ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 146 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 2901 - 2920 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 2901 | ผลการประชุมคณะกรรมการจัดทำแผนการบริหารราชการแผ่นดิน ครั้งที่ 1/2554 | นร | 25/08/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามมติคณะกรรมการจัดทำแผนการบริหารราชการแผ่นดิน ในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๔ เกี่ยวกับแนวทางการจัดทำแผนการบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๘ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) ประธานคณะกรรมการจัดทำแผนการบริหารราชการแผ่นดินเสนอ โดยคณะกรรมการฯ มีมติ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบตามแนวทางการจัดทำแผนการบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๘ ประกอบด้วย ขั้นตอนและกำหนดเวลาการจัดทำแผนการบริหารราชการแผ่นดิน องค์ประกอบและสาระสำคัญของแผนการบริหารราชการแผ่นดิน และประมาณการความต้องการใช้เงิน และให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รับความเห็นของคณะกรรมการฯ เกี่ยวกับการปรับปรุงกรอบเวลาและเพิ่มเติมขั้นตอนการจัดทำแผนการบริหารราชการแผ่นดิน ไปประกอบการปรับปรุงแนวทางการจัดทำแผนการบริหารราชการแผ่นดินให้มีประสิทธิภาพต่อไป ๑.๒ ให้รัฐมนตรีแต่ละกระทรวงจัดส่งแผนการบริหารราชการแผ่นดิน และแผนงาน/โครงการที่มีลำดับความสำคัญสูงจำนวนไม่เกิน ๑๐ แผนงาน/โครงการ โดยไม่มีการจำกัดวงเงินดำเนินการขั้นต่ำ ให้ สศช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายในวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๔ ๑.๓ ให้มีการหารือร่วมกันในระดับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นต่อแผนงาน/โครงการทั้งหมดในแผนการบริหารราชการแผ่นดินก่อนที่ สศช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะบูรณาการแผนการบริหารราชการแผ่นดินต่อไป ๑.๔ ให้สำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการพิจารณาแนวทางการขอยกเว้นการจัดทำแผนปฏิบัติราชการประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ และให้ใช้คำของบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ แทนแผนปฏิบัติราชการประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ เพื่อให้กระบวนการจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ มีความรวดเร็วขึ้น ๑.๕ ให้กระทรวงการคลังจัดทำประมาณการรายได้สุทธิ และสำนักงบประมาณจัดทำประมาณการรายการค่าใช้จ่ายดำเนินการภาครัฐ ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๘ โดยให้จัดส่ง สศช. ภายในวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๔ ๑.๖ ให้ สศช. จัดทำคู่มือแผนการบริหารราชการแผ่นดินเพื่อใช้ประกอบการชี้แจงส่วนราชการ โดยให้นำนโยบายรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภามาประกอบการจัดทำคู่มือแผนการบริหารราชการแผ่นดิน จำนวน ๑,๕๐๐ เล่ม ๒. ในส่วนของการหารือร่วมกันในระดับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นต่อแผนงาน/โครงการทั้งหมดในแผนการบริหารราชการแผ่นดิน ก่อนที่ สศช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะบูรณาการแผนการบริหารราชการแผ่นดินต่อไป นั้น ให้จัดการประชุมหารือในวันที่ ๒ กันยายน ๒๕๕๔ ๓. เพื่อให้การจัดทำแผนงาน/โครงการของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดต่าง ๆ มีความสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ตอบสนองต่อความต้องการและการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ของพื้นที่อย่างแท้จริง ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) กำกับ ติดตามการดำเนินการในเรื่องนี้ให้ถูกต้องตามกรอบเวลา ขั้นตอน และหลักเกณฑ์ของข้อกฎหมายและระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||
| 2902 | เรื่องจำเป็นเร่งด่วนที่ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องควรเร่งดำเนินการ | นร | 16/08/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ส่วนราชการและผู้ที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการเสนอเรื่องจำเป็นเร่งด่วนเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาและรักษาประโยชน์สำคัญของประเทศ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. ให้รองนายกรัฐมนตรี (พลตำรวจเอก โกวิท วัฒนะ) รับไปพิจารณาในรายละเอียดเกี่ยวกับการเตรียมงานพระราชพิธีพระศพสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๒. ให้รองนายกรัฐมนตรี (พลตำรวจเอก โกวิท วัฒนะ) รับไปพิจารณาในรายละเอียดการเตรียมการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับไปพิจารณาในรายละเอียดการแสดงความจำนงขอถอนตัวจากการเป็นภาคีสมาชิกของอนุสัญญามรดกโลก ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้รอบคอบและรอบด้าน ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๔. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับไปพิจารณาในรายละเอียดเกี่ยวกับความคืบหน้ากรณีกัมพูชายื่นคำขอให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหารและขอให้มีคำสั่งออกมาตรการชั่วคราว ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้รอบคอบและรอบด้าน ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๕. ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) รับไปเร่งรัดและติดตามการดำเนินการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ และการปรับปรุงปฏิทินงบประมาณ ของสำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ให้สำนักงบประมาณจัดทำรายละเอียดเกี่ยวกับแนวทางการจัดทำงบประมาณ (guideline) มาเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีด้วย ๖. ให้กระทรวงมหาดไทยรับไปเร่งรัดการดำเนินการขออนุมัติผูกพันงบประมาณรายจ่ายนอกเหนือจากพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔ (รายการก่อสร้างอาคารที่จอดรถข้าราชบริพาร ๒ ชั้น อัมพรสถาน) เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๗. ให้กระทรวงการคลังรับเรื่อง มาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน (๖ มาตรการ ๖ เดือน ฝ่าวิกฤตเพื่อคนไทยทุกคน) ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงคมนาคม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๘. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรับไปเร่งรัดติดตามการดำเนินการให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อน “นกเตน” (NOCK - TEN) และพายุโซนร้อน “ไหหม่า” (HAIMA) ๙. ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) รับไปเร่งรัดการดำเนินการเกี่ยวกับแนวทางในการจัดทำแผนบริหารราชการแผ่นดินร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จทันภายในวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๕๔ ๑๐. ให้สำนักงาน ก.พ. เร่งรัดจัดทำรายงานเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการดำเนินการคัดเลือกข้าราชการเพื่อแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ตามหนังสือสำนักงาน ก.พ. ที่ นร ๑๐๐๓/ว ๑๕ ลงวันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๔ เพื่อเสนอนายกรัฐมนตรีในฐานะประธาน ก.พ. ต่อไป ทั้งนี้ สมควรมีการพิจารณาทบทวนเพื่อชะลอการถือปฏิบัติตามหนังสือสำนักงาน ก.พ. ฉบับนี้ไว้ก่อน
|
|||||||||||||||||||||
| 2903 | สรุปผลการประชุมหารือสถานการณ์อุทกภัย | นร | 11/08/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และกรมชลประทาน เมื่อวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๔ ซึ่งมีการหารือสถานการณ์อุทกภัย การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย และการบริหารจัดการปัญหาเรื่องน้ำ รวมทั้งประเด็นที่นายกรัฐมนตรีขอให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรับผิดชอบการดำเนินงานของศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์จากประชาชนผู้ประสบอุทกภัย (ศูนย์ฮอตไลน์) สายด่วน ๑๑๑๑ เพื่อบูรณาการการรับเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์ แจ้งสถานการณ์อุทกภัยและภัยพิบัติที่เกี่ยวเนื่องกัน ให้มีความเป็นเอกภาพ ๑.๒ ให้กรมประชาสัมพันธ์เป็นหน่วยงานในการประชาสัมพันธ์ข่าวสาร สถานการณ์อุทกภัยและภัยพิบัติ การให้ความช่วยเหลือของภาครัฐ รวมถึงประสานงานกับสื่อมวลชนภาคเอกชนทุกแขนง ๑.๓ ให้มีคณะกรรมการอำนวยการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนและพื้นที่เกษตรกรรมที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย เพื่อทำหน้าที่ในการพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ให้ความช่วยเหลือเยียวยาแก่ประชาชนและพื้นที่เกษตรกรรมที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย โดยให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานรับผิดชอบดำเนินการ ๑.๔ ให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงการคลังพิจารณาเรื่องการปรับปรุงแก้ไขหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การประกาศเป็นพื้นที่ประสบอุทกภัยและประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๖ ให้สามารถดำเนินการออกประกาศได้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้จังหวัดสามารถให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนได้อย่างรวดเร็วและทันต่อสถานการณ์ยิ่งขึ้น ๑.๕ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงมหาดไทยจัดทำรายงานสถานการณ์อุทกภัยรายจังหวัด ได้แก่ สถานการณ์ปัจจุบัน ปัญหาเฉพาะหน้า และการแก้ไขปัญหา รวมถึงจังหวัดที่ได้รับความเดือดร้อนมากที่สุด เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรี ๑.๖ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ (Work shop) หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาการเกิดอุทกภัยซ้ำ และการบริหารจัดการลุ่มน้ำให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นต่อไป ๒. คณะรัฐมนตรีมีข้อสังเกตเพิ่มเติม ดังนี้ ๒.๑ กระทรวงต่าง ๆ ที่มีภารกิจเกี่ยวข้องหรือได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงสาธารณสุข เป็นต้น ควรเร่งสำรวจความสูญเสียและความเสียหายที่เกี่ยวข้อง เช่น ครัวเรือนและพื้นที่การเกษตรที่ได้รับความเสียหาย ถนนและสะพานที่ชำรุดเสียหาย ผู้ป่วยและการรักษาพยาบาลผู้ประสบอุทกภัย เป็นต้น และเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาและให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนผู้ประสบอุทกภัยตามอำนาจหน้าที่และตามกรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับจัดสรรไว้แล้วโดยด่วน ทั้งนี้ ให้แต่ละกระทรวงนำข้อมูลที่สำรวจได้รายงานต่อคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๕๔ ต่อไปด้วย ๒.๒ เนื่องจากนายกรัฐมนตรีมีกำหนดจะเดินทางลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ระหว่างวันที่ ๑๓ - ๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๔ รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งรัฐมนตรีที่อยู่ในพื้นที่ประสบอุทกภัยก็ควรลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัยด้วย เพื่อให้การดำเนินการแก้ไขปัญหาและให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบอุทกภัยเป็นไปด้วยความรวดเร็วและทั่วถึง ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยให้การสนับสนุนและอำนวยความสะดวกในการลงพื้นที่ด้วย
|
|||||||||||||||||||||
