ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 174 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 3461 - 3480 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 3461 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2550 ครั้งที่ 3 | กค | 24/07/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายและกำกับการบริหาร
หนี้สาธารณะเสนอดังนี้ อนุมัติการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ครั้งที่ 3 ประกอบด้วย แผนงานย่อย 4 แผนงาน ได้แก่ แผนการบริหารและจัดการเงินกู้ในประเทศของรัฐบาล แผนการบริหาร และจัดการเงินกู้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจ แผนการก่อหนี้จากต่างประเทศ และแผนการบริหารหนี้ต่างประเทศ โดย คงแผนงานย่อยเดิมไว้ 2 แผน ได้แก่ แผนการบริหารและจัดการเงินกู้เพื่อชดใช้ความเสียหายให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟู และพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) และแผนการบริหารเงินกู้เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงของระบบสถาบันการเงิน กับอนุมัติการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจและให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน รวมทั้งวิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และ รายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน และหรือการค้ำประกันเงินกู้ภายใต้แผนที่ปรับปรุงในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะ สมและจำเป็น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3462 | การขออนุมัติรับจัดสรรงบประมาณเพื่อการปรับเพิ่มค่าใช้จ่ายในการจ้างพนักงานมหาวิทยาลัย | ศธ | 17/07/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สถาบันอุดมศึกษาที่เป็นส่วนราชการและมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐได้รับจัด
สรรงบประมาณเพื่อการปรับเพิ่มค่าใช้จ่ายในการจ้างพนักงานมหาวิทยาลัยในอัตราร้อยละ 4 โดยใช้หลักการตาม แนวทางเดียวกับการปรับปรุงค่าตอบแทนภาคราชการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2550 (เรื่อง การ ปรับปรุงค่าตอบแทนภาคราชการ) ในส่วนของงบประมาณสำหรับใช้จ่ายเพื่อการนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ให้ กระทรวงศึกษาธิการเสนอขอแปรญัตติเพิ่มงบประมาณรายจ่ายต่อคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบ ประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ 2551 ตามขั้นตอนต่อไป สำหรับการปรับปรุงค่าตอบแทนการจ้างพนัก งานมหาวิทยาลัยให้สัมพันธ์กับการปรับปรุงค่าตอบแทนภาคราชการในโอกาสต่อไป นั้น ให้กระทรวงศึกษาธิการ ดำเนินการเพื่อขอจัดสรรเป็นคราว ๆ ไป ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2548 (เรื่อง มาตรการ ปรับค่าตอบแทนภาคราชการปีงบประมาณ พ.ศ. 2549) |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3463 | การปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการอำนวยการโครงการหมู่บ้านสหกรณ์ ห้วยสัตว์ใหญ่ หุบกะพง ดอนขุนห้วย หนองพลับกลัดหลวง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และจังหวัดเพชรบุรี | พม | 17/07/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอการปรับปรุงองค์
ประกอบคณะกรรมการอำนวยการโครงการหมู่บ้านสหกรณ์ห้วยสัตว์ใหญ่ หุบกระพง ดอนขุนห้วย หนองพลับกลัด หลวง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์และจังหวัดเพชรบุรี ดังนี้ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นรองประธานกรรมการ อำนวยการ และอธิบดีกรมธนารักษ์ เป็นกรรมการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3464 | การดำเนินนโยบายและยุทธศาสตร์ด้านสังคมอันสืบเนื่องจากการอภิปรายในสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อจากการแถลงผลการดำเนินงานของรัฐบาล เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2550 | นร | 10/07/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ที่มีมติเกี่ยวกับ
เรื่อง การดำเนินนโยบายและยุทธศาสตร์ด้านสังคมอันสืบเนื่องจากการอภิปรายในสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อจาก การแถลงผลการดำเนินงานของรัฐบาล เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2550 โดยคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ มีประเด็น เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาดังนี้ เรื่องคุณธรรมถือเป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญของรัฐบาล ซึ่งควรมีการบูรณาการ ร่วมกันของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง โดยมีกระทรวงศึกษาธิการเป็นเจ้าภาพหลัก ขณะเดียวกันกระทรวงอื่น ๆ ก็ได้ มีการดำเนินการในเรื่องนี้ ซึ่งคณะรัฐมนตรีก็ได้มีมติอนุมัติหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการส่ง เสริมคุณธรรมแห่งชาติ พ.