ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 307 จากทั้งหมด 567 หน้า แสดงรายการที่ 6121 - 6140 จากข้อมูลทั้งหมด 11338 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
6121 | โครงการ Fiber to the x ของบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) | ทก | 27/04/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติในหลักการให้บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) (กสท) ดำเนินโครงการ Fiber to the x ในวงเงิน 6,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงข่ายสื่อสารให้เป็นแบบอินเทอร์เน็ตโปรโตคอล IP (Internet Protocol) โดยจัดสร้างโครงข่าย Last Mile ที่ใช้เคเบิลใยแก้วนำแสง (Optical Fiber) ทดแทนคู่สายทองแดง (Copper Wire) เชื่อมโยงเข้าหาผู้ใช้บริการโดยตรง เพื่อรองรับการให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง มีขีดความสามารถรับส่งข้อมูล ขนาดใหญ่ (High Bandwidth) ที่เป็น Real Time ในลักษณะข้อมูลเป็น Multimedia และรองรับบริการเสริมอื่น ๆ ที่ จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยบริการทั้งหมดสามารถให้บริการได้พร้อมกันบนโครงข่ายเดียว ตามที่กระทรวงเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสารเสนอ 2. ให้ กสท. รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรพิจารณาดำเนินการเพื่อให้มีการบริหารจัดการ โครงข่ายที่มีอยู่ทั้งหมดอย่างเป็นระบบ และแยกประเภทบริหารให้ชัดเจน พร้อมทั้งจัดทำแผนกลยุทธ์การตลาดและ แผนปฏิบัติการของแต่ละสายธุรกิจให้ชัดเจน เพื่อให้สามารถพิจารณาภาพรวมในการลงทุน ทิศทางการดำเนินงาน และเป้าหมายที่ กสท กำหนดไว้ ไปพิจารณาดำเนินการ 3. ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงการคลัง และ กสท รับความเห็นของคณะ กรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ให้ กสท ปรับปรุงโครงการใหม่เป็น 2 ระยะเพื่อลดความเสี่ยงทาง ด้านเงินลงทุนสูง โดยจัดทำเป็นโครงการนำร่องระยะสั้นเพื่อทดสอบตลาดในพื้นที่ที่มีศักยภาพและมีความหนาแน่น ของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย โดยพิจารณากลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้ครอบคลุมถึงสถาบันการศึกษาและองค์กรธุรกิจขนาด ใหญ่ซึ่งมีแนวโน้มปริมาณการใช้งานสูง และโครงการระยะที่ 2 เต็มรูปแบบต่อเนื่องหากผลการดำเนินโครงการระยะ ที่ 1 ได้รับการตอบสนองจากตลาดตามที่ได้วางแผนไว้ และให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเร่งจัด ทำแผนแม่บทการพัฒนาบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงของประเทศ เพื่อขยายการให้บริการให้ครอบคลุมและสร้าง โอกาสในการเข้าถึงบริการอย่างทั่วถึง และให้ร่วมกับกระทรวงการคลังพิจารณานโยบายการลงทุนและบทบาทใน อนาคตของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) (บมจ.ทีโอที) และ กสท ให้ชัดเจนโดยเร็ว ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2552 เพื่อให้ทั้งสองบริษัทฯ สามารถจัดทำแผน/โครงการลงทุนที่ชัดเจนและไม่สูญเสียโอกาสการแข่ง ขันทางธุรกิจ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6122 | ผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ครั้งที่ 4/2553 | นร | 27/04/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (รศก.) ครั้งที่ 4/2553 เมื่อวันที่ 19 เมษา ยน 2553 และเห็นชอบมติคณะกรรมการ รศก. ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่ง ชาติ กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการ รศก. เสนอ ดังนี้ 1.1 เห็นชอบให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อมดำเนินโครงการ Portfolio Guarantee Scheme ระยะที่ 2 ตามหลักเกณฑ์การดำเนินโครงการฯ และเห็นชอบกรอบวงเงินค่าชดเชยความเสียหายจากการ ดำเนินโครงการฯ ไม่เกิน 2,175 ล้านบาท โดยให้บรรษัทฯ ประสานกับสำนักงบประมาณในการเบิกจ่ายตาม จำนวนที่เกิดขึ้นจริง 1.2 มอบหมายให้กระทรวงการคลังพิจารณาความเหมาะสมและความจำเป็นในการขยายกรอบวงเงิน กู้ยืมของโครงการช่วยเหลือด้านการเงินของผู้ประกอบการท่องเที่ยว ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2552 เพื่อช่วยเหลือด้านการเงินแก่ผู้ประกอบการท่องเที่ยว โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ได้รับผล กระทบจากวิกฤติการณ์การเมือง และนำเสนอคณะกรรมการ รศก. ต่อไป 1.3 เห็นชอบมาตรการส่งเสริมการใช้น้ำมัน E 85 โดยให้กระทรวงการคลังรับไปกำหนดมาตรการจูง ใจด้านภาษีแก่รถยนต์ E 85 และรับไปดำเนินการออกประกาศตามขั้นตอนและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป 1.4 มอบหมายให้กระทรวงการคลังพิจารณาปรับปรุงการแก้ไขกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง โดย เฉพาะพระราชบัญญัติ พ.