ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 308 จากทั้งหมด 567 หน้า แสดงรายการที่ 6141 - 6160 จากข้อมูลทั้งหมด 11338 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
6141 | รายงานผลการดำเนินงานโครงการการใช้เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศเพื่อการติดตามและประเมินพื้นที่ปลูกข้าวปี 2552/53 รอบที่ 2 ครั้งที่ 1 | วท | 30/03/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอรายงานผลการดำเนินการตาม
มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2553 เกี่ยวกับการดำเนินงานโครงการ "การใช้เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ เพื่อการติดตามและประเมินพื้นที่ปลูกข้าวปี 2552/53 รอบที่ 2" ดังนี้ 1. ดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูลภาพถ่ายจากดาวเทียมและจัดทำแผนที่พื้นที่เพาะปลูกข้าวปี 2552 รอบที่ 2 โดยครอบคลุมพื้นที่ภาคกลาง 14 จังหวัด พร้อมทั้งจัดทำเป็นแผนที่แสดงพื้นที่เพาะปลูก มาตราส่วน 1 : 25,000 (digital map) ลงรายละเอียดระดับตำบล โดยแบ่งตามระวางแผนที่ของกรมแผนที่ทหาร และรายงานข้อมูลพื้นที่ ปลูกข้าวเป็นรายจังหวัด อำเภอ และตำบล ตามลำดับ โดยได้จัดส่งข้อมูลให้กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2553 2. ดำเนินการจัดทำฐานข้อมูลพื้นที่ปลูกข้าวปี 2552/53 รอบที่ 2 และระบบแสดงแผนที่ทางอินเทอร์ เน็ต โดยมีข้อมูลประกอบด้วย ข้อมูลภาพถ่ายจากดาวเทียมที่ใช้ในโครงการ ข้อมูลพื้นที่ และแผนที่แสดงพื้นที่ปลูก ข้าว พร้อมทั้งพัฒนาระบบเรียกดูข้อมูลแผนที่ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (Web Map Service : WMS) เพื่อให้หน่วย งานร่วมโครงการ ฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรียกดูข้อมูลแผนที่ผ่านอินเทอร์เน็ต 3. ดำเนินการสั่งถ่ายภาพจากดาวเทียมธีออสเพื่อนำมาวิเคราะห์ข้อมูลและจัดทำแผนที่เพาะปลูกข้าวพื้น ที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคตะวันตก สำหรับรายงานผลภายในปลายเดือนมีนา คม 2553 ส่วนพื้นที่ภาคใต้จะเริ่มดำเนินการในเดือนเมษายน 2553 เพื่อให้สอดคล้องกับฤดูเพาะปลูกและระยะเวลา การขึ้นทะเบียนของแต่ละพื้นที่
|
|||||||||||||||||||||
6142 | ขอขยายเวลาการลงนามในสัญญาโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 | ทส | 30/03/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบขยายระยะเวลาการลงนามในสัญญาโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการ
ไทยเข้มแข็ง ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2553 จากวันที่ 31 มีนาคม 2553 เป็นวันที่ 30 เมษา ยน 2553 จำนวน 27 รายการ งบประมาณ 77.9476 ล้านบาท ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
6143 | การดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2552/53 รอบที่ 2 | กค | 30/03/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบมติคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (คณะกรรมการ ธ.ก.ส.) ครั้งที่ 2/2553 เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยที่ประชุมมีมติ ดังนี้ 1.1 ให้ใช้เงินทุน ธ.ก.ส. เพื่อจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างระหว่างราคาประกันกับเกณฑ์กลางอ้างอิงให้แก่ เกษตรกรตามสัญญาประกันรายได้เกษตรกรระหว่างที่ยังไม่สามารถเบิกจ่ายงบประมาณจากรัฐบาล โดย ธ.ก.ส. คิดต้นทุนเงินเพื่อขอเบิกชดเชยจากรัฐบาลในอัตราร้อยละ 1.98 ต่อปี 1.2 ให้เบิกจ่ายเงินจากโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 โครงการประกันรายได้ เกษตรกร วงเงิน 40,000 ล้าบาท เพื่อชำระคืน ธ.ก.ส. หากวงเงินดังกล่าวคงเหลือไม่เพียงพอ ให้ ธ.ก.ส. ขอจัด สรรจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2554 2. ให้ ธ.ก.ส. เร่งรัดเสนอขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2553 (เรื่อง การบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555) เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย เพื่อขอขยายเวลาการ ขอรับจัดสรรเงินโครงการประกันรายได้เกษตรกรเนื่องจากเงินจำนวนดังกล่าวเป็นภาระที่รัฐบาลต้องใช้จ่ายต่อไป และให้ดำเนินการ ดังนี้ 2.1 ให้ ธ.ก.ส. เร่งดำเนินการขอจัดสรรงบประมาณตามโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทย เข้มแข็ง 2555 โดยทันทีเมื่อ ธ.ก.ส ได้สำรองจ่ายในแต่ละครั้ง เพื่อลดภาระค่าดอกเบี้ยของรัฐบาล 2.2 ให้ ธ.ก.ส. คงคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1.98 ต่อปี (สำหรับเงินที่ ธ.ก.ส. สำรองจ่ายชดเชยส่วน ต่างระหว่างราคาประกันกับราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงให้แก่เกษตรกรแทนรัฐบาลไปก่อน) ต่อไปจนถึงสิ้นปี 2553
