร้างการพัฒนาที่ยั่งยืน 1.11 แก้ไขกฎหมายป่าไม้ทั้งหมดเพื่อรองรับสิทธิชุมชนในการจัดการป่าอย่างยั่งยืน ตามแนวทางรัฐ ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 66 และมาตรา 67 1.12 นำพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 มาใช้ ให้เกิดการปฏิบัติจริงในองค์กร และหน่วยงานของรัฐ รวมถึงการกำหนดการบริหารบ้านเมืองที่ดีจากความร่วมมือ ระหว่างรัฐกับภาคีสังคมต่าง ๆ และส่งเสริมสิทธิชุมชนต่อการพัฒนาตนเองและการมีส่วนร่วมของประชาชนในทุก ระดับ 1.13 ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนให้เป็นรูปธรรม โดยเน้นการมีกฎหมายที่สนับสนุนและรับ รองให้ประชาชนมีสิทธิ เสรีภาพ รวมทั้งมีศักยภาพในการรวมกลุ่มเป็นองค์กรประชาชนที่มีความชอบธรรมในการ พัฒนานโยบายสาธารณะและมีส่วนร่วมในการตัดสินใจต่อนโยบายและโครงการใด ๆ ที่เกิดขึ้นทั้งในระดับท้องถิ่น และประเทศชาติ 1.14 ต้องมีมาตรการผลักดันและจูงใจ รวมถึงบทกำหนดโทษเพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงาน ของรัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ มีความรับผิดชอบในระบบการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีและสังคมแบบมีส่วน ร่วม 1.15 เร่งรัดการตรากฎหมายตามรัฐธรรมนูญ เช่น องค์กรอิสระด้านสิ่งแวดล้อม และสิทธิมนุษยชน เป็นต้น ให้เป็นไปตามเงื่อนไขและระยะเวลาที่รัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้ เพื่อนำไปสู่จุดมุ่งหมายที่แท้จริงตามเจตนา รมณ์ของรัฐธรรมนูญ 2. รับทราบความเห็น ผลการพิจารณา รวมทั้งผลการดำเนินการของสำนักงาน ก.พ.ร. และส่วนราช การที่เกี่ยวข้อง
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 1003 | ผลการดำเนินงานตามข้อสังเกตและข้อเสนอแนะในรายการผลการตรวจราชการแบบบูรณาการของผู้ตรวจราชการเพื่อมุ่งผลสัมฤทธิ์ตามนโยบายของรัฐบาล ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 (Annual Inspection Report) | นร | 30/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอผลการดำเนินงานตามข้อสังเกตและข้อ
เสนอแนะในรายงานผลการตรวจราชการแบบบูรณาการของผู้ตรวจราชการเพื่อมุ่งผลสัมฤทธิ์ตามนโยบายของรัฐ บาล ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 (Annual Inspection Report) ซึ่งสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้แจ้ง กระทรวงและส่วนราชการต่าง ๆ พิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ 1. การดำเนินการตามข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ประกอบด้วย 1.1 ภารกิจด้านคุณภาพชีวิตของส่วนราชการที่ถ่ายโอนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) 1.2 กลุ่มโครงการด้านการให้บริการขั้นพื้นฐานแก่ประชาชน 1.3 กลุ่มโครงการเพื่อการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม 2. การดำเนินการตามข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของผู้ตรวจราชการกระทรวง ประกอบด้วย 2.1 กลุ่มโครงการเพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน 2.2 กลุ่มโครงการเพื่อการขับเคลื่อนปรัชญาแนวคิดเศรษฐกิจแบบพอเพียง 2.3 กลุ่มโครงการด้านการดูแลคุณภาพชีวิตผู้ด้อยโอกาส 2.4 กลุ่มโครงการเพื่อการป้องกัน ปราบปรามและบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด 2.5 กลุ่มโครงการเพื่อการป้องกันและควบคุมโรค
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 1004 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การบริหารจัดการลุ่มน้ำยม : กรณีโครงการเขื่อนแก่งเสือเต้น | สสป | 30/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็นและข้อเสนอแนะ ของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง การบริหารจัดการลุ่มน้ำยม : กรณีโครงการเขื่อนแก่งเสือเต้น สรุปได้ดังนี้ 1.1 การบริหารจัดการทรัพยากรลุ่มน้ำยมทั้งระบบ 1.1.1 การแก้ไขปัญหาภัยแล้ง อาทิ พัฒนาระบบประปาหมู่บ้านในลุ่มน้ำยม ให้มีน้ำสะอาดเพื่อ การอุปโภคอย่างเพียงพอและทั่วถึง พัฒนาแหล่งน้ำต้นทุนและระบบชลประทานเพิ่มเติมโดยไม่ก่อให้เกิดผลกระทบ ต่อการใช้น้ำในพื้นที่ตอนล่าง ทบทวนโครงการผันน้ำจากลุ่มน้ำยมไปสู่ลุ่มน้ำน่านที่จะเกิดขึ้นใหม่โดยมีการศึกษา ผลกระทบต่อการขาดแคลนน้ำในลุ่มน้ำยมตอนล่างและต่อระบบนิเวศน์พื้นที่ชุ่มน้ำในลุ่มน้ำยม เป็นต้น 1.1.2 การป้องกันอุทกภัย อาทิ ส่งเสริมและสนับสนุนการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมโดยชุมชนในแต่ ละพื้นที่ เพื่อให้ชุมชนมีบทบาทสำคัญในการป้องกันน้ำท่วมด้วยตนเอง และพัฒนาการไปสู่ความเข้มแข็งของชุมชน ในการป้องกันภัยธรรมชาติ ส่งเสริมและสนับสนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทำการสำรวจพื้นที่รับน้ำตามธรรม ชาติหรือแก้มลิง ขุดคูคลองเชื่อมระหว่างแม่น้ำยมกับแก้มลิง และพัฒนาพื้นที่แก้มลิงให้สามารถรองรับน้ำได้อย่าง เต็มที่ รวมทั้งดำเนินการปรับปรุงโดยขุดลอกลำน้ำเดิมที่ถูกพัฒนาจนเปลี่ยนสภาพไป เป็นต้น 1.1.3 การอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ ทรัพยากรน้ำและคุณภาพน้ำ โดยให้มีมาตรการรักษา ป่าธรรมชาติเพื่อให้คงสภาพสมบูรณ์ และฟื้นฟูป่าเสื่อมโทรมในเขตต้นน้ำยมและลุ่มน้ำสาขาให้กลับคืนเป็นแหล่ง น้ำต้นน้ำตามธรรมชาติดังเดิม ตลอดจนส่งเสริมให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการจัดทำแผนการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ ทรัพยากรป่าไม้อย่างยั่งยืนเพื่อรักษาพื้นที่ป่าต้นน้ำตามจารีตประเพณี วัฒนธรรมท้องถิ่น และดำเนินการเพื่อหา มาตรการลดการชะล้างและการพังทลายของดินในบริเวณต้นน้ำยมและลำน้ำสาขา โดยให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการ กำหนดมาตรการดังกล่าว 1.1.4 การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในลุ่มน้ำยม โดยปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้น้ำ ทั้งใน ด้านอุปโภคและบริโภคและระบบชลประทาน และปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำธรรมชาติและแหล่งน้ำที่สร้างขึ้นอย่างมี ประสิทธิภาพ ปรับปรุงแผนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในลุ่มน้ำยมในด้านการพัฒนาแหล่งน้ำ และบรรเทา ภัยแล้ง ด้านบรรเทาน้ำท่วม ด้านการอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรน้ำให้สอดคล้องกับสภาพที่เป็นจริง 1.2 โครงการสาธารณะที่เกี่ยวกับการสร้างแหล่งกักเก็บน้ำหรือทางน้ำไหลที่มีผลกระทบต่อประชา ชน อาทิ 1.2.1 มีหลักประกันให้แก่ชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนด้วยการจัดหาพื้นที่รองรับ การย้ายถิ่นฐานของชุมชน มีการพัฒนาที่ดินพัฒนาอาชีพ มีระบบโครงสร้างพื้นฐานสาธารณูปโภค-สาธารณูป การ การสาธารณสุข การศึกษาอย่างต่อเนื่องเป็นธรรมและมีส่วนร่วมของประชาชน 1.2.2 การจ่ายค่าชดเชยที่ดินและทรัพย์สินที่เหมาะสมและคุ้มค่าแก่ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ ให้คิดมูลค่าที่ดินตามราคาที่ดินที่ประมาณการว่าจะสูงขึ้นเมื่อสร้างเขื่อนเสร็จแล้ว 1.2.3 จัดทำแผนมวลชนสัมพันธ์ เพื่อประชาสัมพันธ์และทำความเข้าใจกับชาวบ้านในพื้นที่ที่ได้ รับผลกระทบ 1.3 การสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ 1.3.1 ลดความสูงของระดับสันเขื่อนและระดับกักเก็บในระดับที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดผลกระทบ ต่อประชาชน ระบบนิเวศน์ และทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่น้อยที่สุด 1.3.2 พิจารณาก่อสร้างเขื่อนขนาดเล็ก หรือฝายกั้นลำน้ำยมเพิ่มขึ้นให้มีระยะห่างจากจุดที่วาง แผนสร้างเขื่อนไว้เดิมอย่างเหมาะสมกับสภาพของแต่ละพื้นที่เพื่อช่วยรองรับน้ำจากการลดความสูงระดับสันเขื่อน แก่งเสือเต้นลง 1.3.3 จัดหาพื้นที่สร้างอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและขนาดย่อมเพื่อให้มีปริมาณมากพอที่จะรองรับ ปริมาณน้ำท่า และน้ำต้นทุนของแต่ละลุ่มน้ำสาขาท้ายเขื่อน 2. รับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับ ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 1005 | ผลการประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อพิจารณาดำเนินการแก้ไขปัญหาโครงการบ้านเอื้ออาทร | มท | 30/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบมาตรการปรับลดหน่วยก่อสร้างโครงการบ้านเอื้ออาทรที่ให้การเคหะแห่งชาติ (กคช.) ปรับ ลดหน่วยก่อสร้างโครงการ ฯ จาก 300,504 หน่วย เป็น 281,556 หน่วย ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาด ไทย ประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อพิจารณาดำเนินการแก้ไขปัญหาโครงการบ้านเอื้ออาทรเสนอ (ประกอบ ด้วยหน่วยก่อสร้างที่ กคช. แจ้งว่า จำหน่ายได้แล้วจำนวนประมาณ 210,000 หน่วย และหน่วยที่ยังจำหน่ายไม่ได้ จำนวนประมาณ 70,000 หน่วย) 2. เห็นชอบในหลักการมาตรการการเงินที่เห็นควรจัดสรรงบประมาณชดเชยภาระดอกเบี้ยเงินกู้ยืมให้แก่ กคช. จำนวนรวม 4,792 ล้านบาท ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจ ฯ (ประกอบด้วยเงินชดเชยภาระดอกเบี้ยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 จำนวน 3,587 ล้านบาท และเงินชดเชยกรณีไม่ สามารถแยกทรัพย์สินเอื้ออาทรออกจากบัญชี กคช. ได้แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2553 จำนวน 1,205 ล้านบาท) โดยใน ส่วนของเงินชดเชยภาระดอกเบี้ยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 จำนวน 3,587 ล้านบาท นั้น อนุมัติให้ กคช. เบิกจ่าย ได้เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าทางการเงิน โดยให้ กคช. ขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ แล้ว ดำเนินการต่อไปได้ 3. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รวมทั้ง กคช. รับความเห็นเกี่ยวกับมาตรการ ต่าง ๆ ของคณะกรรมการเฉพาะกิจ ฯ เช่น ขายโครงการในลักษณะยกอาคารหรือขายทั้งโครงการให้แก่หน่วยงาน ภาครัฐ รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ การปรับราคาขายบ้านเอื้ออาทรตามทำเลและศักยภาพของโครงการ รวมถึงการปรับราคาขายที่มีความแตกต่างกันภายในโครงการเดียวกันให้เหมาะสมกับโอกาสทางการตลาด และให้ สิทธิผู้ซื้อแต่ละรายสามารถซื้อได้ไม่เกิน 2 หน่วย/ครัวเรือน (ราย) เพื่อรองรับการขยายครอบครัวของผู้ซื้อได้อย่าง เหมาะสมโดยยังคงได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐ จำนวน 80,000 บาทต่อหน่วย เป็นต้น และความเห็นของกระทรวงการ คลังที่เห็นว่า ในการจัดหาเงินกู้ให้ กคช. จะได้รับอัตราดอกเบี้ยตามสภาวะตลาดการเงินในขณะนั้น ๆ และเงินกู้ของ กคช. ส่วนใหญ่เป็นการกู้เงินแบบ Term Loan จากสถาบันการเงินเพื่อความคล่องตัวในการบริหารหนี้ ซึ่งหากภาวะ ตลาดการเงินเอื้ออำนวยก็จะพิจารณาดำเนินการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้อยู่แล้ว โดย กคช. ต้องขออนุมัติต่อคณะ รัฐมนตรีเพื่อขอกู้เงินใหม่เพื่อชำระคืนหนี้เงินกู้เดิม (Refinance) ไปพิจารณาแนวทางการดำเนินการต่าง ๆ ในราย ละเอียดอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาสถานะทางการเงินของ กคช. ได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยเฉพาะอย่าง ยิ่งในส่วนของหน่วยก่อสร้างของโครงการ ฯ ที่ยังจำหน่ายไม่ได้ นั้น ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของ มนุษย์พิจารณาความเหมาะสมในการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในทางธุรกิจที่ผ่อนปรนเพื่อให้สามารถจำหน่าย หน่วยก่อสร้างดังกล่าวได้โดยเร็วในราคาที่เป็นธรรมซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาเฉพาะทางการเงินของ กคช. และลดภาระ ค่าใช้จ่ายของรัฐลงได้ รวมทั้งพิจารณาความเหมาะสมของการยกเลิกโดยเปรียบเทียบความคุ้มค่าและภาระของ กคช. แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
