ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 94 จากทั้งหมด 566 หน้า แสดงรายการที่ 1861 - 1880 จากข้อมูลทั้งหมด 11307 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1861 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 28/2563 | นร.11 | 23/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๒๘/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ ที่ได้มีการพิจารณากลั่นกรองข้อเสนอแผนงาน/โครงการเพื่อขอใช้จ่ายเงินกู้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาตามมาตรา
๘ (๑) ของพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ และมาตรา ๔ (๑) แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี
พ.ศ. ๒๕๔๘ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และที่เสนอเพิ่มเติมว่า
ขอแก้ไขข้อความในหนังสือคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ด่วนที่สุด ที่ นร
๑๑๐๖/(คกง.) ๓๙๑ ลงวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ หน้า ๒๓ ข้อ ๔.๑.๒ โดยตัดคำว่า “และองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน
(ประเทศไทย)” ออก และให้หน่วยงานเจ้าของโครงการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ
เช่น เห็นควรให้หน่วยงานเจ้าของโครงการปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ให้ครบถ้วนถูกต้องอย่างเคร่งครัด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเหมาะสมของค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในทุกมิติ
ซึ่งจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ อัตราค่าใช้จ่าย และมาตรฐานของทางราชการอย่างประหยัด
ไม่มีความซ้ำซ้อนกับโครงการอื่น ๆ ของภาครัฐ มีความโปร่งใส
สามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน
โดยให้ความสำคัญกับระบบการติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์
และภายหลังจากที่ดำเนินแผนงานหรือโครงการสิ้นสุดแล้ว ต้องไม่ก่อให้เกิดภาระงบประมาณรายจ่ายในปีต่อ
ๆ ไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒.
ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1862 | ขอความเห็นชอบร่างบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการบางซื่อระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทย และการรถไฟแห่งประเทศไทย กับกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง และการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น และองค์กรพัฒนาและฟื้นฟูเมืองของญี่ปุ่น | คค. | 23/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการบางซื่อระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทย
และการรถไฟแห่งประเทศไทย กับกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง
และการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น และองค์กรพัฒนาและฟื้นฟูเมืองของญี่ปุ่น [
Memorandum of Cooperation (MoC) on the Bang Sue Project between the Ministry of
Transport of the Kingdom of Thailand, the State Railway of Thailand, the
Ministry of Land, Infrastructure, Transport and Tourism of Japan, and the Urban
Renaissance Agency of Japan] และอนุมัติให้ปลัดกระทรวงคมนาคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยสำหรับการลงนามดังกล่าว
โดยร่างบันทึกข้อตกลงฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดขอบเขตและกระชับความร่วมมือระหว่างไทยและญี่ปุ่น
เพื่อส่งเสริมความร่วมมือในการดำเนินโครงการพัฒนาเมืองให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น
โดยการแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดและประสบการณ์ซึ่งกันและกัน
เพื่อผลักดันแผนการพัฒนาไปสู่การปฏิบัติต่อไปในการพัฒนาพื้นที่บางซื่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกข้อตกลงฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๒.
ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ เช่น (๑)
ให้กระทรวงคมนาคมผลักดันแผนการพัฒนาเชิงพื้นที่ของโครงการบางซื่อไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม
โดยกำหนดให้มีกลไกการมีส่วนร่วมของภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งหน่วยงานภาครัฐ
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน ภาคประชาชน
เพื่อบูรณาการการพัฒนาให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และ (๒)
ค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการตามร่างบันทึกข้อตกลงฯ ในปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๔
ให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรและการรถไฟแห่งประเทศไทยปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
โอนเงินจัดสรร หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร แล้วแต่กรณี
ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ หรือใช้จ่ายจากเงินรายได้ในโอกาสแรก
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1863 | ร่างแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” (พ.ศ. 2563) และแผนเฉพาะกิจเพื่อการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง | ทส. | 23/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบแผนเฉพาะกิจเพื่อการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง
ซึ่งเป็นแผนที่จะต้องเร่งรัดให้มีการดำเนินการเพื่อเตรียมการสำหรับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในปี
๒๕๖๔ (เดือนธันวาคม ๒๕๖๓-เมษายน ๒๕๖๔) รวม ๑๒ ข้อ มีรายละเอียด เช่น
การเร่งขับเคลื่อนโครงการปลูกป่าและป้องกันไฟป่า
ภายใต้ศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทาน โดนกำหนดเป้าหมาย ๑๒ จังหวัด ภายในปี ๒๕๖๓
และครบ ๗๖ จังหวัด ภายในปี ๒๕๗๐
และการเร่งรัดการเพิ่มประสิทธิภาพการถ่ายโอนภารกิจการควบคุมไฟป่าให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม
เป็นต้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแผนเฉพาะกิจฯ ต่อไป
โดยค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปี ๒๕๖๓
เห็นควรให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับการจัดสรร
หรือปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ หรือโอนเงินจัดสรร หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร
หรือใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณ แล้วแต่กรณี ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ
ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเท่าที่จำเป็น เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. สำหรับร่างแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ
“การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” (พ.ศ. ๒๕๖๓)
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอให้สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณากลั่นกรองนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง
แนวทางการเสนอแผนเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี)
ตามความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
๓.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงคมนาคม เช่น
ควรมีมาตรการรองรับเพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อสุขภาพอนามัยและสิ่งแวดล้อม
และควรให้ความสำคัญกับการสร้างการรับรู้ การมีส่วนร่วม และคำนึงถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิตของภาคประชาชน
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1864 | รายงานการพิจารณาศึกษาผลกระทบจากการเข้าร่วมความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) | สผ. | 23/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาผลกระทบจากการเข้าร่วมความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก
(CPTPP) โดยมีข้อสังเกตว่า (๑)
รัฐบาลควรสนับสนุนและเตรียมความพร้อมในเรื่องดังกล่าว
โดยเตรียมข้อมูลเพื่อชี้แจงกับผู้ที่ได้รับผลกระทบและประชาชน
รวมถึงเตรียมข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจเชิงนโยบาย (๒)
ควรพิจารณาถึงภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นจากการเยียวยาผลกระทบจากการเข้าร่วมความตกลงฯ
(๓) ควรมีกรอบของการเจรจาที่เกิดจากกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และ (๔)
ควรผลักดันให้มีการจัดตั้งกองทุนที่มีการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ
เพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีการค้า อย่างไรก็ตาม
หากรัฐบาลต้องการเจรจาเพื่อเข้าร่วมความตกลงฯ
และมีประเด็นใดที่ประเทศไทยยังไม่มีความพร้อมเพียงพอ
หรือประเด็นใดที่อาจทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบก็สามารถกำหนดประเด็นเพื่อตั้งข้อสงวนไว้เบื้องต้นในการเจรจาได้
ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ ๒.
มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรับรายงาน
พร้อมทั้งข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพาณิชย์
กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า
สำนักงานศาลยุติธรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แล้วส่งผลการพิจารณาให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบภายใน
๓๐ วัน เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๓.
ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๖๒ (เรื่อง
แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการดำเนินการตามข้อเสนอแนะขององค์กรอิสระ
และแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับญัตติ รายงาน
และข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1865 | การขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร | นร.08 | 23/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร
ตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๖๔ ๒.
เห็นชอบและรับทราบร่างประกาศ รวม ๓ ฉบับ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๒.๑ เห็นชอบร่างประกาศ เรื่อง
การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่
๘) และร่างประกาศ เรื่อง
การให้ประกาศที่คณะรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ ๒.๒ รับทราบร่างประกาศ เรื่อง การให้ข้อกำหนด
ประกาศ และคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ ๓.
ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1866 | โครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สำหรับประชาชนไทย โดยการจองล่วงหน้า (AstraZeneca) | สธ. | 17/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (COVID-19) สำหรับประชาชนไทย โดยการจองล่วงหน้า (AstraZeneca)
และการจัดซื้อวัคซีนกับบริษัท AstraZeneca โดยให้กระทรวงสาธารณสุขหารือร่วมกับคณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐและกรมบัญชีกลางเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินการในการจัดซื้อวัคซีนที่ได้จากการจองล่วงหน้าภายใต้โครงการดังกล่าว
และดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไปอย่างเคร่งครัด ๒.
อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา
แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
เพื่อจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
ภายใต้โครงการดังกล่าว ในวงเงิน ๒,๓๗๙.๔๓ ล้านบาท
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๓. ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1867 | ขอความเห็นชอบร่างเอกสารที่จะมีการรับรองระหว่างการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน ครั้งที่ 26 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง | คค. | 17/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างเอกสารที่จะมีการรับรองระหว่างการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน ครั้งที่
๒๖ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวของ ผ่านระบบการประชุมทางไกล ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๕
พฤศจิกายน ๒๕๖๓ และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองเอกสารดังกล่าว
ประกอบด้วย (๑) การทบทวนแผนยุทธศาสตร์ด้านการขนส่งกัวลาลัมเปอร์ ปี ๒๕๕๙-๒๕๖๘
ระยะกลาง (๒) แนวปฏิบัติสำหรับการยกระดับขั้นตอนมาตรฐานในการรายงานข้อมูลอุบัติเหตุทางถนนให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลขององค์การสหประชาชาติ
(๓) ปฏิญญาบรูไนว่าด้วยความปลอดภัยทางถนนของอาเซียน ค.ศ. ๒๐๒๐ (๔)
แผนแม่บทการเดินอากาศอาเซียน (๕) พิธีสาร ๒ สถาบันฝึกอบรมด้านการบิน (๖) แนวปฏิบัติในช่วงสถานการณ์โควิด-19 (๗) รายงานฉบับสุดท้ายภายใต้ยุทธศาสตร์การส่งเสริมการเดินเรือสำราญระหว่างอาเซียน-ญี่ปุ่น
(๘) แนวปฏิบัติสำหรับการบำรุงรักษาร่องน้ำเดินเรือในอาเซียน (๙)
แนวปฏิบัติสำหรับมาตรการด้านความปลอดภัยสำหรับเส้นทางเดินเรือ และ (๑๐)
แผนที่นำทางความร่วมมือด้านการขนส่งระหว่างอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี ค.ศ. ๒๐๒๑-๒๐๒๕
มีสาระสำคัญเป็นการสนับสนุนการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์ด้านการขนส่งอาเซียน ปี
๒๕๕๙-๒๕๖๘ ทั้ง ๕ ด้าน ได้แก่ การขนส่งทางอากาศ การขนส่งทางบก การขนส่งทางน้ำ
การอำนวยความสะดวกในการขนส่ง และการขนส่งที่ยั่งยืน
และแผนแม่บทว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน ค.ศ. ๒๐๒๕
ในการพัฒนาและเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของอาเซียน
โดยการยกระดับมาตรฐานการขนส่งในสาขาต่าง ๆ
ให้เป็นสากลเพื่ออำนวยความสะดวกต่อการค้า การลงทุน
รวมทั้งส่งเสริมความร่วมมือด้านการขนส่งกับประเทศคู่เจรจาของอาเซียน
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารทั้ง ๑๐ ฉบับ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงบประมาณ
เช่น ค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการต่าง ๆ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
ให้พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ โอนเงินจัดสรร
หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร แล้วแต่กรณี ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๒ ในโอกาสแรกก่อน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงคมนาคมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1868 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ | อว. | 17/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ จำนวน ๓ คน แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมเนื่องจากเกษียณอายุราชการโดยให้ผู้ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแทนอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว
ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๓) เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ดังนี้ ๑.
ผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานของรัฐ ๑.๑ นายกอบชัย
สังสิทธิสวัสดิ์ ๑.๒
นายดนุชา พิชยนันท์ ๒.
ผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งมิใช่ข้าราชการ นายทศพร
ศิริสัมพันธ์ ๓. ให้
นายวิบูลย์ ฤกษ์ศิระทัย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ในส่วนของผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งมิใช่ข้าราชการ
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๖๓ เปลี่ยนเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการดังกล่าว
ในส่วนของผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1869 | การยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษตามประกาศกระทรวงคมนาคมกำหนดอัตราค่าผ่านทางพิเศษในวันหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษและเลื่อนวันหยุดชดเชยในช่วงเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม พ.ศ. 2563 ตามมติคณะรัฐมนตรี | คค. | 17/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษตามประกาศกระทรวงคมนาคม
เรื่อง กำหนดให้ทางพิเศษบูรพาวิถี (ทางพิเศษสายบางนา-ชลบุรี)
ทางยกระดับด้านทิศใต้สนามบินสุวรรณภูมิเชื่อมทางพิเศษบูรพาวิถี
และทางเชื่อมต่อทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์) กับทางพิเศษบูรพาวิถี
เป็นทางต้องเสียค่าผ่านทางพิเศษ ประเภทของรถที่ต้องเสียหรือยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษ
และตามประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง กำหนดให้ทางพิเศษกาญจนาภิเษก
(บางพลี-สุขสวัสดิ์) และทางพิเศษสายเชื่อมระหว่างถนนวงแหวนอุตสาหกรรม กับทางพิเศษกาญจนาภิเษก
(บางพลี-สุขสวัสดิ์)
เป็นทางต้องเสียค่าผ่านทางพิเศษประเภทของรถที่ต้องเสียหรือยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษ
โดยจะให้มีผลใช้บังคับในช่วงระยะเวลาวันหยุดต่อเนื่องพิเศษและการเลื่อนวันหยุดชดเชยตั้งแต่วันที่
๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ เวลา ๐๐.๐๑ นาฬิกา ถึงวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ เวลา ๒๔.๐๐
นาฬิกา และตั้งแต่วันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๓ เวลา ๐๐.๐๑ นาฬิกา ถึงวันที่ ๑๔ ธันวาคม
๒๕๖๓ เวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกา ของทั้งสองเส้นทาง ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1870 | การบริจาคเงินเพิ่มทุนในกองทุนพัฒนาเอเชีย 13 (Asian Development Fund 13: ADF 13) | กค. | 17/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบการบริจาคเงินเพิ่มทุนในกองทุนพัฒนาเอเชีย ๑๓ (Asian
Development Fund 13: ADF 13) ของประเทศไทย
จำนวน ๒.๓๖ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น ๗๑,๒๑๙,๓๒๐ บาท (อัตราแลกเปลี่ยน ๑
ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ ๓๐.๒๔ บาท โดยแบ่งชำระออกเป็น ๔ งวด ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๔-๒๕๖๗ และมอบหมายให้กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สำหรับภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๔ เห็นควรให้กระทรวงการคลัง (สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง)
พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ โอนเงินจัดสรร
หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรรแล้วแต่กรณี ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๒ ในโอกาสแรกก่อน ส่วนค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป
เห็นควรจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1871 | ขอความเห็นชอบการรับรองเอกสาร Joint Statement of the Eleventh ASEAN Education Ministers Meeting | ศธ. | 17/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างเอกสาร
Joint Statement of the Eleventh ASEAN Education Ministers Meeting และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการหรือผู้แทนให้ความเห็นชอบและรับรองร่างเอกสารดังกล่าวในการประชุมรัฐมนตรีด้านการศึกษาของอาเซียน
ครั้งที่ ๑๑ (11th ASEAN Education Ministers’ Meeting
: ASED) ผ่านระบบการประชุมทางไกล ในวันที่ ๒๐
พฤศจิกายน ๒๕๖๓
โดยร่างเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารที่จะมีการรับรองโดยไม่มีการลงนามในการประชุมรัฐมนตรีด้านการศึกษาของอาเซียน
ครั้งที่ ๑๑
มีสาระสำคัญเป็นการสนับสนุนแนวคิดหลักเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนการศึกษาในวิถีอาเซียนเพื่อการเสริมสร้างความร่วมมือแบบหุ้นส่วนในยุคที่โลกเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงต่าง
ๆ การเห็นพ้องว่าการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการฟื้นฟูภูมิภาคภายหลังจากการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙
การยินดีกับการก่อตั้งสภาการเทคนิคอาชีวศึกษาและการฝึกอบรมแห่งอาเซียน
และรับทราบความสำเร็จของการดำเนินการตามแผนงานด้านการศึกษาของอาเซียน ปี ๒๕๕๙-๒๕๖๓
ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1872 | ร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียน ครั้งที่ 38 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | พน. | 17/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน
ครั้งที่ ๓๘ ร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน+๓ (จีน
ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้) ครั้งที่ ๑๗ ร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมสุดยอดรัฐมนตรีพลังงานเอเชียตะวันออก
ครั้งที่ ๑๔ และร่างถ้อยแถลงร่วมว่าด้วยโครงการบูรณาการด้านไฟฟ้าระหว่าง สปป.ลาว
ไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
(หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน) เป็นผู้ให้การรับรองในร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
นี้ ร่วมกับรัฐมนตรีพลังงานของกลุ่มประเทศสมาชิกดังกล่าวได้ โดยร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
เป็นเอกสารที่จะมีการรับรองในการประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียน ครั้งที่ ๓๘
และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๑๗-๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ ในรูปแบบออนไลน์
มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันในความร่วมมือด้านพลังงานของประเทศสมาชิกอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาในกรอบอาเซียน+๓
ประเทศคู่เจรจาในกรอบสุดยอดรัฐมนตรีพลังงานแห่งเอเชียตะวันออก และระหว่าง ๔ ประเทศ
ได้แก่ สปป.ลาว ไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ เพื่อส่งเสริมความมั่นคงทางพลังงาน
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ โดยหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพลังงานดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒.
