ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 55 จากทั้งหมด 102 หน้า แสดงรายการที่ 1081 - 1100 จากข้อมูลทั้งหมด 2039 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1081 | แนวทางและแผนการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2551 | รง | 08/04/2551 | |||||||||||||||||||||||||||
|
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงแรงงานเกี่ยวกับแนวทางและแผนการปฏิบัติตาม
มาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2551 โดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงานได้จัดทำ แนวทางและแผนการปฏิบัติดังกล่าว เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินงานร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยร่วมกับ ตำรวจจราจร ตำรวจทางหลวง ขนส่งจังหวัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ฯลฯ จัดฝึกอบรมให้ประชาชนทั่วไปมี ความรู้ความเข้าใจในการขับขี่อย่างถูกวิธี และการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า และจัดฝึกอาชีพยกระดับฝีมือแรงงานให้ แก่ผู้มีหน้าที่ให้บริการผู้ขับขี่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ หรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องให้มีความรู้ด้านช่างยนต์ สามารถ วิเคราะห์และช่วยแก้ไขปัญหาเครื่องยนต์ขัดข้องในเบื้องต้นได้ และให้สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานภาค/ศูนย์พัฒนาฝี มือแรงงานจังหวัด จัดทำโครงการให้บริการตรวจสภาพซ่อมบำรุงรักษารถยนต์และรถจักรยานยนต์แบ่งเป็น 2 ช่วง คือ ก่อนการเดินทาง ณ ที่ตั้งสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานภาค/ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัด ทุกแห่ง ตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคม-10 เมษายน 2551 และระหว่างช่วงเทศกาล ดำเนินการระหว่างวันที่ 11-17 เมษายน 2551 โดยตั้ง จุดบริการบนถนนสายหลัก และดำเนินการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนผู้เดินทางทราบเกี่ยวกับการตั้งจุดบริการใน ช่วงก่อนเทศกาลและระหว่างเทศกาล รวมทั้งให้บริการที่พักรถปลอดภัยภายในสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานภาคและ ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัด ทุกแห่ง จัดให้มีที่พักรถ/คน บริการน้ำดื่ม ผ้าเย็น ฯลฯ และติดป้ายประชาสัมพันธ์ ให้ผู้ใช้รถใช้ถนนทราบโดยทั่วกัน มีข้อความดังนี้ "เหนื่อยนัก พักก่อน ปลอดภัย ไร้กังวล"
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 1082 | สรุปสถานการณ์ภัยแล้งและการให้ความช่วยเหลือ (ข้อมูล ณ วันที่ 4 เมษายน 2551) | มท | 08/04/2551 | |||||||||||||||||||||||||||
|
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลสรุปสถานการณ์ภัยแล้งและการให้ความช่วยเหลือ ของกรม
ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย สรุปได้ดังนี้ สถานการณ์ภัยแล้ง ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกา ยน 2550 ถึงวันที่ 4 เมษายน 2551 มีพื้นที่ประสบภัย 55 จังหวัด 487 อำเภอ 3,138 ตำบล 24,936 หมู่บ้าน แยกเป็น ภาคเหนือ 16 จังหวัด 137 อำเภอ 733 ตำบล 5,084 หมู่บ้าน ราษฎรประสบภัย 500,872 ครัวเรือน 1,512,831 คน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัด 242 อำเภอ 1,943 ตำบล 16,916 หมู่บ้าน ราษฎร ประสบภัย 1,811,223 ครัวเรือน 8,017,458 คน ภาคกลาง 8 จังหวัด 43 อำเภอ 177 ตำบล 1,204 หมู่บ้าน ราษฎรประสบภัย 70,248 ครัวเรือน 250,567 คน ภาคตะวันออก 7 จังหวัด 47 อำเภอ 225 ตำบล 1,417 หมู่บ้าน ราษฎรประสบภัย 141,577 ครัวเรือน 418,433 คน และภาคใต้ 5 จังหวัด 18 อำเภอ 60 ตำบล 315 หมู่บ้าน ราษฎรประสบภัย 58,572 ครัวเรือน 160,517 คน พื้นที่การเกษตรที่คาดว่าจะเสียหาย 150,077 ไร่ แยกเป็น พื้นที่นา 128,430 ไร่ พื้นที่ไร่ 21,535 ไร่ และพื้นที่สวน 112 ไร่ สำหรับการให้ความช่วยเหลือ ได้แก่ การจัดสรรน้ำเพื่อการเกษตร และน้ำอุปโภค/บริโภค เป็นต้น นอกจากนี้ ได้จัดการประชุมติดตามสถานการณ์ ปัญหาภัยแล้งภาคกลาง เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2551 ณ จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อมอบนโยบาย ชี้แจงแนวทางและ มาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง โดยมอบหมายให้จังหวัด/อำเภอ/องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องติดตามและแก้ปัญหาสถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้น รวมทั้งเร่งระดมการให้ความช่วยเหลือในเรื่องการจัด หาน้ำอุปโภคบริโภคให้เพียงพอและทั่วถึง การบริหารจัดการน้ำเพื่อการเกษตรให้เหมาะสมกับน้ำต้นทุนที่มีอยู่ การส่งเสริมฝึกอาชีพระยะสั้น การดูแลรักษาสุขภาพอนามัย/ป้องกันโรคระบาดในช่วงฤดูแล้ง และการดูแลป้อง กันและปราบปรามโจรผู้ร้ายในช่วงฤดูแล้ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 1083 | สรุปสถานการณ์ภัยแล้งและการให้ความช่วยเหลือ (ข้อมูล ณ วันที่ 28 มีนาคม 2551) | มท | 01/04/2551 | |||||||||||||||||||||||||||
|
