ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 67 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 1321 - 1340 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1321 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ พ.ศ. .... | นร09 | 26/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการ รวมทั้งหน้าที่และอำนาจของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นและเหมาะสมกับสภาพงานที่เปลี่ยนแปลงไป อันจะทำให้การปฏิบัติภารกิจตามหน้าที่และอำนาจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งร่างกฎกระทรวงดังกล่าวให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐเพื่อนำเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาลงนามและประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1322 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2560 (เพิ่มเติม) และครั้งที่ 2/2560 | ทส | 26/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ ๑/๒๕๖๐ (เพิ่มเติม) และครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๖๐ ได้พิจารณาเรื่องเชิงนโยบายที่สำคัญและได้ข้อยุติแล้ว โดยยังคงมีเรื่องที่มีความจำเป็นต้องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบเพิ่มเติมอีก ๕ เรื่อง ได้แก่ (๑) ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่ตำบลบางปะกง ตำบลท่าข้าม ตำบลสองคลอง อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา และท้องที่ตำบลคลองตำหรุ อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... และร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติ และแนวทางในการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (IEE) และรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ในท้องที่ดังกล่าวข้างต้น พ.ศ. .... (๒) ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่ตำบลปากคลอง ตำบลชุมโค ตำบลบางสน และตำบลสะพลี อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร พ.ศ. .... (๓) โครงการก่อสร้างทางรถไฟสายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (๔) โครงการทำเหมืองแร่ชนิดแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน ชนิดแร่หินอุตสาหกรรมชนิดดินดาน และชนิดแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนของห้างหุ้นส่วนจำกัด อุดมศิลา คำขอต่ออายุประทานบัตรที่ ๓/๒๕๕๗ ตั้งอยู่ที่ตำบลเขาวง อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี และ (๕) โครงการทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน และหินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน คำขอต่ออายุประทานบัตรที่ ๗/๒๕๕๗ ของบริษัทชีวิลเอนจีเนียริง จำกัด ตั้งอยู่ที่ตำบลหน้าพระลาน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี ๒. มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๖๐ จำนวน ๑๔ เรื่อง เช่น (๑) รายงานการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงาน EIA โครงการพัฒนาท่าอากาศยานภูเก็ต : การปรับปรุง Runway Strip, RESA และทางขับขนานท่าอากาศยานภูเก็ต ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (๒) รายงานผลการดำเนินงานตามมติคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ ๔/๒๕๕๙ เรื่อง โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-นครราชสีมา ของกรมทางหลวง (๓) โครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ส่วนต่อขยายช่วงศิริราช-ตลิ่งชัน และบ้านฉิมพลี-ศาลายา ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (๔) โครงการอาคารศูนย์บริการทางการแพทย์หริภุญไชยของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (๕) การปรับปรุงมาตรฐานก๊าซคาร์บอนไดซัลไฟด์ในบรรยากาศโดยทั่วไป และ (๖) ร่างนโยบายและแผนการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙ เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1323 | สรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 33 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2559 - 30 มิถุนายน 2560) | นร | 26/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๓๓ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๙-๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๐) ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเสนอ มีผลงานสำคัญโดยสรุป ดังนี้
๑. การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ เช่น โครงการส่งเสริมการจัดกิจกรรมเพื่อความปรองดองสมานฉันท์โดยผ่านกลไกระดับจังหวัด อำเภอ ท้องถิ่น การจัดงานประเพณีกิจกรรมทางศาสนาและกิจกรรมพัฒนา และการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนร้องทุกข์ ๒. การปฏิรูปประเทศ เช่น การติดตามขับเคลื่อนความคืบหน้าการดำเนินการตามประเด็นปฏิรูป ๓. การบริหารราชการแผ่นดิน ๓.๑ ด้านความมั่นคง เช่น การเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้ด้วยความจงรักภักดีและปกป้องรักษาพระบรมเดชานุภาพ การรักษาความมั่นคงของรัฐและต่างประเทศ การแก้ไขปัญหายาเสพติด ๓.๒ ด้านสังคมจิตวิทยา เช่น การลดความเหลื่อมล้ำของสังคม การศึกษาและเรียนรู้ การทะนุบำรุงศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม การยกระดับคุณภาพบริการด้านสาธารณสุขและสุขภาพของประชาชน ๓.๓ ด้านเศรษฐกิจ เช่น การเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ การส่งเสริมการค้าชายแดนและการค้าผ่านแดนของไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ๓.๔ ด้านการต่างประเทศ เช่น การสร้างประชาคมอาเซียนที่เข้มแข็งและส่งเสริมบทบาทไทยในประชาคมอาเซียน การส่งเสริมการค้า การลงทุน เสริมสร้างศักยภาพของผู้ประกอบการไทยและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและศักยภาพทางเศรษฐกิจ ๓.๕ ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เช่น การส่งเสริมและการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาลและการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ การปรับปรุงกฎหมายที่ล้าสมัยไม่เป็นธรรม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1324 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร09 | 26/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย พ.ศ. ๒๕๕๗ เพื่อจัดตั้งศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ เป็นส่วนราชการภายในกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย และกำหนดอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการดังกล่าว รวมทั้งเปลี่ยนชื่อสำนักช่วยเหลือผู้ประสบภัย เป็น “กองช่วยเหลือผู้ประสบภัย” ในกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย เพื่อให้มีความเหมาะสม และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งร่างกฎกระทรวงดังกล่าวให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยพิจารณาลงนาม และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1325 | การขอความเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ 23 แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย - มาเลเซีย - ไทย (IMT-GT) | นร11 | 26/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. ร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ ๒๓ แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT) (Draft Joint Statement of the Twenty Third Indonesia-Malaysia-Thailand Growth Triangle Ministerial Meeting) มีสาระสำคัญเป็นการชื่นชมความก้าวหน้าในการดำเนินงานในรอบปี ๒๕๕๙-๒๕๖๐ และการขับเคลื่อนแผนดำเนินงานระยะห้าปี ปี ๒๕๖๐-๒๕๖๔ (IB 2017-2021) เพื่อบรรลุเป้าหมายตามวิสัยทัศน์ปี ๒๕๗๙ ของ IMT-GT ซึ่งได้รับรองในที่ประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ ๑๐ แผนงาน IMT-GT เมื่อเดือนเมษายน ๒๕๖๐ ณ กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ รวมทั้งเป็นการยืนยันเจตนารมณ์ในการพัฒนาความร่วมมือในด้านต่าง ๆ เช่น การขับเคลื่อนโครงการด้านการเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐาน ความร่วมมือด้านยางพาราและปาล์มน้ำมัน การพัฒนายุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยว การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการฮาลาล และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เป็นต้น และหากมีความจำเป็นต้องแก้ไขร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติสามารถดำเนินการได้ โดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจะได้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบในภายหลังหากมีการปรับปรุงแก้ไขพร้อมด้วยเหตุผลประกอบ ๒. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมร่วมกับรัฐมนตรีของประเทศสมาชิกให้การรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ โดยไม่มีการลงนามในการประชุมระดับรัฐมนตรีแผนงาน IMT-GT ครั้งที่ ๒๓ ในวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๐ ณ เกาบังกา จังหวัดบังกา-เบลิตุง สาธารณรัฐอินโดนีเซีย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1326 | แผนการยกระดับการบริการภาครัฐ ระยะที่ 2 ตามพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558 | นร12 | 26/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบแผนการยกระดับการบริการภาครัฐ ระยะที่ ๒ ตามพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๕๘ เป็นแผนการยกระดับประสิทธิภาพการบริการของภาครัฐให้ดีขึ้น เพื่อให้ประชาชนได้รับการบริการจากภาครัฐที่รวดเร็วขึ้น ง่ายขึ้น และค่าใช้จ่ายที่ถูกลง โดยแผนการยกระดับดังกล่าวแบ่งออกเป็น ๕ แผนงาน ได้แก่ (๑) การปรับปรุงคู่มือสำหรับประชาชน ระยะที่ ๒ (๒) การจัดทำแบบฟอร์มเอกสารราชการ ๒ ภาษา (๓) การพัฒนาระบบติดตามการให้บริการ (๔) การอำนวยความสะดวกในการจองคิวกลางและการให้ข้อมูลป้อนกลับของประชาชนต่อการบริการ และ (๕) การทบทวนกฎหมายในการยกเลิกใบอนุญาตที่ไม่จำเป็น ๑.