ศ. .... ไปแล้ว ซึ่งจะช่วยให้เกิดการขับเคลื่อนคุณธรรมได้อย่างมีประสิทธิผลและประสิทธิ ภาพ และจะส่งผลต่อเนื่องไปถึงเรื่องธรรมาภิบาลด้วย สำหรับยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขควรหมายรวมไปถึงเรื่องสุขภาพ สุขภาวะ และอนามัยด้วย และส่งเสริมให้มีการบูรณาการแผนงานและงบประมาณการทำงานของหน่วยงานต่าง ๆ จากส่วนกลาง ที่ลงไปสู่จังหวัดและท้องถิ่น โดยให้กระทรวงและหน่วยงานต่าง ๆ แจ้งแผนงาน/โครงการ และงบ ประมาณลงไปสู่จังหวัดและท้องถิ่นให้จังหวัดทราบ เพื่อให้จังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และชุมชนได้ ร่วมกันพิจารณาหารือเกี่ยวกับแผนงาน/โครงการ และงบประมาณดังกล่าว ว่าสมควรปรับปรุงแผนงาน/โครงการ หรือไม่ ประการใด เพื่อให้ตรงกับความต้องการของประชาชนในเขตพื้นที่ได้มากที่สุด ซึ่งอาจเริ่มดำเนินการในปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2551 ทั้งนี้ อาจมอบหมายให้รัฐมนตรีรับผิดชอบดูแลยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขท่านละ 2-3 จังหวัด และ ในช่วงระยะเวลาที่เหลืออยู่ของรัฐบาล ควรมีการศึกษาถึงนโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาลทั้ง 5 ด้าน ว่าการดำเนินงาน ตามนโยบาย ได้ดำเนินงานไปแล้วเกิดผลอย่างไร ควรมีการปรับปรุงแก้ไข อย่างไร หรือไม่ และมีเรื่องใดสมควร กำหนดเป็นนโยบายเพื่อดำเนินการต่อไปในอนาคตโดยอาจจัดให้มีการระดมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนของราช การและเอกชน โดยเบื้องต้นมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นเจ้า ของเรื่องร่วมกับสำนักงานพัฒนานโยบายสาธารณะ ส่วนการดำเนินการอาจจ้างมหาวิทยาลัยศึกษาวิจัยในเรื่องดัง กล่าว ทั้งนี้ อาจขอให้สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอข้อแนะนำเรื่องดังกล่าวอีกทางหนึ่งด้วยเสนอ คณะรัฐมนตรีพิจารณา และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับประเด็นอภิปรายดังกล่าวไปพิจารณาดำเนินการ ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3465 | แนวทางการแก้ไขข้อขัดข้องและอุปสรรคในการดำเนินการเขตปลอดอากรที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ | คค | 10/07/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมรายงานสรุปผลการประชุมหารือเกี่ยวกับแนวทาง
การแก้ไขข้อขัดข้องและอุปสรรคในการดำเนินการเขตปลอดอากรที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระหว่างกระทรวง คมนาคมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สรุปได้ว่า ให้มีการเพิ่มพื้นที่คลังสินค้านำเข้าและส่งออกปกติในบริเวณพื้นที่ ด้านข้างของคลังสินค้าของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัท บางกอกไฟล์ทเซอร์วิส จำกัด โดยให้ คงพื้นที่เขตปลอดอากรอย่างเช่นที่เป็นอยู่ในปัจจุบันเพื่อรองรับสินค้าที่จะนำมาเพิ่มมูลค่าที่อาจจะมีปริมาณเพิ่ม ขึ้นในอนาคต และให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) จัดระบบการจราจรภายในและโดยรอบพื้นที่ คลังสินค้า รวมถึงจัดสรรพื้นที่จอดรถเพื่อให้สอดคล้องกับการบริหารจัดการพื้นที่คลังสินค้าดังกล่าว ส่วนคลัง สินค้าสำหรับนำเข้าส่งออกปกติ เนื่องจากยังสามารถรองรับการขนถ่ายสินค้าเน่าเสียง่ายหรือสินค้าเกษตรได้ อยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องสร้าง Perishable Center ขึ้นมาใหม่อีก และในระหว่างดำเนินการปรับปรุงพื้นที่ จัดระเบียบจราจร และแก้ไขระเบียบขั้นตอนต่าง ๆ ให้แล้วเสร็จนั้น ให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย ฯ บริหารจัด การคลังสินค้าอย่างที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันเพื่อเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3466 | ผลการดำเนินงานโครงการพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้านการเกษตร | กษ | 03/07/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลผลการดำเนินงานโครงการสำคัญในพื้นที่จังหวัดชายแดน
ภาคใต้ ปี พ.ศ. 2550 ในภาพรวมสรุปได้ดังนี้ (1) การพัฒนาและส่งเสริมการผลิตยางพารา ได้ดำเนินโครงการ เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตยางพาราในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และดำเนินโครงการจัดตั้งตลาดกลางยาง พาราจังหวัดยะลา เพื่อเป็นศูนย์กลางการรับซื้อขายยางพารา และสร้างเครือข่ายตลาดกลางในพื้นที่ 3 จังหวัด ชายแดนภาคใต้ เป็นต้น (2) การพัฒนาอาชีพด้านปศุสัตว์ ได้ดำเนินกิจกรรมพัฒนาอาชีพและการสร้างรายได้ ให้กับชุมชน โดยได้ติดตามให้คำแนะนำด้านวิชาการควบคู่กับการสนับสนุนวัสดุที่จำเป็นแก่กลุ่มผู้เลี้ยงสัตว์ การ ถ่ายทอดเทคโนโลยีให้เกษตรกร รวมทั้งพัฒนาศักยภาพและความเข้มแข็งในการผลิตปศุสัตว์ เป็นต้น (3) การ พัฒนาอาชีพด้านประมง ได้ดำเนินโครงการพัฒนาอาชีพด้านประมง โครงการสร้างแหล่งอาศัยสัตว์ทะเล (ปะกา รังเทียม) โครงการควบคุมการทำประมง และโครงการเฝ้าระวังทรัพยากรชายฝั่ง (4) โครงการส่งเสริมการปลูก ปาล์มน้ำมัน โดยดำเนินการส่งเสริมการปลูกปาล์มน้ำมันในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และก่อสร้างโรงงาน สกัดน้ำมันปาล์ม ขนาด 45 ตันทะลายต่อชั่วโมง เป็นต้น (5) การปรับปรุงคุณภาพผลไม้ลองกอง โดยส่งเสริม และเตรียมความพร้อมของเกษตรกรให้ปฏิบัติต่อสวนลองกองตามระบบเกษตรกรที่ดีเหมาะสม (GAP) ฝึกอบรม เกี่ยวกับการจัดการทรงพุ่มในการเตรียมความพร้อมของลองกอง การจัดการช่อดอก ช่อผลในการเพิ่มคุณภาพ ผลผลิตลองกอง ตลอดจนสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมให้ดำเนินการรณรงค์ปรับปรุงคุณภาพผลผลิตลองกอง และการเตรียมความพร้อมของกรรมการบริหารศูนย์คัดแยกผลไม้ชุมชน เป็นต้น และ (6) การเจรจากับรัฐบาล ประเทศอินโดนีเซีย เรื่อง การขอใบอนุญาตให้ผู้ประกอบการประมงไทยเข้ามาทำประมงในน่านน้ำอินโดนีเซีย เพื่อให้ปริมาณสัตว์น้ำขึ้นท่าเรือปัตตานีและนราธิวาสมีปริมาณเพียงพอกับความต้องการของโรงงานแปรรูปสัตว์ น้ำในจังหวัดชายแดนภาคใต้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3467 | สรุปมติคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ประชาชนอยู่ดีมีสุข | นร | 03/07/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
มติคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ประชาชนอยู่ดีมีสุข ในการประชุมครั้งที่ 3/2550 วันที่ 29 มิถุนายน 2550 ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้จัดสรรงบประมาณจำนวน 2,000 ล้านบาทลงสู่จังหวัดต่าง ๆ ด้วยหลักเกณฑ์เดิมที่ร้อย ละ 60 จัดสรรให้เท่ากันทุกจังหวัด ร้อยละ 10 จัดสรรให้ตามจำนวนประชากร ร้อยละ 15 จัดสรรตามเกณฑ์ จปฐ. และร้อยละ 15 จัดสรรตามความผกผันของรายได้ต่อหัว และให้ปรับปรุงแผนงานที่ 5 จากเดิมแผนงานบริการความ รู้ขั้นพื้นฐาน เป็น แผนงานสร้างการเรียนรู้ เพื่อให้สามารถสนับสนุนกระบวนการจัดทำแผนชุมชน และให้ดำเนิน การตามประกาศคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ประชาชนอยู่ดีมีสุข พ.ศ. 2550 และขยายระเบียบกระทรวง มหาดไทยว่าด้วยการบริหารงบประมาณและการใช้จ่ายเงินสำหรับการดำเนินโครงการภายใต้แผนงานยุทธศาสตร์ อยู่ดีมีสุขระดับจังหวัด พ.ศ. 2550 ให้ครอบคลุมวงเงิน 2,000 ล้านบาท สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ตาม กรอบวงเงิน 15,000 ล้านบาท เห็นชอบในการปรับปรุงหลักการ วัตถุประสงค์ โดยเป็นการสนับสนุนกระบวนการ พัฒนาที่เน้น 2 แนวทาง คือ แนวทางในการพัฒนาศักยภาพและโอกาสในการสร้างรายได้ และแนวทางในการยก ระดับคุณภาพชีวิต และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของชุมชน รวมทั้งเห็นชอบใน 4 กรอบแผนงาน พัฒนาอาชีพตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง แผนงานพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน แผนงานฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ ของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และแผนงานสนับสนุนชุมชนดูแลผู้ด้อยโอกาส เด็กและผู้สูงอายุ โดยปรับ กรอบแผนงานที่ 5 จากเดิมแผนงานบริการความรู้ขั้นพื้นฐาน เป็น แผนงานสร้างการเรียนรู้ โดยให้จัดสรรเงินเป็น 3 งวด งวดแรกร้อยละ 50 งวดที่ 2 และงวดที่ 3 ร้อยละ 25 โดยให้กันเงินไว้ร้อยละ 1 เพื่อใช้ในการบริหารจัดการ โครงการและเกณฑ์การจัดสรรเงินและการปรับระเบียบการเบิกจ่าย เพื่อให้การดำเนินการของโครงการโดยรัฐบาล มีความคล่องตัวยิ่งขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3468 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรี 6 ประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ครั้งที่ 14 (GMS Ministerial Meeting) | นร | 03/07/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม (นายปิยะบุตร ชลวิจารณ์) หัวหน้า
คณะผู้แทนไทยในการประชุมระดับรัฐมนตรี 6 ประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ครั้งที่ 14 (GMS Ministerial Meeting) เสนอ ดังนี้ รับทราบผลการประชุมระดับรัฐมนตรี 6 ประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ครั้งที่ 14 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-21 มิถุนา ยน 2550 ณ ธนาคารพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ โดยวัตถุประสงค์การประชุมเพื่อ พิจารณาให้ความเห็นชอบยุทธศาสตร์และโครงการลำดับความสำคัญสูงของ 9 สาขาความร่วมมือ ได้แก่ คมนาคม ขนส่ง โทรคมนาคม พลังงาน การอำนวยความสะดวกการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว เกษตร การพัฒนาทรัพยา กรมนุษย์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และพิจารณาให้ความเห็นชอบผลจากการศึกษาทบทวนกลางรอบ ของกรอบความร่วมมือ (Midterm Review) และให้ข้อเสนอแนะเพื่อเป็นแนวทางการปรับปรุงการดำเนินงานกรอบ ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอนุภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Greater Mekong Subregional Economic Cooperation, GMS) ในระยะต่อไป และการกำหนดแนวทางการทำงานและการระดมทุนร่วมกับองค์กรและประเทศผู้ให้ความช่วยเหลือ การพัฒนา และภาคเอกชน และรับทราบกำหนดการประชุมระดับผู้นำ 6 ประเทศลุ่มแม่น้ำโขง (GMS Summit) ครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 30-31 มีนาคม 2551 ณ กรุงเวียงจันทน์ สปป.