ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 148 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 2941 - 2960 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 2941 | รายงานการจดทะเบียนนิติบุคคลในประเทศไทยต่อคณะรัฐมนตรี | พณ | 20/04/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานการจดทะเบียนนิติบุคคลในประเทศไทย ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ได้จัดทำรายงานการจดทะเบียนนิติบุคคลในรอบ ๙๙ ปี เพื่อประโยชน์ในการวิเคราะห์แนวโน้มการจดทะเบียนก่อตั้งธุรกิจ และการลงทุน โดยมีข้อมูล ดังนี้ ๑.๑ รายงานการจดทะเบียนนิติบุคคล ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๕๕ - ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ดังนี้ ๑.๑.๑ ในระยะเริ่มแรก [๓๐ ปีแรกของการจดทะเบียนในประเทศไทย (พ.ศ. ๒๔๕๕ - ๒๔๘๔)] มีการจดทะเบียนนิติบุคคล ๑,๕๓๗ ราย ทุนจดทะเบียน ๒๑,๗๖๔ ล้านบาท ๑.๑.๒ ใน ๔๐ ปีต่อมา (พ.ศ. ๒๔๘๕ - ๒๕๒๔) มีการก่อตั้งธุรกิจเพิ่มขึ้น มีการจดทะเบียนนิติบุคคล ๑๐๖,๓๙๐ ราย ทุนจดทะเบียน ๑,๑๒๗,๙๖๗ ล้านบาท ๑.๑.๓ ใน ๒๐ ปีต่อมา (พ.ศ. ๒๕๒๕ - ๒๕๔๔) ธุรกิจการค้าขยายตัวมากขึ้น มีการจดทะเบียนนิติบุคคล ๔๘๓,๓๓๒ ราย ทุนจดทะเบียน ๗,๔๖๘,๖๓๔ ล้านบาท ๑.๑.๔ ใน ๑๐ ปีที่ผ่านมา นับแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๕ (ยุคเริ่มต้นกรมพัฒนาธุรกิจการค้า) มีการจดทะเบียนนิติบุคคล ๔๐๙,๗๗๕ ราย ทุนจดทะเบียน ๓,๕๔๘,๑๑๑ ล้านบาท ๑.๑.๕ ปี พ.ศ. ๒๕๕๓ หลังจากการปรับปรุงบริการด้านต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดความสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น มีการจดทะเบียนนิติบุคคล ๕๐,๗๗๖ ราย ทุนจดทะเบียน ๒๖๙,๒๘๔ ล้านบาท ๑.๑.๖ ในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ มีนิติบุคคลจดทะเบียนครบ ๑ ล้านราย ประกอบด้วย รายที่ ๙๙๙,๙๙๙๙ บริษัท เวลเนส ปาร์ค เรสซิเด้นท์ จำกัด ทุนจดทะเบียน ๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท รายที่ ๑,๐๐๐,๐๐๐ บริษัท บ้านหลักเขตต์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ทุนจดทะเบียน ๑๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท และรายที่ ๑,๐๐๐,๐๐๑ ห้างหุ้นส่วนจำกัด พี.บี.ซี.เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ ซัพพลาย ทุนจดทะเบียน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๑.๒ รายงานการจดทะเบียนนิติบุคคลทั่วประเทศในปีพ.ศ. ๒๕๕๓ ประกอบด้วย ข้อมูลนิติบุคคลจัดตั้งใหม่ นิติบุคคลที่เพิ่มทุน นิติบุคคลที่ลดทุน และนิติบุคคลที่เลิกกิจการ ซึ่งได้จำแนกข้อมูลตามจำนวนรายและทุนของนิติบุคคล และทำการเปรียบเทียบกับข้อมูลของช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา (ปี พ.ศ. ๒๕๕๒) การจัดอันดับประเภทธุรกิจที่มีการจดทะเบียนจัดตั้งใหม่ เพิ่มทุน ลดทุน และเลิกกิจการ ๕ อันดับสูงสุด มูลค่าการลงทุนจากต่างชาติ ธุรกิจเด่น และนิติบุคคลที่ดำเนินกิจการอยู่ทั่วประเทศ ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นต้น ให้ความร่วมมือในการแจ้งข้อมูลที่เกี่ยวข้องแก่กระทรวงพาณิชย์ให้ถูกต้อง ครบถ้วน เพื่อประโยชน์สำหรับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องในการนำไปใช้วิเคราะห์และตัดสินใจในการดำเนินการที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 2942 | การปรับปรุงเพิ่มค่านิตยภัต | พศ | 20/04/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงเพิ่มค่านิตยภัตถวายพระสังฆาธิการ พระสมณศักดิ์ และพระเปรียญ ตามบัญชีอัตรานิตยภัตที่ขอปรับเพิ่มใหม่ ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรี โดยสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ โดยให้เริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๔ เป็นต้นไป สำหรับงบประมาณที่เพิ่มขึ้นในการปรับอัตรานิตยภัตในห้วงเวลาตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน - ๓๐ กันยายน ๒๕๕๔ จำนวน ๑๙๕,๕๗๒,๔๐๐ บาท ให้สำนักงานพระพุทธศาสนาใช้จ่ายจากเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยให้ทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 2943 | ปรับปรุงคณะกรรมการที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง | พศ | 20/04/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนาพุทธมณฑลฝ่ายสงฆ์แทนสมเด็จพระราชาคณะที่ถึงมรณภาพ ๒ รูป พระราชาคณะที่ได้รับพระราชทานสถาปนาเลื่อนสมณศักดิ์ ๖ รูป และปรับรายนามสมเด็จพระมหาธีราจารย์ออกจากคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนาพุทธมณฑลฝ่ายสงฆ์ เนื่องจากมรณภาพเมื่อวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๕๔ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ ( ๒๐ เมษายน ๒๕๕๔) เป็นต้นไป ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
| 2944 | รายงานการประชุมคณะกรรมการประสานงานและสนับสนุนงานโครงการหลวง (กปส.) ครั้งที่ 1/2554 | กษ | 20/04/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบตามมติคณะกรรมการประสานงานและสนับสนุนงานโครงการหลวง (กปส.) ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๕๔ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รองประธานกรรมการประสานงานและสนับสนุนงานโครงการหลวงเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ที่ประชุมคณะกรรมการ กปส. มีมติรับทราบผลการดำเนินงาน จำนวน ๓ เรื่อง ได้แก่ ผลการดำเนินงานของโครงการหลวง ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ รายงานการจัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติบนพื้นที่สูงภาคเหนือ และรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานด้านความหลากหลายทางชีวภาพบนพื้นที่สูง ๑.๒ ที่ประชุมคณะกรรมการ กปส. มีมติเห็นชอบเรื่องต่าง ๆ ดังนี้ ๑.๒.๑ ให้มูลนิธิโครงการหลวงขอตั้งงบประมาณประจำปีเพื่อดำเนินงานวิจัย งานพัฒนา และการตลาด ที่สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยเริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ๑.๒.๒ เห็นชอบในหลักการแผนแม่บทศูนย์พัฒนาโครงการหลวงและแผนแม่บทโครงการขยายผลโครงการหลวง ระยะ ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๙) โดยให้ฝ่ายเลขานุการนำแผนแม่บทฯ เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นชอบต่อไป ๑.๒.๓ เห็นชอบในหลักการแผนงานและงบประมาณประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ที่สนับสนุนศูนย์พัฒนาโครงการหลวงและโครงการขยายผลโครงการหลวง โดยให้สำนักงบประมาณพิจารณาให้การสนับสนุนตามความเหมาะสมต่อไป ๑.๒.๔ เห็นชอบในหลักการการปรับปรุงถนนในพื้นที่โครงการขยายผลโครงการหลวงเพื่อแก้ปัญหาพื้นที่ปลูกฝิ่นอย่างยั่งยืนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดตาก จำนวน ๙ เส้นทาง โดยให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) รับโครงการปรับปรุงเส้นทางดังกล่าวไว้ในแผนพัฒนาเพื่อความมั่นคงและจัดหางบประมาณให้กับหน่วยงานทหารในพื้นที่เป็นผู้ปฏิบัติงานร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมต่อไป และให้หน่วยงานที่ร่วมดำเนินงานภายใต้แผนแม่บทโครงการขยายผลโครงการหลวงฯ ให้การสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินงานตามแผนแม่บทดังกล่าว ๑.๒.๕ ที่ประชุมคณะกรรมการ กปส. มีมติเรื่อง การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการพัฒนาชุมชนในพื้นที่โครงการหลวง โดยให้สำนักงบประมาณให้การสนับสนุนแผนงาน และงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ของกรมทางหลวงชนบท และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) สำหรับปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่โครงการหลวงตามความเหมาะสม และให้เสนอคณะรัฐมนตรีทราบว่า “โครงการพระราชดำริ” ที่ระบุในมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๓๖ (ข้อ ๒.๑) หมายรวมถึงงานของมูลนิธิโครงการหลวงด้วย กับเห็นชอบให้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่โครงการหลวง ภายใต้คณะกรรมการ กปส. และให้ กฟภ.รวบรวมความจำเป็นโครงการก่อสร้างขยายระบบจำหน่ายไฟฟ้าสำหรับครัวเรือนที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ภายในพื้นที่โครงการหลวง และโครงการขยายผลโครงการหลวง ทั้งที่ไม่เกินและเกิน ๕๐,๐๐๐ บาทต่อครัวเรือนเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๑.๒.๖ เห็นชอบในหลักข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ ไทย - โคลอมเบีย (Technical Cooperation Agreement) ระหว่างมูลนิธิโครงการหลวง สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) และ Accion Social สาธารณรัฐโคลอมเบีย และหนังสือแสดงเจตจำนง (Letter of Intent) ระหว่างมูลนิธิโครงการหลวง สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) และ UNODC สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยให้ฝ่ายเลขานุการนำเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบต่อไป ๒. ให้เปลี่ยนชื่อข้อความตามหนังสือกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ สวพส./๑๐๘๔ ลงวันที่ ๘ เมษายน ๒๕๕๔ ข้อ ๒.๒.๕ การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการพัฒนาชุมชนในพื้นที่โครงการหลวง ๒) มติคณะกรรมการ กปส. (๒) จากเดิม “...โครงการพระราชดำริ นั้น หมายรวมถึง งานของมูลนิธิโครงการหลวงด้วย” เป็น “...โครงการพระราชดำริ นั้น หมายรวมถึงงานโครงการหลวงด้วย” และให้เปลี่ยนข้อความดังกล่าวที่ปรากฏในข้ออื่น ๆ ให้สอดคล้องกันด้วย ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงยุติธรรม สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในพื้นที่ดำเนินงานตามแผนแม่บทโครงการหลวงเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินงานให้มากขึ้น ตลอดจนเร่งประชาสัมพันธ์ให้ อปท. ทั่วประเทศเข้ามาศึกษา ดูงาน เพื่อนำความรู้จากโครงการหลวงไปต่อยอดการพัฒนาในพื้นที่ อปท. แต่ละแห่งได้ นอกจากนี้ เห็นควรเร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติคณะกรรมการ กปส. พร้อมทั้งจัดทำรายละเอียดเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป สำหรับการดำเนินงานตามแผนงานและงบประมาณภายใต้แผนแม่บทฯ ควรให้ความสำคัญกับการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการปฏิบัติงาน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 2945 | การปรับปรุงโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการของกระทรวงวัฒนธรรม (ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงวัฒนธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม พ.ศ. ....) | นร | 20/04/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอร่างกฎกระทรวงที่ตรวจพิจารณาแล้ว รวม ๒ ฉบับ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงวัฒนธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ๑.๑ กำหนดให้สำนักงานปลัดกระทรวงมีอำนาจหน้าที่เพิ่มเติมในการศึกษาและวิเคราะห์แนวโน้มของปัญหาการเบี่ยงเบนทางวัฒนธรรม และประสานให้เกิดเครือข่ายความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและภาคประชาชนทุกส่วนในการป้องกันแก้ไขปัญหาและพัฒนาสังคมร่วมกัน รวมถึงการเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม และดำเนินการและส่งเสริมการพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยคณะกรรมการพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์แห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๑ ๑.๒ กำหนดให้เพิ่มสำนักเฝ้าระวังทางวัฒนธรรมในราชการบริหารส่วนกลาง สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๓ กำหนดอำนาจหน้าที่ของสำนักเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม ๑.๔ กำหนดให้สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดมีอำนาจหน้าที่เพิ่มเติมในการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาการเบี่ยงเบนทางวัฒนธรรม ๒. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ๒.๑ กำหนดให้ยกเลิกกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม พ.ศ. ๒๕๔๕ ๒.๒ กำหนดให้กรมส่งเสริมวัฒนธรรมมีภารกิจเกี่ยวกับการส่งเสริมและบำรุงรักษาวัฒนธรรมไทย รวมทั้งดำเนินการเกี่ยวกับการประสานงานและแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรม และให้มีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด ๒.๓ กำหนดให้แบ่งส่วนราชการกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ประกอบด้วย ๒ กอง ๑ สถาบัน และ ๒ สำนัก และให้มีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด
|
|||||||||||||||||||||
| 2946 | ข้อเสนอการตราพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. .... | สม | 20/04/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง การตราพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. .... สรุปได้ ดังนี้
๑. พระราชบัญญัติว่าด้วยการชุมนุมสาธารณะ ควรเป็นกฎหมายที่เจ้าหน้าที่รัฐใช้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการจัดการการชุมนุมสาธารณะ เว้นแต่เมื่อมีสถานการณ์ฉุกเฉินเร่งด่วนที่ยากต่อการบริหารราชการ จึงจะนำกฎหมายพิเศษมาบังคับใช้ แต่ต้องทำภายในระยะเวลาอันจำกัดเท่าที่จำเป็นแก่สถานการณ์ ๒. การตรากฎหมายมาใช้บังคับในเรื่องการชุมนุมสาธารณะ ควรกำหนดชื่อของกฎหมายที่แสดงความหมายให้ตรงกับเจตนารมณ์ที่จะมุ่งส่งเสริมและคุ้มครองเสรีภาพในการชุมนุมสาธารณะของประชาชน ๓. อำนาจในการห้ามการชุมนุม การสั่งให้เลิกการชุมนุม หรือการคัดค้านการชุมนุม ควรตั้งอยู่บนพื้นฐานเดียวกันคือ มอบให้ฝ่ายบริหาร (ฝ่ายปกครอง) เป็นผู้ตัดสินใจในขั้นตอนสุดท้าย และรับผิดชอบในการตัดสินใจดังกล่าว ดังนั้น เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่มีคำสั่งห้ามหรือให้เลิกการชุมนุมสาธารณะ ผู้จัดการชุมนุมหรือผู้นำการชุมนุมควรมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ต่อฝ่ายบริหารระดับสูงขึ้นไปเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดอุทธรณ์ และเมื่อได้ดำเนินการตามขั้นตอนวิธีการในฝ่ายปกครองจนครบถ้วนแล้ว ไม่เป็นการตัดสิทธิของผู้จัดการชุมนุมหรือผู้นำการชุมนุมที่จะนำคดีไปสู่ศาลปกครองได้ต่อไป ๔. การชุมนุมสาธารณะควรบัญญัติให้ครอบคลุมถึงองค์การระหว่างประเทศ เช่น ที่ทำการขององค์การสหประชาชาติ ซึ่งควรได้รับความคุ้มครองเช่นเดียวกับสถานทูตหรือสถานกงสุลของรัฐต่างประเทศ ๕. การกำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้ามามีบทบาทในการจัดการเกี่ยวกับสถานที่ที่ใช้ชุมนุม โดยมีอำนาจหน้าที่อำนวยความสะดวก ดูแลรักษาความปลอดภัย และจัดหาสถานที่ที่เหมาะสมให้ประชาชนร่วมชุมนุมสาธารณะ ควรกำหนดให้เป็นหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมากกว่าเป็นการใช้ดุลพินิจจะจัดสถานที่หรือไม่ก็ได้ ๖. ผู้ที่ประสงค์จัดการชุมนุมสาธารณะ และการชุมนุมนั้นกระทบต่อความสะดวกของประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะ ต้องให้มีหนังสือแจ้งการชุมนุมไม่น้อยกว่า ๗๒ ชั่วโมง การชุมนุมสาธารณะที่ไม่ได้แจ้งภายในระยะเวลาดังกล่าว ต้องขอผ่อนผันต่อผู้บัญชาการตำรวจนครบาลหรือผู้ว่าราชการจังหวัด และต้องได้รับอนุญาตให้ผ่อนผันเสียก่อนจึงจะชุมนุมได้ การชุมชนโดยยังมิได้รับอนุญาตให้ถือว่าเป็นการชุมนุมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ๗. อำนาจหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ ควรกำหนดกรอบและขั้นตอนการควบคุมฝูงชน ซึ่งรวมถึงการใช้กำลังเพื่อให้ผู้ชุมนุมยุติหรือเลิกการชุมนุมไว้ในพระราชบัญญัติฉบันนี้ ส่วนการจับกุม การค้น รวมทั้งกระทำต่อทรัพย์สินของผู้ชุมนุมโดยการยึดอายัดทรัพย์สิน ศาลต้องสั่งอนุญาตให้ออกหมายจับ หมายค้น ฯลฯ เสียก่อน ภายใต้ข้อสันนิษฐานตามกฎหมายที่เชื่อว่าผู้กระทำผิดจะหลบหนี หรือทรัพย์สินสำหรับใช้ในการกระทำความผิดจะถูกเคลื่อนย้ายหรือถูกทำลาย สำหรับบทกำหนดโทษจำคุกแก่ผู้จัดการชุมนุมสาธารณะกรณีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัตินี้ การลงโทษควรเป็นโทษทางปกครอง (ปรับทางปกครอง) ไม่ใช่โทษทางอาญา (จำคุก) เพราะการชุมนุมเป็นสิทธิและเสรีภาพที่ได้รับการรับรองตามรัฐธรรมนูญ ผู้ที่กระทำความผิดไม่ใช่อาชญากร จึงไม่ควรกำหนดความผิดที่จะต้องรับโทษทางอาญาไว้ในกฎหมายฉบับนี้ ๘. กำหนดให้มีกลไกรองรับการชุมนุมสาธารณะที่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การปรับปรุงแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินอย่างหนึ่งอย่างใดเป็นการเฉพาะ
|
|||||||||||||||||||||
| 2947 | โครงการปลูกยางพาราในที่แห่งใหม่ ระยะที่ 3 พ.ศ. 2553 - 2555 ตามพระราชบัญญัติกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง มาตรา 21 ทวิ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ | นร | 20/04/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เกี่ยวกับโครงการปลูกยางพาราในที่แห่งใหม่ ระยะที่ ๓ พ.ศ. ๒๕๕๓ - ๒๕๕๕ ตามพระราชบัญญัติกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง มาตรา ๒๑ ทวิ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตามที่สำนักงาน ป.ป.ช. เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นควรชะลอโครงการปลูกยางพาราในที่แห่งใหม่ ระยะที่ ๓ ฯ ไว้ก่อน ๑.๒ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเสนอและดำเนินการโครงการไปศึกษาทบทวนกระบวนการส่งเสริมการปลูกยางพาราและผลจากการส่งเสริมการปลูกยางพาราระยะที่ ๒ ที่ผ่านมาว่ามีปัญหาในเรื่องใดบ้าง โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่เกิดปัญหายางตาย และด้านการเจริญเติบโตของต้นยางที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน และแนวทางหรือกระบวนการในการช่วยเหลือเกษตรกรในการปรับปรุงสวนยางให้ได้มาตรฐาน รวมทั้งข้อกำหนดในการบริหารความเสี่ยงในการทุจริตที่อาจเกิดขึ้นเพื่อป้องกันการทุจริตในการดำเนินโครงการ ๑.๓ หากมีการเสนอโครงการปลูกยางพาราในที่แห่งใหม่ ระยะที่ ๓ ฯ จะต้องเสนอผลการศึกษาทบทวนผลการดำเนินการโครงการส่งเสริมการปลูกยางพาราระยะที่ ๒ และข้อกำหนดในการบริหารความเสี่ยงเพื่อป้องกันการทุจริตตามข้อเสนอแนะ ข้อ ๑.๒ เพื่อประกอบการพิจารณาด้วย ส่วนความเดือดร้อนเสียหายของเกษตรกรเนื่องจากการตายของต้นยางอันเกิดจากภัยธรรมชาติ ทั้งที่อยู่ในและนอกโครงการส่งเสริมการปลูกยางพาราระยะที่ ๒ รัฐสมควรที่จะพิจารณาให้ความช่วยเหลือเยียวยาความเดือดร้อนเสียหายดังกล่าว ให้เป็นมาตรฐานเช่นเดียวกันกับการตายของสวนยางอันเกิดภัยธรรมชาติอื่น ๆ เช่น อุทกภัย เป็นต้น เพื่อให้เกิดความเสมอภาคและเป็นธรรมแก่เกษตรกรผู้ปลูกยางทั่วประเทศ ๑.