ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 91 จากทั้งหมด 566 หน้า แสดงรายการที่ 1801 - 1820 จากข้อมูลทั้งหมด 11307 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1801 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... | พณ. | 19/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย
(องค์การมหาชน) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ
(องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๔๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยเปลี่ยนชื่อองค์กรจาก
“ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน)” เป็น
“สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน”
ปรับปรุงวัตถุประสงค์หน้าที่และอำนาจของสถาบัน
องค์ประกอบของคณะกรรมการสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย ตลอดจนบทบัญญัติต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้อง ให้สอดคล้องกับการดำเนินงานของสถาบัน
และเพื่อให้สถาบันเป็นหน่วยงานหลักในการดูแลส่งเสริมและสนับสนุนศิลปหัตถกรรมไทยให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในฐานะกำกับดูแลศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ
(องค์การมหาชน) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง เช่น (๑)
การดำเนินงานของสถาบันควรได้รับการพิจารณาสนับสนุนด้านงบประมาณจากรัฐบาลผ่านกระบวนการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี
และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มอำนาจให้สถาบันสามารถกู้ยืมเงินเองได้
จึงเห็นควรตัดความในร่างพระราชกฤษฎีกาฯ มาตรา ๑๐ (๕)
เรื่องอำนาจในการกู้ยืมเงินของสถาบันออก (๒) แก้ไขถ้อยคำตามร่างมาตรา ๑๒
ที่กำหนดให้บรรดารายได้ของสถาบันไม่เป็นรายได้ที่ต้องนำส่งกระทรวงการคลังตามกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลัง
และกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ เป็น “มาตรา ๑๒ บรรดารายได้ของสถาบันไม่เป็นรายได้ที่ต้องนำส่งกระทรวงการคลังตามกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลังและกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐ”
และ (๓) ตัดความในร่างพระราชกฤษฎีกาฯ มาตรา ๒๑ (๓) (จ)
ในส่วนที่เกี่ยวกับการพัสดุออก เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน)
รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงาน ก.พ.
เกี่ยวกับค่าตอบแทนการเลิกจ้างแก่เจ้าหน้าที่ผู้ไม่ประสงค์จะทำงานต่อไป
หรือไม่ได้รับการคัดเลือกและบรรจุ เห็นควรให้ใช้จ่ายเงินสะสมของสถาบันที่ได้รับโอนตามนัยมาตรา
๔๖ ของร่างพระราชกฤษฎีกาฯ
โดยการเบิกจ่ายจากแหล่งเงินดังกล่าวจะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน และไม่มีความซ้ำซ้อน
รวมทั้งการคัดเลือกเจ้าหน้าที่หรือลูกจ้างของศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ
(องค์การมหาชน) เพื่อบรรจุเป็นเจ้าหน้าที่หรือลูกจ้างของสถาบัน ตามร่างมาตรา ๔๙
ควรดำเนินการตามระบบคุณธรรมและคำนึงถึงพฤติกรรมทางจริยธรรม
เพื่อให้ได้ทรัพยากรที่มีศักยภาพสอดคล้องกับวัตถุประสงค์และภารกิจขององค์กร
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1802 | ขออนุมัติการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณเพื่อเช่ารถยนต์มาใช้ในราชการ | รง. | 19/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงแรงงาน
โดยสำนักงานปลัดกระทรวงแรงงานก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ตามนัยมาตรา ๔๒
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
เพื่อเป็นค่าเช่ารถยนต์ประจำตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน จำนวน ๑ คัน
ตามอัตราค่าเช่ารถยนต์ประจำตำแหน่งรัฐมนตรีหรือเทียบเท่า ไม่เกินเดือนละ ๗๖,๕๐๐