| 2904 | ความคืบหน้าเกี่ยวกับการปรับปรุงประกาศที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง | มท | 12/07/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความคืบหน้าเกี่ยวกับการปรับปรุงประกาศที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้จัดประชุมเพื่อพิจารณาแก้ไขระเบียบ หลักเกณฑ์ และประกาศ ที่ออกตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เมื่อวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๕๔ ซึ่งที่ประชุมได้ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดทำรายละเอียดชนิดของพืชที่มีความเสียหายจากการขาดน้ำว่ามีจำนวนกี่ชนิดและแต่ละชนิดใช้ระยะเวลากี่วัน และส่งให้ ปภ. เพื่อจะได้นัดประชุมหารือครั้งต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 2905 | รายงานผลการประชุมใหญ่ประจำปีองค์การแรงงานระหว่างประเทศ สมัยที่ 100 | รง | 12/07/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมใหญ่ประจำปีองค์การแรงงานระหว่างประเทศ สมัยที่ ๑๐๐ ระหว่างวันที่ ๑ - ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๔ ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ปลัดกระทรวงแรงงานในฐานะผู้แทนฝ่ายรัฐบาลและหัวหน้าคณะผู้แทนไทยได้กล่าวปราศรัยต่อที่ประชุมเต็มคณะ โดยกล่าวชื่นชมรายงานของผู้อำนวยการใหญ่ ILO เรื่อง “ศักราชใหม่แห่งความยุติธรรมทางสังคม (A New Era of Social Justice)” และได้นำเสนอการดำเนินงานของรัฐบาลไทยที่ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมนโยบายการมีงานทำที่มีคุณภาพ การสร้างความเท่าเทียม ความปรองดองในสังคม และการเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีคุณภาพ พร้อมกับความก้าวหน้าในการปรับปรุงกฎหมายให้สอดคล้องกับมาตรฐานแรงงานระหว่างประเทศมากขึ้น ๒. ที่ประชุมใหญ่ได้ลงมติและรับรองรายงานที่สำคัญ ๆ ได้แก่ การลงมติรับรองอนุสัญญา (Convention) ฉบับที่ ๑๘๙ และข้อแนะ (Recommendation) ฉบับที่ ๒๐๑ ว่าด้วยงานที่มีคุณค่าสำหรับคนทำงานบ้าน การลงมติรับรองแผนงานงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๖ ที่กำหนดงบประมาณรายจ่ายทั้งหมดรวม ๗๔๒ ล้านดอลลาร์สหรัฐ การรับรองรายงานคณะกรรมการอภิปรายเกี่ยวกับวัตถุประสงค์เชิงยุทธศาสตร์ของความมั่นคงทางสังคม ที่นำเสนอแนวทางในการจัดทำมาตรการด้านความมั่นคงทางสังคม และรายงานคณะกรรมการปฏิบัติตามมาตรฐานแรงงาน ที่ได้มีการอภิปรายกรณีบางประเทศที่ไม่สามารถปฏิบัติตามอนุสัญญาที่ให้สัตยาบันได้ ๓. นายชีวเวช เวชชาชีวะ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและคณะได้หารือข้อราชการทวิภาคีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการสังคมและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงานประเทศกาตาร์ในประเด็นการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานในประเทศกาตาร์ ซึ่งได้มีการจัดทำร่างข้อตกลงว่าด้วยการจ้างแรงงานระหว่างประเทศกาตาร์และประเทศไทย ทั้งนี้ ร่างข้อตกลงดังกล่าวผ่านการพิจารณาจากกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานอัยการสูงสุดแล้ว และเมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ก็จะสามารดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 2906 | การปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเลื่อนเงินเดือนข้าราชการพลเรือน | นร | 28/06/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ให้สำนักงาน ก.พ. นำเรื่อง การปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเลื่อนเงินเดือนข้าราชการพลเรือนเสนอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ๒. เห็นชอบให้นำหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเลื่อนเงินเดือนกรณีการโอน หรือย้ายข้าราชการภายหลังวันที่ ๑ มีนาคม หรือ ๑ กันยายน ซึ่งเป็นวันที่ส่วนราชการและจังหวัดคำนวณวงเงินงบประมาณสำหรับการเลื่อนเงินเดือนข้าราชการพลเรือนในสังกัด ครั้งที่ ๑ (๑ เมษายน) ครั้งที่ ๒ (๑ ตุลาคม) ตามลำดับ ไปใช้แก้ไขปัญหากรณีจังหวัดบึงกาฬที่ไม่สามารถออกคำสั่งเลื่อนเงินเดือนข้าราชการในสังกัดในวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๔ ได้ ตามมติ ก.พ. ครั้งที่ ๖/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๔ ทั้งนี้ การดำเนินการต้องเป็นไปตามแนวปฏิบัติปกติทั่วไปของทุกส่วนราชการและจังหวัดด้วย
|
|||||||||||||||||||||
| 2907 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2554 ครั้งที่ 2/2554 | กษ | 28/06/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมวิชาการเกษตร รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๒/๒๕๕๔ โดยผลการจัดจ้างผู้บริหารจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกฯ ราชพฤกษ์ ๒๕๕๔ ได้ดำเนินการตามขั้นตอนการประกวดราคาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ในวันที่ ๒๑ มีนาคม - ๑ เมษายน ๒๕๕๔ ผลการประกวดราคา บริษัท ไร้ท์แมน จำกัด เป็นผู้เสนอราคาต่ำสุด เป็นเงิน ๓๙๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท และได้มีการลงนามสัญญาจ้างฯ เรียบร้อยแล้ว ส่วนความก้าวหน้าการดำเนินงานด้านการปรับปรุงสถานที่ สิ่งก่อสร้าง และการจัดสวน คณะอนุกรรมการด้านการปรับปรุงสถานที่ สิ่งก่อสร้าง และการจัดสวน ได้ประชุมเพื่อติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงาน โดยล่าสุดในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๕๔ สรุปความก้าวหน้าการดำเนินงาน ณ วันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๔ ประกอบด้วย รายการที่กำลังก่อสร้าง จำนวน ๑๓ รายการ ได้รับงบประมาณจากสำนักงบประมาณ รวม ๑๑๘,๒๖๖,๕๕๐ บาท รายการที่อยู่ระหว่างการจัดซื้อจัดจ้าง จำนวน ๘ รายการ วงเงินราคากลาง ๕๘,๖๑๘,๔๐๒ บาท และรายการที่อยู่ในขั้นตอนการตรวจแบบและราคากลาง จำนวน ๑๐ รายการ วงเงิน ๓๑,๘๖๗,๐๐๐ บาท คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนเมษายน ๒๕๕๔ และมีกำหนดระยะเวลาดำเนินงานไม่เกิน ๙๐ วัน สำหรับปัญหา/อุปสรรคในการดำเนินการ มีการดำเนินงานบางส่วนล่าช้ากว่าแผนการปฏิบัติงานที่กำหนด ซึ่งกรมวิชาการเกษตรได้ร่วมกับคณะทำงานด้านต่าง ๆ จัดทำแผนการปฏิบัติงานเพิ่มเติม และติดตามงานอย่างต่อเนื่อง โดยกรมวิชาการเกษตรและคณะทำงานฯ ได้ดำเนินการตามแผนงานที่วางแล้วบางส่วน และได้ส่งมอบงานให้ผู้บริหารจัดการงานฯ ดำเนินการต่อแล้ว เพื่อให้มีความต่อเนื่องและเป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้
|
|||||||||||||||||||||
