ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 142 จากทั้งหมด 569 หน้า แสดงรายการที่ 2821 - 2840 จากข้อมูลทั้งหมด 11372 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2821 | ร่างบันทึกความตกลงระหว่างสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Programme : UNDP) | ทส | 22/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบบันทึกความตกลงระหว่างโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Programme : UNDP) และสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (Standard Letter of Agreement : LOA) โครงการสนับสนุนการดำเนินงานตามการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนดด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศภายหลังปี ค.ศ. ๒๐๒๐ : การสร้างความยั่งยืนผ่านกลไกทางการเงินเพื่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศในประเทศไทย [Nationally Determined Contribution (NDC) Support Project : Delivering Sustainability through Climate Finance Actions in Thailand] และอนุมัติให้เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความตกลงฯ เพื่อดำเนินโครงการ NDC โดยร่างความตกลงฯ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเรื่องการให้การสนับสนุนแก่โครงการ NDC เช่น สนับสนุนสำหรับความช่วยเหลือตามที่ได้กำหนดไว้ในเอกสารโครงการ NDC (ความช่วยเหลือเชิงวิชาการ การอำนวยความสะดวกในการจัดประชุมหรือการฝึกอบรม การตีพิมพ์รายงานการวิเคราะห์ ฯลฯ) และสนับสนุนการให้งบประมาณช่วยเหลือ จำนวน ๙๓๑,๕๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๓ เป็นต้น ส่วนโครงการ NDC มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนประเทศไทยให้สามารถดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้บรรลุเป้าหมายได้ตามแนวทางการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด (การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงร้อยละ ๒๐ ภายในปี พ.ศ. ๒๕๗๓ ความสามารถในการฟื้นตัวจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำแผนที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและแผนด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องไปประกอบการพิจารณากำหนดกิจกรรมต่าง ๆ ให้เป็นไปตามกรอบที่กำหนดไว้ในเอกสารโครงการ NDC
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2822 | แผนปฏิบัติการร่วมแม่น้ำโขงปลอดภัยเพื่อการควบคุมยาเสพติด 6 ประเทศ ระยะ 4 ปี (พ.ศ. 2562-2565) : กัมพูชา จีน สปป.ลาว เมียนมา ไทย เวียดนาม | ยธ | 22/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบแผนปฏิบัติการร่วมแม่น้ำโขงปลอดภัยเพื่อการควบคุมยาเสพติด ๖ ประเทศ ระยะ ๔ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๕) : กัมพูชา จีน สปป.ลาว เมียนมา ไทย และเวียดนาม มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดทิศทางความร่วมมือแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำร่วมกันเป็นระยะ ๔ ปี โดยใช้ยุทธศาสตร์การผนึกกำลังของสมาชิกทั้ง ๖ ประเทศ ในการปิดล้อมพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำและกำหนดมาตรการดำเนินการ ๗ ประการ ได้แก่ (๑) การสกัดกั้นควบคุมสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ที่ใช้ในการผลิตยาเสพติด (๒) การสกัดกั้นเส้นทางลำเลียงยาเสพติด (๓) การสกัดกั้นพื้นที่เสี่ยงตามแนวชายแดน (๔) การปราบปรามเครือข่ายการผลิตและค้ายาเสพติด (๕) การสกัดกั้นยาเสพติดตามลำแม่น้ำโขง (๖) การสนับสนุนมาตรการและความช่วยเหลือ และ (๗) การพัฒนาศูนย์ประสานงานแม่น้ำโขงปลอดภัยและการพัฒนาระบบ ๑.๒ เห็นชอบให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) ในฐานะตัวแทนประเทศไทยจัดทำคำขอรายจ่ายงบประมาณประจำปี ทั้งงบประมาณภายในประเทศและต่างประเทศในการดำเนินงานตามภารกิจต่าง ๆ ตามแผนปฏิบัติการร่วมดังกล่าว ๑.๓ ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ เรื่อง แนวทางการเสนอแผนเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี เนื่องจากปัญหายาเสพติดถือเป็นวาระแห่งชาติและอยู่ในกรอบนโยบายของฝ่ายความมั่นคง และแผนปฏิบัติการร่วมดังกล่าว มีความเร่งด่วนมาก จะต้องเริ่มปฏิบัติการในห้วงเดือนมกราคม ๒๕๖๒ ๒. ให้กระทรวงยุติธรรม และ สำนักงาน ป.ป.ส. รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า การปฏิบัติการร่วมดังกล่าวจะต้องไม่ก่อให้เกิดสิทธิแก่เจ้าหน้าที่ของประเทศสมาชิกหนึ่งในการบังคับใช้กฎหมายของตนในอาณาเขตของประเทศสมาชิกอื่น ๆ หรือกระทำการใด ๆ ที่อาจจะกระทบต่อสิทธิและอธิปไตยของไทยที่เกี่ยวกับเขตแดนตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และหากในอนาคตมีการจัดทำความตกลงเพื่อปฏิบัติการร่วมในพื้นที่ชายแดน ก็เห็นควรส่งร่างความตกลงดังกล่าวให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาต่อไป รวมทั้งเมื่อแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ ควรต้องตรวจสอบแผนปฏิบัติการร่วมดังกล่าวและปรับปรุงให้สอดคล้องกับแผนแม่บทดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. สำหรับภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ เห็นควรให้กระทรวงยุติธรรม โดย สำนักงาน ป.ป.ส. ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี รายการโครงการปฏิบัติการแม่น้ำโขงปลอดภัยของสำนักงาน ป.ป.ส. ซึ่งสำนักงบประมาณได้จัดสรรงบประมาณรองรับภารกิจดังกล่าวไว้แล้ว ส่วนในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นต้นไป ให้สำนักงาน ป.ป.ส. จัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์และเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้สอดคล้องกับภารกิจตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2823 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การปรับโครงสร้างหนี้ต่างประเทศสำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่ - บางซื่อ ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย | กค | 22/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ [เรื่อง การบริหารความเสี่ยงหนี้เงินกู้ต่างประเทศของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)] โดยเห็นชอบให้กระทรวงการคลังเป็นผู้กู้เงินบาทภายในประเทศเพื่อชำระคืนหนี้สกุลเงินเยนจากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) ก่อนถึงกำหนดชำระ (Prepayment) แทน รฟม. วงเงินเทียบเท่าไม่เกิน ๖๑,๒๘๘.๔๒ ล้านเยน ภายใต้สัญญาเงินกู้เลขที่ TXXX-1 และ TXXXII-3 โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ (ระยะที่ ๑ และระยะที่ ๒) รวมทั้งให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณให้แก่ รฟม. เพื่อชำระคืนหนี้แก่แหล่งเงินกู้โดยตรงทั้งเงินต้น ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในสัญญาชำระเงินคืนระหว่างกระทรวงการคลัง และ รฟม. ซึ่งจะได้ตกลงกันในรายละเอียดต่อไป ๑.๒ ให้ รฟม. นำงบประมาณที่ได้รับจัดสรรเพื่อการชำระคืนหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๒ สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ (ระยะที่ ๑ และระยะที่ ๒) สัญญาเงินกู้เลขที่ TXXX-1 และ TXXXII-3 มาสมทบกับวงเงินกู้ที่กระทรวงการคลังจัดหาให้ เพื่อใช้ชำระคืนหนี้ก่อนถึงกำหนดชำระให้แก่ JICA และในกรณีที่ รฟม. มีแหล่งเงินอื่น ให้สามารถนำมาสมทบเพื่อชำระคืนหนี้ก่อนถึงกำหนดชำระให้แก่ JICA ได้ด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรคำนึงถึงความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และพิจารณาป้องกันความเสี่ยงด้วยการทำธุรกรรม Forward ในช่วงเวลาที่เหมาะสม รวมทั้งคำนึงถึงภาวะตลาดตราสารหนี้ในขณะนั้นประกอบด้วย เพื่อให้การดำเนินการดังกล่าวสอดคล้องกับวัตถุประสงค์การบริหารจัดการต้นทุนให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพในภาพรวม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2824 | ขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ เพื่อต่ออายุประทานบัตรทำเหมืองแร่ ของบริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) ที่จังหวัดสระบุรี | อก | 22/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการขอผ่อนผันให้บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) ใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอ เพื่อต่ออายุประทานบัตรทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนเพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์และเพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง ซึ่งเป็นวัตถุดิบให้กับโรงงานผลิตปูนซีเมนต์ของบริษัทฯ ที่ตำบลหน้าพระลาน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี โดยสิ้นอายุวันที่ ๘ กันยายน ๒๕๕๖ (๓ แปลง) และวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๘ (๑ แปลง) ตามคำขอต่ออายุประทานบัตรที่ ๑-๔/๒๕๕๓ รวม ๔ แปลง ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงคมนาคม เช่น การกำกับให้มีการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม การดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ความสอดคล้องกับแผนแม่บทการบริหารจัดการแร่ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2825 | ขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 บี เพื่อทำเหมืองแร่ของบริษัท หินอ่อน จำกัด ที่จังหวัดสระบุรี | อก | 22/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี เพื่อทำเหมืองแร่ ตามคำขอประทานบัตรที่ ๓๙/๒๕๕๑ ของบริษัท หินอ่อน จำกัด ที่จังหวัดสระบุรี ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๓๓ และวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงคมนาคม เช่น เห็นควรให้บริษัท หินอ่อนฯ ดำเนินการตามมาตรการที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่คณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านเหมืองแร่และอุตสาหกรรมถลุงเหมืองแร่ให้ความเห็นชอบแล้วโดยเคร่งครัด และในระยะต่อไปกระทรวงอุตสาหกรรมควรเร่งผลักดันการจัดตั้งคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการแร่แห่งชาติให้แล้วเสร็จโดยเร็วตามมาตรา ๑๙ ของพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๖๐ เป็นต้น ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2826 | ความคืบหน้าผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะเพื่อการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 เรื่อง การปฏิรูปทนายความอาสา ทนายความขอแรง และที่ปรึกษากฎหมายของเด็กหรือเยาวชน ครั้งที่ 2 | ยธ | 22/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบความคืบหน้าผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะเพื่อการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. ๒๕๕๗ เรื่อง การปฏิรูปทนายความอาสา ทนายความขอแรง และที่ปรึกษากฎหมายของเด็กหรือเยาวชน ครั้งที่ ๒ ของหน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันขับเคลื่อนการปฏิรูปด้านระบบทนายความอาสา ทนายความขอแรง และที่ปรึกษากฎหมายของเด็กหรือเยาวชนด้านการประชาสัมพันธ์ และด้านอื่น ๆ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และมอบหมายกระทรวงยุติธรรมประสานงานให้สภาทนายความ ในพระบรมราชูปถัมภ์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการดำเนินการปฏิรูปตามข้อเสนอแนะฯ ในเรื่องดังกล่าว โดยกำหนดกรอบระยะเวลาและรายละเอียดแผนการดำเนินงานของการปฏิรูปให้ชัดเจนเพื่อผลักดันการดำเนินการตามข้อเสนอแนะฯ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายในเดือนตุลาคม ๒๕๖๒ ทั้งนี้ ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาตรวจสอบในรายละเอียดแนวทางการดำเนินการของเรื่องดังกล่าวกับแผนการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม เรื่องและประเด็นปฏิรูปที่ ๒ การพัฒนากลไกช่วยเหลือและเพิ่มเติมศักยภาพเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม ข้อ ๑.๔ จัดให้มีทนายความหรือที่ปรึกษาทางกฎหมายที่มีประสิทธิภาพให้แก่ผู้เสียหายผู้ต้องหาและจำเลย ตามที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๒๔ ก (เล่มที่ ๒) เพื่อให้เป็นไปตามแผนการปฏิรูปประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมประสานงานกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเพื่อนำรายงานผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะฯ ผ่านระบบติดตามและประเมินผลแห่งชาติ (eMENSCR) ต่อไป ๓. เห็นชอบให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๐ [เรื่อง รายงานผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะเพื่อการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. ๒๕๕๗ เรื่อง การปฏิรูปทนายความอาสา ทนายความขอแรง และที่ปรึกษากฎหมายของเด็กหรือเยาวชน] จาก “...ให้กระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงานติดตามผลการดำเนินการและรายงานผลความคืบหน้าการดำเนินการของหน่วยงานต่าง ๆ ให้คณะรัฐมนตรีทราบทุก ๖ เดือน...” เป็น “...ให้กระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงานติดตามผลการดำเนินการและรายงานผลความคืบหน้าการดำเนินการของหน่วยงานต่าง ๆ ผ่านระบบติดตามและประเมินผลแห่งชาติ (eMENSCR)”
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2827 | การศึกษาความเหมาะสมในรายละเอียดของรูปแบบการพัฒนาในพื้นที่จังหวัดชุมพร - ระนอง และพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี - นครศรีธรรมราช | นร11 | 22/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการศึกษาความเหมาะสมในรายละเอียดของรูปแบบการพัฒนาพื้นที่จังหวัดชุมพร-ระนอง และพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี-นครศรีธรรมราช (การพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้อย่างยั่งยืน หรือ Southern Economic Corridor : SEC) ของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประกอบด้วยโครงการจำนวนรวม ๑๑๖ โครงการ กรอบวงเงินปี ๒๕๖๒-๒๕๖๔ รวม ๑๐๖,๗๙๐.๑๓ ล้านบาท และให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินโครงการต่าง ๆ ที่จะช่วยสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจหรือเป็นประโยชน์โดยตรงต่อประชาชนเป็นลำดับแรกให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เช่น โครงการก่อสร้างเส้นทางรถไฟ ช่วงชุมพร-ระนอง และโครงการศึกษาแนวทางการรวบรวมและกระจายสินค้าเกษตรของสถาบันเกษตรด้วยโซ่ความเย็น (Cold Chain) เป็นต้น ๒. ในส่วนของโครงการจำเป็นเร่งด่วนที่ส่งผลสำคัญต่อการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้อย่างยั่งยืนและมีความพร้อมดำเนินการได้ทันทีในปี ๒๕๖๒ (Quick-win) จำนวน ๕ โครงการ วงเงินรวม ๔๔๘.๖๙๗๓ ล้านบาท ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๑ (เรื่อง มาตรการด้านการงบประมาณเพื่อการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บท) ในโอกาสแรก หากไม่เพียงพอ ให้เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงบประมาณ เช่น ควรนำผลการศึกษาความเหมาะสมของรูปแบบการพิจารณาในพื้นที่ดังกล่าวในแต่ละด้านเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุน (Project Feasibility Study) และควรตรวจสอบรายละเอียดแผนงาน/โครงการ ให้มีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและร่างแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ รวมทั้งแสดงรูปแบบการเชื่อมโยงหรือบูรณาการการดำเนินการ เป้าหมาย ตัวชี้วัดที่ทำให้เห็นถึงแนวทางการดำเนินการไปสู่เป้าหมาย และในการดำเนินโครงการต่าง ๆ ควรพิจารณาถึงประเภทและขนาดของโครงการหรือกิจการซึ่งต้องจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำด้วย เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2828 | ร่างพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 21 มกราคม 2562)] | นร | 22/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๖๒ ซึ่งเห็นควรเสนอแนะคณะรัฐมนตรียังไม่เสนอร่างพระราชบัญญัตินี้ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เนื่องจากร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ยังไม่สอดคล้องกับแนวทางการเสนอร่างพระราชบัญญัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๖๒ [เรื่อง สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๖๒)]
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2829 | ขออนุมัติให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเบิกจ่ายเงินและก่อหนี้ผูกพันนอกเหนือจากที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี เพื่อนำไปใช้จ่ายในรายการค่าก่อสร้างอาคารที่พักกองร้อยปราบจลาจลหญิง พร้อมส่วนประกอบ 1 หลัง | ตช | 15/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเบิกจ่ายเงินและก่อหนี้ผูกพันนอกเหนือจากที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี เพื่อนำไปใช้จ่ายในรายการค่าก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยกองร้อยปราบจลาจลหญิง พร้อมส่วนประกอบ จำนวน ๑ หลัง ในสัญญาครั้งที่ ๒ วงเงิน ๓๓,๒๐๐,๐๐๐ บาท เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย สำหรับงบประมาณที่จะใช้จ่ายให้ดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๑ (เรื่อง มาตรการด้านการงบประมาณเพื่อการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บท) ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ในการดำเนินโครงการก่อสร้างของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในคราวต่อไป ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบความพร้อมของโครงการในด้านต่าง ๆ ให้ละเอียดรอบคอบก่อนดำเนินการ รวมทั้งดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย ทั่งนี้ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง การพิจารณาและตรวจสอบความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการของส่วนราชการและการตรวจสอบข้อมูลผู้ละทิ้งงานราชการ) และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๑ (เรื่อง การดำเนินการออกแบบและก่อสร้างอาคารสถานที่และสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2830 | ขออนุมัติผลการจัดซื้อจัดจ้างรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ กรณีที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างอาคารศูนย์บริการสุขภาพและบริการสาธารณสุข 1 หลัง พร้อมที่จอดรถ จังหวัดเชียงใหม่ ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ | ศธ | 15/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ดำเนินการก่อสร้างอาคารศูนย์บริการสุขภาพและบริการสาธารณสุข ๑ หลัง พร้อมที่จอดรถ จังหวัดเชียงใหม่ ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในวงเงิน ๑,๒๐๙,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยให้ใช้จ่ายจากเงินงบประมาณ จำนวน ๓๕๘,๖๐๐,๐๐๐ บาท และใช้เงินนอกงบประมาณสมทบ จำนวน ๘๕๐,๔๐๐,๐๐๐ บาท โดยเงินงบประมาณให้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ การก่อสร้างอาคารดังกล่าวมีระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่จะต้องเสนอขออนุมัติขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณต่อรัฐมนตรีเจ้าสังกัด ตามนัยระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ ๗(๒) ทั้งนี้ ให้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่เร่งดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี หนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง และมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วน โดยพิจารณาถึงประโยชน์ที่รัฐหรือประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ ความคุ้มค่า รวมถึงความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจจะเกิดขั้นอย่างรอบคอบด้วย ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการ โดยมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รับความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในประเด็นการประเมินอัตราขยะติดเชื้อ การเพิ่มเติมรายละเอียดขั้นตอนและกระบวนการจัดการขยะติดเชื้อประเภทต่าง ๆ ให้ชัดเจน กระบวนการนำตะกอนแห้งไปทำปุ๋ยอย่างถูกหลักวิชาการ และการคืนพื้นที่โครงการ รวมทั้งให้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2831 | สรุปผลการปฏิบัติราชการของคณะรัฐมนตรีในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 | นร11 | 15/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแนวทางและข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีในการปฏิบัติราชการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน ๑ (เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน) ได้แก่ (๑) พัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการที่เน้นความโดดเด่นและเชื่อมโยงห่วงโซ่มูลค่าเพิ่มการท่องเที่ยวของกลุ่มจังหวัด (๒) เพิ่มศักยภาพการค้า การลงทุน การค้าชายแดนและการค้าต่างประเทศ (๓) พัฒนาเกษตรอินทรีย์ เกษตรปลอดภัย เกษตรแปรรูป ที่มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและสร้างมูลค่าเพิ่ม (๔) พัฒนาการบริการด้านสุขภาพแบบองค์รวม มุ่งเน้นการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (๕) บริหารจัดการ อนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน และ (๖) อื่น ๆ เช่น ติดตามการดำเนินงานของหน่วยงานในกำกับเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของหมู่บ้านและชุมชนท้องถิ่นให้สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน ติดตามการดำเนินงานร้านธงฟ้าประชารัฐ ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานตามนโยบายสำคัญของกระทรวงแรงงาน และประชุมติดตามโครงการสำคัญในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน ๑ เป็นต้น โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสั่งการไปพิจารณำเนินการต่อไป รวมทั้งรายงานผลการดำเนินงานให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติทราบด้วย ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2832 | ผลการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีกับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนภาคเอกชน ผู้บริหารท้องถิ่น และผู้แทนเกษตรกร เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 | นร11 | 15/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีกับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนภาคเอกชน ผู้บริหารท้องถิ่น และผู้แทนเกษตรกร เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน ๑ (เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง และลำพูน) เมื่อวันอังคารที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๖๒ ณ มหาวิทยาลัยราชกัฏลำปาง ตำบลชมพู อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง และเห็นชอบตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ รวมทั้งรายงานผลการดำเนินการให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2833 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ โครงการฐานข้อมูลภาพถ่ายทางอากาศประเทศไทย กรณีเร่งด่วน | กห | 15/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กองบัญชาการกองทัพไทยดำเนินโครงการฐานข้อมูลภาพถ่ายทางอากาศประเทศไทย ในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๖ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๘๘๓,๐๐๕,๗๐๐ บาท ตามนัยมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เป็นกรณีเฉพาะราย และยกเว้นการดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ กรณีที่ไม่สามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ สำหรับงบประมาณที่จะนำมาใช้จ่ายเพื่อการดังกล่าวในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ให้กองบัญชาการกองทัพไทยปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และ/หรือเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ เพื่อมาดำเนินการในโอกาสแรกก่อน จำนวน ๑๑๒,๓๗๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลือ จำนวน ๗๗๐,๖๓๕,๗๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๖ โดยให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป การดำเนินโครงการดังกล่าวให้กองบัญชาการกองทัพไทยขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบความเหมาะสมของราคาก่อนทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเกี่ยวกับการเชื่อมโยงข้อมูลเข้าสู่ระบบกลางของประเทศ (NGIS) และความเห็นของกระทรวงคมนาคมเกี่ยวกับการเผยแพร่ความรู้ด้านข้อมูลภาพถ่ายทางอากาศและการนำไปประยุกต์ใช้ทุกสาขา ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2834 | ขออนุมัติหลักการกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก | นร07 | 15/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้ใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในกรอบวงเงิน ๑,๐๐๐ ล้านบาท สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก โดยให้ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำรายละเอียดและค่าใช้จ่ายของภารกิจที่ได้รับมอบหมาย และนำเสนอคณะกรรมการฝ่ายกลั่นกรองการขอใช้งบประมาณฯ ให้ความเห็นชอบเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณจากสำนักงบประมาณโดยตรงต่อไป ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ทั้งนี้ กรอบวงเงินที่ได้รับอนุมัติในครั้งนี้ (๑,๐๐๐ ล้านบาท) ให้ใช้เป็นค่าใช้จ่ายเพื่อการดำเนินภารกิจของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทั้งในช่วงก่อนและหลังวันที่ ๔-๖ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ด้วย ตามความจำเป็นและเหมาะสม ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2835 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายละเอียดรายการและเพิ่มวงเงินการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยนอก 4 ชั้น เป็นอาคาร คสล. 4 ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ 5,640 ตารางเมตร โรงพยาบาลด่านช้าง ตำบลด่านช้าง อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี 1 หลัง | สธ | 08/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติเปลี่ยนแปลงรูปแบบรายการและเพิ่มวงเงินการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยนอก ๔ ชั้น เป็นอาคาร คสล. ๔ ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ ๕,๖๔๐ ตารางเมตร โรงพยาบาลด่านช้าง ตำบลด่านช้าง อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี ๑ หลัง ในวงเงิน ๑๑.๔๒ ล้านบาท สมทบกับวงเงินค่าก่อสร้างตามสัญญาจ้าง จำนวน ๗๕.๕๘ ล้านบาท รวมเป็นวงเงินทั้งสิ้น ๘๗.๐๐ ล้านบาท ตามที่สำนักงบประมาณได้เห็นชอบความเหมาะสมของวงเงินค่าก่อสร้างแล้ว ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้กระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้ความสำคัญในการควบคุมการใช้จ่ายเงินงบประมาณให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด และในการก่อหนี้ผูกพันหรือจ่ายเงิน จะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามนัยมาตรา ๓๗ ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง ครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ในการริเริ่มแผนงาน/โครงการต่าง ๆ ในอนาคต ให้กระทรวงสาธารณสุขถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง การพิจารณาและตรวจสอบความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการของส่วนราชการและการตรวจสอบข้อมูลผู้ละทิ้งงานราชการ) อย่างเคร่งครัดต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2836 | มาตรการป้องกันการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับป้ายโฆษณาบนทางสาธารณะ | ปช | 08/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบมาตรการป้องกันการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับป้ายโฆษณาบนทางสาธารณะ เป็นมาตรการเพื่อปรับปรุงการปฏิบัติราชการหรือวางแผนงานโครงการของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐ เพื่อป้องกันหรือปราบปรามการทุจริตและกระทำความผิดในกรณีต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับป้ายโฆษณาบนทางสาธารณะของเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมาตรการดังกล่าวแบ่งเป็น ๒ ระยะ คือ (๑) มาตรการระยะเร่งด่วน ประกอบด้วย มาตรการทางการบริหาร ที่ควรดำเนินการแล้วเสร็จภายใน ๖ เดือน และมาตรการทางกฎหมาย ที่ควรดำเนินการแล้วเสร็จภายใน ๑ ปี และ (๒) มาตรการระยะยาว ที่ควรดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) เสนอ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าภาพหลักร่วมกับกระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับมาตรการป้องกันการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับป้ายโฆษณาบนทางสาธารณะ ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไปพิจารณาดำเนินการ แล้วให้กระทรวงมหาดไทยรวบรวมผลการดำเนินการเสนอต่อคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว ภายใน ๓๐ วัน นับแต่ได้รับแจ้งมติคณะรัฐมนตรี ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรมีกฎหมายกำหนดเขต บริเวณ ย่าน ที่จะใช้ติดตั้งป้ายโฆษณาเพื่อรักษาภูมิทัศน์และป้องกันอันตรายที่เกิดจากป้าย การกำหนดให้มีเลขทะเบียนควบคุมป้ายโฆษณาในที่สาธารณะต่าง ๆ เป็นระบบเดียวต้องกำหนดให้มีหน่วยที่รับผิดชอบวางระบบเพื่อกำหนดเลขทะเบียนควบคุมเป็นระบบเดียวกัน การกำหนดพื้นที่เฉพาะสำหรับการติดตั้งป้ายโฆษณาทำให้เกิดภาระของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งจะต้องจัดหาพื้นที่และมีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของพื้นที่ดังกล่าว และควรพิจารณาแต่งตั้งคณะทำงานประกอบด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมกันพิจารณารายละเอียดของมาตรการทางกฎหมาย (ควรดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๑ ปี) เพื่อให้มาตรการต่าง ๆ มีผลบังคับใช้ทางกฎหมายและสามารถใช้ในการบริหารกิจการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2837 | ขออนุมัติดำเนินโครงการคลองระบายน้ำหลากบางบาล - บางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา | กษ | 08/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินงานโครงการคลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีวัตถุประสงค์เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำของแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณท้ายเขื่อนเจ้าพระยาถึงปากแม่น้ำ โดยการขุดคลองระบายน้ำหลากสายใหม่เพื่อผันน้ำเลี่ยงเมืองพระนครศรีอยุธยาจากแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่อำเภอบางบาลถึงอำเภอบางไทร รวมความยาวประมาณ ๒๒.๕๐ กิโลเมตร ซึ่งจะสามารถระบายน้ำได้สูงสุด ๑,๒๐๐ ลูกบาศก์เมตร/วินาที กำหนดแผนงานโครงการ ๕ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๖) กรอบวงเงินงบประมาณทั้งสิ้น ๒๑,๐๐๐ ล้านบาท และมอบหมายให้กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณพิจารณาจัดหาแหล่งเงินเพื่อสนับสนุนการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามแผนงานต่อไป ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายตามแผนงานโครงการ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ สำนักงบประมาณได้ตั้งงบประมาณรองรับไว้ในเบื้องต้นแล้ว จำนวน ๒๕๐ ล้านบาท ส่วนงบประมาณที่จะใช้ดำเนินการในปีงบประมาณ ๒๕๖๓-๒๕๖๖ เห็นควรให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทานพิจารณากำหนดระยะเวลาในการดำเนินโครงการให้สอดคล้องกับแผนการดำเนินโครงการ รวมทั้งให้กรมชลประทานหารือกับกระทรวงการคลังพิจารณาจัดหาแหล่งเงินอื่นที่เหมาะสมเพื่อสนับสนุนการดำเนินโครงการฯ เป็นลำดับแรก และหากมีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินงบประมาณตามแผน ก็เห็นควรให้กรมชลประทานจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความเหมาะสม จำเป็น ตามวงเงินงบประมาณประจำปีต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เช่น ควรเร่งดำเนินการจัดหาที่ดินและเตรียมการเบื้องต้นต่าง ๆ ให้แล้วเสร็จ ตามแผนที่กำหนดไว้ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2838 | ขออนุมัติกรอบงบประมาณโครงการรณรงค์บริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวของไทย ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ พ.ศ. 2563 - 2565 | พณ | 08/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้ดำเนินโครงการรณรงค์บริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวของไทย ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กระทรวงพาณิชย์ (กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กรมการค้าต่างประเทศ และกรมการค้าภายใน) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมการข้าว) จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ พร้อมทั้งวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยต้องพิจารณาถึงความประหยัดและคุ้มค่า ต้นทุนที่เหมาะสม ผลสัมฤทธิ์ ประโยชน์ที่รัฐหรือประชาชนจะได้รับ ความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ ความสามารถในการใช้จ่ายและการก่อหนี้ผูกพันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานด้านการวิจัยและนวัตกรรมที่มีอยู่ เพื่อลดความซ้ำซ้อนของกิจกรรมที่จะดำเนินโครงการ และเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕ ตามความจำเป็นและเหมาะสม และหากกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เห็นควรดำเนินโครงการตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ก็เห็นควรให้ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ในโอกาสแรก เพื่อดำเนินการประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้กับเกษตรกรและประชาชนในเรื่องการบริหารจัดการการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควร (๑) นำเสนอข้อมูลภาพรวมการดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้องตลอดช่วงที่ผ่านมา เพื่อรับทราบถึงโอกาสและอุปสรรคที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินโครงการในลักษณะของการส่งเสริมและรณรงค์การเพิ่มการบริโภคข้าว โดยเฉพาะในตลาดต่างประเทศที่มีการแข่งขันรุนแรง (๒) ให้ความสำคัญต่อการกำหนดเป้าหมายที่สำคัญสำหรับการติดตามประเมินผลโครงการในอีก ๕ ปีข้างหน้า ในลักษณะของปริมาณและมูลค่าการค้าที่เกิดขึ้นจริง และ (๓) ต่อยอดโครงการรณรงค์บริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวของไทย โดยเชื่อมโยงกับการผลิตและบริโภคสินค้าที่ได้รับมาตรฐาน GAP และมาตรฐานอินทรีย์ ตลอดส่งเสริมผู้ประกอบการโรงสีในการยกระดับการแปรรูปเข้าสู่มาตรฐาน GMP และมาตรฐานอินทรีย์ เพื่อรองรับผลผลิตข้าวที่สอดคล้องกับมาตรฐานอย่างทั่วถึง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2839 | วงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | นร07 | 08/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ จำนวน ๓,๒๐๐,๐๐๐ ล้านบาท ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2840 | ร่างกฎกระทรวงยกเลิกการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมตามมาตรา 12 (1) ประเภทนักท่องเที่ยวชนิดใช้ได้ครั้งเดียว เป็นการชั่วคราว พ.ศ. .... | ตช | 08/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักการร่างกฎกระทรวงยกเลิกการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมตามมาตรา ๑๒ (๑) ประเภทนักท่องเที่ยวชนิดใช้ได้ครั้งเดียว เป็นการชั่วคราว พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการขยายมาตรการในการยกเว้นการเก็บค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราของคนต่างด้าวซึ่งประสงค์จะเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อการท่องเที่ยวเป็นเวลาไม่เกินสิบห้าวัน ในกรณียื่นขอรับการตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง (Visa On Arrival) ที่มีการเก็บอัตราค่าธรรมเนียมประเภทนักท่องเที่ยว ชนิดใช้ได้ครั้งเดียว จำนวนเงิน ๒,๐๐๐ บาท ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๓๐ (พ.ศ. ๒๕๕๙) ออกตามความในพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ ให้ยกเลิกการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมดังกล่าวเป็นการชั่วคราวต่อไปอีก โดยกำหนดระยะเวลาการใช้บังคับต่อเนื่องจากที่ยกเว้นการเก็บค่าธรรมเนียมไว้เดิมจนถึงหลังช่วงเทศกาลสงกรานต์ คือ วันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๖๒ ถึงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๒ ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ โดยให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติแก้ไขถ้อยคำให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันกับกฎกระทรวงยกเลิกการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราตามมาตรา ๑๒ (๑) ประเภทนักท่องเที่ยว ชนิดใช้ได้ครั้งเดียว เป็นการชั่วคราว พ.ศ. ๒๕๖๑ ก่อนดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ ๒. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเตรียมบุคลากรเพื่อปฏิบัติหน้าที่ให้บริการในการตรวจลงตราให้เพียงพอกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยที่เพิ่มขึ้นด้วย รวมทั้งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรมีการประเมินความคุ้มค่าและผลกระทบในด้านต่าง ๆ ในการดำเนินการดังกล่าว เพื่อเป็นแนวทางของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการส่งเสริมการท่องเที่ยวในระยะต่อไปให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อราชการ และประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
.....