ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 147 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 2921 - 2940 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 2921 | การปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ของกรมราชทัณฑ์ (รายการก่อสร้างที่มีภาระผูกพัน) | ยธ | 03/05/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงยุติธรรมโดยกรมราชทัณฑ์ก่อสร้างเรือนจำกลางพัทลุง และทัณฑสถานวัยหนุ่ม (เรือนจำโรงเรียน) ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ๒. การปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณฯ ให้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๔ เรื่อง การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
|
||||||||||||||||||||||||
| 2922 | ผลการประชุมคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ครั้งที่ 3/2554 | นร | 03/05/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๓/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๕๔ ซึ่งได้มีการพิจารณาเรื่อง แนวทางการดำเนินงานของเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (DPL) และผลการศึกษาเบื้องต้นการติดตามประเมินผลโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ ตามแผนการพัฒนาพื้นที่พิเศษ ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. ๒๕๕๒ - ๒๕๕๕ และเห็นชอบตามมติคณะกรรมการฯ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงการคลังพิจารณาความเหมาะสมของคณะกรรมการกลั่นกรองและบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ ในการพิจารณากลั่นกรองโครงการเงินกู้ DPL ตามวัตถุประสงค์ที่ ๓ (การสนับสนุนโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕) ตามข้อสังเกตของคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ ที่เห็นว่า การพิจารณาโครงการเงินกู้ DPL ควรพิจารณากลั่นกรองจากโครงการใหม่ทั้งหมด โดยให้ความสำคัญกับโครงการตามวัตถุประสงค์ ๑ (เพื่อใช้ในการสนับสนุนโครงการลงทุนภาครัฐที่สนับสนุนการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในระยะยาว) และ ๒ (เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางการเงินของประเทศ) เพื่อให้ได้โครงการที่มีความพร้อมในการดำเนินการอย่างแท้จริง ทั้งนี้ เพื่อให้กระบวนการพิจารณากลั่นกรองโครงการเงินกู้ DPL สอดคล้องกับกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการกำกับการดำเนินการศึกษาโครงการวางระบบติดตามประเมินผลแผนการพัฒนาพื้นที่พิเศษ ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ นำข้อสังเกตของคณะกรรมการติดตามฯ ในเรื่องการกำหนดตัวชี้วัดโครงการที่เหมาะสม ความสอดคล้องระหว่างตัวชี้วัดในแผนงานรวมกับแผนงานย่อย การปรับปรุงข้อความให้เหมาะสมและเกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง และการสุ่มตัวอย่างโครงการในการติดตามประเมินผล ไปปรับปรุงรายงานการศึกษา เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) ที่รับผิดชอบแผนการพัฒนาพื้นที่พิเศษ ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้โดยตรงต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 2923 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรเกี่ยวกับการขึ้นราคาค่าเช่านาของผู้ให้เช่าอย่างไม่เป็นธรรม | กษ | 03/05/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๕๓ (เรื่อง การดำเนินการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี ๒๕๕๓/๕๔ รอบที่ ๑) และเห็นชอบให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยดำเนินการปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๒๔ ตามผลการหารือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับกระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีประเด็นสาระสำคัญของกฎหมายที่ควรปรับปรุง ได้แก่ เรื่องระยะเวลาการเช่าที่นา การบอกเลิกการเช่านา ข้อจำกัดเกี่ยวกับการขายที่นาของผู้ให้เช่า โครงสร้างและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำตำบล (คชก.) ตำบล และจังหวัด หลักเกณฑ์การกำหนดอัตราค่าเช่า และปัญหาอื่น ๆ เช่น การเช่าชั่วคราว การเช่าช่วงนา สิทธิหน้าที่ของผู้รับโอน เป็นต้น ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมส่งเสริมการเกษตรซึ่งเป็นผู้รับขึ้นทะเบียนและออกหนังสือรับรองเกษตรกรจะต้องพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการประกันรายได้ให้เหมาะสมต่อไป ส่วนการตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาจัดทำรายละเอียดและยกร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๒๔ ควรให้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้แทนของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียร่วมเป็นคณะทำงานด้วย และควรมีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นในวงกว้างจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อให้เกิดการยอมรับและการบังคับใช้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 2924 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การศึกษาแนวทางและกำหนดมาตรการในการนำเทคโนโลยีระบบกำหนดตำแหน่งบนโลก (Global positioning System: GPS) มาใช้ติดตั้งกับรถสาธารณะ ครั้งที่ 1 | คค | 03/05/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การศึกษาแนวทางและกำหนดมาตรการในการนำเทคโนโลยีระบบกำหนดตำแหน่งบนโลก (Global Positioning System : GPS) มาใช้ติดตั้งกับรถสาธารณะ ครั้งที่ ๑ และเห็นชอบในหลักการแนวทางและมาตรการในการดำเนินงาน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยแนวทางและมาตรการในการดำเนินงาน มีดังนี้ ๑.๑ แนวทางในการดำเนินงาน ประกอบด้วย ๑.๑.๑ ระยะที่ ๑ รวบรวม ศึกษา วิเคราะห์สภาพการใช้รถสาธารณะ กำหนดกลุ่มและจัดลำดับความสำคัญ รวมทั้งแนวทางการปรับแก้กฎหมาย ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินโครงการนำร่องตามกลุ่มรถที่จัดลำดับแล้วภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ๑.๑.