|
|||||||||||||||||||||
6144 | การจัดระบบการจัดซื้ออาหาร เครื่องบริโภค และวัสดุเพื่อการหุงหาอาหาร | ยธ | 30/03/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
1. อนุมัติยกเว้นการจัดซื้ออาหารดิบและผลไม้สำหรับหน่วยงานในสังกัดกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและ เยาวชน โดยให้จัดซื้อตามวิธีการของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือนเมษายน 2553 เป็นต้นไป และอนุมัติเป็นหลักการสำหรับปีงบประมาณต่อไป ทั้งนี้ ไม่รวมการ จัดซื้อข้าวสารและข้าวสารเหนียว และนมสด ให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2552 เป็นการ ถาวรและต่อเนื่อง 2. ให้ดำเนินการจัดซื้อผลไม้และพืชอื่นที่รับประทานแทนผลไม้ ระหว่างกรมราชทัณฑ์กับเกษตรกรโดย ตรงตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2552 เป็นการถาวรและต่อเนื่อง 3. ขยายระยะเวลาการยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2552 ในส่วน ของการจัดซื้ออาหารสด (เนื้อสัตว์และพืชผัก) และวัสดุปรุงอาหารต่อไปเป็นเวลา 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 1 เมษา ยน 2553-30 กันยายน 2553 โดยในระหว่างเวลาดังกล่าวให้ใช้วิธีการจัดซื้อที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันและตาม ที่ได้รับยกเว้นอยู่ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
6145 | ร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการพลเรือนสามัญออกจากราชการกรณีสมัครไปปฎิบัติงานใด ๆ ตามความประสงค์ของทางราชการ พ.ศ. .... | นร | 23/03/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการพลเรือนสามัญออกจากราชการกรณี
สมัครไปปฏิบัติงานใด ๆ ตามความประสงค์ของทางราชการ พ.ศ. .... ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ และให้ดำเนิน การต่อไปได้ โดยร่างกฎ ก.พ. ฯ มีสาระสำคัญดังนี้ 1. กำหนดหน่วยงานที่จะสั่งให้ข้าราชการพลเรือนสามัญไปปฏิบัติงานใด ๆ ตามความประสงค์ของทาง ราชการจะต้องเป็นหน่วยงานที่จัดตั้งใหม่เป็นเวลาไม่เกินห้าปี และเป็นการไปปฏิบัติงานในหน่วยงานลักษณะใด ลักษณะหนึ่ง ซึ่งได้แก่ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน หน่วยบริการรูปแบบพิเศษ หน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นตามกฎ หมายเฉพาะหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรี และหน่วยงานอื่นตามที่ ก.พ. กำหนด 2. กำหนดกรณีการไปปฏิบัติงานตามความประสงค์ของทางราชการตามกฎ ก.พ. นี้ หมายถึง การไป ปฏิบัติงานตามความประสงค์ร่วมกันของหน่วยงานต้นสังกัดและหน่วยงานตามข้อ 1. และต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์ ของทางราชการ โดยอาจเป็นไปเพื่อประโยชน์ของหน่วยงานต้นสังกัด หรือหน่วยงานตามข้อ 1. หรือเป็นไปเพื่อ ประโยชน์ของทางราชการโดยรวมก็ได้ 3. กำหนดให้ข้าราชการพลเรือนสามัญซึ่งถูกสั่งให้ออกไปปฏิบัติงานใด ๆ ต้องแสดงความสมัครใจเป็น ลายลักษณ์อักษร และจะต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามดังนี้ คือ มีอายุน้อยกว่าห้าสิบปี มีอายุราชการ ไม่น้อยกว่าห้าปี และไม่อยู่ระหว่างถูกดำเนินการทางวินัยหรืออยู่ระหว่างชดใช้ทุน และหากกรณีที่มีเหตุผลความ จำเป็นเพื่อประโยชน์ของทางราชการ ก.พ. จะพิจารณายกเว้นคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามให้เป็นการเฉพาะราย ก็ได้
|
|||||||||||||||||||||
6146 | การดำเนินการแก้ไขปัญหาราคาไข่ไก่ตามมติคณะรัฐมนตรี | พณ | 23/03/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาราคาไข่ไก่ สรุปได้