| 1006 | รายงานเกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 | นร | 23/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ (กขร.) เสนอ ดังนี้
1. รับทราบรายงานผลการดำเนินงานในปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ของ กขร. อาทิ การปรับปรุงแก้ไข พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้ มีผลในทางปฏิบัติมากขึ้น การเยียวยารักษาสิทธิให้ประชาชน โดยให้ความสำคัญต่อการดำเนินการเพื่อลดขั้นตอน การดำเนินงานเกี่ยวกับเรื่องร้องเรียน เรื่องอุทธรณ์ และการตอบข้อหารือตามกฎหมาย รวมทั้งการเผยแพร่ความ รู้ความเข้าใจให้แก่เจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องทั้งในด้านการปฏิบัติหน้าที่ และการใช้ สิทธิตามกฎหมาย เป็นต้น 2. รับทราบเป้าหมายการดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 โดย กขร. ได้กำหนดแนวทางในการ ดำเนินการในเรื่องสำคัญ คือ การติดตามเร่งรัดการตรากฎหมาย 2 ฉบับ การแนะนำและติดตามผลการปฏิบัติ งานของศูนย์ข้อมูลข่าวสารของหน่วยงานของรัฐ การสร้างหน่วยงานตัวอย่าง และการขยายผลการกำหนดให้การ ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสาร ฯ เป็นตัวชี้วัดประสิทธิภาพหน่วยงานในราชการบริหารส่วนท้องถิ่น 3. เห็นชอบแนวทางดำเนินการเพื่อให้หน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติ ดังนี้ 3.1 ให้หน่วยงานของรัฐในทุกระดับถือเป็นนโยบายสำคัญที่จะต้องดูแลและกำชับในการปฏิบัติตาม พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสาร ฯ ของเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะการปฏิบัติตามตัวชี้วัด "ระดับความสำเร็จในการเปิดเผย ข้อมูลข่าวสาร" ให้มีการปฏิบัติได้ครบถ้วนถูกต้องตามขั้นตอนที่กำหนดโดยเคร่งครัด เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ สิทธิในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วมากขึ้น 3.2 ห้ามมิให้หน่วยงานของรัฐฟ้องคดีปกครองเพื่อเพิกถอนคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยการ เปิดเผยข้อมูลข่าวสารที่มีคำวินิจฉัยให้หน่วยงานของรัฐเปิดเผยข้อมูลข่าวสารแก่ผู้อุทธรณ์ และต้องดำเนินการตาม คำวินิจฉัยภายใน 7 วัน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2542 โดยเคร่งครัด หากเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ ปฏิบัติตามโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการพิจารณาลงโทษทางวินัยทุกกรณี
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 1007 | รัฐบาลจีนเสนอสร้างบ่อก๊าซชีวภาพในชนบทของไทย | กต | 16/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการในการดำเนินความร่วมมือตามข้อเสนอของรัฐบาลจีนต่อรัฐบาลไทยในการสร้าง บ่อผลิตก๊าซชีวภาพให้แก่ครัวเรือนในชนบทของไทย และให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งข้อพิจารณาของฝ่ายไทย ผ่านช่องทางทางการทูตต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ 2. ให้กระทรวงพลังงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาในรายละเอียดความเหมาะสมในเรื่องพื้นที่ ดำเนินการโดยคำนึงถึงประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมและความเห็นของประชาชนในพื้นที่ควบคู่กันไปเพื่อให้เกิดประโยชน์ แก่ประชาชนในพื้นที่และประเทศโดยรวมอย่างแท้จริง 3. ให้กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพลังงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวง เกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่าพื้น ที่สาธิตโครงการก่อสร้างบ่อผลิตก๊าซชีวภาพ ควรเป็นพื้นที่ที่มีการเลี้ยงสัตว์หนาแน่น สามารถเป็นตัวอย่างและถ่าย ทอดความรู้ให้กับเกษตรกร นักเรียน นักศึกษา และผู้สนใจอื่น ๆ และในพื้นที่สาธิตต้องมีกิจกรรมการเลี้ยงปศุสัตว์ อาทิ โคเนื้อ โคนม กระบือ และสุกร โดยมีขนาดเหมาะสมสามารถผลิตมูลสัตว์เพื่อนำมาใช้ในการผลิตก๊าซได้อย่าง เพียงพอและมีความยั่งยืนในระบบการผลิต และในการดำเนินการสร้างบ่อก๊าซชีวภาพควรดำเนินการในองค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่นซึ่งมีระบบจัดการขยะมูลฝอยที่ถูกหลักสุขาภิบาลแล้ว รวมทั้งมีการศึกษาความเหมาะสมของสถาน ที่ แบบรายละเอียดของเทคโนโลยี ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ความคุ้มทุน และรูปแบบการบริหารจัดการที่เหมาะ สมสำหรับประเทศไทย นอกจากนี้ ควรพิจารณาถึงเทคโนโลยี และระบบที่นำมาใช้ในการผลิตก๊าซชีวภาพที่รักษา ระบบการบำบัดของเสียได้ง่ายและสะดวก รวมถึงไม่ก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมตามมา เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนิน การด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 1008 | ร่างพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติเทศบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ (ร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) | มท | 16/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติ รวม 3 ฉบับ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ 1.1 ร่างพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 1.2 ร่างพระราชบัญญัติเทศบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 1.3 ร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 2. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติ รวม 5 ฉบับ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ 2.1 ร่างพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... 2.2 ร่างพระราชบัญญัติรายได้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... 2.3 ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... 2.4 ร่างพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... และร่างประมวล กฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 2.5 ร่างพระราชบัญญัติปรับปรุง กระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 3. ให้ส่งร่างกฎหมายทั้ง 8 ฉบับดังกล่าว ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณารวมกับร่าง พระราชบัญญัติเกี่ยวกับการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวม 7 ฉบับ ตามมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2548 ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดย รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่เห็นว่า อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการในการกำหนดแนวทางการพัฒนา การบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่นเพื่อรองรับการกระจายอำนาจการปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบ ที่เกี่ยวกับการพัฒนาระบบราชการในด้านการจัดและพัฒนาโครงสร้างส่วนราชการ และระบบบริหารจัดการขององค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่น และการเชื่อมโยงระบบบุคลากรของท้องถิ่นให้สอดคล้องกับระบบบริหารงานบุคคลภาครัฐ ในภาพรวม นอกจากนี้ ควรพิจารณาถึงความเหมาะสมและสอดรับกับการบูรณาการความสัมพันธ์ในการบริหารราช การระหว่างส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น ส่วนการกำหนดองค์ประกอบของคณะกรรมการมาตรฐานการ บริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น มีจำนวนผู้แทนของหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องจำนวน 6 คน ผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 5 คน ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจำนวน 5 คน และผู้แทนข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่นจำนวน 5 คน ซึ่งมี ผลทำให้จำนวนผู้แทนแต่ละฝ่ายไม่เท่ากัน จึงเห็นควรแก้ไขให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณา จักรไทยที่กำหนดให้มีจำนวนผู้แทนของแต่ละฝ่ายเท่ากัน เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย สำหรับการยกเลิก ตำแหน่งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ให้ใช้ในกรณีท้องถิ่นใดที่ยกฐานะเป็นเทศบาลนคร ส่วนท้องถิ่นใดที่ยกฐานะเป็น เทศบาลเมือง การยกเลิกตำแหน่งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ให้อยู่ในดุลพินิจของกระทรวงมหาดไทยที่จะประกาศยก เลิกตำแหน่งดังกล่าว ทั้งนี้ การปรับปรุงกฎหมายในเรื่องนี้ไม่ให้มีผลย้อนหลัง แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก ครั้งหนึ่ง |
|||||||||||||||||||||||||||
| 1009 | ร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) | มท | 16/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติ รวม 3 ฉบับ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ 1.1 ร่างพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 1.2 ร่างพระราชบัญญัติเทศบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 1.3 ร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 2. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติ รวม 5 ฉบับ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ 2.1 ร่างพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... 2.2 ร่างพระราชบัญญัติรายได้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... 2.3 ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... 2.4 ร่างพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... และร่างประมวล กฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 2.5 ร่างพระราชบัญญัติปรับปรุง กระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 3. ให้ส่งร่างกฎหมายทั้ง 8 ฉบับดังกล่าว ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณารวมกับร่าง พระราชบัญญัติเกี่ยวกับการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวม 7 ฉบับ ตามมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2548 ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดย รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่เห็นว่า อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการในการกำหนดแนวทางการพัฒนา การบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่นเพื่อรองรับการกระจายอำนาจการปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบ ที่เกี่ยวกับการพัฒนาระบบราชการในด้านการจัดและพัฒนาโครงสร้างส่วนราชการ และระบบบริหารจัดการขององค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่น และการเชื่อมโยงระบบบุคลากรของท้องถิ่นให้สอดคล้องกับระบบบริหารงานบุคคลภาครัฐ ในภาพรวม นอกจากนี้ ควรพิจารณาถึงความเหมาะสมและสอดรับกับการบูรณาการความสัมพันธ์ในการบริหารราช การระหว่างส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น ส่วนการกำหนดองค์ประกอบของคณะกรรมการมาตรฐานการ บริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น มีจำนวนผู้แทนของหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องจำนวน 6 คน ผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 5 คน ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจำนวน 5 คน