๒ ระยะที่ ๒ปรับแก้ไขกฎหมาย ข้อบังคับ และประกาศหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการนำระบบ GPS มาติดตั้งกับรถสาธารณะ ภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๗ ๑.๑.๓ ระยะที่ ๓ จัดตั้งศูนย์บริหารจัดการการเดินรถสาธารณะด้วยระบบ GPS และศูนย์ฝึกอบรมผู้เกี่ยวข้องกับการใช้ระบบ GPS ทั้งเจ้าหน้าที่ภาครัฐและผู้ประกอบการขนส่งภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๗ ๑.๑.๔ ใช้ระบบ GPS ในการกำกับดูแลการเดินรถสาธารณะเต็มรูปแบบภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ๑.๒ มาตรการในการดำเนินงานในระยะแรกภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ๑.๒.๑ ให้บริษัท วิทยุการบิน แห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) เร่งรัดการศึกษาออกแบบสถาปัตยกรรมศูนย์บูรณาการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบแห่งชาติ (NMTIC) ซึ่งจะเป็นภาพรวมการบริหารจัดการคมนาคมขนส่งของประเทศ ๑.๒.๒ ให้กรมการขนส่งทางบกขยายผลการศึกษาโครงการศึกษาเพิ่มประสิทธิภาพการกำกับดูแลรถโดยสารประจำทางโดยใช้เทคโนโลยีให้ครอบคลุมการกำหนดแนวทางและมาตรการในการนำระบบ GPS มาใช้ติดตั้งกับรถสาธารณะทั้งระบบ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุม ตรวจสอบ และยกระดับความปลอดภัยทางถนน ๒. ให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการดำเนินงานในระยะที่ ๑ ควรศึกษารูปแบบการลงทุนและการดำเนินงานที่เหมาะสม คุ้มค่า ตลอดจนรูปแบบและโครงสร้างองค์กรที่จะเป็นกลไกในการดำเนินงานและความสัมพันธ์กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งความจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงแก้ไขกฎหมายและระเบียบข้อบังคับเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการติดตามควบคุมการเดินรถ การวางแผน และการให้บริการต่อสาธารณะได้อย่างแท้จริง ส่วนการจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการการเดินรถสาธารณะด้วยระบบ GPS ตามที่กำหนดในระยะที่ ๓ ควรพิจารณาดำเนินการภายหลังจากการศึกษารูปแบบ โครงสร้างองค์กร การปรับปรุงกฎหมายและระเบียบข้อบังคับแล้วเสร็จ และควรพิจารณาการใช้ประโยชน์ข้อมูลสารสนเทศจากการดำเนินโครงการทั้งในเชิงสาธารณะและเชิงพาณิชย์เพื่อลดภาระงบประมาณในการสนับสนุนการดำเนินงานขององค์กรต่อไป นอกจากนี้ การลงทุนในการนำระบบ GPS มาใช้กับรถสาธารณะที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เห็นควรให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนร่วมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของระบบ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
| 2925 | ขออนุมัติดำเนินโครงการ " ซื้อที่ดินจากบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทยไว้ใช้เป็นสถานที่ก่อสร้างอาคารที่ทำการและอาคารที่พักอาศัยให้กับข้าราชการตำรวจของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง" | ตช | 03/05/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดซื้อที่ดินจากบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทยไว้ใช้เป็นสถานที่ดำเนินการก่อสร้างอาคารที่ทำการและอาคารที่พักอาศัยให้กับข้าราชการตำรวจของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ ภายในวงเงิน ๗๔๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๔๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลือ จำนวน ๗๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยอนุมัติให้ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๕๕ และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ (เรื่อง การปรับปรุงแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณและมาตรการอื่นที่เกี่ยวข้อง) เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย
|
||||||||||||||||||||||||
| 2926 | ผลการดำเนินงานตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (รศก.) ครั้งที่ 1/2554 วันที่ 17 มกราคม 2554 เรื่อง ผลการศึกษาเบื้องต้นเกี่ยวกับการพัฒนาศักยภาพในการรองรับอุตสาหกรรมของพื้นที่มาบตาพุด | นร | 03/05/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการดำเนินงานตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (รศก.) ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๕๔ เรื่อง ผลการศึกษาเบื้องต้นเกี่ยวกับการพัฒนาศักยภาพในการรองรับอุตสาหกรรมของพื้นที่มาบตาพุด และอนุมัติตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการ รศก. เสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้กรมควบคุมมลพิษและกรมโรงงานอุตสาหกรรมเร่งดำเนินการปรับปรุงระเบียบที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการอนุมัติ อนุญาต การลดและขจัดมลพิษ และการสนับสนุนให้มีการออกกฎหมายสำหรับควบคุม VOCs จากแหล่งกำเนิดที่ยังไม่มีมาตรฐานควบคุม รวมทั้งการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ จังหวัดระยอง ให้แล้วเสร็จตามแผนที่กำหนดไว้ ๑.๒ อนุมัติการจัดตั้งศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมและอุตสาหกรรมในพื้นที่มาบตาพุด จังหวัดระยอง รวมทั้งองค์ประกอบของคณะกรรมการศูนย์อำนวยการฯ อำนาจหน้าที่ และเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์อำนวยการฯ ๑.๓ ให้จังหวัดระยองจัดทำรายละเอียดงบประมาณค่าใช้จ่ายในการบริหารของศูนย์อำนวยการฯ โดยให้รวมถึงค่าใช้จ่ายของเจ้าหน้าที่ที่มาปฏิบัติงานประจำศูนย์อำนวยการฯ ด้วย เพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยให้ขอรับการจัดสรรงบประมาณจากสำนักงบประมาณโดยตรงต่อไป และให้จังหวัดระยองจัดทำคำของบประมาณในปีต่อ ๆ ไป ๑.๔ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการฯ โดยมอบหมายเจ้าหน้าที่มาปฏิบัติงานประจำศูนย์อำนวยการฯ ดังกล่าว และมอบอำนาจให้หัวหน้าสำนักงานศูนย์อำนวยการฯ เพื่อให้สามารถควบคุมและกำกับให้โรงงาน/กิจการทุกประเภทมีการปฏิบัติตามมาตรการควบคุมมลพิษ มาตรการ EIA กฎหมาย และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๑.