ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 144 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 2861 - 2880 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 2861 | การดำเนินการของธนาคารแห่งประเทศไทยในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยตามมติคณะรัฐมนตรี | ธปท | 22/11/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๔ เกี่ยวกับการกำหนดแนวทางให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย โดยให้กระทรวงการคลังร่วมกับ ธปท. หารือกับสมาคมธนาคารไทยในการออกมาตรการทางด้านสังคมในการพักชำระหนี้และอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรนให้แก่ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) รวมทั้งประชาชนที่ได้รับผลกระทบให้ได้เท่าเทียมกับธนาคารภาครัฐ ซึ่งมีผลการดำเนินการสรุปได้ ดังนี้
๑. การช่วยเหลือลูกหนี้ที่ประสบอุทกภัย ๑.๑ ธปท. ได้ขอความร่วมมือสถาบันการเงิน บริษัทที่ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตที่มิใช่สถาบันการเงิน บริษัทที่ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับที่มิใช่สถาบันการเงินในการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย และสนับสนุนให้ลูกหนี้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ โดยพิจารณาผ่อนปรนเงื่อนไขการชำระหนี้ ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ และปรับลดอัตราการผ่อนชำระหนี้บัตรเครดิตขั้นต่ำให้ต่ำกว่าร้อยละ ๑๐ ของยอดคงค้างได้ จนถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๕ ๑.๒ ธนาคารสมาชิกทุกแห่งเห็นชอบที่จะกำหนดมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกค้า SMEs และลูกค้าบุคคลที่ประสบความเดือนร้อนจากอุทกภัย โดยผ่อนผันการชำระเงินต้น และ/หรือดอกเบี้ยเป็นเวลาสูงสุด ๖ - ๑๒ เดือน ขยายระยะเวลาการผ่อนชำระหนี้ให้สอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ และการให้สินเชื่อเพิ่มเพื่อฟื้นฟูกิจการในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ โดยลูกค้าที่ได้รับผลกระทบรุนแรงและได้รับความเสียหายมาก ธนาคารพาณิชย์จะพิจารณาพิเศษเป็นรายกรณี ๑.๓ ธปท. ได้ทบทวนหลักเกณฑ์ในการจัดชั้นและกันเงินสำรองให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ โดยให้สถาบันการเงินสามารถคงสถานะการจัดชั้นลูกหนี้เช่นเดิมเหมือนที่เคยจัดชั้นอยู่ก่อนการได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อุทกภัยในครั้งนี้ เพื่อให้ลูกหนี้ดังกล่าวไม่ถูกจัดเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) และให้ถือว่ามาตรการในการดำเนินการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ เช่น การให้สินเชื่อใหม่ในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ รวมถึงการลดเงินต้นและ/หรือ ดอกเบี้ย หรือ Reschedule เป็นการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ทั่วไป รวมทั้งช่วยเหลือลูกหนี้บัตรเครดิตที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม โดยให้สถาบันการเงินลดอัตราการผ่อนชำระหนี้บัตรเครดิตขั้นต่ำให้ต่ำกว่าร้อยละ ๑๐ ของยอดคงค้าง ๑.๔ บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติได้มีการตกลงกับสถาบันการเงินที่เป็นสมาชิกเกี่ยวกับการรายงานข้อมูลเครดิต โดยลูกหนี้ที่ประสบอุทกภัยสามารถชำระหนี้ได้ตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นตามข้อตกลงใหม่ หรือข้อผ่อนผันที่สถาบันการเงินผ่อนผันให้กับลูกค้าให้รายงานข้อมูลภายใต้สถานะบัญชีปกติแทนการรายงานว่าลูกหนี้ผิดชำระหนี้ ๒. มาตรการอื่นเพื่อเตรียมความพร้อมในการรองรับเหตุการณ์อุทกภัย ๒.๑ ด้านระบบการชำระเงิน เช่น ระบบการโอนเงินระหว่างธนาคาร ระบบบาทเน็ต และระบบการหักบัญชีเช็ค ได้เตรียมศูนย์สำรองไว้ที่พุทธมณฑลสาย ๗ ในส่วนระบบรองรับการโอนเงินรายย่อยข้ามธนาคาร ได้ประสานกับผู้ให้บริการระบบให้มีการเตรียมความพร้อมทั้งศูนย์หลักและศูนย์สำรอง ๒.๒ ด้านการดูแลสภาพคล่องของระบบการเงิน ธปท. ยังทำธุรกรรมตามปกติเพื่อดูแลสภาพคล่องทั้งเงินบาทและเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และสามารถทำธุรกรรมทั้งจากศูนย์หลักและศูนย์สำรอง รวมทั้งได้สื่อสารให้ธนาคารพาณิชย์ฝากเงินไว้ในบัญชีที่ ธปท. เพิ่มขึ้น เพื่อให้สามารถเบิกถอนได้ตามต้องการ ๒.๓ ด้านการสำรองธนบัตร ธปท. ได้เตรียมธนบัตรไว้เพื่อการเบิกถอนของธนาคารต่าง ๆ อย่างเพียงพอ และสำรองไว้ที่ศูนย์จัดการธนบัตรที่การคมนาคมสะดวก
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2862 | การปรับปรุงแผนการลงทุนเพื่อขับเคลื่อนการใช้เทคโนโลยีคาร์บอนต่ำของประเทศไทยสำหรับขอรับการสนับสนุนทางการเงินจาก Clean Technology Fund (CTF) | กค | 22/11/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการของแผนการลงทุนเพื่อขับเคลื่อนการใช้เทคโนโลยีคาร์บอนต่ำของประเทศไทย (พ.ศ. ๒๕๕๔) ฉบับปรับปรุง สำหรับจัดสรรวงเงินในส่วนของภาครัฐ จำนวน ๒๓๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้ภาคเอกชนดำเนินการแทนในปีแรก จำนวน ๑๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ และจะพิจารณาจัดสรรวงเงินที่เหลือ จำนวน ๑๓๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในระยะต่อไป และให้กระทรวงการคลังดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อขอรับการสนับสนุนทางการเงินจากกองทุนเพื่อเทคโนโลยีสะอาด Clean Technology Fund (CTF) ต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรสนับสนุนโครงการของภาครัฐด้านพลังงานทดแทนและการขนส่ง รวมทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในพื้นที่เมือง โดยเฉพาะในอาคารแต่ละประเภท ซึ่งอยู่ภายใต้แผนการลงทุนฯ (พ.ศ. ๒๕๕๒) ฉบับเดิม และในการดำเนินโครงการดังกล่าว ควรขอรับความช่วยเหลือทางวิชาการจากองค์กรระหว่างประเทศ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของบุคลากรภาครัฐในด้านเทคโนโลยีพลังงานสะอาดและคาร์บอนต่ำ ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2863 | ร่างระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการจ่ายเงินค่าบำรุงสมาคมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... | มท | 22/11/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการร่างระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการจ่ายเงินค่าบำรุงสมาคมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ประสงค์จะสมัครเป็นสมาชิกของสมาคมหรือยกเลิกการเป็นสมาชิกของสมาคม จะต้องได้รับความเห็นชอบจากสภาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ๑.๒ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะสมัครเป็นสมาชิกสมาคมจะต้องคำนึงถึงประโยชน์ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะได้รับและเป็นผลดีต่อการปฏิบัติราชการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งต้องพิจารณาถึงรายจ่ายตามข้อผูกพันที่จะต้องชำระเงินค่าบำรุงให้แก่สมาคมตามข้อบังคับของสมาคม และฐานะทางการคลังเป็นสำคัญ ๑.๓ การจ่ายเงินค่าบำรุงให้แก่สมาคมที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นสมาชิก ให้เบิกจ่ายได้ตั้งแต่ปีงบประมาณที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสมัครเป็นสมาชิกตามจำนวนเงินค่าบำรุงที่กำหนดไว้ในข้อบังคับของสมาคม โดยให้ตั้งจ่ายไว้ในงบประมาณรายจ่ายประจำปี หรืองบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ๑.๔ การจ่ายเงินค่าบำรุงสมาคมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ยังมิได้มีการเบิกจ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ให้เบิกจ่ายได้ตามระเบียบนี้ ๑.๕ การจ่ายเงินค่าบำรุงสมาคมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้ดำเนินการเบิกจ่ายไปแล้ว โดยไม่ขัดหรือแย้งกับหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในระเบียบนี้ ให้ถือเป็นการเบิกจ่ายเงินค่าบำรุงสมาคมตามระเบียบนี้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเกี่ยวกับการเข้าเป็นสมาชิกสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย (ส.ท.