ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 145 จากทั้งหมด 569 หน้า แสดงรายการที่ 2881 - 2900 จากข้อมูลทั้งหมด 11372 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2881 | ร่างพระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 25/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของกระทรวงมหาดไทย ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร พ.ศ. ๒๕๓๔ โดยปรับปรุงวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการทะเบียนราษฎรในเรื่องต่าง ๆ เพื่อให้นายทะเบียนสามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถอำนวยความเป็นธรรมและอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนยิ่งขึ้น และเพื่อรองรับการจัดการประชากรของประเทศไทยซึ่งเป็นสมาชิกในประชาคมอาเซียนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน และกำหนดสิทธิในการยื่นคำร้องขอมีสัญชาติไทยของเด็กและบุคคลตามมาตรา ๑๙ มาตรา ๑๙/๑ มาตรา ๑๙/๓ และมาตรา ๓๗ ซึ่งจะเป็นมาตรการในการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับเด็กที่ไร้รากเหง้าที่ไร้รัฐและไร้สัญชาติในประเทศไทยให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงและหลักสิทธิมนุษยชน และให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2882 | ร่างพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การบังคับทางปกครอง) | นร09 | 25/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ เพื่อปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับการใช้บังคับทางปกครอง ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ แล้วให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อ การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2883 | ขอความเห็นชอบร่างความตกลงการค้าบริการอาเซียน | พณ | 25/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างความตกลงการค้าบริการอาเซียน (ASEAN Trade in Services Agreement : ATISA) ซึ่งจัดทำขึ้นระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน เพื่อนำมาใช้แทนร่างความตกลงการค้าบริการอาเซียนฉบับปัจจุบันที่จัดทำมาตั้งแต่ปี ๒๕๓๘ เพื่อปรับปรุงให้เป็นความตกลงที่ทันสมัย โดยเพิ่มหลักเกณฑ์ที่จะช่วยยกระดับมาตรฐานการจัดทำกฎระเบียบด้านบริการของสมาชิกอาเซียนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และไม่เป็นอุปสรรคทางการค้าบริการเกินความจำเป็น รวมทั้งช่วยเพิ่มความโปร่งใสในการใช้มาตรการทางการค้าบริการของประเทศสมาชิกอาเซียน โดยมีกำหนดการลงนามร่างความตกลงฯ ในการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (AEM Retreat) ครั้งที่ ๒๕ ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๓-๒๖ เมษายน ๒๕๖๒ ณ จังหวัดภูเก็ต ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อขอความเห็นชอบตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยต่อไป ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ลงนามในร่างความตกลงฯ เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติให้ความเห็นชอบร่างความตกลงฯ แล้ว ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญ และไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ลงนามในร่างความตกลงฯ เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติให้ความเห็นชอบร่างความตกลงฯ แล้ว ๔. ให้กระทรวงพาณิชย์ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อปฏิบัติตามพันธกรณีที่กำหนดในร่างความตกลงฯ ๕. ให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งต่อสำนักเลขาธิการอาเซียนว่าไทยพร้อมที่จะให้ร่างความตกลงฯ มีผลผูกพันต่อไป เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติมีมติเห็นชอบร่างความตกลงฯ แล้ว ๖. ให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2884 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ด้านการบริหารธุรกิจ) (นางเมธินี เทพมณี) | นร12 | 25/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางเมธินี เทพมณี เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ด้านการบริหารธุรกิจ) แทนตำแหน่งที่ว่าง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๑) เป็นต้นไป ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ และให้สำนักงาน ก.พ.