๕ ให้ศูนย์อำนวยการฯ พิจารณามาตรการจูงใจสำหรับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานประจำศูนย์อำนวยการฯ ตามความเหมาะสม เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เห็นควรกำหนดนโยบายในการควบคุมที่ชัดเจนโดยการห้ามจัดตั้งหรือไม่ส่งเสริมโครงการพัฒนาอุตสาหกรรมบางประเภทที่ก่อมลพิษสูง กำหนดนโยบายสนับสนุนเฉพาะอุตสาหกรรมที่ไม่ใช้สารอินทรีย์ระเหยง่ายในการประกอบการและกำหนดมาตรฐานระบบการควบคุมการระบายอากาศภายในอาคารที่มีการเก็บสารอินทรีย์ระเหยง่ายหรือมีกระบวนการผลิตที่มีโอกาสเกิดสารอินทรีย์ระเหยง่าย การกำหนดมาตรการจูงใจทางเศรษฐกิจ เช่น การลดภาษีนำเข้าเครื่องจักรที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสะอาดและระบบบำบัดมลพิษ การจัดสรรงบประมาณคืนกลับไปให้ท้องถิ่นอย่างเป็นธรรมและเพียงพอ รวมทั้งการป้องกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการพัฒนาโครงการ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 2927 | เสนอขอจัดสรรงบประมาณเพื่อดำเนินแผนงานด้านผู้ค้าหาบเร่ - แผงลอย ตามโครงการประชาวิวัฒน์ และขอสนับสนุนงบประมาณดำเนินโครงการจัดระเบียบรถจักรยานยนต์รับจ้างสาธารณะ (มอเตอร์ไซค์วิน) | นร | 03/05/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการจัดสรรงบประมาณจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑๘,๘๕๐,๐๐๐ บาท เพื่อดำเนินแผนงานด้านผู้หาบเร่ - แผงลอย ตามโครงการประชาวิวัฒน์ และสนับสนุนงบประมาณดำเนินโครงการจัดระเบียบรถจักรยานยนต์รับจ้างสาธารณะ (มอเตอร์ไซค์วิน) โดยเบิกจ่ายในงบเงินอุดหนุน ประเภทเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อาชีพผู้ค้าหาบเร่แผงลอย จำนวน ๑๑,๗๐๐,๐๐๐ บาท ประกอบด้วย ๑.๑.๑ โครงการทำให้จุดการค้านำร่องให้เป็นเสน่ห์ของเมือง จำนวน ๒๖ จุด เป็นเงิน ๑๐,๔๐๐,๐๐๐ บาท ๑.๑.๒ โครงการทำจุดผ่อนผันเป็นประชาคมเข้มแข็ง จำนวน ๖๖๗ จุด เป็นเงิน ๑,๓๐๐,๐๐๐ บาท ๑.๒ อาชีพขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างสาธารณะ จำนวน ๗,๑๕๐,๐๐๐ บาท ประกอบด้วย ๑.๒.๑ โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ที่ตั้งวิน “วินในฝัน” จำนวน ๕๐ จุด จุดละ ๑๐๐,๐๐๐ บาท เป็นเงิน ๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๑.๒.๒ โครงการ “รถจักรยานยนต์รับจ้างอาสาสมัครพิทักษ์เมือง” จำนวน ๑๕,๐๐๐ คน เป็นเงิน ๒,๑๕๐,๐๐๐ บาท ๒. ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) และกระทรวงกลาโหมเร่งรัดตรวจสอบและแก้ไขปัญหาผู้มีอิทธิพลข่มขู่ผู้เข้าร่วมโครงการจัดระเบียบรถจักรยานยนต์รับจ้างสาธารณะ (มอเตอร์ไซค์วิน) หากพบว่าผู้มีอิทธิพลดังกล่าวปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐใด ให้แจ้งหน่วยงานนั้น เพื่อดำเนินการลงโทษตามกฎหมายและระเบียบวินัยที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัดต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 2928 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) ครั้งที่ 2/2554 | นร | 03/05/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) ครั้งที่ ๒/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๔ ตามที่ กพต. เสนอ โดยที่ประชุม กพต. มีมติในเรื่องต่าง ๆ สรุปได้ ดังนี้
๑. รับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานตามมติคณะกรรมการ กพต. ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๕๔ จำนวน ๓ เรื่อง ประกอบด้วย ระเบียบ ประกาศที่เกี่ยวข้องกับพระราชบัญญัติการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. ๒๕๕๓ จำนวน ๓ ฉบับ แผนปฏิบัติการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๗ และความก้าวหน้าการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงและเพิ่มเติมโครงการในพื้นที่พิเศษ ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน ๘ โครงการ ๒. รับทราบผลการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (อชต.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๕๔ ประกอบด้วย เรื่องที่ อชต. พิจารณา จำนวน ๑๒ เรื่อง เรื่องที่ อชต. รับทราบ ๕ เรื่อง ๓. รับทราบผลการประชุมคณะทำงานส่งเสริมการค้า การลงทุน และการพัฒนาด่านชายแดนไทย - มาเลเซีย ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๕๔ ประกอบด้วย การกำหนดแนวทางและขั้นตอนการจัดทำแผนการส่งเสริมด้านการค้า และการลงทุนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ใน ๔ ประเด็น คือ การประเมินสถานการณ์ปัญหาและแนวโน้ม การประเมินศักยภาพและโอกาสการพัฒนา การกำหนดประเด็นท้าทาย และการทบทวนและจัดทำแผนงาน โครงการและมาตรการ และโครงการสร้างงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ๔. รับทราบความก้าวหน้าการผลักดันร่างพระราชบัญญัติการใช้กฎหมายอิสลามว่าด้วยครอบครัว มรดก และการพิจารณาคดี พ.ศ. .... ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ลงนามรับรองแล้ว รวม ๓ ฉบับ ๕. รับทราบเรื่องงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ที่ส่วนราชการได้รับจัดสรรตามแผนปฏิบัติการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งได้รับแจ้งยืนยันการจัดสรรงบประมาณจาก ๑๒ หน่วยงาน งบประมาณ ๕,๐๘๓.๔๖๗๒ ล้านบาท ที่เหลืออีก ๘ หน่วยงาน อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงบประมาณ ในส่วนของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ได้รับการจัดสรรงบประมาณ ๑,๓๗๙.๗๑๙ ล้านบาท ๖. รับทราบความก้าวหน้าการแก้ไขระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยปรับถ้อยคำในระเบียบฯ ข้อ ๒๕ เรื่อง การโอนเปลี่ยนแปลงโครงการหรือใช้เงินเหลือจ่ายจากโครงการ จากอำนาจของคณะกรรมการรัฐมนตรีพัฒนาพื้นที่พิเศษ ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ (รชต.) มาเป็นของ กพต. ซึ่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๕ ได้ประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีการปรับแก้ร่างระเบียบฯ เพื่อให้มีความถูกต้องชัดเจนยิ่งขึ้น และให้จัดส่งร่างระเบียบฯ ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อบังคับใช้ต่อไป ๗. เห็นชอบโครงการที่ อชต. ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ พิจารณาให้ความเห็นชอบ จำนวน ๓ โครงการ ประกอบด้วย โครงการศูนย์ครูใต้ (การขยายเวลาการลงนามสัญญาจ้างก่อสร้างศูนย์ครูใต้จังหวัดยะลา และศูนย์ครูใต้จังหวัดนราธิวาส) โครงการจัดตั้งมหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา วิทยาเขตสตูล และโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลปกครองยะลา พร้อมบ้านพักตุลาการและข้าราชการ ๘. เห็นชอบการปรับแผนการดำเนินโครงการปรับปรุงหออภิบาลผู้ป่วยหนัก โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการปรับปรุงหออภิบาลฯ จำนวน ๑๕๐.๐๐ ล้านบาท ๙. เห็นชอบร่างระเบียบ จำนวน ๓ ฉบับ ได้แก่ ร่างระเบียบว่าด้วยการมอบอำนาจให้แก่เลขาธิการ ศอ.บต. และการมอบอำนาจของเลขาธิการ ศอ.บต. พ.ศ. .... ร่างระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการอนุมัติให้เลื่อนเงินเดือนประจำปีเป็นกรณีพิเศษสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐฝ่ายพลเรือนซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. .... และร่างระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการอนุมัติให้เลื่อนเงินเดือนเป็นกรณีพิเศษสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐฝ่ายพลเรือนซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. .... ๑๐. เห็นชอบระบบฐานข้อมูลสารสนเทศเพื่อการบริหารแผนการพัฒนาพื้นที่พิเศษ ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยให้ ศอ.บต. ในฐานะฝ่ายเลขานุการ อชต. รับผิดชอบในการติดตามและรายงานความก้าวหน้าการดำเนินโครงการตามแผนดังกล่าวที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจัดทำขึ้น สำหรับการติดตามและรายงานผลการดำเนินการ และให้หน่วยงานเจ้าของโครงการภายใต้แผนการพัฒนาพื้นที่พิเศษ ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ รับผิดชอบในการบันทึกข้อมูลผลการดำเนินงานและผลการเบิกจ่ายงบประมาณโครงการเพื่อรายงาน อชต. ตามระยะเวลาที่กำหนดต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 2929 | โครงการพัฒนาระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้า ระยะที่ 9 | มท | 03/05/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้กระทรวงมหาดไทย โดยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ดำเนินงานโครงการพัฒนาระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้า ระยะที่ ๙ (โครงการ คพส.๙) วงเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น ๓๑,๑๗๐ ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๓ - ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สรุปรายละเอียดได้ ดังนี้ ๑.๑ โครงการ คพส.๙ ส่วนที่ ๑ : ภาคเหนือ ประกอบด้วย การก่อสร้างสถานีไฟฟ้า ๑๑๕ - ๒๒ กิโลโวลท์ จำนวน ๑๙ แห่ง และก่อสร้างสถานีลานไก ๑๑๕ กิโลโวลท์ จำนวน ๒ แห่ง วงเงินลงทุน ๗,๐๖๐ ล้านบาท ๑.๒ โครงการ คพส.๙ ส่วนที่ ๒ : ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบด้วย การก่อสร้างสถานีไฟฟ้า ๑๑๕ - ๒๒ กิโลโวลท์ จำนวน ๑๔ แห่ง และก่อสร้างสถานีลานไก ๑๑๕ กิโลโวลท์ จำนวน ๔ แห่ง วงเงินลงทุน ๔,๕๔๐ ล้านบาท ๑.๓ โครงการ คพส.๙ ส่วนที่ ๓ : ภาคกลาง ประกอบด้วย การก่อสร้างสถานีไฟฟ้า ๑๑๕ - ๒๒ กิโลโวลท์ จำนวน ๔๗ แห่ง และก่อสร้างสถานีลานไก ๑๑๕ กิโลโวลท์ จำนวน ๑ แห่ง วงเงินลงทุน ๑๕,๐๘๕ ล้านบาท ๑.๔ โครงการ คพส.๙ ส่วนที่ ๔ : ภาคใต้ ประกอบด้วย การก่อสร้างสถานีไฟฟ้า ๑๑๕ - ๒๒/๓๓ กิโลโวลท์ จำนวน ๑๐ แห่ง และก่อสร้างสถานีลานไก ๑๑๕ กิโลโวลท์ จำนวน ๒ แห่ง วงเงินลงทุน ๔,๔๘๕ ล้านบาท รวมเป็นวงเงินลงทุนทั้งสิ้น ๓๑,๑๗๐ ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินโครงการฯ ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๓ - ๒๕๕๘ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย โดย กฟภ. รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ที่เห็นควรให้ กฟภ. ดำเนินการตามขั้นตอนตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ รวมทั้งข้อกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง และดำเนินการร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และกระทรวงพลังงานในการประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้ไฟฟ้าตระหนักถึงความสำคัญของการใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัด และให้ กฟภ. กำหนดเป้าหมายด้านคุณภาพและการให้บริการในด้านจำนวนครั้งที่ไฟฟ้าดับ (SAIFI) และระยะเวลาที่ไฟฟ้าดับ (SAIDI) ตามโครงการฯ เป็นดัชนีชี้วัดการประเมินประสิทธิภาพการดำเนินงาน และประกาศระดับคุณภาพการให้บริการดังกล่าวให้ผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่โครงการฯ ได้รับทราบ เพื่อเป็นการยกระดับคุณภาพการให้บริการและสร้างความมั่นใจต่อผู้ใช้ไฟ นอกจากนี้ ให้นำเสนอผลการวิเคราะห์ผลกระทบในมิติต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกิจการพลังงาน อาทิ มาตรฐานคุณภาพบริการ อัตราค่าบริการในการประกอบกิจการพลังงาน ความเหมาะสมและประสิทธิภาพของการดำเนินงานตามแผน สำหรับกรณีแผนการขยายระบบโครงข่ายพลังงาน ให้มีการศึกษา วิเคราะห์ การปรับปรุงความเชื่อถือได้ของระบบไฟฟ้าในระดับพื้นที่ เพื่อให้เกิดความชัดเจนและสามารถนำไปวิเคราะห์ในมิติของการกำกับดูแลกิจการพลังงานต่อไป ไปดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
| 2930 | ขอความเห็นชอบการปรับปรุงโครงสร้างของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง | กค | 03/05/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการการปรับปรุงโครงสร้างสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ด้วยการจัดตั้งสำนักนโยบายพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้ถือว่าเป็นเรื่องที่มีความสำคัญเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล ทั้งนี้ การดำเนินการดังล่าวต้องไม่มีการเพิ่มอัตรากำลังและงบประมาณด้านบุคลากรภาครัฐ ๒. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง จำนวน ๒ ฉบับ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้ยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๔๙ (เรื่อง การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง กฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ) มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ (เรื่อง นโยบายการพัฒนาระบบราชการ) มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๓ (เรื่อง การขยายระยะเวลาของมาตรการระงับการขอจัดตั้งหน่วยงานใหม่หรือขยายหน่วยงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒) และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๓ (เรื่อง การขยายระยะเวลาของมาตรการระงับการขอจัดตั้งหน่วยงานใหม่หรือขยายหน่วยงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๓) เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๒.