ศ. 2493 เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมการผลิตเอทานอลต่อไป 2. รับทราบและเห็นชอบตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและแห่งชาติ กรรมการและ เลขานุการคณะกรรมการ รศก. เสนอเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแก้ไขผลการประชุมคณะกรรมการ รศก. ครั้งที่ 4/2553 (ตามหนังสือสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ด่วนที่สุด ที่ นร 1115/1514 ลงวัน ที่ 27 เมษายน 2553) 3. คณะรัฐมนตรีมีความเห็นเพิ่มเติมในส่วนของมาตรการส่งเสริมการใช้น้ำมัน E 85 ดังนี้ 3.1 ปัจจุบันรัฐบาลได้ให้การสนับสนุนและอุดหนุนการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ โดยเก็บภาษีสรรพสามิต รถยนต์ที่ใช้ E 85 ลดลง และได้ขยายระยะเวลาลดอากรนำเข้ารถยนต์สำเร็จรูป ซึ่งส่งผลให้ราคารถยนต์ถูกลง แต่ ในขณะเดียวกันภาครัฐจะสูญเสียรายได้จากการอุดหนุนที่มีมูลค่าสูงมาก ดังนั้น ในระยะยาวกระทรวงการคลังและ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรจะได้พิจารณาทบทวนแนวนโยบายดังกล่าวเพื่อมิให้กระทบกับการจัดเก็บรายได้เข้ารัฐ 3.2 การส่งเสริมการใช้เอทานอลนั้น ไม่ควรมุ่งเน้นการผลิตเพื่อการส่งออก แต่ควรพิจารณาปรับปรุง กระบวนการบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์เพื่อสนับสนุนส่งเสริมให้สามารถนำเอทานอลมาผลิตเป็นแก๊สโซฮอล์ได้ อย่างมีประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิตเอทานอลให้มากขึ้น จึงขอให้กระทรวงพลังงานรับแนวทางดังกล่าวไป ร่วมพิจารณากับกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการ ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6123 | โครงการรับจำนำผลผลิตทางการเกษตร ปีการผลิต 2551/52 | กษ | 27/04/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2552 (เรื่อง ค่าใช้จ่าย
สำหรับโครงการรับจำนำผลิตผลทางการเกษตร ปีการผลิต 2551/2552) และอนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการงบ ประมาณ จากงบรายจ่ายอื่น รายการชำระเงินกู้ค่าดำเนินงานตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2551/2552 จำนวน 71,657,328 บาท เป็นงบเงินอุดหนุนประเภทเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ รายการค่าใช้จ่ายใน การรับฝากและเก็บรักษาสินค้าตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2551/2552 ตามที่กระทรวง เกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยให้องค์การตลาดเพื่อเกษตรกรตกลงในรายละเอียดค่าใช้จ่ายกับสำนักงบประมาณ ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์รับความ เห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรเร่งรัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใน การระบายผลผลิตในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกที่มีอยู่เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาในแต่ละปีและลด การขาดทุนจากการดำเนินโครงการของรัฐบาล อันเกิดจากการเสื่อมสภาพของผลผลิตจนทำให้มูลค่าลดลง ไป พิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6124 | การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 | นร | 27/04/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ 1.1 วงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 จำนวน 2,070,000 ล้านบาท โดย เป็นนโยบายงบประมาณขาดดุลจำนวน 420,000 ล้านบาท รายได้สุทธิจำนวน 1,650,000 ล้านบาท รวมทั้งราย ละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 1.2 ยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีกรณีรายจ่ายลงทุนที่ขออนุมัติผูกพันข้ามปีงบประมาณที่เริ่มดำเนินการใน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 1.3 ให้สำนักงบประมาณนำข้อเสนอตามข้อ 1.1 ที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีไปจัดทำเป็นร่างพระ ราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 และเอกสารประกอบงบประมาณ โดยให้ส่งร่างพระ ราชบัญญัติฯ ดังกล่าว ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน และแจ้งผลการพิจารณาให้ สำนักงบประมาณทราบโดยตรง ก่อนนำไปจัดพิมพ์เป็นร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 และเอกสารประกอบงบประมาณ เพื่อนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบในวันอังคารที่ 11 พฤษภาคม 2553 และนำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรต่อไป 2. เห็นชอบให้ส่วนราชการดำเนินการตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) เสนอเพิ่มเติม ดังนี้ 2.1 ส่วนราชการที่ยังไม่ได้ทำหนังสือขอรับการจัดสรรงบกลางมายังสำนักงบประมาณตามขั้นตอน 3 ส่วนราชการ ได้แก่ กรมทางหลวง จำนวน 1 โครงการ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จำนวน 1 โครงการ และกรมศุลกา กร จำนวน 3 โครงการ 2.2 ส่วนราชการที่ยังไม่ได้ขอทำความตกลงแผนการปฏิบัติงาน และแผนการใช้จ่ายเงินมายังสำนักงบ ประมาณตามขั้นตอน 6 ส่วนราชการ ได้แก่ กรมส่งเสริมการเกษตร จำนวน 1 โครงการ กรมประมง จำนวน 4 โครง การ กรมปศุสัตว์ จำนวน 2 โครงการ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) จำนวน 1 โครงการ กรมส่ง เสริมสหกรณ์ จำนวน 1 โครงการ และกรมราชองค์รักษ์ จำนวน 1 โครงการ 2.3 ส่วนราชการที่ยังไม่ได้เสนอคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ผ่าน รัฐมนตรีเจ้าสังกัดมายังสำนักงบประมาณ 4 ส่วนราชการ ได้แก่ กองบัญชาการกองทัพไทย (หน่วยบัญชาการทหาร พัฒนา) จำนวน 1 โครงการ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล) จำนวน 1 โครงการ กรมศุลกา กร จำนวน 2 โครงการ และกรมโยธาธิการและผังเมือง จำนวน 1 โครงการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6125 | โครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและนิทรรศการนานาชาติภูเก็ต ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 | กค | 27/04/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและนิทรรศการนานา
ชาติภูเก็ต ในวงเงิน 2,600 ล้านบาท ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2553 ตามแผนการปฏิบัติงานโครง การ (Action Plan) และประมาณการค่าใช้จ่ายภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ในวงเงิน 2,600 ล้านบาท โดยดำเนินการลงนามในสัญญาให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2553 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6126 | ขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับกรอบอัตรากำลังข้าราชการพลเรือนสามัญในภาพรวม รวมทั้งค่าใช้จ่ายด้านบุคคลากรภาครัฐเพื่อรับโอนข้าราชการมาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ ด้านสังคม (อำนวยการระดับสูง) กลุ่มงานยุทธศาสตร์และการวางแผน สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (นางนิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม) | นร | 20/04/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับกรอบอัตรากำลังข้าราช
การพลเรือนสามัญในภาพรวม รวมทั้งค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรภาครัฐ เพื่อรับโอน นางนิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม ผู้อำนวยการสำนักบริหารกลาง (อำนวยการระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มา ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ ด้านสังคม (อำนวยการระดับสูง) กลุ่มงานยุทธ ศาสตร์และการวางแผน สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6127 | การขออนุมัติหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการจ่ายเงินค่าขนย้าย ค่ารื้อย้ายอาคาร บ้านเรือน สิ่งปลูกสร้าง ต้นไม้ยืนต้น พืชล้มลุก ให้แก่ราษฎรผู้ถือครองที่ดินโดยไม่มีเอกสารสิทธิตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2532 ประกอบกับมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2535 | ทส | 20/04/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ 1. อนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ 1.1 ให้กรมทรัพยากรน้ำนำมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2553 และมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2535 มาปรับใช้ในการพิจารณาการจ่ายเงินค่าขนย้าย ค่ารื้อย้ายอาคาร บ้านเรือน สิ่ง ปลูกสร้าง ต้นไม้ยืนต้น พืชล้มลุก ให้แก่ราษฎรผู้ถือครองที่ดินที่ไม่มีเอกสารสิทธิ ทั้งนี้ ให้นำหลักเกณฑ์ที่ได้รับ อนุมัติมาใช้กับโครงการพัฒนาแหล่งน้ำของกรมทรัพยากรน้ำกรณีไม่มีเอกสารสิทธิโครงการอื่น ๆ ด้วย 1.2 แต่งตั้งคณะกรรมการกำหนดราคาค่าขนย้าย ค่ารื้อย้ายอาคาร บ้านเรือน สิ่งปลูกสร้าง ต้นไม้ ยืนต้น พืชล้มลุก โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดที่มีโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ เป็นประธานกรรมการ ผู้แทนกรมทรัพยา กรน้ำ เป็นกรรมการและเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่กำกับ ควบคุม และกำหนดแนวทางการดำเนินการเกี่ยวกับ การจ่ายเงินค่าขนย้าย ค่ารื้อย้ายอาคารฯ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการของกรมทรัพยากรน้ำ และกำหนด ราคาค่าขนย้ายฯ ให้แก่ราษฎรผู้ถือครองที่ดินโดยไม่มีเอกสารสิทธิซึ่งได้รับผลกระทบจากโครงการพัฒนาแหล่ง น้ำของกรมทรัพยากรน้ำ ตลอดจนประสานงานและขอความร่วมมือจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การดำเนิน การเกี่ยวกับจ่ายเงินค่าขนย้ายฯ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย 2. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการพิสูจน์ความถูก ต้องจากภาพถ่ายทางอากาศตามมาตรการของคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ รวมทั้งตรวจสอบ เอกสารสิทธิของราษฎรที่นำมาอ้างอิงให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง และให้รับข้อสังเกต ของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการกำหนดราคาจ่ายเงินชดเชย ควรนำระยะเวลา (จำนวนปี) ที่ราษฎรได้บุกรุกเข้า ใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐมาประกอบการพิจารณาจ่ายค่าชดเชยด้วย เพื่อป้องกันปัญหาการบุกรุกไม่ให้มีเพิ่มขึ้น ในช่วงระยะเวลาใกล้เคียงกับการก่อสร้าง ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาการเรียกร้องค่าชดเชยของผู้ที่บุกรุกที่ดินภายหลัง รวมทั้งความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการกำหนดให้ใช้แผนที่ภาพถ่ายดาวเทียมเพื่อประกอบการดำเนิน งานของคณะกรรมการด้วย เพื่อให้การตรวจสอบสิทธิและทรัพย์สินของราษฎรมีความเที่ยงตรงตามข้อเท็จจริง ไป พิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6128 | รายงานเกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 | นร | 20/04/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบผลการดำเนินงานของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 