ให้กระทรวงพลังงานได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1873 | ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 และทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 ภายในระยะเวลาที่กำหนด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | คค. | 10/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษ หมายเลข ๗
และทางหลวงพิเศษหมายเลข ๙ ภายในระยะเวลาที่กำหนด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข ๗
และทางหลวงพิเศษหมายเลข ๙ ในช่วงวันหยุดราชการต่อเนื่อง
เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรบนทางหลวงพิเศษดังกล่าว ตั้งแต่เวลา ๐๐.๐๑ นาฬิกา
ของวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ ถึงเวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกา ของวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๓
และตั้งแต่เวลา ๐๐.๐๑ นาฬิกา ของวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๓ ถึงเวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกา
ของวันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งประชาสัมพันธ์การยกเว้นค่าธรรมเนียมผ่านทางในช่วงวันหยุดราชการดังกล่าว
พร้อมทั้งกำชับให้หน่วยงานในสังกัดปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙
ตามประกาศของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-๑๙ อย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงคมนาคมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1874 | การลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการดำเนินการมาตรการที่มิใช่ภาษีสำหรับสินค้าจำเป็นภายใต้แผนปฏิบัติการฮานอยว่าด้วยการส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและความเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานของอาเซียนให้เข้มแข็งในการตอบสนองต่อการระบาดใหญ่ของโควิด-19 | พณ. | 10/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการดำเนินการมาตรการที่มิใช่ภาษีสำหรับสินค้าจำเป็นภายใต้แผนปฏิบัติการฮานอยว่าด้วยการส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและความเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานของอาเซียนให้เข้มแข็งในการตอบสนองต่อการระบาดใหญ่ของโควิด-๑๙
(MOU on the Implementation of Non-Tariff Measures on Essential
Goods under the Hanoi Plan of Action on Strengthening ASEAN Economic
Cooperation and Supply Chain Connectivity in Response to the COVID-19 Pandemic)
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดแนวทางความร่วมมือระหว่างกันเกี่ยวกับการดำเนินมาตรการที่มิใช่ภาษีสำหรับรายการสินค้าจำเป็นในภาคผนวกของบันทึกความเข้าใจฯ
เช่น อาหาร ยา อุปกรณ์ทางการแพทย์
เพื่ออำนวยความสะดวกต่อการค้าและการเคลื่อนย้ายสินค้าดังกล่าวระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนในช่วงสถานการณ์ระบาดใหญ่ของโรคโควิด-๑๙
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๒.
ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานตามบันทึกความเข้าใจฯ
ของประเทศสมาชิกเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง
เพื่อสร้างโอกาสทางการค้าและเยียวยาผู้ประกอบการไทยในสาขาที่เกี่ยวข้องที่ได้รับผลกระทบ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1875 | แนวทางการดำเนินการเพื่อให้คนต่างด้าวซึ่งเข้ามาทำงานตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงาน (MoU) ภายใต้บันทึกข้อตกลงว่าด้วยการจ้างแรงงาน (Agreement) ที่วาระการจ้างงานครบ 4 ปี อยู่ในราชอาณาจักรและทำงานได้ต่อไป | รง. | 10/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบแนวทางการดำเนินการเพื่อให้คนต่างด้าวซึ่งเข้ามาทำงานตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงาน
(MoU) ภายใต้บันทึกข้อตกลงว่าด้วยการจ้างแรงงาน (Agreement)
ที่วาระการจ้างงานครบ ๔ ปี อยู่ในราชอาณาจักรและทำงานได้ต่อไป ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ๒.
เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การยกเว้นขอห้ามมิให้คนต่างด้าวเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะเพื่อการทำงานสำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา
ลาว และเมียนมา ซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงานในราชอาณาจักรตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงานภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓.
