ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 89 จากทั้งหมด 566 หน้า แสดงรายการที่ 1761 - 1780 จากข้อมูลทั้งหมด 11307 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1761 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่อำเภออ่าวลึก อำเภอเมืองกระบี่ อำเภอเหนือคลอง อำเภอคลองท่อม และอำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ พ.ศ. 2559 | ทส. | 15/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง
ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง
กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่อำเภออ่าวลึก อำเภอเมืองกระบี่
อำเภอเหนือคลอง อำเภอคลองท่อม และอำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ พ.ศ. ๒๕๕๙
มีสาระสำคัญเป็นการขอขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่อำเภออ่าวลึก
อำเภอเมืองกระบี่ อำเภอเหนือคลอง อำเภอคลองท่อม และอำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่
พ.ศ. ๒๕๕๙ ออกไปอีก ๒ ปี นับแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๔ เป็นต้นไป
เพื่อกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมต่อไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมที่เห็นควรให้ปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรี และความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินงานตามหลักธรรมาภิบาล
เกิดผลสัมฤทธิ์ หรือประโยชน์ต่อภาครัฐและประชาชนเป็นสำคัญ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1762 | ขออนุมัติการเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณและขยายเวลาก่อหนี้ผูกพันงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการเช่าที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทย ตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร | ศย. | 09/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติให้สำนักงานศาลยุติธรรมเพิ่มวงเงินค่าเช่าที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย
(รฟท.) ตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร จากเดิมวงเงิน ๒๒,๐๔๖,๐๐๐ บาท เป็นภายในกรอบวงเงิน
๘๑,๙๙๗,๘๐๑ บาท และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๓-พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-พ.ศ. ๒๕๗๕ สำหรับค่าใช้จ่ายในการเช่าที่ดินในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ และปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
ให้สำนักงานศาลยุติธรรมใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓
และปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ที่ได้รับจัดสรรไว้แล้ว สมทบกับเงินรายได้ค่าธรรมเนียมศาล
ส่วนภาระงบประมาณในปีต่อไปเห็นควรให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นที่ต้องใช้จ่ายในแต่ละปีให้ครบถ้วนตามวงเงินในสัญญาเช่าที่ดินต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้สำนักงานศาลยุติธรรมและกระทรวงคมนาคม
โดย รฟท. รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นว่า ค่าเช่าที่ดินที่ รฟท.
เรียกเก็บจากสำนักงานศาลยุติธรรมในครั้งนี้
ได้กำหนดให้มีการปรับปรุงค่าเช่าเพิ่มขึ้นร้อยละ ๕ ทุกปี
ซึ่งไม่เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๑
ที่เห็นชอบการกำหนดแนวทางการดำเนินการกรณีหน่วยงานของรัฐผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างได้จัดให้ส่วนราชการเช่าใช้ประโยชน์
โดยปรับปรุงอัตราค่าเช่าเพิ่มขึ้นไม่เกินร้อยละ ๓ ต่อปี
จึงเห็นควรให้สำนักงานศาลยุติธรรมขอความร่วมมือจากการรถไฟแห่งประเทศไทยในการปรับปรุงค่าเช่า
จากร้อยละ ๕ ทุกปี เป็นไม่เกินร้อยละ ๓ ต่อปี เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1763 | มาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาผู้สูงอายุที่ได้รับเบี้ยยังชีพที่มีความซ้ำซ้อนกับสวัสดิการอื่น | พม. | 09/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
รับทราบมติคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธ์
๒๕๖๔
เกี่ยวกับมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาผู้สูงอายุที่ได้รับเบี้ยยังชีพที่มีความซ้ำซ้อนกับสวัสดิการอื่น
ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ โดยมีมติ ดังนี้ ๑.๑
ชะลอการดำเนินการเรียกเงินเบี้ยยังชีพคืนจากผู้สูงอายุที่มีความซ้ำซ้อนกับสวัสดิการอื่น ๑.๒
แนวทางช่วยเหลือเยียวยาผู้สูงอายุที่รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุซ้ำซ้อนกับสวัสดิการอื่นและเจ้าหน้าที่ที่ดำเนินการโดยสุจริต
ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา
กำหนดเกณฑ์กลางในการพิจารณาว่าผู้ใดสุจริต ให้สอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ๒.
