ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 180 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 3581 - 3600 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 3581 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย - สาธารณรัฐเกาหลี (วันที่ 22 - 23 พฤษภาคม 2549) | คค | 08/08/2549 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอผลการเจรจาการบินระหว่างคณะผู้แทน
รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย และคณะผู้แทนรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐเกาหลี ระหว่างวันที่ 22-23 พฤษภา คม 2549 ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลี เพื่อหารือกันในเรื่องเกี่ยวกับบริการเดินอากาศระหว่างประเทศ โดย คณะผู้แทนทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันในเรื่องการปรับปรุงสิทธิความจุความถี่ การกำหนดสายการบิน และข้อ บทความปลอดภัยการบินและข้อบทการรักษาความปลอดภัยการบิน
|
|||||||||||||||||||||
| 3582 | ร่างพระราชกฤษฎีการวมกรมป่าไม้ และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืชเป็นกรมป่าไม้ และปรับปรุงอำนาจหน้าที่ และกิจการของกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส | 08/08/2549 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 (ฝ่าย
โครงสร้างพื้นฐาน การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ที่มีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีการวมกรมป่าไม้ และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เป็นกรมป่าไม้ และปรับปรุงอำนาจหน้าที่และกิจการของกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วให้ดำเนิน การต่อไปได้ และอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... โดยสาระสำคัญของร่างพระราชกฤษฎีกา ฯ และร่างกฎกระทรวง ฯ เป็นการรวม กรมป่าไม้และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เข้าด้วยกัน และใช้ชื่อว่า "กรมป่าไม้" เนื่องจากหน่วย งานทั้งสองมีลักษณะงานและอำนาจหน้าที่ที่ซ้ำซ้อนกัน และให้รับข้อสังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเกี่ยว กับการปรับปรุงโครงสร้างส่วนราชการไปประกอบการดำเนินการตามขั้นตอนของหนังสือสำนักงาน ก.พ.ร. ที่ นร 1200/ว 3 ลงวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2549 ต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 3583 | ขออนุมัติกู้เงินระยะยาวเพื่อใช้ในการดำเนินงานของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 08/08/2549 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอดังนี้ รับทราบงบประมาณทำการประจำปี 2549
ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ที่ปรับปรุงใหม่ และเห็นชอบให้ รฟท. กู้เงินระยะยาวเพื่อเป็นค่าใช้ จ่ายในการดำเนินงาน ชำระหนี้เงินกู้ และลงทุนเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ จำนวน 5,565 ล้านบาท โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน และให้รับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง สำนักงบ ประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย อาทิ ความเห็นของกระทรวงการคลัง ที่เห็นควรเร่งรัดให้ รฟท. เร่งสรุปแผนยุทธศาสตร์การปรับปรุงโครง สร้างการบริหารจัดการเพื่อฟื้นฟูฐานะทางการเงินของ รฟท. ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว |
|||||||||||||||||||||
| 3584 | การปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานของการรถไฟแห่งประเทศไทย และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ | กค | 08/08/2549 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับการดำเนินกิจการของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) และองค์การ
ขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ซึ่งประสบปัญหาการขาดทุนอย่างต่อเนื่อง จึงเห็นควรพิจารณาหาแนวทาง แก้ไขปัญหาดังกล่าวให้เป็นรูปธรรม โดยให้กระทรวงการคลังเป็นเจ้าภาพดำเนินการร่วมกับกระทรวงคมนา คมและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องในการจัดทำแผนปรับปรุงโครงสร้างกิจการ (turn around) ของรัฐวิสาหกิจ ทั้ง 2 แห่ง ให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายใน 3 เดือน แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ทั้งนี้ อาจมอบหมายให้ผู้ซึ่ง เคยมีประสบการณ์ในการจัดทำแผนปรับปรุงโครงสร้างกิจการของรัฐวิสาหกิจมาแล้ว เช่น บริษัท บางจาก ปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดำเนินการ
|
|||||||||||||||||||||
| 3585 | ผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ครั้งที่ กพบ. 1/2549 | นร | 01/08/2549 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
ผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน (กพบ.) ครั้งที่ 1/2549 เมื่อวันที่ 8 มิถุนา ยน 2549 ในการพิจารณาการดำเนินงานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบการให้ ความช่วยเหลือเป็นเงินให้เปล่าในการพัฒนาถนนเชื่อมระหว่างถนนสาย 13 เหนือ และถนนสังคโลก เมืองพระ บางแก่ สปป.ลาว ในวงเงิน 18 ล้านบาท และเห็นชอบการให้ความช่วยเหลือเป็นเงินกู้เงื่อนไขผ่อนปรนในการ พัฒนาเส้นทางหมายเลข 67 (ช่วงอัลลองเวง-เสียมราฐ) แก่กัมพูชา ในวงเงิน 1,300 ล้านบาท ส่วนเรื่องการ จัดสรรงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2550 เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านภายใต้ กรอบ ACMECS GMS IMT-GT JDS และ BIMSTEC ที่ประชุมมีมติมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนา การเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานรวบรวม และนำเสนองบประมาณแบบบูรณาการของกรอบดังกล่าว ผ่านคณะกรรมการ กพบ. เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีตามปฏิทินงบประมาณต่อไป นอกจากนี้ ที่ประชุมรับทราบเกี่ยว กับการปรับปรุงแผนปฏิบัติการ (Plan of Actions) ปี พ.ศ. 2549-2551 และการประชุมระดับรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3-4 กรกฎาคม 2549 ณ เมืองปากเซ สปป.ลาว สำหรับกรอบ ACMECS การเจรจาภาคผนวกและพิธีสารแนบ ท้ายความตกลงขนส่งข้ามพรมแดน และการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ด้านคมนาคม ท่องเที่ยว สิ่งแวดล้อม เกษตร และพลังงาน ในกรอบ GMS การจัดทำ IMT-GT Road Map การจัดทำแผนปฏิบัติการของกรอบ JDS การขยาย สาขาความร่วมมือจาก 9 เป็น 13 สาขาในกรอบ BIMSTEC ความก้าวหน้าการดำเนินงานยุทธศาสตร์ความร่วม มือเพื่อความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจไทย-เวียดนาม และกรอบความร่วมมือว่าด้วยการพัฒนาเศรษฐกิจระหว่าง ไทย-สปป.ลาว การประเมินผลการดำเนินงาน และจัดทำแผนลงทุนปี พ.ศ. 2549-2550 ของโครงการ Contract farming รวมทั้งความก้าวหน้าการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจชายแดนจังหวัดเชียงรายและจังหวัดตาก
|
|||||||||||||||||||||
| 3586 | สรุปผลการประชุมทวิภาคีระหว่างไทย - สปป.ลาว และการประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียน | พน | 01/08/2549 | ||||||||||||||||||
|
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงพลังงานเกี่ยวกับผลการประชุมทวิภาคีระหว่าง