| 2908 | รายงานผลความคืบหน้าการดำเนินการสร้างหลักประกันด้านรายได้แก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพ (การจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ) | พม | 28/06/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานผลความคืบหน้าการดำเนินการสร้างหลักประกันด้านรายได้แก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพ (การจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ) ตามที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ (กผส.) และกระทรวงมหาดไทยเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้แจ้งการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ของโครงการสร้างหลักประกันด้านรายได้ให้แก่ผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นเงินอุดหนุนเฉพาะกิจสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายสนับสนุนการสงเคราะห์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุในงวดที่ ๒ โดยให้จังหวัดดำเนินการจัดสรรงบประมาณให้แก่ผู้สูงอายุที่มีสิทธิรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุที่ได้ลงทะเบียนไว้แล้วให้ครบตามจำนวนของทั้งปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ (ตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๕๓ เป็นต้นไป) ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา จะมีผู้สูงอายุได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ รวมทั้งสิ้น ๖,๕๒๑,๗๔๙ คน จำนวนงบประมาณที่จ่าย ๓๗,๘๙๓,๓๙๘,๐๐๐ บาท ส่วนในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ มีจำนวนผู้สูงอายุที่มีสิทธิรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ รวม ๗,๐๘๔,๙๖๗ คน ๒. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้จัดทำโครงการปรับปรุงกระบวนการและพัฒนาติดตั้งระบบการจ่ายตรงเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้สูงอายุในการรับเบี้ยยังชีพตรงเวลา ครบถ้วน และสามารถตรวจสอบได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ ๓. การพัฒนากระบวนการการลงทะเบียนและการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุโดยการเชื่อมโยงข้อมูลเลขบัตรประจำตัวประชาชน ๑๓ หลัก จากระบบทะเบียนราษฎรเพื่อการตรวจสอบข้อมูล คุณสมบัติของผู้สูงอายุ การยืนยันบุคคล สถานที่อยู่ สถานภาพการมีชีวิต โดยให้ผู้สูงอายุใช้เพียงบัตรประจำตัวประชาชนขึ้นทะเบียนรับสิทธิเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุได้ นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ ๔. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้ทำหนังสือขออนุญาตรับบริจาคเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเข้ากองทุนผู้สูงอายุไปยังคณะกรรมการควบคุมการเรี่ยไรของหน่วยงานรัฐ ก่อนที่จะดำเนินการรณรงค์เพื่อขอรับบริจาคเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ๕. กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เทศบาล และเมืองพัทยา รายงานวิธีการตรวจสอบการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุว่า ในส่วนของเทศบาลและองค์การบริหารส่วนตำบลได้รายงานผลดำเนินงานการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุไปยังจังหวัดทุกรอบ ๓ เดือน ส่วนกรุงเทพมหานครและเมืองพัทยาได้รายงานเสนอผู้บริหารเป็นประจำทุกเดือน |
|||||||||||||||||||||
| 2909 | ผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก ครั้งที่ 1/2554 | นร | 20/06/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก (คณะกรรมการ กพอ.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) ประธานกรรมการ กพอ. เสนอ โดยที่ประชุมได้มีการพิจารณาเรื่องต่าง ๆ รวม ๔ เรื่อง สรุปได้ ดังนี้
๑. ความก้าวหน้าการแก้ไขปัญหามาบตาพุดและบริเวณใกล้เคียงในช่วง ๒ ปีที่ผ่านมา (มกราคม ๒๕๕๒ - พฤษภาคม ๒๕๕๔) ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษในเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง พ.ศ. ๒๕๕๓ - ๒๕๕๖ ประกอบด้วย ๗ แผนงาน ๗๑ โครงการ การแก้ไขปัญหาการปฏิบัติตามมาตรา ๖๗ วรรคสองของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยแต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการปฏิบัติตามมาตรา ๖๗ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (คณะกรรมการ ๔ ฝ่าย) เพื่อดำเนินการจัดทำแนวทางและขั้นตอนการดำเนินการตามรัฐธรรมนูญฯ การแก้ไขปัญหาสุขภาพประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบจากมลพิษ ปัญหาขาดแคลนน้ำประปา ปัญหาขยะ ปัญหาความไม่มั่นใจเรื่องคุณภาพอากาศ น้ำ และการลดมลพิษ รวมทั้งการเร่งรัดแก้ไขปัญหาอุตสาหกรรมที่เป็นแหล่งมลพิษ อาทิ การกำหนดประเภทอุตสาหกรรม/กิจกรรมที่เป็นแหล่งกำเนิดมลพิษ การทบทวนนโยบายและมาตรการการส่งเสริมการลงทุนสำหรับอุตสาหกรรม/กิจกรรมต่าง ๆ ในพื้นที่มาบตาพุด และการพิจารณาปรับปรุงระเบียบที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการอนุมัติ อนุญาต การลดและขจัดมลพิษ และการสนับสนุนให้มีการออกกฎหมายสำหรับควบคุมสารอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) จากแหล่งกำเนิดที่ยังไม่มีมาตรฐานควบคุม เป็นต้น และความร่วมมือของภาคเอกชนในการแก้ไขปัญหามาบตาพุด ประกอบด้วย การจัดทำแผนปฏิบัติการลดและขจัดมลพิษปี พ.ศ. ๒๕๕๓ - ๒๕๕๖ ของภาคเอกชน การจัดสร้างสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศเพิ่มเติมรวม ๔ สถานี และการจัดทำแนวป้องกัน (Protection Strip) ระหว่างอุตสาหกรรมและชุมชน ๒. สถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมในพื้นที่มาบตาพุด จากการติดตามสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมจากผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศจาก ๙ สถานี พบสารอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) ๓ ชนิด มีค่าเกินมาตรฐานคุณภาพอากาศในบรรยากาศในบางจุดตรวจวัด ส่วนการตรวจวัดคุณภาพน้ำและการแก้ไขปัญหาปนเปื้อนน้ำใต้ดิน ได้แก่ คลองสาธารณะ จำนวน ๓๘ จุด ครอบคลุมคลองสาธารณะ ๑๖ สาย คุณภาพน้ำยังคงอยู่ในระดับเสื่อมโทรม ๓. สถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดระยอง - ชลบุรี โดยปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางในพื้นที่ รวม ๑๗ แห่ง ณ วันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๔ คิดเป็นร้อยละ ๗๓.๙๓ ของความจุอ่างเก็บน้ำทั้งหมด ส่วนความก้าวหน้าโครงการขนาดใหญ่ที่อยู่ระหว่างดำเนินงานรวมทั้งสิ้น ๖ โครงการ รวมปริมาณน้ำต้นทุนที่จะสามารถเพิ่มเข้ามาในระบบได้สูงสุดประมาณ ๒๓๕ - ๒๕๕ ล้าน ลบ.ม./ปี ๔. ความก้าวหน้าการจัดทำแผนการแก้ไขปัญหามาบตาพุดอย่างครบวงจร ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยมีแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างครบวงจร ๖ แนวทาง ได้แก่ พัฒนากิจการที่เป็นมิตรต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มุ่งสู่สิ่งแวดล้อม การส่งเสริมการยกระดับคุณภาพการศึกษาเฉพาะทาง การบริการสาธารณสุขเฉพาะโรค และคุณภาพชีวิต การพัฒนาสู่อุตสาหกรรมนิเวศ การพัฒนาขีดความสามารถด้านโครงสร้างพื้นฐานและจัดสรรการใช้ประโยชน์อย่างครบวงจร การวางผังเมืองอย่างมีหลักการและเหตุผลที่ชัดเจน และการบริหารจัดการ ทั้งนี้ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับข้อคิดเห็นและข้อสังเกตของที่ประชุมคณะกรรมการ กพอ. ที่เห็นควรมีแผนงานและงบประมาณที่ชัดเจนในการกำกับดูแลและแก้ไขปัญหา การผลักดันการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อให้เกิดการพัฒนาสู่เมืองอุตสาหกรรมนิเวศอย่างสมบูรณ์แบบ การจัดทำฐานข้อมูลกลางด้านสุขภาพจังหวัดระยอง การปรับปรุงแนวทางการจัดสรรรายได้ให้ท้องถิ่น การพิจารณามาตรการชดเชยเพื่อเยียวยาเจ้าของที่ดินที่อยู่ติดโรงงาน การกำหนดพื้นที่ชุมชนในอนาคตที่จะดำรงชีวิตอย่างมีสุขภาวะที่ดี และการคุ้มครองพื้นที่ชายฝั่งทะเล เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาปรับปรุงตามความเหมาะสมและนำเสนอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่พิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 2910 | รายงานประจำปี 2553 (คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) | นร | 14/06/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอรายงานประจำปี ๒๕๕๓ ของคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.) โดยสาระสำคัญของรายงานฯ มีดังนี้
๑. ผลการปฏิบัติงานการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ประกอบด้วย ๑.๑ การกระจายอำนาจด้านภารกิจ และอำนาจหน้าที่ ได้แก่ การถ่ายโอนภารกิจตามแผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ โดยมีภารกิจที่ถ่ายโอนแล้วจำนวน ๕๗ งาน/กิจกรรม/โครงการ การดำเนินการถ่ายโอนภารกิจด้านการศึกษาให้แก่ อปท. โดยในปี พ.ศ. ๒๕๔๙ - ๒๕๕๓ มีการถ่ายโอนภารกิจด้านการศึกษา รวม ๔๗๕ แห่ง การกระจายอำนาจหน้าที่ด้านสาธารณสุขไปสู่ อปท. การทบทวนและจัดทำแผนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและแผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และการขยายระยะเวลาการบังคับใช้แผนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ๒) และแผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ๒) ๑.๒ การกระจายอำนาจด้านการเงิน การคลัง และงบประมาณ ได้แก่ การกำหนดสัดส่วนรายได้ของ อปท. ต่อรายได้สุทธิของรัฐบาล การกำหนดหลักเกณฑ์การจัดสรรภาษีให้แก่ อปท. การกำหนดหลักเกณฑ์การจัดสรรเงินอุดหนุนทั่วไปเพื่อสนับสนุนการกระจายอำนาจให้แก่ อปท. การกำหนดหลักเกณฑ์การจัดสรรเงินอุดหนุนเฉพาะกิจสำหรับการดำเนินงานตามแผนชุมชนและแผนพัฒนา การกำหนดหลักเกณฑ์การจัดสรรเงินอุดหนุนทั่วไปตามโครงการเงินอุดหนุนสำหรับดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของ อปท. ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ และการประมาณการรายได้ให้แก่ อปท. ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ๑.๓ การถ่ายโอนบุคลากรให้แก่ อปท. ได้แก่ การพิจารณาอัตรากำลังถ่ายโอนให้แก่ อปท. ตามแผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การศึกษารูปแบบการบริหารจัดการที่ดีของสถานสงเคราะห์คนชรา การถ่ายโอนบุคลากรของกระทรวงสาธารณสุขให้แก่ อปท. เป็นต้น ๑.๔ การดำเนินการแก้ไขกฎหมาย ได้แก่ การจัดทำร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกระจายอำนาจให้แก่ อปท. รวม ๔ ฉบับ การปรับปรุงแก้ไขกฎหมายตามแผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ๒) จำนวน ๓ ฉบับ การจัดทำประกาศคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน ๒ ฉบับ และการจัดทำร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชนในการบริหารงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... ๑.๕ การติดตามประเมินผล ได้แก่ การตรวจติดตามสถานศึกษาที่ถ่ายโอนให้แก่ อปท. การติดตามผลการดำเนินการตามเงื่อนไขบังคับหลังผ่านเกณฑ์ประเมินความพร้อม และถ่ายโอนสถานศึกษาของ อปท. รวมทั้งการติดตามและประเมินผลการกระจายอำนาจ ๒. ผลการดำเนินงานของสำนักงานคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้แก่ การพัฒนาและฝึกอบรมด้านต่าง ๆ และการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์
|
|||||||||||||||||||||
| 2911 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2554 ครั้งที่ 2 | กค | 14/06/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๒ ที่มีวงเงินปรับลดลง ๓๓,๓๘๐.๑๓ ล้านบาท จากการปรับปรุงแผนครั้งที่ ๑ ซึ่งมีวงเงินรวม ๑,๒๙๑,๕๐๔.๒๗ ล้านบาท เหลือ ๑,๒๕๘,๑๒๔.๑๔ ล้านบาท ๒. การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องอยู่ภายใต้กรอบวงเงินแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ที่มีวงเงินปรับเพิ่มขึ้น ๖,๕๘๗.๙๖ ล้านบาท จากเดิม ๑๓๓,๒๐๕.๒๖ ล้านบาท เป็น ๑๓๙,๗๙๓.๒๒ ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||
| 2912 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) ครั้งที่ 3/2554 | ศอบต | 31/05/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) ครั้งที่ ๓/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ตามที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ในฐานะฝ่ายเลขานุการ กพต. เสนอ โดยที่ประชุม กพต. มีมติในเรื่องต่าง ๆ สรุปได้ ดังนี้