ดังนี้ 1. การดำเนินการแก้ไขปัญหาราคาไข่ไก่ กระทรวงพาณิชย์ได้เชิญส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่แปดริ้ว และชลบุรี รวมทั้งห้างค้าปลีกและตลาดสด ประชุมหารือเพื่อแก้ไข ปัญหาไข่ไก่ ซึ่งผลการหารือทุกภาคส่วนพร้อมสนับสนุนการดำเนินการตามมติคณะรYฐมนตรีเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2553 ทั้งการรับซื้อไข่ไก่จากสมาคมและสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ การประชาสัมพันธ์รณรงค์เพื่อให้ข้าราชการในสังกัด บริโภคไข่ไก่เพิ่มขึ้น และการอำนวยความสะดวกด้านสถานที่ภายในส่วนราชการให้ผู้เลี้ยงไก่ไข่นำไข่ไก่ไปจำหน่าย นอกจากนี้ ได้มีการขยายตลาดรองรับผลผลิตไข่ไก่ โดยประสานเชื่อมโยงผู้เลี้ยงไก่ไข่นำไข่ไก่มาวางจำหน่ายให้แก่ผู้ บริโภคโดยตรง ตลอดจนจัดกิจกรรมรณรงค์การบริโภคไข่ไก่ 2. ผลการดำเนินการ ด้านปริมาณสามารถช่วยขยายตลาดให้ผู้เลี้ยงไก่ไข่ได้ระบายผลผลิตส่วนเกินเพิ่ม ขึ้นจากช่องทางปกติ จำนวน 7,094,300 ฟอง (22 มกราคม-12 กุมภาพันธ์ 2553) สำหรับด้านราคาไข่ไก่คละที่ เกษตรกรขายได้ ณ แหล่งผลิต ปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยไข่ไก่คละจากฟองละ 2.00 บาท ช่วงต้นเดือนมกราคม 2553 เป็นฟองละ 2.50 บาท ขณะที่ราคาขายส่งและขายปลีกไข่ไก่ในตลาดทั่วไปปรับสูงขึ้นเล็กน้อย โดยราคาขาย ปลีกไข่ไก่ เบอร์ 3 (ตลาด กทม.) ช่วงต้นเดือนมกราคม 2553 ฟองละ 2.50-2.60 บาท ปรับเป็นฟองละ 2.80- 2.90 บาท
|
|||||||||||||||||||||
6147 | แก้ไขคำสั่งแต่งตั้งข้าราชการการเมืองกระทรวงคมนาคม | คค | 23/03/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแก้ไขคำสั่งแต่งตั้งข้าราชการการเมืองตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10
มีนาคม 2552 และ 6 มกราคม 2552 จำนวน 2 ราย ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ 1. แก้ไขคำสั่งกระทรวงคมนาคมที่ 112/2552 สั่ง ณ วันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2552 ให้นางสาวศิลัมพา เลิศนุวัฒน์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (นายสุชาติ โชคชัยวัฒนากร) ตั้งแต่ วันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2553 เป็นต้นไป 2. แก้ไขคำสั่งกระทรวงคมนาคมที่ 9/2552 สั่ง ณ วันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2552 ให้นายสมศักดิ์ แต้ เจริญวิริยะกุล ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ปฏิบัติราชการในหน้าที่เลขานุ การรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (นายสุชาติ โชคชัยวัฒนากร) ตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2553 เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||
6148 | ผลการประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก ครั้งที่ 1/2553 | คค | 09/03/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เสนอผลการประชุม
คณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) ครั้งที่ 1/2553 เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2553 โดยที่ประชุมได้รับ ทราบบทบาท อำนาจหน้าที่ และกลไกการดำเนินงานของ คจร. สถานะการดำเนินงานโครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวล ชนและรถไฟชานเมือง รวมทั้งพิจารณาการดำเนินงานแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล โดยมีมติ ดังนี้ 1. เห็นชอบแผนแม่บทระบบขนส่งทางรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยกำหนดให้หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการในระยะ 10 ปีแรก (เปิดให้บริการภายในปี พ.ศ. 2556) ระยะทางรวม 154 กิโลเมตร ประกอบด้วย สายสีชมพู ช่วงแคราย-ปากเกร็ด-มีนบุรี ระยะทาง 36 กม., สายสีส้ม ช่วงตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรม (17.5 กม.) ศูนย์วัฒนธรรม-บางกะปิ-มีนบุรี (20 กม.), สายสีม่วง ช่วงบางซื่อ-ราษฎร์บูรณะ ระยะทาง 19.8 กม., สายสีเขียว ช่วงสะพานใหม่-คูคต ระยะทาง 7 กม. ช่วงสนามกีฬาแห่งชาติ-ยศเส ระยะทาง 1 ก.ม., สายสีแดงเข้ม ช่วงหัวลำโพง-บางบอน ระยะทาง 18 กม., สายสีแดงอ่อน ช่วงตลิ่งชัน-ศาลายา ระยะทาง 14 กม. และสาย Airport Link ช่วงดอนเมือง-บางซื่อ-พญาไท ระยะทาง 21 กม. 2. เห็นชอบในหลักการการต่อขยายโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม จากช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ ระยะ ทาง 11.4 กิโลเมตร เป็นหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต รวมระยะทาง 18.4 กิโลเมตร และให้ยกเลิกศูนย์ซ่อมบำรุง (Depot) บริเวณด้านทิศใต้ของสนามบินดอนเมือง และให้มีศูนย์ซ่อมบำรุงบริเวณตำบลคูคตแทน 3. เห็นชอบให้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณาความเหมาะสมการบริหารจัดการโครงการรถไฟฟ้าสายสี ส้ม และสายสีเขียวส่วนต่อขยาย โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) เป็นประธานอนุกรรมการ และ สนข. เป็นอนุกรรมการและเลขานุการ 4. เห็นชอบในหลักการให้รูปแบบการก่อสร้างโครงการรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-พญาไท- มักกะสัน และช่วงบางซื่อ-หัวลำโพง รวมทั้งโครงการ Airport Link ส่วนต่อขยาย ช่วงพญาไท-บางซื่อ เป็นวิธีการก่อ สร้างใต้ดินด้วย 5. เห็นชอบในหลักการการกำหนดรูปแบบทางวิ่งเป็นทางยกระดับและกำหนดรูปแบบทางรถไฟข้ามแม่น้ำ เจ้าพระยาเป็นสะพานรถไฟ บริเวณท่าเรือสี่พระยา-คลองสาน สำหรับโครงการรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงหัว ลำโพง-บางบอน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงหัวลำโพง-มหาชัย โดยดำเนินการรูป แบบเดียวกับโครงสร้างสะพานถนน เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรบริเวณสี่พระยา-คลองสาย โดยให้ยกเว้นการปฏิบัติ หรือดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2537 เรื่อง พื้นที่ที่กำหนดให้ระบบขนส่งมวลชน (รถ ไฟฟ้า) เป็นระบบใต้ดิน 6. ให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) โอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2552 ของโครงการศึกษาและออกแบบโครงข่ายระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน สายวงแหวนรอบในตามแนวถนนรัชดาภิเษก จำนวน 400 ล้านบาท เพื่อใช้ในการศึกษาทบทวนความเหมาะสม ออกแบบ รวมถึงจัดทำเอกสารประกวดราคา และ รายงานการวิเคราะห์โครงการตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจ การของรัฐ พ.ศ. 2535 โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี เพื่อเตรียมความพร้อมของโครงการก่อน ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป 7. เห็นชอบในหลักการให้หน่วยงานท้องถิ่นสามารถดำเนินโครงการระบบขนส่งมวลชนทางรางขนาดรอง ในพื้นที่ความรับผิดชอบของหน่วยงานเอง ที่มีแนวสายทางนอกเหนือ และไม่ซ้ำซ้อนกับโครงข่ายจากที่กำหนดไว้ใน แผนแม่บทในระยะเวลา 10 ปีแรก (ปี พ.ศ. 2562) ให้สามารถดำเนินการได้ กรณีที่เป็นโครงการระบบขนส่งมวลชน สายรองที่มีปริมาณผู้โดยสารในปีที่เริ่มเปิดดำเนินการต่ำกว่า 8,000 คน/ชั่วโมง/ทิศทาง ทั้งนี้ โดยความเห็นชอบ ของคณะรัฐมนตรี เพื่อให้เกิดการบูรณาการโครงข่ายระบบขนส่งมวลชนระบบตั๋วร่วม โครงสร้างอัตราค่าโดยสารร่วม อันเป็นประโยชน์แก่ประชาชนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
6149 | รายงานผลการติดตามการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีโดยคณะกรรมการประสานงานและขับเคลื่อนการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี (2 เรื่อง) | นร | 09/03/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการประสานงานและขับเคลื่อนการดำเนินงานตามมติคณะ
รัฐมนตรี (ปคค.) เสนอรายงานผลการประชุม ปคค. ครั้งที่ 6/2553 เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2553 ซึ่งที่ประชุมมีมติ รับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานความก้าวหน้าและปัญหาอุปสรรคในการ ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี จำนวน 2 เรื่อง คือ 1. การชำระเงินค่าใช้จ่ายในการรับฝากสินค้าขององค์การคลังสินค้า กระทรวงพาณิชย์รายงานว่าเมื่อวัน ที่ 23-26 กุมภาพันธ์ 2553 ได้ดำเนินการจ่ายเงินดังกล่าวแล้ว จำนวน 610.882 ล้านบาท และจะเร่งดำเนินการ จ่ายเงินจำนวนที่เหลืออีก 3,063.118 ล้านบาท ให้แล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคม 2553 2. การให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล โรคเขียว เตี้ยและโรคใบหงิก กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานว่า คณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรได้อนุมัติวง เงิน 739 ล้านบาท จากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรให้กรมส่งเสริมการเกษตรเพื่อนำไปใช้ดำเนินมาตรการเร่งด่วน เพื่อยุติการระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลฯ และในส่วนของสำนักงบประมาณอยู่ระหว่างการพิจารณาข้อเสนอ ของกรมการข้าวกรมส่งเสริมการเกษตร และกรมพัฒนาที่ดินที่เสนอขออนุมัติเงินงบประมาณจากงบกลาง รายการ เงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นจำนวน 501 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้ในการดำเนินมาตรการต่อเนื่อง เช่น การอบรม และประชาสัมพันธ์ ส่วนการประกาศรับสมัครเกษตรกรเข้าร่วมโครงการควบคุมการระบาดและตัดวงจร เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล โรคเขียวเตี้ย และโรคใบหงิก ขณะนี้ยังไม่มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ คาดว่าอาจเป็นเพราะ การประชาสัมพันธ์ยังไม่ทั่วถึงโดยจะเร่งรัดให้มีการลงพื้นที่จริงภายในวันที่ 31 มีนาคม 2553 และคาดว่าจะดำเนิน การแล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม 2553