และเป้าหมายการดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) ประธานกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการเสนอ 2. สำหรับข้อเสนอเชิงนโยบายในส่วนของการให้ความสำคัญในการพัฒนาองค์ความรู้ตามพระราชบัญญัติ ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 อย่างยั่งยืน เพื่อให้ครอบคลุมทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาค ประชาชน การให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตามตัวชี้วัด "ร้อยละความพึงพอใจของประชาชนที่มีต่อการเปิดเผยข้อมูล ข่าวสารตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540" รวมทั้งการให้ความสำคัญกับการสรุปรายงาน ผลการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ในลำดับต้นอย่างต่อเนื่องเพื่อส่งเสริม ความโปร่งใสตามหลักธรรมาภิบาล นั้น ให้ประธานกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการรับไปพิจารณาทบทวนใน คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการอีกครั้งหนึ่ง โดยให้นำความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงาน ก.พ. และสำนัก งาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับการจัดตั้งสถาบันเพื่อการฝึกอบรมความรู้เกี่ยวกับสิทธิรับรู้ข้อมูลข่าวสารและการคุ้มครองข้อมูล ส่วนบุคคล (Transparency and Privacy Academy) ซึ่งคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2553 มีมติเห็นชอบให้ ขยายระยะเวลาของมาตรการระงับการขอจัดตั้งหน่วยงานใหม่หรือขยายหน่วยงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2552 ซึ่งได้สิ้นสุดเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2552 ออกไปอีก การจัดตั้งสถาบันเพื่อการฝึกอบรมความ รู้เกี่ยวกับสิทธิรับรู้ข้อมูลข่าวสารและการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอาจไม่สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวข้าง ต้น ประกอบกับภารกิจการส่งเสริมการเรียนรู้เกี่ยวกับสิทธิการรับรู้ข้อมูลข่าวสารและการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจของสำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ จึงเห็นควรปรับบทบาทภารกิจของ สำนักงานให้สามารถรองรับภารกิจดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วให้ นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6129 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การจัดหาที่ดินเพื่อฟื้นฟูคุณภาพชีวิตชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างเขื่อนสิรินธร | กษ | 20/04/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะ
รัฐมนตรี เรื่อง การจัดหาที่ดินเพื่อฟื้นฟูคุณภาพชีวิตชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างเขื่อนสิรินธร สรุป ได้ดังนี้ 1. สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ร่วมกับจังหวัดอุบลราชธานีได้ดำเนินการจัด ที่ดินทำกินให้แก่ราษฎรผู้ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างเขื่อนสิรินธรจนเสร็จสิ้นแล้ว จากจำนวนราษฎรที่ได้รับ ผลกระทบ จำนวน 2,299 ราย มีผู้มีสิทธิได้รับที่ดิน จำนวน 2,264 ราย มีการใช้จ่ายเงินตามโครงการในส่วนของ ค่าที่ดินเนื้อที่ 22,564 ไร่ จำนวน 683,163,151.86 บาท ค่าพัฒนาที่ดิน จำนวนเงิน 403,556,648.14 บาท ค่าบริหารโครงการ จำนวนเงิน 31,952,874.10 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,118,672,674.10 บาท 2. ส.ป.ก. ได้รับอนุมัติเงินจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 1,123,821,370 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ เมื่อหักค่าใช้จ่ายจำนวนเงิน 1,118,672,674.10 บาท แล้ว ส.ป.ก. ได้ ส่งเงินส่วนที่เหลือคืนกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร จำนวน 5,148,695.90 บาท
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6130 | ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร จังหวัดนนทบุรี และบางอำเภอในจังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดปทุมธานี จังหวัดนครปฐม และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประกาศ คำสั่ง และ ข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง | นร | 20/04/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2553 เรื่อง ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน
ที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร จังหวัดนนทบุรี และบางอำเภอในจังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดปทุม ธานี จังหวัดนครปฐม และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประกาศ คำสั่ง และข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง ตามที่สำนักเลขาธิ การคณะรัฐมนตรีเสนอ ทั้งนี้ ตามมาตรา 8 วรรคสองแห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะ รัฐมนตรี พ.ศ. 2548 ดังนี้ 1. ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร จังหวัดนนทบุรี อำเภอเมือง สมุทรปราการ อำเภอบางพลี อำเภอพระประแดง อำเภอพระสมุทรเจดีย์ อำเภอบางบ่อ และอำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ อำเภอธัญบุรี อำเภอลาดหลุมแก้ว อำเภอสามโคก อำเภอลำลูกกา และอำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม และอำเภอวังน้อย อำเภอบางปะอิน อำเภอบางไทร และ อำเภอลาดบัวหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 2. ประกาศ เรื่อง การกำหนดอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีตามกฎหมายเป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี 3. คำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ พิเศษ 1/2553 เรื่อง การจัดตั้งศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน 4. คำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ พิเศษ 2/2553 เ รื่อง แต่งตั้งผู้กำกับการปฏิบัติงาน หัวหน้าผู้รับผิดชอบ และ พนักงานเจ้าหน้าที่ในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง 5. ข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 6. ประกาศตามมาตรา 11 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6131 | โครงการเข้าซื้อกิจการ CDMA ในส่วนกลาง โดยการเข้าซื้อทรัพย์สิน (ยกเลิกโดยมติคณะรัฐมนตรี 24750/53) | ทก | 07/04/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ดังนี้ 1.1 ให้บริษัท กสท โทรคมนาคม (จำกัด) มหาชน (กสท) ดำเนินโครงการซื้อกิจการ CDMA ในส่วน กลาง โดยการเข้าซื้อทรัพย์สินและจัดตั้งบริษัทในเครือตามโครงสร้างที่ กสท เสนอ เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการ ดำเนินธุรกิจที่แยกการดำเนินการเป็น 2 ส่วน (ส่วนภูมิภาคและส่วนกลาง) ซึ่งจะทำให้ กสท สามารถเพิ่มรายได้ ในภาพรวมของการดำเนินธุรกิจสื่อสารไร้สายของ กสท รวมทั้งลดต้นทุนในการดำเนินธุรกิจภายใต้ One Brand One Service ซึ่งจะทำให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และจัดโครงสร้างทางธุรกิจที่เหมาะสมใน การดำเนินธุรกิจสื่อสารไร้สายที่ต้องการความคล่องตัวสูง 1.2 ให้บริษัทในเครือทั้ง 4 บริษัท ได้แก่ บริษัท CAT Wireless Holding จำกัด บริษัท CAT Wireless Network จำกัด บริษัท CAT Mobile จำกัด และบริษัท CAT Contact Center จำกัด ได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตาม คำสั่ง ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรี ที่ใช้บังคับกับรัฐวิสาหกิจทั่วไปเช่นเดียวกับที่ กสท ได้รับอนุมัติยก เว้นเมื่อครั้งมีการเปลี่ยนแปลงสภาพ 2. ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโน โลยี และคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้ กสท ดำเนินการตามแผนแม่บทเทค โนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารสำหรับประเทศไทย ฉบับที่ 2 โดยเร่งรัดการยุติสัญญาสัมปทานระหว่างบริษัท เอกชนและ กสท ที่มีอยู่เดิม โดยเปลี่ยนสิทธิในการใช้ทรัพย์สินที่เกิดจากระบบ BTO ของบริษัทเอกชน (ซึ่งโอนมา เป็นทรัพย์สินของ กสท) เป็นสัญญาการให้บริษัทคู่สัญญาใช้บริการโครงข่ายพื้นฐานโทรคมนาคม (backbon net work) ของ กสท แทน ซึ่งจะทำให้ กสท มีสิทธิสมบูรณ์ในการจัดบริการโครงข่ายพื้นฐานอย่างมีประสิทธิภาพ และ ให้ กสท คำนึงถึงโอกาสในการเปิดบริการใหม่ ๆ ที่เป็น 3G ทั้ง Voice และ Non-Voice เพื่อสร้างขีดความสามารถ ในการแข่งขัน นอกจากนี้ ให้ความสำคัญในเรื่องของการประเมินมูลค่าของกิจการและทรัพย์สินของระบบ CDMA ในส่วนกลาง การจัดโครงสร้างการบริหารจัดการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ CDMA และการวิเคราะห์ระบบงานและ โครงสร้างองค์กรที่เหมาะสมสำหรับการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ CDMA รวมทั้งรับข้อสังเกตของสำนักงบ ประมาณ ที่ให้ กสท พิจารณาถึงความสามารถในการแข่งขันกับเอกชน ความเหมาะสมของวงเงินและวิธีการในการ ชำระเงิน โดยจัดทำแผนการเงินและแผนการดำเนินธุรกิจ (Business Plan) อย่างรัดกุมและชัดเจน เพื่อมิให้เกิดผล กระทบต่อแผนการดำเนินงานและแผนการใช้จ่ายเงินของ กสท ในระยะปานกลาง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6132 | การพัฒนาการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Government Procurement) | กค | 07/04/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
1. ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2548 [เรื่อง การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยว กับการบริหารการเงินการคลังภาครัฐด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (Government Fiscal Management Information System : GFMIS) และการจัดหาพัสดุโดยการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Auction)] 2. ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และหน่วยงานของรัฐทุกแห่งประกาศจัดซื้อจัดจ้าง สำหรับการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีสอบราคา ประกวดราคา และประกวดราคาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ที่เว็บ ไซต์ศูนย์ข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ (www.gprocurement.go.th) และเว็บไซต์ของหน่วยงาน 3. ให้หน่วยงานต่าง ๆ ปฏิบัติงานในระบบ (e-Government Procurement) ระยะที่ 1 ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2553 เป็นต้นไป โดยกรมบัญชีกลางจัดฝึกอบรม จัดทำคู่มือการปฏิบัติงานและจัดทำสื่อการเรียนรู้ใน รูปแบบของแผ่นดีวีดีเพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้กับผู้เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6133 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจเรื่องข้าวระหว่างไทยกับฟิลิปปินส์ภายใต้ความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน | พณ | 07/04/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2553 ในส่วนที่ให้นำบันทึกความเข้าใจในเรื่องนี้เสนอ รัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป 2. อนุมัติการลงนามในบันทึกความเข้าใจเรื่องข้าวระหว่างกระทรวงพาณิชย์ไทยกับกระทรวงการค้าและ อุตสาหกรรมแห่งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ 3. มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายอื่นเป็นผู้ลงนามใน MOU ดัง กล่าว ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญในบันทึกความเข้าใจดังกล่าวให้ผู้ลงนาม ใช้ดุลยพินิจในเรื่องนั้น ๆ ได้ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรี 4. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่า การกระทรวงพาณิชย์ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายอื่นเป็นผู้ลงนามใน MOU ดังกล่าว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6134 | ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร จังหวัดนนทบุรี และบางอำเภอในจังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดปทุมธานี จังหวัดนครปฐม และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประกาศ คำสั่ง และข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง (พิเศษ 2553) | นร | 07/04/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 เมษายน
2553 ดังนี้ 1. เห็นชอบ 1.1 ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร จังหวัดนนทบุรี อำเภอ เมืองสมุทรปราการ อำเภอบางพลี อำเภอพระประแดง อำเภอพระสมุทรเจดีย์ อำเภอบางบ่อ และอำเภอบางเสา ธง จังหวัดสมุทรปราการ อำเภอธัญบุรี อำเภอลาดหลุ่มแก้ว อำเภอสามโคก อำเภอลำลูกกา และอำเภอคลอง หลวง จังหวัดปทุมธานี อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม และอำเภอวังน้อย อำเภอบางปะอิน อำเภอบางไทร และ อำเภอลาดบัวหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 1.2 ประกาศ เรื่อง การกำหนดอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีตามกฎหมายเป็นอำนาจหน้าที่ของนายก รัฐมนตรี 1.3 คำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ พิเศษ 1/2553 เรื่อง การจัดตั้งศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน 2. รับทราบ 2.1 คำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ พิเศษ 2/2553 เรื่อง แต่งตั้งผู้กำกับการปฏิบัติงาน หัวหน้าผู้รับผิดชอบ และพนักงานเจ้าหน้าที่ในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง 2.2 ข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุก เฉิน พ.ศ. 2548 2.3 ประกาศตามมาตรา 11 แห่งพระราชกำหนดการบริหารในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6135 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่องโครงการประกันรายได้เกษตรกร | กษ | 07/04/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
1. รับทราบความก้าวหน้าในการดำเนินการขึ้นทะเบียนเกษตรกรตามโครงการประกันรายได้เกษตร กรผู้ปลูกข้าวปี 2552/53 รอบที่ 2 ดังนี้ 1.1 ผลการขึ้นทะเบียนในภาพรวมทั้งประเทศรวม 62 จังหวัด ยกเว้นจังหวัดในภาคใต้ ตัดยอดวัน ที่ 3 เมษายน 2553 มีเกษตรกรมาขึ้นทะเบียนแล้ว 783,786 ครัวเรือน รวมพื้นที่ 15,761,610 ไร่ ดำเนิน การประชาคม และส่งข้อมูลให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) แล้ว 683,212 ครัวเรือน รวมพื้นที่ 13,935,973 ไร่ และดำเนินการออกใบรับรองให้แก่เกษตรกรแล้ว 658,046 ครัวเรือน รวมพื้นที่ 13,495,194 ไร่ (เฉลี่ย 20.51 ไร่ต่อครัวเรือน) 1.2 ผลการขึ้นทะเบียนเกษตรกรในเขตพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างและภาคกลางรวม 14 จังหวัด ตัด ยอดวันที่ 3 เมษายน 2553 มีเกษตรกรมาขึ้นทะเบียนแล้ว 269,533 ครัวเรือน รวมพื้นที่ 7,969,823 ไร่ ดำเนินการประชาคม และส่งข้อมูลให้ ธ.ก.ส. แล้ว 261,803 ครัวเรือน รวม 7,740,897 ไร่ และดำเนินการออก ใบรับรองให้แก่เกษตรกรแล้ว 259,589 ครัวเรือน รวมพื้นที่ 7,633,601 ไร่ (เฉลี่ย 29.41 ไร่ต่อครัวเรือน) 1.3 การขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าวในเขตภาคใต้ จะเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2553 2. เห็นชอบขยายเวลาการขึ้นทะเบียนเกษตรกรที่ปลูกข้าวรอบที่ 2 ในพื้นที่ภาคกลาง และภาคเหนือ ตอนล่าง จากสิ้นสุดวันที่ 20 มีนาคม 2553 ให้ขยายเวลาถึงวันที่ 15 เมษายน 2553
