ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 63 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 1241 - 1260 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1241 | ร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบการจอดรถในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... | กค | 23/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบการจอดรถในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการจัดระเบียบการจอดรถยนต์ในเขตเทศบาลและสุขาภิบาลเพื่อให้มีผลใช้บังคับถึงองค์การบริหารส่วนตำบล ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติฯ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ๓. มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่เห็นควรพิจารณาให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดทำรายงานการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการจอดรถขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และแจ้งหรือเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป รวมทั้งให้พิจารณาการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมและเงินค่าปรับตามร่างพระราชบัญญัติฯ ให้มีความเหมาะสมสอดคล้องกับศักยภาพและความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ โดยคำนึงถึงผลกระทบของประชาชน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1242 | การดำเนินโครงการของหน่วยงานของรัฐที่มีความจำเป็นต้องเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลน | ทส | 23/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินโครงการของหน่วยงานของรัฐที่มีความจำเป็นต้องเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. โครงการที่ได้รับอนุมัติให้ยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีและออกหนังสืออนุญาตทำประโยชน์ในเขตป่าแล้ว คือ โครงการสนับสนุนธุรกิจประมงพื้นบ้าน จังหวัดปัตตานี ตามแนวทางขับเคลื่อนโครงการต้นแบบ “สามเหลี่ยม มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” เนื้อที่ ๓ ไร่ โดยศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้รับอนุมัติให้ยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๐ และออกหนังสืออนุญาตทำประโยชน์ในเขตป่า เมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๐ ๒. โครงการที่ได้รับอนุมัติให้ยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีแล้ว แต่ยังมิได้ออกหนังสืออนุญาตทำประโยชน์ในเขตป่า ได้แก่ (๑) โครงการก่อสร้างพุทธมณฑลจังหวัดสงขลา และศูนย์กีฬาและส่งเสริมคุณภาพตำบลน้ำน้อย เนื้อที่ ๑๕๑-๑/๗๓ ไร่ (๒) โครงการก่อสร้างสะพานข้ามคลองดู ตำบลแหลมสน อำเภอละงู จังหวัดสตูล เนื้อที่ ๓.๖ ไร่ (๓) โครงการก่อสร้างสะพานข้ามคลองตำมะลัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลตำมะลัง อำเภอเมือง จังหวัดสตูล เนื้อที่ ๗.๖๘ ไร่ (๔) โครงการจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต เนื้อที่ ๔๕๓ ไร่ และ (๕) โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการระบายน้ำคลอง D2 ตำบลบางเขา อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี เนื้อที่ ๑๖๕-๓-๖๗ ไร่
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1243 | ร่างพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านตุลาการศาลปกครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศป | 23/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านตุลาการศาลปกครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงอัตราค่าเช่าบ้านของตุลาการศาลปกครอง โดยกำหนดให้ตุลาการศาลปกครองได้รับค่าเช่าบ้านในอัตราเท่ากับข้าราชการตุลาการศาลยุติธรรมที่ได้รับเงินเดือนในอัตราที่เทียบเท่ากัน ตามที่ศาลปกครองเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยกำหนดวันใช้บังคับเป็นวันเดียวกับวันใช้บังคับร่างพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตามมติคณะรัฐมนตรี (๑๒ กันยายน ๒๕๖๐) แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้สำนักงานศาลปกครองรับความเห็นของสำนักงบประมาณและฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการพิจารณาโครงสร้างหน่วยงานและระบบค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐที่เห็นว่า เมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้แล้ว ให้สำนักงานศาลปกครองปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในโอกาสแรกก่อน และจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามขั้นตอนตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป และในโอกาสต่อไปอาจพิจารณานำอัตราค่าเช่าบ้านของตุลาการศาลปกครองไปกำหนดเป็นบัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการเช่นเดียวกับบัญชีอัตราค่าเช่าบ้านของข้าราชการประเภทอื่น ๆ เพื่อความเป็นเอกภาพและความสะดวกในการปรับปรุงอัตราค่าเช่าบ้าน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1244 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. .... | นร09 | 23/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการ รวมทั้งอำนาจหน้าที่ของกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข ตามกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๕๒
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1245 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ พ.