คณะรัฐมนตรีมีข้อสังเกตว่า
แนวทางการช่วยเหลือเยียวยาผู้สูงอายุที่รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุซ้ำซ้อนกับสวัสดิการอื่นและเจ้าหน้าที่ที่ดำเนินการโดยสุจริตที่ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกรุงเทพมหานคร
และเมืองพัทยา กำหนดเกณฑ์กลางในการพิจารณาว่าผู้ใดสุจริตให้สอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
นั้น อาจเกิดปัญหาในทางปฏิบัติและการตีความข้อกฎหมายได้
สมควรที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติจะพิจารณาแนวทางปฏิบัติในประเด็นดังกล่าวให้ชัดเจน ๓. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1764 | ขอความเห็นชอบการแก้ไขสัญญาร่วมลงทุนการออกแบบและก่อสร้างงานโยธา การจัดหาระบบรถไฟฟ้า การให้บริการการเดินรถไฟฟ้าและซ่อมบำรุง โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย – มีนบุรี กรณีโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยาย ช่วงสถานีศรีรัช – เมืองทองธานี | คค. | 09/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในส่วนของเรื่อง
การเปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการเราเที่ยวด้วยกัน
ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
และรายงานผลการดำเนินโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ๒.
รับทราบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่
๘/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๖๔ ในส่วนของเรื่อง
การปรับปรุงรายละเอียดของโครงการที่เป็นสาระสำคัญของโครงการ ม๓๓ เรารักกัน
ของสำนักงานประกันสังคม ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ ๓.
ให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง เช่น
หน่วยงานเจ้าของโครงการจะต้องเร่งดำเนินโครงการให้ทันต่อสถานการณ์
และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้ถูกต้อง ครบถ้วนอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระยะเวลาดำเนินการ
และความเหมาะสมของค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในทุกมิติ ซึ่งจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์
อัตราค่าใช้จ่าย และมาตรฐานของทางราชการอย่างประหยัด
โดยไม่มีความซ้ำซ้อนของกลุ่มเป้าหมาย หรือสิทธิที่พึงได้รับจากภาครัฐไปแล้ว
ผ่านกลไกการตรวจสอบจากเลขบัตรประจำตัวประชาชน ๑๓ หลัก
โดยจัดให้มีระบบการติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์ เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
รวมทั้งให้ดำเนินการด้วยความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอนเพื่อให้การใช้งบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ภาครัฐ และในกรณีที่พบว่ามีการทุจริตเกิดขึ้น
ให้เร่งรัดตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อหาผู้กระทำผิดมาดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ได้โดยเร็วด้วย ๔. ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1765 | การขอขยายเวลามาตรการสำหรับเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ | กค. | 09/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบการขยายระยะเวลามาตรการสำหรับเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นการขยายระยะเวลามาตรการสนับสนุนเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้
ประกอบด้วย มาตรการภาษีและค่าธรรมเนียม มาตรการด้านการเงิน
และมาตรการด้านประกันภัย ซึ่งได้สิ้นสุดลงแล้วเมื่อวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓
โดยขยายระยะเวลามาตรการดังกล่าวออกไปอีก ๓ ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๔
ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๖ เพื่อจูงใจผู้ประกอบกิจการในพื้นที่
และกระตุ้นให้มีการลงทุนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้เกิดการผลิต
การให้บริการ และการจ้างงาน
อันจะเป็นการสร้างรายได้และอาชีพที่มั่นคงให้แก่ประชาชนและผู้ประกอบการในเขตพื้นที่ดังกล่าว
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้กระทรวงการคลังเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาในส่วนที่เกี่ยวข้องกับมาตรการภาษีต่อคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป ๒.
อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน
กรณีการโอนและการจำนองอสังหาริมทรัพย์ตามมาตรการสนับสนุนเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ
ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด และร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด
กรณีการโอนและการจำนองห้องชุดตามมาตรการสนับสนุนเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ
ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๓.
ค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นของมาตรการพักชำระหนี้ลูกค้าใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้
ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
และค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นของมาตรการด้านประกันภัยสำหรับโครงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากภัยก่อการร้ายในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้
และโครงการเมืองต้นแบบ “สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน”
ในปีงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ถึง พ.ศ. ๒๕๖๖
ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๔.
ให้กระทรวงการคลังรวมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้
โดยส่งเสริมนักธุรกิจและแรงงานในพื้นที่ให้มีศักยภาพในการประกอบกิจการ
โดยเน้นกิจการลงทุนจากภายในและภายนอกพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้
ทั้งนี้ โดยสอดคล้องกับนโยบายการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ
เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG
Model) : โมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นวาระแห่งชาติ
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๖๔ เรื่อง
การกำหนดให้การพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG
Model) : โมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นวาระแห่งชาติ ๕.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงบประมาณ เช่น
ควรเร่งดำเนินการเพื่อให้ผู้ประกอบการและประชาชนสามารถใช้ประโยชน์จากมาตรการดังกล่าวได้โดยเร็ว
และควรให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์และสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการที่ภาครัฐให้การสนับสนุน
และติดตามผลของแต่ละมาตรการเป็นระยะ
รวมทั้งเปิดโอกาสให้ประชาชนในพื้นที่เสนอความเห็นเกี่ยวกับความต้องการการสนับสนุนจากภาครัฐ
เพื่อนำความเห็นมาใช้ในการปรับปรุงมาตรการให้สดคล้องกับความต้องการและปัญหาในพื้นที่มากยิ่งขึ้น
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1766 | การดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2563 เรื่อง แผนด้านการอุดมศึกษาเพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนของประเทศ พ.ศ. 2564 - 2570 | อว. | 09/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๔ มกราคม ๒๕๖๓ เรื่อง แผนด้านการอุดมศึกษาเพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนของประเทศ พ.ศ.
