ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 98 จากทั้งหมด 566 หน้า แสดงรายการที่ 1941 - 1960 จากข้อมูลทั้งหมด 11307 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1941 | กรอบและงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ 2564 | นร.11 | 29/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบและรับทราบตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบกรอบและงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ
๒๕๖๔ วงเงินดำเนินการ จำนวน ๑,๕๑๐,๒๓๘ ล้านบาท และวงเงินเบิกจ่ายลงทุน จำนวน
๒๙๑,๘๐๙ ล้านบาท
(รวมงบลงทุนในรูปแบบสัญญาเช่าที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้จากกิจกรรมหลักโดยตรง
วงเงินดำเนินการ จำนวน ๑,๔๓๑ ล้านบาท และวงเงินเบิกจ่ายลงทุน จำนวน ๓๔๘ ล้านบาท)
ประกอบด้วย (๑) การลงทุนสำหรับงานตามภารกิจปกติและโครงการต่อเนื่อง
วงเงินดำเนินการ จำนวน ๑,๒๑๐,๒๓๘ ล้านบาท และวงเงินเบิกจ่ายลงทุน จำนวน ๒๔๑,๘๐๙
ล้านบาท และ (๒) กรอบการลงทุนสำหรับการเพิ่มเติมระหว่างปี วงเงินดำเนินการ จำนวน
๓๐๐,๐๐๐ ล้านบาท และวงเงินเบิกจ่ายลงทุน จำนวน ๕๐,๐๐๐ ล้านบาท
สำหรับโครงการที่ยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี
และการลงทุนที่ใช้เงินงบประมาณตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ ให้ดำเนินการได้เมื่อได้รับอนุมัติตามขั้นตอนแล้ว ทั้งนี้
กำหนดเป้าหมายให้รัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายลงทุนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๙๕
ของกรอบวงเงินอนุมัติให้เบิกจ่ายลงทุน ๑.๒
เห็นชอบให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติปรับวงเงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ
๒๕๖๔ ให้สอดคล้องกับผลการจัดสรรงบประมาณตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ รวมถึงงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม งบกลาง
หรืองบประมาณที่ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตามหลักเกณฑ์และวิธีการงบประมาณหรือได้รับความเห็นชอบจากสำนักงบประมาณแล้ว
และปรับเพิ่มกรอบวงเงินดำเนินการและกรอบวงเงินเบิกจ่ายลงทุนให้ให้สอดคล้องกับการอนุมัติการลงทุนเพิ่มเติมตามมติคณะรัฐมนตรี
เพื่อให้รัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการได้ทันทีภายในปีงบประมาณ
๑.๓ มอบหมายให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
โดยประธานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นผู้พิจารณาอนุมัติการเปลี่ยนแปลงงบลงทุนระหว่างปีในส่วนงบลงทุนเพื่อการดำเนินงานปกติและโครงการต่อเนื่องที่การเปลี่ยนแปลงไม่มีผลกระทบต่อสาระสำคัญและกรอบวงเงินโครงการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้แล้ว ๑.๔ เห็นชอบข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย
ระดับกระทรวง และระดับรัฐวิสาหกิจ
โดยให้กระทรวงเจ้าสังกัดและรัฐวิสาหกิจรับข้อเสนอแนะในส่วนที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการ
และรายงานผลการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะทุกไตรมาส
และเห็นควรให้รัฐวิสาหกิจรายงานผลความก้าวหน้าของการดำเนินงานและการลงทุนปี ๒๕๖๔
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติทราบภายในทุกวันที่ ๕
ของเดือนอย่างเคร่งครัด รวมทั้งรายงานความก้าวหน้าการดำเนินโครงการลงทุนทุกไตรมาส
เพื่อประโยชน์ในการติดตามประเมินผลการดำเนินงานและการลงทุนของรัฐวิสาหกิจได้อย่างต่อเนื่อง ๑.๕ รับทราบประมาณการงบทำการประจำปีงบประมาณ
๒๕๖๔ ที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิประมาณ ๗๓,๕๐๓ ล้านบาท และประมาณการแนวโน้มการดำเนินงานช่วงปี
๒๕๖๕-๒๕๖๗ ของรัฐวิสาหกิจในเบื้องต้นที่คาดว่าจะมีการลงทุนเฉลี่ยประมาณปีละ
๓๘๓,๙๙๘ ล้านบาท และผลประกอบการจะมีกำไรสุทธิเฉลี่ยประมาณปีละ ๑๐๖,๒๓๙ ล้านบาท ๒.