๒ มอบหมายหน่วยงานร่วมสนับสนุนการดำเนินการตามแผนการยกระดับการบริการภาครัฐ ระยะที่ ๒ ตามพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๕๘ ประกอบด้วยสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานราชบัณฑิตยสภา สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวการกำหนดเกณฑ์ค่าเป้าหมายที่มีความเหมาะสมกับแต่ละกระบวนงาน การจัดให้มีหน่วยงานกลาง (focal point) ทั้งระดับประเทศและระดับกระทรวงเพื่อให้คำแนะนำเกี่ยวกับการจัดทำเอกสารภาษาต่างประเทศ การเชื่อมโยงระบบติดตามการให้บริการและระบบการจองคิวกลางของการบริการภาครัฐ และการพัฒนาระบบข้อมูลกลางให้เป็นมาตรฐานและสามารถเข้าถึงได้แบบทันที (real time) เป็นต้น รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมที่ให้มีระบบสารสนเทศที่ใช้ในการจัดการคำขออนุญาตที่เชื่อมโยงกับระบบของหน่วยงาน และพิจารณาให้การสนับสนุนงบประมาณสำหรับการพัฒนาระบบค่าเช่าใช้บริการค่าอุปกรณ์ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดกิจกรรมภายใต้แผนงานต่าง ๆ โดยระบุเป้าหมายและตัวชี้วัดของกิจกรรมต่าง ๆ ให้ชัดเจนเพื่อให้สามารถกำกับติดตามและประเมินผลการดำเนินกิจกรรมภายใต้แผนการยกระดับการบริการภาครัฐ ระยะที่ ๒ ตามพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๕๘ ได้อย่างชัดเจนและเป็นรูปธรรมต่อไป ทั้งนี้ ให้สำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดกรอบเวลาและเร่งรัดการดำเนินการกิจกรรมดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายในปี พ.ศ. ๒๕๖๒
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1327 | ขอขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันเงินงบประมาณปี พ.ศ. 2556 (โครงการปรับปรุงวังสราญรมย์) | กต | 26/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1328 | การปรับปรุงคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี | นร | 26/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๔๑/๒๕๖๐ ลงวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๖๐ เรื่อง ปรับปรุงคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ลงนามในคำสั่งดังกล่าวแล้ว ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1329 | ขอความเห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซม ครั้งที่ 7 | พณ | 19/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการต่อ (๑) ร่างแถลงการณ์ที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซม ครั้งที่ ๗ (The 7th ASEM Economic Ministers’ Meeting : 7th ASEM EMM) เพื่อสนับสนุนระบบการค้าพหุภาคี (๒) ร่างเอกสารสรุปผลการประชุม ASEM EMM ครั้งที่ ๗ ของประธาน และ (๓) ร่างเอกสารข้อริเริ่มของที่ประชุม ASEM EMM ครั้งที่ ๗ ด้านการปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคที่ ๔ ซึ่งเป็นเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมASEM EMM ครั้งที่ ๗ ที่มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๑-๒๒ กันยายน ๒๕๖๐ ณ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือและความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจระหว่างเอเชียและยุโรป โดยไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเข้าร่วมรับรองเอกสารผลลัพธ์การประชุม ASEM EMM ครั้งที่ ๗ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุม ASEM EMM ครั้งที่ ๗ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ประเทศไทยเข้าร่วมการเจรจาความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้าสิ่งแวดล้อม (Environmental Goods Agreement : EGA) ก็ต่อเมื่อเป็นการเจรจาที่ให้ประเทศสมาชิกทั้งหมดขององค์การการค้าโลก (World Trade Organization) เข้าร่วมเท่านั้น สำหรับร่างเอกสารข้อริเริ่มของที่ประชุม ASEM EMM ครั้งที่ ๗ ด้านการปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคที่ ๔ ควรให้ความสำคัญเพิ่มเติมกับการสร้างความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ การพัฒนาทักษะแรงงานให้มีศักยภาพสอดคล้องกับการพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ตามแนวทางการปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคที่ ๔ ของอาเซม รวมทั้งการพัฒนาระบบการศึกษาเพื่อเตรียมพร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะในสาขาอาชีพที่มีโอกาสถูกทดแทนด้วยเทคโนโลยีและส่งเสริมสาขาอาชีพใหม่ ๆ ที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ นอกจากนี้ ควรให้ความสำคัญกับประเด็นความร่วมมือทางด้านกฎระเบียบที่ส่งเสริมให้เกิดนวัตกรรม การปรับปรุงกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาตามแนวทางการปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคที่ ๔ ของแต่ละประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1330 | รายงานการดำเนินงานการอนุรักษ์และพัฒนานครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา | วธ | 19/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการดำเนินงานการอนุรักษ์และพัฒนานครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. การอนุรักษ์นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา กรมศิลปากรจัดทำแผนแม่บทโครงการอนุรักษ์และพัฒนานครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เพื่ออนุรักษ์ พัฒนา และปรับปรุงภูมิทัศน์โบราณสถาน ปรับปรุงสาธารณูปโภค สาธารณูปการ ตลอดจนปรับปรุงฟื้นฟูวิถีชีวิตชุมชนพื้นที่อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา โดยมีแนวความคิดให้ชุมชนอยู่กับโบราณสถานอย่างเกื้อกูลกัน ระยะเวลาดำเนินการระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๓๗-๒๕๔๔ งบประมาณดำเนินการ ๒,๙๔๖.๗๘ ล้านบาท ผลการดำเนินงานเป็นไปตามแผนแม่บทฯ ในส่วนของงานโบราณคดี งานอนุรักษ์โบราณสถาน และงานปรับปรุงชุมชนบางส่วน แต่ยังไม่สำเร็จครบถ้วนทั้งหมด ๒. การพัฒนานครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๔๕-๒๕๖๐ กรมศิลปากรยึดแนวทางตามแผนแม่บทฯ ดำเนินการพัฒนานครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาสืบต่อมาภายใต้งบประมาณปกติ ประมาณ ๑,๓๐๐ ล้านบาท ภาคเอกชน ๖๗ ล้านบาท และองค์กรต่างประเทศ ๓๗ ล้านบาท งบประมาณดังกล่าวรวมที่ใช้ในการฟื้นฟูโบราณสถาน จำนวน ๑๕๔ แห่งที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัย ปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ด้วย ๓. การดำเนินงานตามมติที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ครั้งที่ ๓๙ ณ กรุงบอนน์ สหพันธ์สาธารณรัฐรัฐเยอรมนี เมื่อวันที่ ๒๘ มิถุนายน-๘ กรกฎาคม ๒๕๕๘ กรมศิลปากรได้ดำเนินการตามมติคณะกรรมการฯ แล้ว ได้แก่ การจัดฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ในการบูรณปฏิสังขรณ์มรดกโลก การจัดทำร่างแผนแม่บทโครงการอนุรักษ์และการพัฒนานครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ระยะที่ ๒ และการควบคุมการปลูกสร้างอาคารใหม่ในพื้นที่กันชนและพื้นที่อนุรักษ์สำคัญที่ยื่นขออนุญาตในปี พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๕๙ ๔. โครงการจัดทำร่างแผนแม่บทโครงการอนุรักษ์และพัฒนานครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ระยะที่ ๒ เป็นผลสืบเนื่องจากการประชุมคณะกรรมการอำนวยการและควบคุมการดำเนินงานโครงการอนุรักษ์และพัฒนานครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ ที่เห็นชอบให้กรมศิลปากรจัดทำแผนแม่บทโครงการอนุรักษ์และพัฒนานครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ระยะที่ ๒ ปี พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๙ โดยมีแนวความคิดการพัฒนาให้เป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่มีชีวิต ให้ประชาชนสามารถอยู่ร่วมกับโบราณสถานได้ สาระสำคัญในแผนแม่บทฯ ประกอบด้วย งานค้นคว้าศึกษาวิจัยโบราณคดี งานด้านการอนุรักษ์โบราณสถาน งานควบคุมการใช้ที่ดินและปรับปรุงชุมชนปัจจุบัน งานการปรับปรุงภูมิทัศน์ และงานส่งเสริมรายได้ชุมชน เป็นต้น คาดว่าจะนำแผนแม่บทฯ เสนอคณะรัฐมนตรีได้ภายในเดือนธันวาคม ๒๕๖๐
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1331 | รายงานผลการดำเนินงานโครงการอำนวยความปลอดภัยบริเวณหน้าโรงเรียนในพื้นที่ภาคกลางของกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท | คค | 19/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานโครงการอำนวยความปลอดภัยบริเวณหน้าโรงเรียนในพื้นที่ภาคกลางของกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท ซึ่งผลการดำเนินการปรับปรุงทางหลวงและทางหลวงชนบทบริเวณหน้าโรงเรียน โดยการติดตั้งป้ายเตือนเขตโรงเรียน ป้ายจำกัดความเร็ว (ไม่เกิน ๓๐ กิโลเมตร/ชั่วโมง) ป้ายเตือนทางข้าม เครื่องหมายจราจรบนผิวทางบริเวณทางข้ามหน้าโรงเรียน และติดตั้งแถบสีพร้อมกันลื่นสีแดง (Red Anti Skid) บนถนนทั้ง ๒ ช่องจราจร (ไป-กลับ) รวมทั้งจัดระเบียบการจราจรและการใช้เขตทาง (หาบเร่ แผงลอย) เพื่อมิให้กีดขวางการจราจรที่อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุบริเวณหน้าโรงเรียน ตลอดจนรณรงค์และประชาสัมพันธ์ให้ความรู้แก่นักเรียนเกี่ยวกับการใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย ได้ดำเนินการแล้วเสร็จปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๐ จำนวน ๒,๙๓๐ แห่ง วงเงิน ๒,๗๗๙.๔๒ ล้านบาท เป็นพื้นที่ภาคกลาง จำนวน ๖๖๘ แห่ง วงเงิน ๖๙๘.๔๙ ล้านบาท และจะดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ จำนวน ๖๑๐ แห่ง วงเงิน ๗๗๙.๕๒ ล้านบาท เป็นพื้นที่ภาคกลาง จำนวน ๑๐๓ แห่ง วงเงิน ๙๒.๓๘ ล้านบาท ทั้งนี้ จากผลการสำรวจพบว่า ยังมีพื้นที่บริเวณหน้าโรงเรียนในความรับผิดชอบของกระทรวงคมนาคมที่จำเป็นต้องมีการปรับปรุงอีกกว่า ๓,๐๐๐ จุด ซึ่งจะได้จัดทำแผนเพื่อดำเนินการปรับปรุงพื้นที่ดังกล่าวตามลำดับความสำคัญและขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีในการดำเนินการต่อไป ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1332 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 เพิ่มเติม (ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการโครงการปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำ) | กห | 19/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๒๓๕,๓๖๑,๓๐๐ บาท ให้กองทัพบกเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการโครงการปรับปรุงและฟื้นฟูแหล่งน้ำ (มูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จำนวน ๒๒ โครงการ ในพื้นที่ ๑๕ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ แพร่ สุโขทัย ขอนแก่น บุรีรัมย์ ปราจีนบุรี นครปฐม กรุงเทพมหานคร เพชรบุรี หนองคาย สุรินทร์ พะเยา เชียงราย พิษณุโลก และพัทลุง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำในช่วงน้ำหลาก บรรเทาความเสียหายและความเดือดร้อนจากน้ำท่วมและน้ำแล้งให้กับประชาชน รวมทั้งกระจายน้ำให้กับพื้นที่การเกษตรและเพิ่มปริมาณน้ำเพื่อสำรองไว้ใช้ประโยชน์ในฤดูแล้ง ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ๒. ให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ให้กระทรวงกลาโหมส่งรายละเอียดโครงการฯ ให้ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาแผนงานโครงการตามการวิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงอุทกภัยและภัยแล้งทั้งประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1333 | ร่างแผนพัฒนาตลาดทุนไทย ฉบับที่ 3 (ปี 2560 - 2564) | กค | 12/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบร่างแผนพัฒนาตลาดทุนไทย ฉบับที่ ๓ (ปี ๒๕๖๐-๒๕๖๔) มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาตลาดทุนไทยให้สามารถเป็นแหล่งระดมทุน แหล่งการออม และการลงทุนของทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รองรับต่อความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่จะมีบทบาทในธุรกรรมด้านการเงินการลงทุนมากขึ้น รองรับกระแสการเชื่อมโยงเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค โดยมีประเด็นสำคัญที่มุ่งเน้นในการพัฒนาใน ๕ ด้าน ได้แก่ (๑) การปรับปรุงตลาดทุนให้เป็นแหล่งทุนสำหรับ SMEs นวัตกรรม และกลุ่ม Startup (๒) การปรับปรุงตลาดทุนให้เป็นแหล่งระดมทุนสำหรับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ (๓) การเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน (๔) การปรับปรุงให้ตลาดทุนไทยเป็นแหล่งระดมทุนที่สำคัญของภูมิภาค และ (๕) การปรับปรุงตลาดทุนให้รองรับการก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ร่างแผนพัฒนาตลาดทุนฯ มีมาตรการในการดำเนินการที่ครอบคลุมและเกี่ยวข้องกับหลายภาคส่วนทั้งภาคเอกชนและภาครัฐ การกำกับดูแลให้บรรลุเป้าหมายอย่างเป็นองค์รวมภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนดจะต้องเป็นไปด้วยความรอบคอบ ชัดเจนอย่างโปร่งใส และมีประสิทธิภาพภายใต้กรอบของวินัยการเงินการคลังที่ยั่งยืน นอกจากนี้ ร่างแผนพัฒนาตลาดทุนฯ ฉบับนี้ เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์การระดมทุนที่เป็นนวัตกรรมและผู้ประกอบการรูปแบบใหม่สำหรับตลาดทุนไทย ตลอดจนการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อรองรับการระดมทุนสำหรับกลุ่มประเทศในภูมิภาค จึงควรพิจารณาศึกษาผลกระทบและความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างรอบด้านด้วย และเนื่องจากสภาวะแวดล้อมของภาคการเงินมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว จึงเห็นควรให้คณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนไทยรายงานผลการดำเนินการให้คณะรัฐมนตรีทราบทุกปี และประเมินผลสัมฤทธิ์ของร่างแผนพัฒนาตลาดทุนฯ ในระยะครึ่งแผน เพื่อให้สามารถพิจารณาปรับปรุงแผนงานและตัวชี้วัดให้เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย รวมทั้งให้ดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ จัดลำดับความสำคัญของการดำเนินการตามร่างแผนพัฒนาตลาดทุนไทยฯ ให้ชัดเจน รวมทั้งให้ความสำคัญกับการพัฒนาและกำกับดูแลตลาดทุนให้เกิดความเท่าเทียมกันระหว่างผู้ลงทุนรายใหญ่และรายย่อย ๒.