ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 68 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 1341 - 1360 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1341 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง นโยบายการส่งเสริมและสนับสนุนเทคโนโลยียานไร้คนขับ หุ่นยนต์ และระบบอัตโนมัติ ของคณะกรรมาธิการการวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี สารสนเทศ และการสื่อสารมวลชน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 29/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สารสนเทศ และการสื่อสารมวลชน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง นโยบายการส่งเสริมและสนับสนุนเทคโนโลยียานไร้คนขับ หุ่นยนต์ และระบบอัตโนมัติ โดยกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้จัดประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบด้วยกับข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ และของที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมีความเห็นเพิ่มเติม/ข้อเสนอแนะ รวม ๖ ประเด็น ได้แก่ (๑) การกำหนดนโยบายภาครัฐ (๒) การสร้างความตระหนัก (๓) การจัดหลักสูตรการศึกษา (๔) การปรับปรุงกฎหมายและออกกฎหมาย (๕) การพัฒนาโครงสร้างเพื่อการวิจัยและพัฒนา และ (๖) การจัดทำยุทธศาสตร์เพื่อส่งเสริมและสนับสนุน ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1342 | มาตรการพัฒนาอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ | อก | 29/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการมาตรการพัฒนาอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ มีวัตถุประสงค์เพื่อ (๑) กระตุ้นให้ภาคอุตสาหกรรมการผลิต/ธุรกิจบริการมีการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตโดยใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ (๒) ผลักดัน System Integrator (SI) ให้มีจำนวนเพียงพอต่อการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านต้นทุนการผลิตให้กับ SI ในประเทศ และ (๓) พัฒนาศักยภาพและบูรณาการความร่วมมือในเครือข่ายหน่วยงาน Center of Robotics Excellence (CoRE) และมอบหมายให้กระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการสร้างเครือข่ายระหว่างกันและการเชื่อมโยงความร่วมมือกับต่างประเทศเพื่อส่งเสริมการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับบุคลากรและธุรกิจไทย โดยเฉพาะเทคโนโลยีดิจิทัล รวมทั้งควรมีกลไกการติดตามประเมินผลที่เป็นระบบที่สามารถสะท้อนผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง เป็นต้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย ทั้งนี้ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นหน่วยงานหลักในการติดตามการดำเนินงานตามมาตรการต่าง ๆ ในภาพรวมให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานตามมาตรการดังกล่าว เห็นควรให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ โดยจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการประสานความร่วมมือกับต่างประเทศซึ่งมีความก้าวหน้าในการพัฒนาอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ เช่น ญี่ปุ่น สาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นต้น เพื่อนำองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องมาประยุกต์ใช้ในการปรับปรุงพัฒนาอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติของประเทศให้เหมาะสมด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1343 | โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานและการบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในภาคการขนส่งทางบกของภูมิภาคอาเซียน ระยะที่ 2 | ทส | 29/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๑.๑ ร่างหนังสือแลกเปลี่ยนของฝ่ายอาเซียนและร่างความตกลงว่าด้วยการดำเนินโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานและการบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในภาคการขนส่งทางบกของภูมิภาคอาเซียน ระยะที่ ๒ (Energy Efficiency and Climate Change Mitigation in the Land Transport Sector of the ASEAN Region Phase II) มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงสภาพต่าง ๆ สำหรับการดำเนินมาตรการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและลดการปล่อยมลพิษที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในภาคการขนส่งทางบกของภูมิภาคอาเซียนทั้งในระดับภูมิภาคและระดับชาติ ๑.๒ ให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างหนังสือทั้ง ๒ ฉบับดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ในการปฏิบัติเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดในร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ โดยเฉพาะในข้อกำหนดที่เกี่ยวกับความพยายามของอาเซียนในการยกเว้นภาษีและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ประเทศไทยในฐานะประเทศสมาชิกอาเซียนต้องรับมาดำเนินการให้เป็นไปได้ภายใต้กฎหมาย กฎ และระเบียบของประเทศไทยต่อไป รวมทั้งให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร ติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการฯ ระยะที่ ๑ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการปรับปรุงการดำเนินโครงการฯ ในระยะที่ ๒ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1344 | การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ 7 | กต | 29/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการร่างแผนปฏิบัติการความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลี ปี ๒๕๖๐-๒๕๖๓ และร่างถ้อยแถลงประธานร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ ๗ โดยร่างแผนปฏิบัติการฯ ระบุรายการกิจกรรมและโครงการซึ่งจะมีการดำเนินการต่อไปในช่วง ๓ ปีข้างหน้า ครอบคลุมสาขาความร่วมมือ ๖ สาขา ได้แก่ โครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร การพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การพัฒนาทรัพยากรน้ำ การเกษตรและพัฒนาชนบท และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ รวมทั้งระบุข้อเสนอแนะแนวทางการปรับปรุงประสิทธิภาพของกองทุนและโครงการความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลี สำหรับร่างถ้อยแถลงฯ กล่าวถึงความคืบหน้าของความร่วมมือระหว่างประเทศลุ่มน้ำโขงและสาธารณรัฐเกาหลี รวมถึงโครงการต่าง ๆ ที่อยู่ระหว่างการดำเนินงาน และที่จะได้รับการรับรองในช่วงการประชุมระดับรัฐมนตรีต่างประเทศความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ ๗ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๓๑ สิงหาคม-๑ กันยายน ๒๕๖๐ ณ นครปูซาน สาธารณรัฐเกาหลี ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ ๗ เป็นผู้ร่วมให้การรับรองร่างเอกสารดังกล่าว ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแผนปฏิบัติการฯ และร่างถ้อยแถลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1345 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 29/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ให้กระทรวงศึกษาธิการกำกับให้สถาบันอาชีวศึกษาทุกจังหวัดทั่วประเทศจัดหลักสูตรการฝึกอบรมวิชาชีพและช่างฝีมือในสาขาต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับความต้องการแรงงานในแต่ละพื้นที่ เพื่อพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานให้แก่ผู้ที่ไม่มีวุฒิการศึกษา ซึ่งจะทำให้เกิดการจ้างงานและเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อยในพื้นที่ ทั้งนี้ ให้จัดทำบัญชีรายชื่อผู้ที่เข้ารับการฝึกอบรมเพื่อสร้างเครือข่ายและต่อยอดการพัฒนาฝีมือในอนาคตต่อไปด้วย ๑.๒ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงแรงงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งผลิตแรงงานในสาขาที่ต่างประเทศมีความต้องการ เช่น แม่ครัว คนเลี้ยงเด็ก คนดูแลคนชรา นั้น ให้กระทรวงแรงงานร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งเสริมการผลิตแรงงานมีฝีมือกลุ่มดังกล่าวเพื่อให้มีโอกาสไปทำงานในต่างประเทศ โดยเฉพาะพ่อครัว แม่ครัว หรือลูกจ้างร้านอาหารไทยในต่างประเทศ เพื่อส่งเสริมให้ร้านอาหารไทยในต่างประเทศสามารถประกอบอาหารที่มีคุณภาพและรสชาติที่มีความเป็นไทยมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ให้พิจารณาดำเนินการให้รวมถึงอาชีพการนวดแผนไทยด้วย โดยประสานงานกับกลุ่มองค์กรไม่แสวงหากำไร (NGO) ที่เกี่ยวข้องมาร่วมขับเคลื่อนการดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วด้วย ๑.๓ ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๐ เห็นชอบในหลักการแนวทางดำเนินงานโครงการโคบาลบูรพา และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ดำเนินโครงการดังกล่าวบรรลุผลและได้รับการตอบรับจากประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างดีแล้ว นั้น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาขยายผลการดำเนินการโครงการในระยะต่อไปโดยให้พิจารณาคัดเลือกพื้นที่โครงการตลอดจนแนวทางการดำเนินการให้เหมาะสมสอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่ รวมทั้งความต้องการของประชาชนในแต่ละพื้นที่ด้วย ๒. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๒.๑ มอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ เมษินทรีย์) ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ และคณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศเตรียมความพร้อมเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ และคณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศในประเด็นต่าง ๆ เช่น รูปแบบการปฏิบัติงาน หน้าที่และความรับผิดชอบเพื่อให้การขับเคลื่อนงานตามพระราชบัญญัติการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ ๒๕๖๐ และพระราชบัญญัติแผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ พ.ศ. ๒๕๖๐ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนด ๒.๒ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการแก้ไขหรือปรับปรุงกฎหมาย ว่าด้วยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เพื่อรองรับการใช้ประโยชน์ที่ดินที่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมได้มาเพื่อประโยชน์ในการดำเนินการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่เกษตรกรตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๓๑/๒๕๖๐ ทั้งนี้ ให้รายงานผลการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวต่อนายกรัฐมนตรีโดยเร็ว ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินโครงการต่าง ๆ เกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว โดยภายในเดือนมกราคม ๒๕๖๑ ให้สามารถเริ่มดำเนินโครงการระบายน้ำที่สำคัญ ได้แก่ (๑) การจัดทำพื้นที่แก้มลิงเพิ่มเติม (๒) การผันน้ำระหว่างแม่น้ำหรือแหล่งน้ำต่าง ๆ เช่น การผันน้ำจากเขื่อนป่าสักไปยังอ่างเก็บน้ำลำตะคองซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่อับฝน (๓) การสร้างหรือขยายเส้นทางระบายน้ำ เช่น โครงการคลองระบายน้ำหลาก บางบาล-บางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ๔. ให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับกระทรวงมหาดไทย (จังหวัดชลบุรีและเมืองพัทยา) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการดังนี้ ๔.๑ เร่งดำเนินการแก้ไขปรับปรุงถนนสายหลักที่ประสบปัญหาน้ำท่วมหรือระบายน้ำไม่ทันภายในพื้นที่จังหวัดชลบุรีและพัทยาเพื่อบรรเทาปัญหาการจราจรติดขัดในขณะฝนตก รวมทั้งให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณาวางแผนการระบายน้ำที่เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพพื้นที่ต่อไป ๔.๒ พิจารณาความจำเป็นเหมาะสมในการสร้างถนนเลียบชายทะเลเพิ่มเติมให้เชื่อมต่อกับถนนเลียบชายทะเลที่มีอยู่ในปัจจุบันให้เป็นเส้นทางคมนาคมสายรองสำหรับการสัญจรของประชาชนในพื้นที่ เพื่อบรรเทาความแออัดของการจราจรบนถนนสายหลัก ๕. ตามที่ส่วนราชการได้มีการจัดเตรียมข้อมูลสำหรับใช้ในการแถลงผลงานประจำปีของรัฐบาลนั้น ขอให้ส่วนราชการปรับปรุงข้อมูลให้เป็นปัจจุบันให้พร้อมในการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ หากมีกำหนดการที่ชัดเจนและเหมาะสมแล้ว สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีจะได้ประสานแจ้งส่วนราชการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1346 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลเมืองเพีย อำเภอกุดจับ จังหวัดอุดรธานี ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. .... | กษ | 22/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลเมืองเพีย อำเภอกุดจับ จังหวัดอุดรธานี ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตสำรวจการจัดรูปที่ดินเพื่อดำเนินโครงการจัดรูปที่ดิน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรประเมินผลการดำเนินโครงการจัดรูปที่ดินและการนำที่สาธารณะไปจัดรูปที่ดินที่ผ่านมา โดยเฉพาะปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ เพื่อนำมาใช้ในการปรับปรุงและวางแผนการดำเนินงานในพื้นที่อื่น ๆ ต่อไปให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1347 | การเวนคืนที่ดินเพื่อใช้ดำเนินโครงการต่าง ๆ ของรัฐ (ขออนุมัติโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายบางปะอิน - นครราชสีมา และสายบางใหญ่ - กาญจนบุรี ในส่วนของการให้เอกชนร่วมลงทุนในการดำเนินงานและบำรุงรักษา ของกรมทางหลวง) | กค | 22/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ประธานกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติให้กรมทางหลวงดำเนินโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายบางปะอิน-นครราชสีมา (M6) และสายบางใหญ่-กาญจนบุรี (M81) ในส่วนของการให้เอกชนร่วมลงทุนในการดำเนินงานและบำรุงรักษา (Operation and Maintenance : O&M) โดยเอกชนเป็นผู้ออกแบบและลงทุนค่าก่อสร้างงานระบบและองค์ประกอบอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยรัฐเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินที่เอกชนลงทุนก่อสร้าง รวมถึงรายได้ทั้งหมดจากค่าธรรมเนียมผ่านทาง และให้เอกชนเป็นผู้ดำเนินงานและบำรุงรักษา (Operation and Maintenance) โครงการทั้งหมดทั้งในส่วนของงานโยธาที่รัฐเป็นผู้ลงทุนและงานส่วนที่เอกชนเป็นผู้ลงทุน ตลอดจนเป็นผู้ดำเนินการบริหารจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทาง โดยเอกชนได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินค่าก่อสร้างงานระบบและองค์ประกอบอื่นที่เกี่ยวข้อง ค่าบำรุงรักษา และค่าบริหารจัดเก็บค่าธรรมเนียม รวมทั้งงานอื่นที่เกี่ยวข้องตามขอบเขตงานและเงื่อนไขที่กำหนด และมีระยะเวลาร่วมลงทุนไม่เกิน ๓๐ ปี นับแต่เปิดให้บริการ ทั้งนี้ ให้กรมทางหลวงรับข้อสังเกตของคณะกรรมการนโยบายฯ เกี่ยวกับค่าตอบแทนที่เอกชนจะได้รับเป็นเงินค่าก่อสร้างงานระบบและองค์ประกอบอื่นที่เกี่ยวข้อง ค่าบำรุงรักษา และค่าบริหารจัดเก็บค่าธรรมเนียม รวมทั้งงานอื่นที่เกี่ยวข้องตามขอบเขตงานและเงื่อนไขที่กำหนด ต้องไม่เกินจำนวน ๓๓,๒๕๘ ล้านบาท สำหรับโครงการ M6 (O&M) และจำนวน ๒๗,๘๒๘ ล้านบาท สำหรับโครงการ M81 (O&M) รวมถึงกำหนดเงื่อนไขในการจ่ายค่าตอบแทนให้มีความเชื่อมโยงกับผลการดำเนินงานของเอกชน และกรณีการปรับลดค่าตอบแทนหากเอกชนปฏิบัติงานไม่เป็นไปตามเงื่อนไขหรือข้อตกลง ๑.๒ มอบหมายให้กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม และคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา ๓๕ แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนฯ ของโครงการ M6 (O&M) และโครงการ M81 (O&M) รับความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและคณะกรรมการนโยบายฯ เกี่ยวกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งทางถนนและทางรางเพื่อให้โครงการมีความคุ้มค่าในด้านการเงินและด้านเศรษฐศาสตร์ การพิจารณารายละเอียดค่าตอบแทนให้กับเอกชน การกำหนดเงื่อนไขในขอบเขตการดำเนินงาน (TOR) ของงานระบบการบำรุงรักษาและเกณฑ์คุณภาพของการดำเนินงานและบำรุงรักษาที่ผู้ประกอบการภาคเอกชนต้องรับผิดชอบดำเนินการที่ชัดเจน การพิจารณาแนวทางการประเมินข้อเสนอของเอกชนเพื่อให้รัฐได้รับประโยชน์ทั้งในด้านเทคนิคและด้านการเงิน การกำหนดเงื่อนไขให้ภาคเอกชนจัดทำรายงานทางการเงินเพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการจัดทำต้นทุนการลงทุนระบบ และค่าใช้จ่ายดำเนินงานและบำรุงรักษาทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง การกำหนดกลไกการปรับอัตราค่าผ่านทางเพื่อลดความเสี่ยงทางด้านรายได้และค่าใช้จ่ายของโครงการที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต การบริหารจัดการบัญชีเงินทุนค่าธรรมเนียมผ่านทางให้มีความเพียงพอต่อการจ่ายค่าตอบแทนให้กับเอกชนตามกำหนดเวลา และการปรับปรุงกรอบระยะเวลาการดำเนินโครงการให้รวดเร็วขึ้น ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น การพัฒนาทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองในระยะต่อไป ควรพิจารณารูปแบบการลงทุนที่ภาคเอกชนเป็นผู้รับผิดชอบการลงทุนทั้งระบบ และในกรณีที่จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนการเงินจากภาครัฐบางส่วนเพื่อให้โครงการมีผลตอบแทนทางการเงินอยู่ในระดับที่เอกชนมีความสนใจเข้าร่วมลงทุน ให้พิจารณาภายใต้ความสามารถในการลงทุนของเงินกองทุนค่าธรรมเนียมผ่านทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง เพื่อให้ภาครัฐสามารถจัดสรรงบประมาณไปใช้ในการบำรุงรักษาโครงข่ายถนนที่มีอยู่ในปัจจุบันได้อย่างครอบคลุมและทั่วถึง เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐถือเป็นหลักปฏิบัติอย่างเคร่งครัดว่า ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องเวนคืนที่ดินเพื่อใช้ดำเนินโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐ ให้พิจารณากำหนดราคาค่าเวนคืนที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (ถ้ามี) ให้ถูกต้อง ตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงและราคาตลาดของแต่ละพื้นที่เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้ถูกเวนคืนอย่างแท้จริง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1348 | การปรับปรุงโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักนายกรัฐมนตรี | นร12 | 15/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ เมษายน ๒๕๖๐ (เรื่อง การปรับปรุงแนวทางการจัดส่วนราชการในภูมิภาค) เพื่อให้สามารถจัดตั้ง “ศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาคที่ ๗” ของสำนักงานคณะกรรมการส่งสริมการลงทุน สำนักนายกรัฐมนตรี ขึ้นที่จังหวัดพิษณุโลกเพื่อรับผิดชอบภารกิจการส่งเสริมการลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษแม่สอดและดูแลการลงทุนของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ๙ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดตาก พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย อุตรดิตถ์ กำแพงเพชร นครสวรรค์ พิจิตร และอุทัยธานี ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการดำเนินภารกิจการส่งเสริมการลงทุนดังกล่าว เมื่อมีการปรับปรุงโครงสร้างและจัดเกลี่ยอัตรากำลังแล้ว สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนต้องคำนึงถึงความเหมาะสมของภารกิจของศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาคที่มีอยู่เดิมเพื่อไม่ให้มีความซ้ำซ้อนกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1349 | สรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 31 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2559 - 30 เมษายน 2560) | นร | 08/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๓๑ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๙-๓๐ เมษายน ๒๕๖๐) ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเสนอ โดยมีผลงานสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ เช่น โครงการส่งเสริมการจัดกิจกรรมเพื่อความปรองดองสมานฉันท์โดยผ่านกลไกระดับจังหวัด อำเภอ ท้องถิ่น การจัดงานประเพณีกิจกรรมทางศาสนาและกิจกรรมพัฒนา การแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนร้องทุกข์ ๒. การปฏิรูปประเทศ เช่น การติดตามการขับเคลื่อนความคืบหน้าการดำเนินการตามประเด็นปฏิรูป ๓. การบริหารราชการแผ่นดิน ๓.๑ ด้านความมั่นคง เช่น การเชิดชูสถาบันนี้ไว้ด้วยความจงรักภักดีและปกป้องรักษาพระบรมเดชานุภาพ การน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและร่วมแสดงความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช การรักษาความมั่นคงของรัฐและต่างประเทศ ๓.๒ ด้านสังคมจิตวิทยา เช่น การลดความเหลื่อมล้ำของสังคม การสร้างโอกาสการเข้าถึงบริการของภาครัฐ การศึกษาและเรียนรู้ การทำนุบำรุงศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม ๓.๓ ด้านเศรษฐกิจ เช่น การเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ การสนับสนุนการใช้ระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage) เพื่อความมั่นคงด้านพลังงาน การขับเคลื่อนแผนส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) การดำเนินโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ การพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก ๓.๔ ด้านการต่างประเทศ เช่น การเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๐ การเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (Retreat) การเข้าร่วมการประชุมระหว่างผู้นำอาเซียนกับผู้แทนสมัชชารัฐสภาอาเซียน การเข้าร่วมการประชุมระหว่างผู้นำอาเซียนกับผู้แทนเยาวชนอาเซียน การประชุมระดับผู้นำแผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย ครั้งที่ ๑๐ การเข้าร่วมงาน ASEAN Business Circle จัดโดยสภาหอการค้าออสเตรีย ๓.๕ ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เช่น การส่งเสริมและการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาลและการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ การป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ การปรับปรุงกฎหมายที่ล้าสมัยไม่เป็นธรรม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1350 | รายงานผลการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย ครั้งที่ 2 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง | กค | 08/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย (AIIB) ครั้งที่ ๒ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๑๖-๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๐ ณ เกาะเซจู สาธารณรัฐเกาหลี โดยการประชุมสภาผู้ว่าการ AIIB ครั้งที่ ๒ จัดขึ้นภายใต้หัวข้อโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน (Sustainable Infrastructure) เพื่อสนับสนุนความเชื่อมโยงในภูมิภาคและเพิ่มความมั่นคงทางพลังงานโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะผู้ว่าการ AIIB ของไทยได้กล่าวถ้อยแถลงถึงการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจที่สำคัญ ๆ ของรัฐบาลเพื่อสนับสนุนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ การปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เอื้อต่อการลงทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ การยกระดับศักยภาพเศรษฐกิจของประเทศให้สูงขึ้นภายใต้แนวคิดประเทศไทย ๔.๐ และเน้นย้ำถึงความเป็นหุ้นส่วนระหว่างไทยกับ AIIB เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน ตลอดจนสนับสนุนความเชื่อมโยงในภูมิภาคโดยเฉพาะในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง สำหรับการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ (๑) การหารือทวิภาคีกับประธาน AIIB และรองประธาน AIIB ด้านการลงทุน เกี่ยวกับการสนับสนุนโครงการเงินกู้ในรูปแบบที่ไม่ต้องค้ำประกันโดยภาครัฐแก่ไทย (๒) การหารือกับกรรมการบริหาร Asia House เกี่ยวกับบทบาทขององค์กรที่ทำหน้าที่เชื่อมภาคเอกชนในภูมิภาคยุโรปเข้ามาลงทุนในภูมิภาคอาเซียน และ (๓) การประชุมโต๊ะกลมของผู้ว่าการ AIIB เกี่ยวกับการสนับสนุนทางการเงินและแนวทางระดมทุนจากภาคเอกชนในโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาคเอเชีย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1351 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยระบบ หลักเกณฑ์ และวิธีการประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ. .... | ศธ | 08/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยระบบ หลักเกณฑ์ และวิธีการประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงระบบการประกันคุณภาพการศึกษา ทั้งการประกันคุณภาพภายในและการประกันคุณภาพภายนอกให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้นำคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๙/๒๕๖๐ เรื่อง การส่งเสริมการจัดการศึกษาโดยสถาบันอุดมศึกษาที่มีศักยภาพสูงจากต่างประเทศ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1352 | ร่างพระราชบัญญัติการพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... | กค | 08/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... ของกระทรวงการคลัง มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานกลางในการรับผิดชอบกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจทั้งระบบ อยู่ในฐานะผู้กำหนดนโยบาย (Policy Maker) และแบ่งโครงสร้างการกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ (Regulator) ออกเป็น ๒ ส่วน คือ (๑) ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ทำหน้าที่ในการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจที่จัดตั้งขึ้นโดยกฎหมายเฉพาะ และรัฐวิสาหกิจที่มีสถานะเป็นหน่วยงานธุรกิจที่รัฐบาลเป็นเจ้าของ และ (๒) ให้จัดตั้งบรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติ เพื่อทำหน้าที่เจ้าของรัฐวิสาหกิจ (Owner) โดยมีฐานะเป็นนิติบุคคล เป็นหน่วยงานของรัฐที่ไม่ใช่ส่วนราชการ ทำหน้าที่ในการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจในฐานะผู้ถือหุ้นของรัฐวิสาหกิจที่มีสถานะเป็นบริษัท (จำนวน ๑๑ บริษัท) โดยมีเป้าหมายในการบริหารรัฐวิสาหกิจในกลุ่มนี้ให้มีการลงทุนในเชิงพาณิชย์เพื่อสร้างผลตอบแทนให้กับรัฐให้มีความมั่นคงและยั่งยืนในทางเศรษฐกิจ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบสาระสำคัญและกรอบระยะเวลาของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของคณะรัฐมนตรี กระทรวงคมนาคม กระทรวงพลังงาน คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการปรับปรุงหลักเกณฑ์การเสนอขออนุมัติโครงการลงทุนที่มีความต้องการใช้เงินกู้ภายใต้กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการบริหารหนี้สาธารณะ และคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) เกี่ยวกับแนวทางในการดำเนินการโอนหุ้นให้แก่บรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติ การพิจารณาสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อดำรงตำแหน่งคณะกรรมการบรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติชุดแรก และแก้ไขระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๕๐ ให้สอดคล้องกับหลักการของร่างพระราชบัญญัตินี้ รวมทั้งความเห็นของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ดังนี้ ๓.๑ ร่างพระราชบัญญัตินี้ได้กำหนดมาตรการในการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจรูปแบบใหม่ขึ้น โดยเพิ่มบทบาทอำนาจหน้าที่ของ คนร. ในปัจจุบันตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการกำหนดนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๕๗ ดังนั้น สคร. ซึ่งถือเป็นหน่วยงานหลักจะต้องมีความพร้อมในการทำหน้าที่สำนักงานเลขานุการของ คนร. เพื่อให้สอดรับกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นด้วย ๓.๒ โดยที่บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) อยู่ในบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ที่กำหนดให้ คนร. สั่งการให้กระทรวงการคลังโอนหุ้นให้แก่บรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติ ซึ่งขณะนี้องค์กรทั้งสองอยู่ระหว่างการดำเนินการตามแผนพื้นฟูกิจการที่ให้มีการปรับโครงสร้างองค์กรและจัดตั้งบริษัทเพื่อให้การบริหารจัดการมีประสิทธิภาพและบูรณาการดำเนินธุรกิจที่ทับซ้อนกัน เห็นควรให้กระทรวงการคลังและกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้มีส่วนได้เสียในทุกภาคส่วนให้ทั่วถึงและถูกต้องตรงกันให้แก่พนักงานและสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจของทั้งสองบริษัทด้วย ๓.๓ กรณีของรัฐวิสาหกิจที่จะโอนหุ้นไปยังบรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติต้องปฏิบัติหลักเกณฑ์ภายใต้กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด รวมทั้งต้องคำนึงถึงสิทธิของผู้ถือหุ้นรายย่อย และเพื่อความชัดเจนเกี่ยวกับการดำเนินการโอนของรัฐวิสาหกิจอื่นให้แก่บรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติ กระทรวงการคลังควรมีแผนการดำเนินการเกี่ยวกับการโอนหุ้นของรัฐวิสาหกิจดังกล่าว ๓.๔ ในอนาคตหาก คนร. เห็นควรให้ธนาคารกรุงไทยไปอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของบรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติ จะมีข้อพิจารณาเกี่ยวกับกระบวนการขั้นตอนที่จะให้กระทรวงการคลังเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นในธนาคารฯ แทนกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินว่า อำนาจหน้าที่ในการชำระคืนต้นเงินกู้และการชำระดอกเบี้ยเงินกู้ที่กำหนดให้เป็นของกองทุนฯ ตามพระราชกำหนดปรับปรุงการบริหารหนี้เงินกู้ที่กระทรวงการคลังกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. ๒๕๔๕ จะมีขั้นตอนการดำเนินการอย่างไร รวมทั้งแหล่งเงินที่จะใช้ในการดำเนินการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1353 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองพันธุ์พืช (จำนวน 12 คน 1. ว่าที่ร้อยตรี ชนะ ไชยชนะ ฯลฯ) | กษ | 08/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองพันธุ์พืช จำนวน ๑๒ คน แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสองปีแล้ว เมื่อวันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๕๗ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๘ สิงหาคม ๒๕๖๐) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
๑. ว่าที่ร้อยตรี ชนะ ไชยชนะ ผู้แทนเกษตรกรภูมิภาคเหนือ ๒. นายสีนวล ชูเชิด ผู้แทนเกษตรกรภูมิภาคกลาง ๓. นายแสวง ละมัยกลาง ผู้แทนเกษตรกรภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๔. นายวรพจน์ กุศลสงเคราะห์กุล ผู้แทนเกษตรกรภูมิภาคตะวันออก ๕. นายณรงค์ มาลัยทอง ผู้แทนเกษตรกรภูมิภาคตะวันตก ๖. นายสัญญา ปานสวี ผู้แทนเกษตรกรภูมิภาคใต้ ๗. รองศาสตราจารย์สุรวิช วรรณไกรโรจน์ ผู้แทนนักวิชาการด้านปรับปรุงพันธุ์พืช ๘. รองศาสตราจารย์เสวียน เปรมประสิทธิ์ ผู้แทนนักวิชาการด้านอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ๙. นายธนรัช ใกล้กลาง ผู้แทนองค์การพัฒนาเอกชนที่ไม่แสวงหากำไร ที่มีกิจกรรมเกี่ยวกับการเกษตร ๑๐. นางดาวัลย์ จันทรหัสดี ผู้แทนองค์การพัฒนาเอกชนที่ไม่แสวงหากำไร ที่มีกิจกรรมเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ๑๑. นายสุพล ธนูรักษ์ ผู้แทนสมาคมที่มีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการปรับปรุง พันธุ์และขยายพันธุ์พืช ๑๒. นางสาวบุญญานาถ นาถวงษ์ ผู้แทนสมาคมที่มีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์พืช
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1354 | รายงานการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวว่าด้วยความร่วมมือต่อต้านการค้ามนุษย์ | พม | 01/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวว่าด้วยความร่วมมือต่อต้านการค้ามนุษย์ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ มีสาระสำคัญโดยสรุป ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และรัฐมนตรีกระทรวงป้องกันความสงบ (พลตรี สมแก้ว สิลาวง) ได้ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวว่าด้วยความร่วมมือต่อต้านการค้ามนุษย์ เมื่อวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ณ หลวงพระบาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งเป็นการปรับปรุงบันทึกความเข้าใจฉบับเดิม มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มความร่วมมือระดับทวิภาคีระหว่างกันในการต่อต้านการค้ามนุษย์ ครอบคลุม ๕ ด้านหลัก คือ (๑) การป้องกัน (๒) การคุ้มครองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ (๓) ความร่วมมือในการปราบปรามการค้ามนุษย์ (๔) การส่งกลับ และ (๕) การคืนสู่สังคม ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้ปรึกษาเจรจากับผู้แทนรัฐบาลสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวให้มีการจัดทำแผนปฏิบัติการร่วมกัน โดยนำหลักการตามบันทึกความเข้าใจฯ มาเป็นแนวทางสำคัญในการกำหนดกิจกรรม/โครงการ ในโอกาสต่อไป ซึ่งแผนปฏิบัติการฯ จะเน้นให้เกิดการป้องกันตั้งแต่ประเทศต้นทาง โดยป้องกันกลุ่มเสี่ยงไม่ให้ถูกแสวงหาประโยชน์จากการค้ามนุษย์ ประสานความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในการให้ความช่วยเหลือและคุ้มครองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินกระบวนการส่งกลับและคืนสู่สังคมเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ย้อนกลับมาเป็นผู้เสียหายซ้ำอีก
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1355 | รายงานผลการดำเนินงานตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี เรื่อง การสำรวจเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่สามารถนำมาใช้ในกระบวนการผลิตยาจากพืชสมุนไพร และงานวิจัยที่สามารถนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ | วท | 01/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี เรื่อง การสำรวจเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่สามารถนำมาใช้ในกระบวนการผลิตยาจากพืชสมุนไพร และงานวิจัยที่สามารถนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เสนอ โดยมีผลการดำเนินงานสรุปได้ ดังนี้
๑. สวทช. ได้สำรวจเครื่องจักรกลการเกษตรที่ใช้ในกระบวนการปลูกพืชและแปรรูปสินค้าเกษตร ซึ่งครอบคลุมทั้งพืชเศรษฐกิจ สมุนไพร และการเลี้ยงสัตว์ จาก ๑๒ หน่วยงาน รวมทั้งสิ้น ๑,๐๘๖ รายการ ประกอบด้วย ข้อมูลหน่วยงาน ประเภทเครื่องจักร การนำไปใช้ประโยชน์ คุณสมบัติของเครื่องจักร สถานภาพ สิ่งที่ต้องทำการปรับปรุง บริษัทเอกชนที่รับไปผลิตจำหน่าย ราคาที่จำหน่าย และผู้ประดิษฐ์ โดยได้จัดส่งรายละเอียดดังกล่าวให้กระทรวงมหาดไทยเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อไปแล้ว ๒. สวทช. ได้สำรวจสถานภาพงานวิจัยสมุนไพรและประเด็นปัญหาต่าง ๆ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พบว่า มีงานวิจัยที่สามารถต่อยอดในเชิงพาณิชย์หรือใช้ประโยชน์ได้อย่างเป็นรูปธรรม จำนวน ๖๐ ผลงาน โดยเป็นงานวิจัยที่สามารถถ่ายทอดสู่เชิงพาณิชย์แล้ว จำนวน ๘ ผลงาน สำหรับปัญหาสำคัญที่ทำให้งานวิจัยไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเป็นรูปธรรม ได้แก่ (๑) ขาดการเชื่อมโยงข้อมูลและการสร้างเครือข่ายให้เข้มแข็ง (๒) ขาดกลไกการเชื่อมต่อการดำเนินงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ (๓) ขาดเทคโนโลยีที่เหมาะสมในการพัฒนาทั้งผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิตในเชิงอุตสาหกรรม รวมถึงการใช้เทคโนโลยีมาเสริมประสิทธิภาพด้านการขนส่ง และ (๔) ขาดการสร้างความเชื่อมั่นและสร้างภาพลักษณ์ให้กับผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยในระดับนานาชาติ โดยได้จัดส่งข้อมูลดังกล่าวไปยังกระทรวงมหาดไทย และกระทรวงสาธารณสุข (กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก) ด้วยแล้ว ๓. สวทช. ได้รวบรวมผลงานหรืองานวิจัยที่ได้รับรางวัลต่าง ๆ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๐ ได้แก่ (๑) ผลงานทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมจากการแข่งขันระดับชาติและระดับนานาชาติประเภทต่าง ๆ จำนวน ๑๕๐ ผลงาน (๒) รายชื่อบุคลากรของ สวทช. ที่ได้รับรางวัลผลงานทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมจากการแข่งขันระดับชาติและนานาชาติ จำนวน ๒๖๐ คน และ (๓) รายชื่อนักเรียนทุนกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ได้รับรางวัลผลงานทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมจากการแข่งขันระดับชาติและนานาชาติ จำนวน ๕๒ คน ๔. สวทช. มีมาตรการในการสนับสนุนการต่อยอดผลงานวิจัยเพื่อใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ เช่น โครงการสนับสนุนเร่งการเติบโตของธุรกิจนวัตกรรมรายใหม่ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย (Research Gap Fund) คูปองนวัตกรรม โครงการพัฒนางานวิจัยสู่นวัตกรรม (Research for innovation : R4) และสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการวิจัย บัญชีนวัตกรรม เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1356 | ร่างประกาศคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก เรื่อง มาตรฐานป้ายสัญลักษณ์ในระบบขนส่งสาธารณะ | คค | 01/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก เรื่อง มาตรฐานป้ายสัญลักษณ์ในระบบขนส่งสาธารณะ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรฐานป้ายสัญลักษณ์ในระบบขนส่งสาธารณะเพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงพลังงาน และกรุงเทพมหานคร ให้ความร่วมมือและสนับสนุนการดำเนินการที่เกี่ยวข้อง โดยการติดตั้งหรือเปลี่ยนแปลงป้ายให้เป็นไปตามมาตรฐานตามที่กำหนด โดยให้ดำเนินการเมื่อถึงวงรอบของการปรับปรุงหรือติดตั้งป้ายใหม่ ซึ่งจะต้องไม่กระทบกับงบประมาณปกติของหน่วยงาน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๓. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ที่ควรปฏิบัติตามกฎกระทรวงกำหนดสิ่งอำนวยความสะดวกในอาคารสำหรับผู้พิการหรือทุพพลภาพและคนชรา พ.ศ. ๒๕๔๘ ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ที่แก้ไขเพิ่มเติมของกระทรวงมหาดไทย และกฎกระทรวงกำหนดลักษณะ หรือการจัดให้มีอุปกรณ์ สิ่งอำนวยความสะดวกหรือบริการในอาคาร สถานที่ หรือบริการสาธารณะอื่น เพื่อให้คนพิการสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้ พ.ศ. ๒๕๕๕ ออกตามความในมาตรา ๓๗ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. ๒๕๕๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๖ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1357 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร พ.ศ. .... | กค | 01/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร พ.ศ. ๒๕๕๑ โดยแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์และวิธีการในการใช้สิทธิขอรับเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตรในกรณีการเปลี่ยนแปลงผู้ใช้สิทธิเบิกเงินสวัสดิการ วิธีการใช้สิทธิขอรับเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร เพิ่มเติมระยะเวลาการยื่นใบเบิกเงินสวัสดิการ และเพิ่มเติมผู้มีอำนาจอนุมัติให้เบิกเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1358 | ยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณและการปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 | นร07 | 01/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณและการปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ และให้สำนักงบประมาณได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1359 | มาตรการการเงินการคลังเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในปี 2560 | กค | 01/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบมาตรการช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัยที่มีการดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน ประกอบด้วย มาตรการด้านการคลัง (เงินทดรองราชการเพ่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติในกรณีฉุกเฉิน และมาตรการช่วยเหลือผู้เช่าที่ดินราชพัสดุที่ประสบอุทกภัยและภัยพิบัติทางธรรมชาติอื่น ๆ) มาตรการด้านการเงินผ่านกลไกของสถาบันการเงินเฉพาะของรัฐต่าง ๆ และมาตรการด้านภาษี (มาตรการบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย และมาตรการทางภาษีเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยตรง) ๑.๒ เห็นชอบมาตรการการเงินการคลังเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในปี ๒๕๖๐ ประกอบด้วย มาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย และโครงการสินเชื่อฟื้นฟู SMEs จากอุทกภัยและภัยพิบัติ ปี ๒๕๖๐ (ปรับปรุงหลักเกณฑ์โครงการสินเชื่อฟื้นฟู SMEs จากอุทกภัยภาคใต้ ปี ๒๕๖๐) ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการปรับปรุงหลักเกณฑ์โครงการสินเชื่อฟื้นฟู SMEs จากอุทกภัยภาคใต้ ปี ๒๕๖๐ กรณีการชดเชยค่าธรรมเนียมค้ำประกันแทน SMEs ในปีแรก ให้พิจารณาใช้จ่ายจากเงินกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมก่อนเป็นลำดับแรก หากไม่เพียงพอให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรและธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทยจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณพร้อมรายละเอียดเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสม แล้วแต่กรณี ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาและร่างกฎกระทรวง รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๓.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสำหรับการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ที่ได้กระทำตั้งแต่วันที่ ๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ ถึงวันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ ๓.๒ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเงินได้พึงประเมินเท่าที่ผู้มีเงินได้ซึ่งได้รับความเสียหายจากอุทกภัยได้จ่ายในระหว่างวันที่ ๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ เป็นค่าซ่อมแซมหรือค่าวัสดุหรืออุปกรณ์ในการซ่อมแซมทรัพย์สินที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ ๔. ให้กระทรวงการคลังได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1360 | การเสนอเรื่องเกี่ยวกับการปรับปรุงเงินเดือน ค่าตอบแทน สวัสดิการ และสิทธิประโยชน์อื่นของบุคลากรภาครัฐ | นร | 01/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีเห็นว่า เพื่อให้การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการปรับปรุงเงินเดือน ค่าตอบแทน สวัสดิการ และสิทธิประโยชน์อื่นของบุคลากรภาครัฐเป็นไปอย่างละเอียดรอบคอบ เหมาะสม เป็นธรรม ไม่เกิดความเหลื่อมล้ำระหว่างหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่และภารกิจที่ใกล้เคียงกัน จึงมีมติให้ทุกส่วนราชการถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดว่า ในการเสนอเรื่องดังกล่าวข้างต้นต่อคณะรัฐมนตรี ให้ส่วนราชการเจ้าของเรื่องส่งเรื่องให้สำนักงาน ก.พ. พิจารณาให้ความเห็นในภาพรวมก่อน แล้วจึงนำความเห็นของสำนักงาน ก.พ. เสนอไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพร้อมกับเรื่องที่จะเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
.....