ลาว รวมทั้งเห็นชอบการดำเนินงานในระยะ เร่งด่วนเพื่อสนับสนุนกรอบความร่วมมือ GMS ทั้งนี้ ในการเร่งรัดการดำเนินงานความตกลงขนส่งข้ามพรมแดน (Cross Border Transport Agreement : CBTA) ให้กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงการคลังประสานกับ กระทรวงคมนาคม และให้รับความเห็นของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาด้วยว่า จะมีกลไก/แนวทางใดที่จะทำให้การ ดำเนินงานของฝ่ายไทยทั้งในส่วนของกรอบความร่วมมือต่าง ๆ และคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องสามารถประสาน เชื่อมโยงในการพิจารณาตัดสินใจให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันมากยิ่งขึ้น และไม่เกิดความซ้ำซ้อนกันในระดับยุทธ ศาสตร์ (strategy) ระดับภาคส่วน (sector) และระดับแผนงาน/โครงการ (program/project) โดยให้สำนักงาน คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รับไปศึกษาและพิจารณาภาพรวมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยว ข้อง แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3469 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากร ตามมาตรา 12 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 (การปรับปรุงโครงสร้างพิกัดอัตราศุลกากรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน) | กค | 03/07/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง
การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากร ตามมาตรา 12 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 มี สาระสำคัญคือ ปรับปรุงโครงสร้างพิกัดอัตราศุลกากรปัจจัยการผลิต โดยยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับปัจจัยการผลิต ที่ปัจจุบันไม่สามารถผลิตได้ในประเทศ จำนวน 126 ประเภทย่อย ปรับลดอัตราอากรขาเข้าให้เท่ากับอัตราอากร ตามโครงสร้างการผลิตที่กระทรวงการคลังกำหนด คือ ร้อยละ 5 และร้อยละ 10 ขยายระยะเวลาการปรับลดอัตรา อากรขาเข้าเหล็กแผ่นชนิดทีเอ็มบีพีในอัตราร้อยล ะ 1 ต่อไปอีกจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2551 รวมทั้งปรับเพิ่ม อัตราอากรขาเข้ากระจกสะท้อนแสงและกระจกฉนวนความร้อน เป็นร้อยละ 5 และร้อยละ 10 และปรับเพิ่มอัตรา อากรขาเข้ากระจกโฟลตเฉพาะที่มีความหนาไม่เกิน 5 มิลลิเมตร จากร้อยละ 5 เป็นร้อยละ 20 จำนวน 2 ประเภท ย่อย เพื่อแก้ไขปัญหากระจกที่นำเข้าจากจีนราคาถูก และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุ บัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3470 | ร่างพระราชบัญญัติบัตรประจำตัวประชาชน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 26/06/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงมหาดไทยรับข้อสังเกตของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 1) เกี่ยวกับ
ร่างพระราชบัญญัติบัตรประจำตัวประชาชน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ในประเด็นเกี่ยวกับการกำหนดให้ผู้มีสัญชาติไทย ต้องมีบัตรประจำตัวประชาชนตั้งแต่แรกเกิด การกำหนดโทษเฉพาะกรณีของผู้ถือบัตรซึ่งมีอายุตั้งแต่สิบห้าปีที่ไม่ อาจแสดงบัตรได้ รวมทั้งการปรับปรุงพระราชบัญญัติประจำตัวประชาชน พ.ศ. 2526 ทั้งฉบับเพื่อให้เหมาะสมกับ สภาวการณ์ในปัจจุบัน ไปพิจารณา แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง โดยให้รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี ไปพิจารณาด้วยว่า การพิมพ์ลายนิ้วมือเพื่อเก็บข้อมูลเกี่ยวกับการพิสูจน์ตัวบุคคลในการจัดทำทะเบียนประวัติ นั้น ปัจจุบันส่วนราชการปฏิบัติแตกต่างกัน สมควรพิจารณาให้ใช้ระบบเดียวกันเพื่อความสะดวกในการเชื่อมโยงข้อมูล และการกำหนดให้ทำบัตรประชาชนภายในหนึ่งปีนับแต่วันเกิดตามมาตรา 6 (2) ในขณะที่กำหนดให้บัตรประจำ ตัวประชาชนมีอายุ 10 ปี อาจมีปัญหาเกี่ยวกับรูปถ่าย เพราะเด็กทารกที่อายุน้อย ใบหน้าจะเปลี่ยนแปลงมากและ ตรวจสอบได้ยาก
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3471 | การทบทวนหลักการในการปรับปรุงพระราชบัญญัติภาพยนตร์ พุทธศักราช 2473 และร่างพระราชบัญญัติกองทุนส่งเสริมภาพยนตร์ พ.ศ. .... | วธ | 26/06/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ อนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ที่มีมติ