๒ พิจารณาดำเนินการเพื่อจัดให้มีกลไกในการประสานความร่วมมือในการพัฒนาและกำกับดูแลตลาดการเงินในภาพรวมที่ครอบคลุมทั้งสถาบันการเงิน การประกันภัย ตลาดทุน รวมทั้งเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การพัฒนาภาคการเงินในภาพรวมของประเทศมีความสอดคล้องเชื่อมโยงกัน และมีการกำกับดูแลที่มีมาตรฐานเท่าเทียมกันต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1334 | รายงานผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ประจำปี 2559 | นร09 | 12/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ประจำปี ๒๕*๙ ซึ่งมีผลการปฏิบัติงานที่สำคัญ ได้แก่ (๑) ให้คำแนะนำปรึกษาแก่เจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ และ (๒) การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง โดยในส่วนของปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะในการปรับปรุงการปฏิบัติราชการทางปกครอง มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาดำเนินการศึกษาและยกร่างกฎหมายเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ในการบังคับทางปกครองขึ้นเป็นการเฉพาะเพื่อแก้ไขปัญหาในทางปฏิบัติของพนักงานเจ้าหน้าที่ในการบังคับทางปกครองให้มีประสิทธิภาพต่อไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1335 | แนวทางการดำเนินการประชาสัมพันธ์งานของรัฐบาลโดยโฆษกกระทรวง ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี (6 ตุลาคม 2558) ประจำเดือนกรกฎาคม 2560 | นร02 | 12/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบแนวทางการดำเนินการประชาสัมพันธ์ผลงานของรัฐบาลโดยโฆษกกระทรวง ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี (๖ ตุลาคม ๒๕๕๘) ประจำเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๐ ตามที่คณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติเสนอ มีประเด็นการประชาสัมพันธ์ที่สำคัญ ดังนี้ ๑.๑ ผลงานตามนโยบายและยุทธศาสตร์ (๑) เดือนที่ผ่านมา (กรกฎาคม ๒๕๖๐) ได้แก่ การส่งเสริมภาพลักษณ์ประเทศไทย การดำเนินงานโครงการระบบขนส่งมวลชนทางรางในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และมาตรการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ อาทิ การผลักดันการค้าชายแดนและการลงทุนจากต่างประเทศ และ (๒) เดือนต่อไป (กันยายน ๒๕๖๐) ได้แก่ การรายงานสถานการณ์การละเมิดสิทธิเสรีภาพและสิทธิมนุษยชนและการลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชนที่ถูกละเมิดสิทธิ และการปรับปรุงกฎหมายและระเบียบต่าง ๆ ให้ทันสมัยและเป็นสากล ๑.๒ ผลงานตามประเด็นการปฏิรูป (๑) เดือนที่ผ่านมา (กรกฎาคม ๒๕๖๐) ได้แก่ ยุทธศาสตร์ชาติการปฏิรูปประเทศ และนโยบายของรัฐบาล บทบาทการศึกษาเอกชนกับการพัฒนาประเทศไทย ๔.๐ และการเร่งจัดหาโควตาความต้องการจ้างคนพิการเพิ่ม และ (๒) เดือนต่อไป (กันยายน ๒๕๖๐) ได้แก่ การป้องกันและปราบปรามขบวนการตัดไม้ทำลายป่า การบุกรุกพื้นที่ป่าและที่ดินของรัฐ การวางระบบการบริหารจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพเพื่อจัดการอุทกภัยอย่างบูรณาการ ๑.๓ ผลงานการแก้ไขปัญหาเร่งด่วน (๑) เดือนที่ผ่านมา (กรกฎาคม ๒๕๖๐) ได้แก่ การแก้ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย การค้ามนุษย์และแรงงานผิดกฎหมาย มาตรการแก้ปัญหาและส่งเสริมผู้ประกอบการยางพารา และมาตรการความช่วยเหลือผู้ประกอบการจากอุทกภัยและน้ำไหลหลาก และ (๒) เดือนต่อไป (กันยายน ๒๕๖๐) ได้แก่ การป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและแชร์ลูกโซ่ การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์และการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าว และการรายงานความคืบหน้าของโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก ๒. ให้คณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติพิจารณาปรับปรุงการจัดข้อมูลเพื่อการประชาสัมพันธ์ผลงานของรัฐบาลให้ถูกต้อง ตรงตามกลุ่มผลงานที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ ในส่วนผลงานสำคัญซึ่งไม่ได้จัดอยู่ในกลุ่มผลงานที่กำหนด ให้ปรับเพิ่มกลุ่มงานใหม่ได้ตามความเหมาะสม เช่น การจัดงานพระราชพิธีสำคัญ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1336 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนท่าโขลง จังหวัดลพบุรี พ.