ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 172 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 3421 - 3440 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 3421 | การปรับปรุงแผนพัฒนาโรงไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย | พน | 30/10/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 1 ที่มีมติเห็น
ชอบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอแผนพัฒนาโรงไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศ ไทย (กฟผ.) ซึ่งมีกำลังการผลิต 81.7 เมกะวัตต์ เงินลงทุนโครงการ 4,826 ล้านบาท (อัตราแลกเปลี่ยนเท่ากับ 37 บาท ต่อดอลลาร์สหรัฐ) ประกอบด้วย การก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กท้ายเขื่อนชลประทาน 6 แห่ง กำลังการผลิต 78.7 เมกะวัตต์ ระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังการผลิต 1 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้า กังหันลม กำลังการผลิต 2 เมกะวัตต์ โดยให้ กฟผ. รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่ให้มีการศึกษาถึงต้นทุน การผลิตและผลกระทบด้านค่าไฟฟ้าที่มีต่อผู้บริโภค โดยให้พิจารณาถึงผลดีและผลเสียในภาพรวมเพื่อให้การผลิต ไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนสามารถส่งเสริมศักยภาพให้กับระบบไฟฟ้าของประเทศได้อย่างแท้จริง นอกจากนี้ ใน ส่วนของโครงการผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ เนื่องจาก ณ ระดับเทคโนโลยีปัจจุบัน ต้นทุนการผลิตต่อหน่วย ยังสูงมาก ทำให้การลงทุนยังไม่เหมาะสมทั้งในเชิงเศรษฐกิจและการเงิน จึงควรมีการศึกษาโดยเปรียบเทียบกับ ผลประโยชน์ที่จะได้รับอย่างรอบคอบเพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในภาพ รวมต่อไป และประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ในเรื่องการส่งเสริมโรงไฟฟ้ากังหันลม และการ ศึกษาผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ใช้น้ำ ผู้เลี้ยงปลาในกระชังหรือประกอบอาชีพประมงไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3422 | ขออนุมัติใช้งบประมาณงบกลาง เพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย รองรับการจัดงานแสดงเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 | วธ | 30/10/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอขอใช้งบกลาง จำนวน 10,000,000
บาท ในการปรับปรุงภูมิทัศน์ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เพื่อรองรับการจัดงานแสดงเฉลิมพระเกียรติเนื่องใน มหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 โดยให้กระทรวงวัฒนธรรมประสานกระทรวงมหาด ไทย (กรุงเทพมหานคร) เพื่อดำเนินการปรับปรุงภูมิทัศน์ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ฯ ในส่วนที่กรุงเทพมหา นครสามารถดำเนินการได้ ส่วนการปรับปรุงลานจอดรถยนต์และส่วนอื่นที่จำเป็นให้กระทรวงวัฒนธรรมและหน่วย งานที่เกี่ยวข้องจัดทำรายละเอียดและขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3423 | รายงานผลการดำเนินงานที่สำคัญของกระทรวงคมนาคม ในรอบ 6 เดือนหลังของปีงบประมาณ 2550 (เมษายน - กันยายน 2550) | คค | 30/10/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลผลการดำเนินงานที่สำคัญของกระทรวงคมนาคม ในรอบ 6
เดือนหลังของปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 (เมษายน-กันยายน 2550) โดยมีผลการดำเนินงานที่สำคัญดังนี้ การ ดำเนินการระบบขนส่งมวลชนทางรางในกรุงเทพมหานคร เช่น โครงการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง โครงการรถ ไฟฟ้าสายสีม่วง และโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน เป็นต้น การพัฒนาระบบการเดินทางเชื่อมต่อ (ระบบตั๋วร่วม) การจัดทำสมุดปกขาว : แนวทางพัฒนาระบบขนส่งสู่การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน การแก้ไขปัญหาในสนามบิน สุวรรณภูมิ เช่น ปัญหาทางวิ่ง ทางขับ และลานจอดอากาศยานชำรุด ปัญหาอาคารผู้โดยสาร ปัญหาการใช้พื้นที่ เชิงพาณิชย์และร้านค้าปลอดอากร เป็นต้น การแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนในกระทรวงคมนาคม เช่น การดำเนินการ กรณีคุณสมบัติของบริษัท ไทย แอร์เอเชีย จำกัด การดำเนินการกรณี CTX 9000 และโครงการระบบขนส่งทางรถ ไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมือง (Airport Link) เป็นต้น การพัฒนา ระบบบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ (Logistics) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างมีประสิทธิ ภาพ และการปรับปรุงและเสนอร่างกฎหมายที่สำคัญ ๆ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3424 | การเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติการลงนามในพิธีสารอนุวัติข้อผูกพันชุดที่ 6 ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน ข้อตกลงยอมรับร่วมสาขาสถาปัตยกรรมของอาเซียนและข้อตกลงยอมรับร่วมในคุณสมบัติด้านการสำรวจของอาเซียน | พณ | 30/10/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอดังนี้ เห็นชอบพิธีสารอนุวัติข้อผูกพันชุดที่ 6 ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน พร้อมตารางข้อผูกพันชุดที่ 6 ข้อตกลงยอมรับร่วมสาขาสถาปัตยกรรมของอาเซียน และข้อตกลงยอมรับร่วมในคุณสมบัติด้านการสำรวจของอาเซียน และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในฐานะรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนของไทยเป็นผู้พิจารณาพิธีสารและข้อตกลงดังกล่าว และลงนามในพิธีสารและข้อตกลงในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 13 ณ ประเทศสิงคโปร์ ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมในพิธีสารและข้อตกลงดังกล่าว มอบให้ผู้ลงนามเป็นผู้ใช้ดุลยพินิจในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรีได้ รวมทั้งมอบให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ลงนามในพิธีสารและข้อตกลงดังกล่าวให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมทั้งจัดทำสัตยาบันสารสำหรับพิธีสารดังกล่าวและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป และให้กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงาน
คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องเตรียมมาตรการเพื่อรองรับผลกระทบและการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะด้านสถาปัตยกรรมที่จะต้องมีการศึกษาวิจัยเพื่อกำหนดระดับหรือขอบเขตการเปิดเสรีที่ชัดเจน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3425 | ร่างพระราชบัญญัติการอาชีวศึกษา พ.ศ. .... | นร | 30/10/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่ง
ชาติเสนอสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ 12/2550 วันพฤหัสบดี ที่ 25 ตุลาคม 2550 และครั้งที่ 13/2550 วันจันทร์ 29 ตุลาคม 2550 ซึ่งให้กระทรวงศึกษาธิการปรับปรุงแก้ไข ร่างพระราชบัญญัติการอาชีวศึกษา พ.ศ. .... ตามข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ แล้วเสนอคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติอีกครั้ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3426 | แผนแม่บทการบริหารจัดการขยะมูลฝอย จังหวัดภูเก็ต | นร | 30/10/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอแผน
แม่บทการบริหารจัดการขยะมูลฝอย จังหวัดภูเก็ต เพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางในการบูรณาการการทำงานร่วมกันของ ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น ในการบริหารจัดการลด คัดแยก และการนำขยะมูล ฝอยกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ การเพิ่มประสิทธิภาพระบบการจัดการขยะมูลฝอย การปรับปรุงแก้ไขระเบียบให้เอื้อต่อ การดำเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และการส่งเสริมบทบาทการมีส่วนร่วมของชุมชน ผู้ประกอบการ และ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยมีแผนงาน/โครงการที่สำคัญ 2 แผนงาน 19 โครงการ งบประมาณรวม 1,232.1 ล้านบาท และให้กระทรวงมหาดไทย (จังหวัดภูเก็ต) กระทรวงพลังงาน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับความเห็นของส่วนราชการ และหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ การดำเนินโครงการเร่งด่วนจำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการลดและต้องแยกขยะมูลฝอยจากแหล่งกำเนิด วงเงิน 6.4 ล้านบาท และโครงการปรับปรุงบ่อฝังกลบขยะมูล ฝอยบ่อที่ 4 และฟื้นฟูบ่อฝังกลบบ่อที่ 5 วงเงิน 55 ล้านบาท และจะต้องมีการดำเนินโครงการศึกษาความเหมาะ สมโครงการก่อสร้างระบบกำจัดขยะมูลฝอยชุมชน ชุดที่ 2 ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 วงเงิน 12 ล้านบาท นั้น ให้กระทรวงมหาดไท ย (จังหวัดภูเก็ต) ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงมหาดไทย (จังหวัดภูเก็ต) กระทรวงพลังงาน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนา การเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รับความเห็นของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาดำเนินการเพิ่มเติมด้วยว่า ในการรณรงค์ ปลูกจิตสำนึกเยาวชนและชุมชนทั้งในระดับครัวเรือน สถานประกอบการ และอุตสาหกรรม ในพื้นที่ให้มีส่วนร่วมใน การดูแลรักษาความสะอาดและสภาพแวดล้อมในพื้นที่ ควรดำเนินการในลักษณะของการประสานความร่วมมือในทุก ภาคส่วนให้มีความตระหนักและรับผิดชอบร่วมกันในการจัดการขยะมูลฝอยอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งสนับสนุนด้านเทค นิควิชาการ และแนวทางการลดขยะมูลฝอยที่แหล่งกำเนิด โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอความร่วมมือให้อาสาสมัคร สาธารณสุขหมู่บ้าน และอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้านเป็นแกนนำในการดำเนินการ ด้วย และให้จังหวัดภูเก็ต (องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต) เร่งรัดการดำเนินการเก็บภาษีท้องถิ่น เช่น ภาษีอากร ที่เก็บจากสถานบริการและโรงแรมในท้องถิ่น เป็นต้น เพื่อให้มีเงินรายได้รองรับการดำเนินการบริหารจัดการขยะ มูลฝอยได้อย่างเพียงพอ ส่วนการดำเนินโครงการศึกษาความเหมาะสมและออกแบบรายละเอียดการก่อสร้างระบบ กำจัดขยะมูลฝอยชุมชน ชุดที่ 2 ให้กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาตินำผลการวิจัยที่ได้มีศึกษาในเรื่องที่เกี่ยวข้องไว้แล้วมาพิจารณาใช้ประโยชน์และประกอบการดำเนินการ เพื่อ ลดความซ้ำซ้อนและประหยัดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3427 | การกำหนดเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษของลูกจ้างประจำ | กค | 22/10/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอดังนี้ อนุมัติให้ลูกจ้างประจำในสังกัดกรมพินิจและคุ้ม