๒๕๖๔-๒๕๗๐ ซึ่งได้ปรับปรุงตามข้อเสนอแนะของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติใน
๓ ประเด็น ได้แก่ (๑)
การกำหนดขอบเขตและทิศทางการพัฒนาภายใต้บทบาทใหม่ของการอุดมศึกษา (๒)
แนวทางการดำเนินงานในส่วนการพัฒนานวัตกรรมการจัดการเรียนการสอนและการเชื่อมโยงงานวิจัยกับภาคอุตสาหกรรม
และ (๓) กลไกการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ภายใต้แผน ซึ่งที่ประชุมสภานโยบายการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๕
พฤศจิกายน ๒๕๖๓ มีมติเห็นชอบแผนด้านการศึกษาฯ แล้ว ตามที่สภานโยบายการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1767 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายใต้โครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สำหรับประชาชนไทย โดยการจองล่วงหน้า (AstraZeneca) | สธ. | 02/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบและอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบรายละเอียดการดำเนินงานจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (COVID-19) สำหรับประชาชนไทย โดยการจองซื้อล่วงหน้า (AstraZeneca) ในส่วนของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ๑.๒ อนุมัติการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา
และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ วงเงิน
๒,๗๔๑,๓๓๖,๐๐๐ บาท ภายใต้โครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
(COVID-19) สำหรับประชาชนไทยโดยการจองล่วงหน้า
(AstraZeneca) ในส่วนที่กรมควบคุมโรคติดต่อ กระทรวงสาธารณสุข
เกี่ยวข้อง ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1768 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุม ครั้งที่ 4/2564 | นร.11 | 02/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๔ ซึ่งพิจารณาอนุมัติให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
กระทรวงการคลัง ปรับปรุงเงื่อนไขการดำเนินโครงการเราชนะ รวมทั้งรับทราบผลการจัดทำข้อเสนอโครงการองค์กรภาคประชาชนผ่านหน่วยงานของรัฐเพื่อขอใช้จ่ายเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
โดยกำหนดเงื่อนไขไม่ให้มีการใช้สิทธิตามโครงการเราชนะในการซื้อสินค้าอันมิใช่สินค้าจำเป็นเพื่อการดำรงชีพเพิ่มเติม
ได้แก่ สินค้าประเภททองคำ รวมถึงร้านค้าที่ขึ้นทะเบียนการขายทอดตลาดและการค้าของเก่าประเภทเพชร
พลอย ทอง นาก เงิน หรืออัญมณี ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง
และให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งพิจารณากำหนดรูปแบบการใช้สิทธิ์ของประชาชนกลุ่มที่ไม่สามารถเข้าถึงระบบอินเทอร์เน็ตและไม่มีโทรศัพท์ที่สามารถรองรับการใช้แอปพลิเคชันได้ให้มีความชัดเจนและเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับวัตถุประสงค์
วิธีการเข้าร่วมและการใช้สิทธิ์ของประชาชน ซึ่งจะช่วยให้การดำเนินโครงการเราชนะ
สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้อย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
เห็นชอบให้กระทรวงการคลังหารือร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการสนับสนุนการประชาสัมพันธ์โครงการเราชนะ
การยืนยันข้อมูลการประกอบกิจการ และการอำนวยความสะดวกต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจน เพื่อดำเนินการต่อไป ๓. ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการ
เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเตรียมความพร้อมให้ทันต่อสถานการณ์
และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ความเหมาะสมของค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในทุกมิติ ซึ่งจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์
อัตราค่าใช้จ่าย และมาตรฐานของทางราชการอย่างประหยัด รวมทั้งเร่งประชาสัมพันธ์
สร้างความรับรู้ ความเข้าใจ ให้ถูกต้องครบถ้วน
ถึงสิทธิและข้อจำกัดของการเข้าร่วมโครงการ ตลอดจนจัดให้มีระบบการติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์
เพื่อประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับอย่างยั่งยืน
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๔.
ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1769 | แนวทางการพัฒนาและส่งเสริมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีทางการเงิน (Financial Technology: FinTech) | กค. | 02/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ กันยายน ๒๕๖๑
เพื่อยกเลิกการใช้เงินกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ตามความในมาตรา ๑๙
แห่งพระราชบัญญัติกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๖๕๐
ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการจัดตั้งสถาบันนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการเงิน (Institute
for Financial Innovation and Technology : InFinIT) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นว่า
ในภาพรวมจำเป็นต้องมีการบูรณาการความช่วยเหลือ รวมทั้งสนับสนุนทรัพยากรที่จำเป็น
และส่งเสริมความรู้ความเข้าใจต่าง ๆ ให้ FinTech Startups สามารถต่อยอดเพื่อขยายธุรกิจในวงกว้างได้อย่างเข้มแข็งและยั่งยืน
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1770 | การขยายระยะเวลาความตกลงให้การสนับสนุนทางการเงินภายใต้โครงการ Sustainable Use of Peatland and Haze Mitigation in ASEAN | ทส. | 02/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างหนังสือตอบรับของฝ่ายอาเซียนเพื่อแก้ไขความตกลงให้การสนับสนุนทางการเงินภายใต้โครงการ
Sustainable Use of Peatland and Haze Mitigation in ASEAN และอนุมัติให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างหนังสือตอบรับของฝ่ายอาเซียน
และให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งความเห็นชอบของประเทศไทยต่อสำนักเลขาธิการอาเซียนต่อไป
โดยร่างหนังสือตอบรับของฝ่ายอาเซียน มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาความตกลงให้การสนับสนุนทางการเงินภายใต้โครงการ
Sustainable Use of Peatland and Haze Mitigation in
ASEAN ออกไปอีก ๒ ปี โดยไม่เพิ่มเงินสนับสนุน (no-cost extension) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างหนังสือตอบรับของฝ่ายอาเซียน ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1771 | การปฏิบัติตามข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดิน (กรณีปัญหาการถือครองที่ดินของราษฎรบริเวณพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน) | นร.04 | 02/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบคำวินิจฉัยและข้อเสนอแนะ
(กรณีปัญหาการถือครองที่ดินของราษฎรบริเวณพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน)
ของผู้ตรวจการแผ่นดิน และมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับคำวินิจฉัยและข้อเสนอแนะ
(กรณีปัญหาการถือครองที่ดินของราษฎรบริเวณพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน)
ของผู้ตรวจการแผ่นดิน รวมทั้งความเห็นและข้อสังเกตของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
ให้มีความคืบหน้าและเกิดผลเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า
และพันธุ์พืช) เร่งรัดการดำเนินการสำรวจการถือครองที่ดินของประชาชนที่อยู่อาศัยหรือทำกินในอุทยานแห่งชาติให้แล้วเสร็จ
ครบถ้วน และเป็นปัจจุบัน รวมทั้งเร่งรัดการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
เพื่อช่วยเหลือบุคคลที่ไม่มีที่ดินทำกินและได้อยู่อาศัยหรือทำกินในอุทยานแห่งชาติ
ตามนัยมาตรา ๖๔ แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒ ให้แล้วเสร็จและมีผลใช้บังคับโดยเร็วต่อไป ๓.
ให้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติเร่งรัดการดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ
มาตราส่วน ๑ : ๔๐๐๐ (One Map) ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
รวมทั้งกำกับติดตามให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายในการดูแลที่ดินของรัฐแต่ละประเภทตรวจสอบเส้นแนวเขตที่ดินของรัฐให้ถูกต้อง
ตรงกัน และเป็นที่ยุติ แล้วดำเนินการต่อไป ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
เมษายน ๒๕๖๒ [เรื่อง
ความคืบหน้าการดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน ๑ :
๔๐๐๐ (One Map)] ด้วย เพื่อจะได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนที่อยู่อาศัยหรือทำกินในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องได้อย่างถูกต้องเหมาะสมต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1772 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเรื่อง การเสนอตัวเป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก รายการ โมโต จีพี | กก. | 02/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑
มีนาคม๒๕๖๐ [เรื่อง การเสนอตัวเป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก
รายการ โมโต จีพี ประจำปี ๒๕๖๑-๒๕๖๓ (๓ ปี)] จากเดิมประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๓
เป็นประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๔ รายละเอียดนอกเหนือจากนี้คงเดิมทุกประการ ๑.๒ ทบทวนติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม
๒๕๖๓ [เรื่อง การเสนอตัวขอเป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก
รายการ โมโต พีจี ประจำปี ๒๕๖๔-๒๕๖๘ (๕ ปี)] จากเดิมประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๘
เป็นประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๖๙ รายละเอียดนอกเหนือจากนี้คงเดิมทุกประการ ๒.