๑ ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ๒.๑.๑ เพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เกี่ยวกับการเสนอแนะนโยบายและมาตรการ ตรวจสอบ และติดตามการกระทำความผิดเกี่ยวกับธุรกิจการเงินนอกระบบ และเป็นศูนย์ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อป้องปรามการกระทำความผิดอันเป็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ๒.๑.๒ กำหนดให้มีสำนักนโยบายพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชนในสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ๒.๑.๓ กำหนดอำนาจหน้าที่ของสำนักนโยบายพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชน ๒.๒ ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ยกเลิก (๘) ของข้อ ๒ แห่งกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง พ.ศ. ๒๕๕๑ และกำหนดให้มีกลุ่มงานด้านวิชาการขึ้นตรงต่อปลัดกระทรวงการคลัง และกำหนดอำนาจหน้าที่ของกลุ่มงานด้านวิชาการ |
||||||||||||||||||||||||
| 2931 | มาตรการภาษีและค่าธรรมเนียมเพื่อสนับสนุนการพัฒนาตลาดทุนไทย | กค | 03/05/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบมาตรการภาษีและค่าธรรมเนียมเพื่อสนับสนุนการพัฒนาตลาดทุนไทย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ยกเว้นรายได้ให้แก่บริษัทจำกัดที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยซึ่งได้รับเงินปันผลที่จ่ายจากกำไรสุทธิของผู้จ่ายเงินได้ที่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีเงินได้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป ๓. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา และร่างกฎกระทรวง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๓.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๓ ฉบับ มีสาระสำคัญคือ ๓.๑.๑ ยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ให้แก่ผู้ระดมทุน ทรัสตี และผู้ถือศุกูกในธุรกรรมที่เกี่ยวกับศุกูก ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์และกฎหมายว่าด้วยทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน ๓.๑.๒ ยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่ผู้ถือหุ้นสำหรับเงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๔๐(๔) (ฉ) แห่งประมวลรัษฎากร เฉพาะการโอนหุ้นเพื่อแลกกับหุ้น (share swap) ๓.๑.๓ ลดอัตราและยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้มีเงินได้ซึ่งอยู่ในประเทศไทยและได้รับเงินปันผลจากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศซึ่งได้นำหลักทรัพย์เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และยอมให้ผู้จ่ายเงินได้นั้นหักภาษี ณ ที่จ่ายตามมาตรา ๕๐(๒) แห่งประมวลรัษฎากร ในอัตราร้อยละ ๑๐.๐ ของเงินได้ เมื่อถึงกำหนดยื่นรายการให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำเงินปันผลดังกล่าวมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ ทั้งนี้ เฉพาะกรณีที่ผู้มีเงินได้ดังกล่าวไม่ขอรับเงินภาษีที่ถูกหักไว้นั้นคืน หรือไม่ขอเครดิตเงินภาษีที่ถูกหักไว้นั้นไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ๓.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎการ ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญคือ ๓.๒.๑ ลดอัตราภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทมหาชนจำกัดหรือบริษัทจำกัดใหม่อันได้ควบเข้ากันซึ่งมีสถานะเป็นบริษัทจดทะเบียนหรือบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ ๓.๒.๒ ยกเลิกเงื่อนไขบริษัทที่นำหลักทรัพย์มาจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่จะได้รับสิทธิในการลดอัตราภาษีเงินได้จะต้องไม่เป็นบริษัทที่ควบเข้ากันกับบริษัทที่เคยมีหลักทรัพย์จดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ๓.๓ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร รวม ๓ ฉบับ มีสาระสำคัญคือ ๓.๓.๑ ยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่ผู้ถือหุ้นสำหรับเงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๔๐(๔) (ฉ) แห่งประมวลรัษฎากร เฉพาะการโอนหุ้นเพื่อแลกกับหุ้น (share swap) ๓.๓.๒ ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่ลูกจ้างได้รับจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กรณีลูกจ้างออกจากงานเมื่ออายุไม่ต่ำกว่า ๕๕ ปีบริบูรณ์ หรือออกจากงานก่อนอายุครบ ๕๕ ปีบริบูรณ์ แต่ได้คงเงินไว้ในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพจนอายุครบ ๕๕ ปีบริบูรณ์ และเป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพไม่น้อยกว่า ๕ ปี โดยไม่จำต้องมีเหตุของการเกษียณอายุ ๓.๓.๓ ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้จากการขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ ที่มีการซื้อขายผ่านระบบที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจัดให้มีขึ้นเพื่อเชื่อมโยงการซื้อขายกับตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศที่เป็นประเทศสมาชิกอาเซียน แต่ไม่รวมถึงเงินได้จากการขายหลักทรัพย์ที่เป็นหุ้นกู้หรือพันธบัตร ๔. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณากำหนดภาระภาษีเงินได้จากเงินปันผลในระดับบุคคลธรรมดาให้เกิดความเท่าเทียมและเป็นมาตรฐานเดียวกันกับนิติบุคคล รวมทั้งศึกษาผลกระทบต่อรายได้รัฐและผลประโยชน์โดยรวมของประเทศจากการยกเว้นภาษีและค่าธรรมเนียมตามแผนพัฒนาตลาดทุนไทย เพื่อประเมินความคุ้มค่าจากการดำเนินมาตรการดังกล่าว โดยคำนึงถึงความสอดคล้องกับการดำเนินการตามแนวทางการปรับปรุงระบบภาษีของประเทศ และการบรรลุเป้าหมายงบประมาณสมดุลภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