ครองเด็กและเยาวชนได้รับเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษ โดยค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ให้ กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2551 เพื่อดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และอนุมัติเป็นหลักการให้ลูกจ้าง ประจำในสังกัดส่วนราชการต่าง ๆ อาจได้รับเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษ โดยในการพิจารณาเรื่องนี้ ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณและบุคลากรของรัฐ เช่น สำนักงบประมาณ และสำนักงาน ก.พ. เป็น ต้น เข้าร่วมการพิจารณากับกระทรวงการคลังด้วยตามแนวทางที่กระทรวงการคลังได้รับความเห็นชอบจากคณะ รัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2549 เรื่อง การปรับปรุงเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษของข้าราชการ พลเรือนสามัญ ข้าราชการทหาร กระทรวงกลาโหม และลูกจ้างประจำของสำนักฝนหลวงและการบินเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3428 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี [เรื่อง โครงการลงทุนเกษตรแบบมีสัญญา (Contract Farming) กับประเทศเพื่อนบ้าน ปี 2549 - 2551] | กษ | 22/10/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานผลการดำเนินโครงการลงทุน
เกษตรแบบมีสัญญา (Contract Farming) กับประเทศเพื่อนบ้าน ปี พ.ศ. 2549-2551 ในส่วนที่กระทรวงเกษตร และสหกรณ์รับผิดชอบดังนี้ ผลการพิจารณาแผนการลงทุนเกษตรแบบมีสัญญา (Contract Farming) ในแต่ละ ปี (ปี พ.ศ. 2549-2551) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรได้ดำเนินงานโครงการ ฯ ภายใต้กรอบ ACMECS เป็น โครงการร่วม (Common Project) ระหว่างไทยกับกัมพูชา-สปป.ลาว-พม่า ได้แก่ โครงการ AC-3 : Cooperation on Food Safety ดำเนินการที่ สปป.ลาว โดยมีการประชุมหารือกับเจ้าหน้าที่กักกันพืชที่เวียงจันทน์ และสะหวัน นะเขต สปป.ลาว เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกฎระเบียบด้านกักกันพืช และกำหนดแนวทางปฏิบัติงานด้านกักกันพืช ให้สอดคล้องกัน โครงการ AC-4 : Cooperation on agricultural development through contract farming สำนัก งานเศรษฐกิจการเกษตรได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินงานโครงการปรับปรุงระบบการผลิตพืชเศรษฐกิจ ไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน (กัมพูชา สปป.ลาว และพม่า) และโครงการ AC-5 : Joint venture for production of hybrid seeds of corns, vegetables and flowers ได้มีการฝึกอบรมถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว โพดและถั่วเหลืองให้แก่เจ้าหน้าที่ไทย กัมพูชา พม่า สปป.ลาว และเวียดนาม ส่วนการพิจารณาความเป็นไปได้และ ความเหมาะสม เพื่อจัดทำและเสนอแผนการดำเนินโครงการลงทุนเกษตรแบบมีสัญญา (Contract Farming) พืช พลังงานในประเทศเพื่อนบ้านและนำเข้ามาเป็นวัตถุดิบเพื่อผลิตพลังงานทดแทนในประเทศไทย (ปี พ.ศ. 2549- 2551) อยู่ระหว่างประสานงานกับจังหวัดชายแดนเป้าหมาย เพื่อศึกษาสถานการณ์ และรวบรวมข้อมูลศักยภาพ เชิงเศรษฐกิจพืชพลังงาน เพื่อผลิตไบโอดีเซล/เอทานอล สำหรับเตรียมการประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยว ข้อง รวมทั้งได้ประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านและหารือเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาพืชทดแทนพลัง งาน โดยมีความเป็นไปได้ในด้านการส่งเสริมความร่วมมือทางวิชาการ เพื่อให้เกิดความมั่นใจในการร่วมลงทุนเชิง เศรษฐกิจที่มีผลประโยชน์ร่วมกันได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3429 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเงินช่วยเหลือผู้ซึ่งออกจากราชการตามมาตรการปรับปรุงอัตรากำลังของส่วนราชการ พ.ศ. .... | กค | 16/10/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาเงินช่วยเหลือผู้ซึ่ง
ออกจากราชการตามมาตรการปรับปรุงอัตรากำลังของส่วนราชการ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดลักษณะ ของส่วนราชการที่จะเข้าร่วมมาตรการปรับปรุงอัตรากำลังของส่วนราชการ (โครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด) ในวันที่ 1 ตุลาคม 2550 กำหนดคุณสมบัติของข้าราชการที่จะเข้าร่วมมาตรการ ฯ รวมทั้งกำหนดการจ่ายเงิน ช่วยเหลือข้าราชการที่เข้าร่วมมาตรการ ฯ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนิน การต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3430 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่อาวุโส ครั้งที่ 14 แผนงาน IMT-GT | นร | 16/10/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รายงาน
ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่อาวุโส ครั้งที่ 14 แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย -มาเลเซีย-ไทย (Indonesia-Malaysia-Thailand Growth Triangle : IMT-GT) ซึ่ง สศช. เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ขึ้นระหว่างวันที่ 3-6 กันยายน 2550 ณ จังหวัดสงขลา โดยสาระสำคัญของการประชุม ฯ ที่ประชุม ฯ ได้พิจารณา ให้ความเห็นชอบต่อผลการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส ครั้งที่ 14 และมอบแนวทางการดำเนินงานเพิ่มเติม ได้แก่ การเร่งรัดเสริมสร้างความร่วมมือด้านพลังงาน โดยเฉพาะด้านก๊าซธรรมชาติ เชื้อเพลิงชีวภาพ และพลังงานทาง เลือกอื่น การเสริมสร้างความเชื่อมโยงระบบโลจิสติกส์ทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคมและกฎระเบียบ การ เชื่อมโยงการพัฒนาระหว่างไทย-มาเลเซีย ในแนวพื้นที่การพัฒนาเศรษฐกิจภาคเหนือ (Northern Corridor Econo mic Region : NCER) กับแผนพัฒนาเศรษฐกิจภาคใต้ของไทย การพัฒนาตามแนวพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ ระนอง-ภูเก็ต -อาเจห์ การส่งเสริมกิจกรรมในปี Visit IMT-GT Year 2008 แก่สภาธุรกิจ IMT-GT และเร่งรัดการเชื่อมโยงทาง อากาศในพื้นที่ และการส่งเสริมความร่วมมือด้านทรัพยากรมนุษย์ โดยเฉพาะด้านเคลื่อนย้ายแรงงาน กับเห็นชอบ ผลการประชุมระดับผู้ว่าราชการจังหวัดและมุขมนตรี ครั้งที่ 4 รวมทั้งเห็นชอบร่างคำแถลงการณ์ร่วมของผู้นำในการ ประชุมสุดยอด ครั้งที่ 3 โดยให้ฝ่ายเลขานุการระดับชาติสามประเทศจัดประชุมในเดือนตุลาคม 2550 เพื่อจัดทำ ร่างคำแถลงการณ์ร่วมของผู้นำให้แล้วเสร็จ และเห็นชอบโครงการศึกษาเพื่อเชื่อมโยงแนวพื้นที่เศรษฐกิจ IMT-GT และโครงการปรับปรุงฐานข้อมูล IMT-GT ทั้งนี้ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมการจัดประชุมระดับสุดยอด ครั้งที่ 3 ของแผนงาน IMT-GT ในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2550 ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ และให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผล การประชุมดังกล่าวโดยให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติประสานส่วนราชการดัง กล่าวต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3431 | รายงานผลการประชุมใหญ่ประจำปีองค์การแรงงานระหว่างประเทศ สมัยที่ 96 | รง | 16/10/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงแรงงานรายงานผลการประชุมใหญ่ประจำปีองค์การแรงงาน
ระหว่างประเทศ (International Labour Conference : ILC) สมัยที่ 96 ซึ่งจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 30 พฤษภาคม-15 มิถุนายน 2550 ณ นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยสาระสำคัญของการประชุมในครั้งนี้ ที่ประชุมรับทราบ การรายงานผลงานทางวิชาการของ ILO ได้แก่ รายงานระดับโลกเรื่อง ความเสมอภาคในการทำงาน : การจัดการ กับความท้าทาย รายงานเรื่อง การเสริมสมรรถนะขององค์การแรงงานระหว่างประเทศเพื่อให้สามารถช่วยให้ความ พยายามของประเทศสมาชิกบรรลุถึงวัตถุประสงค์ขององค์การ ภายใต้บริบทของโลกาภิวัฒน์ และรายงานเรื่อง การ ส่งเสริมความยั่งยืนของสถานประกอบการ รวมทั้งการรับรองอนุสัญญาฉบับใหม่คือ ฉบับที่ 188 ว่าด้วยการทำงาน ในภาคประมง มีสาระสำคัญคือ เพื่อช่วยเหลือแรงงานประมงให้ได้รับการปรับปรุงด้านความปลอดภัย และสุขภาพ อนามัยและการดูแลทางการแพทย์ระหว่างอยู่ในทะเล และกรณีเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บเมื่ออยู่บนฝั่ง ให้ได้รับการคุ้ม ครองตามสัญญาจ้าง และได้รับการคุ้มครองด้านการประกันสังคมเหมือนกับคนงานสาขาอื่น ๆ และข้อแนะฉบับที่ 199 ว่าด้วยการทำงานในภาคประมง มีสาระสำคัญคือ เพื่อปรับปรุงเงื่อนไขการทำงานของแรงงานภาคประมงทั้ง หญิงและชายทั่วโลก โดยมีการลงคะแนนเสียงรับรองให้ความเห็นชอบกับอนุสัญญา ฯ จำนวน 437 คะแนน ส่วนข้อ แนะ ฯ ได้รับการรับรองโดยมีคะแนนเสียงเห็นชอบจำนวน 443 คะแนน ทั้งนี้ ให้นำเรื่องการรับรองอนุสัญญาและ ข้อแนะดังกล่าวเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3432 | สรุปมติคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ประชาชนอยู่ดีมีสุข ครั้งที่ 4/2550 | นร | 16/10/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอดังนี้ รับทราบ
ผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ประชาชนอยู่ดีมีสุข ครั้งที่ 4/2550 เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2550 โดยที่ประชุมรับทราบผลการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ปี พ.ศ. 2550 ซึ่งอนุมัติโครงการ 101,449 โครงการ วงเงิน 6,900 ล้านบาท และได้โอนเงินลงพื้นที่แล้วทุกโครงการ และการดำเนินงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ ปี พ.ศ. 2551 และเห็นชอบแนวทางการปรับปรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการปี พ.ศ. 2551 ในกรอบแผน งาน 5 ด้าน ได้แก่ แผนงานสร้างการเรียนรู้ และความสามารถในการจัดการของชุมชน แผนงานกำหนดตำแหน่งการ พัฒนาอาชีพของชุมชนภายใต้ระบบและกลไกการตลาด แผนงานพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน แผนงานสนับสนุนชุมชนใน บทบาทรองรับความอ่อนแอของระบบครอบครัว และแผนงานดูแลความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง แวดล้อม รวมทั้งการให้จังหวัดจัดทำวิสัยทัศน์ และปรับระเบียบการจัดซื้อจัดจ้าง กับเห็นชอบเกณฑ์การจัดสรรเงินลง จังหวัดในปี พ.ศ. 2551 พร้อมทั้งการโอนเงินลงจังหวัดเป็น 2 รอบ รอบแรกจำนวน 10,000 ล้านบาท ภายในเดือน ตุลาคม 2550 และส่วนที่เหลือภายในเดือนมีนาคม 2551 และเห็นชอบให้กระทรวงมหาดไทยกำกับให้ผู้ว่าราชการ จังหวัดและนายอำเภอให้ความสำคัญกับแผนงานที่ 1 การสร้างการเรียนรู้และความสามารถในการจัดการของชุมชน รวมทั้งให้เชื่อมโยงกับบทบาทของกระทรวงศึกษาธิการในการสร้างกระบวนการเรียนรู้ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3433 | ร่างพระราชบัญญัติของกระทรวงกลาโหม รวม 5 ฉบับ | กห | 09/10/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอร่างพระราชบัญญัติของกระทรวงกลาโหม