ท.) ของเทศบาล หรือการเข้าเป็นสมาชิกสมาคมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในรูปแบบอื่น (องค์การบริหารส่วนจังหวัด องค์การบริหารส่วนตำบล) ไม่ใช่กิจการที่อยู่ในอำนาจหน้าที่หรือมีกฎหมายกำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถดำเนินการได้ ประกอบกับการออกระเบียบกำหนดให้การจ่ายเงินค่าบำรุงสมาคมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อเป็นรายจ่ายอื่น ตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. ๒๔๙๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา ๖๗ (๙) พระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. ๒๕๔๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา ๗๔ (๙) พระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. ๒๕๓๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา ๘๕ (๑๐) อาจเป็นการเกินอำนาจที่กฎหมายจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ไว้ อย่างไรก็ตาม การที่จะให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเทศบาล องค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือองค์การบริหารส่วนตำบลเข้าเป็นสมาชิกสมาคมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ ต้องดำเนินการปรับปรุงกฎหมายจัดตั้งของแต่ละองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีอำนาจหน้าที่ในเรื่องดังกล่าว หรือกำหนดให้มีสันนิบาตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประกอบด้วยสมาชิกที่เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งเทียบเคียงได้กับพระราชบัญญัติสหกรณ์ จากนั้นกระทรวงมหาดไทยจึงสามารถออกระเบียบเพื่อรองรับการเบิกจ่ายได้ต่อไป ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2864 | สรุปผลการหารือเพื่อช่วยเหลือผู้บริโภคที่ประสบอุทกภัยฯ | นร | 22/11/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุรวิทย์ คนสมบูรณ์) ประธานกรรมการคุ้มครองผู้บริโภครายงานสรุปผลการหารือเพื่อช่วยเหลือผู้บริโภคที่ประสบอุทกภัยฯ เมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ โดยสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๕ หน่วยงานเข้าร่วมประชุม ได้แก่ สมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย สมาคมอู่กลางแห่งประเทศไทย สมาคมนายหน้าประกันภัยไทย สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน และการไฟฟ้านครหลวง ซึ่งที่ประชุมได้มีข้อสรุป ๕ แนวทางการให้ความช่วยเหลือ ดังนี้
๑. แนวทางการให้ความช่วยเหลือผู้บริโภคเช่าซื้อรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ให้มีการยกเว้นค่าติดตามทวงถามและเบี้ยปรับล่าช้า การพักชำระค่างวดเช่าซื้อ การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ เป็นต้น ทั้งนี้ สามารถติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมได้จากสถาบันการเงินที่ให้เช่าซื้อ หรือสมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย ๒. แนวทางการให้ความช่วยเหลือผู้บริโภคเกี่ยวกับการซ่อมรถยนต์ สมาคมอู่กลางให้ความคุ้มครองผู้บริโภคกรณีรถยนต์ประสบอุทกภัยยังไม่มีราคากลางเป็นมาตรฐาน เช่น ข้อมูลรายละเอียดการซ่อมที่ชัดเจน รายละเอียดของชิ้นงาน ทั้งนี้ จะประสานให้สมาชิกรับทราบแนวทางการร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคต่อไป ๓. แนวทางการให้ความช่วยเหลือผู้บริโภคเกี่ยวกับรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ที่ทำประกันภัย กรณีประสบปัญหาความล่าช้าในการซ่อมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ที่ทำประกันภัย ให้ประสานไปยังบริษัทประกันภัยหรือสมาคมนายหน้าประกันภัยไทย เพื่อเร่งรัดดำเนินการ หรือหากผู้บริโภคมีความสงสัยเกี่ยวกับการคุ้มครองตามกรมธรรม์ทุกประเภทที่ทำไว้กับบริษัทประกันภัย สามารถสอบถามได้ที่สมาคมนายหน้าประกันภัยไทย หรือสำนักงานกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ๔. แนวทางการให้ความช่วยเหลือผู้บริโภคเกี่ยวกับการซ่อมแซมบ้าน สำหรับการช่วยเหลือดังกล่าวสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านได้ประสานไปยังสมาชิกของสมาคม เพื่อเชิญให้เข้าร่วมโครงการซ่อมแซมบ้านผู้ประสบอุทกภัย อยู่ระหว่างการตอบรับยืนยัน โดยผู้บริโภคอาจขอคำแนะนำเบื้องต้นจากสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านก่อน ๕. คำแนะนำการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้า เครื่องใช้ไฟฟ้าให้ปลอดภัย โดยการไฟฟ้านครหลวงได้จัดทำคู่มือคำแนะนำ ข้อควรปฏิบัติ การใช้ไฟฟ้าก่อนและหลังน้ำท่วม เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับผู้บริโภค
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2865 | ขออนุมัติยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีในการเปลี่ยนแปลงแบบรูปรายการพร้อมขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อสร้างอาคารอุบัติเหตุและฉุกเฉิน เป็นอาคาร คสล. 11 ชั้น โรงพยาบาลหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ | สธ | 22/11/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ (เรื่อง การปรับปรุงแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณและมาตรการอื่นที่เกี่ยวข้อง) ในการเปลี่ยนแปลงแบบรูปรายการค่าก่อสร้างอาคารอุบัติเหตุและฉุกเฉิน โรงพยาบาลหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จากเดิม อาคาร คสล. ๑๐ ชั้น วงเงินค่าก่อสร้าง ๓๓๕,๑๐๐,๐๐๐ บาท เป็นอาคาร คสล. ๑๑ ชั้น พื้นที่ใช้สอย ๑๙,๑๔๐ ตารางเมตร พร้อมอุปกรณ์ประกอบอาคาร วงเงินค่าก่อสร้าง ๓๗๘,๐๐๐,๐๐๐ บาท เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๒. อนุมัติให้กระทรวงสาธารณสุขเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการก่อสร้างอาคารอุบัติเหตุและฉุกเฉิน เป็นอาคาร คสล. ๑๑ ชั้น โรงพยาบาลหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ที่สำนักงบประมาณได้จัดสรรให้แล้ว จำนวน ๔๗,๘๗๓,๐๐๐ บาท และผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๗ จำนวน ๓๓๐,๑๒๗,๐๐๐ บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้ดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2866 | มาตรการภาษีและค่าธรรมเนียมของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund) | กค | 15/11/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบมาตรการภาษีและค่าธรรมเนียมของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund) มีวัตถุประสงค์เพื่อลดข้อจำกัดของภาครัฐในด้านงบประมาณการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน และเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือบุคคลอื่น และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๕ สำหรับรายรับจากการโอนทรัพย์สินกิจการโครงสร้างพื้นฐานและสำหรับการกระทำตราสารอันเนื่องมาจากการโอนทรัพย์สินกิจการโครงสร้างพื้นฐานระหว่างกันหรือให้แก่ส่วนราชการหรือองค์การของรัฐบาลตามสัญญา และยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้แก่ผู้มีเงินได้ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา สำหรับเงินปันผลหรือเงินส่วนแบ่งของกำไรที่ได้รับจากกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๕ เป็นระยะเวลา ๑๐ ปี นับแต่วันที่กองทุนรวมจดทะเบียนจัดตั้งขึ้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมที่เห็นควรมีการนิยามความหมายของคำว่า “โครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure)” ให้ชัดเจน เนื่องจากรายละเอียดเดิมที่นำเสนอในบางหมวดหมู่มีความหมายที่กว้างมาก เช่น โทรคมนาคม หรือระบบขนส่งทางราง จึงควรมีการกำหนดนิยามย่อยของแต่ละหมวดหมู่ให้ละเอียด ประกอบไปด้วยกิจการใดบ้าง ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. เห็นชอบในหลักการลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ประกอบด้วย การลดหย่อนค่าจดทะเบียนการโอน จากร้อยละ ๒ เหลือร้อยละ ๐.๐๑ ทั้งนี้ ไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท สำหรับธุรกรรมการโอนอสังหาริมทรัพย์กรณีกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเป็นผู้รับโอนหรือผู้โอนอสังหาริมทรัพย์ การลดหย่อนค่าจดทะเบียนการจำนอง จากร้อยละ ๑ เหลือร้อยละ ๐.๐๑ ทั้งนี้ ไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท สำหรับธุรกรรมการจดทะเบียนการจำนอง กรณีที่กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเป็นผู้ขอจดทะเบียนเพื่อเป็นหลักประกันในการกู้ยืมเงิน และการลดหย่อนค่าจดทะเบียนการเช่า จากร้อยละ ๑ เหลือร้อยละ ๐.๐๑ ทั้งนี้ ไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท สำหรับธุรกรรมการจดทะเบียนการเช่ากรณีที่กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเป็นผู้เช่าหรือผู้เช่าช่วง และกรณีที่กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเป็นผู้ให้เช่าหรือผู้ให้เช่าช่วง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการยกร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. เห็นชอบขั้นตอนการระดมทุนผ่านกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานของรัฐวิสาหกิจ โดยให้รัฐวิสาหกิจนำเสนอเรื่องผ่านกระทรวงเจ้าสังกัดให้กระทรวงการคลังเป็นผู้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๔. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับแผนงาน/โครงการ ควรมีผลตอบแทนในระดับที่สามารถจูงใจนักลงทุนได้ และเป็นกิจการที่จะไม่กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ และควรมีการศึกษารายละเอียดผลกระทบของแต่ละแผนงาน/โครงการ แล้วนำมาบูรณาการในภาพรวม เพื่อกำหนดกรอบการลงทุนและแนวทางในการระดมทุนให้ชัดเจนให้กับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักในการบูรณาการปรับปรุงกฎหมายและกฎระเบียบต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2867 | โครงการพักหนี้เกษตรกรรายย่อยและประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่มีหนี้คงค้างต่ำกว่า 500,000 บาท | กค | 15/11/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๑.๑ หลักการดำเนินโครงการพักหนี้เกษตรกรรายย่อยและประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่มีหนี้คงค้างต่ำกว่า ๕๐๐,๐๐๐ บาท โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้ ๑.๑.๑ หลักการดำเนินโครงการพักหนี้ครัวเรือนเกษตรกรรายย่อยและผู้มีรายได้น้อยที่มีหนี้ต่ำกว่า ๕๐๐,๐๐๐ บาท อย่างน้อย ๓ ปี เฉพาะหนี้ที่มีปัญหาการชำระหนี้เท่านั้น ซึ่งมีผู้มีสิทธิประมาณ ๗๗๕,๐๙๐ บัญชี มูลหนี้คงค้าง ๙๐,๕๐๒.๕๕ ล้านบาท ๑.๑.๒ กลุ่มเป้าหมายโครงการพักหนี้ฯ ๒ กลุ่ม ได้แก่ ๑.๑.๒.๑ ลูกค้าบุคคลธรรมดาของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่กู้เงินแบบมีวัตถุประสงค์เพื่อการประกอบอาชีพ จัดหาที่อยู่อาศัย การศึกษา และการรักษาพยาบาล ซึ่งเป็นลูกหนี้ที่มีหนี้ค้างชำระ และ/หรือหนี้ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ หรือเป็นลูกค้า ธ.ก.ส. ในพื้นที่ที่มีเหตุการณ์ความไม่สงบใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ (จังหวัดยะลา ปัตตานี นราธิวาส) โดยไม่รวมลูกหนี้ที่เคยถูกดำเนินคดีและอยู่ระหว่างดำเนินคดีโดย ธ.ก.ส. และมีหนี้ต้นเงินกู้คงเหลือรวมทุกสัญญาในทุกสถาบันการเงินรวมกันรายละไม่เกิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ โดยเป็นสถานะหนี้ ณ วันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๔ ๑.๑.๒.๒ ลูกค้าบุคคลธรรมดาของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ๕ แห่ง ได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.) และบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (บตท.) ที่กู้เงินแบบมีวัตถุประสงค์เพื่อการประกอบอาชีพ จัดหาที่อยู่อาศัย การศึกษา และรักษาพยาบาล ฯลฯ ซึ่งเป็นลูกหนี้ที่มีสถานะเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non Performing Loans - NPLs) และ/หรือปรับปรุงโครงสร้างหนี้ โดยไม่รวมลูกหนี้ที่เคยถูกดำเนินคดีและอยู่ระหว่างดำเนินคดีโดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจนั้น มีหนี้ต้นเงินกู้คงเหลือรวมทุกสัญญาในทุกสถาบันการเงินรวมกันรายละไม่เกิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท โดยเป็นสถานะหนี้ ณ วันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๔ และเป็นผู้ที่อยู่ในระบบฐานภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภายในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๔ ๑.๑.๓ ระยะเวลาพักหนี้ ๓ ปี ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ ๑.๑.๔ ระยะเวลาเริ่มต้นโครงการ สถาบันการเงินเฉพาะกิจที่เกี่ยวข้องจะเริ่มดำเนินโครงการโดยเปิดลงทะเบียนลูกค้าที่มีสิทธิเข้าร่วมโครงการในวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ โดยมีระยะเวลาดำเนินการประมาณ ๓ เดือน ๑.๒ กรอบวงเงินงบประมาณในการดำเนินโครงการฯ โดยให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจทั้ง ๖ แห่ง ได้แก่ ธ.ก.ส. ธนาคารออมสิน ธพว. ธอส. ธอท. และ บตท. ประสานกับสำนักงบประมาณในการขอตั้งงบประมาณต่อไป ๑.๓ หลักการปรับปรุงระบบข้อมูลเครคิตของลูกค้าในฐานข้อมูลของบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด และมีมติให้คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิตแก้ไขเพิ่มเติมประกาศเรื่องรหัสสถานะบัญชี ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับกลุ่มบุคคลเป้าหมายที่จะได้รับประโยชน์จากการดำเนินโครงการควรครอบคลุมเกษตรกรรายย่อยที่เป็นสมาชิกสหกรณ์การเกษตรหรือสถาบันเกษตรกรอื่น และควรกำหนดแนวทางและมาตรการในการตรวจสอบลูกหนี้ผู้เข้าร่วมโครงการให้ตรงตามคุณสมบัติอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะในประเด็นการไม่สามารถชำระหนี้ด้วยเหตุสุดวิสัยและจำเป็น เพื่อมิให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างลูกค้าที่ชำระหนี้ตรงตามกำหนดเวลา และมิให้ลูกหนี้เสียวินัยทางการเงิน และให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจเน้นให้ความช่วยเหลือกับกลุ่มลูกหนี้ที่เข้าเกณฑ์โครงการและได้รับผลกระทบจากวิกฤตอุทกภัยในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ เป็นกรณีแรก รวมทั้งให้กระทรวงการคลังประสานความร่วมมือกับหน่วยงานและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาหลักสูตรของแผนการฟื้นฟูและพัฒนาลูกหนี้ให้ครอบคลุมเนื้อหาการให้ความรู้ความเข้าใจทางการเงิน การออม การลงทุน การบริหารความเสี่ยง และการสร้างวินัยทางการเงิน ตลอดจนแนวทางการเพิ่มรายได้จากการพัฒนาประสิทธิภาพและมูลค่าของสินค้าและผลิตภัณฑ์ การลดรายจ่ายและต้นทุนในการประกอบอาชีพ การสร้างความมั่นคงด้านอาหารในครัวเรือน เพื่อนำไปสู่การพึ่งพาตนเองและชุมชนได้อย่างยั่งยืนสอดคล้องตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2868 | ร่างกฎกระทรวงที่ออกตามความพระราชบัญญัติพัฒนาที่ดิน พ.ศ. 2551 จำนวน 4 ฉบับ | กษ | 15/11/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงที่ออกตามความพระราชบัญญัติพัฒนาที่ดิน พ.ศ. ๒๕๕๑ จำนวน ๔ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดแบบบัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้อธิบดีกรมพัฒนาที่ดินเป็นผู้ออกบัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ และกำหนดแบบบัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ ๑.๒ กำหนดรูปแบบของรูปถ่ายที่จะติดบัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ ให้ใช้รูปถ่ายที่ถ่ายไม่เกินหกเดือนก่อนวันยื่นคำขอ ขนาด ๒.๕ x ๓.๐ เซนติเมตร ครึ่งตัว หน้าตรง ไม่สวมหมวกและแว่นตาสีเข้ม ๑.๓ กำหนดระยะเวลาการใช้บัตรต้องไม่เกิดหกปีนับแต่วันออกบัตร ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไข และอัตราค่าใช้จ่ายในการวิเคราะห์ตรวจสอบตัวอย่างดินเป็นการเฉพาะราย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๒.๑ กำหนดให้ผู้ประสงค์ให้กรมพัฒนาที่ดินวิเคราะห์ตรวจสอบตัวอย่างดินเป็นการเฉพาะราย ให้ยื่นคำขอตามแบบที่คณะกรรมการกำหนด ณ กรมพัฒนาที่ดิน หรือยื่นต่อสำนักงานพัฒนาที่ดินเขต หรือสถานีพัฒนาที่ดินท้องที่ซึ่งที่ดินนั้นตั้งอยู่ พร้อมเอกสารและหลักฐานตามที่ระบุไว้ในแบบคำขอตามที่คณะกรรมการกำหนด รวมทั้งตัวอย่างดิน ๒.๒ กำหนดระยะเวลาในการดำเนินการวิเคราะห์ตรวจสอบตัวอย่างดิน และระยะเวลาในการแจ้งผลการวิเคราะห์ตรวจสอบตัวอย่างดิน ๒.๓ กำหนดให้อัตราค่าใช้จ่ายในการวิเคราะห์ตรวจสอบตัวอย่างดิน ๒.๔ กำหนดให้กรณีเกษตรกรยื่นคำขอวิเคราะห์ตรวจสอบตัวอย่างดิน ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ๒.๕ กำหนดให้ในกรณีส่วนราชการหรือหน่วยงานอื่นของรัฐยื่นคำขอวิเคราะห์ตรวจสอบตัวอย่างดิน เพื่อประโยชน์แก่ทางราชการให้เสียค่าใช้จ่ายในอัตราร้อยละห้าสิบ สำหรับการตรวจสอบในโครงการพิเศษตามนโยบายของรัฐบาล หรือโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ หรือจัดซื้อสารเคมีหรือวัสดุวิทยาศาสตร์ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไข และอัตราค่าใช้จ่ายในการบริหารแผนที่หรือข้อมูลทางแผนที่เป็นการเฉพาะราย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๓.๑ กำหนดให้ผู้ประสงค์จะขอรับบริการแผนที่หรือข้อมูลทางแผนที่ที่กรมพัฒนาที่ดินผลิตหรือจัดหามาเพื่อบริการเป็นการเฉพาะราย ให้ยื่นคำขอต่ออธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน ๓.๒ กำหนดให้แผนที่หรือข้อมูลทางแผนที่ที่ให้บริการ กรมพัฒนาที่ดินสงวนไว้มิให้ผู้ขอรับบริการทำการเปลี่ยนแปลง ทำซ้ำ จำหน่าย จ่าย แจก หรือเผยแพร่ส่วนหนึ่งส่วนใด หรือทั้งหมดของแผนที่หรือข้อมูลทางแผนที่แก่บุคคลที่สามโดยเด็ดขาด ๓.๓ กำหนดให้อัตราค่าใช้จ่ายในการบริการแผนที่ หรือข้อมูลทางแผนที่เป็นการเฉพาะราย ๓.๔ กำหนดให้หน่วยงานของรัฐที่ทำข้อตกลงความร่วมมือกับกรมพัฒนาที่ดินเพื่อแลกเปลี่ยนแผนที่หรือข้อมูลทางแผนที่ ซึ่งได้ปรับปรุงให้ถูกต้องและชัดเจนแล้วใช้ประโยชน์ทางราชการร่วมกันทั้งสองฝ่าย ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ๔. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไข และอัตราค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงดินหรือที่ดิน หรือการอนุรักษ์ดินและน้ำเป็นการเฉพาะราย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๔.๑ กำหนดให้ผู้ประสงค์ให้กรมพัฒนาที่ดินทำการปรับปรุงดิน หรือที่ดิน หรือการอนุรักษ์ดินและน้ำเป็นการเฉพาะราย ให้ยื่นคำขอตามแบบที่คณะกรรมการกำหนด ณ กรมพัฒนาที่ดิน สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต หรือสถานีพัฒนาที่ดินท้องที่ซึ่งที่ดินนั้นตั้งอยู่ ๔.๒ กำหนดระยะเวลาในการดำเนินการตรวจสอบที่ดินของเจ้าหน้าที่ และระยะเวลาในการพิจารณาคำขอของอธิบดี รวมทั้งกำหนดให้เมื่ออธิบดีพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุมัติตามคำขอ ให้ระบุจำนวนเงินที่ต้องชำระค่าใช้จ่ายตามอัตราค่าใช้จ่ายตามบัญชีท้ายกฎกระทรวง และกำหนดระยะเวลาในการชำระค่าใช้จ่าย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2869 | ผลการประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่ 13 การประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมอาเซียน+3 ครั้งที่ 10 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | ทส | 15/11/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่ ๑๓ และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๑๖ - ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๔ ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา โดยมีผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (นายพิทยา พุกกะมาน) เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว ทั้งนี้ การประชุมดังกล่าวเป็นการประชุมระหว่างรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมจากประเทศสมาชิกอาเซียนเพื่อพบปะหารือ และทบทวนความร่วมมือต่าง ๆ ที่อยู่ระหว่างดำเนินการในด้านสิ่งแวดล้อมของอาเซียน ซึ่งได้รับการพิจารณากลั่นกรองจากระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม (ASEAN Senior Official on Environment - ASOEN) ในประเด็นที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การจัดการทรัพยากรน้ำ สิ่งแวดล้อมศึกษา มลพิษหมอกควันข้ามแดน และการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมภายใต้กรอบความร่วมมือกับประเทศอาเซียน + ๓ ๒. เห็นชอบแผนปฏิบัติการความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมอาเซียน - จีน ๒๕๕๔ - ๒๕๕๖ (ASEAN - China Environmental Cooperation Action Plan 2011 - 2013) และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณาปรับปรุงแก้ไขเอกสารดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญ หรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทยหากมีความจำเป็น โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีก โดยแผนปฏิบัติการดังกล่าวมีสาระสำคัญ ดังนี้ ๒.๑ อาเซียนได้รับรอง The China-ASEAN Strategy on Environmental Protection Cooperation เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๒ และยุทธศาสตร์ดังกล่าวจำเป็นต้องมีการปรับปรุงแผนปฏิบัติการความร่วมมือ (Action Plan) ซึ่งเป็นไปตามกระบวนการปฏิบัติงาน จึงขอให้ประเทศสมาชิกอาเซียนพิจารณาร่างฉบับแรกของแผนปฏิบัติการฯ พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๕๗ [the first draft ASEAN - China Environmental Cooperation Action Plan (2011 - 2013)] ซึ่งยกร่างโดยสาธารณรัฐประชาชนจีน ๒.๒ แผนปฏิบัติการฯ ระบุประเด็นความร่วมมือที่สำคัญเกี่ยวกับ (๑) ความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมเชิงนโยบายระดับสูง ได้แก่ การจัดประชุมระดับรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมอาเซียน-จีน การประชุมในกรอบความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมอาเซียน-จีน (๒) การพัฒนาและดำเนินโปรแกรมทูตสิ่งแวดล้อมอาเซียน-จีน (the ASEAN - China Green Envoys Program) อาทิ การฝึกอบรมเสริมสร้างศักยภาพให้แก่ทูตสิ่งแวดล้อมอาเซียน-จีน การสร้างความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อมสู่สาธารณะ (๓) ความร่วมมือด้านเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรมสิ่งแวดล้อม อาทิ การส่งเสริมการจัดตั้งเครือข่ายความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมสิ่งแวดล้อมอาเซียน-จีน การศึกษาความเป็นไปได้และส่งเสริมให้มีการรับรองฉลากสิ่งแวดล้อมร่วมกัน การพัฒนาโครงการนำร่องด้านเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และ (๔) โครงการวิจัยร่วม อาทิ การจัดทำและเผยแพร่รายงานด้านสิ่งแวดล้อมในทัศนะอาเซียน-จีน การพัฒนาและจัดการการศึกษาด้านนโยบายร่วม (Joint Policy Studies) ๒.๓ การดำเนินตามแผนปฏิบัติการฯ ได้แก่ (๑) การจัดการด้านองค์กรที่แต่ละฝ่ายจะมอบหมายผู้ประสานงานอย่างเป็นทางการ (National Focal Point : NPF) สำหรับความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมอาเซียน-จีน และทั้งสองฝ่ายจะจัดตั้งฝ่ายเลขานุการปฏิบัติการความร่วมมือ (Joint Implementation Secretariat : JIS) ซึ่งฝ่ายจีนรับผิดชอบโดยศูนย์ความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมอาเซียนจีน (The China - ASEAN Environmental Cooperation Center : CAEC) และฝ่ายอาเซียนโดยสำนักเลขาธิการอาเซียนฝ่ายสิ่งแวดล้อม (๒) การสนับสนุนด้านการเงิน โดยระบุแหล่งเงินทุนสนับสนุนที่สำคัญซึ่งไม่จำเพาะเจาะจงเพื่อดำเนินการตามแผนปฏิบัติการดังกล่าว ได้แก่ กองทุนความร่วมมืออาเซียน-จีน (ASEAN - China Cooperation Fund) การสนับสนุนจากคู่เจรจานานาชาติ รัฐบาลจีน รัฐบาลจากประเทศสมาชิกอาเซียน และแหล่งเงินทุนสนับสนุนจากความร่วมมือของหน่วยงานรัฐ-เอกชนอื่น (Public - Private Partnership) |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2870 | การพิจารณามติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับข้าราชการตามมาตรา 13 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548 | นร | 15/11/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. ให้คงมติคณะรัฐมนตรึเกี่ยวกับข้าราชการตามมาตรา ๑๓ แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘ จำนวน ๑๓ มติ ดังนี้ ๑.๑ มติคณะรัฐมนตรี จำนวน ๑๒ มติ ให้คงไว้เนื่องจากเป็นหลักการที่ต้องถือปฏิบัติ และไม่มีผลกระทบต่อนโยบายรัฐบาล ได้แก่ ๑.๑.๑ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๔๔ เรื่อง การเลื่อนขั้นเงินเดือนข้าราชการผู้ได้รับการพิจารณาบำเหน็จความชอบเป็นกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติ ๑.๑.๒ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๔๔ เรื่อง การพิจารณาให้ความช่วยเหลือข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่ในการจัดการเลือกตั้ง ๑.๑.๓ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๔๖ เรื่อง การยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การปราบปรามข้าราชการเล่นการพนันสลากกินรวบ และการปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง แนวทางลงโทษข้าราชการเล่นการพนันและเสพสุรา ๑.๑.๔ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๔๖ เรื่อง การเลื่อนขั้นเงินเดือนข้าราชการผู้ได้รับการพิจารณาบำเหน็จความชอบเป็นกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติ ๑.๑.๕ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ กันยายน ๒๕๔๖ เรื่อง การยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง ห้ามข้าราชการและพนักงานขององค์การรัฐบาลเล่นการลงแชร์ ๑.๑.๖ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๔๖ เรื่อง ขอหารือข้อกฎหมายเกี่ยวกับพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ ๑.๑.๗ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๔๗ เรื่อง ขอให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการประกันตัวผู้ต้องหาคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ๑.๑.๘ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๔๘ เรื่อง การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การพิจารณาการกระทำผิดวินัยของข้าราชการ ๑.๑.๙ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๐ เรื่อง ขออนุมัติให้ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้างประจำ ในหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หน่วยงานในกำกับของรัฐ หน่วยงานองค์กการมหาชน และหน่วยงานรัฐวิสาหกิจมาปฏิบัติงานในมูลนิธิอุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (มอนส) ๑.๑.๑๐ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๐ เรื่อง การเลื่อนขั้นเงินเดือนข้าราชการและลูกจ้างผู้ได้รับการพิจารณาบำเหน็จความชอบเป็นกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ๑.๑.