มอบให้ประธานคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 รับประเด็น เรื่อง ความรับผิดชอบเกี่ยว กับการอนุญาตและการประกอบธุรกิจบริการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยว่า ควรให้กระทรวงการ ท่องเที่ยวและกีฬา หรือกระทรวงวัฒนธรรมเป็นผู้รับผิดชอบ ไปหารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว และกีฬาและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเพื่อหาข้อยุติแล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยหากข้อยุติเป็นไป ตามข้อเสนอของกระทรวงวัฒนธรรมเห็นควรให้ความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ. .... ที่ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พิจารณา ก่อนนำเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป และหากข้อยุติเป็นไปตามข้อเสนอของกระทรวงการ ท่องเที่ยวและกีฬา เห็นควรอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยให้รับผลการประชุมหารือไปประกอบการพิจารณาแก้ไขร่างพระราชบัญญัติด้วย แล้ว ส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนนำเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อ ไป และเห็นชอบข้อยุติตามผลการหารือร่วมกันในเรื่องความรับผิดชอบเกี่ยวกับการอนุญาตและการประกอบธุรกิจ บริการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย ดังนี้ ปรับเปลี่ยนองค์ประกอบของคณะกรรมการภาพยนตร์ และวีดิทัศน์แห่งชาติ ตามร่างมาตรา 7 เป็น รองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมาย เป็นประธานกรรมการ รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นรองประธานกรรมการ ปลัด กระทรวงวัฒนธรรม เป็นเลขานุการ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่อง เที่ยวและกีฬา เป็นผู้รักษาการร่วมตามร่างพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ. .... ให้กระทรวงวัฒนธรรม รับผิดชอบการสร้างภาพยนตร์ไทย การตรวจพิจารณาภาพยนตร์ทุกประเภทก่อนฉายตามโรงภาพยนตร์และในที่ สาธารณะต่าง ๆ และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับผิดชอบการอนุญาตและการประกอบธุรกิจบริการถ่าย ทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย โดยส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง แล้ว ให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อ ไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3472 | การปรับปรุงการอุดหนุนการศึกษาเอกชน | ศธ | 26/06/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ที่มีมติอนุมัติ หลักการการปรับปรุงการอุดหนุนการศึกษาเอกชน ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยให้ปรับแนวทางการนำเงิน สมทบเป็นเงินเดือนครูเหลือเพียงกรณีปรับเพิ่มในอัตราเดียวกันทุกครั้งที่มีการปรับเพิ่มเงินเดือนข้าราชการกรณีเดียว ตามประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ส่วนงบประมาณเพื่อการนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการขอทำความ ตกลงกับสำนักงบประมาณตามความเหมาะสมและจำเป็นต่อไป และให้กระทรวงศึกษาธิการรับประเด็นอภิปรายและ ความเห็นและข้อสังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย โดยในส่วนของประเด็นอภิปราย คณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ เห็นว่า กรณีการอุดหนุนเป็นเงินรายหัวนักเรียนเพิ่มเติมแก่โรงเรียนเอกชนขนาดเล็กที่มี นักเรียนไม่เกิน 120 คนนั้น ควรมีการติดตามประเมินผลอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อเน้นให้โรงเรียนเหล่านั้นได้มีการปรับ ปรุงคุณภาพการศึกษาได้มาตรฐานและมีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีมีความเห็นว่า หากงบ ประมาณที่ได้รับการจัดสรรไว้ตามร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ไม่เพียง พอ ให้กระทรวงศึกษาธิการประสานสำนักงบประมาณพื่อเสนอขอแปรญัตติงบประมาณเพิ่มเติมต่อคณะกรรมาธิการ วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ตามขั้นตอนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3473 | แนวทางการพัฒนาระบบการขนส่งสู่การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน | คค | 26/06/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมรายงานผลการดำเนินการตามแนวทางการพัฒนา
ระบบการขนส่งสู่การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนที่ได้ดำเนินการในช่วงเวลาของรัฐบาลชุดนี้ เช่น การสนับสนุนการ พัฒนาระบบการจัดการขนส่งสินค้าและบริการ (โลจิสติกส์) โดยส่งเสริมการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ เพื่อให้มี ประสิทธิภาพ ตรงต่อเวลา และลดต้นทุน การบริหารโครงการระบบขนส่งมวลชนทางรางในกรุงเทพมหานครและ ปริมณฑล เพื่อแก้ไขปัญหาจราจรและเพิ่มประสิทธิภาพในการเดินทาง รวมทั้งการนำสิ่งที่มีอยู่แล้วมาใช้ประโยชน์ ให้มากขึ้น เช่น ท่าอากาศยานดอนเมือง การผลักดันระบบสนับสนุนบริการเชิงสังคม (Public Service Obligations : PSO) การส่งเสริมรถขนส่งสาธารณะให้ใช้ก๊าซธรรมชาติเพื่อลดมลพิษและประหยัดน้ำมัน การปรับปรุงกฎหมาย เพื่อพัฒนาการขนส่ง การปรับระบบบริหารโครงการลงทุนให้เป็นไปตามขั้นตอนมีความโปร่งใส ยึดหลักจริยธรรม และการสนับสนุนความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น โครงการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 3
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3474 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณเพื่อเช่ารถยนต์บรรทุกอเนกประสงค์ (ขนาด 3 ตัน) ขนาด 24 ที่นั่ง จำนวน 659 คัน ไว้ใช้ในภารกิจบรรทุกผู้ต้องหา บรรทุกกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมอาวุธในการปฏิบัติหน้าที่พิเศษฯ และเช่ารถยนต์บรรทุก (ขนาด 3 ตัน 6 ล้อ) พร้อมติดตั้งอุปกรณ์กวาดเรือใบและเครนยกรถ ฯ จำนวน 41 คัน ใช้ในภารกิจป้องกันปราบปรามอาชญากรรม และการก่อการร้ายในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล | ตช | 19/06/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอโครงการเช่ารถยนต์บรรทุกอเนก
ประสงค์ (ขนาด 3 ตัน) ขนาด 24 ที่นั่ง พร้อมอุปกรณ์ ไซเรน ไฟแดง และวิทยุสื่อสาร จำนวน 659 คัน เพื่อใช้ ในภารกิจบรรทุกผู้ต้องหา บรรทุกกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมอาวุธในการปฏิบัติหน้าที่พิเศษ บรรทุกกลุ่มผู้ชุมนุม ประท้วงหรือก่อเหตุความไม่สงบ และสนับสนุนภารกิจการรักษาความปลอดภัยในการจัดการเลือกตั้งปี พ.ศ. 2550 และเช่ารถยนต์บรรทุกอเนกประสงค์ (ขนาด 3 ตัน 6 ล้อ) พร้อมติดตั้งอุปกรณ์กวาดเรือใบบนถนนและเครนยก รถ ฯ จำนวน 41 คัน ไว้ใช้ในภารกิจการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและการก่อการร้ายในพื้นที่ 3 จังหวัด ชายแดนภาคใต้ ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ระยะเวลาการเช่าตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2550 ถึง 30 กันยายน 2555 (จำนวน 5 ปี 3 เดือน) อัตราค่าเช่าเดือนละ 31,400 บาทต่อคัน จำนวน 63 เดือน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,384,740,000 บาท โดยในส่วนของจำนวนรถยนต์บรรทุกอเนกประสงค์ (ขนาด 3 ตัน 6 ล้อ) พร้อมติดตั้ง อุปกรณ์กวาดเรือใบบนถนนและเครนยกรถนั้น ให้เช่าเพิ่มจากจำนวนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอไว้จำนวน 41 คัน เป็นจำนวน 51 คัน โดยให้สำนักงบประมาณและสำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกันปรับลดจำนวนรถขนผู้ต้องหา เพื่อให้งบประมาณโดยรวมเป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ สำหรับระยะเวลาการเช่ารถยนต์ทั้งหมดให้ ดำเนินการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2541 (เรื่อง การปรับปรุงแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ และมาตร การอื่นที่เกี่ยวข้อง) ทั้งนี้ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณก่อนดำเนิน การต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3475 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเรื่อง การศึกษาความเหมาะสมในการใช้ประโยชน์ท่าอากาศยานกรุงเทพ (ดอนเมือง) เพื่อให้บริการสายการบินต่างชาติและสายการบิน Low Cost Carriers | คค | 12/06/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมรายงานผลการศึกษาความเหมาะสมในการใช้ประโยชน์ ท่าอากาศยานกรุงเทพ (ดอนเมือง) เพื่อให้บริการสายการบินต่างชาติ และสายการบิน Low Cost Carriers ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) ซึ่งผลการศึกษา เห็นว่าควรให้มีการจัดทำแผนการใช้ประโยชน์ท่าอากาศ ยานกรุงเทพ (ดอนเมือง) และแผนการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่แสดงถึงแผนการปรับปรุงซ่อมแซมท่าอากาศ ยานสุวรรณภูมิ และแนวทางการจัดการปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม แผนการบริหารจัดการท่าอากาศยานทั้งสองในลักษณะ Dual airport ให้อยู่ในรูปแผนปฏิบัติการไว้ด้วย โดยกำหนดระยะเวลาดำเนินการ หน่วยงานรับผิดชอบ งบประมาณ และตัวชี้วัดที่ชัดเจน และเนื่องจาก ทอท. ได้จ้างผู้เชี่ยวชาญองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization : ICAO) เพื่อศึกษาทบทวนแผนแม่บทการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยาน กรุงเทพ (ดอนเมือง) จึงได้เพิ่มการศึกษาความเหมาะสมในการใช้ประโยชน์ท่าอากาศยานกรุงเทพ (ดอนเมือง) เพื่อให้ บริการสายการบินต่างชาติและสายการบิน Low Cost Carriers สำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศเป็นส่วนหนึ่งในขอบ เขตการศึกษาทบทวน ฯ ด้วย คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 2550
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3476 | การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการจ่ายเงินไม่ถูกต้องตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง | นร | 12/06/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอดังนี้ ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีวันที่