๔ รัฐควรนำงบประมาณที่จะใช้ในการส่งเสริมการปลูกมาเป็นการศึกษาวิจัยเพื่อแก้ปัญหาสวนยางในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ควบคู่กับการพัฒนาการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าจะเกิดประโยชน์ต่อเกษตรมากกว่า ๒. การดำเนินโครงการปลูกยางพาราในที่แห่งใหม่ ระยะที่ ๓ ฯ ซึ่งได้มีการดำเนินการไปแล้วในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวนประมาณ ๒๐๐,๐๐๐ ไร่ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการต่อไปได้ แต่ในส่วนของโครงการที่จะเริ่มดำเนินการในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ และปีต่อไป ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อประเมินผลการดำเนินโครงการที่ผ่านมา และกำหนดแนวทางการดำเนินการให้เหมาะสม โดยให้นำข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไปประกอบการพิจารณาด้วย ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการพิจารณาคัดเลือกพื้นที่ดำเนินโครงการให้เหมาะสมและเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 2948 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชาติ ครั้งที่ 1/2554 | นร | 12/04/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชาติ (กศส.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๕๔ ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการและเลขานุการ กศส. เสนอ โดยที่ประชุม กศส. ได้มีมติในเรื่องต่าง ๆ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ กรอบการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของไทย ที่ประชุม กศส. มีมติเห็นชอบกรอบการกำหนดนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศไทยและการพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ในลักษณะที่เป็นกลุ่มเครือข่ายวิสาหกิจ (Creative Cluster) ที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ และให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หารือและประสานกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อกำหนดนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศและแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ที่ชัดเจน รวมทั้งกำหนดอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ยุทธศาสตร์ของประเทศ เพื่อนำเสนอต่อ กศส. ต่อไป ๑.๒ แนวคิดสร้างสรรค์ทุนวัฒนธรรมเพื่อการท่องเที่ยว ที่ประชุม กศส. มีมติเห็นชอบแนวคิดดังกล่าวตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับกรอบแนวคิดนี้ รวมทั้งความเห็นของ กศส. ไปร่วมกันจัดทำแผนปฏิบัติการที่มีการบูรณาการอย่างชัดเจน เพื่อให้สามารถแปลงกรอบแนวคิดไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม สอดคล้องตามแนวนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่เสนอ ๑.๓ แนวทางการจัดตั้งสำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (สศส.) ในรูปแบบองค์การมหาชน ที่ประชุม กศส. มีมติให้ สศช. ศึกษาวิเคราะห์เพื่อหารูปแบบและแนวทางที่เหมาะสมในการจัดองค์กรเพื่อขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์อย่างเป็นระบบ มีบูรณาการ และไม่ซ้ำซ้อนกันในบทบาทหน้าที่ เพื่อนำเสนอต่อ กศส. ต่อไป ๑.๔ แนวทางการสนับสนุนแหล่งเงินทุนให้กับผู้ประกอบการธุรกิจและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ในรูปแบบ Public Service Obligation (PSO) ที่ประชุม กศส. มีมติให้ สศช. วิเคราะห์แหล่งเงินทุนและระบบการให้เงินกู้ยืมแก่ภาคธุรกิจที่มีอยู่ในปัจจุบัน เพื่อเสนอรูปแบบการปรับปรุงระบบการสนับสนุนทางการเงินแก่ธุรกิจสร้างสรรค์ที่เหมาะสมและนำเสนอต่อ กศส. ต่อไป ๑.๕ ผลการศึกษาโครงการความร่วมมือระหว่าง สศช. และ UNDP เรื่อง Thailand’s National Strategy on Creative Economy ที่ประชุม กศส. มีมติรับทราบผลการศึกษาฯ ตามที่ สศช. เสนอ และให้นำข้อเสนอแนะของรายงานการศึกษาฯ ไปประกอบการจัดทำแนวทางการพัฒนาเพื่อขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ต่อไป ๑.๖ การดำเนินงานของหุ้นส่วนเชิงสร้างสรรค์ไทย - สหรัฐฯ (Thai-US Creative Partnership) ที่ประชุม กศส. มีมติรับทราบและให้กระทรวงการต่างประเทศรายงานผลการดำเนินงานของหุ้นส่วนเชิงสร้างสรรค์ไทย - สหรัฐฯ ต่อคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ทราบและประสานกระทรวงพาณิชย์เพื่อนำผลการดำเนินงานไปผนวกกับกรอบความร่วมมืออาเซียนและญี่ปุ่น ๑.๗ รายงานผลความก้าวหน้าโครงการ Creative ASEAN ที่ประชุม กศส. มีมติรับทราบรายงานความเป็นมาและความก้าวหน้าโครงการ Creative ASEAN ตามที่กรมทรัพย์สินทางปัญญาเสนอ ๒. สำหรับข้อเสนอเกี่ยวกับการขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับการบริหารจัดการ สศส. วงเงินรวม ๕๐ ล้านบาท ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (สศส.) ดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอน โดยขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณก่อน ๓. ให้ สศช. ไปพิจารณาดำเนินการปรับปรุงร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๑ ให้มีการระบุถึงนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ให้ชัดเจนยิ่งขึ้นด้วย
|
|||||||||||||||||||||
| 2949 | ความเห็นและข้อเสนอแนะ เรื่อง ข้อสังเกตบางประเด็นเกี่ยวกับการปรับปรุงกฎหมาย ว่าด้วยการแข่งขันทางการค้า - รัฐวิสาหกิจและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ กฟผ., ปตท., บ. การบินไทยฯ, บขส., กสท., บ. ที โอ ทีฯ, ปณท., อสมท., องค์การเภสัชฯ, บ. ไทยออยล์ฯ, บ. บางจากปิโตรเลียมฯ, บ. ไออาร์พีซีฯ, บ. เอสโซ่ฯ และ บ. เชลล์ฯ, บ. ทรูฯ, บ. ทีทีแอนด์ทีฯ, บ. แอ๊ดวานซ์ฯ, บ. การบินกรุงเทพฯ, ธ. กรุงเทพฯ, ธ. กสิกรไทยฯ, ธ. ไทยพาณิชย์ฯ, ธุรกิจการสื่อสารฯ, ธุรกิจการบิน, ธุรกิจพลังงาน | ยธ | 12/04/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะ เรื่อง ข้อสังเกตบางประเด็นเกี่ยวกับการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการแข่งขันทางการค้า เพื่อพิจารณาประกอบการปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. ๒๕๔๒ ตามที่คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายเสนอ ดังนี้
๑. มาตรการทางกฎหมาย โดยสนับสนุนให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการเกี่ยวกับการพัฒนากฎหมายว่าด้วยการแข่งขันทางการค้า ได้แก่ ๑.๑ การกำหนดขอบเขตการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการแข่งขันทางการค้า ๑.๒ พิจารณาทบทวนที่มาและองค์ประกอบของคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า ๑.๓ บทกำหนดโทษ ๒. มาตรการคู่ขนาน โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค) กระทรวงการคลัง และกระทรวงพลังงาน ดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ พิจารณาปรับปรุงและพัฒนากฎหมายว่าด้วยธุรกิจพลังงานในลำดับต่อไป ๒.๒ พิจารณาสนับสนุนแนวทางการขับเคลื่อน เผยแพร่ประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการดำเนินการของรัฐวิสาหกิจสาขาพลังงานปิโตรเคมีซึ่งเป็นธุรกิจกึ่งผูกขาดให้เชื่อมโยงกับประเด็นการปฏิรูปประเทศไทยคู่ขนานไปพร้อมกัน ๒.๓ พิจารณาแก้ไขกฎหมาย หรือกฎระเบียบราชการที่เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นกรรมการในบริษัทกึ่งรัฐวิสาหกิจที่ไม่ทำให้เกิดผลประโยชน์ขัดแย้งส่วนตัวหรือขององค์กรกับผลประโยชน์สาธารณะ |
|||||||||||||||||||||
| 2950 | ขออนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับโครงการปรับปรุงซ่อมแซมอาคารที่ทำการสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเวลลิงตัน | กต | 12/04/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการให้กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับค่าปรับปรุงซ่อมแซมสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเวลลิงตัน ในวงเงินทั้งสิ้น ๑๔,๔๑๔,๘๖๘ ดอลลาร์นิวซีแลนด์ ตามเหตุผลและความจำเป็นที่ กต. เสนอ สำหรับงบประมาณที่ขาดอยู่ จำนวน ๑,๔๖๐,๗๐๙ ดอลลาร์นิวซีแลนด์ หรือคิดเป็นเงินไทย ณ อัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน (๑ ดอลลาร์นิวซีแลนด์เท่ากับ ๒๓.๕๐ บาท) จำนวน ๓๔,๓๒๖,๗๐๐ บาท ให้เบิกจ่ายงบประมาณจากงบรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ทั้งนี้ ในกรณีที่อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ส่งเงินเพิ่มขึ้นจากที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ ให้ กต. ขอรับจัดสรรงบประมาณงบกลางให้ได้เพียงพอที่จะสามารถชำระเงินส่วนที่เพิ่มขึ้นได้ โดยให้ขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||
| 2951 | รายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การจัดซื้อจัดจ้างและราคากลาง | นร | 12/04/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงบประมาณรายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การจัดซื้อจัดจ้างและราคากลาง สรุปได้ ดังนี้
๑. กำหนดราคามาตรฐานสิ่งก่อสร้างซึ่งจะใช้เป็นข้อมูลประกอบการกำหนดราคากลาง ได้ว่าจ้างคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นที่ปรึกษาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการกำหนดราคามาตรฐานสิ่งก่อสร้าง โดยทำการศึกษา พิจารณา วิเคราะห์ จัดกลุ่ม และกำหนดรหัสมาตรฐานรายการงานก่อสร้างเพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน รวมทั้งกำหนดรหัสมาตรฐานรายการวัสดุก่อสร้างขึ้นมาใหม่เชื่อมโยงกับราคาวัสดุก่อสร้างของกระทรวงพาณิชย์ และการนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการจัดทำและปรับปรุงบัญชีราคามาตรฐานสิ่งก่อสร้าง โดยพัฒนาโปรแกรมต้นแบบให้สอดคล้องกับระบบโครงสร้างรายการงาน และสามารถที่จะดึงข้อมูลราคาวัสดุจากกระทรวงพาณิชย์มาใช้ในการปรับปรุงราคาในบัญชีราคามาตรฐานสิ่งก่อสร้างได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ๒. ศึกษารายละเอียดรายการงานในบัญชีราคามาตรฐานสิ่งก่อสร้าง ได้ดำเนินการศึกษารายละเอียดรายการงานในบัญชีราคามาตรฐานสิ่งก่อสร้างของสำนักงบประมาณ จำนวน ๒๓๐ รายการ เพื่อให้ทราบถึงรูปแบบปริมาณและลักษณะการถอดแบบของผู้ประมาณราคา ศึกษาฐานข้อมูลราคาวัสดุของกระทรวงพาณิชย์ และนำรายละเอียดมาจัดกลุ่ม กำหนดโครงสร้าง รหัสมาตรฐานรายการงาน ราคาต่อหน่วย รายการวัสดุก่อสร้างให้เป็นหมวดหมู่ที่ชัดเจนและเป็นมาตรฐาน ๓. กำหนดราคากลางให้สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเป็นจริง ได้มีการเชื่อมโยงกับราคาวัสดุจากกระทรวงพาณิชย์เพื่อให้ปรับราคาได้โดยอัตโนมัติ โดยประสานงานกับสำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ และกำลังดำเนินการวางระบบเพื่อจัดกลุ่มวัสดุก่อสร้าง กำหนดรหัสมาตรฐานรายการวัสดุก่อสร้าง ซึ่งจะต้องตรวจสอบรวบรวมรายการวัสดุที่จะต้องใช้ในการก่อสร้างเพื่อกำหนดให้เป็นฐานข้อมูลที่มีมาตรฐานเดียวกัน |
|||||||||||||||||||||
| 2952 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ | สสป | 12/04/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ให้หน่วยงานที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี หรือรองนายกรัฐมนตรีให้เป็นหน่วยงานหลักในการจัดประชุมพิจารณาดำเนินการจัดทำรายงานผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการตามความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ทั้ง ๖ หน่วยงาน ได้แก่ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงอุตสาหกรรม เร่งรัดดำเนินการจัดทำรายงานผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการตามความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในส่วนที่เกี่ยวข้อง (รวม ๙ เรื่อง) และจัดส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีโดยด่วนภายใน ๓๐ วัน เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ดังนี้ ๑.๑ การใช้ประโยชน์สนามบินดอนเมืองควบคู่สนามบินสุวรรณภูมิ ๑.๒ การพัฒนาอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลของประเทศไทย ๑.๓ การป้องกันและแก้ไขปัญหาอันเกิดจากการพัฒนาอุตสาหกรรมในภาคตะวันออก กรณีศึกษาจังหวัดระยอง ๑.๔ แนวทางการแก้ไขวิกฤติยางพาราอย่างครบวงจร ๑.๕ ปัญหาเขาพระวิหารกรณีการคัดค้านการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ๑.๖ การดำเนินการของรัฐต่อการคิดค่าเสียหายจากประชาชนในการทำให้เกิดภาวะโลกร้อน ๑.๗ กลยุทธ์การสร้างความเชื่อมั่นอย่างต่อเนื่องต่อการท่องเที่ยวของไทย ด้วยแผนการป้องกัน โรคระบาดอุบัติใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ ๑.๘ การปรับปรุงการบริหารจัดการและการบริการขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ๑.๙ การจัดการอันตรายจากแร่ใยหินไครโซไทล์เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพผู้บริโภค ๒. ให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) รับไปกำกับติดตามการดำเนินการของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
|
|||||||||||||||||||||
| 2953 | แผนหลักการพัฒนาระบบขนส่งและจราจร พ.ศ. 2554 - 2563 | คค | 12/04/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอแผนหลักการพัฒนาระบบขนส่งและจราจร พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๖๓ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการชี้นำการพัฒนาและเป็นกรอบการดำเนินงานให้กับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ตลอดจนภาคีภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างมีบูรณาการและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยแผนดังกล่าวมีเป้าประสงค์เชิงยุทธศาสตร์ (Goals) และแนวทางการดำเนินงานที่สำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. เพื่อให้ประเทศเป็นศูนย์กลางเชื่อมต่อการเดินทางและการขนส่ง (Hub for Connectivity) โดยการเพิ่มประสิทธิภาพให้บริการของประตูการขนส่ง (Hub) ที่มีศักยภาพ และการปรับปรุงโครงข่ายเชื่อมโยง (Spoke) รวมถึงกฎระเบียบเพื่ออำนวยความสะดวกให้ประเทศไทยเป็นศูนย์การเดินทางและการขนส่ง ๒. เพื่อให้มีระบบขนส่งที่มีประสิทธิภาพและระดับการให้บริการที่ดีเชื่อมโยงพื้นที่เศรษฐกิจและชุมชน (Accessibility) โดยการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพระบบการขนส่งเพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ การกำหนดรูปแบบและแนวเส้นทางขนส่งหลักระหว่างพื้นที่เศรษฐกิจภายในประเทศ ๓. เพื่อพัฒนาปรับปรุงการเดินทางและการขนส่งให้มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ โดยการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน มาตรฐานยานพาหนะ และสภาพแวดล้อมให้มีคุณภาพและความปลอดภัยในการเดินทางและการขนส่งโดยเฉพาะที่สำคัญคือ ต้องให้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ จิตสำนึกและทักษะเรื่องความปลอดภัยด้านการขนส่ง ๔. เพื่อส่งเสริมการขนส่งที่ประหยัดพลังงาน (Energy Saving) และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Environmental Friendly) โดยการส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการปรับเปลี่ยนมาใช้รูปแบบการขนส่งทางรางและทางน้ำ ในขณะเดียวกันก็ส่งเสริมให้มีการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อให้มีการใช้พลังงานและยานพาหนะที่สะอาด ๕. เพื่อยกระดับการเข้าถึงและเพิ่มการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ (Public Transport) อย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน โดยการพัฒนาโครงข่ายระบบขนส่งสาธารณะที่เชื่อถือได้ เข้าถึงสะดวก และมีค่าโดยสารที่เหมาะสม การปรับปรุงระบบการขนส่งเชื่อมโยงกับการขนส่งสาธารณะ และการส่งเสริมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะ เพื่อทดแทนการใช้ยานพาหนะส่วนบุคคลในการเดินทาง ๖. เพื่อเพิ่มความคล่องตัว (Mobility) ในการเดินทางและการขนส่ง โดยการปรับปรุงและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อลดปัญหาคอขวด เชื่อมต่อโครงข่ายการเดินทาง และการบริหารจัดการจราจร รวมทั้งสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้าถึง และลดเวลาในการเดินทาง
|
|||||||||||||||||||||
| 2954 | การจัดตั้งหอจดหมายเหตุและพิพิธภัณฑ์สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี | นร | 12/04/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีรายงานผลการประชุมหารือเกี่ยวกับการจัดตั้งหอจดหมายเหตุและพิพิธภัณฑ์ของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๕๔ สรุปผลการประชุมได้ ดังนี้ ๑.๑ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า ในการจัดตั้งหอจดหมายเหตุและพิพิธภัณฑ์ของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีมีความจำเป็นต้องใช้พื้นที่ใช้สอยรวมประมาณ ๑,๖๒๕ ตารางเมตร เพื่อเก็บรักษาและอนุรักษ์เอกสารสำคัญทางประวัติศาสตร์ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ และเพื่อการจัดแสดง ส่งเสริม เผยแพร่ ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ภารกิจของงานอาลักษณ์ และงานพระราชพิธี โดยขอให้กรมธนารักษ์จัดสรรพื้นที่ของอาคารสำนักบริหารเงินตรา (เดิม) ซึ่งจะทำการปรับปรุงใหม่ จำนวนประมาณ ๒,๐๐๐ ตารางเมตร รวมทั้งงบประมาณในการออกแบบตกแต่ง โดยขอให้ดำเนินการปรับปรุงพื้นที่ให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา ๑๘ เดือน เพื่อจะได้รวบรวมวัตถุและเอกสารสำคัญทางประวัติศาสตร์ เพื่อนำไปจัดเก็บและจัดแสดงในพื้นที่ดังกล่าวภายใน ๖ เดือน เพื่อให้การดำเนินการแล้วเสร็จพร้อมกับโครงการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ทรัพย์สินมีค่าของแผ่นดินของกรมธนารักษ์ ๑.๒ กรมธนารักษ์รับที่จะดำเนินการจัดหาพื้นที่ประมาณ ๑,๕๐๐ - ๒,๐๐๐ ตารางเมตร ภายในพิพิธภัณฑ์ทรัพย์สินมีค่าของแผ่นดิน เพื่อทำเป็นหอจดหมายเหตุและพิพิธภัณฑ์ของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี โดยจะดำเนินโครงการภายในระยะเวลา ๒ ปี โดยกรมธนารักษ์จะเป็นผู้ออกแบบปรับปรุงอาคารกับสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีให้มีความต้องการที่ตรงกันต่อไป ทั้งนี้ ผู้แทนกระทรวงกลาโหมเห็นด้วยและยินดีให้สนับสนุนในด้านกำลังพล ๒. เห็นชอบในหลักการการดำเนินโครงการจัดตั้งหอจดหมายเหตุและพิพิธภัณฑ์ของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี โดยให้กระทรวงการคลัง (กรมธนารักษ์) ดำเนินการจัดหาพื้นที่ประมาณ ๑,๕๐๐ - ๒,๐๐๐ ตารางเมตร ภายในพิพิธภัณฑ์ทรัพย์สินมีค่าของแผ่นดินเพื่อทำเป็นหอจดหมายเหตุและพิพิธภัณฑ์ของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี โดยดำเนินโครงการภายในระยะเวลา ๒๔ เดือน ซึ่งกรมธนารักษ์จะเป็นผู้ออกแบบปรับปรุงอาคาร โดยประสานงานกับสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีให้มีความต้องการสอดคล้องตรงกัน ส่วนงบประมาณในการดำเนินโครงการให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทำความตกลงกับกระทรวงการคลังเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 2955 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณ จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพื่อสนับสนุนจังหวัดที่ประสบอุทกภัย ปี 2554 ของกระทรวงสาธารณสุข ครั้งที่ 1 | สธ | 12/04/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการการสนับสนุนงบประมาณ จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพื่อสนับสนุนจังหวัดที่ประสบอุทกภัย ปี ๒๕๕๔ ของกระทรวงสาธารณสุข ครั้งที่ ๑ สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ค่ายาและเวชภัณฑ์ และค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงฟื้นฟูสถานบริการสาธารณสุขที่ได้รับความเสียหาย จำนวนทั้งสิ้น ๘๘,๒๓๑,๔๙๐ บาท ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขส่งเรื่องนี้ให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) ประธานกรรมการอำนวยการ กำกับ ติดตามการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย เพื่อพิจารณาในภาพรวมและตกลงรายละเอียดเรื่องงบประมาณกับสำนักงบประมาณในการให้ความช่วยเหลือจังหวัดที่ประสบอุทกภัย ปี ๒๕๕๔ ของกระทรวงสาธารณสุข ครั้งที่ ๑ ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 2956 | ร่างพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 04/04/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ โดยเพิ่มมาตรการในการควบคุมสิ่งเทียมอาวุธปืน และการกำหนดบุคคลให้มีหน้าที่ตามพระราชบัญญัติฯ รวมทั้งการควบคุมอานุภาพอาวุธปืนให้เหมาะสม มีความปลอดภัยไม่ให้มีการดัดแปลงจนเป็นอันตรายแก่ประชาชน และมิให้กระทำต่ออาวุธปืนนั้นโดยพลการ ตลอดจนกำหนดให้มีการควบคุมเกี่ยวกับดอกไม้เพลิงที่มีปริมาณหรือน้ำหนักมาก และกำหนดให้มีการควบคุมพื้นที่ในการใช้ดอกไม้เพลิง ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานอัยการสูงสุด กระทรวงยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่เห็นควรเพิ่มเติมสาระสำคัญบางประการ อาทิ เพิ่มนิยามคำว่า “นายทะเบียน” และ “นายทะเบียนท้องที่” ว่าหมายถึงผู้ใด ส่วนการสันนิษฐานว่าผู้รับอนุญาตเป็นผู้กระทำความผิดควรมีการพิสูจน์ให้ได้ความชัดเจนเสียก่อนว่าผู้รับอนุญาตเป็นผู้กระทำความผิด และให้ตัดข้อความ “บันดาลโทสะ” ใน (๑) ข. ออก เนื่องจากอาวุธปืนเป็นอาวุธที่มีอันตรายร้ายแรงสามารถทำลายชีวิตและทรัพย์สินได้ ผู้ที่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์จากการถูกยั่วยุหรือการบันดาลโทสะไม่ควรได้รับการยกเว้นให้ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง เป็นต้น และข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการปรับปรุงร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ให้ครอบคลุมถึงหน่วยงานอื่นของรัฐที่เกิดขึ้นใหม่หลายหน่วยงานซึ่งมิได้มีสถานะเป็นหน่วยราชการหรือรัฐวิสาหกิจ เช่น องค์กรอื่นตามรัฐธรรมนูญ (สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ฯลฯ) และองค์การมหาชน แต่มีความจำเป็นต้องมีและใช้อาวุธปืนในการป้องกันและรักษาทรัพย์สินอันสำคัญของรัฐ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งร่างพระราชบัญญัติฯ ให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 2957 | การวิจัยเรื่องการศึกษามาตรการป้องกันเพื่อปรับปรุงกระบวนการใช้อำนาจเกินขอบเขตกรณีเจ้าพนักงานตำรวจใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ | นร | 04/04/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอรายงานการวิจัยเรื่องการศึกษามาตรการป้องกันเพื่อปรับปรุงกระบวนการใช้อำนาจเกินขอบเขต กรณีเจ้าพนักงานตำรวจใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ และข้อเสนอแนะเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงานตำรวจของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) โดยในส่วนของข้อเสนอแนะเร่งด่วน มีดังนี้ ๑.๑ เร่งแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานตำรวจ โดยนำแนวคิดและหลักการของคณะกรรมการพัฒนาระบบงานของตำรวจมาศึกษาและปรับใช้ โดยเฉพาะในส่วนที่คณะกรรมการพัฒนาระบบงานฯ ได้นำเสนอร่างแก้ไขพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗ แล้วในปี พ.ศ. ๒๕๕๐ แต่ยังไม่ได้รับการแก้ไขตามที่เสนอ ๑.๒ สนับสนุนแนวคิดการกำหนดให้ข้าราชการตำรวจมีทั้งประเภทมียศ และไม่มียศ ของคณะกรรมการพัฒนาระบบงานฯ ๑.๓ ให้มีการศึกษาถึงข้อดี ข้อเสีย ของการเป็นตำรวจประเภทมียศ และไม่มียศ รวมถึงการพิจารณาโครงสร้างการทำงานของพนักงานสอบสวนว่า ควรอยู่ในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติต่อไป หรือควรแยกออกมาเป็นหน่วยงานอิสระ และพิจารณาปรับฐานเงินเดือนและค่าตอบแทนให้เหมาะสมกับหน่วยงานอื่นในกระบวนการยุติธรรมด้วยกัน ๑.๔ สนับสนุนแนวคิดการจัดตั้งคณะกรรมการพิจารณารับเรื่องราวร้องทุกข์เกี่ยวกับตำรวจ โดยนำแนวคิดและโครงสร้างที่คณะกรรมการพัฒนาระบบงานฯ ได้นำเสนอไว้แล้วมาพิจารณา ๑.๕ พิจารณาปรับอัตรากำลังข้าราชการตำรวจ โดยเฉพาะข้าราชการตำรวจชั้นประทวนที่ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการรักษาความสงบเรียบร้อยและใกล้ชิดกับประชาชนในระดับสถานีตำรวจ ให้มีจำนวนที่เพียงพอ และสมดุลกับปริมาณงาน ๑.๖ กำหนดระยะเวลาการอยู่ในสถานีตำรวจหรือพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง ให้มีการหมุนเวียนสับเปลี่ยนกำลัง โดยเฉพาะชั้นประทวนในสถานีตำรวจ ๑.๗ ปรับอัตราเงินเดือน ค่าตอบแทน และสวัสดิการให้กับข้าราชการตำรวจให้มีความเป็นอยู่ที่เหมาะสม สามารถดำรงชีวิตตนเองและครอบครัวในสังคมได้อย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรี โดยเฉพาะข้าราชการตำรวจชั้นผู้น้อย ๑.๘ สนับสนุนโครงการตำรวจบ้าน โดยกำหนดแนวทางปฏิบัติให้ชัดเจน ทั้งแหล่งที่มาของงบประมาณ (เช่น งบประมาณบางส่วนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) การกำหนดค่าตอบแทนของตำรวจบ้านให้เทียบเท่าอาสาสมัครของหน่วยงานราชการหน่วยงานอื่น อย่างไรก็ตาม แนวคิดตำรวจบ้านควรเน้นการป้องกัน การตรวจตราในพื้นที่ ไม่ควรเน้นการใช้อาวุธหรือการปราบปราม ๑.๙ สนับสนุนแนวคิดกระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์ (restorative justice) ด้วยการให้ชุมชนมีบทบาทในการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ซึ่งจะช่วยลดภาระของคดีที่จะเข้าสู่พนักงานสอบสวน และกระบวนการยุติธรรมในภาพรวม ๒. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับรายงานและข้อเสนอแนะไปพิจารณาในรายละเอียด โดยให้รับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานอัยการสูงสุด ที่เห็นควรพิจารณาปรับปรุงการใช้อำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานตำรวจกรณีการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบในรูปแบบต่าง ๆ และพิจารณาแก้ไขปัญหาการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงานตำรวจเพื่อปรับปรุงการปฏิบัติราชการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติตามข้อเสนอมาตรการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยเฉพาะเรื่องที่คณะกรรมการพัฒนาระบบงานฯ ได้นำเสนอไว้แล้ว เช่น การแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานตำรวจ การกำหนดให้ข้าราชการตำรวจมีทั้งประเภทมียศ และไม่มียศ และการจัดตั้งคณะกรรมการพิจารณารับเรื่องราวร้องทุกข์เกี่ยวกับตำรวจ เพื่อให้ปัญหาดังกล่าว ได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็วและเป็นรูปธรรม รวมทั้งเห็นควรเพิ่มมาตรการแก้ไขปัญหาในมิติด้านการเสริมสร้างคุณธรรมจริยธรรมของข้าราชการตำรวจควบคู่ไปกับการปรับปรุงระบบเงินเดือน ค่าตอบแทน และสวัสดิการให้เหมาะสมและได้มาตรฐานในระหว่างบุคคลภาครัฐ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 2958 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย - ญี่ปุ่น | คค | 04/04/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการของบันทึกการหารือระหว่างเจ้าหน้าที่การเดินอากาศของราชอาณาจักรไทยและญี่ปุ่น โดยสาระสำคัญของบันทึกฯ ทั้งสองฝ่ายได้หารือในส่วนของการปรับปรุงใบพิกัดเส้นทางบิน การยกเลิกข้อกำหนดการคิดค่าสัมประสิทธิ์แบบอากาศยาน และการเปิดเสรีสิทธิความจุความถี่ ซึ่งจะส่งผลให้สายการบินสามารถเพิ่มจุดทำการบินต่าง ๆ และเพิ่มเที่ยวบินได้อย่างเต็มที่ตามแผนความต้องการเพื่อรองรับตลาดการบินระหว่างสองประเทศที่เติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และพัฒนาตลาดการบินของทั้งสองประเทศให้สามารถขยายตัวได้อย่างกว้างขวาง และให้เสนอรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนมอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตยืนยันการมีผลใช้บังคับต่อไป ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
| 2959 | รายงานผลการปฏิบัติงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน | ตผ | 28/03/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ตามที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเสนอ ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีมีข้อสังเกตว่า ในการตรวจสอบการดำเนินงานควรระบุให้ชัดเจนว่า เรื่องใดเป็นเรื่องไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมายหรือระเบียบ เรื่องใดเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับโครงการซึ่งดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อช่วยเหลือประชาชนหรือเกษตรกร ซึ่งรัฐบาลอาจต้องรับภาระในการขาดทุนอยู่แล้ว และควรระบุให้ชัดเจนว่า เป็นการตรวจสอบทางบัญชีด้วย รวมทั้งให้ส่งความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาการทุจริตของหน่วยรับตรวจ การให้ความรู้เพิ่มเติมและประชาสัมพันธ์ในเรื่องกฎ ระเบียบ และหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ของทางราชการ วิธีการจัดทำงบประมาณ การบัญชี การเงิน การพัสดุ และอื่น ๆ แก่หน่วยงานราชการส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) การวางแผนและการบริหารจัดการที่ดีเพื่อให้จำนวนหน่วยรับตรวจที่ตรวจเสร็จและออกรายงานมีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นและเร็วขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ รวมทั้งการกำหนดมาตรการให้ทุก อปท. ต้องบันทึกข้อมูลเข้าระบบการบริหารการคลังของ อปท. ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ (Electronic Local Administration Accounting System : e - LAAS) ให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเพื่อประกอบการพิจารณาต่อไป ๒. ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐนำผลการตรวจสอบไปปฏิบัติหรือดำเนินการปรับปรุงแก้ไขในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยในส่วนที่เกี่ยวกับราชการส่วนท้องถิ่นให้กระทรวงมหาดไทยกำกับและติดตามตรวจสอบการดำเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ ให้เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ตามข้อ ๑ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 2960 | ขออนุมัติการจัดทำหนังสือแลกเปลี่ยนว่าด้วยการอำนวยความสะดวกงานก่อสร้างถนนสายเชิงเขาตะนาวศรี - กอกะเร็ก การปรับปรุงถนนสายเมียวดี - เชิงเขาตะนาวศรี และการซ่อมแซมถาวรสะพานมิตรภาพไทย - พม่า | คค | 28/03/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การจัดทำหนังสือแลกเปลี่ยนว่าด้วยการอำนวยความสะดวกงานก่อสร้างถนนสายเชิงเขาตะนาวศรี - กอกะเร็ก การปรับปรุงถนนสายเมียวดี - เชิงเขาตะนาวศรี และการซ่อมแซมถาวรสะพานมิตรภาพไทย - พม่า ทั้งนี้ หากก่อนลงนามมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ ในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อพิจารณาดำเนินการในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรี โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ๑.๒ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยนดังกล่าวถึงฝ่ายพม่า ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับการดำเนินการซ่อมแซมสะพานมิตรภาพฯ ขอให้ดำเนินการโดยไม่กระทบต่อลำน้ำ ทางเดินน้ำ และขอบฝั่งของแม่น้ำเมย ซึ่งเป็นเขตแดนระหว่างไทยกับพม่า และให้ส่งแบบการก่อสร้างตลอดจนข้อมูลความคืบหน้าต่าง ๆ ให้กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการเขตแดนร่วมไทย - พม่า (Joint Boundary Committee - JBC) (ฝ่ายไทย) เป็นระยะเพื่อให้ JBC ฝ่ายไทยพิจารณาและนำไปใช้ประโยชน์ในราชการต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย
|
|||||||||||||||||||||
.....