|
|||||||||||||||||||||
6150 | การแก้ไขสัญญาสัมปทานของ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ตามแนวทางปฏิบัติตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมการงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 | ทก | 09/03/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารขยายระยะเวลาการดำเนิน
การตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2552 (เรื่อง ผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ครั้งที่ 17/2552) และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2553 (เรื่อง ผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐ กิจ ครั้งที่ 2/2553) เกี่ยวกับการแก้ไขสัญญาสัมปทานของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคม นาคม จำกัด (มหาชน) ตามแนวทางปฏิบัติตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการใน กิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 ออกไปอีกได้ 60 วัน
|
|||||||||||||||||||||
6151 | การออกสลากการกุศลงวดพิเศษ | กค | 09/03/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการการออกสลากการกุศลงวดพิเศษ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ 1.1 การออกสลากการกุศลเพื่อการพัฒนาศิริราชสู่สถาบันการแพทย์ชั้นเลิศในเอเชียอาค เนย์ จำนวนเงิน 5,000 ล้านบาท 1.2 การออกสลากการกุศลของมูลนิธิมิราเคิล ออฟ ไลฟ์ จำนวน 1,075.20 ล้านบาท 1.3 การออกสลากการกุศลของมูลนิธิรามาธิบดีในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราช สุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี จำนวนเงิน 1,056 ล้านบาท 2. ให้ยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2541 (เรื่อง การออกสลากการกุศลงวด พิเศษ) และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
6152 | เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ขอความเป็นธรรมในการใช้สิทธิประกันรายได้ | พณ | 09/03/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบกรอบแนวทางให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ให้ได้รับ
เงินชดเชยส่วนต่างราคาตามมติคณะกรรมการนโยบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553 ตามที่ รองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) ประธานกรรมการนโยบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เสนอ ดังนี้ 1. กรณีเกษตรกรที่ทำสัญญากับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ภายในวัน ที่ 30 พฤศจิกายน 2552 และไม่ได้แจ้งเปลี่ยนแปลงวันขอใช้สิทธิตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2552 (ที่เห็นชอบให้เปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์การใช้สิทธิของเกษตรกรจากเดิมที่ให้ใช้สิทธิได้หลังทำสัญญา 15 วัน เป็นสามารถใช้สิทธิได้ทันที) เนื่องจากไม่ได้รับทราบมติคณะรัฐมนตรีหรือการประชาสัมพันธ์ในพื้นที่ไม่ทั่ว ถึง โดยเกษตรกรที่ยังไม่ได้รับเงินชดเชยส่วนต่างราคาสามารถรับเงินชดเชยตามประกาศเกณฑ์กลางอ้างอิงช่วง วันที่ 16-30 พฤศจิกายน 2552 2. กรณีเกษตรกรที่ทำสัญญากับ ธ.ก.ส. หลังวันที่ 30 พฤศจิกายน 2552 ซึ่งเป็นช่วงการขยายเวลา ทำสัญญา เนื่องจากเกษตรกรบางส่วนยังไม่ได้ใบรับรองจากกรมส่งเสริมการเกษตร หรือ ธ.ก.ส. ทำสัญญาได้ ไม่ครบถ้วนตามระยะเวลาที่กำหนด และไม่ได้รับเงินชดเชยส่วนต่างราคาเพราะเกณฑ์กลางอ้างอิงข้าวโพดเลี้ยง สัตว์สูงกว่าราคาประกัน ก็อนุโลมให้สามารถใช้สิทธิรับเงินชดเชยส่วนต่างราคาตามประกาศคณะอนุกรรมการ กำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ในช่วงวันที่ 1-15 ธันวาคม 2552 ซึ่งเป็นช่วงที่มีส่วนต่างราคาช่วง สุดท้าย 3. กรณีเกษตรกรจังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดกำแพงเพชรให้ได้รับสิทธิรับเงินชดเชยรายได้ตามข้อ 1. และข้อ 2. ตามลำดับ
|
|||||||||||||||||||||