บาท/คัน/เดือน (ขนาดปริมาตรกระบอกสูบไม่เกิน ๓,๐๐๐ ซีซี) ภายในวงเงิน ๔,๒๘๔,๐๐๐
บาท ระยะเวลา ๔ ปี ๘ เดือน และค่าเช่ารถยนต์ประจำตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
จำนวน ๑ คัน ตามอัตราค่าเช่ารถยนต์ประจำตำแหน่งอธิบดี รองปลัดกระทรวงหรือเทียบเท่า
ไม่เกินเดือนละ ๓๕,๒๘๐ บาท/คัน/เดือน ภายในวงเงิน ๑,๙๗๕,๖๘๐ บาท ระยะเวลา ๔ ปี ๘
เดือน รวมทั้งสิ้นจำนวน ๒ คัน วงเงินรวม ๖,๒๕๙,๖๘๐ บาท
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ จำนวน ๘๙๔,๒๔๐ บาท
ไม่ได้ตั้งงบประมาณรองรับไว้
จึงเห็นสมควรให้สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงานพิจารณาโอนเงินจัดสรร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๔ และผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕-พ.ศ. ๒๕๖๘ จำนวน
๕,๓๖๕,๔๔๐ บาท
โดยให้เสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนให้สอดคล้องกับวงเงินตามสัญญาต่อไป
และยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีกรณีเช่ารถยนต์มาใช้ในราชการต่ำกว่า ๕ ปี
เป็นกรณีเฉพาะราย
โดยการจัดทำสัญญาเช่ารถยนต์จะต้องคำนึงถึงความจำเป็นและเหมาะสมกับเงื่อนเวลาของภารกิจที่เหลืออยู่
เพื่อประโยชน์ต่อราชการเป็นสำคัญ
ส่วนการจัดหารถยนต์ประจำตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานจะจัดหารถยนต์ประจำตำแหน่งได้เมื่อมีผู้ดำรงตำแหน่งแล้ว
ทั้งนี้ ให้สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงานปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน
โดยคำนึงถึงความจำเป็นและเหมาะสม และประโยชน์ที่ทางราชการจะได้รับเป็นสำคัญด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1803 | การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ซึ่งจะต้องมีการก่อหนี้ผูกพันมากกว่าหนึ่งปีงบประมาณสำหรับรายการที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เป็นหน่วยรับงบประมาณ | มท. | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบให้กระทรวงมหาดไทยทบทวนการยื่นเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ กรณีการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณมากกว่าหนึ่งปีงบประมาณสำหรับรายการที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เป็นหน่วยรับงบประมาณ จำนวน ๒
โครงการ วงเงินทั้งสิ้น ๒,๒๔๖.๗๔๐๐ ล้านบาท ประกอบด้วย (๑) ของโครงการจัดหาน้ำดิบเพื่อผลิตน้ำประปาที่โรงกรองน้ำบ้านมะขามเฒ่า
จากแหล่งน้ำลำตะคองมายังโรงกรองน้ำบ้านมะขามเฒ่าของเทศบาลนครนครราชสีมา
จังหวัดนครราชสีมา วงเงิน ๑,๐๔๖.๗๔๐๐ ล้านบาท และ (๒)
โครงการก่อสร้างอุทยานการเรียนรู้เฉลิมพระเกียรติของเทศบาลนครยะลา จังหวัดยะลา
วงเงิน ๑,๒๐๐.๐๐๐๐ ล้านบาท โดยให้ใช้จ่ายจากแหล่งเงินอื่น เช่น
เงินรายได้หรือเงินสะสมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เงินกู้
เอกชนร่วมลงทุนหรือดำเนินการทั้งหมด แล้วแต่กรณี ทั้งนี้
ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงความคุ้มค่า ประหยัด
การพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่จะได้รับ
ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1804 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติม เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) ระยะที่ 5 | กห. | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง
รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา
และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ วงเงิน
๔๗๓,๑๕๐,๐๐๐ บาท ให้สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ระยะที่ ๕
สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการพื้นที่กักกันโรคแห่งรัฐ (State
Quarantine) ในส่วนของสถานที่เอกชนต่อไป ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ๒.
