ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 144 จากทั้งหมด 569 หน้า แสดงรายการที่ 2861 - 2880 จากข้อมูลทั้งหมด 11372 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2861 | การยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2540 เรื่อง การทำความตกลงกับแคนาดาเรื่องการขายอาคารชุดของสถานเอกอัครราชทูตโดยได้รับการยกเว้นภาษีและค่าธรรมเนียม | นร05 | 25/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๔๐ (เรื่อง การทำความตกลงกับแคนาดาเรื่องการขายอาคารชุดของสถานเอกอัครราชทูตโดยได้รับการยกเว้นภาษีและค่าธรรมเนียม) ในส่วนที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการว่า ให้กระทรวงการต่างประเทศรับไปพิจารณาทำความตกลงในเรื่องการซื้อและการขายที่ดิน อาคาร และอาคารชุดกับสถานเอกอัครราชทูตต่าง ๆ โดยได้รับการยกเว้นภาษีอากรและค่าธรรมเนียมการโอนบนพื้นฐานของหลักถ้อยทีถ้อยปฏิบัติได้ โดยรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบในภายหลัง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2862 | ขออนุมัติการจัดทำและลงนามบันทึกความตกลงในการจัดตั้งศูนย์ระดับภูมิภาคว่าด้วยปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อความยั่งยืนของซีมีโอที่ประเทศไทย | ศธ | 25/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการจัดทำและลงนามบันทึกความตกลงในการจัดตั้งศูนย์ระดับภูมิภาคว่าด้วยปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อความยั่งยืนของซีมีโอที่ประเทศไทย [Memorandum of Agreement between the Government of the Kingdom of Thailand and the Southeast Asian Ministers of Education Organization on the Establishment of the SEAMEO Regional Centre for Sufficiency Economy Philosophy for Sustainability (SEAMEO SEPS) in Thailand] และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้ลงนามในบันทึกความตกลงฯ รวมทั้งมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม โดยบันทึกความตกลงฯ มีสาระสำคัญเพื่อใช้เป็นหนังสือสัญญาความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและองค์การรัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเนื้อหาระบุถึงสถานที่ตั้งของศูนย์ อำนาจหน้าที่ของศูนย์โดยมีสถานะเป็นองค์กรในสังกัดของซีมีโอ (Subordinate Body) รวมถึงการบริหารจัดการด้านแผนและงบประมาณในการจัดตั้งและสนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์ โดยจะมีการลงนามบันทึกความตกลงฯ ในการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสของซีมีโอ ครั้งที่ ๔๑ (41st SEAMEO High Officials Meeting) ระหว่างวันที่ ๒๗-๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ณ กรุงเทพมหานคร ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทรายภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๒. ค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในการจัดตั้งศูนย์ระดับภูมิภาคว่าด้วยปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อความยั่งยืนของซีมีโอที่ประเทศไทย ให้กระทรวงศึกษาธิการใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ รายการเงินอุดหนุนศูนย์ระดับภูมิภาคว่าด้วยปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อความยั่งยืนของซีมีโอที่ประเทศไทย (SEAMEO SEPS) ที่ได้ตั้งงบประมาณรายจ่ายรองรับไว้แล้ว จำนวน ๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท สำหรับภาระค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามกรอบเวลาของแผนพัฒนา ๕ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๗) ตามนัยพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจะต้องให้เป็นไปตามกฎหมายวินัยการเงินการคลังต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2863 | ผลการประชุมคณะกรรมการจัดทำหลักเขตแดนร่วมระหว่างไทย - มาเลเซีย ครั้งที่ 25 | กต | 25/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. ผลการประชุมคณะกรรมการจัดทำหลักเขตแดนร่วมระหว่างไทย-มาเลเซีย (Land Boundary Committee : LBC) ครั้งที่ ๒๕ เมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม-๒ สิงหาคม ๒๕๖๑ ณ กรุงเทพมหานคร มีสาระสำคัญครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ เช่น (๑) การรับรองแนวทางในการปฏิบัติสำหรับการกำหนดระยะห่างที่เหมาะสมจากแนวเส้นเขตแดนของโครงการพัฒนาฝ่ายเดียวบริเวณใกล้เขตแดนไทย-มาเลเซีย (๒) การปรับปรุงบัญชีหลักเขตแดนที่อยู่นอกสันปันน้ำ โดยเป็นการเพิ่มรายละเอียดของหลักเขตแดนที่ ๔๓ ในบริเวณ ๑ (อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา) และหลักเขตแดนที่ 49C ในบริเวณ ๑๖ (อำเภอเบตง จังหวัดยะลา) ให้ทันสมัย และสะท้อนผลการสำรวจล่าสุด และ (๓) การพิจารณาร่างบันทึกความเข้าใจ/ร่างความตกลงว่าด้วยการรับรองผลการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนแบบคงที่ตามแม่น้ำโก-ลก (พื้นที่เร่งด่วน ๘) (พื้นที่จังหวัดนราธิวาส) เป็นต้น ๒. การลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการก่อสร้างและบำรุงรักษารั้วเดี่ยวบนเส้นเขตแดนที่บ้านด่านนอก/บูกิตกายูฮิตัม จังหวัดสงขลา [MOU for the Construction and Maintenance of a Single Barrier in the Area between BP 20A/12 and BP 23/104 in Area III (BP 16-BP27)] ซึ่งมีการปรับแก้หมายเลขหลักเขตแดนที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามผังสนาม ซึ่งเป็นการปรับแก้ทางเทคนิคให้สอดคล้องกับตำแหน่งของหลักเขตแดน โดยยังคงมีสาระสำคัญตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ที่เห็นชอบไว้แล้ว ๓. คำสั่งจัดตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อก่อสร้างและบำรุงรักษารั้วเดี่ยวบนเส้นเขตแดนที่บ้านด่านนอก/บูกิตกายูฮิตัม จังหวัดสงขลา (ฝ่ายไทย) สั่ง ณ วันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๑
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2864 | ขออนุมัติตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 สำหรับรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ของกระทรวงคมนาคม | คค | 25/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของกระทรวงคมนาคม จำนวนรวม ๓๑ โครงการ และให้กระทรวงคมนาคมเสนอสำนักงบประมาณพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และจัดทำแผนการดำเนินการและยืนยันความพร้อมของโครงการ โดยมีรายละเอียดแบบรูปรายการ ประมาณการค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และมีสถานที่/พื้นที่พร้อมจะดำเนินการ โดยคำนึงถึงความคุ้มค่า และประหยัด การพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่จะได้รับ ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมถึงจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้เหมาะสมกับความจำเป็นเร่งด่วน และคำนึงถึงภาระผูกพันงบประมาณในแต่ละปีงบประมาณให้เป็นไปตามสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนที่กำหนดตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป และในส่วนของโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการของกระทรวงคมนาคม ให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาทบทวนความพร้อมของโครงการดังกล่าวอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากยังไม่มีรายละเอียดของโครงการที่ชัดเจน รวมทั้งการขอเช่าพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทยเพื่อก่อสร้างอาคารที่ทำการของกระทรวงคมนาคมเห็นว่ามีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินโครงการดังกล่าวให้กระทรวงคมนาคมจัดทำรายละเอียดโครงการนี้ที่แสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการดำเนินโครงการเพื่อประกอบการยื่นคำของบประมาณไปยังสำนักงบประมาณต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2865 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยดำเนินกิจการรถไฟฟ้าในจังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. .... | คค | 25/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยดำเนินกิจการรถไฟฟ้าในจังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ดำเนินกิจการรถไฟฟ้าในจังหวัดนครราชสีมา ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการก่อสร้างโครงข่ายระบบขนส่งสาธารณะจังหวัดนครราชสีมาเป็นระบบรถไฟฟ้ารางเบา (Street Running Light Rail) เข้าข่ายประเภทและขนาดของโครงการหรือกิจการ ซึ่งต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment : EIA) และการดำเนินการตามมาตรการ PPP Fast Track รฟม. จะต้องปฏิบัติตามมาตรา ๔๙ วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ และควรให้กระทรวงคมนาคม (สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร และ รฟม.) ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๖๑ และมติคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก ในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ในส่วนของการจัดลำดับความสำคัญของแนวเส้นทางที่จะดำเนินการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนสาธารณะในจังหวัดนครราชสีมาในระยะแรก โดยให้ประสานกับกระทรวงมหาดไทย (องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) เพื่อให้การพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะสามารถสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของจังหวัดภายใต้แผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัดต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2866 | การจัดให้มีบริการเลขหมายโทรศัพท์ฉุกเฉินแห่งชาติเลขหมายเดียว (National Single Emergency Number) | ตช | 25/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการโครงการจัดตั้งศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินแห่งชาติ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดหาและติดตั้งระบบศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินแห่งชาติที่ทันสมัย โดยดำเนินการต่อยอดจากระบบศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน ๑๙๑ (Call Center) ปรับเปลี่ยนมาเป็นศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินแห่งชาติ โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย มีระบบบอกพิกัดตำแหน่งของผู้โทร สามารถรองรับการรับแจ้งเหตุฉุกเฉินได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยมีช่องทางแจ้งเหตุฉุกเฉินได้หลายช่องทาง เช่น VDO Call, Social Media, Mobile App, SMS, MMS เป็นต้น และเชื่อมต่อกล้องวงจรปิดครอบคลุมได้ทั่วทุกภาคและทุกจังหวัดของประเทศ รวมถึงการบูรณาการรับแจ้งเหตุฉุกเฉินทุกเหตุการณ์ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของหลาย ๆ หน่วยงานเข้าด้วยกันโดยใช้หมายเลข ๑๙๑ เลขหมายเดียว และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับผิดชอบในการดำเนินโครงการฯ โดยให้ขอรับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายลงทุน (Investment Cost) วงเงิน ๓,๑๔๐ ล้านบาท และค่าใช้จ่ายดำเนินการ (Operating and Maintenance Expenditure) จำนวน ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๗) วงเงิน ๔,๒๓๒.๘๘ ล้านบาท รวมทั้งสิ้น ๗,๓๗๒.๘๘ ล้านบาท จากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ ของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติตามขั้นตอนต่อไป สำหรับค่าใช้จ่ายดำเนินการในระยะต่อไปให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการให้ถูกต้อง โปร่งใส เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงพลังงาน กระทรวงยุติธรรม กระทรวงสาธารณสุข และมติของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เช่น (๑) ระบบศูนย์บัญชาการเหตุฉุกเฉินแห่งชาติควรรองรับการเชื่อมโยงไปยังฐานข้อมูลอื่น ๆ ที่สำคัญ เช่น ข้อมูลผู้เชี่ยวชาญในการเข้าเผชิญเหตุในกรณีต่าง ๆ เป็นต้น (๒) ควรมีการพัฒนาระบบส่งต่อข้อมูลไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีความเสถียรและจัดเจ้าหน้าที่รับสายให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน และ (๓) ให้คำนึงถึงความเหมาะสมของเทคโนโลยี ความคุ้มค่าของวงเงินลงทุนและแนวทางการติดตามประเมินผลโครงการฯ ด้วย เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งรัดการดำเนินโครงการฯ ให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายในกรอบระยะเวลาตามแผนการดำเนินการที่กำหนดไว้ และให้ประเมินผลการดำเนินงานของศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินแห่งชาติเป็นระยะ ๆ เพื่อนำมาปรับปรุงการให้บริการประชาชนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นต่อไป ๓. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข ศูนย์บริการทางการแพทย์ฉุกเฉิน ศูนย์รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ เพื่อให้สามารถช่วยเหลือประชาชนที่ประสบเหตุได้อย่างทันท่วงที แลในอนาคตเมื่อศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินแห่งชาติมีความพร้อมสามารถดำเนินการได้อย่างสมบูรณ์แล้ว ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบอย่างถูกต้องและทั่วถึงก่อนพิจารณายกเลิกเลขหมายในระบบฉุกเฉินเลขหมายอื่น ๆ ให้หมดไปตามลำดับ เพื่อลดความสับสนของประชาชนและความซ้ำซ้อนในการทำงาน รวมทั้งเป็นการลดภาระงบประมาณของประเทศด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2867 | การบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ | วท | 25/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ท ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๔ ในส่วนของแนวทางการบริหารกิจการอุทยานวิทยาศาสตร์ และร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการส่งเสริมกิจการอุทยานวิทยาศาสตร์ พ.ศ. .... จากการบริหารและดำเนินงานของสำนักงานปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นการบริหารและดำเนินงานโดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ๑.๒ เห็นชอบการขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ในส่วนของการจัดตั้งและดำเนินการเมืองนวัตกรรม (Food Innopolis) จากการบริหารและดำเนินการของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ เป็นการบริหารและดำเนินงานโดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ๑.๓ รับทราบหลักการการบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ โดยรวมภารกิจดังกล่าวให้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานเดียวคือ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ เพื่อให้การบริหารจัดการในเรื่องดังกล่าวมีเอกภาพมากยิ่งขึ้น รวมทั้งเพื่อให้สอดคล้องกับการปฏิรูประบบการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และการจัดตั้งกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นอกจากนี้ เมื่อรวมภารกิจดังกล่าวเข้าด้วยกันแล้วจะทำให้มีรูปแบบการดำเนินการในลักษณะ Platform ที่บูรณาการทั้งประเทศ (Nationwide Cross-Cutting Platform) ภายใต้กลุ่มบริหารและส่งเสริมเขตนวัตกรรม ซึ่งเป็นโครงสร้างใหม่ของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ โดยบูรณาการการดำเนินงานอุทยานวิทยาศาสตร์และเขตนวัตกรรมของประเทศ ตั้งแต่การกำหนดทิศทางและออกแบบนโยบายในภาพรวมที่สอดคล้องกับนโยบายการขับเคลื่อนและพัฒนาประเทศด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม การกำกับดูแลและการบริหารจัดการอุทยานวิทยาศาสตร์ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค รวมถึงบูรณาการการขับเคลื่อนเมืองนวัตกรรมอาหารและคลัสเตอร์นวัตกรรมอื่น ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติรับไปดำเนินการ เช่น การพัฒนากลไกความเชื่อมโยงการบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญภายใต้มหาวิทยาลัยต่าง ๆ เช่น ห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ เครื่องมือการทดลองวิจัย เป็นต้น และควรจัดทำแผนการจัดการงบประมาณ บุคลากร ภารกิจ และทรัพยากรอื่น ๆ ให้มีความชัดเจนเพื่อให้การรวมภารกิจการดำเนินงานโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไม่เป็นอุปสรรคและเกิดต้นทุนค่าเสียโอกาส (Opportunity cost) ต่อการดำเนินงานของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติในอนาคต เช่น ภาระทางด้านการเงินการคลัง และการขาดแคลนบุคลากร เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2868 | การจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 สำหรับโครงการบำรุงรักษาและซ่อมแซมแก้ไขระบบตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์สินค้า ด้วยเครื่องเอกซเรย์ตามโครงการระยะที่ 2 ถึง 4 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 - พ.ศ. 2567 (5 ปี) | กค | 25/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ สำหรับโครงการบำรุงรักษาและซ่อมแซมแก้ไขระบบตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์สินค้าด้วยเครื่องเอกซเรย์ตามโครงการระยะที่ ๒ ถึง ๔ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-พ.ศ. ๒๕๖๗ (๕ ปี) ของกระทรวงการคลัง และให้กระทรวงการคลังเสนอสำนักงบประมาณพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลัง โดยกรมศุลกากรรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรพิจารณานำเงินนอกงบประมาณมาสมทบกับงบประมาณในสัดส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๔๕ พร้อมทั้งจัดทำแผนงานให้สอดคล้องกับแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ และให้ยืนยันความพร้อมของโครงการดังกล่าว โดยมีรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะ ผลการสอบราคา ประมาณการราคา และสถานที่/พื้นที่พร้อมที่จะดำเนินการให้ครบถ้วน โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัด การพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่จะได้รับ ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และคำนึงถึงภาระผูกพันงบประมาณในแต่ละปีงบประมาณให้เป็นไปตามสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนที่กำหนดตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2869 | การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทย กรณีรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป (จำนวนรวม 12 โครงการ) (การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทย กรณีรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป) | มท | 25/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของกระทรวงมหาดไทย จำนวนรวม ๑๒ โครงการ โดยให้กระทรวงมหาดไทยจัดลำดับความสำคัญของโครงการตามความเหมาะสมจำเป็น ตามวงเงินงบประมาณประจำปีเสนอสำนักงบประมาณพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรจัดทำแผนการดำเนินการและยืนยันความพร้อมของโครงการ โดยมีรายละเอียดพื้นที่ดำเนินการ แบบรูปรายการ ประมาณการค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และมีสถานที่/พื้นที่พร้อมจะดำเนินการ โดยคำนึงถึงความคุ้มค่า ประโยชน์ที่จะได้รับ ประสิทธิภาพ และผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมทั้งจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้เหมาะสมกับความจำเป็นเร่งด่วน และคำนึงถึงภาระผูกพันงบประมาณในแต่ละปีงบประมาณให้เป็นไปตามสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนที่กำหนด ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ เป็นต้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้สำนักงบประมาณรับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรกำหนดกรอบการจัดสรรงบประมาณ โดยคำนึงถึงความสอดคล้องกับเกณฑ์ต่าง ๆ ที่กำหนดตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ กฎหมาย ระเบียบ ประกาศ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2870 | รายการที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ที่จะเสนอคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ | ตช | 25/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ สำหรับโครงการจัดหาและติดตั้งระบบวิทยุสื่อสารดิจิทัล ระยะที่ ๓ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๕,๕๑๔.๔๖๓๗ ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ ๓ ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอสำนักงบประมาณพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรนำผลการประเมินโครงการฯ ในระยะที่ ๑ (ปี ๒๕๕๘-๒๕๖๐) และระยะที่ ๒ (ปี ๒๕๖๑-๒๕๖๒) มาปรับใช้เป็นแนวทางในการดำเนินโครงการฯ ในระยะที่ ๓ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพของการดำเนินโครงการฯ และมีความคุ้มค่าของการลงทุน รวมทั้งควรจัดทำแผนบริหารความเสี่ยงเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีในอนาคต และรองรับข้อจำกัดของระบบ Long Term Evolution (LTE) ในสถานการณ์ฉุกเฉิน อาทิ ภัยพิบัติ หรือภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่อาจส่งผลต่อความเสถียรของระบบจนไม่สามารถใช้งานเพื่อการสื่อสารได้ โดยอาจพิจารณาใช้อุปกรณ์สื่อสารระบบอนาล็อกควบคู่ไปกับระบบ LTE เพื่อเตรียมการสำหรับรองรับสถานการณ์ดังกล่าว เป็นต้น ไปประกอบการดำเนินการด้วย ๒. ให้สำนักงบประมาณรับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรกำหนดกรอบการจัดสรรงบประมาณ โดยคำนึงถึงความสอดคล้องกับเกณฑ์ต่าง ๆ ที่กำหนดตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ กฎหมาย ระเบียบ ประกาศ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2871 | การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทย กรณีรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป (จำนวนรวม 12 โครงการ) [การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทย กรณีรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป (เพิ่มเติม)] | มท | 25/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของกระทรวงมหาดไทย จำนวนรวม ๑๒ โครงการ โดยให้กระทรวงมหาดไทยจัดลำดับความสำคัญของโครงการตามความเหมาะสมจำเป็น ตามวงเงินงบประมาณประจำปีเสนอสำนักงบประมาณพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรจัดทำแผนการดำเนินการและยืนยันความพร้อมของโครงการ โดยมีรายละเอียดพื้นที่ดำเนินการ แบบรูปรายการ ประมาณการค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และมีสถานที่/พื้นที่พร้อมจะดำเนินการ โดยคำนึงถึงความคุ้มค่า ประโยชน์ที่จะได้รับ ประสิทธิภาพ และผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมทั้งจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้เหมาะสมกับความจำเป็นเร่งด่วน และคำนึงถึงภาระผูกพันงบประมาณในแต่ละปีงบประมาณให้เป็นไปตามสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนที่กำหนด ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ เป็นต้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้สำนักงบประมาณรับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรกำหนดกรอบการจัดสรรงบประมาณ โดยคำนึงถึงความสอดคล้องกับเกณฑ์ต่าง ๆ ที่กำหนดตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ กฎหมาย ระเบียบ ประกาศ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2872 | การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทย กรณีรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป (จำนวนรวม 12 โครงการ) [การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทย กรณีรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป (เพิ่มเติม)] | มท | 25/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของกระทรวงมหาดไทย จำนวนรวม ๑๒ โครงการ โดยให้กระทรวงมหาดไทยจัดลำดับความสำคัญของโครงการตามความเหมาะสมจำเป็น ตามวงเงินงบประมาณประจำปีเสนอสำนักงบประมาณพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรจัดทำแผนการดำเนินการและยืนยันความพร้อมของโครงการ โดยมีรายละเอียดพื้นที่ดำเนินการ แบบรูปรายการ ประมาณการค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และมีสถานที่/พื้นที่พร้อมจะดำเนินการ โดยคำนึงถึงความคุ้มค่า ประโยชน์ที่จะได้รับ ประสิทธิภาพ และผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมทั้งจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้เหมาะสมกับความจำเป็นเร่งด่วน และคำนึงถึงภาระผูกพันงบประมาณในแต่ละปีงบประมาณให้เป็นไปตามสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนที่กำหนด ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ เป็นต้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้สำนักงบประมาณรับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรกำหนดกรอบการจัดสรรงบประมาณ โดยคำนึงถึงความสอดคล้องกับเกณฑ์ต่าง ๆ ที่กำหนดตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ กฎหมาย ระเบียบ ประกาศ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2873 | การจัดทำหนังสือแลกเปลี่ยนและความตกลงการดำเนินงานโครงการ ASEC 2025 ระหว่างอาเซียนกับเยอรมนี | กต | 25/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนและร่างความตกลงการดำเนินงานโครงการการเสริมสร้างขีดความสามารถของสำนักเลขาธิการอาเซียนและกระบวนการบูรณาการภายใต้กรอบวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน ค.ศ. ๒๐๒๕ (Strengthening of the ASEAN Secretariat Capacities and the Integration Process within the Framework of the ASEAN Community Vision 2025 : ASEC 2025) ระหว่างอาเซียนกับสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ๑.๒ อนุมัติให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างหนังสือตอบรับของฝ่ายอาเซียน และอนุมัติให้รองเลขาธิการอาเซียนด้านบริหารองค์กรหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างความตกลงฯ พร้อมให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งสำนักเลขาธิการอาเซียนผ่านคณะผู้แทนถาวรไทยประจำอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตาว่า รัฐบาลไทยให้ความยินยอมให้เลขาธิการอาเซียนและรองเลขาธิการอาเซียนฯ ลงนามในร่างเอกสารทั้งสองฉบับดังกล่าว ตามลำดับ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2874 | ร่างเอกสารบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี ไทย - รัสเซีย ครั้งที่ 7 | กต | 25/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างเอกสารบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย-รัสเซีย ครั้งที่ ๗ และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศร่วมรับรองร่างเอกสารฯ กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าสหพันธรัฐรัสเซีย ในการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย-รัสเซีย ครั้งที่ ๗ ในวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๑ ณ กระทรวงการต่างประเทศ (ไม่มีการลงนาม) โดยร่างเอกสารฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับประเด็นความร่วมมือทวิภาคีที่ทั้งสองประเทศได้ดำเนินการร่วมกันมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งประเด็นที่ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะแก้ไข พัฒนาและ/หรือผลักดันให้เกิดความคืบหน้า เพื่อประโยชน์ของการดำเนินความสัมพันธ์ และประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศของทั้งสองฝ่าย โดยมีประเด็นหลักที่จะหยิบยกขึ้นหารือระหว่างการประชุมฯ ได้แก่ ความร่วมมือด้านการเมือง เศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน อุตสาหกรรม พลังงาน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การเกษตร การศึกษาและวัฒนธรรม การท่องเที่ยว และสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทรายภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2875 | ร่างบันทึกความเข้าใจ (MOU) ด้านความร่วมมือในการพัฒนาอุตสาหกรรม ระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมกับกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า สหพันธรัฐรัสเซีย | อก | 25/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจ (MOU) ด้านความร่วมมือในการพัฒนาอุตสาหกรรม ระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมกับกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า สหพันธรัฐรัสเซีย และอนุมัติให้ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามร่างบันทึกความเข้าใจฯ ของฝ่ายไทย โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมความร่วมมือด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมร่วมกันเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย โดยจะจัดให้มีการลงนามร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย-รัสเซีย ครั้งที่ ๗ ในวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๑ ณ กระทรวงการต่างประเทศ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2876 | การให้การรับรองกฎถิ่นกำเนิดสินค้าเฉพาะรายสินค้าภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน - จีน | พณ | 25/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบกฎถิ่นกำเนิดสินค้าเฉพาะรายสินค้าภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อขอความเห็นชอบตามมาตรา ๑๗๘ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยต่อไป ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อปฏิบัติตามพันธกรณีที่กำหนดในการรับรองกฎถิ่นกำเนิดสินค้าเฉพาะรายสินค้าภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ แจ้งการให้การรับรองกฎถิ่นกำเนิดสินค้าเฉพาะรายสินค้าภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน ต่อคณะกรรมการร่วมกำกับการดำเนินงานภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ACFTA Joint Committee : ACFTA-JC) เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเห็นชอบกฎถิ่นกำเนิดสินค้าเฉพาะรายสินค้าภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน ๔. ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการเพื่อให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและได้รับการเยียวยาที่จำเป็นอันเกิดจากผลกระทบของการรับรองกฎถิ่นกำเนิดสินค้าเฉพาะรายสินค้าภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน ตามมาตรา ๑๗๘ วรรคสี่ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ๕. ให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ ๖. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการติดตามการดำเนินงานเพื่อบังคับใช้กฎถิ่นกำเนิดสินค้าเฉพาะรายสินค้าภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการใช้ประโยชน์ของภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2877 | ร่างพระราชบัญญัติคู่ชีวิต พ.ศ. .... | ยธ | 25/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติคู่ชีวิต พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีกฎหมายว่าด้วยคู่ชีวิต เพื่อรองรับสิทธิและหน้าที่ในการเป็นคู่ชีวิต ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ๓. ให้กระทรวงยุติธรรมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2878 | ร่างพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (เพิ่มเติมบุคคลที่ได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมและภาษีประจำปีสำหรับรถ) | คค | 25/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. ๒๕๒๒ เพื่อกำหนดให้รถของสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าของต่างประเทศที่จัดตั้งขึ้นในประเทศไทยตามความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลต่างประเทศ และรถของเจ้าหน้าที่สำนักงานดังกล่าว ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมรายงานประมาณการสูญเสียรายได้และประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการยกเว้นค่าธรรมเนียมและภาษีประจำปีตามร่างพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามมาตรา ๓๒ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ว่า ไทยจะต้องสูญเสียรายได้จากการยกเว้นค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนรถยนต์คันละประมาณ ๓๕๐ บาท และการยกเว้นภาษีประจำปีสำหรับรถยนต์ประมาณคันละ ๑,๖๐๐-๗,๐๐๐ บาท ซึ่งรถของสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกงและบุคลากรจะมีจำนวนไม่เกิน ๑๕ คัน โดยไทยจะสูญเสียรายได้เพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับประโยชน์ที่จะได้รับในเชิงเศรษฐกิจจากการค้าการลงทุนของทั้งสองประเทศ ๓. ให้กระทรวงคมนาคมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2879 | ร่างพระราชบัญญัติกำหนดค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงและสะพาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | คค | 25/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติกำหนดค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนต์บนทางหลวงและสะพาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมความในมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติกำหนดค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนต์บนทางหลวงและสะพาน พ.ศ. ๒๔๙๗ เพื่อขยายขอบเขตที่มาของแหล่งเงินให้ครอบคลุมถึงเงินค่าตอบแทนที่ได้รับจากกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน และเงินค่าตอบแทนจากผู้ซึ่งได้รับคัดเลือกโดยวิธีประมูลในการลงทุนจัดให้มีหรือเข้าบริหารจัดการที่พักริมทางหรือสิ่งก่อสร้างอื่นใดในเขตทางหลวงพิเศษที่กำหนดให้ต้องเสียค่าธรรมเนียม และได้จัดสร้างขึ้นเพื่อประโยชน์แก่งานทางหรือผู้ใช้ทาง รวมทั้งเป็นการขยายขอบเขตของการใช้เงินให้ครอบคลุมถึงการก่อสร้าง ขยาย บูรณะ และบำรุงรักษาทางบริการที่จัดให้มีเมื่อมีการปิดทางหลวงหรือทางอื่นใดที่มีอยู่เดิม ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้พิจารณาในประเด็นเรื่องการใช้เงินค่าตอบแทนจากผู้ซึ่งได้รับคัดเลือกโดยวิธีประมูลในการลงทุนจัดให้มีหรือเข้าบริหารจัดการที่พักริมทางหรือสิ่งก่อสร้างอื่นใดในเขตทางหลวงพิเศษ และการขยายขอบเขตการใช้เงินโดยการโอนหรือจำหน่ายเงินค่าธรรมเนียมให้แก่กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานซึ่งจัดตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาด้วย แล้วให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลาและกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๓. ให้กระทรวงคมนาคมส่งผลการพิจารณาการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๕๘ ของคณะกรรมการนโยบายบริหารทุนหมุนเวียนให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อประกอบการพิจารณาต่อไป ๔. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า การพัฒนาโครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองของประเทศในระยะต่อไป จำเป็นต้องคำนึงถึงความสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งภายใต้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ ที่ได้กำหนดให้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบรางเป็นโครงข่ายหลักในการเดินทางและขนส่งสินค้าของประเทศ เพื่อให้การลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศในภาพรวมเป็นไปอย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูงสุด รวมทั้งสามารถนำไปสู่เป้าหมายตามตัวชี้วัดที่สำคัญภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐) เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๕. ให้กระทรวงคมนาคมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2880 | ร่างพระราชบัญญัติเจ้าพนักงานตำรวจศาล พ.ศ. .... | ศย | 25/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติเจ้าพนักงานตำรวจศาล พ.ศ. .... ของสำนักงานศาลยุติธรรม ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีเจ้าพนักงานตำรวจศาลทำหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย รักษาความปลอดภัยข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม บุคลากร ทรัพย์สิน และอาคารสถานที่ของศาลยุติธรรม และดำเนินการเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการจับกุมผู้ต้องหาและจำเลยที่หลบหนีการปล่อยชั่วคราว หรือผู้ที่ศาลได้ออกหมายจับแล้ว และให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ทั้งนี้ ให้ประธานกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติประสานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติในการพิจารณาปรับปรุงถ้อยคำ “เจ้าพนักงานตำรวจศาล” ในร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ โดยไม่ควรใช้คำว่า “ตำรวจ” ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวของสำนักงานศาลยุติธรรม ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
.....