6153 | เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังขอความเป็นธรรมในการใช้สิทธิประกันรายได้ | พณ | 09/03/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบกรอบแนวทางให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังให้ได้รับเงิน
ชดเชยส่วนต่างราคา ตามมติคณะกรรมการนโยบายมันสำปะหลัง เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553 ตามที่รอง นายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) ประธานกรรมการนโยบายมันสำปะหลังเสนอ ดังนี้ 1. กรณีเกษตรกรที่ได้ทำสัญญากับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ภายใน วันที่ 30 พฤศจิกายน 2552 ซึ่งไม่ทราบการเปลี่ยนแปลงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2552 ที่เห็น ชอบให้เปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์การใช้สิทธิของเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังจากเดิมที่ให้เกษตรกรใช้สิทธิได้หลัง ทำสัญญา 45 วัน เป็นสามารถใช้สิทธิได้ทันที โดยเกษตรกรที่ยังไม่รับเงินชดเชยส่วนต่างสามารถรับเงินชดเชย ตามประกาศเกณฑ์กลางอ้างอิงช่วงวันที่ 16-30 พฤศจิกายน 2552 2. กรณีเกษตรกรที่ทำสัญญากับ ธ.ก.ส. หลังวันที่ 30 พฤศจิกายน 2552 เป็นต้นไป ตามมติคณะ รัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2552 ที่ได้ขยายเวลาการทำสัญญา จากสิ้นสุดวันที่ 30 พฤศจิกายน 2552 เป็น สิ้นสุดวันที่ 30 ธันวาคม 2552 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2552 ได้ขยายระยะเวลาการขึ้น ทะเบียนเกษตรกร จากสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2552 เป็นสิ้นสุดวันที่ 30 ธันวาคม 2552 พร้อมให้ขยายเวลา การทำสัญญาให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 15 มกราคม 2553 ทำให้ ธ.ก.ส. ทำสัญญาไม่ทัน เกษตรกรทั้งสองกลุ่ม นี้จึงมีสิทธิได้รับเงินชดเชยตามประกาศเกณฑ์อ้างอิงช่วงวันที่ 16-31 ธันวาคม 2552 แต่ช่วงเวลาดังกล่าวเกณฑ์ กลางอ้างอิงสูงกว่าราคาประกัน เกษตรกรจึงไม่ได้รับเงินชดเชยส่วนต่างแต่อย่างใด จึงเห็นควรให้เกษตรกรได้รับ เงินชดเชยตามประกาศเกณฑ์กลางอ้างอิงช่วงวันที่ 1-15 ธันวาคม 2552 3. กรณีเกษตรกรจังหวัดจันทบุรีและเกษตรกรจังหวัดกำแพงเพชรสามารถใช้สิทธิตามข้อร้องเรียนใน ข้อ 1. และข้อ 2. ตามลำดับ 4. สำหรับเกษตรกรที่ไม่มีความประสงค์จะใช้สิทธิรับเงินชดเชยตามประกาศเกณฑ์กลางอ้างอิงในช่วง วันที่ 1-15 ธันวาคม 2552 แต่มีความประสงค์จะเลือกใช้สิทธิในช่วงอื่นที่ยังไม่ได้มีการประกาศเกณฑ์กลางอ้าง อิง ให้เกษตรกรแจ้งความประสงค์เลือกวันขอใช้สิทธิกับ ธ.ก.ส. สาขาที่เกษตรกรได้ทำสัญญาอ้างอิงไว้ ภายในวัน ที่ 31 มีนาคม 2553
|
|||||||||||||||||||||
6154 | การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุแผ่นดินไหวในสาธารณรัฐชิลี | นร | 02/03/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุแผ่นดิน
ไหวในสาธารณรัฐชิลีในนามของประเทศไทย ในวงเงิน 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ โดย เป็นการให้เงินช่วยเหลือเพิ่มเติมจากกรอบวงเงินที่หลักเกณฑ์กำหนด ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2536 (เรื่อง การจัดตั้งคณะกรรมการพิจารณาให้ความช่วยเหลือแก่มิตรประเทศที่ประสบภัยพิบัติ) โดยเบิกจ่าย จากค่าใช้จ่ายให้ความช่วยเหลือแก่มิตรประเทศที่ประสบภัยพิบัติ ของกระทรวงการต่างประเทศ ทั้งนี้ หากค่าใช้ จ่ายในการให้ความช่วยเหลือดังกล่าวเหลืออยู่ไม่เพียงพอ ก็อนุมัติให้เบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในส่วนที่ขาดจำนวนจากงบ ประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยให้กระทรวงการต่างประเทศขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
6155 | ขออนุมัติต่ออายุสัญญาเงินกู้วงเงิน 800 ล้านบาท ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 02/03/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ต่ออายุสัญญาเงินกู้ วงเงิน 800 ล้านบาท จากธนาคาร กรุงไทยจำกัด (มหาชน) ต่อไปอีก 1 ปี สำหรับใช้ในกรณีที่อาจขาดเงินทุนหมุนเวียนในช่วงเวลาหนึ่ง ทั้งนี้ เพื่อไม่ ให้กระทบต่อการดำเนินงาน โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ 2. ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนัก งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการเร่งดำเนินการตามแผนการลงทุนด้านโครง สร้างพื้นฐานระยะเร่งด่วน พ.ศ. 2553-2557 ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2552 โดยปรับปรุง และพัฒนาสภาพทางรถไฟระบบอาณัติสัญญาณ การจัดหารถจักรและล้อเลื่อนเพื่อให้เกิดความสะดวก ปลอดภัย และเพิ่มประสิทธิภาพในการเดินรถ นอกจากนี้ รฟท. ควรควบคุมและบริการจัดการค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพ เพื่อลดผลการขาดทุนขององค์กรในระดับหนึ่ง ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