ศ. .... | มท | 23/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับเมืองรวม ในท้องที่ตำบลสุขสำราญ ตำบลพุนกยูง และตำบลตากฟ้า อำเภอตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมที่เห็นควรเพิ่มประเภทโรงงาน เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพข้อเท็จจริงที่มีการประกอบกิจการโรงงาน และเพิ่มขนาดโรงงานในที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรม เพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจหรือผลิตผลทางการเกษตรในพื้นที่ รวมทั้งกำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติมเพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุมการวางผังเมืองให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของร่างกฎกระทรวงฯ และเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมมากที่สุด โดยคำนึงถึงปริมาณน้ำต้นทุนที่มีอยู่และปริมาณการใช้น้ำในพื้นที่ และในการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ควรพิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อมมิให้เป็นอุปสรรคต่อการจัดสร้างระบบรวบรวมหรือระบบบำบัด/กำจัดมลพิษ และการกำหนดพื้นที่การใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อกิจการอื่น ๆ ที่เป็นการใช้ประโยชน์ที่ดินรองของการใช้ประโยชน์ที่ดินหลักในแต่ละประเทศ และควรจัดทำฐานข้อมูลว่ามีการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อกิจการอื่นไปแล้วเท่าใดและใช้ฐานข้อมูลดังกล่าวเป็นฐานในการกำหนดผังเมืองรวมฉบับที่จะมีการปรับปรุงของแต่ละเมือง นอกจากนี้ กรมโยธาธิการและผังเมืองควรพิจารณาสนับสนุนให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นกำกับดูแลและควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1246 | การปรับสถานการณ์คุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของไทยภายใต้กฎหมายการค้าสหรัฐอเมริกา มาตรา 301 พิเศษ (Special 301) จากบัญชีประเทศที่ต้องจับตามองพิเศษ (Priority Watch List: PWL) เป็นบัญชีประเทศที่ต้องจับตามอง (Watch List: WL) | พณ | 23/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการปรับสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของไทยภายใต้กฎหมายการค้าสหรัฐอเมริกา มาตรา ๓๐๑ พิเศษ (Special 301) จากบัญชีประเทศที่ต้องจับตามองพิเศษ (Priority Watch List : PWL) เป็นบัญชีประเทศที่ต้องจับตามอง (Watch List : WL) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์ (กรมทรัพย์สินทางปัญญา) รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรณรงค์สร้างจิตสำนึก เคารพสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาคู่ขนานกับการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างจริงจัง และให้ความสำคัญกับการปกป้องคุ้มครองและการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการระบบทรัพย์สินทางปัญญา รวมถึงการปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการสร้างสรรค์พัฒนา ตระหนักถึงคุณค่าและการใช้ประโยชน์ทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจและยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศได้อย่างยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. มอบหมายหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาภายใต้คณะอนุกรรมการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่มีรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เป็นประธาน ได้แก่ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองทัพบก กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมศุลกากร กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และกรมทรัพย์สินทางปัญญา ดำเนินการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างจริงจังและต่อเนื่องต่อไป โดยให้ความสำคัญกับการดำเนินการตามแผนที่นำทางด้านทรัพย์สินทางปัญญา (IP Roadmap) รวมถึงแผนงานด้านทรัพย์สินทางปัญญา (IP Work Plan) อย่างต่อเนื่องและเคร่งครัด เพื่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว สามารถยกระดับการพัฒนาระบบทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศให้มีประสิทธิภาพและได้มาตรฐานสากลต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1247 | มาตรการป้องกันการทุจริตในกระบวนการอนุญาตให้คนต่างด้าวพำนักอยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นการชั่วคราว | มท | 23/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการพิจารณาและผลการดำเนินการเกี่ยวกับมาตรการป้องกันการทุจริตในกระบวนการอนุญาตให้คนต่างด้าวพำนักอยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นการชั่วคราว ตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นชอบด้วยกับข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดย (๑) จะบูรณาการการทำงานร่วมกันเพื่อพิจารณาทบทวนและปรับปรุงมาตรการ/แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการเข้าเมืองของคนต่างด้าวเพื่อให้การบริหารจัดการและคัดกรองคนเข้าเมืองเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และ (๒) จะจัดทำฐานข้อมูลคนต่างด้าวที่ขออนุญาตพำนักอยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นการชั่วคราวและจะเชื่อมโยงฐานข้อมูลดังกล่าวกับหน่วยงานอื่นเพื่อประโยชน์ในการคัดกรองคนต่างด้าวที่จะขออนุญาตพำนักอยู่ในราชอาณาจักรไทย และมีความเห็นเพิ่มเติมว่า ควรมอบหมายให้คณะกรรมการพิจารณาคนเข้าเมืองนำมาตรการดังกล่าวของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไปพิจารณากำหนดระเบียบ กฎหมายในการปฏิบัติการและการบูรณาการการทำงานร่วมกันเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาคนเข้าเมืองต่อไป ๑.๒ สำหรับข้อเสนอแนะต่อสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติในประเด็นการจัดระเบียบเพื่อควบคุมและตรวจสอบพระภิกษุสงฆ์ต่างชาติที่เดินทางเข้ามาเพื่อศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยสงฆ์ในประเทศไทย และการจัดทำฐานข้อมูลด้านการศึกษาของพระภิกษุสงฆ์ต่างชาติ นั้น สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติอยู่ระหว่างรอผลการพิจารณาของมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ๒. ให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเร่งรัดการพิจารณามาตรการป้องกันการทุจริตในกระบวนการอนุญาตให้คนต่างด้าวพำนักอยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นการชั่วคราวในประเด็นเกี่ยวกับการจัดระเบียบเพื่อควบคุมและตรวจสอบพระภิกษุสงฆ์ต่างชาติที่เดินทางเข้ามาเพื่อศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยสงฆ์ในประเทศไทย และการจัดทำฐานข้อมูลด้านการศึกษาของพระภิกษุสงฆ์ต่างชาติ ตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ๓. ให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน และสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองรับความเห็นของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและสภาความมั่นคงแห่งชาติที่เห็นควรนำข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไปพิจารณากำหนดไว้ในแผนแม่บทการดำเนินการ ประเด็นเกี่ยวกับการจัดทำฐานข้อมูลคนต่างด้าว การปรับปรุงกระบวนการตรวจสอบและคัดกรองคนต่างด้าวที่จะขอพำนักอยู่ในราชอาณาจักรไทย และประเด็นอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับมาตรการป้องกันการทุจริตในกระบวนการอนุญาตให้คนต่างด้าวพำนักอยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นการชั่วคราวดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1248 | ขอให้พิจารณานำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 1/2561 เรื่อง การแก้ไขกฎหมายเพื่อรองรับการปรับปรุงโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายทั้งระบบ) | สลธ.