และผู้แทนข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่นจำนวน 5 คน ซึ่งมี ผลทำให้จำนวนผู้แทนแต่ละฝ่ายไม่เท่ากัน จึงเห็นควรแก้ไขให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณา จักรไทยที่กำหนดให้มีจำนวนผู้แทนของแต่ละฝ่ายเท่ากัน เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย สำหรับการยกเลิก ตำแหน่งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ให้ใช้ในกรณีท้องถิ่นใดที่ยกฐานะเป็นเทศบาลนคร ส่วนท้องถิ่นใดที่ยกฐานะเป็น เทศบาลเมือง การยกเลิกตำแหน่งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ให้อยู่ในดุลพินิจของกระทรวงมหาดไทยที่จะประกาศยก เลิกตำแหน่งดังกล่าว ทั้งนี้ การปรับปรุงกฎหมายในเรื่องนี้ไม่ให้มีผลย้อนหลัง แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก ครั้งหนึ่ง |
|||||||||||||||||||||||||||
| 1010 | การปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) | นร | 16/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติ รวม 3 ฉบับ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ 1.1 ร่างพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 1.2 ร่างพระราชบัญญัติเทศบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 1.3 ร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 2. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติ รวม 5 ฉบับ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ 2.1 ร่างพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... 2.2 ร่างพระราชบัญญัติรายได้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... 2.3 ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... 2.4 ร่างพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... และร่างประมวล กฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 2.5 ร่างพระราชบัญญัติปรับปรุง กระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 3. ให้ส่งร่างกฎหมายทั้ง 8 ฉบับดังกล่าว ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณารวมกับร่าง พระราชบัญญัติเกี่ยวกับการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวม 7 ฉบับ ตามมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2548 ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดย รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่เห็นว่า อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการในการกำหนดแนวทางการพัฒนา การบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่นเพื่อรองรับการกระจายอำนาจการปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบ ที่เกี่ยวกับการพัฒนาระบบราชการในด้านการจัดและพัฒนาโครงสร้างส่วนราชการ และระบบบริหารจัดการขององค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่น และการเชื่อมโยงระบบบุคลากรของท้องถิ่นให้สอดคล้องกับระบบบริหารงานบุคคลภาครัฐ ในภาพรวม นอกจากนี้ ควรพิจารณาถึงความเหมาะสมและสอดรับกับการบูรณาการความสัมพันธ์ในการบริหารราช การระหว่างส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น ส่วนการกำหนดองค์ประกอบของคณะกรรมการมาตรฐานการ บริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น มีจำนวนผู้แทนของหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องจำนวน 6 คน ผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 5 คน ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจำนวน 5 คน และผู้แทนข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่นจำนวน 5 คน ซึ่งมี ผลทำให้จำนวนผู้แทนแต่ละฝ่ายไม่เท่ากัน จึงเห็นควรแก้ไขให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณา จักรไทยที่กำหนดให้มีจำนวนผู้แทนของแต่ละฝ่ายเท่ากัน เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย สำหรับการยกเลิก ตำแหน่งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ให้ใช้ในกรณีท้องถิ่นใดที่ยกฐานะเป็นเทศบาลนคร ส่วนท้องถิ่นใดที่ยกฐานะเป็น เทศบาลเมือง การยกเลิกตำแหน่งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ให้อยู่ในดุลพินิจของกระทรวงมหาดไทยที่จะประกาศยก เลิกตำแหน่งดังกล่าว ทั้งนี้ การปรับปรุงกฎหมายในเรื่องนี้ไม่ให้มีผลย้อนหลัง แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก ครั้งหนึ่ง |
|||||||||||||||||||||||||||
| 1011 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง นโยบายการแก้ไขปัญหาการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อคนพิการในสังคมไทย | สสป | 16/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็นและข้อเสนอแนะ ของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง นโยบายการแก้ไขปัญหาการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อคนพิการในสังคมไทย สรุป ได้ดังนี้ 1.1 ด้านกฎหมายขจัดการเลือกปฏิบัติต่อคนพิการ รัฐอาจตรากฎหมายขจัดการเลือกปฏิบัติต่อคน พิการขึ้นโดยตรง หรืออาจปรับปรุงกฎหมายที่มีอยู่ให้มีบทลงโทษ มีกลไกรักษาหรือบังคับใช้กฎหมายที่มีประสิทธิ ภาพ โดยอาจคุ้มครองคนพิการโดยเฉพาะหรืออาจครอบคลุมกลุ่มผู้ด้อยโอกาสโดยรวม 1.2 ด้านการให้การศึกษาแก่สาธารณชน รัฐต้องให้การศึกษาเพื่อให้สาธารณชน โดยเฉพาะพ่อ แม่ ผู้ปกครอง ผู้ดูแลบุคคลในครอบครัวและผู้ให้บริการคนพิการมีจิตสำนึกและรู้วิธีปฏิบัติที่ถูกต้อง รวมทั้งใช้ประโยชน์ จากสื่อโดยเฉพาะช่องทีวีไทย (ทีวีสาธารณะ) ในการให้การศึกษาแก่ประชาชน และจัดให้มีหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับ การสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเพื่อลดการเลือกปฏิบัติกับคนพิการ ตลอดจนให้ความสำคัญกับการดำเนินงานของ องค์กรภาคเอกชนที่ปัจจุบันมีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือเด็กและคนพิการทั้งในรูปแบบการจัดการศึกษา หรือ อื่น ๆ 1.3 ด้านการเสริมสร้างบทบาทของครอบครัว รัฐต้องให้ความสำคัญกับการค้นหาและการสร้างกล ไก และวิธีการที่ทำให้ครอบครัวแสดงบทบาทอย่างถูกต้องต่อบุตรหลานคนพิการ จัดทำทะเบียนครอบครัวที่มีเด็ก พิการเพื่อให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนสามารถเข้าช่วยเหลือ และส่งเสริมเยาวชนให้ได้รับการอบรมตั้งแต่เด็กใน การให้ความช่วยเหลือและเอื้อเฟื้อแก่คนพิการ 1.4 ด้านการสร้างโอกาสทางอาชีพ รัฐควรสร้างโอกาสพิเศษทางอาชีพให้แก่คนพิการเพื่อสร้างผล ผลิตและมูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศ และคำนึงถึงการจ้างงานคนพิการในหน่วยงานราชการ สถานประกอบ การ และหน่วยงานภาคเอกชนให้มากขึ้น 1.5 ด้านการพัฒนาองค์กรคุ้มครองสิทธิ รัฐต้องกำหนดนโยบายในการส่งเสริมความเข้มแข็งให้กับ องค์กรด้านคนพิการเพื่อให้มีการดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ จัดตั้งองค์กรด้านคนพิการที่ทำหน้า ที่พิทักษ์สิทธิให้กับคนพิการในรูปแบบขององค์กรพัฒนาเอกชนที่มีผู้ปฏิบัติงานที่เป็นคนพิการ ตลอดจนส่งเสริม ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีความรู้ความเข้าใจ มีส่วนร่วมสนับสนุนองค์กรด้านคนพิการ รวมทั้งสนับสนุนเรื่อง งบประมาณให้องค์กรคนพิการในท้องถิ่นในการทำกิจกรรมต่าง ๆ 2. รับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความ มั่นคงของมนุษย์ ร่วมกับกระทรวงคมนาคม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข อัยการสูงสุด สำนักงานคณะ กรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิ การ สำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว และองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศ ไทย
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 1012 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณค่าตอบแทนพิเศษรายเดือนให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ | มท | 09/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้
1. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อ กรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อจัดสรรเป็นค่าตอบแทนพิเศษรายเดือนให้แก่ผู้ปฏิบัติงานในเขตพื้นที่ 3 จังหวัดชาย แดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา ส่วนที่เพิ่มขึ้น 1,500 บาทต่อคนต่อเดือน ระยะเวลา 12 เดือน (1 ตุลาคม 2551-30 กันยายน 2552) ให้แก่เจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 14,115 คน เป็น เงิน 254,070,000 บาท โดยให้กระทรวงมหาดไทยขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ 2. สำหรับค่าตอบแทนพิเศษ ฯ ที่เบิกจ่ายตามอัตราเดิม 1,000 บาทต่อคนต่อเดือน เป็นเงินจำนวน 169,380,000 บาท ให้เบิกจ่ายจากเงินรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 1013 | การสนับสนุนงบประมาณแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | นร | 09/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอเกี่ยวกับการสนับสนุนงบประมาณแก่องค์กรปกครอง
ส่วนท้องถิ่น โดยให้กระทรวงมหาดไทย (กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น) ติดตามตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงกรณี ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใดประสบปัญหาเกี่ยวกับงบประมาณเพื่อการดำเนินการในภารกิจสำคัญและจำเป็นเร่ง ด่วนของท้องถิ่น ให้กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลให้แก่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามความจำเป็นเหมาะสมต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 1014 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีของ World Water Forum ครั้งที่ 5 | ทส | 03/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ 1.1 ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนับสนุนการจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศแบบองค์รวม มีการบูรณา การหน่วยงานและกิจกรรมในระบบลุ่มน้ำ รวมทั้งกำหนดนโยบายการจัดการทรัพยากรน้ำ โดยการมีส่วนร่วมของ ประชาชน ทั้งนี้ ให้พิจารณาน้ำ อาหาร พลังงาน และสิ่งแวดล้อมให้เกี่ยวโยงกันอย่างเป็นระบบ ตลอดจนมีการ เฝ้าระวังเตือนภัยจากน้ำ โดยการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาล 1.2 ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องผลักดันการก่อสร้างและปรับปรุงซ่อมแซมระบบประปาหมู่บ้าน และระบบ สุขาภิบาลทุกหมู่บ้านให้บรรลุ Millennium Development Goals ของสหประชาชาติ เพื่อสนองตอบความต้องการ น้ำอุปโภค-บริโภค และระบบสุขาภิบาล 1.3 ให้สำนักงบประมาณสนับสนุนงบประมาณการดำเนินการภายใต้แผนการลงทุนพัฒนาและบริหาร จัดการน้ำและการชลประทาน ที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้แล้วเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2551 เพื่อดำเนินการเป็นรูป ธรรมในการปฏิบัติต่อไป 2. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดนโยบายการจัดการทรัพยา กรน้ำทั้งระดับชาติและระดับลุ่มน้ำ ควรคำนึงถึงปัจจัยด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยว ข้องและภาคประชาชนเพื่อให้การจัดการทรัพยากรน้ำเป็นระบบและยั่งยืน รวมทั้งให้ความสำคัญกับการดำเนินงาน ด้านการป้องกันและลดผลกระทบตามมาตรการด้านโครงสร้างและไม่ใช้โครงสร้าง เนื่องจากการลงทุนเพื่อป้องกันมี ความคุ้มค่ามากกว่าการลงทุนเพื่อบรรเทาปัญหาจากภัยพิบัติที่เกิดขึ้น และให้ความสำคัญกับการจัดการทรัพยากร น้ำภายใต้การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกที่จะมีผลกระทบทั้งเชิงบวกและเชิงลบต่อมิติเศรษฐกิจ สังคมและ สิ่งแวดล้อม โดยใช้คนเป็นศูนย์กลางในการจัดการทรัพยากรน้ำให้เกิดความสมดุลและยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการ ด้วย 3. ให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติรวบรวมข้อมูลรายละเอียด ปัญหาอุปสรรคเกี่ยวกับการบริหาร จัดการน้ำในภาพรวม รวมทั้งในส่วนที่ได้มีการโอนกิจการบางอย่างให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรับไปดำเนินการ ด้วย เช่น กิจการประปาที่มีปัญหาเกี่ยวกับการซ่อมแซมท่อประปาที่ชำรุด พร้อมทั้งจัดทำแนวทางแก้ไขปัญหาแล้วให้ นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