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลสรุปสถานการณ์ภัยแล้งและการให้ความช่วยเหลือ ของกรมป้อง
กันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย สรุปได้ดังนี้ สถานการณ์ภัยแล้ง ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2550 ถึงวันที่ 28 มีนาคม 2551 มีพื้นที่ประสบภัย 55 จังหวัด 462 อำเภอ 2,950 ตำบล 22,001 หมู่บ้าน แยกเป็น ภาค เหนือ 16 จังหวัด 129 อำเภอ 656 ตำบล 4,697 หมู่บ้าน ราษฎรประสบภัย 468,766 ครัวเรือน 1,343,098 คน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัด 231 อำเภอ 1,848 ตำบล 14,482 หมู่บ้าน ราษฎรประสบภัย 1,556,026 ครัวเรือน 6,852,577 คน ภาคกลาง 8 จังหวัด 41 อำเภอ 169 ตำบล 1,137 หมู่บ้าน 69,226 ครัวเรือน 243,507 คน ภาคตะวันออก 7 จังหวัด 45 อำเภอ 222 ตำบล 1,383 หมู่บ้าน ราษฎรประสบภัย 141,247 ครัวเรือน 414,622 คน และภาคใต้ 5 จังหวัด 16 อำเภอ 55 ตำบล 302 หมู่บ้าน ราษฎรประสบภัย 53,422 ครัวเรือน 140,200 คน พื้นที่การเกษตรที่คาดว่าจะเสียหาย 130,858 ไร่ แยกเป็น พื้นที่นา 117,648 ไร่ พื้นที่ไร่ 12,798 ไร่ และพื้นที่สวน 412 ไร่ สำหรับการให้ความช่วยเหลือ ได้แก่ การจัดสรรน้ำเพื่อการเกษตร และน้ำอุปโภค/บริโภค เป็นต้น นอกจากนี้ ได้มีการประชุมติดตามสถานการณ์ปัญหาภัยแล้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2551 ที่จังหวัดนครราชสีมา เพื่อชี้แจงแนวทางและมาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้น เพื่อให้จังหวัด/อำเภอ/องค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามและแก้ปัญหาสถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้น รวมทั้งเร่งระดม การให้ความช่วยเหลือในเรื่อง การจัดหาน้ำอุปโภคบริโภคให้เพียงพอและทั่วถึง การบริหารจัดการน้ำเพื่อการเกษตร ให้เหมาะสมกับน้ำต้นทุนที่มีอยู่ การส่งเสริมฝึกอาชีพระยะสั้น การดูแลรักษาสุขภาพอนามัย/ป้องกันโรคระบาดใน ช่วงฤดูแล้ง และการดูแลป้องกันและปราบปรามโจรผู้ร้ายในช่วงฤดูแล้ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 1084 | รายงานความคืบหน้าการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่า พ.ศ. 2551 - 2554 | ทส | 25/03/2551 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานความคืบหน้าการ
ดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่า พ.ศ. 2551-พ.ศ. 2554 โดยในส่วนของการควบคุม ไฟป่า ได้จัดตั้งศูนย์ประสานงานจัดการไฟป่าระดับจังหวัด จัดทำแผนปฏิบัติการควบคุมไฟป่าในพื้นที่ และสร้างเครือ ข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชนในการควบคุมไฟป่า และออกประกาศกำหนดเขตควบคุมไฟป่า ส่วนการควบคุมการ เผาในพื้นที่เกษตรกรรม ได้จัดทำโครงการนำร่องสาธิตการใช้มาตรการควบคุมการเผาในที่โล่งพื้นที่เกษตรกรรมใน พื้นที่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้เกี่ยวกับสภาพปัญหาและผลกระทบที่เกิดขึ้น รวมทั้งการจัดประชุมคณะทำงานด้านหมอกควันและไฟป่าอนุภูมิภาคแม่น้ำโขง ครั้งที่ 1 (1st TWG Mekong) และ การประชุมคณะกรรมการภายใต้ข้อตกลงอาเซียน เรื่อง มลพิษจากหมอกควันข้ามแดน ครั้งที่ 2 (COM-2) เมื่อวันที่ 4-7 มีนาคม 2551 ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยที่ประชุม ฯ เห็นชอบให้ดำเนินการความร่วมมือในการป้องกันและแก้ไข ปัญหาหมอกควันข้ามแดนให้เกิดผลในทางปฏิบัติ และมอบหมายให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในการพัฒนาศักยภาพ การป้องกันและควบคุมไฟป่า รวมทั้งให้มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการดับไฟป่าร่วมกับประเทศเพื่อนบ้าน และประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ที่ตรวจพบว่ามีจุดความร้อน (Hotsposts) จำนวนมาก หรือบริเวณที่มีฝุ่น ละอองขนาดเล็กเกินมาตรฐานจำนวนมากเพื่อแจ้งไปยังหน่วยงานระดับพื้นที่และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการ เฝ้าระหวังไฟป่าและควบคุมกิจกรรมการเผาในที่โล่งต่าง ๆ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 1085 | การเสนอเรื่องการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง | นร | 08/02/2551 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการเสนอ
เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง และให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง ดังนี้ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2526 เรื่อง การแต่งตั้งเลขานุการรัฐมนตรีและผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรี มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2533 เรื่อง แนวทางปฏิบัติและการมอบอำนาจของคณะรัฐมนตรี (การ แต่งตั้งเลขานุการรัฐมนตรีและผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรี) มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2535 เรื่อง การ แต่งตั้งที่ปรึกษารัฐมนตรี และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2541 เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องและเป็นไปตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการการเมือง พ.