6156 | รายงานสถิตินักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยในปี พ.ศ. 2552 | กก | 02/03/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ดังนี้
1. รับทราบรายงานสถิตินักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยในปี พ.ศ. 2552 2. อนุมัติในหลักการในการคงหรือขยายระยะเวลาดำเนินการตามมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว ดังนี้ 2.1 ขยายระยะเวลายกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเป็นการชั่วคราว จนถึงวัน ที่ 31 มีนาคม 2554 โดยให้กระทรวงมหาดไทยออกประกาศหรือกฎกระทรวงขยายระยะเวลาดังกล่าวโดยเร็ว 2.2 ปรับแผนการฝึกอบรม จัดประชุมสัมมนา และดูงานในประเทศให้มากขึ้น แทนการไปฝึกอบรม จัด ประชุมสัมมนา และดูงานในต่างประเทศ โดยดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2552 (เรื่อง การปรับแผนการฝึกอบรม จัดประชุมสัมมนา และการดูงาน) 2.3 ขยายระยะเวลาการลดหย่อนค่าประกันการใช้ไฟฟ้าสำหรับผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมต่อไป จนถึงวัน ที่ 31 ธันวาคม 2553 2.4 ขยายระยะเวลาการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการขึ้นลงของอากาศยานและที่เก็บอากาศยาน (Land ing & Parking Fee) จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2553 2.5 ขยายระยะเวลาโครงการประกันภัยคุ้มครองชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย กรณีเกิด การจลาจล จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2554 โดยอนุมัติงบประมาณรายจ่าย งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณี ฉุกเฉินหรือจำเป็นตามภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในแต่ละคราวไปภายในวงเงิน 518 ล้านบาท ทั้งนี้ หากมีความจำเป็น ที่จะต้องขยายระยะเวลาดำเนินการตามมาตรการต่อไปอีก ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาทำการศึกษาวิเคราะห์ ในเชิงลึกถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นเพื่อเปรียบเทียบความคุ้มค่าตลอดจนผลดีผลเสียในการใช้มาตรการดังกล่าวประกอบ การพิจารณาด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ 2.6 ให้ผู้ประกอบการสามารถนำค่าใช้จ่ายการจัดประชุม สัมมนา อบรม และการจัดการท่องเที่ยวเป็น รางวัลในประเทศแก่พนักงานมาหักเป็นค่าใช้จ่ายได้ 2 เท่าของที่จ่ายจริงสำหรับปี พ.ศ. 2553 ตามที่รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอเพิ่มเติม 2.7 ยกเว้นค่าธรรมเนียมประกอบธุรกิจโรงแรม ปีละ 80 บาทต่อห้องพัก ให้คงระยะเวลาดำเนินการ จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2553 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2552 (เรื่อง ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่า ธรรมเนียมการประกอบธุรกิจโรงแรมทุกประเภท พ.ศ. ....) 2.8 ขยายระยะเวลาโครงการช่วยเหลือด้านการเงินแก่ผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจาก วิกฤตเศรษฐกิจและปัญหาภายในประเทศ โดยขยายระยะเวลายื่นคำขอต่อไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2553 3. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามระเบียบ กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินมาตรการกระตุ้น การท่องเที่ยว 4. ให้กระทรวงมหาดไทยเร่งรัดตรวจสอบ และดำเนินการตามกฎหมายกับสถานที่พักที่ประกอบธุรกิจขัด ต่อพระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ. 2547 รวมทั้งเร่งรัดการออกใบอนุญาตสำหรับผู้มายื่นขอใบอนุญาตตามประกาศ กฎกระทรวงกำหนดประเภทและหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจโรงแรม พ.ศ. 2551 ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และให้เร่งรัด จัดทำฐานข้อมูลธุรกิจอพาร์ทเมนต์ที่ประกอบธุรกิจขัดต่อพระราชบัญญัติดังกล่าว 5. การชดเชยงบประมาณให้แก่หน่วยงานต่าง ๆ ที่ต้องสูญเสียรายได้อันเนื่องมาจากการยกเว้น หรือลด หย่อนค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ตามมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว ให้สำนักงบประมาณรับไปดำเนินการ |
|||||||||||||||||||||
6157 | ขอความเห็นชอบโครงการที่พักอาศัยข้าราชการ กรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ | พม | 02/03/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบโครงการที่พักอาศัยข้าราชการกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ โดยให้กระทรวง การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์มอบให้การเคหะแห่งชาติ (กคช.) เป็นผู้ดำเนินการจัดทำโครงการที่พัก อาศัยข้าราชการกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของ มนุษย์เสนอ และให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เร่งประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัด กระบวนการดำเนินการเพื่อให้สามารถเริ่มการก่อสร้างโครงการได้โดยเร็วต่อไป ตามความเห็นของสำนักงานคณะ กรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 2. อนุมัติงบประมาณค่าใช้จ่ายของโครงการ ในวงเงินทั้งสิ้น 212,163,000 บาท (ค่าใช้จ่ายเตรียมโครง การและค่าดำเนินการ เป็นเงิน 21,831,400 บาท + ค่าก่อสร้างอาคารพร้อมสิ่งก่อสร้าง เป็นเงิน 190,331,600 บาท) โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นจำนวน 70,000,000 บาท ส่วนที่เหลืออีกจำนวน 142,163,000 บาท ให้เสนอขอรับ การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ต่อไป โดยให้พิจารณาดำเนินการให้สอดคล้องและ เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||
6158 | รายงานผลการติดตามมติคณะรัฐมนตรีโดยคณะกรรมการประสานงานและขับเคลื่อนการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี (รายงานครั้งที่ 1) | นร | 02/03/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่คณะกรรมการประสานงานและขับเคลื่อนการดำเนินงานตามมติคณะ
รัฐมนตรี (ปคค.) เสนอรายงานผลการติดตามการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีโดย ปคค. (รายงานครั้ง ที่ 1) โดย ปคค. ได้มีการประชุม 5 ครั้ง มีเรื่องที่เข้าที่ประชุมจำนวนทั้งสิ้น 39 เรื่อง ประกอบด้วย 1. เรื่องที่มีการติดตามและได้รับทราบความก้าวหน้าในการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีและ นโยบายของรัฐบาลของหน่วยงานต่าง ๆ จำนวน 17 เรื่อง 2. เรื่องที่ ปคค. ได้ขอให้หน่วยงานต่าง ๆ เร่งรัดการดำเนินการ จำนวน 10 เรื่อง 3. เรื่องอื่น ๆ ที่ประธาน ปคค. แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบเพื่อประโยชน์ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่จะนำไปประกอบการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี จำนวน 12 เรื่อง
|
|||||||||||||||||||||
6159 | การทดสอบประสิทธิภาพเครื่องตรวจหาวัตถุระเบิด จีที 200 | นร | 02/03/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกระทรวงกลาโหมหารือร่วมกัน
เพื่อจัดทำรายงานผลการดำเนินงานเกี่ยวกับประสิทธิภาพของเครื่องตรวจหาวัตถุระเบิด จีที 200 ที่ผ่านมา และ แผนการดำเนินการที่เหมาะสมในการตรวจหาวัตถุระเบิดของเจ้าหน้าที่ในระยะต่อไป ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวัน ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2553 (เรื่อง การทดสอบประสิทธิภาพเครื่องตรวจหาวัตถุระเบิด จีที 200) เพื่อเสนอคณะ รัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
6160 | ผลการดำเนินงานโครงการประกันรายได้เกษตรกร รอบที่ 1 และความก้าวหน้า รอบที่ 2 | นร | 02/03/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2553 จากเดิมที่ว่า
"เห็นชอบเป็นหลักการให้เกษตรกรที่ทำสัญญาประกันรายได้ รอบที่ 1 ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2552 และธนาคาร เพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรแจ้งให้เกษตรกรดังกล่าวใช้สิทธิในเดือนธันวาคม 2552 และมกราคม 2553 สามารถขอใช้สิทธิเพื่อรับการชดเชยตามโครงการ ..." เป็น "เห็นชอบเป็นหลักการให้เกษตรกรที่ทำสัญญาประกัน รายได้ รอบที่ 1 ก่อนวันที่ 30 พฤศจิกายน 2552 และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรแจ้งให้เกษตร กรดังกล่าวใช้สิทธิในเดือนธันวาคม 2552 และมกราคม 2553 สามารถขอใช้สิทธิเพื่อรับการชดเชยตามโครการ ..." ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ
|
.....