| 1015 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 (การกำหนดประเภทหรือชนิดของโรงงานตามบัญชีท้ายกฎกระทรวง) | อก | 03/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดย ร่างกฎกระทรวง ฯ มีสาระสำคัญคือ ยกเลิกกฎกระทรวง (พ.ศ. 2535) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรง งาน พ.ศ. 2535 และปรับปรุงการกำหนดประเภทหรือชนิดของโรงงาน เป็นดังนี้ 1.1 ลดความเข้มงวดในการกำกับดูแลกว่าเดิมโดยปรับปรุงประเภทโรงงานจำนวน 19 ประเภท โรงงาน 1.2 เพิ่มความเข้มงวดในการกำกับดูแลกว่าเดิมโดยปรับปรุงประเภทโรงงานจำนวน 3 ประเภท โรงงาน 1.3 เปลี่ยนแปลง แก้ไข เพิ่มเติมข้อความให้ชัดเจนกว่าเดิมโดยปรับปรุงประเภทโรงงาน จำนวน 39 ประเภทโรงงาน 2. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการปรับปรุงประเภท โรงงานจากจำพวกที่ 3 เป็นจำพวกที่ 2 และจากจำพวกที่ 2 เป็นจำพวกที่ 1 อาจทำให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวด ล้อมและประชาชนเนื่องจากปัจจุบันมีการประกอบกิจการขนาดเล็กหรืออุตสาหกรรมชุมชนที่ไม่ถือว่าเป็น "โรง งาน" ตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 เป็นจำนวนมากแล้วซึ่งกรมโรงงานอุตสาหกรรมควรเตรียมความ พร้อมให้กับหน่วยงานอื่น เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้ามารับหน้าที่ในการควบคุมดูแลการประกอบกิจ การนั้น ๆ ด้วย ส่วนโรงงานผลิตก๊าซหรือแยกก๊าซ ควรเพิ่มคำว่า "ที่ไม่ใช้ก๊าซธรรมชาติ" เพื่อมิให้ซ้ำซ้อนกับ โรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม และโรงงานแยกก๊าซธรรมชาติ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||
| 1016 | ข้อเสนอทางนโยบายเรื่อง ผลกระทบจากอุตสาหกรรมในพื้นที่มาบตาพุดและจังหวัดระยอง | สช | 19/05/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อเสนอทางนโยบายเรื่อง ผลกระทบจากอุตสาหกรรมในพื้นที่ มาบตาพุดและจังหวัดระยอง ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.) ครั้งที่ 4/2551 เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2551 ตามที่สำนักงาน คสช. เสนอ ไปพิจารณาดำเนินการดังนี้ 1.1 ให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเปิดเผยข้อมูลผลกระทบทางสุขภาพจากอุตสาหกรรมโดยเฉพาะ ในพื้นที่มาบตาพุดและอำเภอบ้านฉาง รวมถึงเผยแพร่วิธีป้องกันผลกระทบและวิธีการสร้างเสริมสุขภาพในภาวะ มลพิษให้ประชาชนทราบอย่างทั่วถึงโดยเร็วและต่อเนื่อง และให้จัดทำแผนและกฎการปฏิบัติการสำหรับป้องกัน และบรรเทาอุบัติภัยจากอุตสาหกรรมและการจัดทำแผนป้องกันและบรรเทาอุบัติภัยสารเคมีระดับจังหวัดโดยให้ ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรและประชาชนในพื้นที่ 1.2 ให้ คสช. สนับสนุนการพัฒนาศักยภาพกลไกกลางในการดำเนินงานและความเข้มแข็งของภาค ประชาชน ได้แก่ การศึกษาแนวทางในการจัดตั้งกลไกผู้ตรวจการสำหรับการป้องกันและแก้ไขผลกระทบทางสุข ภาพ การจัดตั้งศูนย์ข้อมูลสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของภาคประชาชน และการสนับสนุนภาคประชาสังคมจังหวัด ระยองติดตามความเคลื่อนไหวทางนโยบายโดยใช้กระบวนการสมัชชาสุขภาพเฉพาะพื้นที่ 2. ส่วนข้อเสนอที่สำนักงาน คสช. เสนอคือ 2.1 ให้รัฐบาลทบทวนและปรับแนวทางการพัฒนาจังหวัดระยอง โดยจัดตั้งคณะกรรมการจากทุก ภาคส่วน วางและจัดทำผังเมืองรวมบริเวณอุตสาหกรรมหลักและชุมชนจังหวัดระยองฉบับใหม่ ปรับปรุงระบบและ มาตรการทางการคลัง และจัดตั้งกองทุนสิ่งแวดล้อมในพื้นที่จังหวัดระยอง จัดให้มีระบบและกลไกการป้องกันและ แก้ไขปัญหาทางสังคม โดยเฉพาะปัญหาเด็กและเยาวชน และจัดให้มีบริการทางสังคมซึ่งเป็นความสำคัญขั้นพื้น ฐานอย่างเพียงพอ โดยสนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ในทุกขั้นตอน 2.2 ให้รัฐบาลชะลอการขยายและก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมใหม่ในพื้นที่มาบตาพุดและบ้านฉาง ในระหว่างการทบทวนและปรับแนวทางการพัฒนาจังหวัดระยอง โดยให้มีการกำหนดแนวทางและกระบวนการ ตัดสินใจในการให้อนุมัติ/อนุญาต/ให้ความเห็นชอบการขยายโรงงานอุตสาหกรรมใหม่ให้เป็นไปตามมาตรา 67 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย นั้น ให้คณะกรรมการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก ซึ่งมีรอง นายกรัฐมนตรี (นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ) เป็นประธาน รับไปพิจารณาทบทวนความเหมาะสมตามอำนาจหน้าที่ และความสอดคล้องของกฎหมาย กฎ ระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง |
|||||||||||||||||||||||||||
| 1017 | การปรับแผนการฝึกอบรม จัดประชุมสัมมนา และการดูงาน | นร | 19/05/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติว่า