ศ. 2535 และรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย และโดยที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 265 (1) บัญญัติให้สมาชิกสภาผู้ แทนราษฎรต้องไม่ดำรงตำแหน่งหรือหน้าที่ใดในหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือตำแหน่ง สมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่น หรือข้าราชการส่วนท้องถิ่น และมาตรา 106 (6) บัญญัติให้สมาชิกภาพของ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลง เมื่อกระทำการอันต้องห้ามตามมาตรา 265 ทำให้มีปัญหาว่าคณะรัฐมนตรีจะ แต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรี หรือตำแหน่งข้าราชการการเมืองอื่นใดจากผู้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรได้หรือไม่ และจะทำให้สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ดังกล่าวต้องสิ้นสุดลง ตามมาตรา 106 (6) ของรัฐธรรมนูญ ฯ หรือไม่ จึงมอบให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี หารือปัญหาดังกล่าวไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 1086 | การเสนอเรื่องการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (ถูกยกเลิกโดย มติ ครม. เมื่อวันที่ 24/09/68 ส.ยืนยัน ว(ร)478/68) | นร | 08/02/2551 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการเสนอ เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง และให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง ดังนี้ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2526 เรื่อง การแต่งตั้งเลขานุการรัฐมนตรีและผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรี มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2533 เรื่อง แนวทางปฏิบัติและการมอบอำนาจของคณะรัฐมนตรี (การ แต่งตั้งเลขานุการรัฐมนตรีและผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรี) มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2535 เรื่อง การ แต่งตั้งที่ปรึกษารัฐมนตรี และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2541 เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องและเป็นไปตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการการเมือง พ.ศ. 2535 และรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย และโดยที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 265 (1) บัญญัติให้สมาชิกสภาผู้ แทนราษฎรต้องไม่ดำรงตำแหน่งหรือหน้าที่ใดในหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือตำแหน่ง สมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่น หรือข้าราชการส่วนท้องถิ่น และมาตรา 106 (6) บัญญัติให้สมาชิกภาพของ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลง เมื่อกระทำการอันต้องห้ามตามมาตรา 265 ทำให้มีปัญหาว่าคณะรัฐมนตรีจะ แต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรี หรือตำแหน่งข้าราชการการเมืองอื่นใดจากผู้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรได้หรือไม่ และจะทำให้สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ดังกล่าวต้องสิ้นสุดลง ตามมาตรา 106 (6) ของรัฐธรรมนูญ ฯ หรือไม่ จึงมอบให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี หารือปัญหาดังกล่าวไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 1087 | รายงานผลการศึกษาการพัฒนาภาคมหานครแบบบูรณาการ | นร | 22/01/2551 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม) เสนอดังนี้ รับทราบรายงานผล
การศึกษาการพัฒนาภาคมหานครแบบบูรณาการ ของคณะอนุกรรมการศึกษาการพัฒนาภาคมหานครแบบบูรณา การ โดยมีผลการศึกษาดังนี้ แนวทางหลักของการพัฒนาภาคมหานครแบบบูรราการ คือ การประสานการพัฒนา แบบบูรณาการและมีส่วนร่วม การใช้ภูมิภาคเป็นกรอบในการพัฒนา มีเป้าหมายเพื่อที่จะทำให้เกิดการพัฒนาแบบ สมดุลทั้งทางกายภาพ เศรษฐกิจและสังคม และการจัดตั้งองค์กรกลางในการพัฒนาภาคมหานคร โดยกำหนดเกณฑ์ ในการจัดตั้งองค์กรแยกเป็น 3 ประเด็น ดังนี้ (1) โครงสร้างองค์กร ให้มีการจัดรูปแบบองค์กรเป็น 3 กลุ่ม คือ คณะ กรรมการพัฒนาภาคมหานครแบบบูรณาการ ประกอบด้วย กลุ่มผู้เกี่ยวข้องกับการพัฒนาภาคมหานครโดยตรง 5 กลุ่ม ได้แก่ ภาครัฐบาลกลาง ภาคท้องถิ่น (กรุงเทพมหานคร และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) ภาคเอกชน ภาค ประชาสังคม และภาควิชาการ/วิชาชีพ คณะอนุกรรมการพัฒนาภาคมหานครแบบบูรณาการ ประกอบด้วย กลุ่ม ผู้มีหน้าที่ดำเนินการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องหรือสนับสนุนการพัฒนาภาคมหานคร และกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจากการ พัฒนาภาคมหานคร เช่น ประชาชน กลุ่มประชาชน และองค์กรต่าง ๆ ซึ่งต้องจัดให้มีส่วนร่วมอย่างเหมาะสม (2) อำนาจหน้าที่ขององค์กร คือ การสื่อสารเพื่อประสานความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่าง ๆ เพื่อนำมากำหนด วิสัยทัศน์และแนวทางในการพัฒนาภาคมหานครแบบบูรณาการ ดำเนินการวางแผนการพัฒนา และบริหารการ พัฒนา และ (3) กระบวนการพัฒนาภาคมหานคร เป็นการสร้างแผนการพัฒนาภาคมหานคร โดยเปิดโอกาสให้ผู้ มีส่วนได้ส่วนเสียเข้ามามีส่วนร่วมอย่างเหมาะสม ตั้งแต่เริ่มทำแผนพัฒนาภาคมหานคร และเห็นชอบให้กรุงเทพมหา นคร เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการพัฒนาภาคมหานครแบบบูรณาการต่อไป โดยประสานการดำเนินงาน กับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 1088 | รายงานความก้าวหน้าผลการดำเนินงานตามแผนแม่บทการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์ป่าแห่งชาติ พ.ศ. 2548 - 2557 | ทส | 22/01/2551 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามคำสั่งรองนายกรัฐมนตรี (นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์) ที่ให้หน่วยงานที่เกี่ยว