| 2932 | การปรับปรุงโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการภายในกรม/เทียบเท่าในกระทรวงวัฒนธรรม | นร | 03/05/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงวัฒนธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
| 2933 | ขออนุมัติดำเนินการโครงการเครือข่ายการศึกษาแห่งชาติ ปี 2555 - 2556 | ศธ | 03/05/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการขยายโครงข่ายเคเบิลใยแก้วนำแสงภายใต้โครงการเครือข่ายการศึกษาแห่งชาติ (NEdNet) ปี ๒๕๕๔ - ๒๕๕๖ ในวงเงิน ๓,๐๐๐ ล้านบาท โดยให้ดำเนินการโครงการฯ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๑๐๐ ล้านบาท จากวงเงินเหลือจ่ายตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ ที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติเมื่อวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๓ ให้กระทรวงศึกษาธิการ ตามที่กระทรวงการคลัง (สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ) เสนอ ส่วนที่เหลือให้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๖ โดยให้กระทรวงศึกษาธิการตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ (เรื่อง การปรับปรุงแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณและมาตรการอื่นที่เกี่ยวข้อง) เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย ๒. รับทราบผลการหารือร่วมระหว่างสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย ผู้แทนกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ผู้แทนบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ผู้แทนบริษัท กสท.โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) และผู้แทนสำนักงบประมาณ ในการกำหนดพื้นที่ดำเนินการให้ชัดเจนและมิให้เกิดการลงทุนที่ซ้ำซ้อน และรายชื่อโรงเรียนในกลุ่มเป้าหมายโครงการเจ็ดพันกว่าโรงเรียน เมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๔ ผลการหารือพบว่า ตามแผนงานโครงการจากเป้าหมายโรงเรียนดีประจำตำบลจำนวน ๗,๐๐๐ แห่ง (จากโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานทั่วประเทศ ๓๒,๑๘๒ แห่ง) บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ได้จัดให้บริการเชื่อมต่อเครือข่ายสารสนเทศโดยเป็นสายสื่อสัญญาณประเภทสายเคเบิลโยแก้วนำแสงแล้ว (ซึ่งเป็นเครือข่ายลักษณะเดียวกับรายละเอียดโครงการ NEdNet ที่จะดำเนินการ) จำนวน ๓๙๑ แห่ง ที่ประชุมได้ให้บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) จัดส่งรายชื่อโรงเรียนที่ได้ให้บริการฯ พร้อมเส้นทางเพื่อพิจารณาปรับเปลี่ยนรายชื่อโรงเรียนในกลุ่มเป้าหมายไปยังโรงเรียนอื่นที่ใกล้เคียงทดแทนที่ยังไม่สามารถได้รับบริการเพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าถึงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารสอดคล้องกับนโยบายบรอดแบนด์แห่งชาติ และแผนปฏิรูปการศึกษาทศวรรษที่สองของกระทรวงศึกษาธิการต่อไป ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 2934 | ขอรับความเห็นชอบโครงการลงทุนด้านรถจักรและล้อเลื่อน ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 03/05/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ดำเนินโครงการลงทุนด้านรถจักรและล้อเลื่อน วงเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น ๑๔,๙๐๓.๕๕ ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการจัดหารถโดยสารรุ่นใหม่สำหรับบริการเชิงพาณิชย์ จำนวน ๑๑๕ คัน วงเงิน ๔,๙๘๑.๐๕ ล้านบาท แทนการจัดหาขบวนรถโดยสารรูปแบบชุด (Train Set) สำหรับบริการเชิงพาณิชย์ จำนวน ๖ ขบวน โครงการจัดหารถจักรพร้อมอะไหล่ จำนวน ๕๐ คัน วงเงิน ๖,๕๖๒.๕๐ ล้านบาท และโครงการซ่อมบูรณะรถจักรดีเซลไฟฟ้าอัลสตอม จำนวน ๕๖ คัน วงเงิน ๓,๓๖๐ ล้านบาท โดยให้ รฟท. เป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่ายจากเงินกู้ และกระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ดังนี้ ๒.๑ ประเด็นความเห็นเกี่ยวกับโครงการจัดหารถโดยสารรุ่นใหม่สำหรับบริการเชิงพาณิชย์ จำนวน ๑๑๕ คัน ได้แก่ การจัดทำข้อมูลเพิ่มเติมด้านเทคนิคและราคาต่อหน่วยของโครงการฯ โดยเปรียบเทียบความแตกต่างทางเทคนิคของตู้รถโดยสารที่เสนอในครั้งนี้กับโครงการจัดหาขบวนรถโดยสารรูปแบบชุด (Train Set) และความเหมาะสมของประมาณการวงเงินลงทุนเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี การศึกษาผลกระทบจากการพัฒนากิจการรถไฟร่วมกับสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อใช้ในการกำหนดแผนธุรกิจของ รฟท. และแผนพัฒนาระบบรถไฟที่มีอยู่ในปัจจุบันให้มีความเหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุด การเพิ่มบทบาทภาคเอกชนในการจัดหารถโดยสารและรถสินค้าในระยะต่อไป การเร่งรัดแผนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของ รฟท. ระยะเร่งด่วน พ.ศ. ๒๕๕๓ - ๒๕๕๗ การจัดหาแหล่งเงินดำเนินการ โดยเฉพาะในส่วนของการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานทางราง การปรับปรุงตารางการเดินรถให้สอดคล้องกับประมาณการการขนส่งผู้โดยสารและสินค้าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในอนาคต และการเร่งสำรวจพฤติกรรมการเดินทางและความต้องการของผู้โดยสารทางรถไฟ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการจัดทำแผนส่งเสริมการขายและการกำหนดกลยุทธ์ด้านราคาที่เหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการของผู้โดยสาร ๒.๒ ประเด็นความเห็นเกี่ยวกับโครงการจัดหารถจักรพร้อมอะไหล่ จำนวน ๕๐ คัน และโครงการซ่อมบูรณะรถจักรดีเซลไฟฟ้าอัลสตรอม จำนวน ๕๖ คัน ได้แก่ การพิจารณาศึกษาแนวทางการเพิ่มบทบาทภาคเอกชนในการพัฒนากิจการรถไฟ และการเข้ามามีส่วนร่วมในการลงทุนจัดหารถจักรพร้อมอะไหล่ จำนวน ๕๐ คัน การศึกษาผลกระทบจากการพัฒนากิจการรถไฟร่วมกับสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อใช้ในการกำหนดแผนธุรกิจของ รฟท. และแผนพัฒนาทางรถไฟที่มีอยู่ในปัจจุบัน การเร่งพัฒนาระบบการบริหารจัดการรถจักร (Fleet Management) ที่ครอบคลุมทั้งด้านแผนการใช้งานของรถจักร แผนการจัดหาหรือซ่อมบำรุงรถจักร รวมทั้งแผนการปลดระวางรถจักรอย่างเป็นระบบ การจัดทำแผนการส่งเสริมการตลาดเพื่อสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนและผู้ประกอบการมาใช้บริการขนส่งทางรถไฟเพิ่มมากขึ้น การจัดทำฐานข้อมูลที่ดินของ รฟท. เพื่อให้ทราบจำนวนพื้นที่ ที่ตั้ง และการใช้ประโยชน์ที่ดินของ รฟท. ในปัจจุบัน และการจัดทำรายงานผลการดำเนินงานตามแผนปฏิรูปโครงสร้างการบริหารจัดการกิจการของ รฟท. ๓. ให้กระทรวงการคลังเร่งรัดการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดหาและค้ำประกันเงินกู้เพื่อรองรับการดำเนินโครงการลงทุนด้านรถจักรและล้อเลื่อนของ รฟท. ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว |
||||||||||||||||||||||||
| 2935 | ร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พม | 03/05/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยร่างพระราชบัญญัติฯ มีสาระสำคัญคือ ๑.๑ กำหนดให้ยกเลิกและเพิ่มเติมมาตรา ๑๗ (๖) แห่งพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ โดยกำหนดให้มีกรมกิจการเด็กและเยาวชน กรมกิจการผู้สูงอายุ กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กรมประชาสงเคราะห์ และกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ๑.๒ กำหนดให้โอนบรรดากิจการ อำนาจหน้าที่ ทรัพย์สิน งบประมาณ หนี้ สิทธิ ภาระผูกพัน ข้าราชการ ลูกจ้าง พนักงานราชการ และอัตรากำลัง ให้สอดคล้องกับการปรับโครงสร้างของการปรับปรุง ๑.๓ กำหนดให้แก้ไขบทบัญญัติของกฎหมายให้สอดคล้องกับการโอนอำนาจหน้าที่ ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นว่า กรมกิจการผู้สูงอายุเป็นส่วนราชการที่มีบทบาท ภารกิจหลักเกี่ยวกับการกำหนดนโยบาย มาตรการ มาตรฐาน รวมถึงการส่งเสริมสนับสนุนการประสานความร่วมมือกับภาคส่วนอื่นในการดำเนินงานตามนโยบายเกี่ยวกับผู้สูงอายุ ซึ่งงานลักษณะดังกล่าวตามหลักการกำหนดชื่อส่วนราชการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๒๕ ควรกำหนดชื่อเป็น “สำนักงาน” และเพื่อไม่ให้เกิดความสับสนในการเรียกชื่อตำแหน่งระหว่างผู้อำนวยการซึ่งมีฐานะเทียบเท่าอธิบดีกับผู้อำนวยการกอง/ผู้อำนวยการสำนัก ในกรณีของหัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่อเป็นสำนักงาน จึงเสนอให้ใช้ชื่อว่า “ผู้อำนวยการใหญ่” และให้หน่วยงานดังกล่าวเน้นงานเชิงนโยบาย กำหนดมาตรการ รูปแบบ แนวทาง การส่งเสริมศักยภาพและสวัสดิการของผู้สูงอายุ ในส่วนของสวัสดิการสังคมที่เป็นงานให้บริการ เช่น งานสงเคราะห์ผู้สูงอายุ เป็นต้น ควรดำเนินการโดยอาจใช้วิธีการโอนถ่ายหรือซื้อบริการจากภาคส่วนอื่น เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน ชุมชน ภาคประชาสังคม สมาคม หรือมูลนิธิที่มีความพร้อม ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 2936 | แผนแม่บทการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเมืองพัทยาและพื้นที่เชื่อมโยง | นร | 26/04/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) เสนอ ๑.๑ แผนแม่บทการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเมืองพัทยาและพื้นที่เชื่อมโยง พร้อมขยายเขตพื้นที่พิเศษเมืองพัทยาและพื้นที่เชื่อมโยงเพิ่มเติมให้ครอบคลุมองค์การบริหารส่วนตำบลนาจอมเทียน อีก ๑ แห่ง พื้นที่จำนวน ๒๑ ตารางกิโลเมตร หรือ ๑๓,๑๒๕ ไร่ ซึ่งจะทำให้พื้นที่พิเศษเมืองพัทยาและพื้นที่เชื่อมโยงมีพื้นที่รวม ๙๔๙.๔๗ ตารางกิโลเมตร หรือ ๕๙๓,๔๑๘.๗๕ ไร่ โดยมีแผนงาน/โครงการและมูลค่าการลงทุนรวม ๑๕,๐๐๗.๓๖ ล้านบาท ๑.๒ กรอบวงเงินตามแผนแม่บทการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเมืองพัทยาและพื้นที่เชื่อมโยง จำนวนเงิน ๑๓,๕๐๗.๓๖ ล้านบาท ระยะเวลา ๑๐ ปี โดยให้องค์การพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) (อพท.) เป็นหน่วยงานประสานงานและขอรับจัดสรรงบประมาณ แล้วโอนงบประมาณให้หน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบโครงการนำไปปฏิบัติตามแผนแม่บทฯ ต่อไป ๒. ให้ อพท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการจัดลำดับความสำคัญของโครงการเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณในลักษณะปีต่อปี การกำหนดหน่วยงานรับผิดชอบในการถ่ายโอนหลังจากโครงการฯ สิ้นสุดลงแล้วเพื่อความต่อเนื่องในการบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยว การให้ความสำคัญกับศักยภาพในการรองรับของพื้นที่ (Carrying Capacity) ทั้งเฉพาะแหล่ง และในภาพรวมของพื้นที่ รวมทั้งให้ความสำคัญกับการปรับปรุงและส่งเสริมแนวเชื่อมโยงระบบเส้นทางคมนาคมให้เกิดความร่มรื่น โดยปลูกต้นไม้ใหญ่สองข้างทาง เพื่อความสวยงามและเป็นแนวเส้นทางสีเขียว (Green Corridors) การป้องกันการบุกรุกและการทำลายสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติของแหล่งธรรมชาติซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศทั้งภายในและโดยรอบพื้นที่ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ในการดำเนินโครงการตามแผนแม่บทฯ ควรจะต้องบูรณาการให้มีความสอดคล้องเชื่อมโยงกับโครงการของหน่วยงานอื่นที่จะดำเนินการในพื้นที่ดังกล่าวด้วย เช่น โครงการเมืองสร้างสรรค์ของสำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชาติ เป็นต้น โดยในส่วนของกรอบวงเงินลงทุนตามแผนแม่บทฯ จำนวน ๑๓๒ โครงการ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๑๕,๐๐๗.๓๖ ล้านบาท ให้เมืองพัทยาและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เป็นผู้เสนอขอตั้งงบประมาณและให้นับรวมอยู่ในสัดส่วนเงินอุดหนุนที่รัฐบาลจัดสรรเป็นรายได้ให้แก่ อปท. ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||