ศ. .... | มท | 12/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนท่าโขลง จังหวัดลพบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวมในท้องที่ตำบลบางขาม ตำบลบ้านชี อำเภอบ้านหมี่ และตำบลโคกสลุด ตำบลเขาสมอคอน ตำบลมุจลินท์ อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบทในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม โดยให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนก่อนดำเนินการ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมที่เห็นควรให้เพิ่มประเภทและขนาดโรงงานในร่างกฎกระทรวงฯ เช่น โรงงานประเภท ๑๐๑ ปรับคุณภาพของเสียรวม โรงงานประเภท ๑๐๕ โรงงานคัดแยก ฝังกลบสิ่งปฏิกูล และโรงงานประเภท ๑๐๖ โรงงานนำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่ไม่ใช้แล้วหรือของเสียจากโรงงานมาผลิตเป็นวัตถุดิบหรือผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยผ่านกรรมวิธีการผลิตทางอุตสาหกรรม รวมทั้งโรงงานประเภท ๘๘ โรงงานผลิตพลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์ ลม ชีวมวล ชีวภาพ และขยะชุมชน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการดำเนินการตรวจสอบแนวเขตพื้นที่ การให้ความสำคัญกับการควบคุมการวางผังเมือง การควบคุมการก่อสร้างต่าง ๆ การพิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ลุ่มน้ำ พื้นที่ชุ่มน้ำ การพิจารณาเพิ่มเติมการปลูกต้นไม้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของที่ว่างของแปลงที่ดินที่ขออนุญาตก่อสร้างอาคาร เพื่อเป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเมือง การจัดทำฐานข้อมูลการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เป็นปัจจุบัน และใช้ฐานข้อมูลดังกล่าวเป็นฐานในการกำหนดผังเมืองรวมฉบับที่จะมีการปรับปรุงของแต่ละเมือง นอกจากนี้กรมโยธาธิการและผังเมืองควรพิจารณาสนับสนุนให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นกำกับดูแลและควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1337 | รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ปี 2558 และรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี 2558 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ | สม | 12/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ปี ๒๕๕๘ ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ปี ๒๕๕๘ แบ่งออกเป็น ๓ ส่วนหลัก ได้แก่ (๑) สถานการณ์สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง เช่น สิทธิในกระบวนการยุติธรรม เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น สถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (๒) สถานการณ์สิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม เช่น การบริหารจัดการพลังงาน สิทธิทางการศึกษา สิทธิด้านสุขภาพ และ (๓) สถานการณ์สิทธิของกลุ่มเปราะบาง เช่น กลุ่มเด็ก กลุ่มคนพิการ กลุ่มชาติพันธุ์ชนเผ่าและชนพื้นเมือง ๑.๒ รายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี ๒๕๕๘ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประกอบด้วย ๓ ส่วนหลัก ได้แก่ (๑) ผลการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติมีผลการเบิกจ่ายงบประมาณรวมทั้งสิ้น ๑๙๖,๗๓๙,๙๙๕ ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ ๘๙.๑๑) (๒) ผลการดำเนินงานตามภารกิจอำนาจหน้าที่ เช่น การตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน การเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎ การส่งเสริมสิทธิมนุษยชน การศึกษาวิจัยด้านสิทธิมนุษยชน การดำเนินการด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ และ (๓) รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงกลาโหม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรดำเนินการให้สอดคล้องกับอัตลักษณ์และบริบทของสังคมไทย สภาวะแวดล้อมและสถานการณ์ในทุกมิติ โดยจัดทำรายงานฯ ให้รวดเร็วและเป็นปัจจุบัน เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปใช้ประโยชน์ ปรับปรุง แก้ไข กฎระเบียบให้เท่าทันสถานการณ์ และควรบรรจุข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางมาตรการสำคัญในการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาตามนโยบายรัฐบาล เช่น การสร้างความเสมอภาคและคุณภาพการศึกษาให้กับผู้เรียนทุกกลุ่มเป้าหมาย เป็นต้น ทั้งนี้ ขอให้เพิ่มเติมสาระสำคัญตามมาตรา ๖๗ แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๔๐ และตรวจสอบข้อความในมาตรา ๖๗ วรรคหนึ่ง เพื่อให้เกิดความถูกต้องและสมบูรณ์ของเอกสาร ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับประเด็นข้อเสนอของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติในรายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ปี ๒๕๕๘ ในส่วนที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการแล้วให้รายงานผลการดำเนินการไปยังรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1338 | ความตกลงให้การสนับสนุนด้านการเงินระหว่างอาเซียนกับสหภาพยุโรปโครงการการรวมตัวทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคอาเซียนจากสหภาพยุโรป เพิ่มเติม (ARISE Plus) | กต | 12/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างความตกลงให้การสนับสนุนด้านการเงินระหว่างอาเซียนกับสหภาพยุโรปโครงการการรวมตัวทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคอาเซียนจากสหภาพยุโรป เพิ่มเติม (ASEAN Regional Integration Support from the EU : ARISE Plus) มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการบูรณาการเศรษฐกิจและสนับสนุนการดำเนินการตามแผนงานประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ๒๐๒๕ และเป้าประสงค์เฉพาะ เช่น การปรับปรุงศุลกากร การอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการขนส่ง สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา นโยบายแข่งขัน ความร่วมมืออาหารและยา และการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน เป็นต้น โดยหากมีความจำเป็นต้องแก้ไขร่างความตกลงฯ โครงการ ARISE Plus ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก และหลังจากนั้นให้รายงานผลเพื่อคณะรัฐมนตรีทราบต่อไป ๒. อนุมัติให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างความตกลงฯ โครงการ ARISE Plus และให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งสำนักเลขาธิการอาเซียนผ่านคณะผู้แทนถาวรไทยประจำอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตา ว่า รัฐบาลไทยเห็นชอบร่างความตกลงฯ โครงการ ARISE Plus และให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างความตกลงดังกล่าว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1339 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศ ครั้งที่ 2/2560 | นร04 | 05/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๐ และเร่งรัดการดำเนินการของหน่วยงานตามเป้าหมายของการปฏิรูปด้านต่าง ๆ ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ เมษินทรีย์) กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. การปฏิรูปกฎหมาย (Regulatory Reform) คณะกรรมการที่ปรึกษาเพื่อกำกับการปฏิรูปกฎหมายได้เสนอการปฏิรูปกฎหมาย ได้แก่ (๑) การปรับปรุงหรือยกเลิกกฎหมายที่เป็นอุปสรรคและเป็นภาระต่อการประกอบอาชีพของประชาชน (๒) การจัดทำกฎหมายตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (๓) การเร่งรัดและติดตามการจัดทำกฎหมาย และ (๔) การเข้าถึงกฎหมายได้โดยสะดวกของประชาชน ๒. การปฏิรูปการบริหารจัดการภาครัฐ (Administrative Reform) สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงาน ก.พ. ได้นำเสนอการปฏิรูประบบการบริหารราชการแผ่นดิน เช่น การยกระดับคุณภาพการให้บริการประชาชน การปฏิรูปเพื่อปรับเปลี่ยนสู่รัฐบาลที่คล่องตัว เป็นต้น ๓. การปฏิรูปเชิงระบบและโครงสร้าง (Structural Reform) คณะอนุกรรมการบูรณาการการปฏิรูปเชิงระบบและโครงสร้างได้มีข้อเสนอ รวม ๘ เรื่อง ได้แก่ (๑) การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (๒) การกระจายถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรม (๓) ระบบความมั่นคงทางอาหาร (๔) ระบบภาษี (๕) กระบวนการนิติบัญญัติ (๖) การปรับปรุงและจัดทำกฎหมายเพื่อการปฏิรูปประเทศ (๗) กระบวนการยุติธรรม และ (๘) ระบบการศึกษา ๔. การปฏิรูปเชิงพื้นที่และสังคม (Area Based Reform) คณะอนุกรรมการสานพลังปฏิรูปเพื่อพัฒนาพื้นที่และสังคมได้นำเสนอโครงการ ได้แก่ (๑) โครงการสานพลังเพื่อปฏิรูปพื้นที่และสังคม (๒) Quick Win การสร้างพื้นที่ทางวัฒนธรรมในท้องถิ่น และ (๓) โครงการสานพลังคนรุ่นใหม่ร่วมปฏิรูปเพื่อพัฒนาชุมชน ๔.๐
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1340 | ร่างกฎ ก.ค.ศ. ว่าด้วยการเลื่อนเงินเดือนของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. .... | ศธ | 05/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎ ก.ค.ศ. ว่าด้วยการเลื่อนเงินเดือนของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการเลื่อนเงินเดือนของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ โดยปรับปรุงโครงสร้างบัญชีเงินเดือนของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา จากเดิมที่ใช้แบบ “ขั้นเงินเดือน” มาเป็น “บัญชีเงินเดือนขั้นต่ำขั้นสูง” และปรับเปลี่ยนการเลื่อนเงินเดือนแบบ “ขั้นเงินเดือน” มาเป็น “ช่วง (ร้อยละ)” แทน ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. ที่เห็นควรปรับปรุงถ้อยคำในร่าง กฎ ก.ค.ศ. ข้อ ๗ วรรคสอง เป็น “การเลื่อนเงินเดือนให้คำนวณจากฐานในการคำนวณของอันดับเงินเดือนของตำแหน่งหรือวิทยฐานะที่ดำรงอยู่” เพื่อให้สอดคล้องกับร่างฐานในการคำนวณและช่วงเงินเดือนสำหรับการเลื่อนเงินเดือนในแต่ละอันดับของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
.....
