ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 22/11/2559 | |||||||||
|
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านความมั่นคง ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดทำแผนการดำเนินการด้านการปฏิรูปกิจการตำรวจ โดยให้ครอบคลุม ๖ ประเด็น ได้แก่ (๑) การปฏิรูปเชิงโครงสร้าง เช่น การถ่ายโอนภารกิจ เป็นต้น (๒) การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เช่น การสรรหาและระบบการฝึกอบรม ค่าตอบแทน และสวัสดิการเพื่อดำรงชีพอย่างมีศักดิ์ศรี การปรับปรุงการบริหารงานบุคคลและเส้นทางการเจริญเติบโต เป็นต้น (๓) การปฏิรูประบบงานสอบสวนและการบังคับใช้กฎหมาย (๔) การนำระบบเทคโนโลยีดิจิทัลมาสนับสนุนงานด้านการรักษาความปลอดภัย (๕) การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน เช่น การร่วมเป็นอาสาสมัคร เป็นต้น และ (๖) การป้องกันและปราบปรามการทุจริตภายในองค์กร ทั้งนี้ ให้นำเสนอแผนดังกล่าวต่อรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) พิจารณาก่อนนำเสนอนายกรัฐมนตรีต่อไป ๒. ด้านเศรษฐกิจ ๒.๑ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงมหาดไทยจัดทำแผนการบริหารจัดการน้ำและแผนการระบายน้ำ โดยให้รายงานต่อคณะรัฐมนตรีภายใน ๒ สัปดาห์ นั้น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงมหาดไทยเร่งรัดการดำเนินการดังกล่าวให้แล้วเสร็จและเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วน ๒.๒ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และนายวิษณุ เครืองาม) กระทรวงมหาดไทย สำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดประชุมชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับแนวทางการสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจภายในประเทศ (Local Economy) เพื่อยกระดับอาชีพ รายได้ และคุณภาพชีวิตของประชาชนในทุกภูมิภาค โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาในมิติเชิงพื้นที่ (Area based) เป็นหลัก เพื่อให้การดำเนินการสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่ และสามารถนำศักยภาพของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดมาสนับสนุนการดำเนินการได้อย่างเต็มที่ ๒.๓ ให้ทุกส่วนราชการพิจารณากำหนดแนวทางการดำเนินการให้ข้าราชการในสังกัดทุกระดับทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลอย่างถูกต้อง ชัดเจน และสามารถนำนโยบายไปขับเคลื่อนได้อย่างเป็นรูปธรรมและเกิดผลสัมฤทธิ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องประเทศไทย ๔.๐ และเศรษฐกิจดิจิทัล รวมทั้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอดำเนินการส่งเสริมให้ประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบได้ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลให้มากขึ้นด้วย ๒.๔ ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ และ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๙ ให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดดำเนินการนำระบบตั๋วร่วม (e-ticket) มาใช้ในการเชื่อมการเดินทางของประชาชนที่สัญจรโดยเรือโดยสาร รถไฟฟ้า และรถประจำทาง และให้คำนึงถึงการให้บริการแก่ผู้มีรายได้น้อยให้สามารถเข้าถึงระบบบริการขนส่งสาธารณะ นั้น ให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว โดยหารือร่วมกับกระทรวงการคลังเพื่อให้ผู้มีรายได้น้อยสามารถใช้ประโยชน์จากตั๋วร่วมในการเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะได้อย่างแท้จริง ๒.๕ ให้กระทรวงพาณิชย์กำกับดูแลราคาสินค้าเพื่อมิให้มีผู้แสวงหาโอกาสจากการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของรัฐบาล ในปี ๒๕๖๐ ในการขึ้นราคาสินค้าและบริการอย่างไม่เป็นธรรม ๓. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๓.๑ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ร่วมกับกระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางและมาตรการในการอำนวยความสะดวกและจูงใจให้คนต่างชาติที่มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ในสาขาวิชาชีพต่าง ๆ ให้เข้ามาทำงานในประเทศไทยให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสาขาที่มีความขาดแคลน เพื่อให้เกิดการถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ รวมทั้งเป็นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของไทยให้รองรับการดำเนินนโยบายสำคัญของรัฐบาล เช่น การขับเคลื่อนประเทศไทย ๔.๐ เศรษฐกิจดิจิทัล และการเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ (Medical Hub) ทั้งนี้ ต้องไม่กระทบต่อการประกอบอาชีพของแรงงานไทยในวิชาชีพที่เกี่ยวข้องด้วย ๓.๒ ให้ทุกส่วนราชการจัดให้มีกิจกรรมการออกกำลังกายทุกวันพุธ ระหว่างเวลา ๑๕.๓๐ น. ถึง ๑๖.๓๐ น. เพื่อสร้างเสริมให้ข้าราชการมีสุขภาพพลานามัยที่ดี รวมทั้งจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนมีการออกกำลังกายหรือกิจกรรมทางกายมากขึ้นด้วย
|
||||||||||||
.....