ให้กระทรวงกลาโหมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1805 | การจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 สำหรับโครงการบำรุงรักษาและซ่อมแซมแก้ไขระบบตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์สินค้าด้วยเครื่องเอกซเรย์ที่จัดซื้อในโครงการระยะที่ 5 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 - พ.ศ. 2569 | กค. | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติในหลักการให้กระทรวงการคลัง โดยกรมศุลกากรนำรายการที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐
ล้านบาทขึ้นไป โครงการบำรุงรักษาและซ่อมแซมแก้ไขระบบตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์สินค้าด้วยเครื่องเอกซเรย์ที่จัดซื้อในโครงการระยะที่
๕ วงเงินทั้งสิ้น ๑,๕๐๐,๙๙๔,๐๕๖ บาท เพื่อเสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามนัยมาตรา ๒๖ ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณ จำนวน ๘๒๕,๕๔๖,๗๐๐ บาท
เสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ จำนวน ๑๖๕,๑๐๙,๔๐๐ บาท
ผูกพันปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕-พ.ศ. ๒๕๖๙ จำนวน ๖๖๐,๔๓๗,๓๐๐ บาท ส่วนที่เหลือ ๖๗๕,๔๔๗,๓๕๖
บาท เบิกจ่ายจากเงินนอกงบประมาณสมทบ ทั้งนี้ ให้กรมศุลกากรพิจารณานำเงินนอกงบประมาณมาสมทบกับงบประมาณในสัดส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละ
๔๕ พร้อมทั้งจัดทำแผนงานให้สอดคล้องกับแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ
และให้ยืนยันความพร้อมของโครงการ โดยมีรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะ ผลการสอบราคา
ประมาณการราคา และสถานที่/พื้นที่พร้อมที่จะดำเนินการให้ครบถ้วน
โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัด การพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่จะได้รับ
ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
และคำนึงถึงภาระผูกพันในแต่ละปีงบประมาณให้เป็นไปตามสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนที่กำหนด
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ ซี่งสำนักงบประมาณจะพิจารณาความเหมาะสม
จำเป็นตามวงเงินงบประมาณประจำปีต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1806 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเพื่อดูแลและเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโคโรนา (COVID-19) | กค. | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเพื่อดูแลและเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโคโรนา
(COVID-19) ได้แก่
มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๖๓ เรื่อง มาตรการการเงินการคลังเพื่อสนับสนุนการลงทุนในประเทศ
ปี ๒๕๖๓ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๖๓ เรื่อง มาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโคโรนา
(COVID-19) ต่อเศรษฐกิจไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม
ระยะที่ ๒ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๖๓ เรื่อง การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีและเสนอมาตรการช่วยเหลือ
SMEs เพิ่มเติม
และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ดังนี้ ๑.๑
การปรับปรุงการดำเนินโครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีรายได้ประจำที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา
(COVID-19) และขยายระยะเวลาโครงการสินเชื่อเพิ่มเสริมพลังฐานราก
โดยจัดสรรวงเงินที่เหลือประมาณ ๒,๙๘๗ ล้านบาท
จากการดำเนินโครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีรายได้ประจำที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา
(COVID-19) ให้ธนาคารออมสินดำเนินโครงการสินเชื่อเสริมพลังฐานราก
พร้อมทั้งขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการสินเชื่อเสริมพลังฐานราก
จากเดิมสิ้นสุดวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๓ เป็นสิ้นสุดวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๔ ๑.๒
ขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา
(COVID-19) วงเงินสินเชื่อรวม
๔๐,๐๐๐ ล้านบาท แบ่งเป็น ธนาคารออมสิน วงเงิน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท
และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) วงเงิน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท
ให้แก่ประชาชนที่มีอาชีพอิสระไม่มีรายได้ประจำหรือเกษตรกรรายย่อย
คิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ (Flat Rate) ไม่เกินร้อยละ ๐.๑๐
ต่อเดือน ระยะเวลากู้ไม่เกิน ๒ ปี ๖ เดือน (ระยะเวลาปลอดชำระเงินต้นและดอกเบี้ย ๖
เดือน) สิ้นสุดรับคำขอสินเชื่อถึงวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๓ โดยอนุมัติสินเชื่อไปแล้ว
รวมจำนวน ๒๕,๖๓๕ ล้านบาท (ธนาคารออมสิน ๑๗,๐๑๐ ล้านบาท และ ธ.ก.ส. ๘,๖๒๕ ล้านบาท)
ยังมีวงเงินคงเหลือภายใต้โครงการดังกล่าวอีก จำนวน ๑๔,๓๖๕ ล้านบาท ดังนั้น
เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการช่วยเหลือประชาชน
จึงขอขยายระยะเวลารับคำขอสินเชื่อออกไปเป็นวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๔ ๑.๓