๑๑ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๐ เรื่อง การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การเดินทางไปราชการต่างประเทศชั่วคราว ๑.๑.๑๒ มติคณะรฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๕๐ เรื่อง การให้ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และลูกจ้างของหน่วยงานภาครัฐที่เป็นสตรีไปถือศีลและปฏิบัติธรรม ๑.๒ มติคณะรัฐมนตรี จำนวน ๑ มติ ให้คงไว้เนื่องจากสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) (สมศ.) ยังจำเป็นต้องอาศัยผู้ปฏิบัติงานที่มีความรอบรู้และมีความชำนาญเฉพาะด้าน คือ มติคณะรฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๔๔ เรื่อง ขออนุมัติให้ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และเจ้าหน้าที่ของรัฐช่วยปฏิบัติงานในสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) ๒. ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี จำนวน ๒ มติ ได้แก่ ๒.๑ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๔๕ เรื่อง การแก้ไขปัญหาการให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐช่วยปฏิบัติงานของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ๒.๒ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๔๖ เรื่อง มาตรการต่อข้าราชการที่ทำงานไม่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2871 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2555 ครั้งที่ 1 | กค | 15/11/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติและรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑ ที่มีวงเงินปรับเพิ่มขึ้น ๓๖๓,๙๖๐.๘๐ ล้านบาท จากเดิม ๑,๒๘๗,๐๐๔.๖๐ ล้านบาท เป็นเงิน ๑,๖๕๐,๙๖๕.๔๐ ล้านบาท ๑.๒ รับทราบแผนการกู้เงินของสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) วงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อนำไปให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ๑.๓ อนุมัติการกู้เงินและการค้ำประกันเงินกู้ในประเทศของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจ ภายใต้กรอบแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ปรับปรุงครั้งที่ ๑ ๑.๔ อนุมัติให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงินและการค้ำประกันในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ปรับปรุงครั้งที่ ๑ แต่หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง ก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับกรอบวงเงินการค้ำประกันเงินกู้คงเหลือซึ่งมีอยู่อย่างจำกัด จึงขอให้กระทรวงการคลังพิจารณาจัดลำดับความสำคัญโครงการเงินกู้และวงเงินการค้ำประกันเงินกู้ที่เหมาะสมสำหรับการปรับแผนการบริหารหนี้สาธารณะระหว่างปี ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2872 | รายงานผลการดำเนินงานของกระทรวงสาธารณสุข | สธ | 15/11/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของกระทรวงสาธารณสุข ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การดำเนินการบริการทางการแพทย์และการสาธารณสุขในสถานการณ์อุทกภัย ๑.๑ ด้านการแพทย์ ได้แก่ การบริการประชาชนในพื้นที่อุทกภัย จัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ในจังหวัดต่าง ๆ จัดบริการแบบหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ประจำจุด และสัญจรตามบ้านเรือน ตั้งโรงพยาบาลสนามในจังหวัดซึ่งมีน้ำท่วมบริเวณกว้าง และโรงพยาบาลประจำจังหวัดที่ถูกน้ำท่วมเพื่อรักษาผู้ป่วยโรคทั่วไป โรคเรื้อรัง และอุบัติเหตุฉุกเฉิน ๒๔ ชั่วโมง รวมทั้งเยี่ยมผู้ป่วยโรคเรื้อรังซึ่งติดอยู่ตามบ้าน ๑.๒ ด้านการเฝ้าระวังและควบคุมโรคระบาด ได้ให้ความสำคัญกับการเฝ้าระวังสถานการณ์โรคระบาด ๑๐ โรคที่สำคญ เช่น โรคอุจจาระร่วง อาหารเป็นพิษ โรคฉี่หนู ไข้หวัดใหญ่ เป็นต้น พร้อมกำหนดหลักเกณฑ์การคัดกรองโรคเบื้องต้น กำหนดให้มีรายการเวชภัณฑ์ และจัดให้มีเจ้าหน้าที่ไปปฏิบัติหน้าที่ในศูนย์พักพิงและตามหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ต่าง ๆ ดำเนินการประเมินความเสี่ยงของการเฝ้าระวังและควบคุมโรคและดำเนินกิจกรรมควบคุมโรคที่ศูนย์พักพิง รวมทั้งดำเนินการเฝ้าระวังการระบาดของโรคในสถานการณ์อุทกภัย ๑.๓ ด้านสุขาภิบาลและสิ่งแวดล้อม ได้ผลิตชุดป้องกันโรคด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม “ชุดนายสะอาด” เป็นชุดป้องกันโรคด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย ถุงดำขนาดใหญ่สำหรับใส่ขยะ ถุงดำขนาดเล็กสำหรับใส่อุจจาระ น้ำยาล้างจาน สบู่ เจลล้างมือ หยดทิพย์ (คลอรีนน้ำ) ใช้สำหรับฆ่าเชื้อโรคในน้ำ เพื่อนำน้ำมาอุปโภค และเมกะคลีน พลัส ใช้บำบัดน้ำเสียที่ท่วมขังเป็นเวลานาน รวมทั้งให้คำแนะนำการทำน้ำสะอาดใช้ในภาวะน้ำท่วม ตลอดจนเฝ้าระวังด้านความปลอดภัยของอาหารและน้ำ โดยใช้ชุดตรวจภาคสนามดำเนินการสุ่มตัวอย่างและตรวจสอบคุณภาพด้วยชุดตรวจโคลิฟอร์มสำหรับการปนเปื้อนโคลิฟอร์ม แบคทีเรีย และการตรวจวัดปริมาณคลอรีนอิสระคงเหลือด้วยชุดตรวจคลอรีนอิสระคงเหลือในน้ำ และร่วมจัดกิจกรรมรณรงค์ทำความสะอาดในชุมชน (Big cleaning day) ในพื้นที่ที่เข้าสู่สภาวะปกติ ๑.๔ การให้บริการทางสุขภาพจิต ในระยะน้ำท่วมได้ให้บริการด้านสุขภาพจิตโดยหน่วยแพทย์สุขภาพจิตในพื้นที่ต่าง ๆ ตามศูนย์พักพิง โรงพยาบาลสนาม และลงเยี่ยมครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้ประสบภัย ๑.๕ การส่งอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) ปฏิบัติงานในศูนย์พักพิงและโรงพยาบาลสนามทุกแห่ง โดยมี อสม. ร่วมปฏิบัติการสนับสนุนการดูแลสุขภาพประชาชนผู้ประสบภัยในชุมชน และในศูนย์พักพิง ดำเนินงานด้านฟื้นฟูสุขภาพและด้านสิ่งแวดล้อม และช่วยดำเนินการในหน่วยแพทย์ของกรุงเทพมหานคร ๑.๖ การป้องกันเวชภัณฑ์ขาดแคลน ได้มอบให้องค์การเภสัชกรรมและสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาดำเนินการในมาตรการประสานกับโรงงานผู้ผลิตทดแทนให้เพียงพอแล้ว กำหนดช่องทางการส่งที่มีประสิทธิภาพโดยบริษัทไปรษณีย์ไทย และจัดตั้งศูนย์ประสานข้อมูลความต้องการเวชภัณฑ์ที่องค์การเภสัชกรรม เพื่อเฝ้าระวังและจัดหายาทดแทนได้ทันท่วงที ๑.๗ การสนับสนุนบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขในกรุงเทพมหานคร เพื่อรองรับปัญหาการบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุขอันเนื่องจากอุทกภัย ได้แก่ การจัดเตียงรองรับผู้ป่วยหนักในโรงพยาบาล สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ในภูมิภาคให้เพียงพอต่อการส่งต่อผู้ป่วยหนักจากโรงพยาบาลในกรุงเทพมหานคร และประสานกับกรุงเทพมหานครเพื่อให้การสนับสนุนบริการด้านการแพทย์ และการสาธารณสุข โดยเน้นยุทธศาสตร์การบริการหน่วยแพทย์เคลื่อนที่เชิงรุก โดยพาหนะ รถสิบล้อ รถยีเอ็มซี และเรือ ไปตามชุมชนและบ้านเรือนที่ประสบน้ำท่วมสูง ๒. การดำเนินการฟื้นฟูในจังหวัดที่มีน้ำท่วมคงอยู่และลดลง ได้กำหนดกิจกรรมด้านการฟื้นฟูหน่วยบริการและระบบบริการใน ๔๕ วันที่ครอบคลุมในประเด็นการฟื้นฟูหน่วยบริการให้สามารถบริการได้ดังเดิม ที่ครอบคลุมการเปิดบริการในสถานบริการ การให้บริการนอกสถานที่ ในกลุ่มผู้สูงอายุ เด็ก สตรีมีครรภ์ ผู้พิการ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง และการซ่อมแซมสถานบริการ การเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมโรค การฟื้นฟูสุขอนามัยที่ครอบคลุมคุณภาพอาหารและน้ำ การล้างตลาด การปรับปรุงระบบประปาและคุณภาพสิ่งแวดล้อม การฟื้นฟูสุขภาพจิตของประชาชน ๓. การสนับสนุนเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของสถานบริการสาธารณสุขและหน่วยแพทย์ต่าง ๆ ประกอบด้วย ยาชุดช่วยเหลือผู้ประสบภัย ยาตำราหลวง ยาทาแก้น้ำกัดเท้า เตียงพับ เปลพับ เตียงสนามเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ชุดกรองน้ำ เสื้อชูชีพ เรือท้องแบนพร้อมเครื่องยนต์ เรือพายพลาสติก เรือพายไฟเบอร์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2873 | รายงานผลการดำเนินงาน ป้องกันและฟื้นฟูนิคมอุตสาหกรรม เขตประกอบการอุตสาหกรรม และสวนอุตสาหกรรม | อก | 15/11/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงาน ป้องกันและฟื้นฟูนิคมอุตสาหกรรม เขตประกอบการอุตสาหกรรม และสวนอุตสาหกรรม ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การฟื้นฟูนิคม/เขตประกอบการ/สวนอุตสาหกรรมที่ประสบอุทกภัย คณะทำงานฟื้นฟูนิคมอุตสาหกรรม เขตประกอบการอุตสาหกรรม และสวนอุตสาหกรรม ได้ประชุมร่วมกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและผู้พัฒนานิคมในการจัดทำแผนฟื้นฟูนิคม/เขตประกอบการ/สวนอุตสาหกรรม ที่ประสบอุทกภัยแล้ว ๗ แห่ง ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร นิคมอุตสาหกรรมไฮเทค นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน เขตประกอบการอุตสาหกรรมโรจนะ เขตประกอบการอุตสาหกรรมแฟ็คตอรี่แลนด์ สวนอุตสาหกรรมนวนคร และสวนอุตสาหกรรมบางกะดี ซึ่งภาพรวมของแผนการฟื้นฟู ประกอบด้วย งานสูบน้ำ งานทำความสะอาดพื้นที่นิคมและโรงงาน งานซ่อมแซมอาคาร/สิ่งปลูกสร้าง งานฟื้นฟูสาธารณูปโภค (น้ำประปา, ไฟฟ้า) งานรื้อถอนและขนย้ายเครื่องจักร งานติดตั้งเครื่องจักรใหม่ และงานฟื้นฟูซ่อมแซมเครื่องจักร ปัจจุบันนิคม/เขตประกอบการ/สวนอุตสาหกรรมแต่ละแห่งอยู่ในขั้นตอนแรกของการดำเนินงานซ่อมคันดินและสูบน้ำออก ๒. การป้องกันนิคมอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงจะประสบอุทกภัย คณะทำงานป้องกันและลดผลกระทบจากอุทกภัยในนิคมอุตสาหกรรม ได้ดำเนินการป้องกันด้วยมาตรการต่าง ๆ โดยทุ่มเทสรรพกำลังจากทุกหน่วยงาน เพื่อรักษานิคมอุตสาหกรรม ๘ แห่ง ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมบางชัน นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี นิคมอุตสาหกรรมบางพลี นิคมอุตสาหกรรมบางปู นิคมอุตสาหกรรมเวลโกลว์ นิคมอุตสาหกรรมสินสาคร และนิคมอุตสาหกรรมสมุทรสาคร มิให้ถูกน้ำท่วมเสียหายเพิ่มเติมอีก โดยมาตรการในเชิงป้องกันของนิคมฯ ที่สำคัญ ได้แก่ การเสริมความสูงของพนังกั้นน้ำ เขื่อนหรือคันดิน พร้อมกับการตรวจตราความเข้มแข็งของพนังกั้นน้ำอย่างใกล้ชิด การจัดหาเครื่องสูบน้ำและเครื่องจักรหนัก การขุดลอกคูคลองและการกำจัดเศษขยะเพื่อให้น้ำระบายได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น การย้ายและจัดเก็บสารเคมีอันตรายไว้ในที่ปลอดภัย การจัดเวรยามเฝ้าระวังความสูงของน้ำและสภาพของคันดิน การทำความเข้าใจกับชุมชน และการเตรียมแผนอพยพ เป็นต้น ปัจจุบันมาตรการป้องกันสำหรับนิคมฯ ต่าง ๆ ยังสามารถป้องกันน้ำท่วมได้ ซึ่งได้รับการสนับสนุนด้านกำลังคนและเครื่องจักรหนักในการกู้ภัยจากกระทรวงกลาโหมเป็นอย่างดี ๓. การตรวจสอบและเฝ้าระวังคุณภาพสิ่งแวดล้อมจากการระบายน้ำในพื้นที่ท่วมขังภายในพื้นที่นิคม/เขตประกอบการ/สวนอุตสาหกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงสาธารณสุขได้บูรณาการการทำงานเกี่ยวกับการตรวจสอบและเฝ้าระวังคุณภาพสิ่งแวดล้อมจากการระบายน้ำในพื้นที่ท่วมขังภายในนิคม/เขตประกอบการ/สวนอุตสาหกรรม โดยดำเนินการตรวจสอบคุณภาพน้ำตั้งแต่ระยะที่น้ำภายในและภายนอกนิคมอยู่ในระดับเดียวกันจนกระทั่งน้ำแห้งโดยตรวจสอบเป็นระยะ ๆ ต่อเนื่อง กรณีที่ตรวจคุณภาพน้ำไม่เป็นไปตามมาตรฐานคุณภาพการระบายน้ำทิ้งจากโรงงานอุตสาหกรรมจะต้องหยุดสูบน้ำออกชั่วคราว จนกว่าจะได้มีการปรับปรุงคุณภาพน้ำให้เป็นไปตามมาตรฐาน ดำเนินการบำบัดและฟื้นฟูคุณภาพน้ำให้ได้มาตรฐาน ดำเนินการตรวจสอบและเฝ้าระวังคุณภาพน้ำอย่างต่อเนื่องในระหว่างที่มีการสูบน้ำ รวมทั้งหากพบถังสารเคมีจะตรวจวิเคราะห์และจำแนกความเป็นอันตรายของสารเคมีและเก็บรวบรวมไว้ในที่ปลอดภัย และเมื่อระดับน้ำลดลงจนเหลือระดับ ๓๐ เซนติเมตรจากระดับพื้นหรือจนถึงระดับตะกอนดินจะต้องหยุดทำการสูบน้ำ และทำการตรวจสอบคุณสมบัติของตะกอนว่าเข้าข่ายเป็นของเสียอันตรายตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ หรือไม่
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2874 | การปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเลื่อนเงินเดือนข้าราชการพลเรือน | นร | 08/11/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการการปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเลื่อนเงินเดือนข้าราชการพลเรือน ตามมติ ก.พ. ในการประชุมครั้งที่ ๖/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๔ ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ ๒. ให้สำนักงาน ก.พ. รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อให้เกิดความชัดเจนในทางปฏิบัติ ไปพิจารณาดำเนินการก่อนแจ้งให้ส่วนราชการถือปฏิบัติต่อไป ดังนี้ ๒.๑ การประเมินผลการปฏิบัติราชการและการเลื่อนเงินเดือนของข้าราชการที่ไปช่วยราชการ ควรให้หน่วยงานต้นสังกัดเป็นผู้แจ้งตัดยอดจำนวนคนและอัตราเงินเดือนไปยังหน่วยงานที่ไปช่วยปฏิบัติราชการ เมื่อข้าราชการผู้นั้นครบกำหนดระยะเวลาที่หน่วยงานนั้นจะต้องเป็นผู้ประเมินผล เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการบริหารวงเงินสำหรับข้าราชการที่ไปช่วยปฏิบัติราชการ ๒.๒ การโอน ย้าย หลังวันที่ ๑ มีนาคม หรือ ๑ กันยายน ซึ่งเป็นวันที่คำนวณวงเงินงบประมาณสำหรับการเลื่อนเงินเดือน ควรกำหนดให้ชัดเจนในกรณีการโอน ย้ายไปแต่งตั้งในระดับสูงขึ้นหลังวันที่ ๑ มีนาคม หรือ ๑ กันยายน ว่าจะใช้ฐานในการคำนวณของระดับเดิมก่อนโอนย้ายในหน่วยงานต้นสังกัดเดิม หรือฐานในการคำนวณระดับสูงขึ้นในหน่วยงานต้นสังกัดใหม่ เนื่องจากฐานเงินเดือนในกรณีที่ย้ายไปแต่งตั้งในระดับที่สูงขึ้นจะแตกต่างจากฐานเงินเดือนเดิม ๒.๓ การบริหารวงเงินงบประมาณสำหรับเลื่อนเงินเดือนที่กันไว้บริหาร ควรให้หน่วยงานประกาศกรอบวงเงินงบประมาณสำหรับเลื่อนเงินเดือนในทุกวงเงินตามแนวทางการเลื่อนเงินเดือนของแต่ละหน่วยงานให้ข้าราชการในสังกัดทราบ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและตรวจสอบได้ ๒.๔ การเลื่อนเงินเดือนให้แก่ข้าราชการที่ถึงแก่ความตายก่อนวันที่ ๑ มีนาคม หรือ ๑ ตุลาคม ควรกำหนดให้ชัดเจนว่าให้นำอัตราเงินเดือนของผู้ถึงแก่ความตายมาคำนวณเป็นวงเงินงบประมาณสำหรับการเลื่อนเงินเดือน เฉพาะกรณีผู้ที่มีคุณสมบัติในการเลื่อนเงินเดือนครบถ้วนตามที่ ก.พ. กำหนด เช่น ในรอบการประเมินมีเวลาปฏิบัติงานไม่น้อยกว่า ๔ เดือน เป็นต้น และควรมีแนวทางที่ชัดเจนและสะดวกในทางปฏิบัติ สำหรับพิจารณาให้กับผู้ถึงแก่ความตายที่มีผลการประเมินการปฏิบัติงานเป็นที่ยอมรับ และเหมาะสมที่จะได้รับการเลื่อนเงินเดือน แต่มีคุณสมบัติไม่ครบในการเลื่อนเงินเดือนตามที่ ก.พ. กำหนด เพื่อจะเป็นประโยชน์ต่อการคำนวณบำเหน็จตกทอด |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2875 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง ยุทธศาสตร์การแข่งขันกล้วยไม้ไทยในตลาดโลก พ.ศ. 2554 - 2559 | กษ | 08/11/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์การแข่งขันกล้วยไม้ไทยในตลาดโลก พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
๑. แผนงานเพิ่มศักยภาพการแข่งขันด้านการตลาดส่งออก ได้แก่ การขยายช่องทางการตลาด โดยศึกษาวิเคราะห์ตลาดและแนวทางการขยายตลาดใหม่ ๕ ตลาด คือ ประเทศไต้หวัน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อิหร่าน อินเดีย และแคนาดา และศึกษาวิเคราะห์เพื่อแก้ไขปัญหาที่มีต่อการส่งออกในตลาดญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐประชาชนจีน อิตาลี และเนเธอร์แลนด์ รวมทั้งศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการจัดตั้งศูนย์กลางกล้วยไม้แบบครบวงจรของสหกรณ์ผู้ประกอบการกล้วยไม้ไทย และการรณรงค์ประชาสัมพันธ์กล้วยไม้ อาทิ เข้าร่วมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ จัดแสดงศักยภาพกล้วยไม้ไทยในการแสดงกล้วยไม้ระดับนานาชาติ ณ ประเทศไต้หวัน จัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ภาษาอังกฤษ และจัดทำหมู่บ้านกล้วยไม้ไทยเพื่อการอนุรักษ์และการท่องเที่ยว ๒. แผนงานส่งเสริมการผลิตกล้วยไม้คุณภาพ ได้ดำเนินโครงการส่งเสริมการผลิตกล้วยไม้ให้มีความหลากหลาย โดยดำเนินการดูแลรักษา ขยาย และให้บริการเกสรจากต้นพ่อแม่พันธุ์เพื่อใช้ในการปรับปรุงพันธุ์ใหม่ และจัดอบรมการพัฒนาพันธุ์ และโครงการส่งเสริมการผลิตกล้วยไม้ที่มีคุณภาพตามมาตรฐานการส่งออก โดยจัดอบรมที่ปรึกษาการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับพืช (GAP) แก่เจ้าหน้าที่ และอบรมการส่งเสริมการจัดทำสวน GAP ของเกษตรกร ให้การรับรองสวน GAP แก่เกษตรกร และจัดทำโครงการทดสอบมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับกล้วยไม้ตัดดอก และการปฏิบัติที่ดีสำหรับโรงคัดบรรจุดอกกล้วยไม้ ๓. แผนงานพัฒนาและสร้างสรรค์นวัตกรรม โดยจัดทำโครงการส่งเสริมงานวิจัยเชิงบูรณาการระหว่างเกษตรกร ผู้ประกอบการ และนักวิจัย ๔. แผนงานพัฒนาองค์กร ได้ดำเนินโครงการส่งเสริมการสร้างคลัสเตอร์กล้วยไม้ที่เข้มแข็ง โดยจัดประชุมส่งเสริมการสร้างคลัสเตอร์กล้วยไม้ที่เข้มแข็งสำหรับเจ้าหน้าที่ จัดประชุมเครือข่ายคลัสเตอร์กล้วยไม้ และจัดประชุมเชื่อมโยงเครือข่ายสำหรับเกษตรกร และโครงการสร้างศูนย์กลางการให้บริการกล้วยไม้แบบเบ็ดเสร็จ โดยการปรับปรุงระบบเครือข่ายข้อมูลกล้วยไม้ จัดตั้งศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีและฝึกอาชีพกล้วยไม้ และจัดตั้งศูนย์บริการด้านการตลาดกล้วยไม้ ๕. แผนงานส่งเสริมการใช้และสนับสนุนการส่งออก ได้ดำเนินการจัดทำสวนกล้วยไม้ประดับตกแต่ง ณ สนามบินสุวรรณภูมิ และจัดงานกล้วยไม้บานที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ตลอดเดือนกันยายนของทุกปี) และจัดทำสวนกล้วยไม้ในสวนสาธารณะของกรุงเทพมหานครเป็น Orchid Park ณ สวนลุมพินี และใช้กล้วยไม้ประดับตกแต่งทั่วไป ณ สวนสันติภาพ ๖. การบริหารจัดการโครงการเพื่อการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การแข่งขันกล้วยไม้ไทยในตลาดโลก พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๕๙ ได้จัดประชุมคณะกรรมการกล้วยไม้แห่งชาติ คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ และที่ปรึกษาคณะทำงานการเตรียมความพร้อมและการประสานงาน เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ฯ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2876 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณโครงการจัดหารถยนต์บรรทุกขนาดเบา | กห | 08/11/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กองทัพบกก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณโครงการจัดหารถยนต์บรรทุกขนาดเบา (รถยนต์บรรทุกขนาดเบา ๔ x ๔) จำนวน ๙๔๑ คัน วงเงินทั้งสิ้น ๙๕๐,๐๓๑,๖๐๐ บาท ระยะเวลาดำเนินการ ๔ ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ถึงปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ๒. ให้กระทรวงกลาโหมเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ตามโครงการจัดหารถยนต์บรรทุกขนาดเบา (ทบ. ๑๔๑๖) ซึ่งสำนักงบประมาณได้จัดสรรงบประมาณรายจ่าย และกองทัพบกได้รับการกันเงินงบประมาณไว้เบิกเหลื่อมปีจากกระทรวงการคลังไว้แล้ว จำนวน ๒๔๔,๒๐๐,๐๐๐ บาท และผูกพันงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๖ - พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๗๐๕,๘๓๑,๖๐๐ บาท ทั้งนี้ เมื่อมีการปรับปรุงคุณลักษณะเฉพาะของรถยนต์บรรทุกขนาดเบาเพื่อเพิ่มสมรรถนะและประสิทธิภาพในการปฏิบัติภารกิจแล้ว เห็นควรที่กองทัพบกจะพิจารณาทบทวนจำนวนรถยนต์ดังกล่าวให้มีจำนวนเท่าที่จำเป็นในการปฏิบัติภารกิจด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการจัดหารถยนต์บรรทุกขนาดเบาให้ถือปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการ และเห็นควรเพิ่มศักยภาพในการใช้งานของรถยนต์ดังกล่าวให้สนับสนุนภารกิจที่สำคัญเร่งด่วนของรัฐบาล โดยเฉพาะการให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยได้อย่างรวดเร็วและทันต่อเหตุการณ์ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2877 | รายงานการพัฒนาระบบราชการไทย ประจำปี พ.ศ. 2553 | นร | 01/11/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบรายงานการพัฒนาระบบราชการไทย ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาต่อไป โดยรายงานการพัฒนาระบบราชการไทยฯ มีสาระสำคัญประกอบด้วย ๓ ส่วน ดังนี้
๑. ส่วนที่ ๑ ภาพรวม ประกอบด้วย เป้าหมายและแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการไทย (พ.ศ. ๒๕๕๑ - พ.ศ. ๒๕๕๕) สถานภาพของระบบราชการไทย ที่บ่งบอกถึงลักษณะการมีอยู่ของหน่วยงานภาครัฐในกำกับของฝ่ายบริหาร ตลอดจนผลการประเมินภาพรวมของระบบราชการไทยด้านต่าง ๆ ที่สะท้อนสมรรถนะของระบบราชการที่ได้พัฒนาต่อเนื่องมา และในรอบปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ๒. ส่วนที่ ๒ ความก้าวหน้าของการพัฒนาระบบราชการไทย ประกอบด้วย ผลการปฏิบัติราชการตามคำรับรองการปฏิบัติราชการของกระทรวง กรม จังหวัด และองค์การมหาชน ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ การผลักดันการพัฒนาระบบราชการไทย เพื่อบรรลุเป้าประสงค์หลัก ๔ ประการของแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการไทย (พ.ศ. ๒๕๕๑ - พ.ศ. ๒๕๕๕) ซึ่งทำให้ระบบราชการไทย “เก่ง ดี มีส่วนร่วม และตอบสนองทันต่อการเปลี่ยนแปลง” อาทิเช่น การพัฒนาคุณภาพการให้บริการประชาชน การบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม การยกระดับการให้บริการประชาชนในราชการบริหารส่วนภูมิภาคและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การสร้างความเข้มแข็งในการบริหารพื้นที่ การปรับปรุงระบบการประเมินผลตามคำรับรองการปฏิบัติราชการให้เกิดการบูรณาการการทำงานระหว่างกระทรวง การพัฒนาตนเองของส่วนราชการตามกระบวนการการพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ (PMQA) ฯลฯ และการดำเนินงานขั้นต่อไป ทั้งงานเดิมที่สานต่อ และงานริเริ่มใหม่ โดยเฉพาะการสร้างระบบรองรับการเข้ามามีบทบาทการทำบริการสาธารณะของภาคส่วนอื่น และการสร้างความพร้อมยอมรับของฝ่ายข้าราชการ และความเชื่อมั่นของผู้รับบริการ ๓. ส่วนที่ ๓ การดำเนินงานของสำนักงาน ก.พ.ร. ประกอบด้วย วิสัยทัศน์ ประเด็นยุทธศาสตร์ของสำนักงาน ก.พ.ร. ทรัพยากรที่สำนักงานใช้ในการบริหารงาน ได้แก่ บุคลากร และงบประมาณ และรายงานกิจการของสถาบันส่งเสริมการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี (หน่วยบริการรูปแบบพิเศษ) ในกำกับของสำนักงาน ก.พ.ร.
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2878 | รายงานประจำปีของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี | ศธ | 01/11/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ซึ่งได้ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแล้ว ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยรายงานฯ มีเนื้อหาสาระสำคัญ สรุปได้ ดังนี้
๑. การยกระดับคุณภาพการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี ได้แก่ การพัฒนาและปรับปรุงหลักสูตรวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี การพัฒนากระบวนการเรียนรู้วิทยาศาสตร์โลกทั้งระบบเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน การดำเนินภารกิจเพื่อพัฒนาครู การพัฒนาเครื่องมือและวิธีการวัดผลและประเมินผลที่หลากหลาย และการจัดกิจกรรมเพื่อสร้างความเข้าใจให้สาธารณชนตระหนักในความสำคัญของวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี ๒. การพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยีอย่างเต็มศักยภาพ ได้แก่ การดำเนินโครงการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (พสวท.) การพัฒนาอัจฉริยภาพทางวิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ การพัฒนาครูที่มีศักยภาพสูงทดแทนครูที่จะเกษียณอายุและการขาดแคลนครูวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี ในสถานศึกษา ๓. การปรับปรุงกระบวนการจัดการบริหารภายในและความรู้สู่องค์กรคุณภาพสูง ได้แก่ การจัดโครงการอบรม พัฒนาและประชุมปฏิบัติการให้กับพนักงาน การดำเนินการเพื่อเพิ่มขีดความสามารถขององค์กรในการติดตามการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น และการดำเนินกิจกรรมการบริหารจัดการความรู้ในองค์กรและอบรมบุคลากร เพื่อวางแผนและรวบรวมข้อมูล องค์ความรู้และพัฒนาระบบบฐานข้อมูลองค์ความรู้ ๔. ทิศทางและเป้าหมายการดำเนินงาน ปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ได้แก่ การยกระดับคุณภาพการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี การพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี อย่างเต็มตามศักยภาพ และการปรับปรุงกระบวนการจัดการบริหารภายในและความรู้สู่องค์กรคุณภาพสูง ๕. งบแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๓ และ ๒๕๕๒ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว โดยผลการดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันของแต่ละปีของ สสวท. ถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญ ตามหลักการบัญชีกระทรวงการคลังกำหนด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2879 | มาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย (เพิ่มเติม) | นร | 01/11/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย (เพิ่มเติม) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การช่วยเหลือประชาชนทั่วไปที่ได้รับผลกระทบ ๑.๑.๑ ให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ร่วมกันปรับปรุงรูปแบบของศูนย์พักพิงผู้ประสบภัยให้เป็นศูนย์พัฒนาฝีมือและคุณภาพชีวิตชั่วคราว โดยจัดบริการเบ็ดเสร็จให้ความช่วยเหลือ ด้านอาหาร เครื่องอุปโภคบริโภค การดูแลสุขภาพให้บริการทางการแพทย์ และการเยียวยาจิตใจ และจัดให้มีกิจกรรมที่เหมาะสมกับแต่ละกลุ่มวัย รวมทั้งเร่งการฝึกอบรมอาชีพระยะสั้นเพื่อนำไปประกอบอาชีพและสร้างรายได้ต่อไป โดยให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ประสานกับกระทรวงแรงงานและกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนและกำหนดหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนในการรับฝึกอบรมเฉพาะประชาชนที่พักอยู่ในศูนย์พักพิงผู้ประสบภัย ไม่นับรวมผู้ที่เดินทางไป - กลับ ทั้งนี้ ในระหว่างที่ฝึกอบรมอาชีพผู้เข้ารับการฝึกอบรมจะได้รับเบี้ยเลี้ยง ๑๒๐ บาท/วัน และหากประสงค์จะทำงานต่อจะจัดหางานให้ทำต่อในศูนย์พักพิง เช่น ทำอาหาร ดูแลเด็ก ผู้สูงอายุและผู้พิการ เป็นต้น โดยได้รับค่าจ้างตามอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของแต่ละพื้นที่ รวมทั้งหางานอาชีพให้ทำนอกศูนย์พักพิงที่มีตำแหน่งว่างอยู่กว่า ๓๐,๐๐๐ ตำแหน่ง ๑.๑.๒ สำหรับการดูแลผู้ป่วย ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ดูแลผู้ประสบอุทกภัยที่เป็นผู้ป่วย และส่งต่อผู้ป่วยของโรงพยาบาลที่ได้รับผลกระทบอุทกภัยไปยังโรงพยาบาลที่ไม่ได้รับผลกระทบอย่างเป็นระบบ แต่เริ่มมีการขาดแคลนเวชภัณฑ์บางชนิด เช่น น้ำยาล้างไต เป็นต้น เนื่องจากโรงงานผลิตในประเทศไม่สามารถดำเนินการได้ ให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งเตรียมการนำเข้าและสำรวจเวชภัณฑ์ที่จำเป็นที่อาจมีไม่เพียงพอ ๑.๑.๓ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดกำลังดูแลทรัพย์สินของประชาชนที่ไม่ได้อยู่บ้านอย่างเข้มงวดเพื่อให้มีความปลอดภัยจากการโจรกรรม ๑.๑.๔ ให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณาจัดตั้งคลังอาหารสดและอาหารปรุงสำเร็จสำหรับช่วยเหลือผู้ประสบภัยในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และให้กระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ประสานให้จังหวัดต่าง ๆ ที่อยู่นอกพื้นที่ประสบอุทกภัยซึ่งยังมีศักยภาพและมีความประสงค์ที่จะส่งอาหารเข้าช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในจังหวัดอื่นดำเนินการรวบรวมจัดส่งเข้าคลัง และจัดให้มีจังหวัดคู่แฝดที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกันที่มีศักยภาพและความพร้อมเพื่อช่วยเหลือจังหวัดที่ประสบภาวะอุทกภัย ๑.๑.๕ ให้กระทรวงมหาดไทยเร่งสำรวจความเสียหายในพื้นที่ซึ่งน้ำลดแล้ว เพื่อจัดงบประมาณช่วยเหลือผู้ได้รับความเสียหาย ซึ่งจะได้รับความช่วยเหลือไม่เกินครอบครัวละ ๓๐,๐๐๐ บาท และประสานการช่วยเหลือในรูปแบบอื่น ๆ เช่น การรวมพลังช่วยเหลือกันในชุมชน และการจัดกิจกรรมเพื่อสังคมของภาคเอกชนเพื่อซ่อมสร้างบ้าน เป็นต้น ๑.๒ การช่วยเหลือเกษตรกร ๑.๒.๑ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งสำรวจความเสียหายเพิ่มเติม เพื่อเตรียมโครงการและงบประมาณช่วยเหลือความเสียหาย เช่น ความเสียหายด้านพืช ปศุสัตว์และประมง การช่วยเหลือเมล็ดพันธุ์ข้าว พันธุ์พืชไร่ พันธุ์สัตว์น้ำ และพันธุ์สัตว์ปีก การฟื้นฟูสุขภาพสัตว์ การแก้ไขปัญหาน้ำเสียและฟื้นฟูคุณภาพดิน การช่วยเหลือสมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ เป็นต้น ๑.๒.๒ สินเชื่อธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ๑.๒.๒.๑ กรณีลูกค้าประสบภัยและเสียชีวิต ธ.ก.ส. ปลดหนี้ให้กับทายาทหรือคู่สมรส และรับเป็นลูกค้าเพื่อให้สินเชื่อฟื้นฟูการผลิตแทน ๑.๒.๒.๒ กรณีประสบภัยร้ายแรงและไม่เสียชีวิต จะมีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้และพักชำระหนี้ ซึ่งกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างพิจารณาเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติงบประมาณชดเชยดอกเบี้ยในช่วงพักชำระหนี้ ๓ ปีแทนเกษตรกร ๑.๒.๒.๓ สินเชื่อ ธ.ก.ส. ดำเนินการ ๒ โครงการ ได้แก่ สินเชื่อเพื่อฟื้นฟูการประกอบอาชีพเกษตรกร วงเงินรวม ๓๐,๐๐๐ ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าปกติร้อยละ ๓ ต่อปี และสินเชื่อเพื่อฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิตเกษตรกร วงเงินรวม ๓๐,๐๐๐ ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย MRR (ปัจจุบัน ร้อยละ ๗ ต่อปี) ระยะ ๓ - ๕ ปี หรือยาวกว่านั้น ทั้งนี้ ให้รวมถึงเกษตรกรที่ได้รับความเสียหายที่ไม่ได้เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. สามารถมาขึ้นทะเบียนเป็นลูกค้าได้ด้วย สำหรับสมาชิกสหกรณ์การเกษตรและเกษตรกรที่เป็นลูกค้าธนาคารพาณิชย์ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงการคลังประสานให้ได้รับความช่วยเหลือในลักษณะเดียวกับลูกค้า ธ.ก.ส. ด้วย ๑.๓ การกอบกู้นิคมอุตสาหกรรมที่ประสบอุทกภัย ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยประสานนิคมอุตสาหกรรม เขตอุตสาหกรรม และสวนอุตสาหกรรม ที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงทั้ง ๗ แห่ง เร่งจัดทำแผนปฏิบัติการในการลดระดับน้ำในนิคมอุตสาหกรรม (Dewatering Action Plan) และฟื้นฟูนิคมอุตสาหกรรมเมื่อน้ำเริ่มลดเพื่อให้สามารถดำเนินกิจการต่อได้ภายใน ๔๕ วันนับจากวันที่เริ่มปฏิบัติการสูบน้ำออกจากนิคมอุตสาหกรรม ทั้งนี้ อยู่ระหว่างการจัดให้มีคณะกรรมการอำนวยการระดับนโยบาย ๑ คณะ และคณะอนุกรรมการระดับปฏิบัติการร่วมระหว่างรัฐและเอกชน รวมทั้งจัดตั้งศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จสำหรับนิคมอุตสาหกรรมทั้ง ๗ แห่ง ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักในการแก้ไขปัญหาน้ำเสียและฟื้นฟูคุณภาพดิน โดยร่วมกับกระทรวงมหาดไทยซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีข้อมูลเกี่ยวกับพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย เพื่อให้การดำเนินการช่วยเหลือเป็นไปอย่างเหมาะสมตรงตามกลุ่ม/พื้นที่เป้าหมาย โดยให้ดำเนินการบูรณาการและประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพลังงาน กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งภาคเอกชนด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2880 | แผนการดำเนินการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย | นร | 25/10/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการของแผนและแนวทางการดำเนินการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย รวมทั้งการมอบหมายให้ผู้เกี่ยวข้องดำเนินการ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการของแผนการดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในระยะการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า มุ่งเน้นการช่วยเหลือเฉพาะหน้าให้ประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รวมทั้งบรรเทาความเสียหายของผู้ประกอบการ วงเงินงบประมาณ ๑,๐๒๗ ล้านบาท และระยะของการช่วยเหลือระหว่างที่ระดับน้ำในพื้นที่ยังท่วมสูง เพื่อให้ประชาชนและผู้ประกอบการสามารถปรับตัวให้อยู่กับสถานการณ์อุทกภัยที่คาดว่าจะยังดำรงอยู่ในช่วง ๔ - ๖ สัปดาห์ วงเงินงบประมาณ ๑๓,๓๔๗ ล้านบาท โดยให้สำนักงบประมาณรับไปพิจารณาความเหมาะสมในรายละเอียดของงบประมาณและนำเสนอคณะรัฐมนตรี ๑.๒ ให้คณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านเศรษฐกิจ และด้านสังคม กำกับ ติดตาม เร่งรัด และรายงานผลการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามข้อ ๑.๑ ให้คณะรัฐมนตรีทราบ ทั้งนี้ หากกรณีสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปและพิจารณาเห็นว่าต้องกำหนดมาตรการเพิ่มเติมเพื่อให้การดำเนินงานสัมฤทธิผลอย่างแท้จริง ให้จัดทำมาตรการเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นชอบ ๑.๓ เห็นชอบในหลักการของแนวทางการดำเนินการในระยะการฟื้นฟูภายหลังน้ำลดแล้ว มุ่งเน้นการฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจและสังคมในทุกมิติ เพื่อให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมกลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว วงเงินงบประมาณ ๔๒,๗๐๔ ล้านบาท และระยะการปรับโครงสร้างถาวร ซึ่งจะดำเนินการวางแผนและเตรียมความพร้อมในการบริหารจัดการน้ำ และการบริหารจัดการในภาวะวิกฤตในอนาคต เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาอุทกภัยในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ วงเงินงบประมาณ ๒๔,๔๒๘ ล้านบาท โดยให้คณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านเศรษฐกิจ และด้านสังคม จัดทำแนวทางและแผนการดำเนินการในระยะการฟื้นฟูภายหลังน้ำลดแล้ว เพื่อให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมกลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว และให้คณะกรรมการอำนวยการ กำกับ ติดตามการช่วยเหลืออุทกภัย ดินโคลนถล่ม วาตภัย และคลื่นชายฝั่ง จัดทำแนวทางและแผนการดำเนินการในระยะการปรับโครงสร้างถาวร เพื่อให้สามารถบริหารจัดการน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป ๒. เห็นชอบการปรับปรุงถ้อยคำเกี่ยวกับภารกิจที่มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) รับผิดชอบดำเนินการให้ถูกต้องชัดเจน โดยการจัดทำพนังกั้นน้ำในแต่ละพื้นที่ นั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะรับไปประสานงานเพื่อให้ประชาชนและผู้ประกอบการจัดขึ้นใหม่ให้มีความสูงสอดคล้องกับระดับน้ำสูงสุด ส่วนกรณีการเผยแพร่ข้อมูลในเว็บไซต์ของทางราชการ ให้พิจารณาตามความเหมาะสม ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอเพิ่มเติม ๓. สำหรับการบูรณาการกิจกรรมในศูนย์อพยพ ๔ - ๖ สัปดาห์ ให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเป็นหน่วยดำเนินการเพิ่มเติมร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
.....