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงการคลัง
(สำนักงานคณะกรรมการโยบายรัฐวิสากิจ)
และกระทรวงเจ้าสังกัดของรัฐวิสาหกิจรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงบประมาณ และสำนักงาน ก.พ.ร.
ซึ่งมีความเห็นเพิ่มเติมบางประการ
โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับการติดตามและประเมินผลการใช้งบลงทุนและการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓.
ให้กระทรวงการคลัง (สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ)
กระทรวงเจ้าสังกัดของรัฐวิสาหกิจ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งทบทวนและปรับปรุงแผนยุทธศาสตร์รัฐวิสาหกิจ
แผนวิสาหกิจ และแผนปฏิบัติการประจำปีของรัฐวิสาหกิจ
และแผนพัฒนารัฐวิสาหกิจภายใต้พระราชบัญญัติการพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ
พ.ศ. ๒๕๖๒
ที่อยู่ระหว่างการจัดทำให้สอดคล้องกับสถานการณ์และบริบทการพัฒนาประเทศภายใต้ภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจภายหลังวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ บนฐานวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) เพื่อสนับสนุนส่งเสริมให้เกิดการปรับยุทธศาสตร์และกลยุทธ์ของรัฐวิสาหกิจทั้งในภาพรวมและแต่ละราย
ซึ่งจะทำให้การกำหนดทิศทางและกรอบการลงทุนของรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งมีความชัดเจน
ไม่ซ้ำซ้อน และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศอย่างยั่งยืนต่อไป ๔. ให้กระทรวงการคลัง
(สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ) พิจารณานำข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย
ระดับกระทรวง
และระดับรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องไปเป็นข้อมูลประกอบการกำหนดตัวชี้วัดสำหรับการประเมินผลการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่ง
ภายใต้ระบบการประเมินผลรัฐวิสาหกิจประจำปีต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1942 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ (ฉบับที่ ..) | มท. | 29/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ (ฉบับที่ ..)
มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการดำเนินการตามมาตรา ๓๕ และมาตรา ๓๗ (๕) แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง
พ.ศ. ๒๕๒๒ โดยให้คนต่างด้าวบางจำพวกอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษไปพลางก่อน
ตั้งแต่วันที่ ๒๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๓
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1943 | การขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 มาตรา 40 วรรคสาม และมาตรา 42 วรรคหนึ่ง สำหรับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | กก. | 22/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑
อนุมัติให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๖ เพื่อเป็นค่าเช่าอาคารสำนักงาน จำนวน ๕ แห่ง ประกอบด้วย
ค่าเช่าอาคารสำนักงานโอซากา ค่าเช่าอาคารสำนักงานนิวเดลี
ค่าเช่าอาคารสำนักงานโฮจิมินห์ ค่าเช่าอาคารสำนักงานจาการ์ตา
ค่าเช่าอาคารสำนักงานกัวลาลัมเปอร์ และค่าเช่ารถยนต์ จำนวน ๒ คัน ประกอบด้วย
ค่าเช่ารถยนต์ สำนักงานกัวลาลัมเปอร์ และค่าเช่ารถยนต์ สำนักงานโฮจิมินห์
วงเงินงบประมาณ ๘๒,๔๘๖,๖๐๐ บาท หรือไม่เกินวงเงินตามสกุลเงินท้องถิ่น
สำหรับกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนได้
โดยให้ดำเนินการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายก่อนได้รับการจัดสรรงบประมาณ
เนื่องจากเป็นกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ตามนัยมาตรา ๔๐ วรรคสาม และมาตรา ๔๒
ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑.๒
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ รายการค่าเช่าอาคารสำนักงาน
๕ แห่ง และรายการค่าเช่ารถยนต์ ๒ รายการ ดังกล่าว
ให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยใช้จ่ายและปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ ไปพลางก่อน
หรือใช้จ่ายตามรายการและวงเงินงบประมาณรายจ่ายของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ ประกาศใช้บังคับ ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง แล้วแต่กรณี ส่วนค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป
เห็นควรให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณให้สอดคล้องกับค่าเช่าที่จะต้องจ่ายจริงตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ๒.