ไทย-สปป.ลาว และการประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียน ระหว่างวันที่ 26-27 กรกฎาคม 2549 ณ กรุงเวียง จันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สรุปได้ดังนี้ การประชุมทวิภาคีระหว่างไทย-สปป.ลาว ที่ประชุม ได้พิจารณาโครงการรับซื้อไฟฟ้าจาก สปป.ลาว โครงการก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าบ้านนาบง และสายส่งไฟฟ้า ขนาด 500 เควี เชื่อมโยงไทย-สปป.ลาว โครงการสายส่งไฟฟ้าเชื่อมโยงจีน-สปป.ลาว-ไทย รวมทั้งสนับสนุนให้ กฟผ. ลงทุนก่อสร้างโครงการไฟฟ้าในลาว สำหรับการประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียน ครั้งที่ 24 ที่ประชุมได้ พิจารณาการลดการพึ่งพาน้ำมันจากนอกภูมิภาคซึ่งมีความเสี่ยงต่อความมั่นคงด้านพลังงานของอาเซียน และให้ การสนับสนุนการจัดหาพลังงานทางเลือกอื่น ๆ เช่น ถ่านหิน และพลังงานหมุนเวียน ได้แก่ ไฟฟ้าพลังน้ำ พลัง งานชีวมวล และเชื้อเพลิงชีวภาพ ให้มากขึ้น รวมถึงการส่งเสริมการซื้อขายไฟฟ้าภายในภูมิภาค นอกจากนี้ ที่ ประชุมได้พิจารณาให้มีการปรับปรุง MOU ความมั่นคงด้านปิโตรเลียมของอาเซียน (ASEAN Petroleum Security Agreement : APSA) และ MOU การเชื่อมโยงระบบสายส่งไฟฟ้าอาเซียน (ASEAN Power Grid) โดยกำหนดมี ประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสนัดพิเศษ เพื่อพิจารณารายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง ระหว่างวันที่ 14-16 พฤศจิกายน 2549 ที่เมืองหลวงพระบาง สปป.ลาว และการประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียน+3 (สาธารณรัฐประชาชนจีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี) ได้พิจารณาเห็นชอบให้เร่งรัดโครงการความร่วมมือระหว่างอาเซียน+3 และเร่ง รัดการจัดทำแผนสำรองน้ำมันทั้งเชิงยุทธศาสตร์ให้ครอบคลุมประเทศสมาชิกอื่น ๆ นอกเหนือจากประเทศไทย สปป.ลาว และฟิลิปปินส์ ที่การจัดทำแผนใกล้เสร็จเรียบร้อยแล้ว
|
|||||||||||||||||||||
| 3587 | ขอรายงานการเฝ้าระวังโรคไข้หวัดนกในคนและผลการดำเนินการป้องกันและควบคุมโรคไข้หวัดนก | สธ | 01/08/2549 | ||||||||||||||||||
|
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับรายงานการเฝ้าระวังโรค
ไข้หวัดนกในคน และผลการดำเนินการป้องกันและควบคุมโรคไข้หวัดนก โดยสถานการณ์โรคในประเทศไทย ข้อมูล ณ วันที่ 30 กรกฎาคม 2549 มีรายงานผู้ป่วยในข่ายเฝ้าระวังโรค 80 ราย จาก 19 จังหวัด ได้แก่ พิจิตร 18 ราย สุโขทัย 14 ราย พิษณุโลกและสุพรรณบุรี จังหวัดละ 9 ราย น่าน 7 ราย นครสวรรค์ 4 ราย เพชรบูรณ์และอุตรดิตถ์ จังหวัดละ 3 ราย นครปฐมและนนทบุรี จังหวัดละ 2 ราย กรุงเทพมหานคร กาญ จนบุรี กำแพงเพชร ฉะเชิงเทรา นครนายก ปทุมธานี ปราจีนบุรี ลำพูน และอุทัยธานี จังหวัดละ 1 ราย อยู่ ระหว่างรอผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ส่วนความก้าวหน้าการดำเนินงานป้องกันและควบคุมโรคไข้หวัด นก ได้มีการปรับปรุงห้องแยกโรคของโรงพยาบาลโดยเฉพาะในโรงพยาบาลชุมชน ให้มีอย่างน้อย 2 ห้องต่อ โรงพยาบาลพร้อมทั้งเพิ่มศักยภาพให้ทีมเฝ้าระวังควบคุมโรคเคลื่อนที่เร็วทุกอำเภอให้สามารถปฏิบัติงานสอบ สวนและควบคุมโรคได้ตลอดเวลา เป็นต้น สำหรับสถานการณ์การระบาดโรคไข้หวัดนกในต่างประเทศ ตั้งแต่ วันที่ 1 มกราคม 2549 ถึงปัจจุบัน พบผู้ป่วย 87 ราย ตาย 57 ราย
|
|||||||||||||||||||||
| 3588 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย - สเปน (7 - 8 พฤศจิกายน 2548) | คค | 25/07/2549 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอผลการเจรจาการบินระหว่างคณะผู้แทน
รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและคณะผู้แทนรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรสเปน ระหว่างวันที่ 7 - 8 พฤศจิกา ยน 2548 ที่กรุงมาดริด ประเทศสเปน เพื่อหารือกันในเรื่องเกี่ยวกับบริการเดินอากาศระหว่างประเทศ โดย คณะผู้แทนทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันในเรื่องการปรับปรุงความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศ การกำหนดสาย การบิน ใบพิกัดเส้นทางบิน ความจุความถี่ และสิทธิรับขนการจราจร
|
|||||||||||||||||||||
| 3589 | รายงานผลการดำเนินการตามมติการประชุมนายกรัฐมนตรีกับภาคเอกชนกลุ่ม 4 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน (กาฬสินธุ์ นครพนม มุกดาหาร และ สกลนคร) | นร | 25/07/2549 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติราย
งานผลการดำเนินการตามมติการประชุมนายกรัฐมนตรี กับภาคเอกชนกลุ่ม 4 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตอนบน (กาฬสินธุ์ นครพนม มุกดาหาร และสกลนคร) จากการติดตามผลการดำเนินงานจนถึงเดือนมิถุนายน 2549 มีเรื่องที่ดำเนินการแล้วเสร็จ จำนวน 2 เรื่อง คือ การใช้แรงงานต่างด้าว โดยอนุญาตให้แรงงานพม่า ลาว กัมพูชา หลบหนีเข้าเมือง อยู่ในราชอาณาจักรไทยได้ชั่วคราว และทำงานเป็นกรรมกรและผู้รับใช้ในบ้านเท่านั้น และการอำนวยความสะดวกให้กับนักเรียนประเทศเพื่อนบ้านที่จะเข้ามาศึกษาในไทยโดยนักศึกษาประเทศเพื่อน บ้านซึ่งเป็นผู้รับทุนในประเทศไทย สามารถดำเนินการขอวีซ่าประเภท F ซึ่งตรวจลงตราอนุญาตให้สามารถอยู่ ในประเทศไทยได้ในสามเดือนแรก แต่ถ้าประสงค์จะอยู่ศึกษาต่อก็สามารถขอขยายเวลาได้ถึง 2 ปี ส่วนเรื่องที่ อยู่ระหว่างดำเนินการ มีจำนวน 7 เรื่อง แยกเป็น 3 กลุ่ม คือ การพัฒนากลุ่มจังหวัดให้เป็นศูนย์กลางการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว (Regional Hub) ในอนุภูมิภาคอินโดจีน (การสร้างศูนย์กระจายสินค้า การใช้ ประโยชน์ท่าอากาศยานสะหวันนะเขต JICA การจัดตั้ง SMEs Center และการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 3 ที่จังหวัดนครพนม) การส่งเสริมการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศเพื่อนบ้าน (การพัฒนาสถาบันการ ศึกษาในพื้นที่และสนับสนุนทุนการศึกษาเพื่อรองรับนักเรียนประเทศเพื่อนบ้าน) และการส่งเสริมการท่องเที่ยว ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน (การพัฒนาเชื่อมโยงการท่องเที่ยวภาคตะวันออกเฉียงเหนือกับประเทศเพื่อน บ้าน และการพัฒนาแหล่งขุดค้นพบไดโนเสาร์ที่มีลักษณะเป็น Edutainment) และเรื่องที่หน่วยงานรายงานว่า อยู่ระหว่างดำเนินการแต่ไม่มีความก้าวหน้าเพิ่มเติมจากที่รายงานไปเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2549 มีจำนวน 2 เรื่อง คือ การพัฒนาโครงข่ายระบบราง และการปรับปรุงเส้นทางจราจร โดยให้หน่วยงานที่ได้รับมอบหมายเร่ง ดำเนินการ แล้วรายงานสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นประจำทุก 6 เดือน
|
|||||||||||||||||||||
| 3590 | รายงานผลการดำเนินการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ สืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ | นร | 25/07/2549 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรายงานสรุปผลการดำเนินการ
ให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ของ คณะกรรมการนโยบายและอำนวยการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ฯ (กยต.) ได้แก่ การให้ความช่วยเหลือตาม หลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือเยียวยา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2548 โดยจ่ายเงินช่วย เหลือจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ. 2548 และปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 งบกลาง รายการ เงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน 2548-15 มิถุนายน 2549 รวมเป็นเงิน ทั้งสิ้น 783,951,027 บาท และการจัดทำฐานข้อมูลการเยียวยา ฯ แบ่งเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 เป็นระยะ เร่งด่วน โดยให้จังหวัดกรอกข้อมูลผู้ประสบเหตุ ข้อมูลผู้ได้รับผลกระทบ ข้อมูลผู้พึ่งพิง ข้อมูลเหตุการณ์ และราย งานต่าง ๆ ส่วนระยะที่ 2 เป็นการปรับปรุงฐานข้อมูล อาทิ เพิ่มเติมการจัดเก็บข้อมูลของผู้ประสบภัย ผู้พึ่งพิง และสถานประกอบการที่เสียหายให้มีรายละเอียดมากขึ้น และเพิ่มเติมการประมวลผลออกเป็นรายงานเพื่อนำ ไปใช้ในการวิเคราะห์เหตุการณ์และติดตามการดำเนินงาน เป็นต้น นอกจากนี้ กยต. ได้มอบหมายให้ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) และกรมประชาสัมพันธ์ ดำเนินการประชาสัมพันธ์การให้ความช่วยเหลือเยียวยา ฯ เพื่อ ให้ประชาชน เจ้าหน้าที่ของรัฐ และผู้ที่เกี่ยวข้องมีความเข้าใจในนโยบายและมาตรการการให้ความช่วยเหลือ เยียวยาของรัฐที่มีต่อผู้ได้รับผลกระทบ
|
|||||||||||||||||||||
| 3591 | รายงานความคืบหน้าของโครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ และศูนย์ส่งเสริมการพัฒนาและกระจายสินค้าวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ | นร | 18/07/2549 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ) รายงานความคืบ
ฃหน้าของโครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ และศูนย์ส่งเสริมการพัฒนาและกระจาย สินค้าวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้ทำการปรับปรุงแบบรายละเอียดการก่อสร้างเรียบร้อยแล้ว ซึ่งอยู่ในขั้นตอน การตรวจสอบความถูกต้องของแบบรายละเอียดการก่อสร้างและประมาณการค่าก่อสร้าง เพื่อใช้ประกอบ การประกวดราคาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนแผนการจัดทำแผนบริหารจัดการธุรกิจ (BUSINESS PLAN) ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมการสรรหาที่ปรึกษาเพื่อดำเนินการมีกำหนดแล้วเสร็จในเดือนธันวาคม 2549 ซึ่งจากการปรับปรุงแบบรายละเอียดการก่อสร้าง ทำให้ต้องใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างทั้งโครงการ รวมทั้งสิ้น 24 เดือน ล่าช้ากว่าแผนการก่อสร้างตามที่วิเคราะห์จากแบบก่อสร้างเดิมที่กำหนดไว้ 15 เดือน
|
|||||||||||||||||||||
| 3592 | ผลการหารือกับนายกรัฐมนตรีและคณะเรื่องแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 | นร | 18/07/2549 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)
รายงานผลการหารือกับนายกรัฐมนตรีและคณะ เรื่อง แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 เมื่อวัน ที่ 12 กรกฎาคม 2549 ณ ตึกสุริยานุวัตร เพื่อทำความเข้าใจร่วมกันและปรับปรุงให้แผน ฯ ฉบับที่ 10 สามารถ เชื่อมต่อกับการดำเนินงานของกระทรวง ทบวง กรมต่าง ๆ ในการที่จะนำไปปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดย นายกรัฐมนตรีและคณะได้มีความเห็นและข้อเสนอแนะให้ สศช. ได้ปรับปรุงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมฉบับที่ 10 ในประเด็นสำคัญเพิ่มเติมในส่วนของการวิเคราะห์สถานะของประเทศทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวด ล้อม การกำหนดเป้าหมายในมิติต่าง ๆ ที่ต้องการบรรลุต้องมีความชัดเจนและมีตัวชี้วัดที่ประเมินผลการดำเนิน งานได้ การกำหนดแนวทางในการขับเคลื่อนแผน ฯ และการเชื่อมต่อกับกระทรวงเพื่อกำหนดแนวทางในการ ปฏิบัติในช่วงของการแปลงแผน ฯ ไปสู่การปฏิบัติต้องมีความชัดเจน นอกจากนี้ ยังมีความเห็นในส่วนของเนื้อหา สาระของยุทธศาสตร์แผน ฯ 10 ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม สำหรับข้อเสนอยุทธศาสตร์ของ นายกรัฐมนตรี ประกอบด้วย การเตรียมกลไกและเครื่องมือเพื่อให้รู้เท่าทันกระแสโลกาภิวัตน์ การปรับโครง สร้างการผลิต การปรับตัวเข้าสู่สังคมฐานความรู้ การกำหนดแนวทางในการเข้าถึงแหล่งทุนของระดับต่าง ๆ ที่ จะชี้ถึงความเชื่อมโยงระหว่าง demand และ supply ของภาคการเงินการปรับปรุงด้านการบริหารจัดการของ ภาคเอกชนและการปฏิรูปภาครัฐ รวมทั้งการสร้างภูมิคุ้มกันการพัฒนาระบบการบริหารและการประกันความ เสี่ยงในยุคโลกาภิวัตน์
|
|||||||||||||||||||||
| 3593 | การขอต่ออายุสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชี (องค์การแบตเตอรี่) (ตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม 2549 ถึงวันที่ 15 กรกฎาคม 2550) | กห | 18/07/2549 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงกลาโหมให้องค์การแบตเตอรี่ต่ออายุสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชี
จากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ภายในวงเงิน 30 ล้านบาท ต่อไปอีก 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม 2549 ถึงวันที่ 15 กรกฎาคม 2550 โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน ทั้งนี้ ให้กระทรวงกลาโหมในฐานะ กระทรวงเจ้าสังกัดกำกับดูแลการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานขององค์การแบตเตอรี่อย่างใกล้ชิด แล้ว รายงานคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ ตามความเห็นของกระทรวงการคลังต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||
| 3594 | ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการประกันสุขภาพถ้วนหน้า (30 บาท ช่วยคนไทยห่างไกลโรค) พ.ศ. 2549 | ทก | 18/07/2549 | ||||||||||||||||||
|
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเกี่ยวกับ
ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการประกันสุขภาพถ้วนหน้า (30 บาท ช่วยคนไทยห่างไกล โรค) พ.ศ. 2549 ซึ่งสำนักงานสถิติแห่งชาติได้จัดทำโครงการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในทุกจังหวัดทั่ว ประเทศ ระหว่างวันที่ 3-11 เมษายน 2549 โดยภาพรวมการสำรวจความคิดเห็นมีดังนี้ ความคิดเห็นเกี่ยวกับ การช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของครัวเรือน เมื่อมีโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ร้อยละ 61.4 เห็นว่าโครง การ ฯ ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของครัวเรือนได้มาก ร้อยละ 29.9 ช่วยได้ปานกลาง และร้อยละ 4.6 ช่วยได้น้อย ความคิดเห็นเกี่ยวกับคุณภาพชีวิตทางด้านสุขภาพ ร้อยละ 66.4 ระบุว่าคุณภาพชีวิตทางด้านสุขภาพดีขึ้น ส่วน ร้อยละ 32.7 และร้อยละ 0.9 ระบุว่าเหมือนเดิมและแย่ลง ความคิดเห็นกรณีหากมีการให้สมาชิกของครอบครัว ผู้ใช้สิทธิประกันสังคม ซึ่งปัจจุบันใช้สิทธิ 30 บาท เปลี่ยนไปใช้สิทธิกองทุนประกันสังคมแทน ร้อยละ 62.7 เห็นด้วย ในขณะที่ร้อยละ 13.5 ไม่เห็นด้วย และร้อยละ 23.8 ไม่แน่ใจ และหากรัฐจะดำเนินการปรับปรุงสวัสดิ การ/กองทุนด้านสุขภาพ โดยปรับให้มีเพียงกองทุนเดียว ส่วนใหญ่ร้อยละ 54.6 ระบุว่าเห็นด้วย ร้อยละ 21.0 ระบุว่าไม่เห็นด้วย และร้อยละ 24.4 ไม่แน่ใจ สำหรับความคิดเห็นเกี่ยวกับความพึงพอใจต่อการใช้บริการการ ประกันสุขภาพถ้วนหน้า ส่วนใหญ่ร้อยละ 46.7 มีความพึงพอใจระดับมาก ร้อยละ 47.4 ปานกลาง และร้อยละ 4.3 และร้อยละ 1.6 ระบุว่าน้อย และไม่พึงพอใจ ตามลำดับ ส่วนมาตรฐานการรักษาพยาบาลที่ผู้ใช้สิทธิ 30 บาท ได้รับ ร้อยละ 49.0 ของผู้ที่เคยใช้บริการ ฯ เห็นว่ายังไม่ได้มาตรฐานเดียวกับสวัสดิการประเภทอื่น ๆ ใน ขณะที่ร้อยละ 27.5 เห็นว่ามีมาตรฐานเดียวกัน ทั้งนี้ จากการสำรวจประชาชนได้ให้ข้อเสนอแนะที่สำคัญคือ คุณภาพของยาควรมีมาตรฐาน ให้เพิ่มค่าธรรมเนียมได้ แต่การบริการต้องดีขึ้น ควรปรับปรุงการบริการให้ดี และรวดเร็วขึ้น รวมทั้งควรมีมาตรฐานการรักษาพยาบาลเท่าเทียมกันทุกสวัสดิการ เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||
| 3595 | แนวทางดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ปี 2549 | มท | 27/06/2549 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลตำรวจเอก ชิดชัย วรรณสถิตย์) ผู้อำนวยการ
ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน เสนอมติคณะกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน ใน คราวประชุมครั้งที่ 4/2549 เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2549 ที่มติเห็นชอบแนวทางการดำเนินการป้องกันและ ลดอุบัติเหตุทางถนน (Road Map 2549) ที่ได้มีการปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมรายละเอียดการดำเนินการ เพื่อให้ เกิดความครอบคลุมชัดเจนในการปฏิบัติ
|
|||||||||||||||||||||
| 3596 | การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับเรื่องมาตรการประหยัดพลังงาน | นร | 06/06/2549 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอดังนี้ เห็นชอบให้ส่วนราชการ รัฐวิสาห
