ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 310 จากทั้งหมด 567 หน้า แสดงรายการที่ 6181 - 6200 จากข้อมูลทั้งหมด 11338 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
6181 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหาและการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งอย่างยั่งยืน | สสป | 19/01/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็นและ
ข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหาและการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่ง อย่างยั่งยืน และรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอความเห็น ผลการพิจารณา และ ผลการดำเนินการร่วมกับส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ สรุปได้ดังนี้ 1. การอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชายเลน 1.1 ทบทวนและยกเลิกโครงการตัดสางป่าชายเลน ส่งเสริมให้มีการอนุรักษ์ฟื้นฟูป่าชายเลน และให้ มีหน่วยงานหลักติดตามและกำกับการดำเนินโครงการที่เกี่ยวข้องกับป่าชายเลน 1.2 ปรับเปลี่ยนนโยบายโครงการจัดจ้างราษฎรเป็นรายบุคคลในการรักษาป่ามาเป็นการสนับสนุน โครงการดูแลรักษาป่าร่วมกันของชุมชนในลักษณะการจัดการป่าชุมชน 1.3 ให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งใช้อำนาจตามกฎหมายป่าไม้รวมทั้งมติคณะรัฐมนตรีที่มีอยู่ ดำเนินการระงับการไถทำลายป่าชายเลน 2. การแก้ไขผลกระทบจากการพัฒนาพื้นที่ 2.1 มีนโยบายและมาตรการเร่งด่วนในการดำเนินการจำแนกการใช้ประโยชน์ที่ดิน การจัดทำเขตคุ้ม ครองพื้นที่ธรรมชาติ การประกาศเขตควบคุมการเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่จนอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนทบทวนตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ที่ดินเพื่อให้การใช้ประโยชน์พื้นที่เป็นไปตามกฎหมาย 2.2 จัดทำแผนแม่บทการพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยวเป็นรายพื้นที่โดยประชาชนมีส่วนร่วมเพื่อควบคุมการ พัฒนาพื้นที่ให้เป็นไปตามทิศทางการพัฒนาที่ยั่งยืน 2.3 จัดให้อ่าวพังงาเป็นพื้นที่ซึ่งมีความสำคัญเร่งด่วน โดยจัดทำแผนแม่บทการท่องเที่ยวการบริหาร ท่าเรือสำราญ กำหนดเขตการใช้ประโยชน์ที่ดิน กำหนดพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม เพื่อควบคุมพื้นที่ที่มีความสำคัญ ต่อระบบนิเวศทางทะเล 2.4 กรณีทางสาธารณะบ้านยามู จังหวัดภูเก็ต มอบหมายให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการสอบ สวนกรณีการดำเนินธุรกิจของชาวต่างชาติในลักษณะจัดสรรที่ดินและซื้อขายบ้านให้กับชาวต่างชาติ 2.5 กรณีควนย่าหมี ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเกาะยาวใหญ่ และป่าสงวนแห่งชาติป่าช่องหลาด จังหวัด พังงา กรมป่าไม้ ต้องใช้อำนาจตามกฎหมายป่าไม้ดำเนินการให้มีการระงับการทำลายป่าและเปลี่ยนสภาพพื้นที่ไว้ ก่อนจนกว่ากระบวนการพิสูจน์ความชอบด้วยกฎหมายของหนังสือรับรองการทำประโยชน์จะแล้วเสร็จ 3. การแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง 3.1 จัดให้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งเป็นวาระแห่งชาติ มีความสำคัญที่ต้องดำเนินการแก้ไขอย่างจริง จังและเร่งด่วน โดยเร่งรัดให้อนุกรรมการกำกับการดำเนินกิจกรรมและจัดทำแผนหลักป้องกันและแก้ปัญหาการกัด เซาะชายฝั่ง ภายใต้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ โดยมีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นองค์ กรหลักดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์การจัดการป้องกันแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งและโครงการป้องกันการ กัดเซาะชายฝั่งทะเล โดยการมีส่วนร่วมของประชาชน และให้จังหวัดเป็นหน่วยงานหลักประสานการปฏิบัติงานใน พื้นที่ 3.2 ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมระดมความร่วมมือจากสถาบันวิชาการ รวมทั้ง ภาคประชาชน เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ มาตรการที่ควรดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งเป็นรายพื้นที่ ทั้งนี้ โดยการกระจายอำนาจการดำเนินงานสู่จังหวัด และจัดให้มีกระบวนการที่ประชาชนในท้องถิ่นสามารถเข้ามา มีส่วนร่วมในการวางแผนการดำเนินงานและการปฏิบัติการแก้ไข 3.3 การดำเนินการแก้ไขปัญหาควรจำแนกพื้นที่ที่มีปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งตามความรุนแรง ตาม ความเร่งด่วนของปัญหา เช่น