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6136 | การบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 | กค | 07/04/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 โดยขยาย เวลาการขอรับจัดสรรเงินของกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม เป็น 45 วันทำการหลังจากที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติการ เปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในครั้งนี้ รวมทั้งรับทราบการอนุมัติโครงการที่สำนักงบประมาณได้อนุมัติแก้ไขการ เปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการที่เป็นลักษณะการแก้ไขข้อมูลคลาดเคลื่อน 2. รับทราบแนวทางการพิจารณาโครงการที่ขอโอนเปลี่ยนแปลงข้ามโครงการ ของกรมทรัพยากรน้ำ กรม ทางหลวง และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยนำโครงการที่อยู่ระหว่างขอโอนเปลี่ยนแปลงโครง การมาพิจารณาอีกครั้ง โดยให้เสนอกรอบการใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อ ฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 ต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อเสนอรัฐสภาเพื่อทราบตามนัยมาตรา 3 แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 3. อนุมัติการขอจัดสรรเงินสำรองจ่ายสำหรับโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 สำหรับ โครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลจังหวัดปัตตานี ของสำนักงานศาลยุติธรรม วงเงิน 16 ล้านบาท 4. อนุมัติการจัดสรรเงินสำรองจ่ายสำหรับโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 สำหรับโครง การภายใต้แผนพัฒนาพื้นที่พิเศษ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เสนอขอใช้เงินเพิ่มเติมตามมติคณะรัฐมนตรีวงเงินทั้งสิ้น 2,170.04 ล้านบาท และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการจัดสรรเงินกู้สำรองจ่ายสำหรับ โครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ของสำนักงบประมาณ 5. อนุมัติเป็นหลักการให้โครงการที่อยู่ระหว่างการพิจารณาขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการส่ง ข้อมูลให้สำนักงบประมาณพิจารณาเพื่อขอจัดสรรเงินซึ่งรวมถึงแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินให้แล้วเสร็จ ภายใน 15 วันทำการ หลังจากคณะรัฐมนตรีอนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการภายใต้แผนปฏิบัติ การไทยเข้มแข็ง 2555 6. อนุมัติการขยายระยะเวลาให้หน่วยงานที่ได้รับอนุมัติการจัดสรรเงินโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทย เข้มแข็ง 2555 จากสำนักงบประมาณแล้ว ให้ลงนามในสัญญาให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 21 พฤษภาคม 2553
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6137 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพาณิชย์แห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมแห่งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ (ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีโดย 5971/53) | พณ | 30/03/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
1. อนุมัติการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพาณิชย์แห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวง การค้าและอุตสาหกรรมแห่งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ และให้นำบันทึกความเข้าใจเสนอรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็น ชอบต่อไป โดยให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ ไปประกอบการพิจารณาก่อนการ ลงนามด้วย ดังนี้ 1.1 แก้ไขข้อ 4 ของร่างบันทึกความเข้าใจ ฯ เป็น "4. During the invocation of the Protocol to Provide Special Consideration for Rice and Sugar, the Philippines shall maintain the level of rice importation from Thailand in line with historical importation during the past three (3) years which on average is about 367,000 MT annually, unless international price and/or domestic production do not allow the maintenance of such level of importation ........." ทั้งนี้ เนื่องจากคำว่า "trade" มีความหมายปกติว่า "การค้า" หรือ "แลกเปลี่ยน" ซึ่งมีความหมายเป็นการ ค้าสองฝ่ายซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาการตีความในอนาคต และควรปรับร่างบันทึกความเข้าใจ ฯ ฉบับภาษาไทยให้ สอดคล้องกันโดยเปลี่ยนคำว่า "การค้า" เป็น "การนำเข้า" 1.2 ในส่วนท้ายของร่างบันทึกความเข้าใจ ฯ ควรแก้ไขดังนี้ 1.2.1 แก้ข้อความ "The MOU shall enter into force from the date of Signing until 31st December 2014" เป็น "This MOU shall enter into force on the date of signing and be effective until 31st December 2014." 1.2.2 เพิ่มข้อความดังต่อไปนี้ ก่อนวรรคสุดท้าย "IN WITNESS WHEREOF the undersigned, being duly authorized there to by their respective Governments, have signed this MOU." และแก้ร่างบันทึกความเข้าใจ ฯ ฉบับภาษาไทยให้สอดคล้อง กันว่า "เพื่อเป็นพยานแก่การนี้ ผู้ลงนามข้างท้ายซึ่งได้รับมอบอำนาจโดยถูกต้องจากรัฐบาลของแต่ละฝ่ายได้ลง นามบันทึกความเข้าใจนี้" 1.2.3 สำหรับวรรคสุดท้าย เห็นควรตัดคำว่า "two" หน้าคำว่า "duplicate" ออก 2. มอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือที่ผู้ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ ฯ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญในบันทึกความเข้าใจ ให้ผู้ลงนามใช้ดุลพินิจใน เรื่องนั้น ๆ ได้ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง 3. มอบให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงพาณิชย์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายอื่นเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ ฯ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6138 | คำของบประมาณของจังหวัดและของกลุ่มจังหวัด ตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัด และแผนปฏิบัติราชการประจำปีของกลุ่มจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 และการขยายระยะเวลาสำหรับจังหวัดและกลุ่มจังหวัดที่ขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ดำเนินโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัด และของกลุ่มจังหวัด ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 | นร | 30/03/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบคำของบประมาณของจังหวัดและของกลุ่มจังหวัด ตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัด และแผนปฏิบัติราชการประจำปีของกลุ่มจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 และการขยายระยะเวลาสำหรับ จังหวัดและกลุ่มจังหวัด ที่ขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ดำเนินโครงการภายใต้แผนปฏิบัติ การไทยเข้มแข็ง 2555 ตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ตาม ที่เลขาธิการ ก.พ.ร. กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการบริหารจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณา การเสนอ ดังนี้ 1.1 ให้จังหวัดและกลุ่มจังหวัดนำโครงการลำดับที่ 2 มาเพิ่มเติมเป็นคำของบประมาณได้ และกรณีไม่ มีโครงการลำดับที่ 2 เป็นโครงการสำรอง ซึ่งมีจำนวน 1 จังหวัด 3 กลุ่มจังหวัด (จังหวัดสระบุรี จังหวัดภาคกลาง ตอนบน 1 กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน 2 และกลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน) ให้จังหวัดและกลุ่มจังหวัดดังกล่าว จัดทำโครงการตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัดและของกลุ่มจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 เพิ่มเติม และเสนอให้คณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.น.จ.) และ คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติเห็นชอบ และส่งให้สำนักงบประมาณภายในวันที่ 9 เมษายน 2553 เพื่อดำเนินการ และเสนอคณะรัฐมนตรีได้ทันภายในวันที่ 27 เมษายน 2553 1.2 ให้ขยายระยะเวลาการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2553 โดยให้จังหวัด และกลุ่มจังหวัดโดยความเห็นชอบของ ก.น.จ. ส่งคำขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ดำเนินโครงการ ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ให้สำนักงบประมาณพิจารณาออกไปเป็นภายในวันที่ 9 เมษายน 2553 เพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการกลั่นกรองและบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 และคณะ รัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติ ซึ่งสำนักงบประมาณจะได้พิจารณาการขอจัดสรรเงินตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่า ด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 พ.ศ. 2552 ต่อไป 2. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่ม จังหวัดแบบบูรณาการเร่งรัดดำเนินการ โดยคำนึงถึงกรอบระยะเวลาที่มีค่อนข้างจำกัด ภายในวันที่ 9 เมษายน 2553 ด้วย ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6139 | ขอขยายเวลาการลงนามในสัญญาโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 (จำนวน 30 รายการ งบประมาณ 160.8959 ล้านบาท) | ทส | 30/03/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการขยายระยะเวลาการลงนามในสัญญาตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16
กุมภาพันธ์ 2553 [เรื่อง มาตรการเร่งรัดหน่วยงานที่ได้รับอนุมัติเงินโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทย เข้มแข็ง 2555 (วงเงิน 199,960.60 ล้านบาท)] จากวันที่ 31 มีนาคม 2553 เป็นวันที่ 30 เมษายน 2553 เฉพาะกรณีงานทำเองที่ดำเนินการโดยกรมการทหารช่างที่รับมอบโอนงานโครงการจากกรมทรัพยากรน้ำ ตาม ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6140 | ขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2544 | กษ | 30/03/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2544 (เรื่อง การพิจารณาการ โอนกรรมสิทธิที่ดินราชพัสดุให้แก่สหกรณ์นิคมบ้านสร้างพัฒนา จำกัด) เพื่อให้สามารถโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินราชพัสดุ ให้แก่สหกรณ์การเช่าที่ดินคลองโยง จำกัด จังหวัดนครปฐม และสหกรณ์การเช่าที่ดินพิชัยภูเบนทร์ จำกัด จังหวัดอุตร ดิตถ์ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยให้ดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป 2. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ที่ เห็นว่า ในการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินราชพัสดุดังกล่าว ควรยึดถือหลักเกณฑ์ ระเบียบ และข้อบังคับในการห้ามมิให้นำไป จำหน่ายจ่ายโอนให้แก่บุคคลอื่น เว้นแต่เป็นการโอนให้แก่ทายาทหรือผู้ที่มีสิทธิรับมรดกของสมาชิกเพื่อประโยชน์ใน การประกอบอาชีพอย่างแท้จริง และรักษาไว้ซึ่งสมบัติของแผ่นดิน ไปดำเนินการต่อไปด้วย |