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย)
รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาความเหมาะสมการใช้จ่ายเงินงบประมาณให้เป็นไปอย่างคุ้มค่า
และมีการติดตามประเมินผลการดำเนินงานของสำนักงานในประเทศและต่างประเทศให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
พร้อมกับรายงานผลการดำเนินการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีทราบอย่างต่อเนื่อง
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1944 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับเบิกจ่ายเป็นเงินเพิ่มพิเศษรายเดือน จำนวน 7 เดือน (ตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงเดือนกันยายน 2563) ให้แก่กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ | มท. | 22/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๖๗๗,๗๙๑,๑๐๐ บาท
สำหรับเบิกจ่ายเป็นเงินเพิ่มพิเศษรายเดือน จำนวน ๗ เดือน (ตั้งแต่เดือนมีนาคม
ถึงเดือนกันยายน ๒๕๖๓) ให้แก่กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน
ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครอง และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ
ซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติงานในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1945 | การขอต่อระยะเวลาผลิตปิโตรเลียมของบริษัท ปตท.สผ. สยาม จำกัด ผู้รับสัมปทานปิโตรเลียม เลขที่ 1/2522/16 แปลงสำรวจบนบกหมายเลข S1 | พน. | 22/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติให้บริษัท
ปตท.สผ. สยาม จำกัด ต่อระยะเวลาผลิตปิโตรเลียมสำหรับสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ ๑/๒๕๒๒/๑๖
แปลงสำรวจบนบกหมายเลข S1 ออกไปอีก ๑๐ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๖๔
ถึงวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๗๔ โดยอาศัยความตามมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติปิโตรเลียม
พ.ศ. ๒๕๑๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
และให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้พิจารณาถึงความคุ้มค่า
ประโยชน์ที่รัฐหรือประชาชนจะได้รับ และปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้อง ครบถ้วนในทุกขั้นตอน
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงพลังงาน (กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ)
ดำเนินการตรวจสอบและกำกับดูแลผู้รับสัมปทานปิโตรเลียมแปลงสำรวจบนบกทุกรายที่ใช้วิธีขุดเจาะปิโตรเลียมแบบ
Hydraulic Fracturing ให้ดำเนินการด้วยความรอบคอบ
รัดกุม เป็นไปตามมาตรฐานสากล
รวมถึงหลักเกณฑ์และข้อบังคับของกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1946 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ชำระหนี้ค่าสาธารณูปโภค ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 | ยธ. | 22/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติให้กระทรวงยุติธรรม
โดยกรมราชทัณฑ์ใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
จำนวน ๒๕๗,๕๒๕,๐๐๐ บาท
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการชำระหนี้ค่าสาธารณูปโภคค้างจ่ายปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้กระทรวงยุติธรรมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1947 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพื่อเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่ : กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) ระยะการระบาดระลอก 2 | สธ. | 22/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่
: กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระยะการระบาดระลอก ๒ จำนวน ๒๐๔,๔๕๗,๑๐๐ บาท ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1948 | ขออนุมัติการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณเพื่อเช่ารถยนต์มาใช้ในราชการ | พน. | 22/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณค่าเช่ารถยนต์มาใช้ในราชการ
ระยะเวลาสัญญา ๕ ปี สัญญาเช่าเริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๖๓ ถึงเดือนกันยายน ๒๕๖๘
ในวงเงินทั้งสิน้ ๒,๑๑๖,๘๐๐ บาท
โดยอนุมัติการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-ปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น
โดยเบิกจ่ายจากในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ จำนวน ๔๒๓,๔๐๐ บาท
ให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ ไปพลางก่อน ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงความคุ้มค่า ประหยัด
และประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ
ส่วนงบประมาณที่เหลือผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕-พ.ศ. ๒๕๖๘
โดยให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1949 | การบริจาคเงินสมทบกองทุนตั้งต้นเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐานที่ปลอดดภัย เป็นระเบียบ และปกติ (Start - Up Fund for Safe, Orderly and Regular Migration) ภายใต้การบริหารของสหประชาชาติ | กต. | 22/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบการจัดทำข้อตกลงการบริหารจัดการมาตรฐาน
(Standard Administrative Arrangement : SAA) สำหรับการบริจาคเงินสมทบกองทุนตั้งต้นเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐานที่ปลอดภัย
เป็นระเบียบ และปกติ (Start-Up Fund Safe, Orderly
and Regular Migration) ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดรายละเอียดการให้เงินของไทย
จำนวน ๒๕,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ และการใช้เงินในกองทุนฯ เพื่อดำเนินความร่วมมือต่าง ๆ
ตามข้อกำหนดและเงื่อนไขของกองทุนฯ และอนุมัติให้เอกอัครราชทูต
ผู้แทนถาวรประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา เป็นผู้ลงนามในร่างข้อตกลงฯ
โดยกระทรวงการต่างประเทศจะจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรฯ สำหรับการลงนามต่อไป
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายเพื่อเป็นเงินบริจาคดังกล่าว
เห็นควรให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างข้อตกลงฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1950 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 20/2563 และครั้งที่ 21/2563 | นร.11 | 22/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๒๐/๒๕๖๓ และครั้งที่ ๒๑/๒๕๖๓
ซึ่งพิจารณาอนุมัติโครงการจัดหาครุภัณฑ์เครื่องฉายรังสีสำหรับแก้ปัญหาผลกระทบจาก COVID-19
ด้านการแพทย์และสาธารณสุข ของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
และกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข โครงการค่าตอบแทน เยียวยา ชดเชย และเสี่ยงภัย
สำหรับการปฏิบัติงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ในการเฝ้าระวัง
ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ในชุมชน ของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ
กระทรวงสาธารณสุข และโครงการส่งเสริมการจ้างงานใหม่สำหรับผู้จบการศึกษาใหม่โดยภาครัฐและเอกชน
ของกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการฯ
ดำเนินการ
และอนุมัติการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรทดแทนผู้เสียชีวิตที่มีสิทธิโครงการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ จำนวน ๕,๒๗๘ ราย โดยดำเนินการภายใต้กรอบวงเงินตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๘ เมษายน ๒๕๖๓ รวมทั้งรับทราบผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ ๔ สิงหาคม
๒๕๖๓ และวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๓ ของสถาบันวิทยาลัยชุมชน กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จังหวัดสิงห์บุรี และจังหวัดยโสธร
ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
สำหรับโครงการจัดหาครุภัณฑ์เครื่องฉายรังสี สำหรับแก้ปัญหาผลกระทบจาก COVID-19
ด้านการแพทย์และสาธารณสุข ของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขและกรมการแพทย์
กระทรวงสาธารณสุข ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
ทั้งนี้ ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งดำเนินการให้ทันต่อสถานการณ์
และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งความชัดเจนของโครงการ/รายการ
ระยะเวลาดำเนินการ และความเหมาะสมของค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในทุกมิติ
ซึ่งจะต้องเป็นไปตามเกณฑ์ อัตรา และมาตรฐานของทางราชการอย่างประหยัด ไม่มีความซ้ำซ้อนกับโครงการอื่น
ๆ ของภาครัฐ มีความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน
โดยให้ความสำคัญกับระบบการติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์
เพื่อประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับอย่างยั่งยืน
ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยให้ดำเนินการให้ถูกต้อง
เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒.
ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรี่องนี้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1951 | ขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 บี เพื่อทำเหมืองแร่ของบริษัท ศิลาอุตสาหกรรม จำกัด ที่จังหวัดยะลา | อก. | 22/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี
เพื่อทำเหมืองแร่ของบริษัท ศิลาอุตสาหกรรม จำกัด เฉพาะในพื้นที่ตามประทานบัตรเดิม
ที่ ๑๒๓๓๘/๑๕๑๕๔ เนื้อที่ ๖๙ ไร่ ๑ งาน ๗๘ ตารางวา ทั้งนี้
ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงสาธารณสุข
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการแร่แห่งชาติ คณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติ
และข้อเสนอแนะของกระทรวงคมนาคม เช่น กระทรวงอุตสาหกรรมควรรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลด้านอุปทานและความต้องการใช้แร่ในระยะปานกลางและระยะยาว
เพื่อใช้ประกอบกับการพิจารณาศักยภาพในการรองรับด้านสิ่งแวดล้อม
รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรทำการศึกษาเพื่อประเมินสถานการณ์ปัจจุบันของพื้นที่ป่าต้นน้ำของประเทศไทยให้ชัดเจนทั้งระดับความจำเป็นที่ต้องรักษาพื้นที่ป่าต้นน้ำและความเพียงพอของพื้นที่ที่คงเหลืออยู่
พื้นที่ใดที่อยู่ในภาวะวิกฤติ
เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจเชิงนโยบายที่ถูกต้องตามสภาพความเป็นจริง แล้วพิจารณาตามกฎหมายเพื่อคุ้มครองพื้นที่ป่าต้นน้ำต่อไป
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องดำเนินการในพื้นที่นอกเหนือจากที่ได้รับการอนุมัติตามข้อ
๑ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาความจำเป็นเหมาะสมให้ชัดเจนโดยให้คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและแหล่งโบราณคดีในพื้นที่ใกล้เคียงอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งให้ดำเนินการเพิ่มเติม ดังนี้ ๒.๑
ให้กระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณากำหนดเงื่อนไขให้ผู้ได้รับประทานบัตรดำเนินการเพื่อป้องกันผลกระทบจากการดำเนินการต่อแหล่งโบราณคดีในบริเวณโดยรอบหรือพื้นที่ใกล้เคียงไม่ให้ได้รับความเสียหายและให้ได้รับการอนุรักษ์อย่างเหมาะสมตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๘ เมษายน ๒๕๖๓ (เรื่อง ขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี
เพื่อทำเหมืองแร่ของห้างหุ้นส่วนจำกัด ธนบดีศิลา และห้างหุ้นส่วนจำกัด พีรพลศิลา
ที่จังหวัดยะลา) ๒.๒
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงอุตสาหกรรม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาข้อเท็จจริงกรณีพื้นที่ทำเหมืองแร่บริเวณเขายะลา
และพิจารณากำหนดแผนผังการใช้พื้นที่ดังกล่าวในภาพรวมให้ชัดเจน เช่น
พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังหรือมีข้อจำกัด
พื้นที่ที่สามารถเสนอขอใช้ประโยชน์ได้เพื่อใช้ประกอบการพิจารณากำหนดทางเลือกในการใช้ประโยชน์พื้นที่ที่เป็นข้อตกลงร่วมกันกับภาคประชาชนได้อย่างเหมาะสมและเป็นที่ยอมรับของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1952 | ร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง - สาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ 10 | กต. | 22/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างถ้อยแถลงของประธานร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศลุ่มน้ำโขง-สาธารณรัฐเกาหลี
ครั้งที่ ๑๐ และร่างแผนปฏิบัติการความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-สาธารณรัฐเกาหลี ค.ศ.
๒๐๒๑-๒๐๒๕ ของการประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-สาธารณรัฐเกาหลี
ครั้งที่ ๑๐ ซึ่งเป็นเอกสารที่จะมีการรับรองในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-สาธารณรัฐเกาหลี
ครั้งที่ ๑๐ ที่จะจัดขึ้นในวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๓ ผ่านระบบการประชุมทางไกล ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1953 | การขยายระยะเวลามาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา | กค. | 22/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบขยายระยะเวลามาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา
ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ได้แก่
ค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปาให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอย่างต่อเนื่อง ได้แก่
ค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา ระยะเวลาดำเนินการ ตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๖๓ ถึงเดือนกันยายน
๒๕๖๔ (ระยะเวลา ๑๒ เดือน) และอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓
งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑,๔๒๓,๕๐๐,๐๐๐ บาท
ให้แก่กองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมสำหรับการดำเนินมาตรการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน
ตามที่ประธานกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงการคลังกำหนดประเภทและกลุ่มเป้าหมายอย่างครอบคลุมและเป็นธรรม
คำนึงถึงความคุ้มค่า เหมาะสม ผลประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ
รวมถึงการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์ของมาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
และให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้หน่วยงานผู้รับผิดชอบรายงานผลการใช้จ่ายค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปาของผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่เกิดขึ้นจริง
เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณากำหนดมาตรการช่วยเหลือต่าง ๆ ของภาครัฐ
ซึ่งจะช่วยให้การใช้จ่ายเงินของภาครัฐเป็นไปอย่างคุ้มค่า
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้ประธานกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1954 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติม เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) ระยะที่ 4 | กห. | 22/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน
๔๖๐,๐๔๘,๗๐๐ บาท ให้สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19)
ระยะที่ ๔
สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการพื้นที่กักกันโรคแห่งรัฐ (State
Quarantine) ระยะที่ ๔ ต่อไป ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
และให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
และคำนึงถึงผลประโยชน์ของทางราชการตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ อย่างเคร่งครัด
พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของบุคลากรทั้งภาครัฐและเอกชนที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ใกล้ชิดกับกลุ่มบุคคลที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคเป็นสำคัญ
เพื่อให้ป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19)
เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ไปดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงกลาโหมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1955 | ขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น | กค. | 22/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในการดำเนินการลดยอดลูกหนี้รอการชดเชยของรัฐบาลของโครงการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี
ปีการผลิต ๒๕๕๙/๒๕๖๐ เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท
ให้แก่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
และการดำเนินโครงการลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่และการจัดสรรสวัสดิการผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท ให้แก่กองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1956 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่่นคง เพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) | ตช. | 22/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในวงเงิน
๒,๕๒๑,๒๗๓,๒๐๐ บาท สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง
เพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19)
ตั้งแต่วันที่ ๒๗ มีนาคม ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๓ รวม ๙๖ วัน
หรือจนกว่าสิ้นสุดระยะเวลาตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร
ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ
และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขที่เห็นควรจัดให้มีรายละเอียดงบประมาณในแต่ละรายการเพิ่ม
เพื่อจะได้มีข้อมูลเพียงพอประกอบการพิจารณาเรื่องดังกล่าวเป็นไปด้วยความโปร่งใส
เป็นประโยชน์ต่อการบริหารราชการแผ่นดิน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1957 | การแต่งตั้งกรรมการสภานโยบายผู้ทรงคุณวุฒิในสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ | อว. | 22/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติแต่งตั้งกรรมการสภานโยบายผู้ทรงคุณวุฒิในสภานโยบายการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ ตามพระราชบัญญัติสภานโยบายการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งใช้บังคับเมื่อวันที่ ๒
พฤษภาคม ๒๕๖๒ จำนวน ๑๐ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๒ กันยายน
๒๕๖๓) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ๒.