1. รับทราบผลการปรับแผนการฝึกอบรม จัดประชุม สัมมนา และดูงานในต่างประเทศ ของส่วน ราชการต่าง ๆ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ 2. ให้สำนักงบประมาณรับไปพิจารณาปรับลดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ในส่วนการฝึกอบรม จัดประชุม สัมมนา และดูงานต่างประเทศ 3. ให้กระทรวงมหาดไทยประสานงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อขอความร่วมมือให้ ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับการฝึกอบรม จัดประชุม สัมมนา และดูงานในต่างประเทศด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 1018 | ขอมติคณะรัฐมนตรีให้หน่วยงานราชการสำรวจและจัดทำสิ่งอำนวยความสะดวกให้คนพิการเข้าถึงได้ | พม | 19/05/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
ดังนี้ 1. กำหนดให้น่วยงานราชการดังต่อไปนี้ดำเนินการสำรวจและจัดทำสิ่งอำนวยความสะดวกเนื่องจากมี คนพิการใช้บริการมาก ตามลำดับ คือ 1.1 โรงพยาบาล จัดทำสิ่งอำนวยความสะดวกให้ครบถ้วนสมบูรณ์ตามกฎกระทรวง พ.ศ. 2548 ซึ่ง กำหนดให้มีการจัดสิ่งอำนวยความสะดวกภายในอาคารสำหรับคนพิการหรือทุพพลภาพและคนชรา 1.2 หน่วยงานราชการ ได้แก่ ศาลากลางจังหวัด ที่ว่าการอำเภอ/สำนักงานเขต ที่ทำการขององค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่น (องค์การบริหารส่วนจังหวัด/ส่วนตำบล/สำนักงานเทศบาลนคร/เมือง/ตำบลและเมือง พัทยา) สถาบันการศึกษา และสถานีตำรวจ จัดทำสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐาน ได้แก่ ทางลาด ห้องน้ำ ที่ จอดรถ ป้ายและสัญญลักษณ์ และบริการข้อมูล ภายในปี พ.ศ. 2554 2. ให้หน่วยงานราชการดังกล่าวสามารถขอตั้งงบประมาณหรือเจียดจ่ายหรือเปลี่ยนแปลงงบประมาณ ในการจัดทำสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการ โดยให้เป็นอำนาจของหัวหน้าส่วนราชการ หรือผู้ว่าราชการ จังหวัดอนุมัติ 3. ให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับความจำเป็นต้องจัดให้มีสิ่ง อำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการ ให้ใช้จากเงินรายได้หรือเงินเหลือจ่าย หรือปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณ รายจ่ายประจำปีของหน่วยงาน หรือเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความเหมาะสมและความจำเป็น โดยพิจารณาดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการ ด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 1019 | มติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 1 พ.ศ. 2551 | สช | 19/05/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติเสนอมติสมัชชาสุขภาพแห่ง
ชาติ ครั้งที่ 1 พ.ศ. 2551 รวม 14 ประเด็น และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยว ข้องต่อไป ทั้งนี้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำรายงานผลการดำเนินการพร้อมทั้งปัญหาอุปสรรคเพื่อแจ้งต่อคณะ กรรมการสุขภาพแห่งชาติด้วย โดยมติสมัชชาสุภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 1 พ.ศ. 2551 ประกอบด้วย มติ 1.1 ธรรมนูญว่าด้วยระบบสุขภาพแห่งชาติ มติ 1.2 การเข้าถึงยาถ้วนหน้าของประชากรไทย มติ 1.3 นโยบายแห่งชาติเพื่อการพัฒนาระบบสุขภาพในพื้นที่พหุวัฒนธรรมในจังหวัดชายแดน ภาคใต้ มติ 1.4 การมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการกำหนดนโยบายการเจรจาการค้าเสรี มติ 1.5 เกษตรและอาหารในยุควิกฤต มติ 1.6 ยุทธศาสตร์ในการจัดการปัญหาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มติ 1.7 บทบาทองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกับการจัดการสุขภาพและทรัพยากรธรรมชาติ สิ่ง แวดล้อม มติ 1.8 ความเสมอภาคในการเข้าถึงและได้รับบริการสาธารณสุขที่จำเป็น มติ 1.9 ผลกระทบจากสื่อต่อเด็ก เยาวชน และครอบครัว มติ 1.10 สุขภาวะทางเพศ : ความรุนแรงทางเพศ การตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อม และเรื่องเพศกับเอดส์ /โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มติ 1.11 ระบบและกลไกการประเมินผลกระทบด้านสุขภาพในสังคมไทย มติ 1.12 นโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาวะของแรงงานนอกระบบ มติ 1.13 การส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างผู้ป่วยและญาติกับบุคลากรทางการแพทย์ มติ 1.14 วิกฤตเศรษฐกิจและการปกป้องสุขภาวะคนไทย
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 1020 | ของบประมาณเงินอุดหนุนสำหรับสนับสนุนให้เด็กนักเรียนทุกคนรับประทานอาหารกลางวัน | มท | 13/05/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบให้เด็กนักเรียนทุกคน ตั้งแต่เด็กเล็ก เด็กนักเรียนชั้นอนุบาล-ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ได้รับ การสนับสนุนงบประมาณอาหารกลางวันเต็ม 100% และปรับอัตราค่าอาหารกลางวัน จากอัตราคนละ 10 บาท ต่อวัน เป็นอัตราคนละ 13 บาทต่อวัน ทั้งนี้ ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทย เสนอ 2. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่ง ชาติ ที่เห็นควรให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ได้มีส่วนร่วมสมทบดำเนินการและประสานความร่วมมือทั้ง จากภาคเอกชน และชุมชนในท้องถิ่น มาร่วมสนับสนุนให้เด็กนักเรียนทุกคนได้รับประทานอาหารกลางวัน อันจะ ช่วยให้มีภาวะโภชนาการที่ดีขึ้นส่งผลต่อสุขภาพและการเรียนรู้ รวมทั้งความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นควร ให้คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.) ทบทวนหลักเกณฑ์การจัดสรรเงิน อุดหนุน เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสามารถช่วยเหลือนักเรียนที่มีภาวะ ทุพโภชนาการ ยากจนและขาดแคลนให้ได้รับสารอาหารเพียงพอกับความต้องการของร่างกายตามมาตรฐานของ กระทรวงสาธารณสุข ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
.....