รวม 5 ฉบับ ดังนี้ ร่างพระราชบัญญัติเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติเงิน เดือนและเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการทหาร พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จ บำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติ ฯ เป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยว กับอัตราเงินเดือนของข้าราชการทหารกรณีที่มีเวลาทวีคูณในส่วนของข้าราชการทหารชั้นผู้น้อย ทหารที่ทุพพลภาพ และทายาทของข้าราชการทหารที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจ พิจารณา โดยในการกำหนดอัตราเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งข้าราชการทหาร ให้คณะกรรมการพิจารณาเงิน เดือนแห่งชาติ รับไปพิจารณาดำเนินการตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ในการ ประชุมครั้งที่ 13/2550 เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2550 และให้การจัดการเกี่ยวกับบำเหน็จบำนาญข้าราชการทหาร ยังคงรวมอยู่ในกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) โดยให้กระทรวงการคลัง และกระทรวงกลาโหมพิจารณา แนวทางที่เหมาะสมและเป็นธรรม เพื่อเสนอในชั้นการตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ของสำนักงานคณะ กรรมการกฤษฎีกา พร้อมทั้งให้รับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรองฯ และความเห็นของส่วนราชการที่ เกี่ยวข้องไปประกอบการพิจารณาด้วย โดยในส่วนของคณะกรรมการกลั่นกรองฯ เห็นว่า การกำหนดอัตราเงินเดือน และเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการทหาร ควรพิจารณาในภาพรวม เพื่อให้ระบบค่าตอบแทนภาครัฐในภาพรวมมี ความเป็นธรรม สอดคล้องและยึดโยงทั้งระบบ รวมทั้งการกำหนดเงินค่าตอบแทนพิเศษและสวัสดิการ ควรให้สอด คล้องกับการได้รับสิทธิประโยชน์ของข้าราชการประเภทอื่นด้วย สำหรับการขอแยกจัดตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญ ข้าราชการทหารออกจากกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เห็นว่า ไม่มีความจำเป็น และหากแยกออกไป อาจทำให้การบริหารงานยากขึ้น และมีค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการสูงอันอาจทำให้ข้าราชการทหารได้รับสิทธิ ประโยชน์จากกองทุนน้อยกว่าที่จะได้รับจากการที่คงรวมอยู่ในกองทุน กบข. อย่างไรก็ดี หากการขอจัดตั้งกองทุนมี สาเหตุจากสูตรการคำนวณบำนาญ กระทรวงกลาโหมควรขอปรับปรุงแก้ไขกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญและกฎ หมายว่าด้วยกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการเพื่อให้ข้าราชการทุกประเภทได้รับประโยชน์จากการปรับปรุงแก้ไข กฎหมายเท่าเทียมกัน แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติ บัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3434 | ขอสนับสนุนความต้องการงบประมาณเร่งด่วนปีงบประมาณ 2550 สำหรับโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาพยาบาล โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ | นร | 09/10/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่ให้มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ดำเนินการ
โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาพยาบาลโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ตามความจำเป็นและเหมาะสมภายในวง เงินไม่เกิน 500,439,000 บาท ดังนี้ กรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วนจะต้องดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ให้ ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉิน หรือจำเป็น จำนวน 112.265 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพในการวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการ จำนวน 16.890 ล้านบาท เป็นการจัดหาครุภัณฑ์ 13 รายการ โครงการปรับปรุงห้องพักฟื้นพิเศษสำหรับผู้ป่วย อุบัติเหตุและฉุกเฉิน จำนวน 66 ล้านบาท เป็นการปรับปรุงพื้นที่ จำนวน 15 ล้านบาท และจัดหาครุภัณฑ์ทางการ แพทย์สำหรับผู้ป่วยอุบัติเหตุและฉุกเฉิน จำนวน 51 ล้านบาท และโครงการเพิ่มศักยภาพและประสิทธิภาพในการ จัดหาเลือดและเตรียมส่วนประกอบของเลือดสำหรับผู้ป่วยอุบัติเหตุและฉุกเฉิน จำนวน 29.375 ล้านบาท เพื่อจัดหา ครุภัณฑ์ จำนวน 16 รายการ สำหรับกรณีการเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาพยาบาล จำนวน 98.174 ล้านบาท ให้ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี ประกอบด้วย โครงการปรับพื้นที่บริการย้าย ผู้ป่วยมะเร็งออกจากพื้นที่เดิมเพื่อขยายพื้นที่ตรวจผู้ป่วยอุบัติเหตุและฉุกเฉิน จำนวน 40 ล้านบาท เพื่อดำเนินการ ปรับปรุงพื้นที่และจัดหาครุภัณฑ์ห้องตรวจผู้ป่วยฉุกเฉิน ครุภัณฑ์ประจำหอผู้ป่วย (Ambulatory Service) จำนวน 55 ล้านบาท และอัตรากำลังการรักษาพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับอุบัเหตุและฉุกเฉิน แพทย์ จำนวน 20 อัตรา และพยาบาล จำนวน 50 อัตรา จำนวน 3.174 ล้านบาท และกรณีการจัดตั้งศูนย์วินิจฉัยโรคด้วยระบบเทคโนโลยีชั้นสูง เป็นกรณี จัดหาครุภัณฑ์สำคัญช่วยในการวินิจฉัย บำบัดรักษา ทดแทนของเดิมที่เสื่อมสภาพ จำนวน 4 