๑. อนุมัติการเปลี่ยนแปลงรายการและงบประมาณโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ จำนวน ๔ โครงการ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงานสนับสนุนเครื่องมือประกอบอาชีพครัวเรือนนอกหมู่บ้านเป้าหมาย ๖๙๖ หมู่บ้านของจังหวัดสตูลเพิ่มเติม จำนวน ๑๖ ราย ที่ผ่านการประชาคมและฝึกอบรมด้านการพัฒนาอาชีพไว้แล้ว โดยใช้งบประมาณที่ได้รับจัดสรรในปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ๑.๒ อนุมัติให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ปรับแผนการดำเนินงานกิจกรรมภายใต้โครงการ “ทำดี มีอาชีพ” โดยนำวงเงินที่เหลือจำนวน ๒๑๒.๕๗ ล้านบาท ดำเนินกิจกรรมรวม ๒ กิจกรรม ประกอบการ การขยายผลสัมฤทธิ์โครงการทำดีมีอาชีพ การจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคีร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และการส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ระบบสหกรณ์ชุมชน ตามที่ กอ.รมน. เสนอ โดยให้ กอ.รมน. ทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป ๑.๓ อนุมัติการขยายเวลาการลงนามสัญญาจ้างการก่อสร้างศูนย์ครูใต้จังหวัดยะลา เป็นไม่เกินวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๔ ในวงเงินที่รับจัดสรร จำนวน ๑๖๐.๐๘๑๐ ล้านบาท และขยายเวลาการลงนามสัญญาจ้างการก่อสร้างศูนย์ครูใต้จังหวัดนราธิวาส เป็นไม่เกินวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๔ ในวงเงินที่ได้รับจัดสรรจำนวน ๑๒๙.๗๔๐๔ ล้านบาท ๑.๔ อนุมัติให้กระทรวงศึกษาธิการปรับแผนการดำเนินโครงการปรับปรุงหออภิบาลผู้ป่วยหนัก โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการ เป็นเงิน ๑๕๐.๐๐๐๐ ล้านบาท ส่วนที่เหลือ ๑๒.๔๕๐๐ ล้านบาท นำไปใช้ในการแก้ไขปัญหาอุทกภัย จากวงเงินโครงการที่ได้รับอนุมัติทั้งสิ้น ๑๖๒.๔๕๐๐ ล้านบาท ๒. รับทราบเรื่องที่นายกรัฐมนตรีอนุมัติงบประมาณให้ ศอ.บต. ดำเนินการเพิ่มเติม จำนวน ๒ โครงการ ประกอบด้วย งบอำนวยการและบริหารจัดการเพิ่มเติม จำนวน ๒๑.๙๗๓๐ ล้านบาท และโครงการตรวจสอบระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) งบประมาณ ๓๐.๙๖๕๔ ล้านบาท ๓. รับทราบเรื่องที่กระทรวงการคลังให้หน่วยงานที่ได้รับงบประมาณดำเนินโครงการในพื้นที่พิเศษ ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ ให้ดำเนินการและเบิกจ่ายให้เสร็จสิ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ สำหรับส่วนเกินงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ หน่วยงานจะต้องจัดหาแหล่งเงินอื่นมาสนับสนุนการดำเนินโครงการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 2913 | รายงานการจัดการภัยพิบัติและการฟื้นฟูบูรณะหลังการเกิดภัย | นร | 18/05/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานการจัดการภัยพิบัติและการฟื้นฟูบูรณะหลังการเกิดภัย ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ พัฒนากลไกการบริหารจัดการภัยพิบัติ โดยเพิ่มบทบาทของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยให้เป็นกลไกระดับชาติเพื่อความคล่องตัวในการบริหารจัดการและสั่งการ และกำหนดให้เป็นศูนย์กลางข้อมูลภัยพิบัติที่มีการเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยงาน โดยให้ส่วนราชการและภาคเอกชนจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อรองรับการดำเนินงานภายใต้พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐ และแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ รวมทั้งมีการปรับปรุงกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการเร่งรัดดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยระยะเร่งด่วน และแผนระยะยาวด้านการฟื้นฟูบูรณะหลังการเกิดภัย ๑.๒ ส่งเสริมระบบงานอาสาสมัครของประเทศอย่างจริงจัง โดยวางระบบเพื่อพัฒนางานอาสาสมัครให้มีศักยภาพอย่างเต็มที่ และมีมาตรฐานตามหลักสากล ๑.๓ จัดระบบการจัดการภัยพิบัติโดยชุมชนและท้องถิ่น โดยวางระบบการฝึกอบรมเพื่อสร้างองค์ความรู้เกี่ยวกับการจัดการภัยพิบัติต่าง ๆ โดยมีชุมชนเป็นฐานการพัฒนาที่สำคัญ ๑.๔ ผนึกกำลังของภาคส่วนต่าง ๆ โดยการสนับสนุนและช่วยเหลือประสานเชื่อมโยงพลังของภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน สื่อมวลชน กองทัพ ภาคประชาสังคม และอาสาสมัครต่าง ๆ เพื่อทำงานร่วมกันให้บรรลุวัตถุประสงค์ ๑.๕ การผนวกมาตรการด้านการจัดการสาธารณภัยไว้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการพัฒนา โดยการพัฒนาระบบฐานข้อมูล ระบบการสื่อสาร ตลอดจนโครงสร้างพื้นฐานที่ออกแบบอย่างดีคำนึงถึงความเสี่ยงด้านภัยพิบัติ และงานศึกษาวิจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อยกระดับการบริหารจัดการภัยพิบัติและการพัฒนาประเทศ ซึ่งจะมีการประมวลประเด็นต่าง ๆ เพื่อนำเสนอไว้ในแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๑ ต่อไป ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ดังนี้ ๒.๑ การบริหารจัดการภัยพิบัติ ควรเน้นเรื่องการเตือนภัยล่วงหน้าและการสร้างเครือข่ายระหว่างประเทศเพื่อบริหารจัดการภัยพิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งเมื่อเกิดเหตุภัยพิบัติแล้วควรประสานงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานจัดการภัยพิบัติระดับชาติที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การดำเนินการให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู บรรเทาผลกระทบของผู้ประสบภัยเป็นไปอ่ยางมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ๒.๒ การแก้ไขปัญหาและให้การช่วยเหลือฟื้นฟูบูรณะหลังการเกิดภัยพิบัติควรประสานงานกับกระทรวงกลาโหมอย่างใกล้ชิดเพื่อเหล่าทัพต่าง ๆ จะได้เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการมากยิ่งขึ้น ๒.๓ การใช้ประโยชน์สนามบินอู่ตะเภา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเร่งรัดการดำเนินการเพื่อพัฒนาปรับปรุงการใช้ประโยชน์สนามบินดังกล่าวในการเป็นฐานการดำเนินการแก้ไขปัญหาและให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างเหมาะสมและเต็มศักยภาพมากยิ่งขึ้น รวมทั้งอาจพัฒนาเป็นศูนย์ฝึกอบรมการบินหรือศูนย์ฝึกอบรมการจัดการภัยพิบัติ เพื่อให้ความช่วยเหลือประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคที่ประสบภัยพิบัติได้ด้วย ๒.๔ ให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมเรื่องบุคลากรเพื่อรองรับการจัดตั้งกลไกและระบบการจัดการภัยพิบัติในกรอบความร่วมมือความตกลงอาเซียนว่าด้วยการจัดการภัยพิบัติและรับมือฉุกเฉิน
|
|||||||||||||||||||||