ข้องพิจารณาดำเนินการ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอขอความร่วมมือและสนับสนุนการ ดำเนินงานตามแผนแม่บทการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์ป่าแห่งชาติ พ.ศ. 2548-พ.ศ. 2557 ดังนี้ การจัดการพื้นที่ป่า เพื่อการอนุรักษ์โดยการจัดทำโครงการเชื่อมต่อป่า (Corridor) ภายในกลุ่มป่าเขาใหญ่-ดงพญาเย็น ขอความร่วมมือ และการสนับสนุนจากกระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบท) และระหว่างกลุ่มป่าตะวันตกกับ กลุ่มป่าแก่งกระจาน ขอความร่วมมือและการสนับสนุนจากกระทรวงมหาดไทย (กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น จังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) กระทรวงกลาโหม (กองทัพภาคที่ 1) กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง และ กรมทางหลวงชนบท) และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการติดตามการเปลี่ยนแปลง ทรัพยากรป่าไม้และไฟป่า ขอความร่วมมือและการสนับสนุนจากกระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กระทรวง วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง สำหรับการจัดการสัตว์ ป่า โดยการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการด้านสัตว์ป่า ขอความร่วมมือและการสนับสนุนจากกระทรวงมหาดไทย กระทรวง เกษตรและสหกรณ์ (กรมปศุสัตว์) และกระทรวงศึกษาธิการ (มหาวิทยาลัยมหิดลมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 1089 | ส่งรายงานประจำปี 2549 | นร | 22/01/2551 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์) ประธานกรรมการการ
กระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเสนอรายงานประจำปี พ.ศ. 2549 ของคณะกรรมการการกระจาย ยอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยสาระสำคัญของรายงานฉบับนี้ ประกอบด้วย สรุปผลการดำเนินงาน ของคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 เปรียบเทียบกับ ผลการดำเนินงานในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 ปีงบประมาณ พ.ศ. 2545 และปีงบประมาณ พ.ศ. 2544 และผลการปฏิบัติงานการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้อง ถิ่น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 รวมทั้งผลการดำเนินงานในด้านอื่น ๆ รวมทั้งปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอ แนะในการดำเนินการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 1090 | การปรับปรุงการจัดกลุ่มจังหวัดและการกำหนดจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการกลุ่มจังหวัด | นร | 15/01/2551 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (สำนักงาน ก.พ.ร.) เสนอ
มติ ก.พ.ร. ในการประชุมครั้งที่ 13/2550 วันที่ 17 ธันวาคม 2550 ที่เห็นชอบการปรับปรุงการจัดกลุ่มจังหวัดและ การกำหนดจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการกลุ่มจังหวัด ตามที่ อ.ก.พ.ร. เสนอ เกี่ยวกับการส่งเสริมและพัฒนาระบบการ บริหารราชการในส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่นเสนอ และให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับความเห็นและข้อสังเกตของส่วนราช การที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเห็นว่า จังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติ การกลุ่มจังหวัดไม่ควรกำหนดเป็นการถาวร เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจและสังคมมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จึงควรให้สามารถทบทวนการกำหนดจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการกลุ่มจังหวัด ตามสถานการณ์เศรษฐกิจและสังคมที่ เปลี่ยนแปลงในอนาคต โดยอาจดำเนินการทุกช่วง 5 ปี ตามระยะเวลาของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณมีข้อสังเกตว่า ในหลักการเห็นสมควรให้ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่เดิม โดยคำนึงถึงความจำเป็น ความ คุ้มค่า ตลอดจนภาระงบประมาณที่เพิ่มขึ้น ส่วนอัตรากำลัง ควรเกลี่ยอัตรากำลังของสำนักงานปลัดกระทรวงมหาด ไทยมาปฏิบัติงานเท่าที่จำเป็น และใช้หน่วยงานภายในจังหวัดที่มีอยู่เป็นกลไกเสริมและสนับสนุนในการปฏิบัติงาน สำหรับสำนักบริหารยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัด อาคาร สถานที่ และที่ใช้ปฏิบัติงาน ให้ใช้สถานที่ของจังหวัดที่เป็นศูนย์ ปฏิบัติการกลุ่มจังหวัด เป็นพื้นที่ปฏิบัติงานของสำนักบริหารยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัดที่จะทดลองดำเนินงาน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 1091 | การกำหนดเงินตอบแทนสำหรับข้าราชการที่ไปปฏิบัติงานที่หน่วยงานอื่นในประเทศ | นร | 15/01/2551 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอการกำหนดเงินตอบแทนสำหรับ