รายการ วงเงินทั้งสิ้น 290 ล้านบาท ได้แก่ เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ CT-SCAN 1 เครื่อง 60 ล้านบาท เครื่องตรวจด้วยสนามแม่เหล็ก MRI 1 เครื่อง 90 ล้านบาท เครื่องเอกซเรย์หลอดเลือด 2 ระบบ และระบบสร้างภาพ 3 มิติ 1 เครื่อง 95 ล้านบาท และเครื่องจำลองการฉายรังสีระบบ Digital 1 เครื่อง 45 ล้านบาท ทั้งนี้ เนื่องจากเป็นการจัดหาครุภัณฑ์ที่มีความ ซับซ้อน ราคาสูง และต้องมีการเตรียมการจัดหาและเตรียมสถานที่เพื่อรองรับครุภัณฑ์ดังกล่าว จึงเห็นควรให้ดำเนิน การในปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 โดยให้มหาวิทยาลัย ฯ ดำเนินการขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณในวง เงินทั้งสิ้น 290 ล้านบาท โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ให้ใช้จากเงินและรายได้และ/หรือปรับแผนการใช้จ่ายงบ ประมาณของมหาวิทยาลัย ฯ จำนวน 72.5 ล้านบาท และผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2552 จำนวน 217.5 ล้านบาท
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3435 | บริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) ขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ป่าไม้ในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เพื่อทำเหมืองแร่ ท้องที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก | อก | 09/10/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอการผ่อนผันให้บริษัท ผาแดงอินดัสทรี
จำกัด (มหาชน) ใช้พื้นที่ป่าไม้ในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ และ 1 บี เพื่อทำเหมืองแร่สังกะสีตามคำขอประทาน บัตรที่ 1/2546 และคำขอใบอนุญาตจัดตั้งสถานที่เพื่อการเก็บขังน้ำขุ่นข้นหรือมูลดินทรายนอกเขตเหมืองแร่ที่ 1/2546 และใบอนุญาตกิจกรรมเกี่ยวเนื่องที่ได้รับอนุญาตอยู่เดิมซึ่งร่วมโครงการทำเหมืองแร่เดียวกัน โดยให้ ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่กำหนดไว้ในการให้ความเห็นชอบกับรายงานการ วิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และที่เพิ่มเติมโดยคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ทั้งนี้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยว ข้องรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงคมนาคมที่ให้บริษัท ผาแดงอินดัสทรี ฯ ต้องดำเนิน การตามพระราชบัญญัติทางหลวง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2549 โดยเคร่งครัด และกำชับให้ผู้ประกอบการที่ใช้เส้น ทางสาธารณะดำเนินการตามประกาศของผู้อำนวยการทางหลวงชนบท โดยห้ามใช้ยานพาหนะที่มีน้ำหนัก น้ำ หนักบรรทุกหรือน้ำหนักลงเพลาเกินกว่าที่ได้กำหนด เดินบนทางหลวงชนบท เพื่อรักษาทางหลวงมิให้เสียหาย รวมทั้งความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้บริษัท ผาแดง อินดัสทรี ฯ ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวด ล้อมที่กำหนดไว้ในการให้ความเห็นชอบกับรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และที่เพิ่มเติมโดยคณะ กรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติอย่างเคร่งครัด และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันกำกับดูแลบริษัทในการเร่งฟื้น ฟูพื้นที่ที่ใช้ทำเหมืองและกิจกรรมเกี่ยวเนื่อง และพื้นที่ว่างในเขตใบอนุญาตต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำเหมือง ทั้งการปลูกต้นไม้เสริมสภาพป่า การปรับปรุงภูมิทัศน์ให้สวยงาม และการสนับสนุนในด้านต่าง ๆ เพื่อบรรเทา ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม การเกษตรกรรม และสุขภาพอนามัยของประชาชนในพื้นที่ เป็นต้น ไปพิจารณา ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3436 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการจัดหาเฮลิคอปเตอร์ ขนาด 15 ที่นั่ง (ทดแทน) จำนวน 2 ลำ ไว้ใช้ในภารกิจการรักษาความปลอดภัยการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ การป้องกันปราบปรามอาชญากรรม และการก่อการร้าย ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล และโครงการซ่อมบำรุงเฮลิคอปเตอร์ จำนวน 27 ลำ ไว้ใช้ในราชการ | ตช | 09/10/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับโครงการจัดหาเฮลิคอปเตอร์ ขนาด 15 ที่นั่ง (ทดแทน) จำนวน 2 ลำ ไว้ใช้ใน
ภารกิจการรักษาความปลอดภัย การช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ การป้องกันปราบปรามอาชญากรรม และการก่อการร้าย ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล และโครงการซ่อมบำรุงเฮลิคอปเตอร์ จำนวน 27 ลำ ไว้ใช้ในราชการ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเห็นว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับอนุมัติให้ก่อหนี้ผูก พันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 และ พ.ศ. 2551 ไว้แล้วจำนวน 13,269.02 ล้านบาท หากก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบ ประมาณเพิ่มขึ้นอีก จะทำให้มีภาระผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2552-พ.ศ. 2555 คิดเป็นสัดส่วนต่อรายจ่ายงบ ลงทุนประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คิดเป็นร้อยละ 90.50, 63.07, 51.33 และ 51.33 ตามลำดับ ซึ่งเกินหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 สิงหา คม 2541 (เรื่อง การปรับปรุงแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ และ มาตรการอื่นที่เกี่ยวข้อง) จึงให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณาทบทวนเรื่องนี้ และหากเห็นความจำเป็นในการ ดำเนินโครงการ ฯ ให้พิจารณาปรับแผนงานการดำเนินงานและแผนการจ่ายเงินโครงการที่ยังไม่มีความจำเป็นเร่ง ด่วนมาดำเนินการก่อน โดยให้หารือและขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3437 | การจัดหาทุนสำหรับกองทุนสนับสนุนการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ | กค | 09/10/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอเกี่ยวกับการจัดหาทุนสำหรับกอง
ทุนสนับสนุนการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาค ใต้ โดยหากเห็นสมควรกำหนดวัตถุประสงค์/ขอบเขตของการใช้จ่ายงบประมาณ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ให้สามารถดำเนินการเกี่ยวกับการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบให้กว้างขวางยิ่ง ขึ้น หรือหากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นสมควรปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการช่วยเหลือเยียวยาให้ยืด หยุ่น สอดคล้องกับสถานการณ์ในเรื่องอื่น ๆ เพิ่มขึ้น เพื่อให้การช่วยเหลือมีประสิทธิภาพ และตอบสนองแนวทาง การแก้ไขปัญหายิ่งขึ้น ให้เสนอคณะกรรการนโยบายและอำนวยการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากสถาน การณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กยต.) พิจารณาเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี และนอกจากการปรับปรุง หรือขยายขอบเขตวัตถุประสงค์ของการใช้จ่ายงบประมาณ งบกลางดังกล่าวแล้ว ในชั้นนี้ ควรจัดหารายได้เข้ากอง ทุน ฯ โดยการขอรับการบริจาคจากองค์กร ภาคส่วนต่าง ๆ และประชาชนเป็นการทั่วไป และพิจารณาจัดสรรเงิน งบประมาณรายจ่ายเพื่อสนับสนุนกองทุน ฯ ตามความเหมาะสมในปีงบประมาณต่อไป และให้กระทรวงมหาดไทย รับเรื่องนี้ไปพิจารณาดำเนินการโดยประสานกับสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (คณะกรรมการนโยบายและ อำนวยการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้) ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3438 | รายงานผลการพัฒนาระบบราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 - 2549 | นร | 02/10/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอรายงานผลการพัฒนาระบบราช
การประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547-2549 สรุปได้ดังนี้ การพัฒนาคุณภาพการให้บริการประชาชนที่ดีขึ้น ส่วน ราชการสามารถลดระยะเวลาในการปฏิบัติราชการลงได้ โดยเฉลี่ยร้อยละ 47.90 เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด ส่วนความพึงพอใจในคุณภาพการให้บริการของหน่วยงานภาครัฐของประชาชน โดยเฉลี่ยร้อยละ 76.61 ต่ำกว่า เป้าหมายเพียงเล็กน้อย แต่คาดว่าเมื่อสิ้นปี พ.ศ. 2550 จะสามารถยกระดับความพึงพอใจของประชาชนได้ตาม เป้าหมายที่กำหนดไว้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 ส่วนการปรับบทบาท ภารกิจ และขนาดของภาครัฐให้มีความเหมาะสม ปริมาณหรือจำนวนของภารกิจที่ไม่ใช่ภารกิจหลักของส่วนราชการ ลดลงร้อยละ 73 กฎหมายที่ไม่มีความจำเป็น หรือเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศได้รับการปรับปรุงแก้ไข หรือยกเลิก จำนวน 233 ฉบับ จำนวนข้าราช การลดลงร้อยละ 4.35 สำหรับการยกระดับขีดความสามารถและมาตรฐานการทำงานให้อยู่ในระดับสูงเทียบเท่า เกณฑ์สากล มีหน่วยราชการได้รับการรับรองคุณภาพมาตรฐานอย่างน้อย 1 กระบวนงานหลัก ร้อยละ 60 ข้า ราชการได้รับการพัฒนาขีดความสามารถตรงตามที่กำหนดไว้ร้อยละ 80 และส่วนราชการอย่างน้อยร้อยละ 80 ได้รับการพัฒนาการให้บริการหรือสามารถดำเนินงานในรูปแบบรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ ในส่วนของการเปิดระบบ ราชการให้สนองต่อการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ระดับความสำเร็จของการเปิดโอกาสให้ประชา ชนเข้ามามีส่วนร่วมอยู่ในระดับมาก ระดับความสำเร็จในการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณะอยู่ในระดับมากที่ สุด และร้อยละของปัญหาขัดแย้ง หรือกรณีพิพาทร้องเรียนระหว่างส่วนราชการกับประชาชน มีจำนวนลดลงหรือ ไม่มีปัญหาความขัดแย้งในระดับมากที่สุด และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป และให้สำนักงาน ก.พ.ร. เร่งรัดการจัดทำรายงานผลการพัฒนาระบบ ราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ให้แล้วเสร็จและนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรี มีข้อสังเกตว่า การพัฒนาระบบราชการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและการบริหารราชการ ส่วนภูมิภาคจะต้องดำเนินการให้เหมาะสม สอดคล้องสัมพันธ์กัน ลดช่องว่างในทางปฏิบัติ เพื่อให้การบริหารราช การแผ่นดินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3439 | การปรับอัตราค่าจ้างของลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ | รง | 02/10/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการการปรับอัตราค่าจ้างของลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ ตามมติคณะกรรมการ แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ครั้งที่ 10/2550 วันที่ 20 สิงหาคม 2550 ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ โดยรัฐวิสาหกิจ จำนวน 3 แห่ง ที่คณะรัฐมนตรีเคยมีมติให้สามารถกำหนดอัตราเงินเดือนค่าจ้าง ค่าตอบแทน และสวัสดิการต่าง ๆ เองได้ตามมาตรา 13(2) แห่งพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. 