คสช. | 16/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑/๒๕๖๑ เรื่อง การแก้ไขกฎหมายเพื่อรองรับการปรับปรุงโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายทั้งระบบ สั่ง ณ วันที่ ๑๕ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๑ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. ให้ยกเว้นการใช้บังคับ (๑๘) ของมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. ๒๕๒๗ เกี่ยวกับอำนาจของคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายในการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจำหน่ายน้ำตาลทรายเพื่อใช้บริโภคในราชอาณาจักร และกำหนดราคาขายน้ำตาลทรายดังกล่าว เฉพาะในส่วนของการกำหนดราคาขายน้ำตาลทรายเพื่อใช้บริโภคในราชอาณาจักรตั้งแต่ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๐/๒๕๖๑ ถึงฤดูการผลิตปี ๒๕๖๑/๒๕๖๒ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมเร่งดำเนินการแก้ไขหรือปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยอ้อยและน้ำตาลทรายให้สอดคล้องกับแผนการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายทั้งระบบ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๔ โดยเร็ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1249 | ร่างพระราชบัญญัติพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และข้อเสนอการปรับโครงสร้างของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ | นร11 | 16/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขพระราชบัญญัติพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๒๑ และปรับบทบาทหน้าที่ กระบวนการทำงาน และโครงสร้างของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เกี่ยวกับชื่อ “สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ” โดยให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาความเหมาะสมของชื่อในชั้นการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาต่อไป และความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงบประมาณ เช่น ควรให้คงหลักการเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ ตามมาตรา ๑๒ (๔) และมาตรา ๑๒ (๕) แห่งพระราชบัญญัติพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๒๑ ที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณางบลงทุนของภาครัฐไว้ และหากมีความจำเป็นต้องมอบหมายหรือโอนภารกิจตามมาตรา ๑๒ (๔) และ (๕) แห่งพระราชบัญญัติพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๒๑ ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานอื่น เห็นควรมีการหารือร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาแนวทางที่เหมาะสม เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๓. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๔. เห็นชอบให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๔๙ (เรื่อง การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง กฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ) และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๐ (เรื่อง การซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดตั้งหน่วยงานของรัฐ) ๕. มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงบประมาณ และฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติเกี่ยวกับภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการแบ่งส่วนราชการตามข้อเสนอดังกล่าว ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป และควรมีการบริหารและพัฒนาศักยภาพของบุคลากรให้มีกระบวนทัศน์ (Paradigm) ที่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงควบคู่ไปกับการยึดประโยชน์ส่วนรวม และให้องค์กรก้าวไปสู่การเป็นหน่วยงานความรู้สมัยใหม่ เพื่อผลักดันการพัฒนาประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1250 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ครั้งที่ 2/2560 | นร11 | 16/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (กนพ.) ครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ และเห็นชอบผลการพิจารณาและมติของ กนพ. ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการ กนพ. เสนอ ดังนี้ ๑.๑ การกำหนดหลักเกณฑ์การคัดเลือกผู้ลงทุนและการปรับปรุงเงื่อนไขเสนอการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก กาญจนบุรี นครพนม มุกดาหาร และหนองคาย มอบหมายให้กรมธนารักษ์ปรับปรุงรายละเอียดการสรรหาและคัดเลือกผู้ลงทุน รวมทั้งให้กระทรวงการคลังและกระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณาทบทวนมาตรการส่งเสริมการลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน ๑.๒ มาตรการเร่งรัดการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ โดยให้สิทธิประโยชน์ยกเว้นค่าเช่าที่ดินราชพัสดุเฉพาะในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก กาญจนบุรี นครพนม มุกดาหาร และหนองคาย เป็นเวลา ๒ ปี หากมีการลงทุนจริงไม่น้อยกว่าร้อยละ ๑๐ ของเงินลงทุนในปีที่ ๑ และยกเว้นค่าเช่าที่ดินราชพัสดุเป็นเวลา ๑ ปี หากมีการลงทุนจริงไม่น้อยกว่าร้อยละ ๑๐ ของเงินลงทุนในปีที่ ๒ ของรอบปีที่สัญญาเช่า เพื่อจูงใจให้เกิดการลงทุนเพิ่มขึ้น โดยกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดการให้สิทธิประโยชน์ภายในปี ๒๕๖๓ ๑.