ข้าราชการที่ไปปฏิบัติงานที่หน่วยงานอื่นในประเทศ โดยได้รับเงินตอบแทนรายเดือน เงินรางวัลประจำปี สวัสดิ การและประโยชน์อื่น ๆ จากเงินงบประมาณแผ่นดินเช่นเดียวกับการปฏิบัติงานในตำแหน่งที่ดำรงอยู่ในส่วนราช การต้นสังกัด โดยให้สำนักงาน ก.พ. รับความเห็นของกระทรวงการคลังกรณีข้าราชการไปปฏิบัติราชการในองค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ องค์การระหว่างประเทศที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย และหน่วยงานภาคเอกชนที่ เป็นนิติบุคคล หรือหน่วยงานอื่นที่ ก.พ. กำหนด ต้องไม่ได้รับค่าตอบแทนหรือสิทธิประโยชน์อื่นที่ข้าราชการได้ รับจากการไปปฏิบัติงานนั้น ๆ เพื่อไม่ให้ได้รับประโยชน์ซ้ำซ้อน และความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นว่า หากหน่วยงานที่ข้าราชการไปปฏิบัติงานจ่ายค่าตอบแทนหรือผลประโยชน์บางส่วนให้ข้าราชการผู้นั้นแล้ว ตาม ข้อตกลง ก็ให้รับจากหน่วยงานนั้นและไม่ให้นำมาเบิกซ้ำซ้อนจากหน่วยงานต้นสังกัดอีก ไปพิจารณาดำเนินการ รวมทั้งให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณากำหนดระเบียบเกี่ยวกับเงินตอบแทนพิเศษดังกล่าว ร่วมกับหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 1092 | การถ่ายโอนสถานศึกษา บัญชี 2 ปีการศึกษา 2549 | ศธ | 15/01/2551 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงศึกษาธิการถ่ายโอนสถานศึกษาที่กระทรวงศึกษาธิการขอสงวนไว้จำนวน
11 โรงเรียน ที่อยู่ในบัญชี 2 ปีการศึกษา 2549 ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยกรณีที่สถานศึกษาที่มีงบ ประมาณผูกพันข้ามปีงบประมาณ ให้ส่วนราชการเดิมเป็นผู้ดำเนินการตามสัญญาให้เสร็จสิ้นแล้วจึงส่งมอบให้องค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงศึกษาธิการรับความ เห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการดำเนินการในระยะต่อไป ไม่ ควรจำกัดจำนวนโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายที่จะถ่ายโอนในแต่ละปี ควรพิจารณาตามความสมัครใจและความ พร้อมของ อปท. เป็นรายกรณีไป และสร้างเครือข่ายการพัฒนาคุณภาพการศึกษาทั้งระบบและสนับสนุนให้การ ดำเนินการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นบรรลุผลตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย โดยปรับบทบาทมาให้ความสำคัญกับ การกำกับ ดูแล ตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานการศึกษา และความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรยึดหลัก เกณฑ์ที่ได้มีการกำหนดไว้แล้วตามมติคณะรัฐมนตรีในคราวประชุมปรึกษาเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2548 โดยให้ สถานศึกษาใดมีความพร้อมและสมัครใจไปอยู่ อปท. และ อปท. ยินดีรับโอนสถานศึกษา ให้สถานศึกษา และ อปท. ทำความตกลงเพื่อเป็นหลักฐานยืนยัน และเสนอคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้อง ถิ่นพิจารณาเป็นราย ๆ ไป ไปพิจารณาด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 1093 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำแผนพัฒนาและงบประมาณของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด พ.ศ. .... | นร | 08/01/2551 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลัก
เกณฑ์และวิธีการจัดทำแผนพัฒนาและงบประมาณของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด พ.ศ. .... ที่ตรวจพิจารณาแล้ว โดยปรับ ปรุงร่างพระราชกฤษฎีกาใหม่ทั้งฉบับให้สอดคล้องกับบทบัญญัติตามมาตรา 52/1 และมาตรา 53/1 แห่งพระราช บัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2550 โดยกำหนดโครงสร้างคณะกรรมการ หลักเกณฑ์ และวิธีการจัดทำแผนพัฒนาจังหวัด หลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด หลักเกณฑ์และวิธีการยื่นคำ ของบประมาณจังหวัดและกลุ่มจังหวัด การกำกับดูแลการปฏิบัติตามแผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด รวมทั้งปรับ ปรุงบทบัญญัติในส่วนที่เกี่ยวกับการจัดทำแผนพัฒนาจังหวัดและแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด และงบประมาณจังหวัดและ กลุ่มจังหวัดให้เหมาะสมยิ่งขึ้น เป็นต้น โดยมอบให้เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาแก้ไขเพิ่มเติมในส่วนขององค์ ประกอบของคณะกรรมการนโยบายแผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด (ก.น.