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณการจัดการแข่งขันฯ
ที่ได้รับการจัดรรงบประมาณแล้วให้สอดคล้องกับระยะเวลาที่เลื่อนการแข่งขัน รวมทั้งควรมีการติดตามสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) ในปัจจุบันที่กระจายไปอย่างรวดเร็วทั่วโลกอย่างใกล้ชิด
และพิจารณาความเหมาะสมของการจัดการแข่งขันโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ
เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฯ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1773 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครศรีธรรมราช เขตเลือกตั้งที่ 3 แทนตำแหน่งที่ว่าง พ.ศ. 2564 | ลต. | 02/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอว่า
นายกรัฐมนตรีได้อาศัยอำนาจตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๖๓ [เรื่อง
การมอบหมายให้นายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้อนุมัติ ให้ความเห็นชอบ
หรือมีคำสั่งแทนคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับร่างพระราชกฤษฎีกาที่ต้องดำเนินการตามรัฐธรรมนูญในความสัมพันธ์กับรัฐสภา
สภาผู้แทนราษฎร หรือวุฒิสภา ซึ่งมีระยะเวลาดำเนินการอันจำกัด ตามมาตรา ๗
แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘] โดยเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครศรีธรรมราช
เขตเลือกตั้งที่ ๓ แทนตำแหน่งที่ว่าง พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1774 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | รง. | 26/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคม
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับลดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคม
เป็นระยะเวลา ๒ เดือน โดยลดอัตราเงินสมทบฝ่ายผู้ประกันตนมาตรา ๓๓ จากเดิมร้อยละ ๓
ของค่าจ้างผู้ประกันตน เหลือร้อยละ ๐.๕ ของค่าจ้างผู้ประกันตน สำหรับฝ่ายนายจ้าง ส่งเงินสมทบอัตราเดิม
ร้อยละ ๓ ของค่าจ้างผู้ประกันตน สำหรับฝ่ายรัฐบาล ส่งเงินสมทบอัตราเดิม ร้อยละ
๒.๗๕ ของค่าจ้างผู้ประกันตน และสำหรับผู้ประกันตนตามมาตรา ๓๙
ให้ปรับลดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคมตามมาตรา ๔๖ วรรคสาม
เพื่อบรรเทาความเดือนร้อนของผู้ประกันตนซึ่งได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับประโยน์ที่ผู้ประกันตนจะได้รับ
รวมทั้งวางแผนการดำเนินการทางการเงินของกองทุนประกันสังคมอย่างเหมาะสมทั้งในระยะสั้น
ระยะกลาง และระยะยาว โดยคำนึงถึงความเสี่ยงและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ
เพื่อมิให้เกิดผลกระทบต่อสภาพคล่องและเสถียรภาพของกองทุนประกันสังคม
รวมถึงภาระการเงินการคลังที่อาจเกิดขึ้นแก่รัฐในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงแรงงานได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1775 | ทบทวนแนวทางการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระลอกใหม่ และการบริหารจัดการผู้ต้องกัก | รง. | 26/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบการทบทวนแนวทางการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว
ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระลอกใหม่ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ๒.
อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.๑ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การผ่อนผันให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา
ลาว และเมียนมา ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ...
มกราคม ๒๕๖๔ ๒.๒ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวซึ่งเป็นผู้ต้องกักอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
เพื่อรอการส่งกลับภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ...
มกราคม ๒๕๖๔ ๓.
เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงแรงงาน รวม ๔ ฉบับ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขที่ขอแก้ไขข้อความในส่วนของการตรวจโรคโควิด-19 โดยให้คนต่างด้าวสามารถเข้ารับการตรวจโรคดังกล่าวกับโรงพยาบาลของรัฐ
หรือโรงพยาบาลเอกชนที่ได้รับการรับรองจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
และเป็นไปตามที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกำหนด สำหรับค่าใช้จ่ายในการตรวจให้เป็นไปตามอัตราที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓.๑ ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะสำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา
ลาว และเมียนมา ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ฉบับที่ ..) ๓.๒ ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะสำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา
และเมียนมา ซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงานในราชอาณาจักรตามมาตรา ๖๔ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (ฉบับที่ ..) ๓.๓ รางประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะสำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา
ลาว และเมียนมา ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ...
มกราคม ๒๕๖๔ ๓.๔ ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะสำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา
ลาว และเมียนมา ซึ่งเป็นผู้ต้องกักอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
เพื่อรอการส่งกลับ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ...
มกราคม ๒๕๖๔ ๔.
ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งประชาสัมพันธ์และให้ความรู้แก่คนต่างด้าว
เรื่อง มาตรการรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคลทั้งในสถานประกอบการ
ตลอดจนยกระดับสภาพชีวิตความเป็นอยู่ในบริเวณที่พักอาศัย
และในชุมชนโดยรอบให้มีความเหมาะสม
เพื่อลดโอกาสการเกิดการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในวงกว้าง
รวมทั้งควรดำเนินการจัดเก็บข้อมูลแรงงานต่างด้าวในรูปแบบดิจิทัaลเป็นรายบุคคล และบูรณาการฐานข้อมูลระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อการติดตามตัวแรงงานต่างด้าว
และประโยชน์ในการบริหารจัดการในระยะต่อไปอย่างมีประสิทธิภาพทั้งในมิติเศรษฐกิจ
สังคม และความมั่นคง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
๕.
ให้กระทรวงแรงงานได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1776 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่แขวงขุมทอง เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร ตำบลคลองหลวงแพ่ง อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา และตำบลบางเสาธง อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. .... | คค. | 26/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในท้องที่แขวงขุมทอง เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร ตำบลคลองหลวงแพ่ง
อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา และตำบลบางเสาธง อำเภอบางเสาธง
จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในท้องที่แขวงขุมทอง เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร ตำบลคลองหลวงแพ่ง
อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา และตำบลบางเสาธง อำเภอบางเสาธง
จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อสร้างและขยายทางหลวงชนบท
สายเชื่อมระหว่างถนนขุมทอง-ลำต้อยติ่งกับทางหลวงชนบท สป. ๑๐๐๖ เพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องได้มาโดยแน่ชัด
รวมทั้งเพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่ง
อันเป็นกิจการสาธารณูปโภค ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า (๑) ก่อนการก่อสร้างทางหลวงชนบททุกเส้นทาง
ขอให้กรมทางหลวงชนบทให้ความสำคัญและตระหนักถึงแนวทางในการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดจากการก่อสร้างทางหลวงชนบทกีดขวางการไหลของน้ำตามธรรมชาติ
เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาการระบายน้ำไม่ทันและอาจก่อให้เกิดน้ำท่วมหรือเกิดอุทกภัยต่อไปในอนาคต
(๒) การเวนคืนที่ดินต้องดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส
และตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน
โดยคำนึงถึงประโยชน์ที่ทางราชการและประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ (๓) ให้กรมทางหลวงชนบทพิจารณาศึกษาปริมาณการจราจรในพื้นที่
เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วนของการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมที่อยู่ในความรับผิดชอบ
และ (๔) ให้กระทรวงคมนาคมถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี (๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๓) เรื่อง
แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการตราร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนเพื่อก่อสร้างหรือขยายถนน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1777 | หลักเกณฑ์การกำหนดสถานะและสิทธิของบุคคลที่อพยพเข้ามาและอาศัยอยู่มานาน | นร.08 | 26/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติให้ยกเลิกหลักเกณฑ์การกำหนดสถานะกลุ่มเป้าหมายตามยุทธศาสตร์การจัดการสถานะและสิทธิบุคคลตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๗ ธันวาคม ๒๕๕๓ (เรื่อง
ขออนุมัติหลักเกณฑ์การกำหนดสถานะกลุ่มเป้าหมายตามยุทธศาสตร์การจัดการปัญหาสถานะและสิทธิของบุคคล)
และอนุมัติหลักเกณฑ์การกำหนดสถานะและสิทธิของบุคคลที่อพยพเข้ามาและอาศัยอยู่มานาน
เพื่อใช้ทดแทนหลักเกณฑ์ข้างต้น ซึ่งหลักเกณฑ์ฯ ที่จัดทำขึ้นในครั้งนี้เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้รับสถานะเป็นคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมายและมีถิ่นที่อยู่ถาวรในราชอาณาจักร
รวมทั้งการให้สิทธิต่าง ๆ โดยยังคงยึดกรอบหลักการเดิมตามมติคณะรัฐมนตรี (๗ ธันวาคม
๒๕๕๓) เช่น
บุคคลที่อพยพเข้ามาจะต้องไม่สามารถกลับประเทศต้นทางหรือไม่มีจุดเกาะเกี่ยวใด ๆ
กับประเทศต้นทาง
และมีความจงรักภักดีต่อประเทศไทยและเลื่อมใสการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
แต่ได้ปรับปรุงเงื่อนไขบางประการให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
เช่น การปรับเพิ่มกลุ่มเป้าหมาย การปรับระยะเวลา จาก
อาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทยต่อเนื่องติดต่อกัน ๑๐ ปี เป็น ไม่น้อยกว่า ๑๕ ปี
และการประกอบอาชีพสุจริตจะต้องมีใบอนุญาตทำงาน/หนังสือรับรองจากนายอำเภอ เป็นต้น
ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ๒.
ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงสาธารณสุข สำนักข่าวกรองแห่งชาติ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า (๑)
ควรพิจารณาให้กลุ่มเป้าหมายที่ได้รับการกำหนดสถานะและสิทธิของบุคคลที่อพยพเข้ามาและอาศัยอยู่นาน
ที่ได้ตรวจสอบ คัดกรองข้อมูล ยืนยันความถูกต้อง และรับรองการขึ้นทะเบียนเรียบร้อยแล้ว
ให้ได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานด้านสาธารณสุข
พร้อมทั้งจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้กับกระทรวงสาธารณสุข
โดยไม่ต้องนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง (๒)
ควรให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการจัดทำรายละเอียดของรูปแบบและวิธีการสำหรับใช้ตรวจสอบหลักเกณฑ์ฯ
ที่ชัดเจนและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะหลักเกณฑ์ฯ
ที่มีความสำคัญต่อความมั่นคงของประเทศ แต่มีลักษณะเป็นนามธรรม
เพื่อให้สามารถตรวจสอบสถานะและสิทธิของบุคคลที่อพยพเข้ามาและอาศัยอยู่มานานได้ตรงตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ได้อย่างแท้จริง
รวมทั้งจะต้องมีมาตรการควบคุมตรวจสอบเพื่อป้องกันปัญหาการสวมสิทธิ์และการแสวงหาผลประโยชน์จากบุคคลที่ไม่เข้าหลักเกณฑ์อย่างเคร่งครัด
และ (๓) หลักเกณฑ์การกำหนดสถานะและสิทธิของบุคคลที่อพยพเข้ามาและอาศัยอยู่นาน
(ประเภทกลุ่มที่ได้รับการจัดทำทะเบียนประวัติตามมาตรา ๑๙/๒ และมาตรา ๓๘ วรรคสอง
แห่งพระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม)
อาจส่งผลให้ประเทศไทยเป็นเป้าหมายการอพยพของบุคคลต่างด้าวต่อไป
และเงื่อนไขของกลุ่มดังกล่าวไม่มีถ้อยคำกำหนดว่า ต้องมีความประพฤติดี
และไม่มีพฤติการณ์ที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ ซึ่งแตกต่างจากกลุ่มอื่น ๆ ที่มีถ้อยคำลักษณะดังกล่าว
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเร่งตรวจสอบข้อมูลบุคคลที่ยังไม่ได้รับการกำหนดสถานะและสิทธิเพื่อยืนยันความถูกต้องและรับรองการขึ้นทะเบียนของบุคคลกลุ่มดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1778 | การขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย และภาษีมูลค่าเพิ่ม | กค. | 26/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. รับทราบการขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย และภาษีมูลค่าเพิ่ม
เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19
ระลอกใหม่ ให้แก่ประชาชนและผู้ประกอบการโดยทั่วไป
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับแบบแสดงรายการภาษี
ภ.ง.ด. ๙๐ และ ภ.ง.ด. ๙๑ ของปีภาษี ๒๕๖๓ ที่ยื่นผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
จากเดิมภายในเดือนมีนาคม ๒๕๖๔ ออกไปเป็นภายในวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๔ ๑.๒ การขยายเวลาการยื่นแบบแสดงรายการ นำส่ง
และชำระภาษีของเดือนมกราคม ๒๕๖๔ ถึงเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๔
ที่ต้องยื่นและนำส่งหรือชำระในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ ถึงเดือนมิถุนายน ๒๕๖๔
แล้วแต่กรณี ออกไปเป็นภายในวันสุดท้ายของเดือนนั้น ๆ เฉพาะการยื่นแบบแสดงรายการ
นำส่ง และชำระภาษีผ่านระบบอินเทอร์เน็ต สำหรับแบบแสดงรายการดังต่อไปนี้ ๑.๒.๑
แบบยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามมาตรา ๕๙ แห่งประมวลรัษฎากร (ภ.ง.ด. ๑) ๑.๒.๒
แบบยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามมาตรา ๕๙ แห่งประมวลรัษฎากร (ภ.ง.ด. ๒) ๑.๒.๓
แบบยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามมาตรา ๕๙ แห่งประมวลรัษฎากร (ภ.ง.ด. ๓) ๑.๒.๔
แบบยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามมาตรา ๓ เตรส และมาตรา ๖๙ ทวิ
และการเสียภาษีตามมาตรา ๖๕ จัตวา แห่งประมวลรัษฎากร (ภ.ง.ด. ๕๓) ๑.๒.๕
แบบยื่นรายการนำส่งภาษีเงินได้นิติบุคคล และการจำหน่ายเงินกำไร ตามมาตรา ๗๐
และตามมาตรา ๗๐ ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร (ภ.ง.ด. ๕๔) ๑.๒.๖
แบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามประมวลรัษฎากร (ภ.พ. ๓๐) ๑.๒.๗.
แบบนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามประมวลรัษฎากร (ภ.พ. ๓๖)
๒.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1779 | รายงานผลการปฏิบัติตามประมวลจริยธรรมข้าราชการพลเรือน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 - 2562 และแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการขับเคลื่อนงานด้านการส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และการต่อต้านการทุจริต | นร.10 | 26/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานผลการปฏิบัติตามประมวลจริยธรรมข้าราชการพลเรือน
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๒
และเห็นชอบในหลักการแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการขับเคลื่อนงานด้านการส่งเสริมคุณธรรม
จริยธรรม และการต่อต้านการทุจริต ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ โดยข้อเสนอแนวทางฯ
สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ปรับบทบาท
ภารกิจของศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต (ศปท.) ระดับกระทรวง
โดยกำหนดให้รับผิดชอบภารกิจที่ครอบคลุมงานด้านส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม
การเสริมสร้างวินัย การส่งเสริมธรรมาภิบาล และการต่อต้านการทุจริต
และเปลี่ยนชื่อจาก “ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต (ศปท.)” เป็น
“ศูนย์ส่งเสริมจริยธรรมและต่อต้านการทุจริต (ศจท.)” ๑.๒ ปรับบทบาท
ภารกิจของกลุ่มงานคุ้มครองจริยธรรมให้เป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนงานด้านการส่งเสริมคุณธรรม
จริยธรรม การเสริมสร้างวินัย การส่งเสริมธรรมาภิบาล และการต่อต้านการทุจริต
โดยเสนอให้จัดตั้งเป็นส่วนราชการ ใช้ชื่อว่า “ศจท.” และเสนอให้มีการกำหนดกรอบอัตรากำลังในเบื้องต้น
๒-๕ อัตรา และให้ อ.ก.พ. กระทรวง หรือ อ.ก.พ. กรม
พิจารณาเกลี่ยอัตรากำลังเพื่อปฏิบัติงานในเบื้องต้น ๒-๕ อัตรา
โดยพิจารณาตามความเหมาะสม ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.
รับความเห็นของกระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงพลังงาน กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานขับเคลื่อนการปฎิรูปประเทศ
ยุทธศาสตร์ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง
สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เช่น (๑)
การกำหนดบทบาทภารกิจอำนาจหน้าที่และกรอบอัตรากำลังผู้ปฏิบัติงานด้านจริยธรรมยังไม่ชัดเจน
(๒)
ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรพิจารณาและเร่งรัดดำเนินการให้สอดคล้องตามนัยมติคณะรัฐมนตรี
(๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๙) (๓) กรณีที่กล่าวถึง ศปท. ระดับกระทรวง
ควรระบุให้ชัดเจนว่าหมายถึงส่วนราชการหรือหน่วยงานใด (๔) การให้ ศปท.
รับผิดชอบภารกิจการเสริมสร้างวินัยจะทำให้เกิดความซ้ำซ้อน และ (๕) การใช้ชื่อ
“ศปท.” มีความเหมาะสมและสะท้อนแนวนโยบายของรัฐบาลแล้ว เป็นต้น ไปพิจารณาปรับปรุงแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพฯ
ให้เหมาะสมและชัดเจนมากยิ่งขึ้น ก่อนแจ้งเวียนให้ส่วนราชการถือปฏิบัติต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1780 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุม ครั้งที่ 3/2564 | นร.11 | 26/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอขอแก้ไขข้อความในหนังสือคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ด่วนที่สุด ที่ นร ๑๑๐๖/(คกง.) ๐๒๔ ลงวันที่ ๒๕ มกราคม๒๕๖๔ ข้อ ๔.๕ หน้า ๑๒
จากเดิม “อนุมัติให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง
กำหนดเงื่อนไขการใช้จ่ายเงินที่ได้รับสนับสนุนจากรัฐภายใต้โครงการเราชนะในส่วนของการใช้ชำระค่าบริการเพิ่มเติมให้ครอบคลุมถึงการชำระค่าบริการในระบบขนส่งสาธารณะ
(ไม่รวมระบบขนส่งทางอากาศ)...” เป็น “อนุมัติให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
กระทรวงการคลัง
กำหนดเงื่อนไขการใช้จ่ายเงินที่ได้รับสนับสนุนจากรัฐภายใต้โครงการเราชนะในส่วนของการใช้ชำระค่าบริการเพิ่มเติมให้ครอบคลุมถึงการชำระค่าบริการในระบบขนส่งสาธารณะของผู้ประกอบการที่เป็นนิติบุคคล
ได้แก่ รถไฟฟ้าในเขตเมือง รถไฟ รถโดยสารประจำทางสาธารณะ และเรือโดยสารสาธารณะ
(ไม่รวมระบบขนส่งทางอากาศ)...” ๒.
รับทราบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๖๔
ซึ่งได้พิจารณาอนุมัติการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการยกระดับเกษตรกรแปลงใหญ่ด้วยเกษตรกรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาด
ของกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
อนุมัติการยกเลิกและเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการภายใต้แผนงานฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชนของจังหวัดที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ของจังหวัดหนองคาย
และอนุมัติการกำหนดเงื่อนไขการใช้จ่ายเงินที่ได้รับสนับสนุนจากรัฐภายใต้โครงการเราชนะ
ของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง
รวมทั้งรับทราบข้อมูลการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขรายละเอียดของโครงการเราเที่ยวด้วยกัน
ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
และให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
หน่วยงานรับผิดชอบโครงการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เช่น
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเตรียมความพร้อมให้ทันต่อสถานการณ์
และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความเหมาะสมของค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในทุกมิติ
ซึ่งจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ อัตราค่าใช้จ่าย และมาตรฐานของทางราชการอย่างประหยัด
ตลอดจนให้ความสำคัญกับศักยภาพและความสามารถของหน่วยงานเจ้าของโครงการ
โดยจัดให้มีระบบการติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์ เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
๓.
ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |