ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 302 จากทั้งหมด 567 หน้า แสดงรายการที่ 6021 - 6040 จากข้อมูลทั้งหมด 11338 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
6021 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2551 เรื่อง โครงการสร้างโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ยุคที่ 3 | ทก | 28/09/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบให้บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) (บมจ.ทีโอที) ทบทวนแผนธุรกิจโครงการสร้างโครงข่าย โทรศัพท์เคลื่อนที่ยุคที่ 3 และเปลี่ยนแปลงวิธีการประกวดราคาสากลเป็นวิธีการประกวดราคาทั่วไป ภายในประเทศ ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการ บมจ.ทีโอที เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2553 ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื่อสารเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสา รเร่งรัดติดตามให้ บมจ.ทีโอที จัดทำแผน บริหารความเสี่ยงให้ชัดเจน เพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่าย และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและติดตามประเด็นปัญหาที่ อาจจะเกิดขึ้นจากการปฏิบัติตามกฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวข้องทั้งที่มีอยู่ในปัจจุบัน และที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต 2. ให้ บมจ.ทีโอที รับความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการพิจารณาข้อเสนอเพื่อจูงใจให้เอกชนมา ใช้บริการโครงข่ายของ บมจ.ทีโอที แทนที่เอกชนจะลงทุนเอง การกำหนดแผนกลยุทธ์ที่ชัดเจนในการหาพันธมิตร ทางธุรกิจหรือผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่บนเครือข่ายเสมือน (Mobile Virtual Network Operator : MVNO) มาใช้ โครงข่ายได้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการคำนึงถึงนโยบายการใช้ทรัพยากรร่วมกันระหว่างรัฐวิสาหกิจ โดยเฉพาะระบบ สื่อสัญญาณประเภทโครงข่าย Fiber Optic ที่สามารถใช้ร่วมกับรัฐวิสาหกิจอื่น ๆ ได้ เพื่อลดการลงทุนที่ซ้ำซ้อนของ รัฐวิสาหกิจ และการสร้างโครงข่ายให้ทันกับการเปิดให้บริการของผู้ได้รับใบอนุญาตของคณะกรรมการกิจการโทร คมนาคมแห่งชาติ (กทช.) สำหรับแหล่งเงินทุนของโครงการ ควรพิจารณาจัดหาแหล่งเงินลงทุนในรูปของเงินกู้ระยะ ยาวเพื่อให้สอดคล้องกับระยะเวลาการดำเนินโครงการ และอัตราผลตอบแทนทางการเงินของโครงการโดยกระทรวง การคลังจะไม่ค้ำประกันเงินกู้ดังกล่าว เนื่องจาก บมจ.ทีโอที เป็นรัฐวิสาหกิจที่ดำเนินกิจการด้านบริการสื่อสารโทร คมนาคมแบบครบวงจรตอบสนองความต้องการครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายและการลงทุนโครงการส่วนใหญ่มุ่งหวัง ผลตอบแทนเชิงพาณิชย์ และความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ให้ บมจ. ทีโอที เร่งปรับโครงสร้างองค์กร จัดเตรียมความพร้อมของบุคลากร รวมทั้งพิจารณารูปแบบการบริหารจัดการโครง ข่ายให้มีประสิทธิภาพรวมทั้งเน้นการใช้ประโยชน์และสร้างรายได้จากโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นและสิ่งอำนวยความ สะดวกด้านโทรคมนาคมที่มีอยู่ ตลอดจนลดต้นทุนค่าใช้จ่ายเพื่อลดความเสี่ยงทางธุรกิจและเพิ่มความสามารถในการ แข่งขันซึ่งจะมีส่วนช่วยให้ บมจ.ทีโอที สามารถพึ่งพาตนเองได้ในระยะต่อไป และช่วยลดการลงทุนซ้ำซ้อนในโครงข่าย 3G ในภาพรวมของประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
6022 | งบประมาณเพื่อสนับสนุนโรงเรียนอนุบาลทีปังกรรัศมีโชติเป็นกรณีพิเศษ | ศธ | 28/09/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบ
ประมาณ พ.ศ. 2553 ในแผนงานเสริมสร้างรายได้พัฒนาคุณภาพชีวิตและความมั่นคงด้านสังคม โครงการสนับ สนุนการจัดการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 15 ปี กิจกรรมสนับสนุนการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานของโรงเรียน เอกชน จากเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 70,800,000 บาท ไปตั้งจ่ายเป็น เงินอุดหนุนโรงเรียนอนุบาลทีปังกรรัศมีโชติในแผนงานขยายโอกาสและพัฒนาการศึกษา ผลผลิตนักเรียนโรง เรียนเอกชนที่ได้รับการอุดหนุน กิจกรรมพัฒนาบุคลากร/ผู้เรียนและโรงเรียนเอกชน ตามที่กระทรวงศึกษาธิ การเสนอ โดยดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งระเบียบว่า ด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติมต่อไปด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||
6023 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลทุ่งใส ตำบลสี่ขีด ตำบลสิชล อำเภอสิชล และตำบลควนทอง อำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... | กษ | 28/09/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลทุ่งใส ตำบลสี่ขีด ตำบลสิชล อำเภอ สิชล และตำบลควนทอง อำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลทุ่งใส ตำบลสี่ขีด ตำบลสิชล อำเภอสิชล และตำบลควนทอง อำเภอขนอม จังหวัด นครศรีธรรมราช ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวง เกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ 2. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับกรณีร่าง พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ มีแนวเขตปฏิรูปที่ดินบางส่วนอยู่ในพื้นที่ที่ควรสงวนไว้ไม่นำไปปฏิรูปที่ดิน ฉะนั้น เพื่อให้ การดำเนินการในเรื่องนี้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายและมติคณะรัฐมนตรี สมควรที่สำนักงานการปฏิรูปที่ ดินเพื่อเกษตรกรรมต้องประสานกับกรมป่าไม้ เมื่อจะเข้าดำเนินการปฏิรูปที่ดินในพื้นที่ควรสงวนไว้ไม่นำไปปฏิรูป ที่ดิน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||
6024 | ผลการประกวดราคางานโยธาสัญญาที่ 1 - 5 โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง - บางแค และช่วงบางซื่อ - ท่าพระ ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย | คค | 28/09/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบตามที่กระทรวงคมนาคม โดยการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) รายงาน ผลการประกวดราคางานโยธาสัญญาที่ 1-5 โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค และช่วงบาง ซื่อ-ท่าพระ วงเงินรวม 51,747,622,964.25 บาท ซึ่งต่ำกว่ากรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2552 อนุมัติไว้จำนวน 52,460,000,000 บาท ทั้งนี้ การประกวดราคาดังกล่าวได้ดำเนินการตาม หลักเกณฑ์การประกวดราคานานาชาติและข้อบังคับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2546 และคณะกรรมการ รฟม. ได้มีมติเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2553 อนุมัติให้ว่าจ้างผู้รับจ้างดำเนินการใน แต่ละสัญญา ประกอบด้วย บริษัท Italian-Thai Development PCL. เป็นผู้รับจ้างงานโยธา สัญญาที่ 1 ในวงเงิน 11,441,075,580.00 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) บริษัท Ch.Karnchang PCL. เป็นผู้รับจ้างงานโยธา สัญญาที่ 2 ในวงเงิน 10,687,643,224.84 บาท (รวมภาษีมูลค่า) กลุ่มบริษัท SH-UN Joint Venture เป็นผู้รับจ้างงาน โธยา สัญญาที่ 3 ในวงเงิน 11,284,776,250.41 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) บริษัท Sino-Thai Engineering & Construction PCL. เป็นผู้รับจ้างงานโยธา สัญญาที่ 4 ในวงเงิน 13,334,993,000.00 บาท (รวมภาษีมูลค่า เพิ่ม) และบริษัท Ch.Karnchang PCL. เป็นผู้รับจ้างงานโยธา สัญญาที่ 5 ในวงเงิน 4,999,134,909.00 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) และให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาดำเนินการตรวจสอบและกำกับติดตามการดำเนินโครง การรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค และช่วงบางซื่อ-ท่าพระ (สัญญาที่ 1-5) ของ รฟม. ให้เป็นไป อย่างถูกต้องตามข้อกฎหมาย ระเบียบหลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป 2. คณะรัฐมนตรีมีข้อสังเกตว่า ปัจจุบันค่าเงินบาทได้มีอัตราที่แข็งขึ้นกว่าช่วงเวลาที่คณะรัฐมนตรีได้มี มติอนุมัติกรอบวงเงินโครงการฯ ไว้เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2552 กระทรวงคมนาคมจึงควรรับไปพิจารณาความ เป็นไปได้ในการเจรจาต่อรองกับผู้ประกอบการในขั้นการจัดทำสัญญาให้สะท้อนกับค่าเงินบาทในปัจจุบันด้วย
|
|||||||||||||||||||||
6025 | รายงานผลการติดตามการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีโดยคณะกรรมการประสานงานและขับเคลื่อนการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี (รายงานครั้งที่ 4) | นร | 28/09/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการประสานงานและขับเคลื่อนการดำเนินงานตามมติคณะ
รัฐมนตรี (ปคค.) เสนอรายงานผลการติดตามการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีโดย ปคค. (รายงานครั้งที่ 4) โดยมีเรื่องสำคัญที่ ปคค. เร่งรัดติดตามให้ส่วนราชการ/หน่วยงานรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการเพิ่มเติม จำนวน 27 เรื่อง
|
|||||||||||||||||||||
6026 | ขออนุมัติยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณก่อนดำเนินการประกวดราคารายการปรับปรุงสิ่งก่อสร้างปรับปรุงอาคาร 1 | ศธ | 28/09/2553 | ||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||
6027 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการพัฒนากำลังคนด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ (ทุนเรียนดีมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์แห่งประเทศไทย) ครั้งที่ 5 และครั้งที่ 6 | ศธ | 28/09/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการรายงานผลการดำเนินโครงการพัฒนากำลังด้าน
มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ (ทุนเรียนดีมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์แห่งประเทศไทย) ครั้งที่ 5 และครั้งที่ 6 สรุปได้ดังนี้ 1. รายงานครั้งที่ 5 (พฤษภาคม-พฤศจิกายน 2552) สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ได้พิจารณาจัดสรรทุนการศึกษาระดับปริญญาโท-เอก ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อให้สอดคล้องกับระยะ เวลาที่ต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จ (โดยเฉพาะทุนการศึกษาในต่างประเทศที่จะต้องได้ผู้ผ่านการคัดเลือกให้ทัน การสมัครเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ) ได้ดำเนินการพิจารณาทุนพัฒนาศักยภาพในการทำงานวิจัย ของนิสิต นักศึกษา ระดับปริญญาโท-เอก จำนวน 50 ทุน และได้จัดตั้งสำนักงานบริหารโครงการพัฒนากำลังคน ด้านมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ (ทุนเรียนดีมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์แห่งประเทศไทย) และมอบให้มหา วิทยาลัยศิลปากรรับเป็นหน่วยดำเนินการ รวมทั้งได้ดำเนินการเพื่อจัดสอบแข่งขันเข้ารับทุนโครงการฯ ประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2553 ซึ่งเป็นทุนระดับปริญญาตรีในประเทศ จำนวน 16 ทุน มีผู้สนใจสมัคร จำนวน 12 คน คิดเป็นร้อยละ 75 และมีผู้สอบได้ จำนวน 11 คน คิดเป็นร้อยละ 68.75 แต่มีผู้ทำสัญญารับทุน 8 คน (เนื่องจาก สละสิทธิ์ 2 คน และตกทุน 1 คน) คิดเป็นร้อยละ 50 สำหรับงบประมาณที่ใช้จ่ายในการดำเนินการ จำนวน 10,000,000 บาท 2. รายงานครั้งที่ 6 (พฤศจิกายน 2552-พฤษภาคม 2553) สกอ. ได้ดำเนินการประกาศสอบแข่งขัน เข้ารับทุนโครงการฯ ประจำปีการศึกษา 2553 ตั้งแต่วันที่ 5 พฤศจิกายน-9 ธันวาคม 2552 มีผู้สมัครสอบแข่ง ขันทั้งหมด 815 คน โดยมีผู้สอบผ่านเพื่อเข้ารับทุนโครงการฯ จำนวน 85 คน และสำรอง 5 คน โดย สกอ. ได้รับ รายงานตัวนักเรียนทุนโครงการฯ เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2553 มีผู้ไม่มารายงานตัว 2 คน [สาขาวิชาสังคมวิทยา และมานุษยวิทยา (วิชาเอก/เน้นทางโลกาภิวัตน์และนโยบายสังคม) และสาขาวิชาปรัชญาและศาสนา (วิชาเอก/ เน้นทางอินเดีย)] จึงถือว่าสละสิทธิ์เป็นผู้รับทุน และได้เรียกสำรองมารายงานตัว 1 คน [สาขาวิชาสังคมวิทยา และมานุษยวิทยา (วิชาเอก/เน้นทางโลกาภิวัตน์และนโยบายสังคม)] และมีผู้สละสิทธิ์เพิ่มอีก 1 คน เนื่องจาก ปัญหาการโอนไปสถาบันต้นสังคม (สาขาวิชาประวัติศาสตร์ศิลป์) คงเหลือผู้รับทุนจริง 83 คน และสำรอง 4 คน สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ จำนวน 169,345,112.50 บาท
|
|||||||||||||||||||||
6028 | การยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการจัดซื้ออาหารเสริม (นม) โรงเรียนจากองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) | กค | 28/09/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามมติคณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษของหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจ ในการประชุมครั้งที่ 3/2553 เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2553 เกี่ยวกับการจัดซื้ออาหารเสริม (นม) โรงเรียนจากองค์การส่งเสริมกิจการ โคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) และให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐทราบและถือปฏิบัติใน ส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ 1.1 ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2553 (เรื่อง การทบทวนระบบ บริหารจัดการนมโรงเรียน) ให้แก่กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (บก.ตชด.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็น กรณีพิเศษเฉพาะราย 1.2 อนุมัติเป็นหลักการให้คณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษฯ เป็นผู้มีอำนาจพิจารณายกเว้นผ่อนผัน การปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2552 และวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2553 ให้แก่หน่วยงานต่าง ๆ ในประเด็นที่กำหนดให้ทุกหน่วยงานของรัฐที่มีงบประมาณซื้ออาหารเสริม (นม) โรงเรียน จัดซื้อจาก อ.ส.ค. โดยวิธี กรณีพิเศษ โดยให้กระทำได้เฉพาะกรณีมีความจำเป็นและไม่กระทบต่อผลสัมฤทธิ์ของแนวทางการบริหารจัดการนม ทั้งระบบ 2. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและติดตามดูแลการดำเนินการบริหาร จัดการนมโรงเรียนในช่วงรอยต่อของการบังคับใช้มติคณะรัฐมนตรีวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2553 (เรื่อง การทบทวน ระบบบริหารจัดการนมโรงเรียน) เพื่อมิให้เกิดผลกระทบต่อราคานมทั้งระบบด้วย
|
|||||||||||||||||||||
6029 | มาตรการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ย่านราชประสงค์ และพื้นที่ใกล้เคียงที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง (ปรับปรุงเพิ่มเติม) | กค | 28/09/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมาตรการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ย่านราช
ประสงค์และพื้นที่ใกล้เคียงที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง (ปรับปรุงเพิ่มเติม) ตามที่ กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ 1. วงเงินดำเนินโครงการ เห็นควรแยกวงเงินให้ชัดเจนระหว่างสินเชื่อตามโครงการราชประสงค์ฯ ที่ยัง คงเหลืออยู่จำนวน 5,000 ล้านบาท เป็นดังนี้ 1.1 สินเชื่อแบบมีหลักประกันและไม่มีหลักประกันตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2553 วันที่ 25 พฤษภาคม 2553 และวันที่ 8 มิถุนายน 2553 วงเงิน 3,000 ล้านบาท 1.2 สินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมที่ยังไม่ได้รับค่าสินไหมทด แทนจากบริษัทประกันภัย วงเงิน 2,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่ได้รับความเสียหายจากเพลิงไหม้หรือเหตุเกี่ยวข้องกับเพลิงไหม้และมากรม ธรรม์ประกันภัย และอยู่ระหว่างดำเนินการฟ้องร้องดำเนินคดีบริษัทประกันภัยต่อศาล ซึ่งต้องการจะขอสินเชื่อ เพิ่มเติมจากที่ได้รับสินเชื่อแบบไม่มีหลักประกัน ไปแล้ว จะต้องเลือกขอสินเชื่อประเภทใดประเภทหนึ่ง 2. หลักเกณฑ์/เงื่อนไขของสินเชื่อแบบมีหลักประกันและไม่มีหลักประกันตามโครงการราชประสงค์เดิม วงเงิน 3,000 ล้านบาท เห็นควรแก้ไขเรื่องกลุ่มเป้าหมาย และระยะเวลาในการพิจารณาสินเชื่อ ดังนี้ 2.1 กลุ่มเป้าหมาย แก้ไขเป็น ผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมโดยยึดตาม กรอบพื้นที่ที่กรุงเทพมหานครประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติ 7 เขต รวมไปถึงพื้นที่เขตดุสิตและพระนคร หรือ ยู่ในเขตพื้นที่ที่ถูกจำกัดการเข้าออก เช่น บริเวณกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ 2.2 ระยะเวลาในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ ให้แก้ไขเป็น กรณีการกู้แบบไม่มีหลักประกัน ธนาคาร พัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ต้องดำเนินการปล่อยสินเชื่อให้แล้วเสร็จภาย ใน 7 วัน สำหรับกรณีการกู้แบบมีหลักประกัน ให้ ธพว. พิจารณาให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เนื่องจากกรณีการกู้แบบมี หลักประกันอาจต้องมีการประเมินราคาหลักประกัน และต้องมีการสำรวจกิจการของผู้ขอกู้และผู้ค้ำประกัน จึง อาจไม่สามารถพิจารณาสินเชื่อให้แล้วเสร็จภายใน 7 วันได้ 3. หลักเกณฑ์/เงื่อนไขของสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่มีกรมธรรม์ประกันภัยซึ่งได้รับผลกระทบ จากการชุมนุมที่ยังไม่ได้รับค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัย วงเงิน 2,000 ล้านบาท ดังนี้ 3.1 กลุ่มเป้าหมาย ผู้ประกอบการ SMEs ในเขตพื้นที่ที่กรุงเทพมหานครประกาศเป็นพื้นที่ประสบ ภัยพิบัติ 7 เขต รวมไปถึงพื้นที่เขตดุสิตและพระนครที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง โดยได้รับความ เสียหายจากเพลิงไหม้หรือเหตุเกี่ยวเนื่องกับเพลิงไหม้ และมีกรมธรรม์ประกันภัย แต่ยังไม่ได้รับค่าสินไหมทดแทน จากบริษัทประกันภัยและอยู่ระหว่างฟ้องร้องดำเนินคดีบริษัทประกันภัยกับศาล และจะต้องไม่เป็นผู้ที่ขอกู้ยืมแบบ มีหลักประกันตามข้อ 2 3.2 วงเงินสินเชื่อต่อราย ไม่เกินร้อยละ 60 ของมูลค่าความเสียหายที่ประเมินโดยบริษัทประกันภัย หรือหน่วยงานอื่นที่เชื่อถือได้ หรือจำนวนเงินที่เอาประกันภัยตามกรมธรรม์ แล้วแต่จำนวนใดจะต่ำกว่า ทั้งนี้ ต้อง ไม่เกิน 5 ล้านบาทต่อราย ระยะเวลาการกู้ยืม ไม่เกิน 6 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ MLR ลบ 3 ต่อปี โดยให้สำนัก งานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ชดเชยดอกเบี้ยให้ ธพว. ร้อยละ 2 ต่อปี ตลอดอายุโครง การ ทั้งนี้ ไม่ต้องมีหลักประกัน 3.3 ระยะเวลาในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ ธพว. ต้องดำเนินการปล่อยสินเชื่อให้แล้วเสร็จโดยเร็ว (เนื่องจาก ธพว. ต้องตรวจสอบมูลค่าความเสียหาย และมูลค่าการก่อสร้างเพื่อกำหนดเงื่อนไขการเบิกจ่ายตาม ความคืบหน้าของการก่อสร้าง จึงไม่สามารถพิจารณาสินเชื่อให้แล้วเสร็จภายใน 7 วันได้)
|
|||||||||||||||||||||
6030 | การจัดระบบการจัดซื้ออาหาร เครื่องบริโภค และวัสดุเพื่อการหุงหาอาหาร กระทรวงยุติธรรม | ยธ | 28/09/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
1. ยกเลิกข้อเสนอเกี่ยวกับการจัดระบบการจัดซื้ออาหาร เครื่องบริโภค และวัสดุเพื่อการหุงหาอาหาร กระทรวงยุติธรรม ข้อ 1 กรณีขอยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2553 ในส่วน ของกรมราชทัณฑ์ในการจัดซื้ออาหารสดประเภทสัตว์น้ำ (ปลา ฯลฯ) จากองค์การสะพานปลา เพื่อการประกอบ เลี้ยงนักโทษและผู้ต้องขังในเรือนจำ ทัณฑสถาน และสถานกักขัง โดยวิธีกรณีพิเศษเป็นเวลา 6 เดือน นับตั้งแต่วัน ที่ 1 ตุลาคม 2553-30 มีนาคม 2554 ตามหนังสือกระทรวงยุติธรรม ที่ ยธ 0100/3955 ลงวันที่ 28 กันยายน 2553 2. ขยายระยะเวลาการยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2552 (เรื่อง ขอให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบการจัดระบบการจัดซื้ออาหาร เครื่องบริโภค และวัสดุเพื่อการ หุงหาอาหาร) ในส่วนของการจัดซื้ออาหารสด (ปลา เนื้อสัตว์ พืชผัก) และวัสดุปรุงอาหารต่อไปเป็นเวลา 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2553 ถึงวันที่ 30 มีนาคม 2554 โดยในระหว่างระยะเวลาดังกล่าวให้ใช้วิธีการจัด ซื้อที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันและตามที่ได้รับยกเว้นอยู่ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
6031 | โครงการปรับปรุงอาคารที่ทำการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ | นร | 21/09/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการ
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ดำเนินการ ดังนี้ 1. เพิ่มวงเงินงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการปรับปรุงอาคารที่ทำการ สศช. จาก 130,866,000 บาท เป็น 138,218,000 บาท ในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2553-2555 รวมระยะเวลา 3 ปี โดยให้ใช้จ่ายจากเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปีของปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 จำนวน 9,056,000 บาท สมทบกับ งบประมาณที่ได้รับอนุมัติให้กันไว้เบิกเหลื่อมปีของปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 จำนวน 8,000,000 บาท และงบ ประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 จำนวน 13,500,000 บาท โดยผูกพันงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 จำนวน 26,173,400 บาท และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 อีกจำนวน 81,488,600 บาท 2. ดำเนินการก่อสร้างปรับปรุงอาคาร 2 (อาคารสำนักงานสถิติแห่งชาติเดิม ซึ่ง สศช. ได้ขอสงวน สิทธิการเป็นผู้เข้าใช้อาคารดังกล่าวให้กลับมาเป็นสิทธิของ สศช. เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2551 ที่อนุมัติให้ สศช. ใช้สถานที่เดิมของสำนักงานสถิติแห่งชาติเป็นสถานที่ปฏิบัติงาน) พร้อม รั้ว ประตูรั้ว และป้ายชื่อสำนักงานฯ ในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2554-พ.ศ. 2555 รวม ระยะเวลา 2 ปี ในวงเงินไม่เกิน 51,000,000 บาท โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 เหลือจ่ายจำนวน 26,000,000 บาท และผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 จำนวน 25,000,000 บาท |
|||||||||||||||||||||
6032 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยกองทุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ พ.ศ. .... | นร | 21/09/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยกองทุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ พ.ศ. .... มี สาระสำคัญคือ ให้มีการจัดตั้งกองทุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ในสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติเพื่อสนับสนุนทุนหมุนเวียนให้กับผู้ประกอบการที่ดำเนินกิจการเกี่ยวกับเศรษฐกิจสร้างสรรค์ตั้งแต่ การเริ่มต้นธุรกิจไปจนถึงการต่อยอดธุรกิจ โดยเฉพาะวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เพื่อขับเคลื่อนพันธ สัญญาข้อที่ 9 ของรัฐบาล และกำหนดให้มีคณะกรรมการบริหารกองทุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ มีอำนาจหน้าที่ใน การพิจารณาอนุมัติแผนงานและการใช้จ่ายเงินให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ กำหนดหลักเกณฑ์และวิธี การในการบริหารเงินกองงทุน รวมถึงเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือกผู้ประกอบการที่ขอรับการสนับสนุนทุนหมุน เวียนจากกองทุนฯ เพื่อดำเนินกิจการเกี่ยวกับเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ตลอดจนติดตามและประเมินโครงการหรือกิจ กรรมที่ได้รับการอุดหนุน ทั้งนี้ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับร่างระเบียบฯ ความเห็นของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการกำหนดให้กองทุนฯ ประกอบด้วย เงินทุนประเดิมที่รัฐบาลจัดสรรให้จาก งบประมาณรายจ่ายประจำปี และเงินอุดหนุนที่รัฐบาลจัดสรรให้จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี โดยให้สำนัก งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับร่างระเบียบฯ ไปพิจารณาร่วมกับคณะกรรมการ นโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชาติและกระทรวงการคลังในส่วนที่เกี่ยวกับการคงระดับของเงินกองทุนฯ โดยให้ คำนึงถึงภาระต่องบประมาณด้วย และเพื่อให้การพิจารณาจัดตั้งกองทุนฯ เป็นไปอย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ และลดความเสี่ยงในการสร้างภาระด้านเงินงบประมาณในอนาคต เห็นควรจัดทำรายละเอียดตามแนวทางการจัด ตั้งเงินทุนหมุนเวียนตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 โดยนำเสนอคณะกรรมการกลั่นกรองการ จัดตั้งทุนหมุนเวียนพิจารณาตามความเห็นกระทรวงการคลังต่อไป และความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควร มีการบริหารจัดการเงินกองทุนฯ ให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลตามวัตถุประสงค์อย่างเคร่งครัด รวมทั้งมีการ ประเมินประสิทธิภาพการบริหารจัดการเงินกองทุนฯ ด้วย ไปพิจารณาในรายละเอียดร่วมกับคณะกรรมการ นโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชาติและกระทรวงการคลังอีกครั้งหนึ่ง แล้วส่งร่างระเบียบฯ ให้คณะกรรมการ ตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา และให้ดำเนินการต่อไปได้ 2. เมื่อร่างระเบียบฯ ฉบับนี้มีผลใช้บังคับแล้ว ให้คณะกรรมการบริหารกองทุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์เร่ง ดำเนินการจัดทำระเบียบการใช้จ่ายเงินและการเก็บรักษาเงินของกองทุนฯ เพื่อให้กระทรวงการคลังพิจารณาภาย หลังจากพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 มีผลใช้บังคับแล้ว ตามความเห็น ของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||
6033 | กรอบและงบประมาณของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ 2554 | นร | 21/09/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบ เห็นชอบ และเห็นชอบในหลักการ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอ ดังนี้ 1.1 รับทราบงบประมาณทำการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ในเบื้องต้นที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ ประมาณ 72,096 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ. 2553 ร้อยละ 5 โดยสามารถจัดหาเงินสดเพื่อใช้ลงทุนได้ประมาณ 223,391 ล้านบาท และรับทราบแนวโน้มการดำเนินงานช่วงปี พ.ศ. 2555-2557 ของรัฐวิสาหกิจในเบื้องต้นที่ คาดว่าผลประกอบการจะมีกำไรสุทธิรวม 274,782 ล้านบาท หรือเฉลี่ยประมาณปีละ 91,594 ล้านบาท และการ เบิกจ่ายลงทุนรวม 928,209 ล้านบาท หรือเฉลี่ยประมาณปีละ 309,403 ล้านบาท 1.2 เห็นชอบกรอบและงบประมาณของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 วงเงินดำเนินการ จำนวน 554,994 ล้านบาท และวงเงินเบิกจ่ายลงทุน จำนวน 322,612 ล้านบาท 1.3 ให้กระทรวงเจ้าสังกัดรับข้อเสนอแยะเชิงนโยบายระดับกระทรวงและระดับองค์กรไปพิจารณา ดำเนินกา ร รวมทั้งรายงานผลความก้าวหน้าของการดำเนินงานและการลงทุนในปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ให้ สศช. ทราบภายในทุกวันที่ 5 ของเดือนอย่างเคร่งครัด และรายงานผลการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะและความ ก้าวหน้าการดำเนินโครงการลงทุนทุกไตรมาส ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการติดตามประเมินผลการดำเนินงานและ การลงทุนของรัฐวิสาหกิจได้อย่างต่อเนื่อง 1.4 เห็นชอบในหลักการให้ปรับวงเงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ให้สอด คล้องกับผลการจัดสรรงบประมาณตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 และ การอนุมัติโครงการของคณะรัฐมนตรี 2. มอบหมายให้กระทรวงการคลั ง (สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ) และส่วนราชการ ต่าง ๆ ที่มีรัฐวิสาหกิจในสังกัดรับไปพิจารณา เพื่อกำหนดแนวทางการกำกับดูแลการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจ ต่าง ๆ ให้เป็นไปในทิศทางที่สอดคล้องกับสภาพการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศและของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้สามารถรักษาประโยชน์และการให้บริการแก่ประชาชนได้อย่างเหมาะสม เป็นธรรม โดยไม่มุ่งแสวงหาผล กำไรจนเกินควร รวมทั้งไม่ประกอบการใด ๆ อันอาจขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยที่บัญญัติให้รัฐ ต้องไม่ประกอบกิจการที่มีลักษณะเป็นการแข่งขันกับภาคเอกชน เว้นแต่มีความจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการรักษา ความมั่นคงของรัฐ รักษาผลประโยชน์ส่วนรวม หรือการจัดให้มีสาธารณูปโภค 3. มอบหมายให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีรับไปประสานสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อ เร่งรัดการตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... .ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ วันที่ 2 มีนาคม 2553 [เรื่อง ขอถอนร่างพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] ให้แล้วเสร็จ โดยเร็วเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||
6034 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รวม 3 คณะ) | ทก | 21/09/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนเรื่อง คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงเทค
โนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รวม 3 คณะ ได้แก่ คณะกรรมการแผ่นดินไหวแห่งชาติ คณะกรรมการจัดงานวัน สื่อสารแห่งชาติ และคณะกรรมการพัฒนากิจการอวกาศ) คืนไปได้ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสาร สนเทศและการสื่อสารเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
6035 | การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (บุคลากรภาครัฐประเภทอื่นๆ ) | นร | 21/09/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานว่า จากการเดินทางไปตรวจราช การในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้รับการร้องเรียนจากบุคลากรภาครัฐของหน่วยงานต่าง ๆ ที่ปฏิบัติงานใน พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เกี่ยวกับการพิจารณาสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ให้แก่ครูและบุคลากรทางการศึกษาตาม มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2553 เกี่ยวกับเรื่องการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ครูและบุคลา กรทางการศึกษา) ควรพิจารณาให้ครอบคลุมไปถึงบุคลากรภาครัฐของหน่วยงานอื่น ๆ ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ภาค ใต้ด้วย เนื่องจากได้รับผลกระทบและความเดือดร้อนเช่นเดียวกัน 2. มอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) ในฐานะประธาน กรรมการนโยบายและอำนวยการการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัด ชายแดนภาคใต้รับเรื่องนี้ไปพิจารณาในรายละเอียดต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
6036 | มาตรการระงับการขอจัดตั้งหน่วยงานใหม่หรือขยายหน่วยงาน และขั้นตอนการขอจัดตั้งหน่วยงานของรัฐ | นร | 14/09/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
๑. รับทราบมาตรการระงับการขอจัดตั้งหน่วยงานใหม่หรือขยายหน่วยงานและขั้นตอนการขอจัดตั้ง หน่วยงานของรัฐ ตามมติคณะกรรมการ ก.พ.ร. ในการประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๓ โดยที่ประชุมคณะกรรมการ ก.พ.ร. มีมติเห็นชอบให้สำนักงาน ก.พ.ร. มีหนังสือแจ้งเวียนทุกส่วนราชการเพื่อซัก ซ้อมแนวทางปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเรื่อง การขอจัดตั้งหน่วยงานของรัฐ และมาตรการระงับการขอจัดตั้ง หน่วยงานใหม่ หรือขยายหน่วยงาน หรือปรับปรุงหน่วยงาน รวมทั้งขั้นตอนการขอจัดตั้งหน่วยงาน ตามหนัง สือสำนักงาน ก.พ.ร. ในข้อ ๓.๑ อย่างเคร่งครัดและขอความร่วมมือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีว่า กรณีที่ส่วน ราชการได้เสนอขอจัดตั้งหน่วยงานใหม่หรือขยายหน่วยงานให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยตรงโดยไม่ดำเนินการ ตามแนวทางปฏิบัติที่กำหนดไว้ ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งเรื่องคืนให้ส่วนราชการเพื่อดำเนินการตาม ขั้นตอนและแนวทางปฏิบัติในเรื่องนั้น ๆ ก่อน ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ๒. ส่วนการจัดตั้งหน่วยงานใหม่ หรือขยายหน่วยงานที่อยู่ระหว่างการดำเนินการกรณีการแยกศูนย์ ส่งเสริมและพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรม (ศูนย์คุณธรรม) ออกจากสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) ไปสังกัดกระทรวงวัฒนธรรม ให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
6037 | แผนแม่บทการพัฒนาอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ | ทส | 07/09/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดำเนินการตามแผนแม่บทการพัฒนาอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ในการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกของอุทยานแห่ง ชาติเขาใหญ่ทั้งในปัจจุบันและอนาคตอย่างยั่งยืนต่อไป เนื่องจากสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่หน่วยงานต่าง ๆ สร้างไว้ภายในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เริ่มทรุดโทรม สภาพไม่ปลอดภัย และมีผังบริเวณไม่เหมาะสมต่อการจัด การอุทยานแห่งชาติ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยให้รับความเห็นของกระทรวง มหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่าแผน แม่บทการพัฒนาอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เน้นการพัฒนาและแก้ไขปัญหาทางด้านสิ่งอำนวยความสะดวกเป็นหลัก เห็นควรเพิ่มเติมแนวทางการดำเนินงานให้ครอบคลุมมิติการพัฒนาและการแก้ไขปัญหาให้ครบทั้งด้านการอนุรักษ์ และป้องกันทรัพยากรธรรมชาติ และการปรับปรุงระเบียบปฏิบัติที่สอดคล้องกับสภาพปัญหา รวมทั้งปัญหาพื้น ที่ทับซ้อนของแนวเขตอุทยานฯ และควรมีแผนบริหารจัดการการใช้ประโยชน์ทุกด้าน คือ ด้านการอนุรักษ์สภาพ ธรรมชาติ การท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อยใจ และการศึกษาค้นคว้าวิจัยทางธรรมชาติให้ชัดเจนในแผนแม่บทฯ นอก จากนี้ ให้นำเรื่องของความสามารถในการรองรับการท่องเที่ยวของพื้นที่อุทยานฯ มาเป็นหลักในการวิเคราะห์และ พิจารณาในการวางแผนดำเนินการ รวมทั้งระบุผลลัพธ์ที่คาดว่าจะได้รับหลังจากการดำเนินการไว้ในแผนแม่บทฯ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย 2. ให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัด การดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างและการฟื้นฟูสภาพภูมิทัศน์และระบบนิเวศบริเวณทางหลวงหมาย เลข 2090 (ถนนธนะรัชต์) ตอนแยกทางหลวงหมายเลข 2-ต่อเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2553 [เรื่อง โครงการเพิ่มประสิทธิภาพทางหลวงหมายเลข 2090 และเรื่อง รายงานผล กระทบและความเสียหายกรณีการตัดไม้จากการดำเนินการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 2090 (ถนนธนะรัชต์)] ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว |
|||||||||||||||||||||
6038 | การลักลอบตัดไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จังหวัดพิษณุโลก | ทส | 07/09/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบความก้าวหน้าของผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการลักลอบตัดไม้ในเขตป่า สงวนแห่งชาติ จังหวัดพิษณุโลก และเห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการ ตามที่กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ 1.1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณาดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีส่วนร่วมหรือรู้เห็น หรือเป็น ตัวการในการกระทำผิดอย่างเคร่งครัด โดยให้โยกย้ายเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีออกนอกพื้นที่ และกำชับ เจ้าหน้าที่ในสังกัดมิให้มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือสนับสนุนการกระทำผิดเกี่ยวกับการบุกรุกตัดไม้ทำลายป่าอย่างเด็ดขาด 1.2 กระทรวงมหาดไทยพิจารณาแจ้งผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดกำชับเจ้าหน้าที่ในสังกัด กำนัน ผู้ ใหญ่บ้านและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมิให้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องหรือสนับสนุนการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าในพื้น ที่ที่รับผิดชอบ เข้มงวดกวดขัน และเร่งรัดการดำเนินคดีให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว 1.3 หน่วยงานภาครัฐทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรกำชับเจ้าหน้าที่ ให้สนับสนุน ส่งเสริมเฉพาะพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิ์ สิทธิครอบครอง และพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตโดยชอบด้วยกฎหมาย เท่านั้น 2. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงกลาโหม และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นต้น รับข้อสังเกตของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่ เห็นว่า ด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจและของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่ตั้งอยู่ตามเส้นทางเข้า-ออกพื้นที่ป่า รวมทั้งจุดผ่าน ต่าง ๆ ควรมีการติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV) ให้พร้อมใช้งานตลอดเวลา และควรให้ฝ่ายทหารเข้าร่วมดำเนินการ ด้วยเพื่อให้การดำเนินการดังกล่าวมีความเข้มแข็งและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
6039 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2529 เกี่ยวกับเงินผลกำไรที่ธนาคารพาณิชย์ได้รับอันเนื่องมาจากการปรับปรุงระบบการแลกเปลี่ยนเงินตรา | กค | 07/09/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงการคลังนำส่งเงินผลกำไรที่ธนาคารพาณิชย์ได้รับอันเนื่องมาจาก
การปรับปรุงระบบการแลกเปลี่ยนเงินตราเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2527 จำนวน 102,085,542.56 บาท พร้อม ดอกเบี้ย (ถ้ามี) เข้าเป็นรายได้แผ่นดิน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ |
|||||||||||||||||||||
6040 | ข้อเสนอการขอรับเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และการประปาส่วนภูมิภาค | กค | 07/09/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายให้คณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจรับเรื่อง ข้อเสนอการขอรับเงิน
อุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และการประปา ส่วนภูมิภาค (กปภ.) ไปพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยในส่วนของ ขสมก. เนื่องจากได้มีมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 มิถุนา ยน 2553 ให้ขยายระยะเวลามาตรการลดภาระค่าครองชีพประชาชนในส่วนของการเดินทางโดยรถโดยสารประจำทาง ของ ขสมก. ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม-31 ธันวาคม 2553 เป็นผลให้วงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะในช่วง 3 เดือน แรกของปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 (ตุลาคม-ธันวาคม 2553) ซ้ำซ้อนกับการให้เงินอุดหนุนตามมาตรการลดภาระค่า ครองชีพประชาชนในช่วงเวลาดังกล่าว ดังนั้น ในขั้นตอนของการพิจารณาจัดทำบันทึกข้อตกลงการให้บริการสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 เห็นควรที่คณะกรรมการเงินอุดหนุน ฯ จะพิจารณาปรับลดวงเงินให้สอดคล้องกับข้อ เท็จจริงด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ไปประกอบการพิจารณาด้วย และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
.....