ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 81 จากทั้งหมด 566 หน้า แสดงรายการที่ 1601 - 1620 จากข้อมูลทั้งหมด 11307 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1601 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อป้องกันโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรและโรคระบาดร้ายแรงในสุกรหรือหมูป่า | กษ. | 06/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
เพื่อป้องกันโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรและโรคระบาดร้ายแรงในสุกรหรือหมูป่าเป็นเงินทั้งสิ้น ๑๔๐,๒๗๗,๔๒๖ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการป้องกันโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรและโรคระบาดร้ายแรงในสุกรหรือหมูป่า
ประกอบด้วย ค่าชดใช้ราคาสุกรที่ถูกทำลาย ตั้งแต่วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๖๓ ถึงวันที่
๒๒ มีนาคม ๒๕๖๔ ตามมาตรา ๑๓ (๔) แห่งพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๘
จำนวนเงิน ๙๓,๗๗๒,๒๒๖ บาท และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเกี่ยวกับการเฝ้าระวังโรคตรวจวินิจฉัยและทำลายเชื้อโรคหรือซากสัตว์
จำนวนเงิน ๔๖,๕๐๕,๒๐๐ บาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าในการดำเนินการ และให้ความสำคัญกับกระบวนการตรวจสอบสุกรให้ถูกต้องครบถ้วนตามที่ถูกทำลายจริง
และเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การบริหารงบประมาณเป็นไปด้วยความรอบคอบและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และกรมปศุสัตว์
ควรดำเนินการหารือกับสำนักงบประมาณในการพิจารณาแหล่งงบประมาณที่สามารถดำเนินการในเรื่องดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
เพื่อป้องกันความเสียหายที่เกิดจากโรคระบาดในสุกรทั้งในระดับฟาร์มและระดับประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการตรวจสอบและทำลายสุกรและหมูป่าที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคและบูรณาการป้องกันการนำเข้าหรือลักลอบนำเข้าสุกรและหมูป่าและวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่มาจากประเทศที่มีการระบาดของโรคดังกล่าวอย่างเข้มงวด
รวมทั้งให้เร่งสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีป้องกันโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรและโรคระบาดร้ายแรงในสุกรหรือหมูป่าที่ถูกต้องให้แก่เกษตรกรอย่างทั่วถึงด้วย ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1602 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 21/2564 ครั้งที่ 22/2564 และครั้งที่ 23/2564 | นร.11 | 06/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบและอนุมัติของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่
๒๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๔ ครั้งที่ ๒๒/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม
๒๕๖๔ และครั้งที่ ๒๓/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ซึ่งได้พิจารณาการใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม
ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ได้แก่ อนุมัติให้นำวงเงินเพื่อการตามมาตรการ ๕ (๒)
มาใช้เพื่อการตามมาตรการ ๕ (๑) เพิ่มเติม (ครั้งที่ ๑) จำนวน ๕,๘๗๑.๘๗๑๐ ล้านบาท
อนุมัติโครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา ๓๓
ในกิจการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
(กรุงเทพมหานครและปริมณฑล) ของสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน กรอบวงเงินจำนวน
๒,๕๑๙.๓๘๐๐ ล้านบาท
อนุมัติโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-๑๙) สำหรับบริการประชาชนในประเทศไทย เพิ่มเติมจำนวน ๑๐.๙ ล้านโดส ของกรมควบคุมโรค
กระทรวงสาธารณสุข กรอบวงเงิน ๖,๑๑๑.๔๑๒๐ ล้านบาท อนุมัติให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายโครงการกำลังใจ
เพื่อให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงและเร่งรัดการเบิกจ่ายให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด
อนุมัติให้จังหวัดตราดยกเลิกการดำเนินกิจกรรมย่อยภายใต้โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมภาคเกษตรกรรมด้วยหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
จำนวน ๕ กิจกรรม วงเงิน ๒,๕๗๘,๘๐๐ บาท อนุมัติให้จังหวัดนครสวรรค์ยกเลิกการดำเนินโครงการ
จำนวน ๓ โครงการ วงเงินรวม ๕,๖๘๔,๓๐๐
บาท
รวมถึงปรับแผนการดำเนินโครงการรายย่อยใต้โครงการส่งเสริมและพัฒนาการผลิตสินค้าเกษตรตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง
จำนวน ๒ โครงการ วงเงิน ๑๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท
และอนุมัติให้จังหวัดมหาสารคามยกเลิกการดำเนินโครงการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานรองรับความต้องการของตลาดแรงงานในอนาคต
วงเงิน ๘๕๔,๖๐๐ บาท
ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าให้หน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการที่ได้รับอนุมัติดำเนินการอย่างเคร่งครัด
และเร่งดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างตามขั้นตอนและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปอย่างโปร่งใส และตรวจสอบได้ภายใต้กรอบระยะเวลาตามที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี
รวมถึงรายงานผลการดำเนินโครงการรายเดือนตามรูปแบบและระยะเวลาที่กระทรวงการคลังกำหนดในระบบติดตามและประเมินผลแห่งชาติ
(eMENSCR) ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ในการดำเนินการโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 สำหรับบริการประชาชนในประเทศไทย เพิ่มเติม จำนวน ๑๐.๙ ล้านโดส
กระทรวงสาธารณสุขควรบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชนเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 ให้อยู่ในวงจำกัดโดยเร็วที่สุด โดยเร่งรัดการกระจายวัคซีนอย่างเป็นระบบ
รวดเร็ว ทั่วถึงและเป็นธรรม รวมทั้งให้สร้างความเข้าใจแก่ประชาชนให้มีความพร้อมในการเข้ารับการฉีดวัคซีนและการป้องกันโรคในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 ที่ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้
ให้เผยแพร่ข้อมูลผลการดำเนินการดังกล่าวต่อสาธารณชนให้ถูกต้อง ทั่วถึง
และโปร่งใสด้วย ๓. ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1603 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติและกระทรวงมหาดไทยแห่งสหพันธรัฐรัสเซียว่าด้วยการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติและความร่วมมือด้านกิจการตำรวจ | ตช. | 06/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติการจัดทำบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติและกระทรวงมหาดไทยแห่งสหพันธรัฐรัสเซียว่าด้วยการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติและความร่วมมือด้านกิจการตำรวจ (Memorandum of Understanding between the Royal
Thai Police and the Ministry of Internal Affairs of the Russian Federation on
Combating Transnational Crime and Developing Police Cooperation) เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ
ซึ่งร่างบันทึกความเข้าใจฯ ได้กำหนดแนวทางปฏิบัติตามความร่วมมือ เช่น
การแลกเปลี่ยนเจ้าหน้าที่ประสานงานจากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย
การฝึกอบรมและการฝึกอบรมระดับสูงให้แก่บุคลากรและผู้เชี่ยวชาญทั้ง ๒ ฝ่าย เป็นต้น
โดยมอบหมายให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติหรือผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมอบหมาย
เป็นผู้ลงนามบันทึกความเข้าใจดังกล่าว ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ
และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับข้อเสนอแนะของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
เกี่ยวกับประเด็นความครอบคลุมถึงปัญหาอาชญากรรมที่ส่งผลกระทบต่อคนพิการด้วย อาทิ
การจับคนมาตัดอวัยวะทำให้เป็นคนพิการ และนำมานั่งขอทาน
หรือการกระทำที่เข้าข่ายการนำคนพิการไปแสวงหาประโยชน์การค้ามนุษย์ เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติและกระทรวงมหาดไทยแห่งสหพันธรัฐรัสเซียว่าด้วยการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติและการพัฒนาความร่วมมือด้านกิจการตำรวจในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ
และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1604 | การพระราชทานอภัยโทษให้แก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2564 (ร่างพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. ....) | ยธ. | 29/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการพระราชทานอภัยโทษให้แก่ผู้ต้องราชทัณฑ์
เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ๒๘
กรกฎาคม ๒๕๖๔ เพื่อให้โอกาสแก่บุคคลเหล่านั้นกลับประพฤติตนเป็นพลเมืองดี
อันจะเป็นคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติสืบต่อไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้เพิ่มเติมโรคสมองเสื่อม
โรคปอดอุดกั้นเรื้อรังขั้นรุนแรง โรคอัมพาต โรคตับวายเรื้อรัง
โรคโลหิตจางจากโรคไขกระดูกไม่สร้างเซลล์เม็ดเลือดซึ่งต้องใช้ระยะเวลานานในการรักษาโรคดังกล่าวในทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์หรือสถานพยาบาลของกรมราชทัณฑ์
ไว้ในร่างพระราชกฤษฎีกานี้ด้วย ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ
แล้วดำเนินการต่อไปได้ และให้ถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องลับมาก ห้ามมิให้เสนอข่าว
ให้ข่าว หรือให้สัมภาษณ์ในเรื่องนี้จนกว่าพระราชกฤษฎีกาจะประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1605 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณก่อสร้างอาคารผู้ป่วยนอก 4 ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ 5,640 ตารางเมตร (รวมโครงสร้างต้านแผ่นดินไหว) โรงพยาบาลท่าโรงช้าง ตำบลท่าโรงช้าง อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี 1 หลัง | สธ. | 29/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
อนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑.๑
เพิ่มวงเงินรายการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยนอก ๔ ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ ๕,๖๔๐
ตารางเมตร (รวมโครงสร้างต้านแผ่นดินไหว) โรงพยาบาลท่าโรงช้าง ตำบลท่าโรงช้าง อำเภอพุนพิน
จังหวัดสุราษฎร์ธานี ๑ หลัง จากเดิมวงเงิน ๗๔,๐๓๐,๖๗๐ บาท เป็นวงเงิน
๗๖,๖๓๑,๘๔๒.๐๒ บาท โดยงานส่วนที่เหลือในวงเงิน ๖๓,๗๗๐,๐๐๐ บาท
ใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-พ.ศ. ๒๕๖๖ จำนวน ๖๒,๗๐๔,๘๐๐ บาท
และเงินบำรุงโรงพยาบาลท่าโรงช้างสมทบอีก จำนวน ๑,๐๖๕,๒๐๐ บาท ๑.๒ ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อสร้างดังกล่าว
จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-พ.ศ. ๒๕๕๙ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-พ.ศ. ๒๕๖๖ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุข
(สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข) รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้ดำเนินการตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วน
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ
สำหรับกรณีการยกเลิกสัญญาการก่อสร้างดังกล่าวซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการ
เห็นควรที่พิจารณาดำเนินการตามระเบียบ ข้อสัญญา และกฎมาย
ที่เกี่ยวข้องกับผู้รับจ้างอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1606 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เรื่่อง การกำหนดวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษและการกำหนดวันหยุดราชการประจำภูมิภาค รวมทั้งการเลื่อนวันหยุดชดเชยวันหยุดราชการ ประจำปี 2564 (ยกเลิกวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษในวันอังคารที่ 27 กรกฎาคม 2564) | นร. | 29/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๓ (เรื่อง การกำหนดวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษและการกำหนดวันหยุดราชการประจำภูมิภาค
รวมทั้งการเลื่อนวันหยุดชดเชยวันหยุดราชการ ประจำปี ๒๕๖๔) เห็นชอบในวันอังคารที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๔
เป็นวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษ ในปี ๒๕๖๔ นั้น
โดยที่ปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (โควิด-19)
ยังคงมีความรุนแรงอยู่อย่างต่อเนื่อง จึงมีความจำเป็นต้องดำเนินมาตรการต่าง ๆ เพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙
ดังกล่าว ให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากที่สุด
รวมถึงการให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการรวมตัวกัน
และจำกัดการเดินทางออกนอกพื้นที่พักอาศัยโดยไม่จำเป็น
ดังนั้น คณะรัฐมนตรีจึงมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้ยกเลิกวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษในวันอังคารที่ ๒๗ กรกฎาคม
๒๕๖๔
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1607 | บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งคณะทำงานร่วมด้านความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างกระทรวงดิจิทัลและเศรษฐกิจของสาธารณรัฐออสเตรียกับกระทรวงพาณิชย์ของราชอาณาจักรไทย | พณ. | 29/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งคณะทำงานร่วมด้านความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างกระทรวงดิจิทัลและเศรษฐกิจของสาธารณรัฐออสเตรียกับกระทรวงพาณิชย์ของราชอาณาจักรไทย ซึ่งร่างบันทึกความเข้าใจฯ
มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจ กาค้า และวิชาการ
ในสาขาที่มีความสนใจร่วมกัน ๑๐ สาขา ได้แก่ ๑) อุตสาหกรรมยานยนต์ ๒)
บริการด้านการบริหารจัดการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ๓) การเกษตรอินทรีย์ ๔)
เศรษฐกิจหมุนเวียน ๕) เมืองอัจฉริยะ ๖) วิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย ๗)
วิสาหกิจเริ่มต้น (Startups) ๘)
การพัฒนากำลังคน ๙) อุตสาหกรรมเครื่องจักรกล หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ และ ๑๐)
เทคโนโลยีสิ่งทอ ทั้งนี้ ร่างบันทึกความเข้าใจฯ
มิได้มีเจตนาก่อให้เกิดพันธกรณีภายใต้บังคับของกฎหมายระหว่างประเทศ
และมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าเหมาะสมสอดคล้องกับนโยบายและผลประโยชน์ของไทย
สามารถปฏิบัติได้ภายใต้กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมีการติดตามประเมินผลเป็นระยะ
เพื่อขยายไปสู่ความร่วมมือในมิติอื่นต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งคณะทำงานร่วมด้านความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างกระทรวงดิจิทัลและเศรษฐกิจของสาธารณรัฐออสเตรียกับกระทรวงพาณิชย์ของราชอาณาจักรไทยในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1608 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัลระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงการสื่อสารและสารสนเทศแห่งสาธารณรัฐสิงคโปร์ | ดศ. | 29/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัลระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งราชอาณาจักรไทย
และกระทรวงการสื่อสารและสารสนเทศแห่งสาธารณรัฐสิงคโปร์
และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมมอบหมายเป็นผู้ร่วมลงนามฝ่ายไทยในร่างบันทึกความเข้าใจฉบับดังกล่าว
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเป็นการสนับสนุนเศรษฐกิจดิจิทัลของทั้งสองประเทศให้มีความครอบคลุมและรอบด้านทั้งในมิติด้านเศรษฐกิจ
สังคม และความมั่นคง แลกเปลี่ยนนโยบาย เทคโนโลยี ข้อมูลและทรัพยากรมนุษย์
และส่งเสริมอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลตามความสนใจของแต่ละฝ่าย ซึ่งจะนำไปสู่ผลประโยชน์ร่วมกัน ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ และให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ ที่เห็นว่าไม่มีข้อขัดข้องต่อสารัตถะและถ้อยคำโดยรวมของร่างบันทึกความเข้าใจฯ
โดยได้ปรับแก้หัวข้อของวรรค ๙ ของร่างบันทึกความเข้าใจฯ จาก “Dispute Settlement” เป็น “Resolution of Differences” ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัลระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งราชอาณาจักรไทย
และกระทรวงการสื่อสารและสารสนเทศแห่งสาธารณรัฐสิงคโปร์ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1609 | หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 [Coronavirus Disease 2019 (COVID - 19)] (ฉบับที่ 4) | สธ. | 29/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบหลักเกณฑ์
วิธีการ
และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ
กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด
19 [Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)] (ฉบับที่ ๔) ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่เห็นว่าให้กระทรวงสาธารณสุขกำกับ ติดตาม
และตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณดังกล่าวให้มีประสิทธิภาพ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ
เงื่อนไข อัตราที่กำหนดและสามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน
พร้อมกับดำเนินการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ค่าใช้จ่ายของกระทรวงการคลังด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการให้ถูกต้อง
เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1610 | มาตรการบรรเทาผลกระทบต่อกลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการ อันเนื่องมาจากข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 25) | นร.11 | 29/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการของข้อเสนอมาตรการให้ความช่วยเหลือในระยะเร่งด่วน
เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่กลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการในพื้นที่สถานการณ์ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติตามข้อกำหนด
(ฉบับที่ ๒๕) และมาตรการให้ความช่วยเหลือในระยะต่อไป
เพื่อเตรียมความพร้อมในการดำเนินการมาตรการให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนและผู้ประกอบการทีได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ ที่เหมาะสม และมอบหมายให้กระทรวงการคลัง กระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมาตรการบรรเทาผลกระทบต่อกลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการอันเนื่องมาจากข้อกำหนดออกตามความในมาตรา
๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๒๕)
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพิ่มเติม
ดังนี้ ๒.๑ ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบยืนยันตัวตน
ของผู้ลงทะเบียนรับความช่วยเหลือผ่านแอปพลิเคชันถุงเงินภายใต้โครงการคนละครึ่งอย่างเป็นระบบ
โดยมีการเก็บข้อมูลอย่างครบถ้วนเป็นรายแห่งว่ามีความสอดคล้องและเป็นกลุ่มเป้าหมายตามหลักการของมาตรการฯ ๒.๒
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์ของมาตรการดังกล่าวอย่างเป็นระบบครอบคลุมในทุกมิติ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นความต่อเนื่องในการประกอบกิจการ
การจ้างแรงงานของผู้ประกอบการ ทั้งนี้ ให้เผยแพร่การดำเนินการตามมาตรการข้างต้นให้ประชาชนได้รับทราบเป็นระยะ
ๆ ด้วย ๓.
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1611 | ร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมระดับรัฐมนตรี Water Dialogues for Results Bonn 2021: Accelerating Cross - Sectoral SDG 6 Implementation | นร.14 | 29/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างสารทางการเมือง
From Dialogues to Results-Key messages for
Accelerating Cross-Sectoral SDG 6 Implementation และมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี
(พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ในฐานะกำกับการบริหารราชการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายระดับรัฐมนตรีกล่าวปาฐกถาในการประชุมระดับรัฐมนตรี
Water Dialogues for Results Bonn 2021 : Accelerating
Cross-Sectoral SDG 6 Implementation ที่จะจัดขึ้นในวันที่
๑ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยร่างสารทางการเมืองฯ
เป็นเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ ที่จะมีการรับรองโดยไม่มีการลงนาม
มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองของประเทศสมาชิกในการเร่งรัดการดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนด้านน้ำภายใต้วาระการพัฒนาที่ยั่งยืน
ค.ศ. ๒๐๓๐ ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างสารทางการเมืองฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1612 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ระลอกใหม่ | กค. | 29/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (โควิด-๑๙)
ระลอกใหม่ โดยการขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา
(โควิด-๑๙) จากเดิมวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๔ ออกไปเป็นวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๔
การปรับปรุงการดำเนินโครงการ Soft Lone ออมสินฟื้นฟูท่องเที่ยวไทย
เช่น ขยายระยะเวลาเงินกู้ ขยายระยะเวลาปลอดชำระเงินต้น ขยายระยะเวลารับคำขอสินเชื่อ
และการปรับปรุงการดำเนินโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ SMEs มีที่
มีเงิน สำหรับธุรกิจท่องเที่ยว เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและธนาคารแห่งประเทศไทย
ที่เห็นว่าควรสร้างความรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการและโครงการให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งการจัดทำประมาณการรายได้ ตลอดจนติดตาม ประเมินผลสัมฤทธิ์
และรายงานการดำเนินงานตามมาตรการและโครงการดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
และดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบ กฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป
และพิจารณาดำเนินการให้ลูกหนี้ที่มีความเปราะบางซึ่งมีข้อจำกัดในการเข้าถึงสินเชื่อจากแหล่งอื่นสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
และทบทวนหลักเกณฑ์การพิจารณาการให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ให้สอดคล้องกับสถานการณ์
เพื่อช่วยเหลือประคองธุรกิจให้อยู่รอดต่อไป
ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1613 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การออกหนังสือคนประจำเรือตามกฎหมายว่าด้วยการประมง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. .... และร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การยกเว้นข้อห้ามมิให้คนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา สามารถยื่นคำขอรับหนังสือคนประจำเรือเพื่ออยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว และทำงานกับนายจ้างในกิจการประมงทะเล ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ............... รวม 2 ฉบับ | กษ. | 29/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง
การออกหนังสือคนประจำเรือตามกฎหมายว่าด้วยการประมง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการต่ออายุหนังสือสำหรับคนต่างด้าวที่ได้รับหนังสือคนประจำเรือ
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๓ ออกไปอีก ๑ ปี
นับแต่หนังสือคนประจำเรือเดิมสิ้นอายุ
โดยแรงงานด่างด้าวที่ประสงค์จะทำงานบนเรือประมงต่อไป
จะต้องยื่นคำขอตามระยะเวลาที่กรมประมงประกาศกำหนด และร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย
เรื่อง การยกเว้นข้อห้ามมิให้คนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา
สามารถยื่นคำขอรับหนังสือคนประจำเรือเพื่ออยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว
และทำงานกับนายจ้างในกิจการประมงทะเล ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ............... รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดยกเว้นให้คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา
ลาว และเมียนมา ที่ได้รับหนังสือคนประจำเรือตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง
การออกหนังสือคนประจำเรือตามกฎหมายว่าด้วยการประมง พ.ศ. ๒๕๖๓
ที่ระยะเวลาการอนุญาตสิ้นสุดลง
แต่ไม่ได้เดินทางออกนอกราชอาณาจักรสามารถยื่นขอต่ออายุหนังสือคนประจำเรือเพื่ออยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นการชั่วคราวและทำงานกับนายจ้างในกิจการประมงทะเลได้
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. เห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ
ดังนี้ (๑) ให้กรมประมงต่ออายุหนังสือคนค้ำประกันเรือ (๒) ให้กระทรวงสาธารณสุขตรวจสุขภาพซึ่งครอบคลุมถึงการตรวจโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ และทำประกันสุขภาพคนต่างด้าว (๓) ให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจัดทำสัญญาจ้างและตรวจสอบสัญญาจ้างของคนต่างด้าว
(๔) ให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองตรวจลงตราและประทับตราอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรแก่คนต่างด้าวและจัดเก็บอัตลักษณ์บุคคล
(Biometrics)
(๕) ให้กรมการปกครองต่ออายุบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย (บัตรสีชมพู) ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1614 | รายงานผลการดำเนินงานของสถาบันการเงินเฉพาะกิจตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2564 | กค. | 29/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของสถาบันการเงินเฉพาะกิจตามมติคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๖๔ สรุปได้ ดังนี้ (๑)
ผลการดำเนินงานของมาตรการช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-๑๙) ผ่าน
SFIs เช่น มาตรการพักชำระหนี้
ได้ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้โดยการพักชำระหนี้ ด้วยการพักชำระหนี้เงินต้น และ/หรือ
ดอกเบี้ย และ/หรือ ลดอัตราดอกเบี้ย และ/หรือ ขยายระยะเวลาชำระหนี้แล้ว รวมทั้งสิ้น
๗.๕๖ ล้านราย วงเงิน ๓.๔๖ ล้านล้านบาท โดยมีลูกหนี้ที่ยังอยู่ในมาตรการ ๓.๒๓
ล้านราย วงเงิน ๑.๒๖ ล้านล้านบาท แบ่งเป็นประชาชนทั่วไป ๓.๒๑ ล้านราย วงเงิน ๑.๑๘
ล้านล้านบาท และธุรกิจ ๒๑,๓๑๐ ราย วงเงิน ๘๗,๙๔๘ ล้านบาท (๒)
มาตรการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่ประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจาก
COVID-๑๙
ที่นอกเหนือจากมาตรการสินเชื่อภายใต้พระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๔ (๓)
ผลการดำเนินงานของมาตรการสินเชื่อภายใต้พระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๔ ประกอบด้วย มาตรการสนับสนุนการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบธุรกิจ (มาตรการสินเชื่อฟื้นฟู)
วงเงิน ๒๕๐,๐๐๐ ล้านบาท และ มาตรการสนับสนุนการรับโอนทรัพย์สินหลักประกันเพื่อชำระหนี้
(มาตรการพักทรัพย์ พักหนี้) วงเงิน ๑๐๐,๐๐๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1615 | ร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมระดับสูงภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกว่าด้วยความร่วมมือสายแถบและเส้นทาง (Asia and Pacific High-Level Conference on Belt and Road Cooperation) | กต. | 22/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างเอกสารข้อริเริ่มเรื่องความเป็นหุ้นส่วนสายแถบและเส้นทางว่าด้วยความร่วมมือด้านวัคซีนโควิด-๑๙
และร่างเอกสารข้อริเริ่มเรื่องความเป็นหุ้นส่วนสายแถบและเส้นทางว่าด้วยการพัฒนาสีเขียวของการประชุมระดับสูงภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกว่าด้วยความร่วมมือสายแถบและเส้นทาง
ที่จะมีการรับรองการประชุมระดับสูงภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกว่าด้วยความร่วมมือสายแถบและเส้นทาง
(Asia and Pacific High-Level Conference on
Belt and Road Cooperation) ในวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๔
ผ่านระบบการประชุมทางไกล และมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ได้รับมอบหมายเข้าร่วมการประชุมระดับสูงภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกว่าด้วยความร่วมมือสายแถบและเส้นทาง
และร่วมให้การรับรองร่างเอกสารทั้ง ๒ ฉบับ ในการประชุมดังกล่าว โดยร่างเอกสารทั้ง
๒ ฉบับ มีสาระสำคัญ (๑) เป็นการส่งเสริมความร่วมมือด้านวัคซีนโควิด-๑๙
ผ่านการดำเนินการต่าง ๆ เช่น การประสานงานระหว่างกันด้านนโยบายกฎระเบียบวัคซีน
การสนับสนุนให้รัฐบาลและบริษัทผู้ผลิตวัคซีนให้ความช่วยเหลือด้านวัคซีนแก่ประเทศกำลังพัฒนาโดยการบริจาคหรือการส่งออกในราคาที่สามารถเข้าถึงได้
การส่งเสริมการวิจัยด้านวัคซีนร่วมกันและการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยี
การพัฒนาความเชื่อมโยงเพื่อรองรับการเคลื่อนย้ายวัคซีนข้ามพรมแดน เป็นต้น และ (๒)
เป็นการส่งเสริมความร่วมมือด้านการพัฒนาสีเขียวเพื่อนำไปสู่การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ผ่านการดำเนินการต่าง ๆ เช่น การส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม
และสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลและมีบูรณาการ การสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่การพัฒนาสีเขียวและคาร์บอนต่ำ
รวมทั้งการดำเนินการตามความตกลงปารีส
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การส่งเสริมพลังงานสีเขียวและพลังงานสะอาด
เป็นต้น ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารทั้ง ๒ ฉบับ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1616 | การเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายในการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | นร.07 | 22/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบแนวทางและขั้นตอนการเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายในการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ๒.
ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1617 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุม ครั้งที่ 20/2564 | นร.11 | 22/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติและรับทราบตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ ๒๐/๒๕๖๔
เมื่อวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๖๔ ซึ่งได้พิจารณาอนุมัติโครงการรถ Mobile
พาณิชย์...ลดราคา! ช่วยประชาชน กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ของกรมการค้าภายใน
กระทรวงพาณิชย์ อนุมัติการปรับกรอบวงเงินโครงการค่าตอบแทน เยียวยา ชดเชย
และเสี่ยงภัยสำหรับการปฏิบัติงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)
ในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ในชุมชน ของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ
กระทรวงสาธารณสุข ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๔ จากเดิม
๑,๕๗๕.๔๙๕๐ ล้านบาท เป็น ๑,๕๗๕.๔๕๙๐ ล้านบาท และอนุมัติการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการของกระทรวงสาธารณสุข
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จังหวัดนครปฐม จังหวัดพิจิตร
จังหวัดตรัง จังหวัดลำปาง จังหวัดอุดรธานี รวมจำนวน ๙ โครงการ
รวมทั้งรับทราบรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงินกู้ของแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ราย ๓ เดือน ครั้งที่ ๔ (๑ กุมภาพันธ์-๓๐ เมษายน ๒๕๖๔)
และรายงานผลการดำเนินการโครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ (๑ ตำบล
๑ มหาวิทยาลัย) ระยะ ๓ เดือน (กุมภาพันธ์-เมษายน ๒๕๖๔)
ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
และให้กระทรวงต้นสังกัดและหน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
หน่วยงานรับผิดชอบโครงการควรเตรียมความพร้อมให้ทันต่อสถานการณ์และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระยะเวลาการดำเนินการ และความเหมาะสมของค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น
รวมทั้งเร่งรัดการใช้จ่ายให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่าย
ตลอดจนให้ความสำคัญกับระบบการติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1618 | ขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า และวิชาการ (Joint Commission–JC) ไทย–สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ครั้งที่ 2 | กต. | 22/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ
การค้า และวิชาการ (Joint Commission-JC) ไทย-สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ครั้งที่ ๒ และอนุมัติให้ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ
หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนาม โดยร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ
เป็นเอกสารที่จะมีการลงนามในการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ
การค้า และวิชาการ (Joint Commission–JC) ไทย–สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ครั้งที่ ๒ ในวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๔
ผ่านระบบการประชุมทางไกล มีสาระสำคัญเป็นการบันทึกผลการประชุม ซึ่งกำหนดแนวทางการเสริมสร้างความร่วมมือทวิภาคีระหว่างรัฐบาลไทยกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในด้านต่าง
ๆ อาทิ การค้าการลงทุน พลังงาน สาธารณสุข การเกษตร ความมั่นคงทางอาหาร การท่องเที่ยว
การศึกษา วัฒนธรรม ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารดังกล่าว
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1619 | มติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2564 (ครั้งที่ 153) | พน. | 22/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. รับทราบมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๔ (ครั้งที่ ๑๕๓) เมื่อวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๔ จำนวน ๕ เรื่อง ได้แก่
(๑) แนวทางการส่งเสริมการแข่งขันในกิจการก๊าซ (ก๊าซฯ) ระยะที่ ๒ (๒)
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานก๊าซฯ
เพื่อรองรับโครงการโรงไฟฟ้าตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐ [Power Development Plan 2018 (Revision
1) : PDP 2018 (Rev.1)] (๓) หลักเกณฑ์การส่งออกเที่ยวเรือก๊าซฯ เหลว (Liquefied Natural
Gas : LNG) (Reloading) สำหรับสัญญาระยะยาวของบริษัท
ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) (๔) นโยบายการกำหนดโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าของประเทศไทย
ปี ๒๕๖๔-๒๕๖๘ และ (๕) การแต่งตั้งคณะกรรมการจัดทำแผนบูรณาการการลงทุนและการดำเนินงานเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานไฟฟ้า
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเกี่ยวกับการสนับสนุนโครงการจัดหาพลังงานไฟฟ้า
พลังงานสะอาด (พลังงานแสงอาทิตย์) และพลังงานสำรอง (ระบบกักเก็บพลังงาน)
เพื่อใช้ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก การพิจารณาความเหมาะสมในภาพรวมทั้งระบบ
เพื่อให้เกิดประโยชน์ด้านความมั่นคงทางพลังงาน ด้านการแข่งขัน
และระดับราคาที่เป็นธรรม และการพิจารณาตามขั้นตอนที่กำหนดในพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และให้ปฏิบัติตามระเบียบ กฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒.
ให้กระทรวงพลังงานและคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานพิจารณาดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ กำกับดูแลให้หน่วยงานเจ้าของโครงการ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามแนวทาง แผนงาน
และโครงการที่กำหนดไว้ให้ถูกต้อง โปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นไปตามกฎหมาย
และระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย
รวมทั้งให้ดำเนินการตามมาตรการบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนอย่างครอบคลุมและครบถ้วนด้วย ๒.๒ เร่งดำเนินการขับเคลื่อนประเด็นตามแผนการปฏิรูปประเทศด้านพลังงานให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
โดยเฉพาะมิติด้านการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและการใช้พลังงานทดแทนทั้งในหน่วยงานภาครัฐ
เอกชน และครัวเรือน เพื่อให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งให้เร่งดำเนินการศึกษากำหนดแนวทาง
หลักเกณฑ์ และแผนการดำเนินงานที่ชัดเจน เพื่อรองรับความต้องการไฟฟ้าที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นจากอุตสาหกรรมและกิจกรรมทางเศรษฐกิจใหม่
เช่น รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (Electric Vehicle) รถไฟความเร็วสูง
ตลอดจนการสนับสนุนให้ผู้ใช้ไฟฟ้าสามารถผลิตไฟฟ้าใช้เองได้ (Prosumers) เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานในระยะยาว ๒.๓ ในการเสนอเรื่องเกี่ยวกับมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติต่อคณะรัฐมนตรีในครั้งต่อ
ๆ ไป ให้ดำเนินการตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาอย่างเคร่งครัด |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1620 | การกำหนดสินค้าและบริการควบคุมตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 | พณ. | 22/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบการกำหนดสินค้าและบริการควบคุมตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ
พ.ศ. ๒๕๔๒ จำนวน ๕๑ รายการ จำแนกเป็น ๔๖ สินค้า ๕ บริการ
ตามมติคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๔
มิถุนายน ๒๕๖๔ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ
เพื่อให้สามารถปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|