๓ การบริหารจัดการที่ดินราชพัสดุที่ได้ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๗/๒๕๕๘ และที่ ๓๔/๒๕๕๙ ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (๑) เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก เห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการแลกเปลี่ยนที่ดินราชพัสดุกับที่ดินเอกชน เปลี่ยนแปลงรายละเอียดการเช่าที่ดินราชพัสดุ ชดใช้เงินแทนการแลกเปลี่ยนที่ดินราชพัสดุ และเห็นชอบให้กรมศุลกากรใช้ที่ดินราชพัสดุ เนื้อที่ประมาณ ๑๒๐ ไร่ เพื่อก่อสร้างด่านศุลกากรแม่สอด แห่งที่ ๒ จังหวัดตาก และ (๒) เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษนครพนม เห็นชอบให้กันที่ดินราชพัสดุ แปลงที่ ๑ บางส่วน เพื่อคงไว้ตามสภาพเดิม และมอบหมายให้กรมธนารักษ์ดำเนินการเปิดประมูลให้เอกชนเช่าต่อไป ๑.๔ การพิจารณาจัดซื้อที่ดินเอกชนเพื่อจัดตั้งโครงการนิยมอุตสาหกรรมในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษนราธิวาส โดยมอบหมายการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยประเมินความเหมาะสมและคุ้มค่าในการลงทุน ทั้งด้านการเงินและเศรษฐศาสตร์ และมอบหมายคณะอนุกรรมการด้านการจัดหาที่ดินและบริหารจัดการเสนอแนวทางการดำเนินงานเพื่อให้ได้มาซึ่งที่ดินสำหรับจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมดังกล่าว ๑.๕ แผนงานด้านการตลาดและประชาสัมพันธ์ มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติกำหนดจุดเน้นการพัฒนาของเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในแต่ละพื้นที่ให้ชัดเจน เพื่อนำไปใช้ประกอบการจัดทำแผนการตลาดและประชาสัมพันธ์ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษต่อไป ๑.๖ แนวทางการดำเนินงานเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในระยะต่อไป มอบหมายให้คณะอนุกรรมการด้านสิทธิประโยชน์ กำหนดพื้นที่ และศูนย์บริการเบ็ดเสร็จด้านการลงทุน พิจารณากำหนดมาตรการและสิทธิประโยชน์ เพื่อส่งเสริมการลงทุนตามจุดเน้นการพัฒนาในพื้นที่ศักยภาพการลงทุนสูงในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก สงขลา สระแก้ว และมุกดาหาร รวมทั้งการสนับสนุนการลงทุนของ SMEs และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนับสนุนการดำเนินงาน รวมถึงเร่งรัดการดำเนินโครงการและมาตรการสำคัญใน ๑๐ เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษให้แล้วเสร็จ ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามผลการประชุมฯ โดยให้ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๓. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงบประมาณ เช่น การเตรียมความพร้อมตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดำเนินงานเพื่อให้ได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้ประโยชน์ในการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ รวมถึงเร่งดำเนินการโครงการ/รายการต่าง ๆ ที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายแล้ว ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ภายใต้แผนงานบูรณาการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๔. มอบหมายให้กระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการสนับสนุนให้ภาคเอกชนลงทุนดำเนินการในกิจการที่พักอาศัยของแรงงานที่จะเข้าไปทำงานในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ และให้กระทรวงการคลังรายงานความก้าวหน้าในเรื่องนี้ให้ กนพ. ทราบต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1251 | สรุปผลการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 1/2561 | นร10 | 16/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ ๑/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๑ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และได้มีข้อสั่งการมอบหมายให้คณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่ารับไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น (๑) การปรับปรุงกฎหมาย (๒) การปรับปรุงโครงสร้างของกระทรวงให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ และ (๓) การให้ความสำคัญกับการสร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชน เป็นต้น เพื่อการติดตามและประเมินผลปฏิบัติราชการของหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่าได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1252 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 16/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ประกอบการและผู้ควบคุมเรือที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุการสัญจรทางน้ำ รวมทั้งพิจารณาแก้ไข ปรับปรุง กฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการเดินเรือในน่านน้ำไทยให้มีความปลอดภัยตามหลักมาตรฐานสากล โดยเฉพาะการกำกับดูแลผู้ประกอบการและผู้ควบคุมเรืออย่างเคร่งครัด การปรับปรุงบทลงโทษให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และการพิจารณาการออกใบอนุญาตให้กับเจ้าของเรือและผู้ควบคุมเรืออย่างเข้มงวด ตลอดจนการปลูกจิตสำนึกทุกภาคส่วนทั้งผู้ประกอบการ ผู้ควบคุมเรือ และประชาชนผู้ใช้บริการในการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด นั้น ให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดการดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าวให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ทั้งนี้ ให้พิจารณาดำเนินการให้ครอบคลุมถึงกรณีผู้ประกอบการและผู้ควบคุมเรือโดยสารและเรือที่ให้บริการนักท่องเที่ยว เช่น เรือสปีดโบ็ต เรือเฟอร์รี่ เป็นต้น และให้รายงานความคืบหน้าในการดำเนินการเรื่องนี้ให้นายกรัฐมนตรีทราบโดยด่วนด้วย ๑.