ให้กระทรวงแรงงานได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1876 | ร่างเอกสารผลลัพธ์ที่จะมีการรับรองในการประชุมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ 31 และการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 27 | กต. | 10/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ ๓๑ และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ได้รับมอบหมาย
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้ได้รับมอบหมายร่วมรับรองเอกสารดังกล่าว
รวมทั้งเห็นชอบร่างปฏิญญาผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ ๒๗
และร่างปฏิญญาผู้นำว่าด้วยวิสัยทัศน์เอเปคภายหลังปี ค.ศ. ๒๐๒๐
และอนุมัติให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้ได้รับมอบหมายร่วมรับรองเอกสารดังกล่าว
โดยเอกสารผลลัพธ์ทั้ง ๓ ฉบับ
เป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองของผู้นำและรัฐมนตรีของเขตเศรษฐกิจเอเปคในการร่วมมือกันในด้านต่าง
ๆ เพื่อรับมือกับสถานการณ์โควิด-๑๙ บรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม
และฟื้นฟูเศรษฐกิจของภูมิภาคในระยะยาว ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนเอกสารผลลัพธ์ทั้ง
๓ ฉบับ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1877 | ปฏิญญาร่วมว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างราชอาณาจักรไทยกับออสเตรเลีย | กต. | 10/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างปฏิญญาร่วมว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างราชอาณาจักรไทยกับออสเตรเลีย
(Joint Declaration on the Strategic Partnership between the
Kingdom of Thailand and Australia) และอนุมัติให้นายกรัฐมนตรีประกาศยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคีไทย-ออสเตรเลียสู่ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์
โดยลงนามในปฏิญญาร่วมฯ ร่วมกับนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย
ในห้วงการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๗ และการประชุมสุดยอดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ผ่านระบบวีดีทัศน์ทางไกล ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ โดยร่างปฏิญญาร่วมฯ เป็นเอกสารวิสัยทัศน์ที่กำหนดทิศทางความสัมพันธ์และความร่วมมือของประเทศไทยและออสเตรเลียให้มีพลวัตรมากขึ้น
ทั้งในด้านการเมืองความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ และความร่วมมือรายสาขา อาทิ
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม การศึกษา สาธารณสุข เกษตร สิ่งแวดล้อม ฯลฯ
ตลอดจนการส่งเสริมการเชื่อมโยงประชาชน
ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจจากผลกระทบของโควิด-๑๙
และเสริมสร้างการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนในระยะยาว ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาร่วมฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1878 | ร่างบันทึกความเข้าใจการดำเนินการด้านเศรษฐกิจหมุนเวียนระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงเศรษฐกิจและการจ้างงานแห่งสาธารณรัฐฟินแลนด์ | อก. | 10/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจการดำเนินการด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน
(Memorandum of Understanding on
Circular Economy) ระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมแห่งราชอาณาจักรไทย กับกระทรวงเศรษฐกิจและการจ้างงาน (Ministry of Economic Affairs and
Employment) แห่งสาธารณรัฐฟินแลนด์ และอนุมัติให้ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ของฝ่ายไทย [จะมีการลงนามในช่วงไตรมาสที่ ๔ ของปี พ.ศ. ๒๕๖๓
(เดือนธันวาคม ๒๕๖๓)] โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดความร่วมมือเพื่อส่งเสริมความเข้าใจและเสริมสร้างความร่วมมือทวิภาคีด้านเศรษฐกิจหมุนเวียนในสาขาต่าง
ๆ เช่น การหารือเกี่ยวกับการออกแบบ การวางแผน และการดำเนินการตามกลยุทธ์
การออกกฎหมาย นโยบาย การติดตาม และการวิจัยในสาขาที่มีความสนใจร่วมกัน
การแลกเปลี่ยนกลยุทธ์เกี่ยวกับแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศของเศรษฐกิจหมุนเวียนในสาขาสำคัญ
และการเสริมสร้างศักยภาพในการถ่ายทอดและแบ่งปันความรู้และเทคโนโลยีผ่านวิธีการที่เหมาะสม
เป็นต้น ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย ๒.
ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาปรับแก้ถ้อยคำในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
คู่ฉบับภาษาไทย จากคำว่า “มาตรา” เป็น “วรรค” ในทุกแห่งที่ปรากฏ
เพื่อให้สอดคล้องกับเอกสารที่มิใช่สนธิสัญญา
และควรพิจารณาความเชื่อมโยงที่คำนึงถึงหลักการของแนวทางการพัฒนา Bio-Circular-Green
Economy : BCG และความพร้อมในรายละเอียดของการดำเนินการ
เพื่อให้การขับเคลื่อนมีความสอดคล้องกับทิศทางและนโยบายรัฐบาล ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1879 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินจากคลัง การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน และการนำเงินส่งคลัง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. .... | กค. | 10/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการเบิกเงินจากคลัง การรับเงิน
การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน และการนำเงินส่งคลัง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบกระทรวงการคลัง
ว่าด้วยการเบิกเงินจากคลัง การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน
และการนำเงินส่งคลัง พ.ศ. ๒๕๖๒
โดยกำหนดให้หน่วยงานผู้เบิกสามารถเปิดบัญชีกับธนาคารที่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินถือหุ้นเกินกึ่งหนึ่งได้ด้วย
นอกเหนือจากธนาคารที่เป็นรัฐวิสาหกิจแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับร่างระเบียบดังกล่าวให้กับหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1880 | มาตรการการคลังด้านการใช้จ่ายภาครัฐ | กค. | 10/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ มาตรการการคลังด้านการใช้จ่ายภาครัฐ มีวัตถุประสงค์เพื่อเร่งรัดสนับสนุนให้มีเม็ดเงินจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจรวดเร็วขึ้น ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ โดยกำหนดเป้าหมายการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
ให้หน่วยรับงบประมาณเร่งรัดการใช้จ่าย ทั้งรายจ่ายประจำปีและรายจ่ายลงทุน
และเร่งรัดการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายด้านการฝึกอบรม ประชุม สัมมนา ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ ภายในไตรมาสที่ ๑ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
ให้มากที่สุดหรือไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕๐ ของวงเงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรร
โดยให้พิจารณาสนับสนุนโรงแรมขนาดกลางและขนาดเล็กในเมืองท่องเที่ยวภายในประเทศโดยเฉพาะเมืองรองเป็นลำดับแรก
และมอบหมายให้หน่วยรับงบประมาณถือปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าว ๑.๒
การแต่งตั้งคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ
โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธานกรรมการ
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเป็นรองประธานกรรมการ มีกรรมการประกอบด้วย
หน่วยรับงบประมาณที่มีงบลงทุนอยู่ในระดับสูง โดยมีที่ปรึกษาหรือรองอธิบดีที่อธิบดีกรมบัญชีกลางมอบหมาย
ที่ปรึกษาหรือรองผู้อำนวยการที่ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจมอบหมาย
และที่ปรึกษาหรือรองผู้อำนวยการที่ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะมอบหมาย
เป็นกรรมการและเลขานุการร่วม
และให้มีการติดตามและประชุมหารือเพื่อเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณทั้งรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุนของหน่วยรับงบประมาณ
รวมทั้งติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายภาครัฐอื่น ๆ เช่น
โครงการใช้จ่ายเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เป็นต้น ๒.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงบประมาณที่เห็นควรจัดทำประมาณการรายรับให้สอดคล้องกับเป้าหมายการใช้จ่ายงบประมาณที่กำหนดไว้
และใช้ประโยชน์จากเครื่องมือหรือระบบการติดตามผลการเบิกจ่ายงบประมาณของหน่วยรับงบประมาณ
รวมทั้งผลการใช้จ่ายภาครัฐอื่น ๆ ที่มีอยู่แล้วเพื่อให้การติดตามและเร่งรัดการใช้จ่ายภาครัฐมีประสิทธิภาพและเกิดผลสัมฤทธิ์อย่างทันต่อเหตุการณ์และให้เกิดประโยชน์สูงสุด
โดยคำนึงถึงการจัดทำแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติในรูปแบบเฉพาะกิจเพื่อรองรับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-๑๙
ในช่วงระหว่างปี ๒๕๖๔-๒๕๖๕ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๓
และให้มีการรายงานผลการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายภาครัฐ ปัญหาอุปสรรคการดำเนินการ
และข้อเสนอแนะแนวทางแก้ไขต่อคณะรัฐมนตรีอย่างสม่ำเสมอ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |