ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 69 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 1361 - 1380 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1361 | รายงานผลการดำเนินงานโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มคนไร้บ้าน | พม | 25/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มคนไร้บ้าน ประกอบด้วย (๑) การสนับสนุนงบประมาณ (งบอุดหนุน) ในการสร้างศูนย์ฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพกลุ่มคนไร้บ้าน จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน ๒๖.๔ ล้านบาท เพื่อจัดซื้อที่ดินและปลูกสร้างอาคาร (๒) การปรับปรุงอาคารศูนย์ไร้บ้าน (สุวิทย์วัดหนู) เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร ให้เป็นศูนย์พักคนไร้บ้านที่ถูกสุขลักษณะ (๓) การนำคนไร้บ้านไปสืบค้นที่ภูมิลำเนาเดิมจนสามารถทำบัตรประชาชนได้ จำนวน ๖๑ ราย เป็นคนไร้บ้านที่จังหวัดขอนแก่น ๒๒ ราย และคนไร้บ้านที่กรุงเทพมหานคร ๓๙ ราย และ (๔) การจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลในรูปห้างหุ้นส่วนจำกัดคนไร้บ้าน ซึ่งได้รับงานตกแต่งต้นไม้ งานขนย้ายของ รับเหมางานปูพื้น งานรื้อถอนเคลียร์พื้นที่ มูลค่างานรวม ๔๑๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1362 | ขอผ่อนผันยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2534 วันที่ 22 สิงหาคม 2543 และวันที่ 17 ตุลาคม 2543 เพื่อใช้ประโยชน์ในพื้นที่เขตป่าชายเลน สำหรับดำเนินโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการระบายน้ำ คลอง D2 ตำบลบางเขา อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี | กษ | 25/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติผ่อนผันยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๓๔ วันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๓ และวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๔๓ เพื่อใช้ประโยชน์ในเขตพื้นที่ป่าชายเลนสำหรับดำเนินโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการระบายน้ำ คลอง D2 ตำบลบางเขา อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี ของกรมชลประทาน จำนวน ๑๖๕ ไร่ ๓ งาน ๖๗ ตารางวา (ระยะทาง ๘.๘๔๙ กิโลเมตร) ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการตามความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เห็นควรให้เสนอขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีที่ห้ามใช้ประโยชน์ป่าชายเลนโดยเด็ดขาด เมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติให้ยกเว้นแล้ว จึงเสนอเรื่องต่อกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เพื่อขออนุญาตทำประโยชน์ในเขตป่าชายเลน โดยหน่วยงานเจ้าของโครงการต้องจัดเตรียมรายละเอียดเพิ่มเติมประกอบการยื่นขออนุญาต ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวไม่เข้าข่ายต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมชลประทานรายงานการดำเนินงานเพื่อป้องกันและลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการระบายน้ำ คลอง D2 (สายใหม่ และท้ายประตูระบายน้ำ) โดยเฉพาะในประเด็นเรื่องความเหมาะสมของพื้นที่ทิ้งตะกอน การรบกวนสภาพธรรมชาติ การไหลเข้าออกของน้ำทะเลที่จะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ดำเนินงานและพื้นที่ใกล้เคียงตามมาในภายหลัง แล้วเสนอรายงานการดำเนินงานต่อกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเพื่อพิจารณาตรวจสอบ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการดังกล่าว เมื่อกรมชลประทานปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้องครบถ้วนแล้ว ก็เห็นควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ที่ได้รับการจัดสรรไว้ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1363 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 25/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงพลังงานเร่งดำเนินการเกี่ยวกับการนำปาล์มน้ำมันไปใช้ในการผลิตไบโอดีเซลและส่งเสริมให้มีการใช้ไบโอดีเซลให้มากยิ่งขึ้น โดยให้พิจารณาแนวทางการลดต้นทุนการผลิตไบโอดีเซลจากปาล์มน้ำมันให้มีราคาจำหน่ายที่เหมาะสมและแข่งขันได้ ซึ่งจะทำให้เกิดแรงจูงใจให้มีการใช้ไบโอดีเซลมากขึ้นต่อไป นั้น ให้กระทรวงพลังงานร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาปาล์มน้ำมันทั้งระบบตั้งแต่การเพาะปลูก การผลิต และการนำไปใช้ประโยชน์ เช่น การส่งเสริมการปลูกปาล์มน้ำมันโดยใช้พันธุ์ปาล์มที่ให้ปริมาณน้ำมันมาก การวางแผนการผลิตให้มีปริมาณที่เหมาะสม สอดคล้องกับปริมาณความต้องการใช้ในแต่ละช่วงเวลา การส่งเสริมการรวมกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันตามแนวทางประชารัฐ การพิจารณาแนวทางการใช้มาตรการทางภาษีเพื่อลดต้นทุนการผลิตและการจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซลจากปาล์มน้ำมัน การปรับปรุงคุณภาพและมาตรฐานของโรงกลั่นน้ำมันปาล์มให้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ ให้มีการบูรณาการการทำงานและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันให้ถูกต้อง ชัดเจน เพื่อให้การกำหนดมาตรการต่าง ๆ ของแต่ละกระทรวงสอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และให้นำผลการพิจารณาเสนอต่อนายกรัฐมนตรีโดยด่วน ๑.๒ ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางส่งเสริมการใช้สินค้าไทยชนิดต่าง ๆ ที่ได้มาตรฐานให้แพร่หลายยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ผู้บริโภคแทนการใช้สินค้านำเข้า โดยเฉพาะสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีราคาสูง เช่น เครื่องสำอาง ๑.๓ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ เมษินทรีย์) หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงคมนาคม กระทรวงการคลัง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมโดยด่วน เพื่อให้สามารถดำเนินการขับเคลื่อนการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมต่าง ๆ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายในปี ๒๕๖๐ และรองรับการเข้าสู่ประเทศไทย ๔.๐ ต่อไป นั้น ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการขยายผลการนำงานวิจัยและพัฒนานวัตกรรมต่าง ๆ ที่ได้วิจัยศึกษาเสร็จสิ้นและได้ขึ้นทะเบียนบัญชีนวัตกรรมแล้วไปสู่การผลิตและการขยายผลงานนวัตกรรมออกสู่ตลาดผู้บริโภค เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ได้อย่างกว้างขวางและเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น รวมทั้งให้มุ่งวิจัยและพัฒนาเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ผลผลิตทางการเกษตรเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยเฉพาะในผลผลิตที่มีปริมาณการผลิตมากจนเกิดปัญหาล้นตลาด ๑.๔ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมพิจารณาแนวทางการพัฒนาและส่งเสริมการลงทุนรูปแบบใหม่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษต่าง ๆ โดยเฉพาะเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยอาจศึกษาจากรูปแบบต่าง ๆ จากต่างประเทศที่มีศักยภาพ เช่น การจัดตั้งศูนย์เพื่อวิจัยและพัฒนาด้านการลงทุนร่วมกันระหว่างประเทศจีนและมาเลเซีย และนำแนวทางต่าง ๆ ดังกล่าวมาปรับใช้เพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมและพัฒนาการลงทุนให้เหมาะสมกับบริบทของประเทศไทยต่อไป นั้น มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) เร่งรัดการดำเนินการดังกล่าวให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ๒. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๒.๑ มอบหมายรองนายกรัฐมนตรีทุกท่านกำกับและติดตามให้กระทรวงและหน่วยงานในกำกับรวบรวมงานเชิงนโยบาย (agenda) ที่มีประเด็นปัญหาติดขัด หรือควรมีการเร่งรัด ขับเคลื่อนการดำเนินงานในช่วงระยะเวลาที่เหลืออยู่ของรัฐบาล เพื่อนำไปสู่การปฏิรูปภาครัฐ (Government Reform) ทั้งด้านกฎหมาย (Regulatory) และด้านการบริหารงาน (Administrative) เสนอรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เพื่อพิจารณาและบูรณาการแนวทางการปฏิรูปในระยะเร่งด่วนเสนอต่อนายกรัฐมนตรีและให้คณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) นำไปพิจารณาขับเคลื่อนต่อไป โดยความสำเร็จของการปฏิรูปในแต่ละหน่วยงานจะนำไปใช้ประกอบการประเมินผลการปฏิบัติงานของรัฐมนตรีต่อไปด้วย ๒.๒ ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่จะมีการปรับปรุงโครงสร้างและ/หรือขออัตรากำลังเพิ่มเพื่อรองรับภารกิจที่เพิ่มขึ้น ให้พิจารณานำเทคโนโลยีสารสนเทศหรือการจ้างงานในรูปแบบอื่น ๆ เช่น การจ้างพนักงานชั่วคราว (Part time) การจ้างทำงานพิเศษ เป็นต้น มาทดแทนการบรรจุอัตรากำลังเพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณและลดภาระผูกพันค่าใช้จ่ายในระยะยาว ๒.๓ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้ทุกส่วนราชการเร่งรัดการจัดทำทะเบียนรายชื่อผู้ได้รับรางวัลจากการแข่งขันระดับชาติและระดับนานาชาติประเภทต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลงานทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ศิลปวัฒนธรรม วิชาชีพเฉพาะทางในสาขาต่าง ๆ พร้อมทั้งให้การสนับสนุนกลุ่มบุคคลดังกล่าวโดยจัดทำเป็นฐานข้อมูลด้วย และต่อมาได้มีข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นหน่วยงานนำร่องในการดำเนินการให้การสนับสนุนผู้ได้รับรางวัลจากการแข่งขันต่าง ๆ เช่น การให้ทุนการศึกษาเพื่อพัฒนาความรู้ ความเชี่ยวชาญ และความสามารถในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศและโทรคมนาคม แล้วรายงานผลการดำเนินการต่อคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป นั้น ให้ทุกส่วนราชการดำเนินการตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับทะเบียนรายชื่อผู้ได้รับรางวัลจากการแข่งขันระดับชาติและระดับนานาชาติประเภทต่าง ๆ ดังกล่าวเพิ่มเติม โดยเฉพาะการแข่งขันด้านวิชาการ และดำเนินการปรับปรุงฐานข้อมูลของกลุ่มบุคคลดังกล่าว ให้มีรายละเอียดที่ถูกต้อง ครบถ้วน และเป็นปัจจุบัน เช่น ประวัติการศึกษา ผลงาน และอาชีพปัจจุบัน เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลของกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถที่จะขับเคลื่อนประเทศให้มีความก้าวหน้าต่อไปได้ รวมทั้งให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งรัดดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีและรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบภายในเดือนกันยายน ๒๕๖๐ ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1364 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน รวม 2 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฎีกากำเหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลโพธิ์ อำเภอเมืองศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. ....) | กษ | 18/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน เพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่เข้าทำการสำรวจพื้นที่ที่จะจัดทำเป็ดำเนินโครงการจัดรูปที่ดิน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลชัยนาท อำเภอเมืองชัยนาท จังหวัดชัยนาท ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลโพธิ์ อำเภอเมืองศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. .... ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรประเมินผลการดำเนินโครงการจัดรูปที่ดินและการนำที่สาธารณะไปจัดรูที่ดินที่ผ่านมา โดยเฉพาะปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ เพื่อนำมาใช้ในการปรับปรุงและวางแผนการดำเนินงานในระยะต่อไปให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1365 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน รวม 2 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฎีกากำเหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลชัยนาท อำเภอเมืองชัยนาท จังหวัดชัยนาท ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. ....) | กษ | 18/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน เพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่เข้าทำการสำรวจพื้นที่ที่จะจัดทำเป็ดำเนินโครงการจัดรูปที่ดิน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลชัยนาท อำเภอเมืองชัยนาท จังหวัดชัยนาท ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลโพธิ์ อำเภอเมืองศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. .... ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรประเมินผลการดำเนินโครงการจัดรูปที่ดินและการนำที่สาธารณะไปจัดรูปที่ดินที่ผ่านมา โดยเฉพาะปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ เพื่อนำมาใช้ในการปรับปรุงและวางแผนการดำเนินงานในระยะต่อไปให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1366 | การยกเลิกงบลงทุน ประจำปี 2560 รายการค่าก่อสร้างเขื่อนป้องกันน้ำท่วมนิคมอุตสาหกรรมบางปูของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย | อก | 18/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการยกเลิกงบลงทุน ประจำปี ๒๕๖๐ รายการค่าก่อสร้างเขื่อนป้องกันน้ำท่วมนิคมอุตสาหกรรมบางปูของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) วงเงินงบประมาณ ๑๓.๗๖๖ ล้านบาท ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรม โดย กนอ. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งรัดการศึกษาความเป็นไปได้ของรูปแบบเขื่อนป้องกันน้ำท่วมให้มีความเหมาะสมต่อสภาพพื้นที่ในปัจจุบันโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อชุมชนในพื้นที่โดยรอบ และควรเตรียมความพร้อมในเรื่องการทำคันกั้นน้ำชั่วคราว ชนิดติดตั้งเร็ว และเครื่องสูบน้ำให้เพียงพอเพื่อเป็นการป้องกันเหตุการณ์เฉพาะหน้า รวมถึงควรศึกษา ออกแบบ หาแนวทางที่สามารถป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่ได้อย่างครบวงจรเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในระยะยาว ตลอดจนควรมีแผนงานและมาตรการรองรับเพื่อสร้างความมั่นใจต่อผู้ประกอบการและท้องถิ่นว่า กนอ. สามารถจะบริหารจัดการได้หากเกิดเหตุฉุกเฉินช่วงระหว่างที่รอผลการศึกษารูปแบบแนวทางการปรับปรุงระบบป้องกันน้ำท่วมที่เหมาะสมต่อสภาพพื้นที่ของนิคมอุตสาหกรรมบางปู สำหรับการดำเนินการปรับปรุงระบบระบายน้ำท่วมขังและการป้องน้ำท่วมในอนาคต เห็นควรใช้เงินลงทุนจากงบประมาณของ กนอ. เป็นลำดับแรกก่อน เพื่อเป็นการลดจำนวนเงินกู้ยืมและภาระหนี้ในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1367 | การแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการบึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ (การปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการฟื้นฟู อนุรักษ์และพัฒนาบึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์) | กษ | 18/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการฟื้นฟู อนุรักษ์และพัฒนาบึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
๑. ปรับปรุงประธานกรรมการ จากเดิม นายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมาย เป็น รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) ที่กำกับการบริหารราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๒. ปรับปรุงกรรมการในลำดับที่ ๘ จากเดิม ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขต ๓ เป็น ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขต ๑๘ และลำดับที่ ๙ จากเดิม ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เขต ๓ เป็น ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เขต ๑๘ ๓. ปรับปรุงอำนาจหน้าที่ จากเดิม ๕ ข้อ เป็น ๓ ข้อ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1368 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดแบบเอกสารตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง และวิธีการขอหลักฐานการแจ้งออกไปนอกราชอาณาจักรเพื่อกลับเข้ามาอีก และการขอกลับเข้ามามีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรตามเดิม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 11/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดแบบเอกสารตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง และวิธีการขอหลักฐานการแจ้งออกไปนอกราชอาณาจักรเพื่อกลับเข้ามาอีก และการขอกลับเข้ามามีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรตามเดิม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงแบบรายการบุคคลซึ่งเดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักร (ตม. ๖) ให้ครอบคลุมข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการเดินทางและการเงิน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บข้อมูลบุคคลที่เดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1369 | การบริหารโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Development Policy Loan : เงินกู้ DPL) | กค | 11/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติการเปลี่ยนแปลงชื่อและรายละเอียดของโครงการปรับปรุงและพัฒนาระบบการบริหารการเงินการคลังภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์ (GFMIS) ให้รองรับซอฟต์แวร์ SAP ECC ๖.๐ เป็นโครงการจัดทำระบบบริหารการเงินการคลังภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์ใหม่ (New GFMIS Thai) วงเงิน ๘๒๓.๐๐ ล้านบาท ของสำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง โดยให้สำนักงานปลัดกระทรวงการคลังดำเนินการให้สอดคล้องกับความเห็นของคณะกรรมการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้แก่ (๑) พิจารณาออกแบบสถาปัตยกรรมระบบ โดยจำเป็นต้องมี Code Based Management ของกระทรวงการคลัง (๒) จัดทำขั้นตอนการออกแบบระบบโดยแบ่งออกเป็นระยะต่าง ๆ เช่น การสร้างแนวความคิดหลัก (Conceptual Design) การออกแบบรายละเอียด (Detail Design) และการออกแบบการจัดทำระบบ (Implementation Design) เป็นต้น และ (๓) ภายหลังการดำเนินโครงการแล้วเสร็จ ควรมีการจัดทำระบบดังกล่าวให้เป็น Open Source Software เพื่อให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ (Software Developer) ได้มีโอกาสพัฒนาโปรแกรมร่วมกัน ๑.๒ มอบหมายให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะเป็นผู้พิจารณารายละเอียดค่าใช้จ่ายโครงการอีกครั้ง ในขั้นตอนการอนุมัติจัดสรรเงินกู้เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Development Policy Loan : เงินกู้ DPL) เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสม ทั้งนี้ ในกรณีโครงการต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบใด ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัดด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังเร่งดำเนินการเพื่อพัฒนาและดูแล บำรุงรักษาระบบบริหารการเงินการคลังภาครัฐ โดย ๒.๑ ดูแลและบำรุงรักษาระบบ GFMIS ซึ่งในปัจจุบันไม่ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทเจ้าของระบบแล้ว ให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนกว่าระบบ New GFMIS Thai จะได้รับการปรับปรุงและพัฒนาจนสามารถรองรับการทำงานทดแทนระบบ GFMIS เดิมได้อย่างสมบูรณ์ เพื่อป้องกันการขาดเสถียรภาพของระบบ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการสูญหายของข้อมูล หรือเกิดผลกระทบต่อการเบิกจ่ายงบประมาณของประเทศในภาพรวม ๒.๒ เร่งรัดพัฒนาบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาและดูแลบำรุงรักษาระบบ New GFMIS Thai ให้มีความสามารถในการดูแล บำรุงรักษาระบบให้มีเสถียรภาพ ตลอดจนสามารถพัฒนาระบบดังกล่าวให้สามารถรองรับการเบิกจ่ายงบประมาณในรูปแบบใหม่ ๆ ตามนโยบายของรัฐบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ๒.๓ ดำเนินการจัดฝึกอบรมให้แก่บุคลากรของทุกหน่วยงานที่ใช้งานระบบ GFMIS ให้ทั่วถึงเพื่อให้ผู้ใช้งานมีความรู้ ความเข้าใจ ในการดำเนินงานด้วยระบบ New GFMIS Thai ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากผู้ใช้งานระบบดังกล่าวอย่างสม่ำเสมอ เพื่อนำปัญหาอุปสรรคในการใช้งาน ตลอดจนข้อเสนอแนะจากผู้ใช้งานไปปรับปรุงระบบ New GFMIS Thai ให้สามารถตอบสนองการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังกำกับติดตามการดำเนินงานของโครงการเงินกู้ DPL ในส่วนที่ไม่อยู่ในแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ ๓.๑ เร่งรัดให้ส่วนราชการเจ้าของโครงการซึ่งได้ลงนามในสัญญาจัดซื้อจัดจ้างแล้ว แต่ยังดำเนินการเบิกจ่ายงบประมาณไม่แล้วเสร็จ จำนวน ๑๑ โครงการ ดำเนินโครงการและเบิกจ่ายงบประมาณ วงเงิน ๘๘๑.๘๑ ล้านบาท ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ๓.๒ พิจารณาถึงความจำเป็น ความเหมาะสม และความคุ้มค่าในการดำเนินโครงการภายใต้โครงการเงินกู้ DPL ที่ยังไม่ได้เริ่มดำเนินโครงการ เพื่อนำเสนอคณะกรรมการกลั่นกรองและบริหารโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อพิจารณาเร่งรัดหรือยุติการดำเนินโครงการ แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีรับทราบภายใน ๒ เดือน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1370 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 04/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้ทุกส่วนราชการที่มีความต้องการใช้ยางพารา เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงกลาโหม กระทรวงสาธารณสุข สำรวจปริมาณความต้องการใช้ยางพาราสำหรับแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์หรือใช้เป็นส่วนผสมต่าง ๆ ภายในหน่วยงานให้ชัดเจน เพื่อจัดทำแผนสำหรับการเสนอขอรับจัดสรรงบประมาณในการจัดซื้อยางพารา ทั้งนี้ ให้เร่งดำเนินการโดยด่วน เพื่อส่งเสริมให้เกิดการใช้ยางพาราภายในประเทศให้มากยิ่งขึ้น นั้น ขอให้ทุกส่วนราชการเร่งรัดการดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็วและมีการนำยางพาราไปใช้ได้จริงภายในปี ๒๕๖๐ ๑.๒ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการจูงใจภาคเอกชนในการสนับสนุนการเพาะปลูกของเกษตรกรที่ไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกษตรกรที่ปลูกข้าวโพด เช่น การกำหนดสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่จะตอบแทนให้แก่ภาคเอกชน การกำหนดส่วนแบ่งรายได้ที่ได้จากผลผลิตในพื้นที่ระหว่างเกษตรกรและภาคเอกชน และนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๑.๓ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งรัดดำเนินการส่งเสริมผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยในปัจจุบันให้มีการพัฒนาคุณภาพให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศให้มากยิ่งขึ้น และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาดำเนินการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเพาะปลูกพืชของเกษตรกรให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ โดยส่งเสริมให้เกษตรกรเพาะปลูกพืชสมุนไพรให้มากยิ่งขึ้นเพื่อนำมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพรต่อไป นั้น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงสาธารณสุขเร่งรัดการดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าว โดยให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งพัฒนาพืชสมุนไพรให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้เป็นที่ยอมรับและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากสมุนไพรไทย รวมทั้งให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาแนวทางการส่งเสริมและขยายพื้นที่เพาะปลูกพืชสมุนไพรไปยังจังหวัดต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้นอย่างเหมาะสมด้วย ๑.๔ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ) เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงสาธารณสุข (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา) กระทรวงอุตสาหกรรม (สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม) เพื่อกำหนดมาตรการหรือแนวทางการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการขึ้นทะเบียนผลงานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมทั้งระบบ โดยให้เร่งดำเนินการดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายใน ๓ เดือน ทั้งนี้ ให้ทุกหน่วยงานให้ความร่วมมือเพื่อให้สามารถขับเคลื่อนการดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมได้อย่างรวดเร็วต่อไป ๒. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๒.๑ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้สำนักงาน ก.พ.ร. กำกับติดตามการดำเนินการของส่วนราชการต่าง ๆ ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยเฉพาะในส่วนงานบริการประชาชนทั้งในด้านการลดขั้นตอนการดำเนินงาน ลดการใช้เอกสาร การลดการใช้ทรัพยากร รวมทั้งให้นำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้แทน ทั้งนี้ ให้กำหนดตัวชี้วัดที่สามารถแสดงผลการดำเนินการของส่วนราชการตามพระราชบัญญัติดังกล่าวที่ชัดเจน และรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะด้วย นั้น ให้รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) แต่งตั้งคณะทำงานขึ้น ประกอบด้วยผู้แทนกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ผู้แทนสำนักงาน ก.พ.ร. ผู้แทนกระทรวงมหาดไทย และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อทำหน้าที่เร่งรัดการปรับปรุงประสิทธิภาพของงานให้บริการประชาชนของหน่วยงานของรัฐทุกหน่วยให้มีการเชื่อมโยงฐานข้อมูลที่เกี่ยวข้องผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อลดภาระของประชาชนในการที่ต้องนำสำเนาเอกสารมาติดต่อราชการ และพิจารณาแก้ไขกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเพื่อให้รองรับการติดต่อราชการผ่านระบบออนไลน์ ทั้งนี้ ให้นำเสนอแนวทางการดำเนินการที่เป็นรูปธรรมชัดเจนต่อนายกรัฐมนตรีภายใน ๓ เดือน ๒.๒ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางจัดหาพื้นที่กักเก็บน้ำ ทำทางระบายน้ำ หรือพัฒนาแหล่งน้ำสำหรับใช้ประโยชนร่วมกันในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยให้ประสานความร่วมมือในการดำเนินการดังกล่าวกับทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐบาล ภาคเอกชน และภาคประชาชน ทั้งนี้ ให้เตรียมการเพื่อให้เริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๐ เป็นต้นไป นั้น ขอให้รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) เร่งหารือกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและจัดทำแผนการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในรูปแบบของโครงการจิตอาสาในพื้นที่ทุกจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือและเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม แล้วให้เสนอแผนดังกล่าวต่อนายกรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป ๒.๓ ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๖๐ เห็นชอบ (ร่าง) แผนยุทธศาสตร์การคุ้มครองผู้บริโภคแห่งชาติ (ฉบับที่ ๑) (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) โดยให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคพัฒนาระบบฐานข้อมูลผู้ประกอบการที่ถูกร้องเรียนในแต่ละประเภทกิจการให้เชื่อมต่อไปยังหน่วยงานผู้ออกใบอนุญาตเพื่อนำข้อมูลไปใช้ประกอบการพิจารณาออกใบอนุญาตประกอบกิจการได้ รวมทั้งให้นำข้อมูลการออกใบอนุญาตมาใช้เป็นฐานข้อมูลในการติดตามการคุ้มครองผู้บริโภคต่อไปด้วย นั้น ให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย) ร่วมกับรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายออมสิน ชีวะพฤกษ์) กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคพิจารณาเร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดปราบปรามการประกอบธุรกิจค้าขายออนไลน์ที่ไม่ได้จดทะเบียนพาณิชย์ รวมทั้งการค้าขายสินค้าผิดกฎหมายผ่านช่องทางออนไลน์ด้วย และให้รายงานผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวต่อนายกรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป ๒.๔ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงศึกษาธิการร่วมกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารจัดทำ Application การสอนภาษาอังกฤษขั้นพื้นฐานในชีวิตประจำวันตามกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ และต่อมากระทรวงศึกษาธิการได้จัดทำ Application การเรียนรู้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารระดับพื้นฐานสำหรับประชาชนทั่วไปเสร็จเรียบร้อยแล้วในชื่อ “Echo English” โดยเน้นการฝึกฝนทักษะฟัง พูด อ่าน เขียนจากสถานการณ์จำลองต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน โดยมีวัตถุประสงค์ให้ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์ได้ทุกที่ทุกเวลา นั้น ให้ทุกส่วนราชการประชาสัมพันธ์ให้ข้าราชการ พนักงานราชการ เจ้าหน้าที่ในสังกัดติดตั้ง (download) และใช้ประโยชน์จาก Application ดังกล่าวอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาทักษะการใช้ภาษาอังกฤษของบุคลากรทุกระดับให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1371 | รายงานผลการปฏิบัติงานของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 | ปง | 04/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ รวม ๖ ด้าน ประกอบด้วย (๑) ผลการปฏิบัติงานด้านการปราบปรามการฟอกเงิน (๒) ผลการปฏิบัติงานด้านการป้องกันการฟอกเงิน (๓) ผลการดำเนินงานด้านการกำกับและตรวจสอบสถาบันการเงิน (๔) ผลการปฏิบัติงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (๕) ผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการ ๔ คณะ ได้แก่ คณะกรรมการ ปปง. คณะกรรมการธุรกรรม คณะอนุกรรมการในคณะกรรมการ ปปง. และคณะกรรมการเปรียบเทียบ และ (๖) ผลการปฏิบัติงานด้านการแก้ไขกฎหมายและออกระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะในการปฏิบัติงาน ตามที่สำนักงาน ปปง. เสนอ ๒. เห็นชอบให้นำความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงยุติธรรม และธนาคารแห่งประเทศไทยเกี่ยวกับปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะในการปฏิบัติงาน เป็นข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี ได้แก่ ปัญหาฯ ด้านการขอใช้ที่ราชพัสดุในการก่อสร้างสำนักงาน ปปง. แห่งใหม่ เห็นว่าสามารถแจ้งขอรับการสนับสนุนจากกรมธนารักษ์ได้โดยตรง ส่วนปัญหาฯ ด้านกรอบกฎหมายในการปฏิบัติตามมาตรฐานสากล ด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย เห็นว่าปัจจุบันกฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบซึ่งต้องดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลดังกล่าวนั้น ได้มีผลใช้บังคับแล้ว เช่น พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๔) พ.ศ. ๒๕๖๐ พระราชบัญญัติควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ รวมทั้งกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้องด้วย สำหรับปัญหฯ ด้านการปรับปรุงจัดเก็บข้อมูลสถิติของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เห็นว่าควรประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาข้อสรุปและแนวทางการดำเนินงานให้เป็นรูปธรรมต่อไป และให้นำรายงานผลการปฏิบัติงานของสำนักงาน ปปง. พร้อมทั้งข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีดังกล่าวเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1372 | ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตทำไม้หวงห้าม พ.ศ. .... | นร09 | 04/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตทำไม้หวงห้าม พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการอนุญาตทำไม้หวงห้ามให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันในการให้บริการประชาชนที่ขออนุญาตทำไม้หวงห้าม รวมทั้งการปฏิบัติงานเกี่ยวกับการอนุญาตทำไม้หวงห้าม และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1373 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันเงินงบประมาณ (สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร) | สผ | 04/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๕๘ ที่กันไว้เบิกเหลื่อมปีต่อไปได้ถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนกันยายน ๒๕๖๐ รวม ๒ รายการ ประกอบด้วย (๑) รายการโครงการปรับปรุงอาคารที่พักสวัสดิการเคหะสงเคราะห์สำหรับข้าราชการ วงเงินงบประมาณ ๑๓,๖๐๐,๐๐๐ บาท และ (๒) รายการจ้างที่ปรึกษาออกแบบและพัฒนาระบบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่าย วงเงินงบประมาณ ๑๐,๔๗๕,๐๐๐ บาท ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ ๒. ให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเร่งรัดการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด ตลอดจนปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง ครบถ้วน อย่างโปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ ทั้งนี้ หากไม่สามารถดำเนินการก่อหนี้ผูกพันรายการดังกล่าวได้ทันภายในระยะเวลาที่กำหนด ให้เงินงบประมาณนั้นพับไป ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1374 | การขับเคลื่อนแนวทางการบูรณาการฐานข้อมูลประชาชนและการบริการภาครัฐ | มท | 04/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับการขับเคลื่อนแนวทางการบูรณาการฐานข้อมูลประชาชนและการบริการภาครัฐ ดังนี้
๑. ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐเร่งดำเนินการแจ้งรายชื่อฐานข้อมูลที่ถูกต้อง ชัดเจน ซึ่งต้องใช้ในการบริการประชาชนไปยังกระทรวงมหาดไทยภายใน ๓ เดือน นับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ แล้วให้กระทรวงมหาดไทยรวบรวมและพิจารณารายชื่อฐานข้อมูลดังกล่าวแจ้งให้หน่วยงานเจ้าของฐานข้อมูลทราบโดยเร็ว ๒. ให้หน่วยงานเจ้าของฐานข้อมูลจัดเตรียมฐานข้อมูลให้แล้วเสร็จภายใน ๑ ปี นับแต่วันที่ได้รับแจ้งรายชื่อฐานข้อมูลจากกระทรวงมหาดไทย แล้วให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการเชื่อมระบบฐานข้อมูลดังกล่าวกับระบบฐานข้อมูลทะเบียนราษฎรและเปิดให้หน่วยงานที่ร้องขอใช้งานได้โดยเร็ว สำหรับภาระงบประมาณ หากมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณโดยคำนึงถึงการจัดทำงบประมาณแบบบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับสำนักงาน ก.พ.ร. กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) ในการขับเคลื่อนแนวทางบูรณาการฐานข้อมูลประชาชนและการบริการภาครัฐให้บรรลุผลสำเร็จเป็นรูปธรรม รวมทั้งติดตามและประเมินผลการเชื่อมโยงข้อมูลของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐเป็นระยะ ๆ ต่อไป ๔. ให้กระทรงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการศึกษาข้อมูลสถานภาพและความพร้อมของฐานข้อมูลเพื่อวางแผนการให้บริการในอนาคต โดยให้กระทรวงมหาดไทยติดตามผลการเชื่อมโยงข้อมูลของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่ได้รับการสนับสนุนเครื่องอ่านบัตรประจำตัวประชาชนแบบอเนกประสงค์ เพื่อให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐมีการปรับปรุงระบบบริการประชาชนที่รองรับกับการใช้เครื่องอ่านบัตรดังกล่าว รวมทั้งให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการในรูปแบบของคณะกรรมการบูรณาการฐานข้อมูลประชาชนและการบริการภาครัฐและพิจารณากรอบการพัฒนาระบบเชื่อมโยงข้อมูลและบริการกลางในแต่ละด้าน โดยเฉพาะการรักษาสมดุลระหว่างความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล กับการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้งาน ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย ๕. ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนเกี่ยวกับการบูรณาการฐานข้อมูลประชาชนและการบริการภาครัฐของกระทรวงมหาดไทยและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในส่วนที่ประชาชนสามารถเข้าใช้บริการได้แล้ว ณ ปัจจุบัน ให้ประชาชนได้ทราบอย่างถูกต้องและทั่วถึง เพื่อให้ประชาชนได้เลือกใช้บริการได้ตามความเหมาะสมต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1375 | การรายงานสถานะหนี้สาธารณะของประเทศ และผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2560 ณ วันที่ 31 มีนาคม 2560 | กค | 04/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานะหนี้สาธารณะของประเทศ และผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. สถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๐ ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๐ มีจำนวน ๖,๑๖๖,๕๔๙.๓๒ ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๔๒.๒๗ ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (Gross Domestic Product : GDP) โดยเป็นหนี้รัฐบาล จำนวน ๔,๗๒๘,๖๕๕.๖๐ ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจ จำนวน ๙๖๒,๘๘๕.๓๒ ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินซึ่งรัฐบาลเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ จำนวน ๔๕๕,๕๘๐.๑๘ ล้านบาท และหนี้หน่วยงานอื่นของรัฐ จำนวน ๑๙,๔๒๘.๒๒ ล้านบาท ๒. ผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะได้จัดทำแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ โดยได้มีการปรับปรุงแผนฯ แล้ว ๑ ครั้ง มีวงเงินรวมในแผนฯ ๑,๗๔๙,๕๘๔.๒๒ ล้านบาท ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๐ กระทรวงการคลังและหน่วยงานต่าง ๆ ได้ดำเนินการกู้เงินและบริหารหนี้เป็นวงเงินทั้งสิ้น ๗๔๕,๕๐๓ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๔๒.๖๑ ของแผนฯ ๓. ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินโครงการลงทุนตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ของรัฐวิสาหกิจ จากการติดตามผลการดำเนินโครงการลงทุนของรัฐวิสาหกิจพบว่า มีโครงการของการรถไฟแห่งประเทศไทย และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ที่มีผลการดำเนินงานล่าช้ากว่าแผน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1376 | ภาพรวมมาตรการทางเศรษฐกิจของภาครัฐและข้อเสนอมาตรการทางเศรษฐกิจในระยะต่อไป | นร11 | 04/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาพรวมมาตรการทางเศรษฐกิจของภาครัฐและข้อเสนอมาตรการทางเศรษฐกิจในระยะต่อไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ และให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับไปพิจารณาปรับปรุงข้อเสนอในการจัดทำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เกิดความชัดเจนใน ๓ กลุ่มเป้าหมายสำคัญดังต่อไปนี้ แล้วแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการตามข้อเสนอในการจัดทำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป
๑. กลุ่มเกษตรกร นอกจากประเด็นการเพิ่มส่วนแบ่งผลประโยชน์แก่เกษตรกรแล้ว ควรพิจารณากำหนดให้มีมาตรการที่เกี่ยวกับการเพิ่มความเข้มแข็งและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของเกษตรกรด้วย ๒. กลุ่มผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ควรเพิ่มมาตรการเกี่ยวกับการสนับสนุน SMEs เช่น มาตรการสินเชื่อแบบผ่อนปรนพิเศษเพื่อให้ SMEs สามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้โดยไม่ติดเงื่อนไข การช่วยเหลือ SMEs เพื่อรับมือกับความผันผวนของค่าเงินบาท โดยการปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมในการประกันความเสี่ยง (Spread) เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ SMEs ในการประกอบธุรกิจกับต่างประเทศ การเชื่อมโยงการประกอบธุรกิจของ SMEs กับกลไกประชารัฐ รวมทั้งเร่งรัดเตรียมการด้านต่าง ๆ เพื่อรองรับร่างพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. .... ที่จะมีผลบังคับใช้ต่อไป ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญที่สนับสนุนให้เกิดการแข่งขันทางการค้าที่เป็นธรรม ลดการผูกขาด และเพิ่มโอกาสในการแข่งขันให้กับ SMEs ๓. กลุ่มผู้มีรายได้น้อย ควรเพิ่มมาตรการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและเพิ่มสภาพคล่องในระดับฐานราก เช่น การจัดกิจกรรมตลาดนัดชุมชนเพื่อเป็นช่องทางให้ผู้มีรายได้น้อยมีพื้นที่ในการค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าภายในชุมชน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1377 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงวงเงินการก่อหนี้ผูกพันโครงการจัดหาเครื่องบินอเนกประสงค์ 1 ลำ ขออนุมัติยกเลิกการดำเนินการรายการก่อสร้างอาคารที่ทำการ อาคารลานจอดรถ และคลังรวมสำนักงานส่งกำลังบำรุง และขออนุมัติยกเว้นการไม่ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี | ตช | 04/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้
๑. เปลี่ยนแปลงรายการและเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จากโครงการจัดหาเครื่องบินอเนกประสงค์ แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร จำนวน ๑ ลำ วงเงิน ๔๗๔,๖๐๐,๐๐๐ บาท และรายการก่อสร้างอาคารที่ทำการ อาคารจอดรถ และคลังรวม ของสำนักงานส่งกำลังบำรุง วงเงิน ๕๓๖,๓๙๖,๕๐๐ บาท เป็นโครงการจัดหาเครื่องบินอเนกประสงค์ แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร จำนวน ๑ ลำ วงเงิน ๑,๒๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท เป็นกรณีเฉพาะราย โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จำนวน ๙๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลือผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๒ ต่อไป ๒. อนุมัติให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติยกเว้นการไม่ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ (เรื่อง การปรับปรุงแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณและมาตรการอื่นที่เกี่ยวข้อง) กรณีไม่สามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ กรณีการจัดสรรงบประมาณในปีแรกต่ำกว่าร้อยละ ๒๐ ของวงเงินงบประมาณทั้งสิ้น เพื่อให้สามารถก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณได้ ๓. อนุมัติให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติยกเว้นการไม่ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๙ (เรื่อง มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐) เนื่องจากไม่สามารถก่อหนี้ผูกพันโครงการจัดหาเครื่องบินอเนกประสงค์ จำนวน ๑ ลำ วงเงิน ๑,๒๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ได้ทันภายในไตรมาสที่ ๒ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยขยายระยะเวลาการก่อหนี้ผูกพันภายในไตรมาส ๔ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ๔. การดำเนินโครงการดังกล่าวสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงความประหยัด ความคุ้มค่า และประโยชน์ที่ทางราชการจะได้รับ รวมทั้งต่อรองราคาให้ได้ต่ำสุด และขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบอีกครั้ง ตลอดจนจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้สอดคล้องกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจริงต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1378 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2560 ครั้งที่ 2 | กค | 27/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๒ ที่มีวงเงินปรับลดลงสุทธิ ๑๐,๑๗๖.๗๘ ล้านบาท จากเดิม ๑,๕๙๙,๔๔๒.๔๘ ล้านบาท เป็น ๑,๕๘๙,๒๖๕.๗๐ ล้านบาท ๑.๒ รับทราบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่ต้องขออนุมัติคณะรัฐมนตรีภายใต้กรอบแผนฯ ที่มีวงเงินปรับลดลง ๔๐๐.๐๐ ล้านบาท จากเดิม ๑๕๐,๑๔๑.๗๔ ล้านบาท เป็น ๑๔๙,๗๔๑.๗๔ ล้านบาท ๑.๓ อนุมัติการกู้เงินของรัฐบาลเพื่อการก่อหนี้ใหม่ การกู้มาและการนำไปให้กู้ต่อ และการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจ ตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งขออนุมัติการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจเพื่อดำเนินโครงการลงทุนและการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ภายใต้กรอบวงเงินของแผนฯ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ปรับปรุงครั้งที่ ๒ ๑.๔ อนุมัติให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน การค้ำประกันและการบริหารความเสี่ยงในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ภายใต้แผนฯ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ปรับปรุงครั้งที่ ๒ ทั้งนี้ หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง ก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ ๑.๕ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมาย เป็นผู้ลงนามผูกพันการกู้เงินและหรือการค้ำประกันเงินกู้และเอกสารที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะรายงานผลการดำเนินการตามแผนฯ ด้งกล่าวตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๙ ๑.๖ รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ โดยมอบหมายให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ขอรับการจัดสรรงบประมาณเพื่อชดเชยต้นทุนทางการเงินที่เกิดขึ้นจากโครงการรถเมล์ฟรีและรถ PSO ๑.๗ รับทราบผลการติดตามการบริหารจัดการระบายยางพาราคงค้างของการยางแห่งประเทศไทย ๑.๘ มอบหมายให้ ขสมก. ขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๑ เพื่อชำระค่าดอกเบี้ยที่ครบกำหนด จำนวน ๓,๔๔๗.๒๗ ล้านบาท ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และธนาคารแห่งประเทศไทย อาทิ เห็นควรให้ ขสมก. ประสานกับสำนักงบประมาณเพื่อพิจารณาดำเนินการในรายละเอียดเกี่ยวกับการขอรับการจัดสรรงบประมาณเพื่อชำระค่าดอกเบี้ยที่ครบกำหนด เพื่อไม่ให้เกิดภาระหนี้สะสมเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ในระยะต่อไป สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะควรมีการบริหารความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนของหนี้ต่างประเทศภาครัฐให้เหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงคมนาคม โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย เร่งรัดการนำโครงการความร่วมมือด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟระหว่างไทย-จีน ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา เสนอต่อคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีพิจารณาตามขั้นตอนโดยเร็วต่อไป ๔. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำกับดูแลการระบายยางพาราคงคลังของการยางแห่งประเทศไทยให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับสภาวการณ์ทางการตลาด โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ปลูกยางพาราและราคายางในท้องตลาด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1379 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพาณิชย์ พ.ศ. .... | นร09 | 27/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพาณิชย์ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๕๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการ และอำนาจหน้าที่ของสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นและเหมาะสมกับสภาพของงานที่เปลี่ยนแปลงไป อันจะทำให้การปฏิบัติภารกิจตามอำนาจหน้าที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1380 | โครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2560 | กค | 27/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการดำเนินโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๖๐ ภายใต้วงเงินงบประมาณ จำนวน ๑,๘๔๑,๑๐๐,๐๐๐ บาท โดยใช้เงินงบประมาณคงเหลือในส่วนที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้เบิกจ่ายจากสำนักงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการฯ ในปีการผลิต ๒๕๕๙ จำนวน ๒๐๓,๙๔๔,๖๗๕.๓๔ บาท และเสนอของบประมาณเพิ่มเติม จำนวน ๑,๖๓๗,๑๕๕,๓๒๔.๖๖ บาท ๑.๒ เห็นชอบให้ ธ.ก.ส. ทดรองจ่ายเงินอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยแทนรัฐบาลในส่วนของงบประมาณเพิ่มเติม จำนวน ๑,๖๓๗,๑๕๕,๓๒๔.๖๖ บาท และเบิกเงินชดเชยตามจำนวนที่จ่ายจริงพร้อมด้วยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ๖ เดือน ประเภทบุคคลธรรมดาของ ๔ ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ (FDR) บวกร้อยละ ๑ ในปีงบประมาณถัดไปให้กับ ธ.ก.ส. ทั้งนี้ หากสิ้นสุดระยะเวลาในการขายกรมธรรม์แล้วพบว่า มีจำนวนพื้นที่เอาประกันภัยมากกว่าพื้นที่เป้าหมายที่เสนอของบประมาณอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัย จำนวน ๓๐ ล้านไร่ กระทรวงการคลังจะเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบวงเงินงบประมาณเพิ่มเติม ๑.๓ มอบหมายให้ ธ.ก.ส. ดำเนินการขายกรมธรรม์ประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๖๐ ให้ได้ตามเป้าหมายขั้นต่ำ จำนวน ๒๕ ล้านไร่ โดยเกษตรกรผู้เอาประกันภัยสามารถเลือกใช้บริการพร้อมเพย์ (Promptpay) ในการรับ-โอนค่าเบี้ยประกันภัยและค่าสินไหมทดแทน พร้อมทั้งให้ ธ.ก.ส. บริหารจัดการความเสี่ยงในแต่ละพื้นที่ให้สอดคล้องกับหลักการประกันภัย โดยเฉพาะการเข้าร่วมโครงการฯ ของเกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่ไม่เหมาะสมตามการกำหนดเขตพื้นที่ปลูกข้าว (Zoning) ซึ่งประกาศโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และร่วมกับสมาคมประกันวินาศภัยไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการประชาสัมพันธ์โครงการฯ และให้ความรู้ด้านการประกันภัยแก่เกษตรกรและบุคคลที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างความตระหนักรู้ในความสำคัญของการประกันภัย ๑.๔ มอบหมายให้กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประสานงานกับสมาคมประกันวินาศภัยไทยและ ธ.ก.ส. ดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลเอกสารทะเบียนเกษตรกร แบบประมวลรวบรวมความเสียหายและการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัย (แบบ กษ ๐๒) และแบบรายงานข้อมูลความเสียหายจริงของเกษตรกรผู้เอาประกันภัยข้าว เพื่อรับค่าสินไหมทดแทน (แบบ กษ ๐๒ เพื่อการรับประกันภัย) ตลอดจนดำเนินการเพื่อให้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบฐานข้อมูลสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับโครงการฯ เพื่อรองรับการเพิ่มพื้นที่เป้าหมายในอนาคต และรองรับการแก้ไขปัญหาการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้รวดเร็วและถูกต้องมากขึ้น พร้อมทั้งให้กรมส่งเสริมการเกษตรเก็บข้อมูลพื้นที่ประสบภัย ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยแยกประเภทพืชต่าง ๆ ๑.๕ มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเก็บข้อมูลและปรับปรุงฐานข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการใช้ดัชนีผลผลิตต่อเขตพื้นที่ (Area Yield Index) และเทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์ เพื่อเตรียมการรองรับการประกันภัยข้าวและการประกันภัยพืชผลทางการเกษตรอื่น ๆ ต่อไปในอนาคต ๑.๖ มอบหมายให้กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย และกรุงเทพมหานครดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการในการตรวจสอบเกษตรกรที่ได้รับความเสียหายแต่มิได้อยู่ในพื้นที่ที่มีการประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๕๖ เช่นเดียวกับการดำเนินการของโครงการฯ ปีการผลิต ๒๕๕๙ และขอให้จัดส่งข้อมูลให้สมาคมประกันวินาศภัยไทยและ ธ.ก.ส. เพื่อพิจารณาดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาต่อไป ๑.๗ มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยปรับปรุงกรมธรรม์ประกันภัยข้าวนาปีให้เป็นไปตามรูปแบบและหลักเกณฑ์ของการรับประกันภัยของโครงการฯ ปีการผลิต ๒๕๖๐ และดำเนินการสร้างความรู้ความเข้าใจ ตลอดจนประชาสัมพันธ์โครงการฯ ในภาพรวมและเชิงรุกให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๑.๘ มอบหมายให้สมาคมประกันวินาศภัยไทยประสานงานกับ ธ.ก.ส. และกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พัฒนาระบบการรับประกันภัยและการจ่ายค่าสินไหมทดแทน ตลอดจนดำเนินการประชาสัมพันธ์โครงการฯ ปีการผลิต ๒๕๖๐ เพื่อให้เกษตรกรผู้เอาประกันภัยได้รับประโยชน์สูงสุด ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรมีการประเมินความคุ้มค่าในการดำเนินโครงการประกันภัยเปรียบเทียบกับการให้ความช่วยเหลือโดยหน่วยงานภาครัฐในรูปแบบอื่น เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาจัดทำโครงการประกันภัยในโอกาสต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังเร่งรัดศึกษาแนวทางการให้ความช่วยเหลือด้านการประกันภัยพืชผลทางการเกษตรให้ครอบคลุมถึงพืชผลชนิดอื่น ๆ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ๔. ในการดำเนินโครงการประกันภัยข้าวนาปีสำหรับปีต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณาและนำเสนอโครงการฯ ต่อคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวและคณะรัฐมนตรีให้ทันก่อนเริ่มฤดูกาลเพาะปลูก เพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของโครงการฯ ที่ต้องการให้เกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการฯ อย่างทั่วถึงและได้รับการคุ้มครองตลอดระยะเวลาการเพาะปลูกข้าวนาปีทั้งฤดูการผลิต ๕. ให้กระทรวงการคลังพิจารณาปรับปรุงแนวทางการดำเนินโครงการฯ ในอนาคต โดยส่งเสริมให้เกษตรกรได้มีส่วนร่วมในระบบประกันภัยพืชผลมากยิ่งขึ้น และทยอยให้เกษตรกรเพิ่มการมีส่วนร่วมในการรับภาระค่าเบี้ยประกันภัยด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
.....