14 ตุลาคม 2506 เรื่อง การสะสางการจ่ายเงินผิดระเบียบ และวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2522 เรื่อง การเสนอความเห็น เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี และเห็นชอบแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการจ่ายเงินไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้อง ซึ่งคงหลักการของมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวไว้ และได้ปรับปรุงข้อความตามข้อเสนอของสำนัก งบประมาณในส่วนของการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการจ่ายเงินไม่ถูกต้องตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยว ข้องของส่วนราชการต่าง ๆ สมควรให้คณะกรรมการประสานงานระหว่างหน่วยราชการทางการเงินพิจารณาผ่อนผัน เว้นแต่เป็นเรื่องที่เกินอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการประสานงาน ฯ จึงให้เสนอคณะรัฐมนตรีโดยมีความเห็นชอบ คณะกรรมการประสานงาน ฯ ประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี พร้อมทั้งแก้ไขข้อความให้เป็นปัจจุบัน จากข้อ ความว่า "การทำงานล่วงเวลา" แก้ไขเป็น "การปฏิบัติงานนอกเวลาราชการ" เพื่อให้สอดคล้องกับระเบียบกระทรวง การคลัง ว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินตอบแทนการปฏิบัติงานนอกเวลาราชการ พ.ศ. 2550
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3477 | คณะกรรมการนโยบายและพัฒนาสับปะรดแห่งชาติ | กษ | 12/06/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอการปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจ
หน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาสับปะรดแห่งชาติ โดยปรับลดองค์ประกอบของคณะกรรมการ ฯ จาก เดิม 26 คน เหลือ 21 คน มีรองนายกรัฐมนตรี (นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม) เป็นประธานกรรมการ และเลขา ธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เป็นเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่กำหนดนโยบายในการพัฒนาและแก้ไขปัญหา สับปะรดของประเทศ สนับสนุนการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์สับปะรด สั่งการและหารือประสานงานหน่วยงาน ต่าง ๆ เพื่อการสนับสนุนนโยบายของคณะกรรมการ ฯ ติดตามการดำเนินงานยุทธศาสตร์สับปะรด และรายงาน ให้คณะรัฐมนตรีรับทราบ รวมทั้งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ หรือคณะทำงานได้ตามความจำเป็น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3478 | การปรับปรุงองค์ประกอบกรรมการในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ จำนวน 5 ราย (1. นายสมศักดิ์ บุญทองฯ) | ทส | 12/06/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอการปรับปรุงองค์ประกอบ
กรรมการในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ โดยให้กรรมการอื่นออกจากตำแหน่ง จำนวน 4 คน ได้แก่ นายอรัญ เพิ่มพิบูลย์ พันเอก (พิเศษ) วิระฉัตร ดำรงหัด นายจิราวุฒิ แก้วเขื่อน และนางถนอมศรี สุวรรณรัตน์ และให้แต่งตั้ง บุคคลเป็นกรรมการอื่นแทนตำแหน่งที่ว่าง จำนวน 5 คน ได้แก่ นายสมศักดิ์ บุญทอง พันเอก ยศนันท์ หร่ายเจริญ นายดุสิต เขมะศักดิ์ชัย นายสุรชัย ศศิสุวรรณ และพลตรี ชำนาญ สุวรรณฉวี ทั้งนี้ ให้มีผลนับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (12 มิถุนายน 2550) เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3479 | การแก้ไขปัญหาหนี้สินกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร | กค | 12/06/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอขอใช้จ่ายงบประมาณปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 เพื่อ
ชดเชยให้แก่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ในวงเงิน 28,891.97 ล้านบาท ประกอบด้วย ต้นเงินกู้ ค้างชำระ จำนวน 19,514.87 ล้านบาท และดอกเบี้ยชดเชยแทนเกษตรกร จำนวน 9,377.10 ล้านบาท และให้คณะ กรรมการนโยบายข้าวและคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรนำแนวทางการแก้ไขปรับปรุงการ ดำเนินโครงการรับจำนำผลผลิตการเกษตรไปใช้เป็นแนวทางในการพิจารณาโครงการเพื่อให้การช่วยเหลือเกษตรกร มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล และไม่ก่อให้เกิดภาระด้านงบประมาณแก่รัฐบาล ได้แก่ การกำหนดนโยบายการรับ จำนำผลิตผลการเกษตรให้ใกล้เคียงกับสภาพความจำเป็นทางการเกษตร การรับจำนำข้าวเปลือกควรเน้นจำนำที่ยุ้ง ฉางเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรเป็นหลัก ควบคู่ไปกับการสนับสนุนให้มีการปรับปรุงยุ้งฉาง การจัดทำโครงการ รับจำนำต้องมีแผนการตั้งแต่การรับฝาก ผลิตผลจำนำ การเก็บรักษา การระบายหรือแปรรูป โดยให้สอดคล้องกับ สภาพทางการตลาด และมีแผนการสร้างความเข้มแข็งให้แก่ตลาดกลางการเกษตร และตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า เพื่อเป็นการลดบทบาทการแทรกแซงตลาดโดยวิธีการรับจำนำ โดยให้กองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรประเมินผล การดำเนินงานแต่ละโครงการแล้วรายงานผลสำเร็จ ผลกระทบด้านต่าง ๆ ปัญหาอุปสรรค ข้อดีข้อเสียเพื่อเสนอให้ คณะรัฐมนตรีทราบด้วย ทั้งนี้ ให้รับความเห็นและข้อสังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการในส่วน ที่เกี่ยวข้องต่อไป อาทิ ข้อสังเกตของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการดำเนินโครงการรับจำนำผลผลิตการเกษตร โดย เห็นควรให้ ธ.