พ.) ตามร่างมาตรา 5 ให้รัฐมนตรีว่า การกระทรวงมหาดไทยเป็นรองประธานกรรมการคนที่หนึ่ง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นรองประธาน กรรมการคนที่สอง และให้เพิ่มผู้แทนคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ประธาน กรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมอบหมายหนึ่งคน เป็นกรรมการ เพื่อให้เป็นไปตาม ร่างพระราชกฤษฎีกาที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหลักการไว้เดิม และตัดความในส่วนที่กำหนดเกี่ยวกับกรรมการผู้ทรง คุณวุฒิต้องแต่งตั้งจากผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ รวม 4 ด้านออก เพื่อให้ประธานคณะกรรมการจัดทำแผนพัฒนากลุ่ม จังหวัดพิจารณาแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิได้ตามที่เห็นสมควร โดยไม่จำกัดเฉพาะผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ ตามที่ กำหนดไว้เท่านั้น เพื่อให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ส่วนการจัดทำแผนกลุ่มจังหวัด ตามร่างมาตรา 16 ซึ่งกำหนดให้ผู้ว่าราช การจังหวัดของจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัดเป็นหัวหน้ากลุ่มจังหวัด อาจไม่เหมาะสมกับการบริหาร งานของกระทรวงมหาดไทย สมควรแก้ไขให้กระทรวงมหาดไทยสามารถใช้ดุลพินิจมอบหมายบุคคลที่เหมาะสมทำ หน้าที่ดังกล่าวได้ และปรับเปลี่ยนชื่อตำแหน่ง "หัวหน้ากลุ่มจังหวัด" เป็น "ผู้ประสานงานของกลุ่มจังหวัด" รวมทั้ง แก้ไขร่างมาตรา 17 วรรคหนึ่ง ให้สอดคล้องกัน นอกจากนี้ โดยที่คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ได้ เห็นชอบให้จัดตั้งสำนักบริหารยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัดขึ้น เพื่อทำหน้าที่ประสานงานกลุ่มจังหวัด และเป็นฝ่ายเลขา นุการของคณะกรรมการจัดทำแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด จึงควรแก้ไขชื่อตำแหน่งของผู้ที่เป็นเลขานุการในร่างมาตรา 17 วรรคสอง ให้สอดคล้องกับการจัดตั้งสำนักงานดังกล่าว และให้นำขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวาย เพื่อประกาศใช้บังคับเป็น กฎหมายต่อไป ตามข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 1094 | ร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 08/01/2551 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอดังนี้ รับทราบรายงานข้อมูลผลกระทบต่อประชาชนและ
สังคมเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีอากรและค่าธรรมเนียมตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2548 (เรื่อง ร่าง พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....) สรุปได้ว่า มีความจำเป็นต้องแก้ไขพระ ราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 ให้กรุงเทพมหานครมีอำนาจออกข้อบัญญัติจัดเก็บ ภาษีน้ำมัน ภาษียาสูบ และค่าธรรมเนียมจากผู้พักในโรงแรม ฯ เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้น ตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 และเพื่อให้สามารถดำเนินการออกข้อบัญญัติ จัดเก็บภาษีและค่าธรรมเนียมดังกล่าว ได้เช่นเดียวกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดทั่วประเทศ และอนุมัติหลักการร่าง พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระ ราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 เพื่อให้การจัดบริการสาธารณะและการใช้บังคับกฎ หมายเพื่อประโยชน์แก่ประชาชนโดยส่วนรวมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพด้วยความโปร่งใส และสอดคล้องกับพระราช บัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 และส่งสำนักงาน คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 1095 | ร่างแผนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างแผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) | นร | 02/01/2551 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอร่างแผนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กร
ปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างแผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) รวม 6 ด้าน ได้แก่ ร่างแผนปฏิบัติการ ฯ ด้านการถ่ายโอนภารกิจ ด้านการเงิน การคลัง และงบประมาณ ด้านการปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้านการเงิน การคลัง ด้านการถ่าย โอนบุคลากรและพัฒนาการบริหารทรัพยากรบุคลากรส่วนท้องถิ่น ด้านการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน /ภาคประชาสังคมและการตรวจติดตามประเมินผล และด้านการแก้ไขหรือจัดให้มีกฎหมายที่ดำเนินการตามแผน การกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) รวมทั้งมติคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.) ในการประชุมครั้งที่ 6/2550 วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม 2550 ที่เห็นชอบ ให้ส่วนราชการที่ถ่ายโอนแผนปฏิบัติการ ฯ ดำเนินการจัดทำแผนการถ่ายโอน กำหนดขั้นตอนและแนวทางการ ถ่ายโอนให้สอดคล้องกับระยะเวลาการถ่ายโอนที่กำหนดไว้ในแผนปฏิบัติการ จัดฝึกอบรม จัดทำคู่มือการปฏิบัติ งานเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับ อปท. ที่รับโอนภารกิจ และเป็นพี่เลี้ยงให้คำปรึกษาแนะนำแก่ อปท. เพื่อให้ สามารถบริหารจัดการภารกิจที่ถ่ายโอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการกำหนดมาตรฐานบริการสาธารณะ ที่ถ่ายโอน เพื่อให้ อปท. ให้บริการสาธารณะอย่างมีมาตรฐาน และติดตามประเมินผลในภารกิจที่ถ่ายโอนอย่าง ต่อเนื่องและรายงานให้ กกถ. ทราบทุกรอบ 3 เดือน และให้รายงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 1096 | สรุปสถานการณ์ภัยหนาวและการเตรียมรับสถานการณ์ภัยแล้งปี 2551 | มท | 02/01/2551 | |||||||||||||||||||||||||||