ร. ดำเนินการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการในครั้งต่อไปให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดอย่างเคร่งครัด ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ เรื่อง การดำเนินการแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาตามกฎหมาย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2885 | รายงานผลการดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1 : 4000 (One Map) | ปปท. | 25/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบผลการดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน ๑: ๔๐๐๐ (One Map) ของคณะกรรมการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน ๑ : ๔๐๐๐ (One Map) (คณะกรรมการ กปนร.) โดยให้คณะกรรมการ กปนร. รับความเห็นของกระทรวงมหาดไทยในประเด็นการให้หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ในการดูแลที่ดินของรัฐแต่ละประเภทตรวจสอบแนวเขตที่ดินของรัฐอีกครั้ง โดยเฉพาะแนวเขตที่ดินของรัฐที่ทับซ้อนกับที่ดินของประชาชน และข้อสังเกตของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในประเด็นการกำหนดพื้นที่บางส่วนให้เป็นพื้นที่ป่าไม้ยังไม่สอดคล้องกับหลักการตามกฎหมายที่ใช้ในการดำเนินงานและมติคณะรัฐมนตรีเดิมในพื้นที่นั้น ๆ ไปหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย ให้ได้ข้อยุติในแต่ละประเด็นที่ชัดเจนโดยเร็ว แล้วให้หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายในการดูแลที่ดินของรัฐแต่ละประเภทนำข้อยุติดังกล่าวไปประกอบการดำเนินการตรวจสอบเส้นแนวเขตที่ดินของรัฐให้ถูกต้อง ตรงกัน และเห็นชอบร่วมกันก่อน แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบในการรับรองเส้นแนวเขตที่ดินของรัฐอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ การดำเนินการต่าง ๆ ดังกล่าวให้หน่วยงานต่าง ๆ ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย กฎ คำสั่ง ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายเป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินการแก้ไขหรือปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และแก้ไขแผนที่แนบท้ายกฎหมายให้สอดคล้องกับผลการดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน ๑ : ๔๐๐๐ (One Map) โดยให้คณะกรรมการ กปนร. เป็นฝ่ายประสานงานและให้ข้อเสนอแนะในการดำเนินการ ทั้งนี้ หน่วยงานของรัฐดังกล่าวต้องเร่งรัดดำเนินการแก้ไขหรือปรับปรุงกฎหมายในความรับผิดชอบให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายในสามร้อยหกสิบวันนับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ความเห็นชอบในการรับรองเส้นแนวเขตของรัฐแล้ว โดยอาจเสนอขอขยายระยะเวลาการดำเนินการต่อคณะกรรมการ กปนร. ได้ตามเหตุผลความจำเป็น แต่ทั้งนี้ไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวัน ๓. เห็นชอบในหลักการการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการแนวเขตที่ดินของรัฐ เพื่อทำหน้าที่บริหารจัดการแนวเขตที่ดินของรัฐ ให้คณะกรรมการ กปนร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เช่น การกำหนดอำนาจหน้าที่และองค์ประกอบของคณะกรรมการดังกล่าวให้ชัดเจน ไม่ซ้ำซ้อนกับอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการตามกฎหมายเฉพาะอื่น การนำแนวทางการพิจารณาการปฏิบัติงานตามอำนาจหน้าที่ที่กำหนดไว้โดยกฎหมาย ระเบียบ หรือมติคณะรัฐมนตรีของแต่ละหน่วยงานมาประกอบการพิจารณา เป็นต้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการที่แต่งตั้งขึ้นสามารถขับเคลื่อนการดำเนินการเกี่ยวกับการบริหารจัดการแนวเขตที่ดินของรัฐร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติด้วย ๔. ในการดำเนินการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือแผนที่แนบท้ายกฎหมายของหน่วยงานของรัฐ หากมีกรณีใดประสบปัญหาอุปสรรคในการดำเนินการ ให้หน่วยงานของรัฐเจ้าของเรื่องรายงานสภาพปัญหา พร้อมข้อเสนอแนะแนวทางการแก้ไขต่อคณะกรรมการบริหารจัดการแนวเขตที่ดินของรัฐที่จะได้แต่งตั้งขึ้น เพื่อพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2886 | ขออนุมัติดำเนินโครงการวังหีบอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดนครศรีธรรมราช และขออนุมัติผ่อนผันมติคณะรัฐมนตรีในการขอใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ | กษ | 18/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทานดำเนินโครงการวังหีบอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดนครศรีธรรมราช มีกำหนดแผนงานโครงการ ๕ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๖) กรอบวงเงินงบประมาณโครงการทั้งสิ้น ๒,๓๗๗.๖๔๔ ล้านบาท และผ่อนผันมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๓๒ กรณีการขอใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอ เพื่อให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทานสามารถเข้าใช้พื้นที่สำหรับการก่อสร้างโครงการฯ ต่อไป รวมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแผนงานปฏิบัติการป้องกันแก้ไขและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม และแผนปฏิบัติการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการฯ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทานเสนอปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามความสามารถในการใช้จ่ายและการก่อหนี้ผูกพันภายในปีงบประมาณให้สอดคล้องกับแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติอย่างเคร่งครัด และขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่ง ส่วนงบประมาณที่จะใช้ดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๖ ให้กรมชลประทานเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เช่น ควรให้ความสำคัญในการควบคุม กำกับดูแล โครงการฯ ให้เป็นไปตามระเบียบและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด และควรจัดตั้งงบประมาณเพื่อดำเนินการตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม มาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม และแผนปฏิบัติการป้องกัน แก้ไข และติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป รวมทั้งให้เร่งชี้แจงและทำความเข้าใจกับราษฎรผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินโครงการฯ ให้ถูกต้องชัดเจนก่อนการดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2887 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2560 เรื่อง มาตรการพิเศษเพื่อขับเคลื่อน SMEs สู่ยุค 4.0 (มาตรการด้านการเงิน) | อก | 18/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2888 | ขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2546 เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา - ชุมทางถนนจิระ | คค | 18/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงคมนาคม โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้รับการผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๔๖ เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. ดำเนินการตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๕/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๘ ซึ่งให้ รฟท. ดำเนินการตามมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เช่น (๑) ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและติดตามผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่เสนอไว้ในรายงาน EIA (๒) การดำเนินการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ขอให้ รฟท. คำนึงถึงทิศทางการไหลของน้ำโดยธรรมชาติ โดยการก่อสร้างรถไฟทางคู่ดังกล่าวต้องไม่กีดขวางทิศทางการไหลของน้ำที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และ (๒) การดำเนินโครงการฯ หากมีจุดที่กีดขวางทางน้ำ ขอให้ รฟท. ออกแบบให้มีช่องทางระบายน้ำ โดยกำหนดตำแหน่งและขนาดของช่องระบายน้ำที่เหมาะสม เพียงพอต่อการระบายน้ำในฤดูน้ำหลาก เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามข้อกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2889 | ขออนุมัติเปิดตลาดโควตานมผงขาดมันเนย ปี พ.ศ. 2561 เพิ่มเติม | กษ | 18/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการการเปิดตลาดโควตานมผงขาดมันเนย ปี พ.ศ. ๒๕๖๑ เพิ่มเติม ปริมาณ ๕,๗๙๕.๘๒ ตัน ในอัตราภาษีร้อยละ ๕ โดยจัดสรรให้กับผู้ประกอบการตามความจำเป็นและเดือดร้อนจากการขาดแคลนวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต แบ่งเป็น กลุ่มนิติบุคคลที่ ๑ (กลุ่มที่รับซื้อน้ำนมดิบ) จำนวน ๔,๖๐๕ ตัน และกลุ่มนิติบุคคลที่ ๒ (กลุ่มผู้ประกอบการทั่วไป) จำนวน ๑,๑๙๐.๘๒ ตัน หรือคิดเป็นสัดส่วนการจัดสรรโควตา เท่ากับ ๗๙.๗๕ : ๒๐.๕๕ ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรต้องเป็นผู้ประกอบการรายเดิมและมีรายงานการนำเข้าโควตานมผงขาดมันเนยที่ได้รับเกินร้อยละ ๗๐ ขึ้นไป และต้องนำเข้าให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ โดยให้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๘ (เรื่อง การบริหารจัดการนมทั้งระบบ) ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม ครั้งที่ ๘/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยคณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำกับ ติดตามการนำเข้านมผงขาดมันเนยไม่ให้มีผลกระทบใด ๆ ต่อมาตรการและปริมาณการรับซื้อน้ำนมโคจากเกษตรกรและราคาน้ำนมดิบในประเทศ และต้องควบคุมดูแลไม่ให้มีการนำนมผงมาละลายน้ำแทนน้ำนมดิบ สำหรับโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและข้อสังเกตของกระทรวงสาธารณสุขที่เห็นควรมีแนวทางเตรียมความพร้อมและพัฒนาศักยภาพสหกรณ์โคนมในประเทศให้สามารถดำเนินธุรกิจอย่างเข้มแข็ง เพื่อรองรับการเปิดเสรีการค้านมและผลิตภัณฑ์นมภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-ออสเตรเลีย และไทย-นิวซีแลนด์ ซึ่งจะมีผลอย่างสมบูรณ์ภายในปี ๒๕๖๔ และปี ๒๕๖๘ รวมทั้งลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับโคนมและผลิตภัณฑ์นมในประเทศ นอกจากนี้ ผู้นำเข้านมผงขาดมมันเนยต้องขอรับใบอนุญาตนำเข้าอาหาร และควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์นมผงขาดมันเนยให้มีคุณภาพมาตรฐานสอดคล้องตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ ๓๕๐) พ.ศ. ๒๕๕๖ เรื่อง นมโค เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อผู้บริโภค ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2890 | การลงนามพิธีสารฉบับที่หนึ่งเพื่อแก้ไขความตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุมความตกลงต่าง ๆ ระหว่างประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และญี่ปุ่น | พณ | 18/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพิธีสารฉบับที่หนึ่งเพื่อแก้ไขความตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุมความตกลงต่าง ๆ ระหว่างประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และญี่ปุ่น (Frist Protocol to Amend the Agreement on Comprehensive Economic Partnership among Member States of the Association of Southeast Asian Nations and Japan) มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมความตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น (ASEAN-Japan Comprehensive Economic Partnership Agreement : AJCEP) โดยแก้ไขเพิ่มเติมข้อบทเรื่องข้อยกเว้นด้านความมั่นคงเกี่ยวกับมาตรการที่ใช้ปกป้องผลประโยชน์เรื่องความมั่นคงและการยกเลิกมาตรการดังกล่าว การเพิ่มเติมข้อผูกพันเกี่ยวกับการค้าบริการ เช่น อนุญาตให้ผู้ให้บริการของภาคีสมาชิกสามารถถือหุ้นในกิจการได้ร้อยละ ๔๙ เพิ่มเติมข้อผูกพันเกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายบุคคลธรรมดา ในการเข้าเมืองและการพำนักในประเทศ รวมทั้งเพิ่มเติมการลงทุนให้ครอบคลุมเรื่องการคุ้มครองการลงทุน การส่งเสริมการลงทุน และการอำนวยความสะดวกการลงทุน ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อขอความเห็นชอบตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยต่อไป ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ลงนามในร่างพิธีสารฉบับที่หนึ่งเพื่อแก้ไขความตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุมความตกลงต่าง ๆ ระหว่างประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และญี่ปุ่น เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติให้ความเห็นชอบร่างพิธีสารฯ แล้ว ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ลงนามในร่างพิธีสารฯ เมื่อสภานิติบัญญัติให้ความเห็นชอบร่างพิธีสารฯ แล้ว ๔. ให้กระทรวงพาณิชย์ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อปฏิบัติตามพันธกรณีที่กำหนดในร่างพิธีสารฯ ๕. ให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งต่อสำนักเลขาธิการอาเซียนว่าไทยพร้อมที่จะให้พิธีสารฯ มีผลผูกพันต่อไป เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติมีมติเห็นชอบต่อร่างพิธีสารฯ ๖. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณากลุ่มธุรกิจที่อาจได้รับผลกระทบในทางลบและวางมาตรการรองรับอย่างเหมาะสม รวมทั้งควรมีการติดตามความคืบหน้าการดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามข้อผูกพันภายใต้พิธีสารฯ เป็นระยะอย่างต่อเนื่อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2891 | รายงานผลการขับเคลื่อนตามแนวทางการบูรณาการฐานข้อมูลประชาชนและการบริการภาครัฐตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2559 และวันที่ 4 กรกฎาคม 2560 | มท | 18/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการขับเคลื่อนตามแนวทางการบูรณาการฐานข้อมูลประชาชนและการบริการภาครัฐตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๙ และวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. สามารถเชื่อมโยงและเปิดให้หน่วยงานที่ร้องขอนำข้อมูลไปใช้ในการอำนวยความสะดวกและให้บริการประชาชนผ่านระบบ (Linkage Center) ได้แล้ว จำนวน ๗๓ ฐานข้อมูล คิดเป็นร้อยละ ๖๒.๙๓ ๒. อยู่ระหว่างดำเนินการพัฒนาระบบฐานข้อมูล จำนวน ๒๕ ฐานข้อมูล คิดเป็นร้อยละ ๒๑.๕๕ ๓. ขอยกเลิกเนื่องจากไม่สามารถเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลทะเบียนราษฎรด้วยเลขประจำตัวประชาชน ๑๓ หลักได้ และไม่สามารถใช้บัตรประจำตัวประชาชนแบบ Smart Card ในการขอรับบริการได้ จำนวน ๑๘ ฐานข้อมูล คิดเป็นร้อยละ ๑๕.๕๒
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2892 | ร่างพระราชบัญญัติเขตพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา พ.ศ. .... | นร09 | 18/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติเขตพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา พ.ศ. .... ของคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิรูปการบริหารและการจัดการศึกษาขึ้นเพื่อสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมการศึกษาอันเป็นการนำร่องในการกระจายอำนาจและให้อิสระแก่หน่วยงานทางการศึกษาและสถานศึกษาขั้นพื้นฐานให้เกิดการพัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพ รวมทั้งมีการขยายผลนวัตกรรมการจัดการเรียนการสอนและวิธีการปฏิบัติที่ดีไปใช้ในสถานศึกษาอื่น ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่คณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษาเสนอ ๓. ให้คณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษาได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๐ (เรื่อง การซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนการจัดตั้งหน่วยงานของรัฐ) เกี่ยวกับการจัดตั้งสำนักงานบริหารพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2893 | ร่างพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. .... | ดศ | 18/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีกฎหมายว่าด้วยการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ และเห็นชอบการจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์แห่งชาติ ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่งเป็นเรื่องด่วน แล้วให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ๓. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติเป็นหน่วยงานของรัฐ มีฐานะเป็นนิติบุคคล และไม่เป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารราชการแผ่นดินหรือรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ หรือกฎหมายอื่น ควรมีการกำหนดภารกิจการดำเนินงานเท่าที่จำเป็นอย่างเหมาะสมและไม่ซ้ำซ้อนกับหน่วยงานอื่น เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและความคุ้มค่าในการใช้จ่ายงบประมาณและเกิดผลสัมฤทธิ์สูงสุดในการบริหารจัดการภาครัฐ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2894 | ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. .... | ดศ | 18/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ กลไก หรือมาตรการกำกับดูแลเกี่ยวกับการให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นหลักการทั่วไป และเห็นชอบการจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองส่วนบุคคล ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับประเด็นความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมที่เห็นควรปรับปรุงวันใช้บังคับในร่างมาตรา ๒ จากเดิม “พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด ๑๘๐ วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ...” เป็น “พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด ๑ ปี นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ...” และกำหนดให้มีผู้แทนสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นกรรมการโดยตำแหน่งในคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล รวมทั้งประเด็นความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมร่างมาตรา ๔ เพื่อยกเว้นไม่ให้นำร่างพระราชบัญญัตินี้มาใช้บังคับแก่หน่วยงานที่มีอำนาจจัดเก็บภาษี และแก้ไขเพิ่มเติมร่างมาตรา ๒๔ เพื่อกำหนดข้อยกเว้นหลักความยินยอมในการเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล สำหรับกรณีที่มีความจำเป็นเพื่อการดำเนินภารกิจตามนโยบายของรัฐบาล ไปหารือร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและกระทรวงการคลังได้ให้ข้อยุติโดยด่วน ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2895 | ผลการสรรหากรรมการในคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (เพิ่มเติม) (นายสกนธ์ วรัญญูวัฒนา) | พณ | 18/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการเสนอชื่อ นายสกนธ์ วรัญญูวัฒนา ผู้ที่ได้รับคัดเลือกเพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการในคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า ให้ได้รับเลือกเป็นกรรมการในคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๑) เป็นต้นไป และให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ กันยายน ๒๕๖๑ กรณีให้บุคคลที่ได้รับเลือกเป็นกรรมการในคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าประชุมร่วมกันเพื่อเลือกกันเองเป็นประธานกรรมการและรองประธานกรรมการหนึ่งคน ก่อนเสนอนายกรัฐมนตรีเพื่อมีคำสั่งแต่งตั้งต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2896 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2561 | ทส | 18/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นเรื่องที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพิจารณาได้ข้อยุติแล้ว จำนวน ๗ เรื่อง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. การดำเนินคดีหมายเลขดำที่ อ.๖๐๔/๒๕๕๖ ระหว่างสมาคมสมัชชาองค์กรเอกชนด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ที่ ๑ กับพวก รวม ๓ คน ผู้ฟ้องคดีกับคณะรัฐมนตรี ที่ ๑ กับพวกรวม ๔ คน ผู้ถูกฟ้องคดี กรณีใช้อำนาจไม่ถูกต้องในการแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๕๐ ๒. การทบทวนมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ เกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติกรณีรายงานการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ๓. ร่างกฎกระทรวงการขอ และการออกใบอนุญาต เป็นผู้มีสิทธิทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม [กฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามมาตรา ๕๑/๔] ๔. ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง การแต่งตั้ง การพ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ การประชุมและวิธีพิจารณาของคณะกรรมการเปรียบเทียบความผิด [กฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามมาตรา ๑๑๐/๑] ๕. แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ๖. กลไกการปฏิบัติตามพันธกรณีของอนุสัญญารอตเตอร์ดัมว่าด้วยกระบวนการแจ้งข้อมูลสารเคมีล่วงหน้าสำหรับสารเคมีอันตรายและสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชและสัตว์บางชนิดในการค้าระหว่างประเทศ ๗. ร่างมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM25 ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2897 | ขอความเห็นชอบการขยายพื้นที่ดำเนินงานโครงการสานพลังประชารัฐเพื่อสนับสนุนการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนา | กษ | 13/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการขยายพื้นที่ดำเนินงานโครงการสานพลังประชารัฐเพื่อสนับสนุนการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนา เพื่อให้เกษตรกรที่มีความสนใจ พร้อมทั้งพื้นที่ที่มีศักยภาพในการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ได้เข้าร่วมโครงการฯ ได้อย่างทั่วถึง จากพื้นที่เป้าหมาย ๒ ล้านไร่ ใน ๓๓ จังหวัด เพิ่มเติมอีก ๔ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเลย มุกดาหาร ยโสธร และอำนาจเจริญ สำหรับจังหวัดอื่นที่เกษตรกรมีความสนใจเข้าร่วมโครงการฯ พื้นที่มีศักยภาพในการปลูกข้าวโพดและมีน้ำเพียงพอต่อการเพาะปลูกข้าวโพด พร้อมทั้งมีผู้ประกอบการที่มีความพร้อมในการรับซื้อผลผลิต สามารถที่จะเข้าร่วมโครงการฯ ได้ โดยต้องได้รับความยินยอมจากสมาคมประกันวินาศภัยไทยและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรก่อน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรติดตามการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ อย่างใกล้ชิด และควรให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงด้านการตลาด ตลอดจนติดตามผลการดำเนินงานและประเมินผลสำเร็จของโครงการฯ ทั้งในส่วนของการปรับเปลี่ยนมาปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังฤดูทำนา และการทำประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ นอกจากนี้ ควรกำกับดูแลการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปอย่างโปร่งใส คุ้มค่าและประหยัด รวมทั้งปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวข้องให้ถูกต้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. ในกรณีที่มีการขยายพื้นที่ดำเนินโครงการสานพลังประชารัฐเพื่อสนับสนุนการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนาในจังหวัดอื่นที่เกษตรกรมีความสนใจเข้าร่วมโครงการฯ นอกเหนือจาก ๔ จังหวัดที่เพิ่มเติมในครั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2898 | สรุปผลการปฏิบัติราชการของคณะรัฐมนตรีในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 | นร11 | 13/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแนวทางและข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีในการปฏิบัติราชการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ๑ (หนองคาย อุดรธานี เลย หนองบัวลำภู บึงกาฬ) ระหว่างวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน-๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๑ ซึ่งมีประเด็นการพัฒนาและข้อสั่งการ เช่น (๑) การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับภาคเศรษฐกิจในพื้นที่ (๒) การส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีชีวิตลุ่มแม่น้ำโขง (๓) การพัฒนาทุนมนุษย์และยกระดับคุณภาพชีวิตในทุกช่วงวัยอย่างเท่าเทียม และ (๔) การรักษาสมดุลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน เป็นต้น โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสั่งการไปพิจารณาดำเนินการต่อไป รวมทั้งรายงานผลการดำเนินงานให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติทราบด้วย ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2899 | ผลการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีกับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนภาคเอกชน ผู้บริหารท้องถิ่น และผู้แทนเกษตรกร เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 | นร11 | 13/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีกับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนภาคเอกชน ผู้บริหารท้องถิ่น และผู้แทนเกษตรกร เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ๑ (หนองคาย อุดรธานี เลย หนองบัวลำภู บึงกาฬ) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๑ ณ มหาวิทยาลัยขอนแก่น วิทยาเขตหนองคาย จังหวัดหนองคาย ๑.๒ เห็นชอบตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ แหล่งน้ำเพื่อการเกษตรและการแก้ไขปัญหาอุทกภัย การยกระดับการผลิตและการสร้างมูลคาเพิ่มผลผลิต การท่องเที่ยว และการพัฒนาคุณภาพชีวิต รวมทั้งข้อสั่งการเพิ่มเติมเกี่ยวกับการพิจารณาแนวทางและรูปแบบการบริหารการใช้เครื่องจักรกลการเกษตรไปทดลองกับพื้นที่ที่มีความเหมาะสมโดยใช้หลักคิดเกษตรแปลงใหญ่ เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ รวมทั้งรายงานผลการดำเนินการให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2900 | รายงานผลการดำเนินการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 (อุดรธานี เลย หนองคาย หนองบัวลำภู และบึงกาฬ) ของกระทรวงคมนาคม | คค | 13/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ๑ (หนองคาย อุดรธานี เลย หนองบัวลำภู บึงกาฬ) ของกระทรวงคมนาคม โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับ (๑) ผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๖๑ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงคมนาคม (๒) รายงานความก้าวหน้าโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง เพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพฯ-หนองคาย และ (๓) รายงานความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงขอนแก่น-หนองคาย ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|