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมดำเนินการแต่งตั้งกรรมการสภานโยบายผู้ทรงคุณวุฒิในสภานโยบายการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติในครั้งต่อ ๆ ไป
ให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด
ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ (เรื่อง
การดำเนินการแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ
ตามที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาตามกฎหมาย)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1958 | การมอบหมายผู้ชี้แจงความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา 270 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย | นร. | 22/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๐ กันยายน ๒๕๖๒ [เรื่อง รายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา
๒๗๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เดือนเมษายน-มิถุนายน ๒๕๖๒)] โดยมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม)
หรือรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายอนุชา นาคาศัย)
หรือรัฐมนตรีอื่นตามที่คณะรัฐมนตรีมอบหมายเป็นคราว ๆ ไป เป็นผู้ชี้แจงความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา
๒๗๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ทุกสามเดือนต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา
โดยให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและประธานกรรมการปฏิรูปประเทศแต่ละด้านที่มีอยู่หรือผู้แทนเข้าร่วมการชี้แจงด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1959 | การแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 21 | รง. | 22/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
อนุมัติแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ ๒๑ จำนวน ๑๔ คน
เนื่องจากกรรมการเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสองปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๒ กันยายน ๒๕๖๓) เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้ ๑. นายอภิญญา
สุจริตตานันท์ ผู้แทนฝ่ายรัฐบาล ๒. นางสาวจินางค์กูร
โรจนนันต์ ผู้แทนฝ่ายรัฐบาล ๓. นายเมธี สุภาพงษ์ ผู้แทนฝ่ายรัฐบาล ๔. นางสาวพิมพ์ชนก
วอนขอพร ผู้แทนฝ่ายรัฐบาล ๕. นางสาวศุภานัน
ปลอดเหตุ ผู้แทนฝ่ายนายจ้าง ๖. นายอรรถยุทธ
ลียะวณิช ผู้แทนฝ่ายนายจ้าง ๗. นายอังสุรัสมิ์
อารีกุล ผู้แทนฝ่ายนายจ้าง ๘. นางเนาวรัตน์
ทรงสวัสดิ์ชัย ผู้แทนฝ่ายนายจ้าง ๙. นางสาววันเพ็ญ
เจียรยืนยงพงศ์ ผู้แทนฝ่ายนายจ้าง ๑๐. นายอ่อนสี
โมฆรัตน์ ผู้แทนฝ่ายลูกจ้าง ๑๑. นายพิจิตร
ดีสุ่ย ผู้แทนฝ่ายลูกจ้าง ๑๒. นายไพโรจน์
วิจิตร ผู้แทนฝ่ายลูกจ้าง ๑๓. นายสมชาย
มูฮัมหมัด ผู้แทนฝ่ายลูกจ้าง ๑๔. นายวีรสุข
แก้วบุญปัน ผู้แทนฝ่ายลูกจ้าง ๒. ในครั้งต่อ ๆ ไป
ให้กระทรวงแรงงานดำเนินการแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการค่าจ้างให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้อย่างเคร่งครัดด้วย
ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ (เรื่อง
การดำเนินการแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ
ตามที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาตามกฎหมาย)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1960 | การให้เงินสนับสนุนผ่านโครงการ Project - Based Programme ให้แก่ศูนย์แพทย์ทหารอาเซียน | กห. | 15/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบให้กระทรวงกลาโหมสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓
ของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม จำนวน ๕๖๕,๘๔๐ บาท ผ่านโครงการ Project-Based Programme ให้แก่ศูนย์แพทย์ทหารอาเซียน (ASEAN
Center of Military Medicine : ACMM) สำหรับโครงการพัฒนาความร่วมมือด้านการแพทย์ทหารกับประเทศเพื่อนบ้าน
ในการจัดทำห้องแยกผู้ป่วยเคลื่อนที่ (ตู้ความดันลบ) กรณีติดเชื้อโรคไวรัสโคโรนา
2019 (Mobile Isolation Room for COVID-19 Patient) ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรดำเนินการตามนัยมาตรา
๓๗ ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงกลาโหมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|