ก.ส. ทบทวนอัตราดอกเบี้ยสำหรับโครงการรับจำนำผลผลิตการเกษตรต่างๆ ที่สิ้นสุดระยะเวลาดำเนิน การแล้ว แต่ยังคงมีหนี้ค้างชำระคืนค่าผลผลิตที่จำนำไว้ และให้ คชก. เร่งปิดบัญชีให้เสร็จสิ้นภายใน 1 ปี เมื่อโครงการ รับจำนำผลผลิตการเกษตรแต่ละโครงการดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว และควรมีระบบบริหารจัดการในการเรียกเก็บเงิน คืนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเร็วเพื่อให้ภาระหนี้ค้างจ่าย ธ.ก.ส. ลดลง ส่วนการวางแผนดำเนินโครงการแทรกแซง ราคาผลผลิตการเกษตรให้มีการศึกษาความเหมาะสมของราคารับจำนำ เนื่องจากการกำหนดราคารับจำนำที่สูงเกิน ไป อาจทำให้เกษตรกรไม่ไถ่ถอนผลผลิตในระยะเวลาที่กำหนด ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บผลผลิตและสินค้าจะ เสื่อมสภาพ ซึ่งจะทำให้มีโอกาสเกิดผลขาดทุนเพิ่มขึ้นด้วย นอกจากนี้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันบูรณาการใน การแก้ไขปัญหาให้ครอบคลุมทั้งในด้านการผลิต การตลาด และการแปรรูปผลผลิต เพื่อก่อให้เกิดประสิทธิภาพใน การแก้ไขปัญหาของเกษตรกรได้มากขึ้นและช่วยลดภาระให้รัฐบาลอีกทางหนึ่ง เป็นต้น และให้กระทรวงพาณิชย์รับ ไปประสานกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งรัดดำเนินการประเมิน ผลการดำเนินโครงการเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรโดยการแทรกแซงราคาและรับจำนำผลผลิตการเกษตรต่าง ๆ ที่ผ่าน มา รวมทั้งปัญหาอุปสรรคข้อดีข้อเสีย ผลกระทบ ตลอดจนข้อมูลข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จ แล้วนำ เสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็วเพื่อประโยชน์ในการพิจารณาดำเนินการและเผยแพร่ให้ประชาชนได้ทราบตามความเหมาะ สมต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3480 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณเพื่อเช่ารถยนต์บรรทุกอเนกประสงค์(ขนาด 3 ตัน)ขนาด 24 ที่นั่ง จำนวน 720 คันไว้ใช้ในภารกิจบรรทุกผู้ต้องหาและกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมอาวุธในการปฏิบัติหน้าที่พิเศษฯ และเช่ารถยนต์บรรทุก(ขนาด 3 ตัน 6 ล้อ)พร้อมติดตั้งอุปกรณ์กวาดเรือใบและเครนยกรถฯ จำนวน 51 คันใช้ในภารกิจการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและการก่อการร้ายในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล | ตช | 05/06/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับเรื่อง ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณเพื่อเช่า
รถยนต์บรรทุกอเนกประสงค์ (ขนาด 3 ตัน) ขนาด 24 ที่นั่ง จำนวน 720 คัน ไว้ใช้ในภารกิจบรรทุกผู้ต้องหาและ กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมอาวุธในการปฏิบัติหน้าที่พิเศษฯ และเช่ารถยนต์บรรทุก (ขนาด 3 ตัน 6 ล้อ) พร้อม ติดตั้งอุปกรณ์กวาดเรือใบและเครนยกรถ ฯ จำนวน 51 คัน ใช้ในภารกิจการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและ การก่อการร้ายในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ไปพิจารณาทบทวนอีกครั้ง ให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2541 (เรื่อง การปรับปรุงแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณและมาตรการอื่น ที่เกี่ยวข้อง) รวมทั้งความเหมาะสมคุ้มค่าระหว่างวิธีการเช่าและการซื้อรถยนต์ โดยให้รับความเห็นของสำนักงบ ประมาณเกี่ยวกับการอนุมัติให้ดำเนินการโดยวิธีเช่ารถยนต์ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอทำความตกลง เป็น การเช่ารถยนต์ประเภทพิเศษที่ไม่เคยอนุมัติให้ดำเนินการมาก่อน และนอกเหนือหลักเกณฑ์และแนวทางการเช่า รถยนต์มาใช้ในราชการ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2546 (เรื่องการเช่ารถยนต์มาใช้ในราช การ) และหนังสือกระทรวงการคลัง ด่วนที่สุด ที่ กค 0409.6/ว 104 ลงวันที่ 11 กรกฎาคม 2548 สมควร ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องได้รับความเห็นชอบในเรื่อง หลักเกณฑ์การเช่าและความเหมาะสมของอัตราค่าเช่า จากกระทรวงการคลังก่อน ไปประกอบการพิจารณาด้วย ทั้งนี้ ให้จัดทำข้อมูลเปรียบเทียบความเหมาะสมคุ้มค่า ระหว่างวิธีการเช่าและการซื้อรถยนต์ดังกล่าวประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