๒ ให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงคมนาคม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ดำเนินการตรวจสอบและกำกับดูแลการกำหนดราคาจำหน่ายสินค้าและอาหารของร้านค้าต่าง ๆ ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ท่าอากาศยานทุกแห่งให้เหมาะสมและเป็นธรรมแก่ผู้ซื้อ รวมถึงให้พิจารณาดำเนินการจัดให้มีร้านค้าที่เป็นทางเลือกสำหรับผู้มาใช้บริการท่าอากาศยาน ให้สามารถเลือกซื้อสินค้าและอาหารในราคาที่ย่อมเยากว่าได้ ๒. ด้านสังคม ให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงแรงงาน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์พิจารณาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการกำหนดมาตรการส่งเสริมและจูงใจให้ภาคเอกชนเข้ามาดำเนินกิจการต่าง ๆ ที่เป็นการเตรียมความพร้อมรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของไทย เช่น การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่ภาคเอกชนที่ประกอบการเกี่ยวกับการจัดสถานที่ดูแลผู้สูงอายุ การส่งเสริมการประกอบอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้สูงอายุ เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1253 | สรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กรณีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 31/2560 (เรื่อง การใช้ที่ดินเพื่อเกษตรกรรมตามกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่เกษตรกรและประโยชน์สาธารณะของประเทศ) | สม | 09/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กรณีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๓๑/๒๕๖๐ เรื่อง การใช้ที่ดินเพื่อเกษตรกรรมตามกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่เกษตรกรและประโยชน์สาธารณะของประเทศ ประกอบด้วยข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน และข้อเสนอแนะในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือคำสั่ง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับการเพิกถอนเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อนำที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินไปใช้ในกิจการอื่น อาจทำให้เกิดช่องว่างในการบริหารจัดการที่ดินในพื้นที่ตามกฎหมาย จึงควรให้มีการกำหนดประเภทกิจการหรือโครงการที่คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมมีอำนาจพิจารณาให้ความยินยอมหรืออนุญาตให้ใช้ประโยชน์ที่ดินปฏิรูปเพื่อเกษตรกรรมให้ชัดเจน โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นในการกำหนดประเภทกิจการหรือโครงการดังกล่าว รวมทั้งควรเพิ่มเติมบทบัญญัติให้มีการชดใช้ค่าเสียหายให้กับภาครัฐ หากการประกอบกิจการของภาคเอกชนก่อให้เกิดมลพิษต่อทรัพยากรดินและสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ โดยกำหนดให้ส่งเงินเข้ากองทุนประกันความเสียหาย เพื่อภาครัฐจะได้นำเงินค่าเสียหายไปฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติให้เกษตรกรสามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อไปได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1254 | รายงานผลการติดตามและตรวจสอบการดำเนินโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี และการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว ให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2559/60 | นร01 | 09/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการติดตามและตรวจสอบการดำเนินโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี และการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ ช่วงเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน ๒๕๖๐ (ยกเว้นภาคใต้ดำเนินการตรวจสอบช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ๒๕๖๐) ประกอบด้วย การประชาสัมพันธ์โครงการ การป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การยื่นขอสินเชื่อและการอนุมัติสินเชื่อของโครงการ การช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและการปรับปรุงคุณภาพข้าว ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลัง (ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร). กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อเสนอแนะของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เช่น การช่วยเหลือให้เกษตรกรรายย่อยสามารถเข้าร่วมโครงการได้เพิ่มขึ้น การเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการตรวจสอบคุณภาพข้าว และการเร่งรัดโอนเงินช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวให้แก่เกษตรกร รวมทั้งความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยเฉพาะในส่วนของการประชาสัมพันธ์โครงการให้เกษตรกรทราบอย่างถูกต้องและทั่วถึง การดำเนินโครงการจัดหาสถานที่และอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้เพียงพอ เช่น ลานตากข้าว ยุ้งฉาง และเครื่องอบลดความชื้น เป็นต้น เพื่อสนับสนุนให้เกษตรกรสามารถเข้าร่วมโครงการได้มากยิ่งขึ้น รวมถึงปรับปรุงคุณภาพข้าวให้ดียิ่งขึ้นด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1255 | รายงานผลการดำเนินงานโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด | พม | 09/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รายงานผลการดำเนินงานโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ สรุปได้ว่า การพิจารณาให้ผู้ลงทะเบียนโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดได้รับสิทธิ์เงินอุดหนุนโดยต้องเป็นผู้มีข้อมูลในฐานข้อมูลการลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐ ยังไม่เหมาะสมที่จะดำเนินการในระยะนี้ และหากให้ชะลอการจ่ายเงินหรือระงับสิทธิ์สำหรับผู้ที่เคยได้รับเงินแล้วจะส่งผลให้ผู้มีสิทธิ์ไม่ได้รับเงินต่อเนื่องในการนำไปใช้ประโยชน์แบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ส่งผลกระทบต่อพัฒนาการของเด็กที่จะเติบโตอย่างมีคุณภาพต่อไป และมีความจำเป็นต้องใช้เวลาในการปรับฐานข้อมูลให้ตรงกัน ซึ่งในระหว่างเตรียมความพร้อม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยกรมกิจการเด็กและเยาวชนได้ดำเนินการปรับปรุงกระบวนการตรวจสอบและรับรองสิทธิ์ โดยเพิ่มเติมข้อมูลสำหรับผู้ลงทะเบียน ผู้รับรองสิทธิ์ในระเบียบกรมกิจการเด็กและเยาวชน ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด พ.ศ. ๒๕๖๐ รวมทั้งปรับปรุงแบบฟอร์มการลงทะเบียน และเสนอกรมบัญชีกลางเห็นชอบด้วยแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1256 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 09/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการการส่งเสริมการลงทุนให้แก่ภาคเอกชนในการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยสำหรับแรงงานต่างด้าวในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น พื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยในการจัดหาพื้นที่เพื่อการดังกล่าวให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้คำนึงถึงประเด็นด้านความมั่นคงด้วย นั้น ให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าว ให้มีการจัดระบบสาธารณูปโภคต่าง ๆ ให้เหมาะสมด้วย รวมทั้งให้คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและประชาชนในพื้นที่โดยรอบด้วย ทั้งนี้ ในการดำเนินการต่าง ๆ ดังกล่าวข้างต้น หากมีประเด็นปัญหาเกี่ยวข้องกับข้อกฎหมาย ให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำเสนอให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) พิจารณาต่อไป ๑.๒ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการจัดทำความร่วมมือในด้านการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) กับสาธารณรัฐประชาชนจีนให้มากยิ่งขึ้น รวมทั้งการส่งเสริมการลงทุนในกิจการที่สาธารณรัฐประชาชนจีนมีความพร้อมดำเนินการและไทยมีขีดความสามารถที่จะพัฒนาได้ เช่น การตั้งโรงงานผลิตแอลกอฮอล์บริสุทธิ์เพื่อนำไปใช้ในทางการแพทย์ อุตสาหกรรมต่อเรือ เทคโนโลยีอวกาศ ๑.๓ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้ทุกส่วนราชการตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับทะเบียนรายชื่อผู้รับรางวัลจากการแข่งขันระดับชาติและระดับนานาชาติประเภทต่าง ๆ และปรับปรุงฐานข้อมูลของกลุ่มบุคคลดังกล่าวเพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลของกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถที่จะขับเคลื่อนประเทศให้มีความก้าวหน้าต่อไปได้ รวมทั้งให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งรัดดำเนินการสนับสนุนผู้ได้รับรางวัลจากการแข่งขันต่าง ๆ เช่น การให้ทุนการศึกษาเพื่อพัฒนาความรู้ ความเชี่ยวชาญและความสามารถในด้านต่าง ๆ นั้น ให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งดำเนินการให้เป็นไปตามข้อสั่งการดังกล่าว โดยจัดทำฐานข้อมูลในภาพรวมให้เป็นปัจจุบันและกำหนดมาตรการในการสนับสนุนผู้ที่ได้รับรางวัลจากการแข่งขัน เช่น การเปิดโอกาสให้เข้ามาทำงานในภาคราชการหรือภาคเศรษฐกิจในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพื่อนำความรู้ความสามารถมาใช้ในการพัฒนาประเทศต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการรายงานผลการดำเนินการดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรีทราบโดยเร็วต่อไป ๒. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๒.๑ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) ขับเคลื่อนการดำเนินงานในเรื่องการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) และศูนย์บริการร่วม ณ จุดเดียว (One Stop Service) ให้มีประสิทธิภาพและเกิดผลเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น รวมทั้งให้ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลภาครัฐ (Government Data Center) โดยประสานหน่วยงานภาครัฐต่าง ๆ นำข้อมูลที่พร้อมให้บริการมาดำเนินการเป็นโครงการนำร่องให้แล้วเสร็จภายในปี ๒๕๖๐ และข้อสั่งการที่ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) เป็นเจ้าภาพในการรวบรวมข้อมูลจากส่วนราชการและหน่วยงานต่าง ๆ เกี่ยวกับแนวทางการใช้ประโยชน์ Big Data ของทุกหน่วยงานจัดทำเป็นภาพรวมและแผนการขับเคลื่อนและการใช้ประโยชน์เสนอคณะกรรมการขับเคลื่อนการบูรณาการฐานข้อมูลกลางภาครัฐภายใน ๓ เดือน นั้น ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเร่งดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าว โดยให้คำนึงถึงความสอดคล้องกับข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น พระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๕๘ พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ และรายงานผลการดำเนินการให้คณะรัฐมนตรีทราบทุกเดือนด้วย ๒.๒ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน ๑ : ๔๐๐๐ (One Map) โดยเฉพาะพื้นที่ที่แนวเขตที่ดินได้ข้อยุติแล้ว เพื่อให้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ต่อไปได้ นั้น ให้กระทรวงยุติธรรมเร่งรัดการดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายใน ๓ เดือน ๒.๓ ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศการเฝ้าระวังปรากฏการณ์เอลนีโญ-ลานีญา เมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๐ ว่ามีความเป็นไปได้ว่าในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม ๒๕๖๑ ปริมาณฝนในภาคเหนือและภาคใต้ของประเทศไทยมีโอกาสร้อยละ ๕๐-๗๐ จะสูงกว่าปกติ นั้น เพื่อเป็นการเตรียมการป้องกันและแก้ไขเหตุอุทกภัยที่อาจจะเกิดขึ้น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และจัดเตรียมแผนการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ต่าง ๆ ที่คาดว่าอาจได้รับผลกระทบจากปริมาณฝน รวมตลอดถึงการจัดเตรียมโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ รองรับ เช่น การขยายหรือขุดลอกคูคลองที่เป็นทางระบายน้ำ และการจัดทำแก้มลิงเพิ่มเติม ทั้งนี้ ในการจ้างแรงงานเพื่อดำเนินการดังกล่าว ให้พิจารณาเปิดโอกาสให้ผู้มีรายได้น้อยในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐได้เข้ามามีส่วนร่วมด้วย ๒.๔ ให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาทบทวนความเหมาะสมของการกำหนดสัดส่วนของค่าปรับที่หน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายได้รับจากการกระทำผิดกฎหมายแล้วหักไว้เพื่อเป็นค่าตอบแทนของพนักงาน เจ้าหน้าที่ หรือเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของหน่วยงาน ก่อนนำส่วนที่เหลือส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินต่อไป ทั้งนี้ หากผลการพิจารณาเป็นประการใด ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามข้อกฎหมาย ระเบียบหลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1257 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 03/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) กำกับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการขยายขอบเขตการดำเนินมาตรการที่จะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อและลดภาระค่าครองชีพของประชาชน โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย เช่น การลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ การสนับสนุนค่าครองชีพและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง โดยให้นำผลการดำเนินการที่ผ่านมามาพิจารณาทบทวนเพื่อให้การดำเนินการในระยะต่อไปมีความเหมาะสมและรัดกุมมากยิ่งขึ้น ๑.๒ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณาทบทวนการกำหนดเส้นความยากจน (Poverty Line) ให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมของประเทศในปัจจุบัน เพื่อนำมากำหนดเป้าหมายในการลดความยากจนและปรับปรุงโครงการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยต่าง ๆ ของรัฐบาลให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ๑.๓ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสร้างการรับรู้แก่ประชาชนและหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับขั้นตอนการดำเนินการจดลิขสิทธิ์หรือสิทธิบัตรให้ชัดเจน ถูกต้อง เช่น ในกรณีที่จะจดสิทธิบัตรพันธุ์พืชจะต้องดำเนินการจดทะเบียนคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ก่อน รวมทั้งพิจารณากำหนดแนวทางการแบ่งปันสิทธิประโยชน์ในลิขสิทธิ์หรือสิทธิบัตรต่าง ๆ ให้แก่ผู้ค้นพบและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายให้เหมาะสมและเป็นธรรม เพื่อส่งเสริมให้มีการนำลิขสิทธิ์หรือสิทธิบัตรต่าง ๆ มาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างจริงจังมากยิ่งขึ้น ๑.๔ ให้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศสร้างการรับรู้แก่ประชาชนทุกระดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศ นอกจากจะเน้นเรื่องการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจในภาพรวม เช่น การส่งออกและการท่องเที่ยวเช่นที่ผ่านมาแล้ว ให้หน่วยงานดังกล่าวบูรณาการข้อมูลในการรายงานและสร้างการรับรู้แก่ประชาชนให้เข้าใจถึงการดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจภายในประเทศและเศรษฐกิจฐานรากด้วย ๑.๕ ให้กระทรวงพาณิชย์กำกับดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าที่มีผลกระทบต่อผู้ที่มีรายได้น้อย รวมทั้งข้าราชการชั้นผู้น้อย เช่น หมวกข้าราชการ เครื่องแบบข้าราชการทหาร ตำรวจ เพื่อป้องกันการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าอย่างไม่เป็นธรรม ทั้งนี้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงกลาโหม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พิจารณากำหนดแนวทางการให้ความช่วยเหลือข้าราชการชั้นผู้น้อย เช่น การจัดหาผ้าสำหรับตัดเย็บเครื่องแบบให้แก่ข้าราชการทหาร ตำรวจ เป็นต้น ๑.๖ ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการให้ความช่วยเหลือแก่ภาคการเกษตร โดยเฉพาะในพื้นที่การทำเกษตรแบบแปลงใหญ่ เช่น พิจารณากำหนดมาตรการให้ภาคเอกชนส่งเสริมการเพาะปลูกพืชและรับซื้อผลผลิตจากพืชนั้นโดยมีการประกันราคาขั้นต่ำ เป็นต้น ทั้งนี้ ในการกำหนดแนวทางดังกล่าวควรคำนึงถึงประโยชน์ที่ภาคเอกชนและเกษตรกรจะได้รับอย่างเหมาะสม เป็นธรรม และดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดและโปร่งใส ๑.๗ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางการเพิ่มรายได้ด้านการท่องเที่ยวภายในประเทศ เช่น การส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน การพักผ่อนแบบโฮมสเตย์ (Homestay) การปรับปรุงพัฒนาเส้นทางการคมนาคมและเส้นทางการท่องเที่ยวให้มีความสะดวกและปลอดภัย ๑.๘ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางการส่งเสริมให้นักลงทุนภาคเอกชนมาร่วมลงทุนในโครงการและกิจกรรมต่าง ๆ ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (East Economic Corridor : EEC) ที่ใช้งบประมาณจำนวนมาก เช่น การพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ที่อยู่อาศัย ธุรกิจการค้าและบริการ ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานต่าง ๆ โดยอาจพิจารณาความจำเป็นและเหมาะสมในการใช้วิธีเปิดประมูลนานาชาติ (International Bidding) ทั้งนี้ ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด และให้เร่งรัดการดำเนินโครงการสำคัญต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการด้านคมนาคมขนส่ง เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูง โครงการพัฒนาท่าเรือ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายในเดือนตุลาคม ๒๕๖๑ ด้วย ๒. ด้านสังคม ๒.๑ ให้กระทรวงแรงงานเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการพิสูจน์สัญชาติ จัดเก็บอัตลักษณ์บุคคล และจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ทั้งนี้ ให้กำหนดมาตรการเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการในการนำลูกจ้างไปจดทะเบียนให้เป็นไปตามกรอบเวลาตามที่กฎหมายกำหนด และประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒.๒ ให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการปรับปรุงและพัฒนาระบบการศึกษาในภาพรวมของประเทศให้มีประสิทธิภาพเพื่อเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศ โดยให้คำนึงถึงทิศทางการพัฒนาประเทศ แนวโน้มของสถานการณ์ด้านต่าง ๆ รวมทั้งความต้องการของตลาดแรงงานในระยะต่อไป และให้กระทรวงศึกษาธิการให้ความสำคัญกับเรื่องที่เกี่ยวข้องหรือมีผลกระทบต่อประชาชน ได้แก่ ๒.๒.๑ การพัฒนานักเรียนนักศึกษา เช่น ลดชั่วโมงเรียนด้านวิชาการ ลดปริมาณการบ้าน ลดการเรียนพิเศษเสริมจากการเรียนในห้องเรียนปกติ ประเมินผลคุณภาพการศึกษาที่มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับ ๒.๒.๒ การพัฒนาบุคลากรทางการศึกษา เช่น พัฒนาด้านภาษาต่างประเทศ ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และด้านวิทยาการสมัยใหม่ การประเมินคุณภาพครูผู้สอน การนำผู้เชี่ยวชาญทั้งในและต่างประเทศมาจัดการเรียนการสอน ๒.๒.๓ การพัฒนาหลักสูตรการศึกษาในแต่ละระดับให้มีความเหมาะสม ได้แก่ (๑) การศึกษาระดับอาชีวศึกษา ส่งเสริมให้มีการศึกษาในสายวิชาชีพนี้เพิ่มขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการด้านแรงงานของประเทศในระยะต่อไป เช่น ร่วมดำเนินการกับภาคเอกชนในการกำหนดหลักสูตรการศึกษาที่ตรงกับความต้องการของภาคเอกชน กำหนดมาตรการจูงใจให้นักเรียนนักศึกษาเลือกศึกษาต่อในสาขาที่สอดคล้องกับอุตสาหกรรมเป้าหมาย และ (๒) การศึกษาระดับอุดมศึกษา พิจารณาทบทวนสาขาที่มีผู้ให้ความสนใจเข้าศึกษาน้อย หรือจบการศึกษาแล้วมีโอกาสว่างงานสูง หรืออาจมีรายได้ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ ๒.๒.๔ การกำหนดมาตรการในการผลิตแรงงานเพื่อกลับไปทำงานในภูมิลำเนาของตนเอง เพื่อให้คนเหล่านี้เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาท้องถิ่นในภาคส่วนต่าง ๆ เช่น เป็น Smart Farmer ในภาคการเกษตร ๒.๒.๕ การติดตามและประเมินผลการดำเนินการด้านการศึกษาที่ผ่านมา เช่น ผลการลดชั่วโมงเรียนด้านวิชาการ การประเมินผลนักเรียนร่วมกับนานาชาติ (Programme for International Student Assessment หรือ PISA) ๒.๒.๖ การจัดทำฐานข้อมูลด้านการศึกษา โดยให้สถาบันการศึกษาแต่ละแห่งจัดเก็บข้อมูลการมีงานทำและรายได้ของนักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาและข้อมูลการจ้างงานนักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการ การจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีของสถานประกอบการ ๓. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๓.๑ ให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับยาพาราควอด (Paraquat) และผลกระทบจากการใช้ยาดังกล่าว ซึ่งเป็นสารเคมีที่เกษตรกรนิยมนำมาใช้ในการกำจัดวัชพืชให้ชัดเจนและมีหลักฐานเป็นที่ประจักษ์ และรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบโดยเร็วต่อไป ๓.๒ ให้สำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ต่าง ๆ ของประเทศ โดยให้นำโครงการที่เกี่ยวข้องมาบูรณาการและจัดทำเป็นแผนการดำเนินการที่มีระยะเวลาเริ่มต้น-สิ้นสุด ระบุเป้าหมาย/ผลที่คาดว่าจะได้รับให้ชัดเจน เพื่อรองรับและป้องกันการเกิดอุทกภัยและภัยแล้งให้มีประสิทธิภาพและเกิดผลเป็นรูปธรรมภายในปี ๒๕๖๑ ทั้งนี้ ให้สร้างการรับรู้ถึงความคืบหน้าของการดำเนินโครงการบริหารจัดการน้ำต่าง ๆ ดังกล่าวให้ประชาชนทราบเป็นระยะ ๆ ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1258 | รายงานผลการดำเนินการตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 ประจำปีงบประมาณ 2560 | กค | 03/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้นำเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป โดยรายงานดังกล่าวประกอบด้วย ๒ ส่วน ดังนี้
๑. ผลการดำเนินการตามมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ประกอบด้วย รายงานการกู้เงินและการค้ำประกันที่กระทำในปีงบประมาณที่ล่วงมาแล้ว และรายงานสถานะหนี้สาธารณะ ๒. รายงานผลการประเมินความสำเร็จของโครงการหรือแผนงานที่ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ ประกอบด้วย ความสอดคล้องของวัตถุประสงค์ ประสิทธิภาพ ประสิทธิผล ผลกระทบของโครงการ และความยั่งยืนของโครงการ โดยในปีงบประมาณ ๒๕๖๐ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะได้พิจารณาคัดเลือกโครงการจากส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจที่ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้วอย่างน้อย ๒-๕ ปี รวมทั้งมีความพร้อมของข้อมูลมาประเมินผล รวม ๓ โครงการ ได้แก่ (๑) โครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน : มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ ๒ ของกรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท และกรมชลประทาน (๒) โครงการขยายเขตไฟฟ้าให้พื้นที่ทำกินทางการเกษตร ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และ (๓) โครงการปรับปรุงทางรถไฟ ระยะที่ ๖ ระหว่างสถานีชุมทางบัวใหญ่-หนองคาย ของการรถไฟแห่งประเทศไทย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1259 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 ตอนกรุงเทพมหานคร - เมืองพัทยา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | คค | 03/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข ๗ ตอนกรุงเทพมหานคร-เมืองพัทยา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงบัญชีท้ายกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข ๗ ตอนกรุงเทพมหานคร-เมืองพัทยา พ.ศ. ๒๕๕๘ เพื่อกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข ๗ ตอนกรุงเทพมหานคร-เมืองพัทยา ใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับการเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางในระบบปิดตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๓๒ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1260 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 03/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยการคัดเลือกบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการ กสทช. จะได้จัดเตรียมข้อมูลเพื่อใช้ประกอบการพิจารณาในการกำหนดสาขาความรู้ความเชี่ยวชาญของกรรมการ กสทช. และจะได้ปรับปรุงแก้ไขร่างพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ หากเกิดปัญหาเกี่ยวกับกระบวนการได้มาซึ่ง กสทช. ต่อไป สำหรับการนำกลไกการเปิดเผยทรัพย์สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมาใช้บังคับกับ กสทช. นั้น เห็นว่า เป็นอำนาจของ ป.ป.ช. และควรเป็นมาตรฐานเดียวกับองค์กรอื่นที่มีสถานะเดียวกับ กสทช. ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีมาตรการที่กำหนดให้ต้องเปิดเผยต่อสาธารณะแต่อย่างใด ส่วนการแก้ไขปรับปรุงองค์ประกอบ ที่มา และอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน เมื่อร่างพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ มีผลบังคับใช้แล้ว หากเห็นควรปรับปรุงจะได้ดำเนินการต่อไป นอกจากนี้ การจัดให้มีแผนการประมูลคลื่นความถี่ในแต่ละย่าน การจัดให้มีการประมูลคลื่นความถี่เป็นการล่วงหน้าก่อนใบอนุญาตสิ้นอายุ การกำหนดหลักเกณฑ์การกำกับการใช้คลื่นความถี่เพิ่มเติม เช่น การเรียกคืนคลื่นความถี่ การปรับปรุงกฎหมายของดาวเทียมสื่อสารให้มีความชัดเจน การปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องมาประมวลเป็นกฎหมายฉบับใหม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างสำนักงาน กสทช. ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง และเห็นด้วยกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ กรณีก่อนสิ้นวาระการดำรงตำแหน่งของ กสทช. ว่าควรพิจารณาความเหมาะสมของอัตราค่าตอบแทนของ กสทช. โดยเทียบเคียงอัตราค่าตอบแทนกับองค์กรอื่น ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
.....