กิจ และหน่วยงานของรัฐคงถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับเรื่องมาตรการประหยัดพลังงาน รวม 2 มติ คือ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2548 เรื่อง มาตรการบังคับเพื่อการแก้ไขปัญหาด้านพลังงาน ของประเทศ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2549 เรื่อง มาตรการประหยัดพลังงาน โดยการจัด ซื้อเครื่องปรับอากาศ ให้ถือปฏิบัติตามแนวทางตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ กรณีเป็นการซื้อเพื่อแทนเครื่อง เก่าอายุการใช้งานนานเกิน 10 ปี ต้องดำเนินการทำลาย โดยป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมด้วย และให้คงถือว่ามาตรการประหยัดพลังงานและการใช้พลังงานทดแทนเป็นวาระแห่งชาติที่มีความสำคัญและเร่ง ด่วนที่ทุกฝ่ายจะต้องดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมและต่อเนื่องต่อไป และอนุมัติให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับเรื่องมาตรการประหยัดพลังงาน จำนวน 21 มติ
|
|||||||||||||||||||||
| 3597 | การขอต่ออายุสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชี (การเคหะแห่งชาติ) | พม | 06/06/2549 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอให้การ
เคหะแห่งชาติ (กคช.) ต่ออายุสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีจากธนาคารออมสิน วงเงิน 500 ล้านบาท ออกไป อีกเป็นระยะเวลา 3 ปี นับตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม 2549 เป็นต้นไป โดยมีกระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรให้ กคช. หาแนวทางในการเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย และ เร่งรัดการดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์การปรับปรุงโครงสร้างการบริหารจัดการ เพื่อพลิกฟื้นฐานะการ เงินให้เกิดผลเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนโดยเร็ว เพื่อให้ กคช. สามารถเลี้ยงตัวเองได้ต่อไปในอนาคต ไปพิจารณา ดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||
| 3598 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย -ภูฎาน (วันที่ 23-24 มีนาคม 2549) | คค | 30/05/2549 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอผลการเจรจาการบินระหว่างคณะผู้แทน
รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและคณะผู้แทนรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรภูฏาน ระหว่างวันที่ 23-24 มีนาคม 2549 ที่กรุงเทพ ฯ เพื่อหารือกันในเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับความตกลงฉบับแม่บทในความสัมพันธ์ระหว่างกัน ด้านการบิน โดยคณะผู้แทนทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันในเรื่อง การปรับปรุงใบพิกัดเส้นทางบิน ข้อบทว่าด้วย ความปลอดภัยการบินการปรับปรุงความจุความถี่ และสิทธิรับขนการจราจร |
|||||||||||||||||||||
| 3599 | การปรับปรุงเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษของข้าราชการพลเรือนสามัญ ข้าราชการทหาร กระทรวงกลาโหม และลูกจ้างประจำของสำนักฝนหลวงและการบินเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ | กค | 30/05/2549 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (ฝ่ายกฎ
หมาย ฯ) ที่มีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอดังนี้ เห็นชอบหลักเกณฑ์และแนวทางการกำหนดเงินเพิ่มสำหรับ ตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษของข้าราชการประเภทต่าง ๆ เพื่อให้การกำหนดเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษ ของข้าราชการทุกประเภทมีมาตรฐานเดียวกัน รวมถึงการกำหนดเงินเพิ่มพิเศษให้แก่พนักงานและลูกจ้าง และ การกำหนดค่าตอบแทนอื่นนอกเหนือจากเงินเพิ่มพิเศษ แต่มีลักษณะเดียวกันกับเงินเพิ่มพิเศษตามมาตรา 33 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 โดยให้รวมถึงค่าตอบแทนอื่นที่จ่ายจากเงินนอก งบประมาณด้วย โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา กับเห็นชอบการกำหนดเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่ง ที่มีเหตุพิเศษของข้าราชการทหาร กระทรวงกลาโหม และลูกจ้างประจำของสำนักฝนหลวงและการบินเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณากำหนดเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุ พิเศษของหน่วยงานอื่น ๆ ที่มีการปฏิบัติงานในลักษณะเดียวกัน เช่น ข้าราชการตำรวจ พร้อมไปในคราวเดียว กันด้วย ทั้งนี้ การกำหนดเงินเพิ่มดังกล่าวให้มีผลตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2549 และให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวัน ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2548 (เรื่อง ขอรับการสนับสนุนวงเงินงบประมาณสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษตำแหน่ง ปฏิบัติหน้าที่ด้านป้องกันปราบปราม ด้านสืบสวน และด้านจราจร) เฉพาะในส่วนที่มอบหมายให้กระทรวง การคลังถือเป็นหลักปฏิบัติว่า การกำหนดเงินเพิ่มพิเศษ เงินเพิ่ม เงินนำจับ เงินสินบนนำจับ เงินที่เป็นรายได้ หรือค่าตอบแทนพิเศษหรือเงินในลักษณะดังกล่าวที่เรียกชื่ออย่างอื่นของข้าราชการประเภทต่าง ๆ ที่กฎหมาย กำหนดให้เป็นอำนาจของกระทรวงการคลัง นั้น เมื่อกระทรวงการคลังได้พิจารณาเป็นประการใดแล้ว ให้นำ เรื่องดังกล่าวเสนอคณะรัฐมนตรีก่อนดำเนินการ
|
|||||||||||||||||||||
| 3600 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อเร่งรัดป้องกันบรรเทาปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง | กษ | 30/05/2549 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอให้กรมชลประทานดำเนิน
โครงการเพื่อป้องกันบรรเทาปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง โดยให้ดำเนินการตามลำดับความสำคัญ ความจำเป็นเร่ง ด่วน และความพร้อมในการดำเนินการ ตลอดจนงบประมาณที่จะรองรับ ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมพิจารณาและตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณเพื่อมิให้เกิดความซ้ำซ้อนกับโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีในการประชุมอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ และโครงการตามแผนยุทธศาสตร์ การพัฒนากลุ่มจังหวัดและจังหวัด ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2549 (เรื่อง รายงานสรุป สถานภาพการอนุมัติการจัดสรรงบประมาณ และผลการเบิกจ่ายงบประมาณของโครงการนายกรัฐมนตรีตรวจ ราชการ โครงการตามมติคณะรัฐมนตรีในการประชุมอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ และโครงการตามแผนยุทธ ศาสตร์การพัฒนากลุ่มจังหวัดและจังหวัด) และให้นำความเห็นของกระทรวงการคลังที่ให้กรมชลประทานคัดเลือก โครงการที่มีความพร้อมและเรียงลำดับความสำคัญของโครงการเพื่อให้การดำเนินการสมประโยชน์ และคุ้มค่าแก่ การลงทุน สำหรับการจัดสรรเงินงบประมาณผูกพันในแต่ละปีให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่จะ พิจารณาจัดสรรตามความจำเป็น เหมาะสม โดยคำนึงถึงฐานะการคลังของประเทศ และความเห็นของสำนักงบ ประมาณเกี่ยวกับงบประมาณที่จะใช้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 ให้กรมชลประทานพิจารณาดำเนินการใช้เงิน เหลือจ่ายไปดำเนินการเป็นลำดับแรก หากไม่เพียงพอ ให้พิจารณาปรับแผนการใช้จ่ายจากงบประมาณที่ได้รับ และมีความสำคัญต่ำไปสนับสนุนการดำเนินการเพิ่มเติม ส่วนงบประมาณที่จะใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ให้เสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ต่อไป ไปประกอบการพิจารณา แล้วดำเนินการ โดยเร็วต่อไป รวมทั้งยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2541 (เรื่อง การปรับปรุง แก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ และมาตรการอื่นที่เกี่ยวข้อง) เพื่อ การดำเนินโครงการ ฯ เป็นกรณีพิเศษ |
|||||||||||||||||||||
.....