พื้นที่ซึ่งการกัดเซาะชายฝั่งทะเลอยู่ในระดับวิกฤต จำนวน 30 พื้นที่ใน 17 จังหวัดควร ต้องเร่งรัดการศึกษาและจัดทำแผนแม่บทการแก้ไขปัญหารายพื้นที่ให้แล้วเสร็จในระยะเวลา 1 ถึง 2 ปี จากนั้นจึง ดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน และพื้นที่เฝ้าระวังเป็นพิเศษ ซึ่งเริ่มมีการกัดเซาะชายฝั่งทะเลจากกิจกรรมการ พัฒนาพื้นที่ชายฝั่ง และกำลังจะมีการแก้ไขปัญหาโดยโครงสร้างแบบแข็งหรือโครงสร้างทางวิศวกรรมไปปะทะคลื่น ทะเลโดยตรง ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อพื้นที่ที่ชายฝั่งทะเลต่อเนื่องไปยังบริเวณข้างเคียงที่ไม่มีปัญหาการกัด เซาะ เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||
6182 | มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่เป็นประธานกรรมการตามมติคณะรัฐมนตรี (จำนวน 10 คณะ) | นร | 19/01/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) ปฏิบัติหน้าที่ประธาน
กรรมการและรองประธานกรรมการในส่วนที่นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติเมื่อครั้งดำรง ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ดังนี้ 1. คณะกรรมการโครงการเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมในชุมชน (ต้นกล้าอาชีพ) 2. คณะกรรมการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณ 3. คณะกรรมการนโยบายมันสำปะหลัง 4. คณะกรรมการนโยบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 5. คณะกรรมการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งตะวันออก 6. คณะกรรมการ PPP 7. คณะกรรมการแก้ไขปัญหาโครงการฝายราษีไศล 8. คณะกรรมการมรดกโลก 9. คณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพธุรกิจและสินค้าฮาลาล 10. คณะกรรมการบริหารจัดการเรื่องอาหารและพลังงานเพื่อรองรับวิกฤตอาหารและพลังงานโลก
|
|||||||||||||||||||||||||||
6183 | การกำหนดสินค้าและบริการควบคุมตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 | พณ | 19/01/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการกำหนดสินค้า จำนวน 38 รายการ และบริการ จำนวน 1 รายการ รวม 39
รายการ ตามมติคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ในการประชุมครั้งที่ 1/2553 เมื่อวันที่ 15 มกรา คม 2553 เป็นสินค้าและบริการควบคุมในปี พ.ศ. 2553 ยกเว้นสินค้า 1 รายการ คือ ก๊าซธรรมชาติ (NGV) ตามที่ กระทรวงพาณิชย์เสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์เร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2552 ที่เห็นชอบตามมติคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ครั้งที่ 9/2552 เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2552 เรื่อง การกำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและ บริการ พ.ศ. 2542 ต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
6184 | การดำเนินการตามแผนพัฒนาการเมือง | นร | 12/01/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 4 กันยายน
2550 อนุมัติให้ใช้แผนพัฒนาการเมืองและให้สภาพัฒนาการเมืองที่จะจัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติสภาพัฒนาการ เมือง พ.ศ. .... เป็นองค์กรหลักในการดำเนินการตามแผนพัฒนาการเมือง และให้กระทรวง กรม องค์กร และหน่วย งานของรัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องตามที่กำหนดไว้ในแผน ฯ ดำเนินการตามกลยุทธ์ของแผนพัฒนาการเมือง ต่อมาได้มี การตราพระราชบัญญัติสภาพัฒนาการเมือง พ.ศ. 2551 ซึ่งกำหนดให้สภาพัฒนาการเมืองมีอำนาจหน้าที่ติดตาม สอดส่องและประสานงานกับส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ ราชการส่วนท้องถิ่น องค์กรภาคประชา สังคม และองค์การต่างประเทศ หรือระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มีการนำแผน ฯ ไปสู่การปฏิบัติให้เกิดผล สัมฤทธิ์อย่างเคร่งครัด จึงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
