ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 96 จากทั้งหมด 566 หน้า แสดงรายการที่ 1901 - 1920 จากข้อมูลทั้งหมด 11307 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1901 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 25/2563 และครั้งที่ 26/2563 | นร.11 | 28/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ ๒๕/๒๕๖๓
เมื่อวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๓ และครั้งที่ ๒๖/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๓ ที่พิจารณาอนุมัติโครงการ
รวมทั้งรับทราบผลการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๖๓
และวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๓ ของมหาวิทยาลัยมหิดล จังหวัดตรัง จังหวัดปราจีนบุรี
และจังหวัดกระบี่ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และที่เสนอเพิ่มเติมว่า
ขอแก้ไขข้อความในหนังสือคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ด่วนที่สุด ที่ นร
๑๑๐๖/(คกง.) ๓๗๑ ลงวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๖๓ หน้า ๑๓ ข้อ ๓.๔.๔ ให้ถูกต้อง
จากเดิมความว่า “๒) มอบหมายให้กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นหน่วยงานรับผิดชอบโครงการฯ
และดำเนินการ ดังนี้” เป็น “๒)
มอบหมายให้สำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นหน่วยงานรับผิดชอบโครงการฯ
และดำเนินการ ดังนี้” ๒.
ให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ เช่น (๑)
ให้กระทรวงต้นสังกัดกำกับดูแลให้หน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนด
และติดตามการดำเนินโครงการอย่างใกล้ชิด และ (๒)
ให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการเร่งดำเนินการตามความเห็นของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
โดยเฉพาะการแก้ไขปรับปรุงข้อมูลของโครงการในระบบติดตามและประเมินผลแห่งชาติ (eMENSCR)
และเตรียมความพร้อมในการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้
ในส่วนของแหล่งเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายโครงการ
ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา
แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1902 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง ระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย และร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ | พณ. | 28/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง
ระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย และอนุมัติให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดแนวทางในการบริหารจัดการงบประมาณของโครงการที่ได้รับอนุมัติจากฝ่ายจีนให้เกิดประสิทธิภาพในการใช้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านข้าง
อย่างสูงสุด ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย ๒. สำหรับการดำเนินการเกี่ยวกับร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นว่า
ร่างบันทึกความเข้าใจฯ
เป็นเรื่องที่อยู่ในหน้าที่และอำนาจของกระทรวงพาณิชย์ที่สามารถดำเนินการได้
โดยไม่ต้องเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1903 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการให้สารสนเทศด้านน้ำของแม่น้ำล้านช้างตลอดทั้งปีโดยประเทศจีน แก่ประเทศสมาชิกคณะทำงานร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านทรัพยากรน้ำ ของกรอบความร่วมมือแม่โขง - ล้านช้าง และร่างหนังสือแสดงเจตจำนงว่าด้วยการจัดตั้งกลไกการแบ่งปันสารสนเทศความร่วมมือด้านทรัพยากรน้ำของแม่โขง - ล้านช้าง | นร.14 | 28/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการให้สารสนเทศด้านน้ำของแม่น้ำล้านช้างตลอดทั้งปีโดยประเทศจีนแก่ประเทศสมาชิกคณะทำงานร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านทรัพยากรน้ำ
(Joint Working Group on Water Resources : JWG) ของกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง
(Mekong-Lancang Cooperation : MLC) รวมทั้งร่างหนังสือแสดงเจตจำนงว่าด้วยการจัดตั้งกลไกการแบ่งปันสารสนเทศความร่วมมือด้านทรัพยากรน้ำของแม่โขง-ล้านช้าง
และอนุมัติให้เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
และร่างหนังสือแสดงเจตจำนงฯ โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมความร่วมมือด้านทรัพยากรน้ำภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง
และตอบสนองความจำเป็นในการบรรเทาอุทกภัยและภัยพิบัติของประเทศบนแม่น้ำโขง
โดยคณะทำงานร่วมสาขาทรัพยากรน้ำของฝ่ายจีนตกลงที่จะส่งข้อมูลด้านอุทกวิทยาของแม่น้ำล้านช้างตลอดปีให้กับคณะทำงานร่วมสาขาทรัพยากรน้ำของประเทศสมาชิกอีก
๕ ประเทศ ดำเนินการโดยยึดหลักความร่วมมือฉันท์มิตร ประโยชน์ร่วมกัน การไว้ใจซึ่งกันและกัน
และความเสมอภาคกัน
โดยฝ่ายจีนตกลงที่จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการจัดหาข้อมูลด้านอุทกวิทยา รวมถึงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องซึ่งเกิดจากการจัดส่งข้อมูลดังกล่าวให้แก่คณะทำงานร่วมฯ
ส่วนร่างหนังสือแสดงเจตจำนงฯ มีสาระสำคัญเป็นการสนับสนุนการสร้างแพลตฟอร์มการแบ่งปันข้อมูลความร่วมมือทรัพยากรน้ำแม่โขง-ล้านช้าง
ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
หรือร่างหนังสือแสดงเจตจำนงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย ๒.
ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับข้อมูลอุทกวิทยาสำหรับแม่น้ำโขงซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการประเมินสถานการณ์และป้องกันภัยพิบัติต่าง
ๆ ที่อาจเกิดขึ้นแก่ประชาชนบริเวณแม่น้ำโขง
จึงควรพิจารณาความเป็นไปได้ที่จะผลักดันให้มีการหารือในเรื่องนี้ระหว่างการประชุม MLC
ระดับรัฐมนตรี เพื่อยกระดับความร่วมมือให้มีสถานะเป็นสนธิสัญญา
ซึ่งหากมีการละเมิดพันธกรณีตามสนธิสัญญา ก็จะมีความรับผิดของรัฐ (State
Responsibility) ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓.
ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1904 | การขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร | นร.08 | 28/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร
ตั้งแต่วันที่ ๑-๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ ๒.
เห็นชอบและรับทราบร่างประกาศ รวม ๓ ฉบับ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๒.๑ เห็นชอบร่างประกาศ เรื่อง
การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่
๗) และร่างประกาศ เรื่อง
การให้ประกาศที่คณะรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ ๒.๒ รับทราบร่างประกาศ เรื่อง การให้ข้อกำหนด
ประกาศ และคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ ๓.
ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1905 | ผลการเจรจากับสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักร กรณีการจัดทำตารางข้อผูกพันภายใต้องค์การการค้าโลกของสหภาพยุโรป และสหราชอาณาจักร อันเป็นผลเนื่องมาจากการออกจากสมาชิกภาพสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักร (Brexit) | พณ. | 28/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างความตกลงระหว่างไทยกับสหภาพยุโรปเกี่ยวกับการจัดสรรปริมาณสินค้าที่มีโควตาภาษีของสหภาพยุโรป
และร่างหนังสือแลกเปลี่ยน (Exchange of Letter) ระหว่างไทยกับสหราชอาณาจักรเกี่ยวกับการจัดสรรปริมาณสินค้าที่มีโควตาภาษีของสหราชอาณาจักร
รวม ๒ ฉบับ โดยร่างความตกลงฯ
เป็นการจัดสรรปริมาณโควตาของสินค้าโควตาภาษีที่สหภาพยุโรปจัดสรรให้แก่ไทย
ภายหลังระยะเวลาเปลี่ยนผ่านการออกจากสมาชิกสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักร
ซึ่งแต่เดิมการจัดสรรปริมาณโควตาของสหภาพยุโรปได้รวมสัดส่วนของสหราชอาณาจักรอยู่ด้วย
ตารางการจัดสรรสัดส่วนใหม่นี้จะไม่รวมถึงปริมาณโควตาของสหราชอาณาจักร
และร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ
เป็นการจัดสรรปริมาณโควตาของสินค้าโควตาภาษีที่สหราชอาณาจักรจัดสรรให้แก่ไทยภายหลังระยะเวลาเปลี่ยนผ่านการออกจากสมาชิกสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักร
โดยมีปริมาณโควตาเท่ากับสัดส่วนที่เหลือจากการจัดสรรของสหภาพยุโรป
และไทยตกลงจะถอนการคัดค้านตารางข้อผูกพันของสหราชอาณาจักรทั้งหมดอย่างเป็นทางการด้วยวิธีแจ้งเป็นจดหมายถึงสำนักเลขาธิการองค์การการค้าโลก
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
แล้วเสนอรัฐสภาให้ความเห็นชอบตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ๒.
อนุมัติให้เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การการค้าโลกและองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลกหรือผู้แทนลงนามย่อกำกับในร่างความตกลงฯ
และร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ รวม ๒ ฉบับดังกล่าว ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างความตกลงฯ และร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ รวม ๒
ฉบับดังกล่าว ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๓.