| 2914 | การปรับปรุงแก้ไขหลักเกณฑ์การจัดตั้งสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาค | กค | 03/05/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกาฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. กำหนดให้กรณีที่สำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคขาดคุณสมบัติอย่างหนึ่งอย่างใด เช่น ผิดเงื่อนไขเกี่ยวกับรายจ่ายของกิจการ ได้แก่ รายจ่ายในการดำเนินงาน หรือรายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการลงทุน และผิดเงื่อนไขเกี่ยวกับจำนวนพนักงาน ได้แก่ ทักษะความรู้ขั้นต่ำของพนักงานที่ปฏิบัติงานในสำนักงานฯ และจำนวนพนักงานที่มีทักษะความรู้ขั้นต่ำ ในรอบระยะเวลาบัญชีใดให้ไม่ได้รับสิทธิที่จะได้รับการลดอัตราและยกเว้นภาษีเงินได้เฉพาะในรอบระยะเวลาบัญชีนั้น ๒. กรณีสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคจดแจ้งเลิกการจัดตั้งสำนักงานฯ ภายในห้ารอบระยะเวลาบัญชีนับแต่วันที่มีการจดแจ้งการจัดตั้งสำนักงานฯ ให้สิทธิที่จะได้รับการลดอัตราและยกเว้นภาษีเงินได้สิ้นสุดตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีแรก
|
|||||||||||||||||||||
| 2915 | การแก้ไขปัญหาในการดำเนินงานโฉนดชุมชน | นร | 03/05/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้มีการแก้ไขกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีให้มีภารกิจ อำนาจหน้าที่ในการดำเนินงานโฉนดชุมชน โดยให้สำนักงานโฉนดชุมชนเป็นหน่วยงานรองรับภารกิจอำนาจหน้าที่ดังกล่าว ตามที่คณะกรรมการประสานงานเพื่อจัดให้มีโฉนดชุมชน (ปจช.) เสนอ ๒. สำหรับขั้นตอนในการแก้ไขร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. .... ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๔๙ (เรื่อง การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเรื่อง กฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ) และเมื่อวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๓ (เรื่อง การขยายระยะเวลาของมาตรการระงับการขอจัดตั้งหน่วยงานใหม่หรือขยายหน่วยงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๓) ๓. เห็นชอบให้กระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และกรุงเทพมหานครพิจารณาดำเนินการปรับปรุงกฎ ระเบียบ และหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับการดำเนินงานโฉนดชุมชนดังกล่าว
|
|||||||||||||||||||||
| 2916 | ขออนุมัติกู้เงินสำหรับใช้ในการดำเนินงานของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 03/05/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กู้เงิน จำนวน ๖,๒๗๘ ล้านบาท เพื่อให้มีกระแสเงินสดเพียงพอที่จะใช้ในการดำเนินงานสำหรับช่วงเวลาที่เหลือก่อนสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน รวมทั้งพิจารณาวิธีการ เงื่อนไข รายละเอียดของการกู้เงิน และยกเว้นการคิดค่าค้ำประกันเงินกู้ให้แก่ รฟท. ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและข้อสังเกตของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้ รฟท. เร่งนำเสนอให้คณะกรรมการ รฟท. พิจารณาอนุมัติปรับโครงสร้างราคาค่าโดยสารตามความเห็นของคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะที่มีมติให้ รฟท. สามารถเบิกเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ส่วนที่เหลือได้ภายหลังจากคณะกรรมการ รฟท. พิจารณาปรับโครงสร้างราคาค่าโดยสารแล้ว เพื่อให้ รฟท. นำเงินอุดหนุนดังกล่าวมาชดเชยการขาดสภาพคล่องขององค์กรต่อไป และให้ รฟท. เร่งดำเนินการตามบันทึกข้อตกลงการให้บริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ของ รฟท. ในเรื่องการปรับปรุงโครงสร้างค่าโดยสารให้สอดคล้องและเหมาะสมกับสถานการณ์และต้นทุนที่เป็นจริง รวมทั้งเร่งรัดปรับปรุงการบริหารจัดการเพื่อเพิ่มรายได้ในส่วนการขนส่งเชิงพาณิชย์และการบริหารสินทรัพย์ต่าง ๆ โดยเฉพาะการบริหารจัดการที่ดินเพื่อประโยชน์เชิงพาณิชย์อย่างมีประสิทธิภาพควบคู่กับการควบคุมและลดค่าใช้จ่ายลง ไปดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 2917 | ความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการออกเอกสารสิทธิให้แก่ราษฎรในพื้นที่อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง | นร | 03/05/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการออกเอกสารสิทธิให้แก่ราษฎรในพื้นที่อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง ตามที่คณะกรรมการติดตามผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาการออกเอกสารสิทธิฯ เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การดำเนินการในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ “ป่าแม่เมาะ” บ้านเมาะหลวง ที่มีการถอนสภาพป่าแม่เมาะ และกำหนดพื้นที่ป่าไม้ถาวร “ป่าแม่เมาะ” เรียบร้อยแล้ว ในบริเวณที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้ออกโฉนดที่ดินในบริเวณที่อยู่อาศัยให้แก่ราษฎร ซึ่งกรมที่ดินได้ดำเนินแล้ว จำนวน ๑,๖๖๕ แปลง ส่วนการออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก. ๔ - ๐๑ ในที่ดินทำกินให้แก่ราษฎร สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ได้กำหนดเขตตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลแม่เมาะ อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. ๒๕๓๕ และมอบเอกสารสิทธิหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก. ๔ - ๐๑) ให้แก่ราษฎร จำนวน ๑๖๗ ราย เมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๔ ๒. การดำเนินงานในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่จาง (ตอนขุน) บ้านใหม่รัตนโกสินทร์ โดยในส่วนของที่ทำกิน ส.ป.ก. จัดทำร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลนาสัก อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเสร็จสิ้นแล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการแก้ไขรายละเอียดแผนที่ท้ายร่างพระราชกฤษฎีกาฯ ซึ่งกรมป่าไม้ได้ตรวจสอบและยืนยันแนวเขตแจ้งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป สำหรับในส่วนของที่อยู่อาศัย ได้มีการตรวจสอบรับรองแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติจากกรมป่าไม้ ในระวางแผนที่มาตราส่วน ๑ : ๔,๐๐๐ จำนวน ๓ ระวาง หมายเลข ๔๙๔๕/๙๐๒๔ ๙๐๒๖ ๙๐๒๘ และได้ดำเนินการออกโฉนดที่ดินให้กับราษฎร จำนวน ๒๘๖ ราย และได้มอบโฉนดให้กับราษฎร ในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๔ ๓. การดำเนินงานในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่จาง บ้านท่าปะตุ่น - นาแขม ซึ่งเป็นพื้นที่ทับซ้อนของพื้นที่ป่าไม้ถาวร เขตป่าสงวนแห่งชาติ และเขตปฏิรูปที่ดิน ส.ป.ก. ได้ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลพระบาท ตำบลกล้วยแพะ อำเภอเมืองลำปาง ตำบลแม่ทะ ตำบลสบป้าด อำเภอแม่เมาะ และตำบลแม่ทะ ตำบลหัวเสือ ตำบลดอนไฟ ตำบลวังเงิน อำเภอแม่ทะ จังหวัดลำปาง ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... บริเวณพื้นที่ป่าแม่จาง (E) ซึ่งเป็นการปรับปรุงเขตปฏิรูปที่ดินโดยกันพื้นที่บางส่วนเนื้อที่ประมาณ ๑,๓๐๕ - ๒ - ๘๑ ไร่ ออกจากเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อให้กรมที่ดินนำไปออกโฉนดให้ราษฎรที่อพยพจากบ้านท่าปะตุ่น - นาแขม (ที่อยู่อาศัย) ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเสร็จสิ้นแล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการแก้ไขรายละเอียดแผนที่ท้ายร่างพระราชกฤษฎีกาฯ ซึ่งกรมป่าไม้ได้ตรวจสอบและยืนยันแนวเขตแจ้งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 2918 | เร่งรัดการจัดตั้งสำนักงานประสานการจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศภายใต้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส | 03/05/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปรับปรุงโครงสร้างของสำนักงานฯ โดยตั้งสำนักงานประสานการจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยมีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนดไว้ในระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. ๒๕๕๐ โดยให้ใช้อัตรากำลังจากอัตราคืนเกษียณและหรือการหมุนเวียนอัตรากำลังภายในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน ๑๘ อัตรา ๑.๒ เห็นชอบในหลักการสำหรับการปรับปรุงแก้ไขกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๔๕ เพื่อเพิ่มสำนักงานประสานการจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสำหรับรองรับการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย ๒. ให้ยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๓ (เรื่อง การขยายระยะเวลาของมาตรการระงับการขอจัดตั้งหน่วยงานใหม่หรือขยายหน่วยงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๓) และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐเกี่ยวกับอัตรากำลังของสำนักงานฯ ที่จะเพิ่มในปีงบประมาณต่อไป ควรมีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญครอบคลุมถึงสหสาขา เช่น ด้านสังคม ด้านเศรษฐกิจ ด้านพลังงาน และสาขาอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกำหนดอัตรากำลังทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) สำหรับการดำเนินงานด้วย และควรมีการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับศูนย์จัดการความรู้ด้านการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (ศรภอ.) เนื่องจากศูนย์ดังกล่าวมีพันธกิจที่จะรวบรวม สังเคราะห์และให้ความรู้ในเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่อสนับสนุนการวางแผนกลยุทธ์ของหน่วยงานรัฐบาล เอกชนและชุมชน โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาความสามารถในการปรับตัวต่อความเสี่ยงที่เกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศ นอกจากนี้ การทำงานของสำนักงานฯ จึงควรจะเน้นการทำงานแบบประสานงานกับหน่วยงานอื่นที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละประเด็นเป็นหลัก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 2919 | การเตรียมการด้านงบประมาณเพื่อการบริหารราชการจังหวัดบึงกาฬ | มท | 03/05/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับการเตรียมการด้านงบประมาณเพื่อการบริหารราชการจังหวัดบึงกาฬ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๕๓ (เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติตั้งจังหวัดบึงกาฬ พ.ศ. ....) จากเดิมที่กำหนดให้ “หลีกเลี่ยงการเพิ่มภาระด้านงบประมาณและอัตรากำลัง โดยให้เกลี่ยอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ที่มีอยู่ไปปฏิบัติหน้าที่ในจังหวัดตั้งใหม่ไปดำเนินการด้วย” เป็น สำหรับด้านงบประมาณให้ยกเว้นในกรณีที่จำเป็น ๒. อนุมัติค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงอาคารที่ว่าการอำเภอเมืองบึงกาฬเป็นอาคารศาลากลางจังหวัดบึงกาฬ (ชั่วคราว) และปรับปรุงอาคารหอประชุมอำเภอเมืองบึงกาฬเป็นที่ว่าการอำเภอเมืองบึงกาฬ โดยในส่วนของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน จำนวนเงิน ๒,๙๗๐,๐๐๐ บาท และค่าครุภัณฑ์ ๑๔ รายการ จำนวนเงิน ๖,๐๑๑,๕๐๐ บาท ให้สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ซึ่งสำนักงบประมาณตรวจสอบแล้วถึงวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๕๔ สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยมีงบดำเนินงานคงเหลือประมาณ ๔๐๕ ล้านบาท เพียงพอที่จะเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและจัดหาครุภัณฑ์ได้ สำหรับค่าสิ่งก่อสร้าง ๕ รายการ จำนวนเงิน ๕๒๑,๕๖๑,๐๐๐ บาท ให้สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยจัดทำรายละเอียดค่าใช้จ่ายและเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความเหมาะสมและจำเป็นตามขั้นตอนต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 2920 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 งบกลาง สำหรับการให้ความช่วยเหลือเยียวยาแก่ส่วนราชการที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง | นร | 03/05/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับการให้ความช่วยเหลือเยียวยาแก่เทศบาลนครอุดรธานีในการปรับปรุงอาคาร จัดหาครุภัณฑ์ และควบคุมงานก่อสร้าง ของเทศบาลนครอุดรธานี ที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง เมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๓ ในวงเงิน ๒๑๒,๖๕๕,๙๐๐ บาท โดยให้เบิกจ่ายในงบเงินอุดหนุน ประเภทเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
.....