2543 ให้เป็นอำนาจของคณะกรรม การรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งเป็นผู้พิจารณา หากจะปรับค่าจ้างก็ให้ปรับได้ไม่เกินร้อยละ 4 ของอัตราค่าจ้างที่ได้รับตั้งแต่ วันที่ 1 ตุลาคม 2550 เป็นต้นไป โดยใช้เงินงบประมาณของรัฐวิสาหกิจนั้น ส่วนรัฐวิสาหกิจจำนวน 39 แห่ง ที่ใช้บัญชี โครงสร้างอัตราเงินเดือนค่าจ้าง 58 ขั้น ตามประกาศคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ให้ปรับค่าจ้างทุกตำแหน่งใน อัตราร้อยละ 4 ของอัตราค่าจ้างที่ได้รับ ยกเว้นตำแหน่งผู้บริหารและลูกจ้างระดับผู้บังคับบัญชา ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2550 เป็นต้นไป และรัฐวิสาหกิจจำนวน 14 แห่ง ที่ใช้บัญชีโครงสร้างอัตราเงินเดือนค่าจ้างเป็นของตนเอง ให้คณะ กรรมการ ฯ พิจารณาปรับค่าจ้างของลูกจ้างทุกตำแหน่งในอัตราไม่เกินร้อยละ 4 ของอัตราค่าจ้างที่ได้รับ ยกเว้น ตำแหน่งผู้บริหารและลูกจ้างระดับผู้บังคับบัญชา ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2550 เป็นต้นไป กรณีมีการปรับค่าจ้างแล้ว อัตราใดเกินอัตราขั้นสูงสุด ให้ถือว่าอัตรานั้นเป็นอัตราขั้นสูงสุดด้วย ทั้งนี้ การพิจารณาปรับอัตราค่าจ้างของลูกจ้าง รัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งให้คำนึงถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน รวมทั้งผลกระทบต่อต้นทุน และอัตราค่า บริการที่จะเกิดขึ้น รวมทั้งให้กระทรวงและรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นว่า การปรับ เพิ่มค่าจ้างดังกล่าวนั้นจะมีผลกระทบสูงต่อภาวะเศรษฐกิจ ระบบการจ้างงาน และความสามารถในการแข่งขันของ ประเทศ จึงเห็นควรให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณากำหนดนโยบายในการปรับค่าจ้างและค่าตอบแทนของพนัก งานลูกจ้างรัฐวิสาหกิจในโอกาสต่อไป ไปประกอบการพิจารณาด้วย และให้กระทรวงการคลังรับเรื่องนี้ไปพิจารณา ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางในการกำหนดเงินเดือนค่าจ้างของข้าราชการ ลูกจ้างรัฐวิสาหกิจใน ภาพรวมให้สอดคล้องและเกิดความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกประเภท แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3440 | การรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชน | พน | 02/10/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงพลังงานเสนอมติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ
(กพช.) ครั้งที่ 5/2550 (ครั้งที่ 114) เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2550 ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการ ฯ มีมติรับทราบ ผลความคืบหน้าการดำเนินงานตามนโยบายการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (IPP) ผู้ผลิตไฟฟ้า รายเล็ก (SPP) ผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (VSPP) และการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน และ เห็นชอบให้ผ่อนปรนการปฏิบัติตามเงื่อนไขคุณสมบัติ Cogeneration โดยระยะเวลาในการปรับปรุงแก้ไขบทปรับ ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าสำหรับ SPP ระบบ Cogeneration จากเดิมที่กำหนดไว้ถึงสิ้นปี พ.ศ. 2550 เป็นจนสิ้น สุดสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของผู้ผลิตไฟฟ้านั้น และเพิ่มบทปรับ จากเดิมร้อยละ 40 เป็นร้อยละ 50 โดยให้การไฟฟ้า ฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ดำเนินการแก้ไขสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ SPP ต่อไป กับเห็นชอบการกำหนด อัตราส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้าที่ให้เพิ่มเติมพิเศษสำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ใน 3 จังหวัดชาย แดนภาคใต้ ให้รวมถึงโครงการโรงไฟฟ้าเดิมที่ตั้งอยู่ใน 3 จังหวัดดังกล่าว โดยให้ กฟผ. และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ดำเนินการแก้ไขประกาศส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้าต่อไป รวมทั้งให้ยกเลิกเงื่อนไขการบังคับใช้ กรณีผู้ไม่มีสิทธิ์รับ ส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า ในประกาศการกำหนดส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้าสำหรับผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน "ข้อ ...ผู้ผลิตไฟฟ้าที่ได้รับการสนับสนุนเงินลงทุนในการผลิตไฟฟ้าตามนโยบายรัฐบาลในรูปแบบอื่นๆ แล้ว" และ "ข้อ ...ผู้ผลิตไฟฟ้าที่ได้รับการสนับสนุนในรูปแบบเงินสมทบการลงทุนผลิตไฟฟ้า (Investment Subsidy) จาก กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" โดยให้การไฟฟ้าดำเนินการแก้ไขต่อไป และให้ กฟผ. ปิดรับการยื่นข้อ เสนอขายไฟฟ้าของ SPP ระบบ Cogeneration ตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม 2550 เป็นต้นไป และให้พิจารณารับ ซื้อไฟฟ้าจากสัดส่วนการใช้ไอน้ำ กำหนดวันเริ่มต้นซื้อขายไฟฟ้า (SCOD) ตลอดจนความสามารถและความมั่นคง ของระบบไฟฟ้าที่จะรับได้ ตามเงื่อนไขที่กำหนดในระเบียบการรับซื้อไฟฟ้าจาก SPP
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