ขยายระยะเวลามาตรการสินเชื่อเพื่อการลงทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
(ธสน.) ภายใต้มาตรการการเงินการคลังเพื่อสนับสนุนการลงทุนในประเทศ ปี ๒๕๖๓
วงเงินรวม ๕,๐๐๐ ล้านบาท สนับสนุนสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการส่งออกและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง
รวมถึงผู้นำเข้าเครื่องจักรและอุปกรณ์เพื่อพัฒนาประเทศ โดยคิดอัตราดอกเบี้ย ปีที่
๑-๒ ร้อยละ ๒ ต่อปี ในปีที่ ๓-๕ คิดอัตรา Prime Rate-ร้อยละ
๒ ต่อปี และปีที่ ๖-๗ คิดอัตรา Prime Rate ต่อปี
(ปัจจุบันอัตรา Prime Rate ของ ธสน. อยู่ที่ร้อยละ ๖) ณ
วันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๖๓ ธสน. อนุมัติสินเชื่อไปแล้ว จำนวน ๒,๘๕๘ ล้านบาท
ยังคงมีวงเงินคงเหลืออีก จำนวน ๒,๑๔๒ ล้านบาท
จึงขอขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการดังกล่าว
จากเดิมสิ้นสุดการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อไม่เกินวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓
ออกไปเป็นสิ้นสุดการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อไม่เกินวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๔
๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการและโครงการให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานการดำเนินงานตามมาตรการและโครงการดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
และดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบ กฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1807 | มาตรการบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนและผู้ประกอบการธุรกิจในระยะเร่งด่วน (เดือนมกราคมถึงมีนาคม 2564) จากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในระลอกใหม่ | นร.11 | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบการดำเนินมาตรการบรรเทาผลกระทบการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 ที่ดำเนินการอยู่
และเห็นชอบในหลักการมาตรการบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนและผู้ประกอบการธุรกิจในระยะเร่งด่วน
(เดือนมกราคมถึงมีนาคม ๒๕๖๔) จากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในระลอกใหม่ ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไปให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรเร่งสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้ทันต่อสถานการณ์
โดยคำนึงถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างครอบคลุมและเป็นธรรม
และตรวจสอบข้อมูลให้มีความชัดเจน ถูกต้องครบถ้วน ครอบคลุมในทุกพื้นที่
รวมทั้งติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานการดำเนินงานตามมาตรการดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดเวลาดำเนินการ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1808 | คำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ศาลยุติธรรมและสำนักงานศาลยุติธรรม | ศย. | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕
ของศาลยุติธรรมและสำนักงานศาลยุติธรรม จำนวน ๓๔,๒๙๓,๗๔๒,๔๐๐ บาท
และให้ดำเนินการตามขั้นตอน ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้สำนักงานศาลยุติธรรมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1809 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 1/2564 (โครงการพัฒนาศักยภาพระบบบริการสุขภาพ รองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของหน่วยงานส่วนภูมิภาค) | นร.11 | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๖๔
ที่ได้มีการพิจารณากลั่นกรองข้อเสนอโครงการพัฒนาศักยภาพระบบบริการสุขภาพ
รองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ของหน่วยงานส่วนภูมิภาค
ของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข
โดยให้แก้ไขเอกสารในส่วนของชื่อโครงการ จากเดิม “โครงการพัฒนาศักยภาพระบบบริการ
รองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙” เป็น
“โครงการพัฒนาศักยภาพระบบบริการสุขภาพ
รองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ของหน่วยงานส่วนภูมิภาค”
ด้วย ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเตรียมความพร้อมให้ทันต่อสถานการณ์
โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบการบริการสุขภาพให้มีการกระจายลงสู่พื้นที่อย่างทั่วถึง
เร่งรัดการใช้จ่ายและปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรี ให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ระยะเวลาดำเนินการ และความเหมาะสมของค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในทุกมิติ ซึ่งจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์
อัตราค่าใช้จ่าย และมาตรฐานของทางราชการอย่างประหยัด
ไม่มีความซ้ำซ้อนกับโครงการอื่น ๆ ของภาครัฐ
รวมทั้งให้ความสำคัญกับระบบการติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์
และให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ไปดำเนินการอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารงานภาครัฐ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓.
ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1810 | การขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ของสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า | สขค | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบกรอบวงเงินคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ของสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า
วงเงินรวม ๕๗๑,๐๔๒,๑๐๐ บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
และให้สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้ารับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเพิ่มบทบาทการดำเนินการเชิงรุกในการกำกับดูแลและติดตามสภาพการประกอบธุรกิจให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของรูปแบบธุรกิจและช่องทางการค้าใหม่
รวมถึงการเข้ามาแข่งขันของสินค้ามาตรฐานต่ำจากต่างประเทศ
ซึ่งส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย
โดยเฉพาะวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม รวมทั้งควรเร่งรัดการกำหนดเกณฑ์มาตรฐานการให้สินเชื่อทางการค้า
(Credit Term) ในแต่ละประเภทสาขาธุรกิจ
เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) เมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๖๓ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒
กันยายน ๒๕๖๓ และเร่งรัดการวินิจฉัยคำร้องขอของผู้ประกอบการเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบธุรกิจและนักลงทุน
ตลอดจนควรมีการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานและรายงานความก้าวหน้าต่อคณะรัฐมนตรีเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
ให้สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1811 | ขออนุมัติใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับดำเนินงานโครงการเยียวยาเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมและผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์นม พลิกฟื้นเศรษฐกิจภาคการเลี้ยงโคนมและผลิตภัณฑ์นม | กษ. | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๑,๔๗๗,๗๕๘,๔๐๐บาท
เพื่อดำเนินงานโครงการเยียวยาเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมและผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์นม
พลิกฟื้นเศรษฐกิจภาคการเลี้ยงโคนมและผลิตภัณฑ์นม โดยเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับจัดซื้อนมโรงเรียนชนิด
ยู เอช ที ให้กับเด็กนักเรียนระดับชั้นก่อนประถมศึกษาถึงระดับชั้นประถมศึกษาปีที่
๖ จำนวน ๗,๐๓๖,๙๔๕ คน ได้ดื่มนมเพิ่มขึ้นคนละ ๓๐ กล่อง ในราคากล่องละ ๗ บาท โดยให้หน่วยงานที่รับผิดชอบจัดซื้อนมโรงเรียน
ประกอบด้วย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงศึกษาธิการ กรุงเทพมหานคร และเทศบาลเมืองพัทยา
ดำเนินการจัดหานมโรงเรียนตามวัตถุประสงค์ของโครงการดังกล่าว
โดยปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณมาดำเนินการก่อนในโอกาสแรก
และให้กรมปศุสัตว์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดังกล่าวตรวจสอบปริมาณผลิตภัณฑ์นมโรงเรียนที่ยังคงค้างอยู่กับผู้ประกอบการ
รวมทั้งจำนวนนักเรียนกลุ่มเป้าหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบให้เป็นไปตามข้อเท็จจริง
เพื่อจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เสนอขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการดังกล่าว โดยทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป สำหรับแนวทางในการแก้ไขปัญหาน้ำนมดิบล้นตลาด
เห็นควรที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมปศุสัตว์
พิจารณาดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๓ โดยเคร่งครัดต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณามาตรการเตรียมรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ รอบใหม่ อย่างรวดเร็ว และควรพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาการส่งนมโรงเรียนตามโครงการอาหารเสริม
(นม) โรงเรียน ที่ต้องให้นักเรียนดื่มนมครบตามระยะเวลาโครงการฯ รวมทั้งควรเร่งพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาโดยเฉพาะแนวทางการแปรรูปผลิตภัณฑ์นมเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มตามความต้องการของตลาดเพื่อพัฒนาและยกระดับการผลิตของผลิตภัณฑ์นมได้อย่างแท้จริง
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1812 | ขออนุมัติตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 สำหรับรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ของกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท | คค. | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติในหลักการให้กระทรวงคมนาคมนำรายการที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป
จำนวน ๒ หน่วยงาน ๒๗ รายการ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๔๘,๖๒๐ ล้านบาท เพื่อเสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามนัยมาตรา ๒๖ ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ประกอบด้วย
(๑) กรมทางหลวง จำนวน ๒๐ รายการ วงเงินทั้งสิ้น ๓๖,๒๘๐ ล้านบาท เสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ จำนวน ๗,๒๕๖ ล้านบาท ส่วนที่เหลือผูกพันปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖-พ.ศ. ๒๕๖๗
จำนวน ๒๙,๐๒๔ ล้านบาท และ (๒) กรมทางหลวงชนบท จำนวน ๗ รายการ วงเงินทั้งสิ้น
๑๒,๓๔๐ ล้านบาท เสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ จำนวน
๒,๔๖๘ ล้านบาท ส่วนที่เหลือผูกพันปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖-พ.ศ. ๒๕๖๗ จำนวน ๙,๘๗๒
ล้านบาท ทั้งนี้
ให้กระทรวงคมนาคมจัดทำแผนการดำเนินการและยืนยันความพร้อมของโครงการดังกล่าว โดยมีรายละเอียดแบบรูปรายการ
ประมาณการค่าก่อสร้างให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน
และมีสถานที่/พื้นที่ที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานเจ้าของพื้นที่ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องและมีความพร้อมจะดำเนินการ
โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัด การพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่จะได้รับ
ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมทั้งจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้เหมาะสมกับความจำเป็นเร่งด่วน
และคำนึงถึงภาระผูกพันงบประมาณในแต่ละปีงบประมาณให้เป็นไปตามสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนที่กำหนด
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒
และจัดส่งรายงานเกี่ยวกับเงินนอกงบประมาณ ตามนัยมาตรา ๒๕ ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๑ ซึ่งสำนักงบประมาณจะพิจารณาความเหมาะสม
จำเป็นตามวงเงินงบประมาณประจำปีต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของโครงการ
โดยคำนึงถึงความจำเป็น ความคุ้มค่าของงบประมาณและความสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาพื้นที่จังหวัดและกลุ่มจังหวัด
แผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง ภายใต้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ฉบับที่ ๑๒ พ.ศ. ๒๕๖๐-พ.ศ. ๒๕๖๕ รวมทั้งความพร้อมในการดำเนินโครงการโดยเฉพาะการเวนคืนที่ดินที่จะต้องถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ เรื่อง
แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการตราร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนเพื่อก่อสร้างหรือขยายถนนอย่างเคร่งครัด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงคมนาคมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1813 | รายการที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ที่จะเสนอคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ | ตช. | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาตินำรายการที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป โครงการอาคารที่ทำการพร้อมอาคารสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่และอาคารที่พักอาศัยให้กับหน่วยงานต่าง
ๆ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำบลบ้านใหม่ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี จำนวน ๙ อาคาร
วงเงินทั้งสิ้น ๗,๖๘๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อเสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ จำนวน ๑,๕๓๖,๐๐๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีก จำนวน ๖,๑๔๔,๐๐๐,๐๐๐ บาท ผูกพันปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖-พ.ศ. ๒๕๖๙ ตามนัยมาตรา ๒๖ ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ทั้งนี้
ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดทำแผนการดำเนินการและยืนยันความพร้อมโครงการ
โดยมีรายละเอียดแบบรูปรายการ ประมาณการค่าก่อสร้าง
สถานที่/พื้นที่พร้อมที่จะดำเนินการ และกำหนดแบบรูปในรายการก่อสร้างอาคารที่ทำการและที่พักอาศัยรวมให้มีความเหมาะสมกับจำนวนเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติงานและพักอาศัย
โดยมีราคาค่ากอสร้างต่อเนื้อที่ใช้สอยให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕
เมษายน ๒๕๕๙ คำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัด การพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่จะได้รับ
ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมทั้งพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้เหมาะสมกับความจำเป็นเร่งด่วน
ศักยภาพในการดำเนินการ ตลอดจนสถานะการเงินการคลังของประเทศ
และคำนึงถึงภาระผูกพันงบประมาณในแต่ละปีงบประมาณให้เป็นไปตามสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนที่กำหนดตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ ซึ่งสำนักงบประมาณจะพิจารณาความเหมาะสม จำเป็น
ตามวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ในชั้นการดำเนินโครงการอาคารที่ทำการพร้อมอาคารสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่และอาคารที่พักอาศัยให้กับหน่วยงานต่าง
ๆ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำบลบ้านใหม่ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี จำนวน ๙
อาคาร ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ
หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง (เช่น พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม) อย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1814 | รายการที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ที่จะเสนอคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (โครงการวิทยาลัยแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลตำรวจ) | ตช. | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาตินำรายการที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป โครงการอาคารวิทยาลัยแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลตำรวจ แขวงปทุมวัน
เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร วงเงินทั้งสิ้น ๓,๕๘๔,๐๐๐,๐๐๐ บาท
เพื่อเสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ จำนวน ๗๑๖,๘๐๐,๐๐๐
บาท ส่วนที่เหลือผูกพันปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖-พ.ศ. ๒๕๖๙ จำนวน ๒,๘๖๗,๒๐๐,๐๐๐ บาท
ตามนัยมาตรา ๒๖ ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ทั้งนี้ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดทำแผนการดำเนินการและยืนยันความพร้อมโครงการ
โดยมีรายละเอียดแบบรูปรายการ ประมาณการค่าก่อสร้าง สถานที่/พื้นที่พร้อมที่จะดำเนินการ
และกำหนดรูปแบบในการก่อสร้างอาคารที่ทำการและที่พักอาศัยรวมให้มีความเหมาะสมกับจำนวนบุคลากรทางการแพทย์
โดยมีราคาค่าก่อสร้างต่อเนื้อที่ใช้สอยให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕
เมษายน ๒๕๕๙ คำนึงถึงความคุ้มคาและประหยัด การพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่จะได้รับ
ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมทั้งพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้เหมาะสมกับความจำเป็นเร่งด่วน
ศักยภาพในการดำเนินการ ตลอดจนสถานะการเงินการคลังของประเทศ
และคำนึงถึงภาระผูกพันงบประมาณในแต่ละปีงบประมาณให้เป็นไปตามสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนที่กำหนด
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ ซึ่งสำนักงบประมาณจะพิจารณาความเหมาะสม
จำเป็นตามวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อเสนอแนะของกระทรวงสาธารณสุขและความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
การผลิตแพทย์ บุคลากรทางการแพทย์และบุคลากรทางสาธารณสุข ควรตอบสนองความต้องการความขาดแคลน
กำลังคนด้านสุขภาพของประเทศ และควรคำนึงถึงภาระผูกพันงบประมาณด้านบุคลากรที่จะเกี่ยวเนื่องกับโครงการวิทยาลัยแพทยศาสตร์โรงพยาบาลตำรวจ
ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต รวมทั้งการพิจารณางบประมาณในรายละเอียด
ควรแสดงข้อมูลเป้าหมายและแผนการดำเนินงานหลังการก่อสร้างอาคารแล้วเสร็จ
โดยเฉพาะการผลิตบุคลากรที่จะเป็นการผลิตร่วมกับราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ที่เป็นรูปธรรม
เพื่อแสดงให้เห็นถึงความคุ้มค่าและประสิทธิภาพในการดำเนินการ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓.
ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1815 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่.. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินสนับสนุนหรือประโยชน์อื่นใดที่ได้รับจากภาครัฐตามมาตรการหรือโครงการอันเนื่องมาจากการเยียวยาและฟื้นฟูผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019) | กค. | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้เงินสนับสนุนหรือประโยชน์อื่นใดที่ได้รับจากมาตรการชดเชยรายได้แก่ลูกจ้างของสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบหรือผู้ได้รับผลกระทบอื่น
ๆ ของการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) โครงการเราเที่ยวด้วยกัน โครงการกำลังใจ และโครงการคนละครึ่ง เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1816 | ขออนุมัติรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป กระทรวงยุติธรรม | ยธ. | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการให้กระทรวงยุติธรรมนำรายการที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป จำนวนทั้งสิ้น ๕ โครงการ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๗,๕๒๐.๓๕๑๖ ล้านบาท
เพื่อเสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ จำนวน ๑,๕๐๔.๐๗๐๓
ล้านบาท ส่วนที่เหลือผูกพันปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖-พ.ศ. ๒๕๖๗ จำนวน ๖,๐๑๖.๒๘๑๓ ล้านบาท
ตามนัยมาตรา ๒๖ ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ทั้งนี้ ให้กระทรวงยุติธรรมจัดทำแผนการดำเนินการและยืนยันความพร้อมของโครงการ
โดยมีรายละเอียดแบบรูปรายการ ประมาณการค่าก่อสร้างให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน
และมีสถานที่/พื้นที่พร้อมที่จะดำเนินการ โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัด
การพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่จะได้รับ ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมทั้งจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้เหมาะสมกับความจำเป็นเร่งด่วน
และคำนึงถึงภาระผูกพันงบประมาณในแต่ปีงบประมาณให้เป็นไปตามสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนที่กำหนด
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒
ซึ่งสำนักงบประมาณจะพิจารณาความเหมาะสม จำเป็น ตามวงเงินงบประมาณประจำปีต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1817 | การเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันหุ่นยนต์ระดับโลก RoboCup 2022 | อว. | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันหุ่นยนต์ระดับโลก RoboCup
2022 ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
(มหาวิทยาลัยมหิดล) ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๕ ณ
ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา โดยใช้กรอบงบประมาณวงเงินทั้งสิ้น ๒๐
ล้านบาท จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ [ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานรวมทั้งสิ้น
๗๐ ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก ๕๐ ล้านบาท
จะขอรับงบประมาณสนับสนุนจากสมาพันธ์ระดับนานาชาติ RoboCup และหน่วยงานอื่น
เช่น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กระทรวงศึกษาธิการ)
สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม) เป็นต้น]
สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม (มหาวิทยาลัยมหิดล)
พิจารณาถึงความครอบคลุมทุกแหล่งเงินที่ต้องใช้ในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฯ
จากเงินรายได้และหรือเงินอื่นใดที่มีอยู่หรือนำมาใช้จ่ายได้
รวมทั้งการสนับสนุนจากภาคเอกชนหรือหน่วยงานอื่นมาสมทบการดำเนินงานในลำดับแรกก่อน
เพื่อให้เกิดภาระต่องบประมาณในสัดส่วนที่เหมาะสม
และจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอน ทั้งนี้ การเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฯ
ควรคำนึงถึงความปลอดภัย การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
ความเสี่ยงและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ
ภายใต้สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) รวมทั้งการปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีให้ถูกต้องครบถ้วนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (มหาวิทยาลัยมหิดล)
รับความเห็นของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันดังกล่าว
เช่น ควรมีการเตรียมความพร้อมด้านสาธารณสุขตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 กำหนด เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1818 | การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร | นร.08 | 05/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร
ตั้งแต่วันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๖๔ จนถึงวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ ๒. เห็นชอบและรับทราบร่างประกาศ
รวม ๓ ฉบับ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
ดังนี้ ๒.๑ เห็นชอบร่างประกาศ เรื่อง
การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่
๙) และร่างประกาศ เรื่อง
การให้ประกาศที่คณะรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ ๒.๒ รับทราบร่างประกาศ เรื่อง การให้ข้อกำหนด
ประกาศ และคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ ๓.
ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1819 | วงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | นร.07 | 05/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ จำนวน ๓,๑๐๐,๐๐๐ ล้านบาท
และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตและความเห็นของที่ประชุมเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป
ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การลงทุนของประเทศในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕
ควรพิจารณาให้ครอบคลุมการลงทุนจากทุกแหล่งเงิน ประกอบด้วย
การลงทุนจากเงินงบประมาณของภาครัฐ การร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (Public
Private Partnership : PPP) การลงทุนของรัฐวิสาหกิจ
การลงทุนโดยใช้เงินจากกองทุน เช่น กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (Thailand
Future Fund : TFF) และการลงทุนจากต่างประเทศ
เป็นต้น ๑.๒
ควรมีการกำหนดเงื่อนไขของการใช้จ่ายเงินงบประมาณ
โดยเฉพาะการใช้จ่ายที่มีลักษณะเป็นการโอนเงินให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) เช่น
การให้ความช่วยเหลือแบบให้เปล่ากับผู้ถูกเลิกจ้างหรือผู้ที่อยู่ระหว่างหางานทำ
ควรมีการกำหนดเงื่อนไขให้มีการฝึกอบรมทักษะที่สอดคล้องกับความต้องการของภาคธุรกิจเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับผู้ถูกเลิกจ้างในการหางานทำต่อไป
และทำให้การใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นต้น ๑.๓
เพื่อเป็นการสร้างศักยภาพของประเทศและความยั่งยืนในระยะต่อไปตามแผนการคลังระยะปานกลาง
เห็นควรให้ความสำคัญกับการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อการลงทุนมากขึ้น
และชะลอรายจ่ายประจำปีที่สามารถดำเนินการได้ ๒.
ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1820 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบกลาง ค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 | สธ. | 05/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบโครงการเตรียมความพร้อมรับมือและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่ : กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (COVID-19) ระยะการระบาดระลอกใหม่ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ และอนุมัติการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา
และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ จำนวน
๔,๖๖๑,๑๑๖,๒๐๓ บาท ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (COVID-19) ระยะการระบาดระลอกใหม่
รวมทั้งการจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมให้ถูกต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของแผนงาน/โครงการอย่างเคร่งครัด ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|