6185 | การโอนใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนบางกอกพัฒนาให้แก่มูลนิธิโรงเรียนบางกอกพัฒนา | กต | 12/01/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2506 ที่อนุมัติให้กรมวิเทศสหการรับเป็นเจ้าของโรง เรียนบางกอกพัฒนา โดยถือแนวปฏิบัติอย่างเดียวกับที่กระทรวงการต่างประเทศรับเป็นเจ้าของโรงเรียนมหาไถ่ (โรง เรียนร่วมฤดีวิเทศศึกษา) ซึ่งปัจจุบันได้โอนใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนร่วมฤดีวิเทศศึกษา ให้แก่มูลนิธิคณะสงฆ์พระมหา ไถ่แห่งประเทศไทย และได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีตามมติเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2550 แล้ว ทั้งนี้ ให้สำนัก งานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ (สพร.) กระทรวงการต่างประเทศมีอำนาจในการโอนใบอนุญาตดัง กล่าวให้แก่มูลนิธิโรงเรียนบางกอกพัฒนา ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ 2. ให้กระทรวงการต่างประเทศตรวจสอบคุณสมบัติของมูลนิธิโรงเรียนบางกอกพัฒนา ซึ่งต้องเป็นไปตาม พระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ. 2550 มาตรา 22 ก่อนด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
6186 | ความก้าวหน้าการดำเนินงานโครงการประกันรายได้เกษตรกร ณ วันที่ 25 ธันวาคม 2552 | นร | 29/12/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรม
การประสานการดำเนินงานโครงการประกันรายได้เกษตรกรเสนอ ดังนี้ 1. รับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานโครงการประกันรายได้เกษตรกร ณ วันที่ 25 ธันวาคม 2552 โดยกรมส่งเสริมการเกษตรได้รับจดทะเบียนผู้ปลูกข้าวเพิ่มขึ้น 73,513 ราย ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นการขึ้นทะเบียนผู้ปลูก ข้าว ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2552 ส่วนธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้ดำเนินการจัดทำสัญญากับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวแล้ว ร้อยละ 89.34 ของจำนวนเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียน ไว้ 3.468 ล้านราย สำหรับการทำสัญญาประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และข้าว ทาง ธ.ก.ส. ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2552 ยกเว้นมันสำปะหลังได้รับอนุมัติให้ขยายระยะเวลา ถึงวันที่ 15 มกราคม 2553 ซึ่งยังมีเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ผ่านประชาคมแล้ว แต่ยังไม่ได้ทำสัญญาอีก 4,735 ราย ข้าว 236,082 ราย และมันสำปะหลัง 15,493 ราย ตามลำดับ 2. รับทราบผลการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2552 กรณีผ่อนผันให้เกษตร กรผู้ปลูกข้าวที่ขึ้นทะเบียนหลังวันที่ 31 ตุลาคม 2552 และทำประชาคมแล้ว โดยยังมีข้าวอยู่ในมือจำนวน 38,992 ราย และในกรณีผ่อนผันการออกหนังสือรับรองเกษตรกรให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่ตกสำรวจ โดยยังมีข้าวอยู่ในมือ จำนวน 38,917 ราย นั้น คณะกรรมการ ฯ มีมติให้กรมส่งเสริมการเกษตรเสนอเรื่องดังกล่าวผ่านคณะกรรมการ นโยบายข้าวแห่งชาติพิจารณาเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้กลุ่มเกษตรกรดังกล่าวสามารถเข้าร่วมโครงการได้ใน ลักษณะเดียวกับการอนุโลมให้มันสำปะหลัง 3. เห็นชอบให้ยืนยันการใช้สิทธิในการประกันรายได้ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2552 โดยคณะกรรมการ ฯ ได้พิจารณาเห็นว่าในหลักการโครงการเป็นการประกันความเสี่ยงของเกษตรกร จากความผัน ผวนของระดับราคา ซึ่งการทำสัญญาประกันรายได้เกษตรกรสามารถเปลี่ยนแปลงวันที่ขอใช้สิทธิได้ แต่ไม่สามารถ ย้อนหลังได้ และไม่เกินระยะเวลาสิ้นสุดการขอใช้สิทธิตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว ซึ่งหากมีการผ่อนผันการขอใช้ สิทธิให้สามารถย้อนหลังได้ จะขัดต่อหลักการและวัตถุประสงค์ของโครงการ รวมทั้งก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมต่อ เกษตรกรโดยรวม
|
|||||||||||||||||||||||||||
6187 | สัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติแหล่งซอติก้าจากประเทศสหภาพพม่า ตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 7/2552 (ครั้งที่ 129) | พน | 29/12/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในการประชุมครั้งที่
7/2552 (ครั้งที่ 129) เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2552 ที่ได้ให้ความเห็นชอบร่างสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติแหล่งซอ ติก้า จากประเทศสหภาพพม่า โดยมอบหมายให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ลงนามในสัญญาซื้อขายก๊าซธรรม ชาติแหล่งซอติก้า เมื่อร่างสัญญา ฯ ได้ผ่านการตรวจพิจารณาจากสำนักงานอัยการสูงสุดแล้ว และเห็นชอบเงื่อนไข การระงับข้อพิพาทโดยวิธีการอนุญาโตตุลาการในสัญญา ฯ ดังกล่าว ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ทั้งนี้ ให้ยกเว้น การปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2552 (เรื่อง การทำสัญญาระหว่างหน่วยงานของรัฐกับเอก ชน) เป็นการเฉพาะราย
|
|||||||||||||||||||||||||||
6188 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงยุติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 29/12/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัด
กระทรวง กระทรวงยุติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามแนวปฏิบัติในการเสนอร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราช การภายในกรม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2549 โดยส่งร่างกฎกระทรวงดังกล่าวให้ ก.พ.ร. พิจารณาภายใน 2 สัปดาห์ แล้วส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
6189 | การขอผ่อนผันการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี | ยธ | 29/12/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ 1.1 ขยายระยะเวลาการจัดซื้ออาหารสด (ปลา สัตว์น้ำ เนื้อสัตว์ พืชผัก) และวัสดุสำหรับปรุงอาหาร ด้วยวิธีการเดิมออกไปอีก 3 เดือน (วันที่ 1 มกราคม-31 มีนาคม 2553) ของกรมราชทัณฑ์ 1.2 ขยายระยะเวลาการทดลองนำร่องการซื้อ-ขายผลไม้ ระหว่างกรมราชทัณฑ์กับกรมส่งเสริมการ เกษตร ออกไปอีก 3 เดือน (วันที่ 1 มกราคม-31 มีนาคม 2553) โดยเพิ่มพื้นที่จังหวัดนำร่องให้ครอบคลุมทั่วทั้ง ประเทศ กำหนดให้เกษตรกรสามารถจัดส่งผลไม้ข้ามพื้นที่และข้ามจังหวัดได้ อีกทั้งยังขยายประเภทผลไม้ให้ครอบ คลุมถึงพืชอื่นที่รับประทานแทนผลไม้ได้ เช่น แห้ว มันแกว ข้าวโพด อ้อย มันเทศ เผือก และถั่วลิสง เป็นต้น รวมถึง ประชาสัมพันธ์เพิ่มจำนวนเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการให้มากขึ้น เพื่อประโยชน์ในการศึกษาผลลัพธ์และผลกระทบ ที่แตกต่างกันออกไปตามสภาพทางภูมิศาสตร์ 2. ส่วนการขอยกเว้นการดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และ ที่แก้ไขเพิ่มเติมข้อ 22 วรรคสอง นั้น ให้กระทรวงยุติธรรมรับไปเสนอขออนุมัติต่อคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุต่อ ไป |
|||||||||||||||||||||||||||
6190 | สรุปผลการหารือปรับปรุงร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจค้าปลีกหรือค้าส่ง พ.ศ. .... | นร | 22/12/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบสรุปผลการหารือปรับปรุงร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจค้าปลีกหรือค้าส่ง พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานผู้แทนการค้าไทยเสนอ ซึ่งได้พิจารณาในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ ประเภทของธุรกิจที่ต้องขออนุญาต การจัดตั้งกองทุนส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการรายเล็กดั้งเดิม (โชห่วย) อำนาจหน้าที่ในการพิจารณาอุทธรณ์ และสัญญาประกอบธุรกิจค้าปลีกหรือค้าส่งที่ไม่เป็นธรรม เป็นต้น สำหรับประเด็นข้อหารือกรณีสำนักงานผู้แทน การค้าไทยกำหนดให้มีคณะกรรมการกลางชุดเดียวในการดำเนินการตามร่างพระราชบัญญัติ ฯ ในขณะที่กระทรวง พาณิชย์เสนอร่างที่ให้มีคณะกรรมการกลางและคณะกรรมการประจำจังหวัด นั้น ควรเห็นให้มีคณะกรรมการกลาง เพียงคณะเดียว โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน 2. ให้ส่งร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจค้าปลีกหรือค้าส่ง พ.ศ. .... ฉบับของสำนักงานผู้แทนการ ค้าไทย และฉบับของกระทรวงพาณิชย์ ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณารวมเป็นฉบับเดียว โดย ให้แก้ไขปรับปรุงตามมติคณะรัฐมนตรีในข้อ 1 และรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ.ร. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักงานคณะกรรมการ คุ้มครองผู้บริโภค กระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับ ขอบเขตการบังคับใช้กฎหมายควรอยู่บนหลักความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย และให้มีมาตรการส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจ ค้าปลีกหรือค้าส่งรายย่อยภายในชุมชนดั้งเดิมให้มีความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น รวมทั้งระยะเวลาในการเปิด บริการไว้ให้ชัดเจน เพื่อให้การประกอบอาชีพของประชาชนในชุมชนที่เกี่ยวกับการค้าขายเครื่องอุปโภคบริโภคจะได้ มีโอกาสในการแบ่งสัดส่วนในทางการตลาด นอกจากนี้ ควรมีมาตรการที่เคร่งครัดในการป้องกันการทุ่มตลาดของ ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกหรือค้าส่ง และการควบคุมการขยายตัวทางธุรกิจการค้าปลีกหรือค้าส่งให้มีความเหมาะสม กับสภาพชุมชนในแต่ละพื้นที่ ตลอดจนกำหนดสถานที่ตั้งให้เหมาะสมและไม่ก่อให้เกิดปัญหาจราจรติดขัดซึ่งนำไปสู่ ปัญหามลพิษทางอากาศและเสียง และการสิ้นเปลืองพลังงาน เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วเสนอคณะ รัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง |
|||||||||||||||||||||||||||
6191 | การติดตามการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (เรื่อง โครงการศูนย์การเรียนสำหรับเด็กเจ็บป่วยเรื้อรังในโรงพยาบาล) | ศธ | 22/12/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการรายงานผลการติดตามการดำเนินโครงการศูนย์การ
เรียนสำหรับเด็กเจ็บป่วยเรื้อรังในโรงพยาบาล ครั้งที่ 3 ข้อมูล ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2552 สรุปได้ดังนี้ ในปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2552 (เดือนมิถุนายน-กันยายน 2552) ได้จัดตั้งศูนย์การเรียน 17 ศูนย์การเรียน สามารถให้ บริการทางการศึกษาแก่เด็กเจ็บป่วยเรื้อรังในโรงพยาบาลเฉลี่ยประมาณเดือนละ 1,100 คน โดยงบประมาณที่ ใช้จ่ายได้เจียดจ่ายจากงบประมาณจากกิจกรรมโรงเรียนแกนนำจัดการเรียนร่วมของสำนักงานคณะกรรมการการ ศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จำนวน 4,573,386 บาท ใช้ไปแล้วจำนวน 4,515,682.23 บาท สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 (แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2 : 2553) เฉพาะค่าจ้างครูปฏิบัติการสอนในศูนย์การเรียนเดิม 17 ศูนย์ และศูนย์การเรียนใหม่ 12 ศูนย์การเรียน รวมเป็น 29 ศูนย์การเรียน
|
|||||||||||||||||||||||||||
6192 | การรับซื้อข้าวเปลือกอายุสั้นตามโครงการแทรกแซงตลาดรับซื้อข้าวเปลือก ปี 2552/53 | พณ | 22/12/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับแก้ไขการรับซื้อข้าวเปลือกอายุสั้นตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3
พฤศจิกายน 2552 ที่กำหนดให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) รับซื้อข้าว เปลือกเจ้า 10% ตันละ 8,189 บาท ข้าวเปลือกเจ้า 25% ตันละ 7,789 บาท เป็น "ให้ อคส. และ อ.ต.ก. รับ ซื้อข้าวเปลือกอายุสั้นตามโครงการแทรกแซงตลาดรับซื้อข้าวเปลือก ปี 2552/53 โดยปรับราคาลดลงจากเกณฑ์ กลางอ้างอิงข้าวเปลือกเจ้า ณ ความชื้นไม่เกิน 15% ตามที่คณะอนุกรรมการกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการ ประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวประกาศ เพื่อใช้ในแต่ละช่วงเวลา โดยข้าวเปลือกเจ้าชนิด 10% มีราคาปรับลด ลงตันละ 200 บาท และข้าวเปลือกเจ้าชนิด 25% มีราคาปรับลดลง ตันละ 600 บาท" ตามที่กระทรวงพาณิชย์ เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
6193 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา พ.ศ. .... | พณ | 22/12/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการ ปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจ สอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้ตัดความในร่างข้อ 4 ที่กำหนดให้ บรรดาระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง หรือมติคณะรัฐมนตรีใดที่กำหนดไว้แล้ว หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับระเบียบ นี้ ให้ใช้ระเบียบนี้แทน ออก โดยร่างระเบียบ ฯ มีสาระสำคัญคือ 1.1 กำหนดนิยามคำว่า "ทรัพย์สินทางปัญญา" หมายความว่าลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร เครื่องหมายการ ค้า แบบผังภูมิของวงจรรวม สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ และความลับทางการค้า 1.2 กำหนดบทบัญญัติกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา รวม 30 ฉบับ 1.3 กำหนดหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา รวม 22 หน่วยงาน มีอำนาจหน้าที่ประสานการดำเนินการในลักษณะบูรณาการ เพื่อการป้องปรามการละเมิดทรัพย์สิน ทางปัญญา 1.4 ให้มีคณะกรรมการบริหารกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา เรียกโดยย่อว่า "คป.ทป." มีอำนาจหน้าที่กำหนดนโยบาย แผนแม่บท มาตรการและดำเนินการบริหารกฎหมาย ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา 2. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงยุติธรรม ที่เห็นควรเพิ่มเติมสำนักงานปลัดกระทรวง มหาดไทย กรมการปกครอง และกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการละ เมิดทรัพย์สินทางปัญญา และให้เพิ่มปลัดกระทรวงมหาดไทยหรือผู้แทนเป็นกรรมการในคณะกรรมการ คป.ทป. และความเห็นของกระทรวงศึกษาธิการ ที่เห็นควรเพิ่มเติมสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษาเป็นหน่วยงานของ รัฐที่เกี่ยวข้องกับการป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อให้ครอบคลุมหน่วยงานที่มีหน้าที่เกี่ยวกับการ เสนอนโยบาย แผน และมาตรฐานการศึกษา และการสนับสนุนทรัพยากรเพื่อการศึกษาตามพระราชบัญญัติการ ศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงอุตสาหกรรม เกี่ยวกับการกำหนดให้กฎหมายว่าด้วย มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเป็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และ เพิ่มสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเป็นหน่วยงานหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการป้องปรามการละเมิดทรัพย์ สินทางปัญญา ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||
6194 | แก้ไขคู่มือการดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว (รอบที่ 1) | พณ | 22/12/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอมติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.)
เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2552 ซึ่งมอบหมายให้ปรับปรุงคู่มือการดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนา ปี ปีการผลิต 2552/53 (รอบที่ 1) ในข้อ 8.1 กรณีผ่อนผันให้เกษตรกรเข้าร่วมโครงการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ วันที่ 24 พฤศจิกายน 2552 ที่มอบหมายให้ ธ.ก.ส. ตรวจสอบว่าเกษตรกรที่ได้จำหน่ายข้าวเปลือกไปก่อนวันที่ 1 ตุลาคม 2552 และได้รับการขึ้นทะเบียนเกษตรกรและทำประชาคมแล้ว หากเกษตรกรดังกล่าวไม่ได้ใช้สิทธิเข้าร่วม โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2552 ให้สามารถใช้สิทธิเข้าร่วมโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว นาปี ปีการผลิต 2552/53 ได้ โดยเกษตรกรที่ไม่ได้ใช้สิทธิเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังในที่นี้ให้หมาย ถึงเฉพาะการเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ในช่วงที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2552 และ 29 กันยายน 2552 ที่ให้ขยายระยะเวลารับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2552 ออกไปตั้งแต่ 1 กันยายน-15 ตุลาคม 2552 เท่านั้น
|
|||||||||||||||||||||||||||
6195 | การทบทวนระบบบริหารจัดการนมโรงเรียน | กษ | 15/12/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการแนวทางการทบทวนระบบบริหารจัดการนมโรงเรียน ตามมติคณะกรรมการโคนม และผลิตภัณฑ์นม ครั้งที่ 8/2552 เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2552 และครั้งที่ 9/2552 เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2552 ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ส่วนการให้ทุกหน่วยงานที่ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลเพื่อจัดซื้ออาหาร เสริมนมโรงเรียนจัดซื้อจากองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทยซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ โดยวิธีกรณีพิเศษ นั้น ให้คณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษของหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2552 [เรื่อง คณะกรรมการต่างๆ ที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง (กระทรวงการคลัง)] รับไปพิจารณาประเด็นดังกล่าว แล้ว ดำเนินการต่อไปได้ 2. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ สำนักงบประมาณ และสำนักงาน คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรวางระบบการบริหารจัดการให้รัดกุมในเรื่องการรับ ซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกร การตรวจสอบคุณภาพน้ำนมดิบ การตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์นม การรับมอบและ ส่งสินค้าให้ทันกับความต้องการ และการจัดระบบการเงินให้มีความคล่องตัว รวมทั้งศึกษาผลกระทบต่อผู้ประกอบ การรายอื่น ๆ ที่ไม่เข้าร่วมโครงการ ราคาผลิตภัณฑ์นมตามกลไกราคาตลาด และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง นอกจาก นี้ ควรจัดระบบบริหารจัดการนมโรงเรียนทั้งในเรื่องการตรวจสอบคุณภาพน้ำนมดิบและนมโรงเรียนให้ครอบคลุม ทั่วทั้งประเทศ การปรับลดราคากลางการจำหน่ายนมโรงเรียน และลดต้นทุนการผลิตจากการปรับระบบการชำระ เงินค่านมโรงเรียน และการจัดการด้านโลจิสติกส์ได้อย่างแท้จริง ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
6196 | ขอแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2552 เรื่อง การใช้สิทธิประกันรายได้ของเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังและเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ | พณ | 15/12/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบปรับแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2552 ซึ่งเห็นชอบให้
ปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์วิธีดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ปี 2552/53 ในส่วนของ ระยะเวลาใช้สิทธิประกัน จากเดิม "ให้เกษตรกรใช้สิทธิการประกันได้ทันทีนับถัดจากวันทำสัญญาและต้องไม่เกิน วันที่ 31 พฤษภาคม 2553 และให้ใช้เป็นแนวทางเดียวกันกับการใช้สิทธิของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีการผลิต 2552/53 ให้ใช้สิทธิประกันได้ทันทีนับถัดจากวันทำสัญญาและต้องไม่เกินวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2553 ทั้งนี้ ให้ระยะเวลา ธ.ก.ส. ตรวจสอบก่อนจ่ายเงินได้ไม่เกิน 15 วัน" ปรับแก้เป็น "ให้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ใช้สิทธิประกันได้ทันทีในวันทำสัญญา และต้องไม่เกินวันที่ 31 พฤษภาคม 2553 และให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพด เลี้ยงสัตว์ใช้สิทธิประกันได้ทันทีในวันทำสัญญาและต้องไม่เกินวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2553 ทั้งนี้ ให้ระยะเวลา ธ.ก.ส. ตรวจสอบก่อนจ่ายเงินได้ไม่เกิน 15 วัน" เพื่อให้เกษตรกรได้รับประโยชน์จากมาตรการประกันรายได้ตาม เจตนารมณ์ของรัฐบาล ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ) ประธานกรรมการนโยบายมันสำปะ หลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
6197 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 | นร | 15/12/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้
1. อนุมัติให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อหนี้ผูกพันที่มีวงเงิน รวมไม่เกิน 1,000 ล้านบาท จำนวน 416 รายการ เป็นเงินงบประมาณของปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 จำนวน 3,270.7 ล้านบาท และเป็นภาระผูกพันงบประมาณรวมทั้งสิ้นจำนวน 28,196.4 ล้านบาท สำหรับรายการก่อ หนี้ผูกพันข้ามปีที่มีวงเงินรวมเกิน 1,000 ล้านบาทขึ้นไป จำนวน 5 รายการ ประกอบด้วย กระทรวงคมนาคม 1 รายการ กระทรวงมหาดไทย 2 รายการ ส่วนราชการไม่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวง หรือทบวง 1 ราย การ และหน่วยงานขององค์กรตามรัฐธรรมนูญ 1 รายการ รวมงบประมาณทั้งสิ้น 7,535.2 ล้านบาท ให้ส่วน ราชการและรัฐวิสาหกิจเจ้าของเรื่องดำเนินการตามระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2534 และ ที่แก้ไขเพิ่มเติม และนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติเป็นกรณี ๆ ไปอีกครั้งหนึ่ง 2. อนุมัติให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ ที่ไม่สามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2552 สามารถก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณได้ 3. รายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่เสนอครั้งนี้ หากเป็นรายการผูกพันที่ต้องจ่ายในรูปของเงินตรา ต่างประเทศ เช่น รายการค่าเช่าบ้าน ค่าเช่าอาคารสำนักงาน และค่าเช่าทรัพย์สินในต่างประเทศ ฯลฯ ให้สำนัก งบประมาณพิจารณาอนุมัติวงเงินผูกพันที่เปลี่ยนแปลงไปจากที่ได้รับอนุมัติ เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนในกรณีที่ ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ สามารถปรับแผนการใช้จ่ายจากงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรได้ โดยไม่ต้อง เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบอีก
|
|||||||||||||||||||||||||||
6198 | ขออนุมัติใช้งบประมาณและยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรืออเนกประสงค์คลองใหญ่ จังหวัดตราด | คค | 15/12/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรืออเนกประสงค์คลองใหญ่ จังหวัดตราด โดย ให้ใช้จ่ายจากเงินภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2552 (เรื่อง ขอความเห็นชอบเพื่อใช้งบกลางปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 โครงการก่อสร้างท่าเทียบเรืออเนกประสงค์คลอง ใหญ่ จังหวัดตราด) ต่อไป 2. ให้กระทรวงคมนาคมประสานกับกระทรวงการคลังเพื่อพิจารณาความเป็นไปได้และทางเลือกรูปแบบ ที่เหมาะสมในการให้ภาคเอกชนเป็นผู้ดำเนินโครงการดังกล่าว หรืออาจพิจารณาความเป็นไปได้ในการใช้กลไกกอง ทุนโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund) โดยให้ดำเนินการตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และนำเสนอ ตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
|
|||||||||||||||||||||||||||
6199 | โครงการผลิตครูพันธุ์ใหม่ | ศธ | 08/12/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบและอนุมัติให้ดำเนินการโครงการผลิตครูพันธุ์ใหม่ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ 2. อนุมัติในหลักการค่าใช้จ่ายของโครงการผลิตครูพันธุ์ใหม่ โดยให้เบิกจ่ายในลักษณะเงินอุดหนุนทั่ว ไป และใช้อัตราค่าใช้จ่ายเป็นทุนการศึกษาและงบดำเนินการในการผลิตบัณฑิตในหลักสูตรครูระดับปริญญาตรี (หลักสูตร 5 ปี) และหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู (หลักสูตร 1 ปี) ตามที่กระทรวงศึกษาธิการ เสนอ ในส่วนงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการ ฯ ในช่วงปี พ.ศ. 2554-พ.ศ. 2563 ในวงเงิน 4,235 ล้านบาท ให้กระทรวงศึกษาธิการขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมตาม ความเห็นของสำนักงบประมาณ 3. อนุมัติอัตราที่จะบรรจุนักศึกษาที่จบตามเกณฑ์ของโครงการครูพันธุ์ใหม่ และโครงการผลิตครูภาย ใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 เป็นอัตราเกษียณอายุราชการของข้าราชการครูที่ได้รับคืนให้แก่กระทรวง ศึกษาธิการในอัตราเกษียณร้อยละ 100 โดยให้ยกเว้นการพิจารณาให้ความเห็นชอบจากคณะกรรมการกำหนด เป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐเพื่อให้มีผลการได้รับอัตราคืน ณ วันที่ 1 ตุลาคม ของทุกปี ใช้ดำเนินการ บรรจุนักศึกษาทุนได้ทันกับระยะเวลาที่นักศึกษาทุนสำเร็จการศึกษาโดยบรรจุนักศึกษาทุนตามเงื่อนไขการผลิต ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ทั้งนี้ โดยยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2551 (เรื่อง รายงานผลการศึกษาเรื่องสภาวะการขาดแคลนครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษาและข้อเสนอ แนวทางแก้ไข) 4. เห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินงาน จำนวน 2 ชุด ได้แก่ คณะกรรมการบริหารโครงการ ผลิตครูพันธุ์ใหม่ และคณะกรรมการคัดเลือกสถาบันฝ่ายผลิตและนักศึกษาทุนโครงการผลิตครูพันธุ์ใหม่ ทำหน้า ที่บริหารจัดการโครงการให้บรรลุเป้าหมายตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ โดยในส่วนของคณะกรรมการบริหารโครง การ ฯ ให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์) เป็นประธานกรรมการ |
|||||||||||||||||||||||||||
6200 | ความก้าวหน้าการดำเนินงานโครงการประกันรายได้เกษตรกร (ณ วันที่ 4 ธันวาคม 2552) | นร | 08/12/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการ ประสานการดำเนินงานโครงการประกันรายได้เกษตรกรเสนอ 1.1 ความก้าวหน้าการดำเนินงานโครงการประกันรายได้เกษตรกร ณ วันที่ 4 ธันวาคม 2552 1.2 การแก้ไขปัญหาความผิดพลาดของข้อมูลใบรับรองเกษตรกร 1.3 การติดตามประเมินผลการดำเนินงานโดยคณะอนุกรรมการติดตาม ฯ 2. การทำสัญญาของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และมันสำปะหลัง กับ ธ.ก.ส. ให้คงระยะ เวลาไว้ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2552 (เรื่อง ความก้าวหน้าของโครงการประกันรายได้เกษตรกร ณ วันที่ 26 ตุลาคม 2552) คือ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และมันสำปะหลัง ให้ดำเนินการทำสัญญากับ ธ.ก.ส. ให้แล้วเสร็จ ภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2552 และข้าวให้ดำเนินการทำสัญญากับ ธ.ก.ส. ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 15 ธันวา คม 2552 3. เห็นชอบแนวทางการใช้สิทธิในโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวภาคใต้ ตามที่เลขาธิการ คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการประสานการดำเนินงานโครงการ ฯ เสนอ 4. ให้เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการประสานการ ดำเนินงานโครงการ ฯ สรุปผลการดำเนินงานโครงการ ฯ นำเสนอคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า
|
.....