อนุมัติให้เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การการค้าโลกและองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลกหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในความตกลงฯ
และหนังสือแลกเปลี่ยนฯ รวม ๒ ฉบับดังกล่าว ภายหลังจากที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบแล้ว ๔. ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม
(Full Powers) ให้เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การการค้าโลกและองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลกหรือผู้แทนลงนามในร่างความตกลงฯ
และร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ รวม ๒ ฉบับดังกล่าว ๕. ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการแจ้งสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักรว่าไทยได้ดำเนินการตามขั้นตอนภายในสำหรับการมีผลใช้บังคับร่างความตกลงระหว่างไทยกับสหภาพยุโรปเกี่ยวกับการจัดสรรปริมาณสินค้าที่มีโควตาภาษีของสหภาพยุโรป
และร่างหนังสือแลกเปลี่ยน (Exchange of Letter) ระหว่างไทยกับสหราชอาณาจักรเกี่ยวกับการจัดสรรปริมาณสินค้าที่มีโควตาภาษีของสหราชอาณาจักร
รวม ๒ ฉบับ รวม ๒ ฉบับดังกล่าว เมื่อรัฐสภาได้ให้ความเห็นชอบร่างความตกลงฯ
และร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ รวม ๒ ฉบับดังกล่าว แล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1906 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | นร.07 | 20/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. อนุมัติตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติให้หน่วยรับงบประมาณก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ จำนวน ๑,๓๒๓ รายการ เป็นวงเงินภาระผูกพันรวมทั้งสิ้น ๒๒๓,๒๔๐.๒
ล้านบาท สำหรับรายการที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป จำนวน ๓๒ รายการ วงเงิน
๕๕,๑๖๐.๙ ล้านบาท เมื่อทราบผลประกวดราคาแล้ว เห็นควรให้หน่วยรับงบประมาณนำเสนอนายกรัฐมนตรีทราบอีกครั้งหนึ่งก่อนดำเนินการต่อไป ๑.๒
รายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่จะต้องจ่ายในรูปของเงินตราต่างประเทศ เช่น รายการค่าเช่าบ้าน
ค่าเช่าอาคารสำนักงาน และค่าเช่าทรัพย์สินในต่างประเทศ ฯลฯ
ให้สำนักงบประมาณพิจารณาอนุมัติวงเงินผูกพันที่เปลี่ยนแปลงไปจากที่ได้รับอนุมัติเนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยน
ในกรณีที่หน่วยรับงบประมาณสามารถปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบอีกครั้ง ๑.๓ เพื่อเป็นการเร่งรัดให้หน่วยรับงบประมาณใช้จ่ายหรือก่อหนี้ผูกพันสำหรับรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีที่เป็นรายจ่ายลงทุนรายการใหม่
ให้หน่วยรับงบประมาณจัดส่งรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะ แบบรูปรายการสิ่งก่อสร้าง
ราคากลาง
และรายละเอียดประกอบที่เกี่ยวข้องให้สำนักงบประมาณพิจารณาความเหมาะสมของราคาควบคู่ไปกับการดำเนินกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง
และเมื่อได้ผลจัดซื้อจัดจ้างแล้ว หากไม่เกินวงเงินที่สำนักงบประมาณให้ความเห็นชอบ
ให้แจ้งสำนักงบประมาณทราบและดำเนินการทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันต่อไปได้
รวมทั้งจัดทำรายงานสถานะภาพการดำเนินงานรายจ่ายลงทุนรายการผูกพันใหม่เมื่อสิ้นไตรมาสที่
๑ ต่อสำนักงบประมาณด้วย ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1907 | การขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย - มีนบุรี ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย | คค. | 20/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม
โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี (PK01)
ขยับจากตำแหน่งเดิมไปทางขวา (ทิศตะวันออก) ประมาณ ๓๓๗ เมตร
มาอยู่บริเวณด้านหน้าซอยรัตนาธิเบศร์ ๔ เพื่อให้ไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่อุทยานมกุฏรมยสราญ
และไม่บดบังด้านหน้าอุทยานมกุฏรมยสราญ โดยจะมีการก่อสร้างทางเดินยกระดับ (Skywalk)
พร้อมติดตั้งระบบทางเดินเลื่อนอัตโนมัติ (Walkalator) บนทางเดินยกระดับ ทั้งขาไปและขากลับ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสาร ๑.๒ สถานีนพรัตนราชธานี (PK26)
ขยับตำแหน่งสถานี PK26 จากตำแหน่งเดิมไปทางซ้าย
(ทิศตะวันตก) ของแนวเส้นทางโครงการประมาณ ๓๑๓ เมตร
มาอยู่บริเวณด้านหน้าสนามกีฬาไนติงเกล เนื่องจากกรมทางหลวงได้ดำเนินการก่อสร้างสะพานข้ามทางแยกบริเวณหน้าโรงพยาบาลนพรัตนราชธานี
(ทางแยกจุดตัดถนนรามอินทรา) ซึ่งเป็นตำแหน่งของสถานี PK26 เดิม
ทำให้ตำแหน่งที่ตั้งของสถานี PK26 มีระยะห่างในแนวดิ่ง (Vertical
Clearance) จากผิวถนนถึงโครงสร้างใต้สถานีไม่เพียงพอตามมาตรฐานของกรมทางหลวงที่กำหนดไว้ไม่น้อยกว่า
๕.๕ เมตร ๒. ให้กระทรวงคมนาคม
การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น (๑) ให้ดำเนินการตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์
พ.ศ. ๒๕๖๒ อย่างเคร่งครัด เพื่อให้สามารถป้องกันและรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้อย่างทันท่วงที
(๒)
ให้คำนึงถึงการอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าเป็นสำคัญ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเชื่อมต่อกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง
และระบบขนส่งมวลชนรูปแบบอื่น รวมถึงดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอน กฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด และ (๓) ให้ความสำคัญกับการกำกับติดตามไม่ให้มีการก่อสร้างต่าง
ๆ ภายในพื้นที่ของโครงการเพิ่มเติม
เพื่อลดความเสียหายที่อาจจะเกิดจากการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐต่าง ๆ
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1908 | การรับรองเอกสารผลการประชุมทางไกลรัฐมนตรีอาเซียนที่กำกับดูแลงานด้านวัฒนธรรมและศิลปะ (AMCA) ครั้งที่ 9 และการประชุมที่เกี่ยวข้องกับประเทศคู่เจรจา | วธ. | 20/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑
เห็นชอบร่างแถลงข่าวร่วมของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนที่กำกับดูแลงานด้านวัฒนธรรมและศิลปะ
ครั้งที่ ๙ (Draft Joint Media Statement of the 9th AMCA) และเอกสารว่าด้วยอัตลักษณ์อาเซียน (The Narrative of ASEAN
Identity) ที่จะมีการรับรองในการประชุมทางไกลรัฐมนตรีอาเซียนที่กำกับดูแลงานด้านวัฒนธรรมและศิลปะ
(AMCA) ครั้งที่ ๙
และการประชุมที่เกี่ยวข้องกับประเทศคู่เจรจา ในวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๓
มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองและนโยบายที่มีนัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ๑.๒
อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมฯ
รับรองร่างแถลงข่าวร่วมของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนที่กำกับดูแลงานด้านวัฒนธรรมและศิลปะ
(AMCA) ครั้งที่ ๙ และเอกสารว่าด้วยอัตลักษณ์อาเซียน ๑.๓
อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย
ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน
ครั้งที่ ๒๔ ร่วมรับรองเอกสารว่าด้วยอัตลักษณ์อาเซียน (The
Narrative of ASEAN Identity) ในการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน
ครั้งที่ ๒๔ [24th Meeting of the ASEAN Socio-Cultural Community
(ASCC) Council] ผ่านระบบการประชุมทางไกล ในวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ ๒.
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงข่าวร่วมของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนที่กำกับดูแลงานด้านวัฒนธรรมและศิลปะ
(AMCA) ครั้งที่ ๙ และเอกสารว่าด้วยอัตลักษณ์อาเซียน
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงวัฒนธรรมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
๓. ให้กระทรวงวัฒนธรรมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1909 | ขอความเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์การประชุมรัฐมนตรีความมั่นคงอาหารเอเปค เรื่อง การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ผ่านระบบการประชุมทางไกล | กษ. | 20/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีความมั่นคงอาหารเอเปค เรื่อง การแพร่ระบาดของโรคโควิด
๑๙ ผ่านระบบการประชุมทางไกล และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเข้าร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ฯ
ในการประชุมรัฐมนตรีความมั่นคงอาหารเอเปค ผ่านระบบการประชุมทางไกล ในวันที่ ๒๗
ตุลาคม ๒๕๖๓ โดยร่างแถลงการณ์ฯ
เป็นการแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการดำเนินงานเกี่ยวกับความร่วมมือด้านความมั่นคงอาหารระหว่างสมาชิกเอเปค
และความมุ่งมั่นในการดำเนินมาตรการที่เป็นประโยชน์และมีประสิทธิผลเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด
๑๙ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1910 | ขออนุมัติท่าทีไทยสำหรับการประชุมคณะอนุกรรมาธิการด้านการค้าและความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย-สหพันธรัฐรัสเซีย ครั้งที่ 4 และการปรับปรุงแก้ไขบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการขยายความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างกระทรวงพาณิชย์ของราชอาณาจักรไทยและกระทรวงการพัฒนาเศรษฐกิจของสหพันธรัฐรัสเซีย | พณ. | 20/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบท่าทีไทยสำหรับการประชุมคณะอนุกรรมาธิการด้านการค้าและความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย-สหพันธรัฐรัสเซีย
ครั้งที่ ๔ และหากในการประชุมคณะอนุกรรมาธิการฯ ดังกล่าว มีผลให้มีการตกลงในเรื่องความร่วมมือด้านเศรษฐกิจการค้าในประเด็นอื่น
ๆ อันจะเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจการค้าสองฝ่าย
โดยไม่มีการจัดทำเป็นความตกลงหรือหนังสือสัญญาขึ้นใหม่ ให้กระทรวงพาณิชย์และผู้แทนไทยที่เข้าร่วมการประชุมสามารถดำเนินการได้และนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ
รวมทั้งเห็นชอบและอนุมัติให้มีการลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการขยายความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างกระทรวงพาณิชย์ของราชอาณาจักรไทยและกระทรวงการพัฒนาเศรษฐกิจของสหพันธรัฐรัสเซีย
(Memorandum of Understanding on Extension of Trade and Economic
Cooperation Between the Ministry of Economic Development of the Russian
Federation and the Ministry of Commerce of the Kingdom of Thailand) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
โดยท่าทีไทยสำหรับการประชุมคณะอนุกรรมาธิการฯ
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดท่าทีของไทยในด้านต่าง ๆ อาทิ
การส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างกัน การขยายความร่วมมือในระดับพหุภาคีและภูมิภาค
และการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาคเอกชน ส่วนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
มีสาระสำคัญเป็นการกระชับความสัมพันธ์และขยายความร่วมมือด้านการค้าและเศรษฐกิจ
การส่งเสริมกิจกรรมระหว่างภาคธุรกิจ
การพิจารณาแนวทางเพิ่มมูลค่าการค้าและลดอุปสรรคทางการค้า
ตลอดจนการอำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างสองประเทศ
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ๒.
ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ควรเน้นย้ำการหารือในสี่ประเด็นหลัก
คือ (๑) การเร่งรัดการอำนวยความสะดวกและลดอุปสรรคทางการค้าระหว่างกัน
โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าเกษตรสำคัญของไทยที่มีศักยภาพในตลาดรัสเซีย อาทิ
สินค้าประมงและปศุสัตว์ (๒)
การเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับโอกาสทางการค้าและการลงทุนให้แก่กลุ่ม SMEs
ของทั้งสองฝ่าย เพื่อเพิ่มโอกาสในการดำเนินธุรกิจ
รวมถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึกโดยเฉพาะด้านกฎระเบียบ (๓)
การส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวระหว่างกันที่สอดรับกับวิถีชีวิตใหม่ (New
Normal) และ (๔) การเพิ่มโอกาสในการพัฒนาความร่วมมือด้านอื่น ๆ
ที่ทั้งสองฝ่ายมีศักยภาพ อาทิ การพัฒนาพลังงานทดแทน
และการพัฒนาเทคโนโลยีทางการแพทย์ ซึ่งอาจขยายไปสู่การพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคอุบัติใหม่ร่วมกัน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓.
ให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1911 | ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร รวมทั้งคำสั่ง ข้อกำหนด และประกาศที่เกี่ยวข้อง | นร 05 | 20/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๓ เรื่อง
ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร รวมทั้งคำสั่ง
ข้อกำหนด และประกาศที่เกี่ยวข้อง ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ๑.
เห็นชอบประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร ลงวันที่
๑๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ๒. รับทราบคำสั่ง
ข้อกำหนด และประกาศ รวม ๔ ฉบับ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๒.๑ คำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๖/๒๕๖๓ เรื่อง
แต่งตั้งผู้กำกับการปฏิบัติงานหัวหน้าผู้รับผิดชอบ
และพนักงานเจ้าหน้าที่ในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ลงวันที่ ๑๕
ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ๒.๒ ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙
แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่ ๑๕ ตุลาคม
พ.ศ. ๒๕๖๓ ๒.๓ ประกาศตามมาตรา ๑๑
แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่ ๑๕ ตุลาคม
พ.ศ. ๒๕๖๓ ๓.
เห็นชอบให้นายกรัฐมนตรีกำหนดให้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงตามข้อ ๑
มีระยะเวลาการใช้บังคับเป็นเวลา ๓๐ วัน
และให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1912 | ความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ เดือนกันยายน 2563 | นร.11 | 20/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ
ณ เดือนกันยายน ๒๕๖๓ ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่สำคัญ เช่น
การประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ และการพิจารณาแผนระดับที่สามตามนัยของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ รวมทั้งได้เสนอแนะประเด็นที่ควรเร่งรัดเพื่อการบรรลุเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติ
คือ รายได้จากการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ความงาม และแพทย์แผนไทยเพิ่มขึ้น ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1913 | แนวทางการจัดทำงบประมาณและปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | นร.07 | 12/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบแนวทางการจัดทำงบประมาณและปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ๒.
ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1914 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 24/2563 | นร.11 | 12/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ ๒๔/๒๕๖๓
เมื่อวันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๖๓ ที่ได้มีการพิจารณากลั่นกรองข้อเสนอแผนงาน/โครงการเพื่อขอใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ และพิจารณาความเหมาะสมของการปรับปรุงรายละเอียดของแผนงาน/โครงการ
ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เร่งดำเนินการตามความเห็นของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
โดยเฉพาะการแก้ไขปรับปรุงข้อมูลของโครงการในระบบติดตามและประเมินผลแห่งชาติ (eMENSCR)
และเตรียมความพร้อมในการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้สามารถเบิกจ่ายได้โดยเร็ว และให้หน่วยงานเจ้าของโครงการควรเร่งดำเนินการให้ทันต่อสถานการณ์
และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความชัดเจนของโครงการ/รายการ
และความเหมาะสมของค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในทุกมิติ ซึ่งจะต้องเป็นไปตามเกณฑ์
อัตรา และมาตรฐานของทางราชการอย่างประหยัด ไม่มีความซ้ำซ้อนกับโครงการอื่น ๆ
ของภาครัฐ มีความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน
โดยให้ความสำคัญกับระบบการติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1915 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่ 26 มีนาคม 2562 เรื่อง แผนปฏิบัติการความร่วมมือไทย - สปป.ลาว เพื่อการแก้ไขปัญหายาเสพติดร่วมกัน (โครงการพัฒนาทางเลือกเพื่อปลูกพืชทดแทนพืชเสพติด หมู่บ้านอุดมไซ เมืองเวียงทอง แขวงบอลิคำไซ สปป.ลาว ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 - 2565) | ยธ. | 12/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี (๒๖ มีนาคม ๒๕๖๒) เรื่อง
แผนปฏิบัติการความร่วมมือไทย-สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เพื่อการแก้ไขปัญหายาเสพติดร่วมกัน
โดยขอยกเลิกเฉพาะโครงการพัฒนาทางเลือกเพื่อปลูกพืชทดแทนพืชเสพติด หมู่บ้านอุดมไว
เมืองเวียงทอง แขวงบอลิคำไซ สปป.ลาว ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๕
ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงกลาโหม
กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น (๑)
กระทรวงยุติธรรมควรพิจารณาความเป็นไปได้ในการจัดการประชุมทวิภาคีไทย-สปป.ลาว
เรื่อง ความร่วมมือด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ครั้งที่ ๑๘ อีกครั้ง
ภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 เพื่อกำหนดพื้นที่ใหม่ในการดำเนินโครงการฯ
ได้แก่ เมืองคำเกิดและเมืองปกกะดิ่ง แขวงบอลิคำไซ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ สปป.ลาว
เคยแจ้งเป็นการภายในว่ามีความพร้อมให้ฝ่ายไทยเข้าไปดำเนินโครงการฯ ได้ และ (๒)
เห็นควรให้มีการดำเนินโครงการฯ ต่อไป โดยให้หารือกับ สปป.ลาว
ถึงความร่วมมือด้านการพัฒนาทางเลือกในพื้นที่อื่น ๆ ในปีงบประมาณต่อไป เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1916 | มาตรการ "ช้อปดีมีคืน" | กค. | 12/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการมาตรการ “ช้อปดีมีคืน” ของกระทรวงการคลัง
เพื่อกระตุ้นการบริโภคในประเทศในช่วงปลายปี ๒๕๖๓
โดยกำหนดให้ผู้มีเงินได้ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
แต่ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล
หักลดหย่อยค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการเท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการ
สำหรับการซื้อสินค้าหรือการรับบริการในราชอาณาจักร ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน
๓๐,๐๐๐ บาท ตั้งแต่วันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓
และให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้อง
ครบถ้วน และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงการคลังและบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด รับความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมที่เห็นควรให้บริษัท
ไปรษณีย์ไทย จำกัด เข้าร่วมการดำเนินการตามมาตรการ “ช้อปดีมีคืน”
รวมทั้งพิจารณาความเป็นไปได้ในการลดราคาค่าบริการจัดส่งสินค้าให้กับผู้ใช้บริการเพื่อให้สามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการรายอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้เงินได้เท่าที่จ่ายเป็นค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการให้แก่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
และค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการบางประเภทให้แก่ผู้ขายสินค้าหรือบริการไม่ว่าจะจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่
ซึ่งได้แก่ ค่าซื้อหนังสือ
หรือค่าบริการหนังสือที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต
และค่าซื้อสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ได้ลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชน
เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้
๔.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1917 | บันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสหราชอาณาจักรเกรตบริเตนและนอร์เทิร์นไอร์แลนด์เรื่องแผนงานสร้างเสริมสุขภาพ | สธ. | 12/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราขอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสหราชอาณาจักรเกรตบริเตนและนอร์เทิร์นไอร์แลนด์เรื่องแผนงานสร้างเสริมสุขภาพ
(Memorandum of Understanding between the Government of the Kingdom
of Thailand and the Government of the United Kingdom of Great Britain and
Northern Ireland on the Better Health Programme) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมความร่วมมือด้านสาธารณสุขระหว่างกันในประเด็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง
การเสริมสร้างความเข้มแข็งของระบบสุขภาพ และการศึกษาและการฝึกอบรม
เพื่อสนับสนุนการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของกองทุนพรอสเพอริตี้ (Prosperity
Fund) การพัฒนาผลลัพธ์ทางสุขภาพในประเทศไทย และการส่งเสริมการเป็นพันธมิตรที่ยั่งยืนระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่เห็นว่า
เพื่อให้ร่างบันทึกความเข้าใจฯ
มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับรูปแบบของเอกสารที่มิใช่สนธิสัญญา
จึงขอเสนอให้ตัดวรรคก่อนวรรคท้าย “IN WITNESS WHERE OF, the
undersigned, being duly authorized by their respective authorities, have signed
this Memorandum of Understanding.” ออก ไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1918 | ขอความเห็นชอบร่างความตกลงว่าด้วยการต่ออายุแถลงการณ์ร่วมแสดงเจตจำนงว่าด้วยการพัฒนาความร่วมมือด้านรถไฟ ระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงคมนาคม และโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี | คค. | 12/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างความตกลงว่าด้วยการต่ออายุแถลงการณ์ร่วมแสดงเจตจำนงว่าด้วยการพัฒนาความร่วมมือด้านรถไฟ
ระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี
ฉบับลงนามเมื่อวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ซึ่งสิ้นสุดการมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่
๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ออกไปอีก ๒ ปี โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๒๓ พฤศจิกายน
๒๕๖๒ ถึงวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ เพื่อพัฒนาและกระชับความร่วมมือด้านระบบราง
โดยเฉพาะการพัฒนาการขนส่งทางรถไฟและระบบขนส่งมวลชนในเมือง โดยการดำเนินกิจกรรมใด ๆ
ภายใต้แถลงการณ์ร่วมฯ จะยังสามารถดำเนินการต่อไปได้ ซึ่งไม่มีผลกระทบใด ๆ
แม้ว่าแถลงการณ์ร่วมฯ จะสิ้นสุดการมีผลใช้บังคับไปแล้ว ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยสำหรับการลงนามดังกล่าว ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงว่าด้วยการต่ออายุแถลงการณ์ร่วมฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1919 | โครงการเพื่อการพัฒนาปี 2563 ของการประปาส่วนภูมิภาค (เพิ่มเติม) | มท. | 12/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการโครงการเพื่อการพัฒนาปี ๒๕๖๓ ของการประปาส่วนภูมิภาค (เพิ่มเติม)
จำนวน ๖ โครงการ ซึ่งเป็นโครงการก่อสร้างปรับปรุงขยายการประปาส่วนภูมิภาค จำนวน ๔
สาขา ได้แก่ สาขาเพชรบูรณ์-หล่มสัก สาขาเดิมบางนางบวช สาขาสมุทรสาคร-นครปฐม
และสาขาด่านช้าง
และเป็นโครงการก่อสร้างปรับปรุงกิจการประปาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน ๒ สาขา
ได้แก่ สาขานครศรีธรรมราช องค์การบริหารส่วนตำบลท่าเรือ และสาขานครศรีธรรมราช
เทศบาลตำบลการะเกด วงเงินรวม ๑๑,๔๕๑.๕๖ ล้านบาท ประกอบด้วย เงินอุดหนุน จำนวน
๘,๐๒๗.๔๑ ล้านบาท เงินรายได้ของการประปาส่วนภูมิภาค จำนวน ๗๔๘.๓๕ ล้านบาท
และเงินกู้ภายในประเทศ จำนวน ๒,๖๗๕.๗๐ ล้านบาท สำหรับภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น
ให้กระทรวงมหาดไทย (การประปาส่วนภูมิภาค) จัดทำรายละเอียดแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณของโครงการที่แสดงถึงศักยภาพและความพร้อมในทุกมิติเสนอคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
และเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอนและกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้การประปาส่วนภูมิภาคใช้จ่ายเงินลงทุนจากรายได้เป็นลำดับแรก
และหากมีความจำเป็นต้องใช้เงินกู้ให้กู้เงินในประเทศ
โดยกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกันเงินกู้ดังกล่าว ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ๒. ให้การประปาส่วนภูมิภาครับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
และคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เช่น (๑)
หากมีโครงการบางส่วนไม่สามารถจัดหาที่ดินและแหล่งน้ำดิบได้และจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงที่ตั้งโครงการหรือยกเลิกโครงการ
การประปาส่วนภูมิภาคควรพิจารณาเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติการเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกโครงการตามขั้นตอนต่อไป
(๒)
การประปาส่วนภูมิภาคควรเร่งดำเนินการจัดหาที่ดินตามแผนการดำเนินงานให้แล้วเสร็จก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโครงการ
(๓) การประปาส่วนภูมิภาคควรจัดทำแผนการบริหารจัดการน้ำตามพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ
พ.ศ. ๒๕๖๑ ในแต่ละพื้นที่โครงการ
และในอนาคตต้องดำเนินการขออนุญาตใช้ทรัพยากรน้ำสาธารณะ เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๖๓
(เรื่อง โครงการเพื่อการพัฒนาปี ๒๕๖๓ ของการประปาส่วนภูมิภาค)
ที่ให้กระทรวงมหาดไทยกำกับดูแลให้การประปาส่วนภูมิภาคเร่งรัดการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดหาที่ดิน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการที่ยังไม่มีความพร้อมด้านที่ดิน
เพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ ในปีต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงมหาดไทยกำกับดูแลให้การประปาส่วนภูมิภาคเร่งดำเนินการจัดหาที่ดินตามแผนการดำเนินงานให้แล้วเสร็จก่อนนำโครงการเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
อย่างเคร่งครัดด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1920 | ร่างปฏิญญาพิเศษของการประชุมระดับรัฐมนตรีกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดโดยวิธีออนไลน์ ในช่วงเดียวกับการอภิปรายทั่วไปของการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 75 | กต. | 12/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างปฏิญญาพิเศษของการประชุมระดับรัฐมนตรีกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดโดยวิธีออนไลน์
ในช่วงเดียวกับการอภิปรายทั่วไปของการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ ๗๕
และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองร่างปฏิญญาพิเศษฯ
โดยร่างปฏิญญาพิเศษฯ
เป็นเอกสารที่จะมีการรับรองโดยไม่มีการลงนามในการประชุมระดับรัฐมนตรีกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด
โดยวิธีออนไลน์ ในช่วงเดียวกับการอภิปรายทั่วไปของการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ
สมัยสามัญ ครั้งที่ ๗๕ (Online Ministerial Meeting of the Non-Aligned Movement on the
margins of the General Debate of the 75th Session of the United
Nations General Assembly) มีสาระสำคัญเป็นการประณามการปะทะกันระหว่างสาธารณรัฐอาเซอร์ไบจานกับสาธารณรัฐอาร์เมเนีย
แสดงความเสียใจต่อการสูญเสียชีวิต
รับทราบข้อเรียกร้องของเลขาธิการสหประชาชาติเมื่อวันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๖๓ และสนับสนุนการยุติความขัดแย้งระหว่างสองประเทศดังกล่าว
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาพิเศษฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|