|
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลสถานการณ์ภัยหนาวและการเตรียมรับสถานการณ์ภัยแล้งปี
พ.ศ. 2551 ของกระทรวงมหาดไทย สรุปได้ดังนี้ สถานการณ์ภัยหนาว ข้อมูล ณ วันที่ 1 มกราคม 2551 มีพื้นที่ ประสบภัยหนาวและได้ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน จำนวน 40 จังหวัด จำแนกเป็น ภาคเหนือ 16 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 18 จังหวัด ภาคกลาง 3 จังหวัด และภาคตะวันออก 3 จังหวัด ในส่วนของ การให้ความช่วยเหลือ ได้รับรายงานจาก 43 จังหวัดว่าได้มอบผ้าห่มกันหนาวให้แก่ประชาชนที่ขาดแคลนใน 385 อำเภอ 3,183 ตำบล 9 เทศบาล 27,627 หมู่บ้าน โดยใช้จ่ายจากเงินทดรองราชการในอำนาจของผู้ว่าราชการ จังหวัดที่ได้รับการยกเว้นหลักเกณฑ์ ฯ ให้จัดหาเครื่องกันหนาวในวงเงินจังหวัดละไม่เกิน 25 ล้านบาท รวมทั้งได้ รับการสนับสนุนจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย บริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) สมาคม มูลนิธิ อบต. ฯลฯ รวม 492,800 ชิ้น สำหรับการเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ภัยแล้งปี พ.ศ. 2551 กรมป้องกันและ บรรเทาสาธารณภัย ได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งระดับจังหวัด/อำเภอ/องค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทำการสำรวจและจัดทำบัญชีหมู่บ้าน/ชุมชน ที่มีความเสี่ยงต่อการขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภค จัดทำแผนเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง จัดเตรียมความพร้อมด้านกำลังคน วัสดุอุปกรณ์และ รถยนต์บรรทุกน้ำ และให้จังหวัดพิจารณาช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัย โดยให้ใช้จ่ายเงินทดรองราชการตาม ระเบียบกระทรวงการคลัง ฯ พ.ศ. 2546 (งบ 50 ล้านบาท) ในด้านการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง กระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ มีแผนการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งปี พ.ศ. 2550/51 ทั่วประเทศรวมทั้งสิ้นจำนวน 12.83 ล้านไร่ แยกเป็น ข้าวนาปรัง 10.03 ล้านไร่ (ในเขตชลประทาน 7.53 ล้านไร่ นอกเขตชลประทาน 2.50 ล้านไร่) พืชไร่-ผัก 2.80 ล้านไร่ (ในเขตชลประทาน 0.90 ล้านไร่ นอกเขตชลประทาน 1.90 ล้านไร่) ส่วนการจัดสรรน้ำเพื่อใช้ในกิจ กรรมต่าง ๆ ได้จัดลำดับความสำคัญ ได้แก่ เพื่อการอุปโภคบริโภคและการประปา เพื่อการรักษาระบบนิเวศน์ เช่น ผลักดันน้ำเค็ม เพื่อการเกษตรกรรม และเพื่อการอุตสาหกรรม
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 1097 | ขอยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีและขอความเห็นชอบให้จังหวัดจัดทำยุทธศาสตร์ดำเนินงานโครงการถนนสายวัฒนธรรม | วธ | 25/12/2550 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอขอยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 กุมภา
พันธ์ 2549 ที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการโครงการประติมากรรมบนถนนสายวัฒนธรรมเชียงใหม่-สันกำ แพง และงบดำเนินการในวงเงิน 110,000,000 บาท และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2549 ที่อนุมัติให้ จัดซื้อที่ดินสำหรับก่อสร้างอุทยานวัฒนธรรมเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญ พระชนมพรรษา 80 พรรษา วงเงิน 45,000,000 บาท โดยปรับเปลี่ยนให้จังหวัดเชียงใหม่รวมกับองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินโครงการ หากพิจารณาเห็นว่ามีความสำคัญและเป็นประโยชน์ต่อท้อง ถิ่น และให้จังหวัดทุกจังหวัดจัดทำยุทธศาสตร์การดำเนินงานโครงการถนนสายวัฒนธรรม โดยการมีส่วนร่วมของ ประชาชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 1098 | โครงการสร้างหลักประกันในชีวิตด้วยการปลูกไม้เศรษฐกิจ | ทส | 25/12/2550 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 1 ที่มีมติเห็น
ชอบในหลักการโครงการสร้างหลักประกันในชีวิตด้วยการปลูกไม้เศรษฐกิจ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาค เอกชนซึ่งเป็นบริษัทผู้รับประกันภัย เพื่อพิจารณากำหนดแนวทางในรายละเอียด และเงื่อนไขการรับประกันภัย และอัตราเบี้ยประกันภัยที่เหมาะสม โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจัดทำรายละเอียดเกี่ยว กับการประกันภัยพืชเศรษฐกิจให้แล้วเสร็จ ตามประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ และให้รับความ เห็นและข้อสังเกตของส่วนราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาทิ ความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับขั้นตอนการ นำตั๋วสัญญาใช้เงินไปขายลดให้แก่ ธปท. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประสาน ธปท. ในการ ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่เกษตรกรในโครงการสร้างหลักประกันในชีวิตด้วยการปลูกต้นไม้เศรษฐกิจ รวม ทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการประกันวินาศภัยต้นไม้ กับให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเตรียม แผนรองรับในด้านการประกอบอาชีพและภาระด้านสินเชื่อในกรณีที่เกษตรกรไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขการ ดำเนินโครงการ และมีระบบการติดตาม ดูแลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้โครงการประสบความสำเร็จอย่าง ยั่งยืน และเป็นหลักประกันให้กับเกษตรกรรายย่อย และข้อสังเกตของกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับการกำหนด หลักเกณฑ์เงื่อนไขต่าง ๆ ของโครงการที่มีผลผูกพันกับเกษตรกรและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ควรให้กรมส่ง เสริมการปกครองท้องถิ่นและจังหวัดเข้าร่วมพิจารณาด้วย นอกจากนี้ ภายใต้โครงการควรมีรายละเอียดข้อมูล เกี่ยวกับการดำเนินการกับไม้ที่รับซื้อจากเกษตรกรและการดำเนินการกับผลประโยชน์ที่เป็นรายได้ซึ่งรัฐบาลจะ ได้รับจากการจำหน่ายไม้ดังกล่าวไว้ด้วย เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการ ก่อนเสนอขออนุมัติรายละเอียดโครง การและกรอบวงเงินงบประมาณต่อคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 1099 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้นำราคาปานกลางของที่ดินที่ใช้อยู่ในการประเมินภาษีบำรุงท้องที่ประจำปี พ.ศ. 2521 ถึง พ.ศ. 2524 มาใช้ในการประเมินภาษีบำรุงท้องที่สำหรับปี พ.ศ. 2551 พ.ศ. .... | มท | 25/12/2550 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาให้นำราคาปาน
กลางของที่ดินที่ใช้อยู่ในการประเมินภาษีบำรุงท้องที่ประจำปี พ.ศ. 2521 ถึง พ.ศ. 2524 มาใช้ในการประเมินภาษี บำรุงท้องที่สำหรับปี พ.ศ. 2551 พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้นำราคาปานกลางของที่ดินที่ใช้อยู่ในการประเมิน ภาษีบำรุงท้องที่ประจำปี พ.ศ. 2521 ถึง พ.ศ. 2524 ซึ่งใช้ในการประเมินภาษีบำรุงท้องที่สำหรับปี พ.ศ. 2550 มา ใช้ในการประเมินภาษีบำรุงท้องที่สำหรับปี พ.ศ. 2551 โดยให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2551 เป็นต้นไป และ ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ และให้กระทรวงมหาดไทยรับข้อสังเกต ของกระทรวงการคลังที่ว่า ราคาปานกลางของที่ดินประจำปี พ.ศ. 2521 ถึง พ.ศ. 2524 ได้ใช้ในการประเมินภาษี บำรุงท้องที่มาเป็นเวลา 25 ปีแล้ว จึงไม่เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน เนื่องจากสภาวะราคาตลาดของที่ดินมี การปรับตัวสูงขึ้นมาก จึงน่าที่จะปรับปรุงราคาปานกลางของที่ดินหรืออัตราภาษีบำรุงท้องที่ตามสมควรเพื่อให้องค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีดังกล่าวเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันก็ไม่เป็นการเพิ่มภาระแก่ประชาชน มากเกินไป ไปพิจารณาดำเนินการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 1100 | แผนและมาตรการป้องกันรักษาป่าและฟื้นฟูสภาพป่า (พ.ศ. 2551 - 2555) | ทส | 18/12/2550 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอดังนี้ เห็นชอบในหลักการของ
แผนและมาตรการป้องกันรักษาป่าและฟื้นฟูสภาพป่า (พ.ศ. 2551-พ.ศ. 2555) กับเห็นชอบร่างคำสั่งสำนักนายก รัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่าแห่งชาติ (คปป.) และให้สำนักงาน พัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) สนับสนุนข้อมูลภาพจากดาวเทียมสำรวจทรัพยากร ธรรมชาติแก่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อใช้ในการปฏิบัติงานตามมาตรการดังกล่าว โดยให้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ ความเห็นของสำนักงาน คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรปรับปรุงแผนงานและมาตรการดังกล่าว โดยจัดทำ เป็นกรอบยุทธศาสตร์ระยะยาวที่มีการกำหนดผลผลิต ผลลัพธ์ และจำนวนพื้นที่เป้าหมายที่ชัดเจน มีตัวชี้วัดทั้งเชิง ปริมาณและคุณภาพทั้งในระดับแผนงาน มาตรการ และระดับรายโครงการเพื่อเป็นตัววัดความก้าวหน้าและความ สำเร็จของการดำเนินงาน ส่วนการแต่งตั้ง คปป. และคณะกรรมการระดับจังหวัด ควรมีผู้แทนของเครือข่ายชุมชน องค์กรพัฒนาเอกเชน นักวิชาการ ผู้ทรงคุณวุฒิ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคีการพัฒนาต่าง ๆ เข้าร่วมเป็นกรรมการด้วย โดยให้คณะกรรมการที่แต่งตั้งขึ้นมีอำนาจหน้าที่ที่ชัดเจน สามารถรับผิดชอบต่อการป้อง กันแก้ไขปัญหาการตัดไม้ทำลายป่า สามารถผลักดันในเชิงระดับนโยบายและขับเคลื่อนในระดับพื้นที่ เป็นต้น ไป พิจารณาดำเนินการด้วย สำหรับงบประมาณเพื่อดำเนินงานของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและ หน่วยงานสนับสนุนตามมาตรการเร่งด่วนในปี พ.ศ. 2551 ให้พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่าย งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 เพื่อดำเนินการตามแผนและมาตรการ ฯ ก่อน ส่วนค่าใช้จ่าย ในปีต่อ ๆ ไป ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะ สมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||||||||