| 2937 | ขออนุมัติโครงสร้าง กลไกการจัดการ และการอภิบาลระบบการแพทย์ฉุกเฉินทุกระดับ | สธ | 26/04/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามมติคณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน (กพฉ.) ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๓ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประธานกรรมการ กพฉ. เสนอ โดย กพฉ. ได้มีมติเห็นชอบโครงสร้าง กลไกการจัดการ และการอภิบาลระบบการแพทย์ฉุกเฉินทุกระดับ และให้สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามมติต่อไป ทั้งนี้ โครงสร้าง กลไกการจัดการฯ แบ่งได้เป็น ๓ ระดับ คือ ๑.๑ โครงสร้าง กลไกการจัดการ และการอภิบาลระบบการแพทย์ฉุกเฉินส่วนกลางหรือระดับชาติ มี กพฉ. ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธาน มีหน้าที่ในการกำหนดนโยบายและทิศทางการพัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉินระดับชาติ ๑.๒ โครงสร้าง กลไกการจัดการ และการอภิบาลระบบการแพทย์ฉุกเฉินภูมิภาคหรือระดับจังหวัด มีคณะอนุกรรมการการแพทย์ฉุกเฉินจังหวัด ซึ่งเป็นคณะอนุกรรมการภายใต้ กพฉ. ตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญัติการแพทย์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๕๑ มีบทบาทหน้าที่ในการกำหนดนโยบายและแผนในการดำเนินงานระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินในระดับจังหวัด ประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ แก้ไขปัญหาระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่ได้รับมอบหมายจาก กพฉ. โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน สำหรับกรุงเทพมหานครซึ่งมีรูปแบบการปกครองพิเศษจึงกำหนดโครงสร้าง กลไกการจัดการฯ เป็นอีกหนึ่งรูปแบบโดยมีคณะอนุกรรมการการแพทย์ฉุกเฉินกรุงเทพมหานครเป็นคณะอนุกรรมการภายใต้ กพฉ. ตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญัติฯ มีบทบาทหน้าที่ในการกำหนดนโยบายและแผนในการดำเนินงานระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินในเขตกรุงเทพมหานคร ประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ แก้ไขปัญหาระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่ได้รับมอบหมายจาก กพฉ. โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานครเป็นประธานอนุกรรมการ ๑.๓ โครงสร้าง กลไกการจัดการ และการอภิบาลระบบการแพทย์ฉุกเฉินส่วนท้องถิ่น เป็นการส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้ามามีบทบาทในการดำเนินงานและบริหารจัดการระบบการแพทย์ฉุกเฉินในระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่ เพื่อให้ผู้ป่วยฉุกเฉินได้รับการคุ้มครองสิทธิในการเข้าถึงระบบการแพทย์ฉุกเฉินอย่างทั่วถึงครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้หน่วยงานส่วนกลางสนับสนุนและถ่ายทอดองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์ฉุกเฉินที่ถูกต้องไปสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคีที่เกี่ยวข้องโดยตรง และควรพัฒนากลไกในระดับพื้นที่ให้เอื้อต่อการดำเนินงานภายใต้โครงการ กลไกการจัดการฯ ทุกระดับ ได้แก่ การปรับปรุงกฎระเบียบที่สนับสนุนต่อการพัฒนาระบบ การพัฒนาระบบฐานข้อมูลในการตัดสินใจที่เชื่อมโยงกันระหว่างหน่วยปฏิบัติการ และการประชาสัมพันธ์โดยใช้สื่อที่เหมาะสมกับท้องถิ่น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
| 2938 | การปรับปรุงโครงสร้างแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงยุธิธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 26/04/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงยุติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้มีกลุ่มตรวจสอบภายในและกลุ่มพัฒนาระบบบริหารขึ้นในสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงยุติธรรม เพื่อทำหน้าที่ในการตรวจสอบการดำเนินงาน สนับสนุนการปฏิบัติงาน และพัฒนาการบริหารของสำนักงานปลัดกระทรวงและกระทรวงยุติธรรม และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
| 2939 | การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 | นร | 26/04/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ยุติการดำเนินงานตามปฏิทินงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ไว้ตั้งแต่ขั้นตอนการปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ วันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๔ เป็นต้นไป ตามที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 2940 | การทบทวนการดำเนินมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว | กก | 20/04/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการการดำเนินมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว ดังนี้ ๑.๑ ไม่ขยายระยะเวลาการดำเนินมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๕๓ (เรื่อง รายงานสถิตินักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยในปี พ.ศ. ๒๕๕๒) ในเรื่องดังต่อไปนี้ ๑.๑.๑ การยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ๑.๑.๒ การลดหย่อนค่าธรรมเนียมการขึ้นลงของอากาศยานและที่เก็บอากาศยาน (Landing & Parking Fee) ๑.๑.๓ การประกันภัยคุ้มครองชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยกรณีเกิดจลาจล ซึ่งจะสิ้นสุดลงในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๔ ๑.๑.๔ การลดหย่อนค่าประกันการใช้ไฟฟ้าสำหรับผู้ประกอบธุรกิจโรงแรม ๑.๒ ให้ขยายระยะเวลาการดำเนินมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๕๓ (เรื่อง รายงานสถิตินักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยในปี ๒๕๕๒) ในเรื่องดังต่อไปนี้ ๑.๒.๑ การปรับแผนการฝึกอบรม จัดประชุมสัมมนาและดูงานในประเทศให้มากขึ้นแทนการฝึกอบรม จัดประชุมสัมมนา และดูงานในต่างประเทศ ให้ขยายระยะเวลาดำเนินการออกไปอีก ๑ ปี จนถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๕ ๑.๒.๒ การให้ผู้ประกอบการสามารถนำค่าใช้จ่ายการจัดประชุม สัมมนา อบรม และการจัดการท่องเที่ยวเป็นรางวัลในประเทศแก่พนักงานมาหักเป็นค่าใช้จ่ายได้ ๒ เท่าของที่จ่ายจริง ซึ่งเป็นมาตรการเดียวกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๕๓ (เรื่อง ผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๖/๒๕๕๓) ซึ่งกำหนดสิ้นสุดภายในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๔ อยู่แล้ว จึงให้มาตรการนี้สิ้นสุดในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๔ และให้กระทรวงการคลังประเมินผลการใช้มาตรการดังกล่าวเพื่อประกอบการพิจารณาต่อไป ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ๑.๓ ให้เพิ่มมาตรการเพื่อส่งเสริมและกระตุ้นการท่องเที่ยว และให้หน่วยงานและรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการ ในเรื่องดังต่อไปนี้ ๑.๓.๑ การปรับปรุงบริการการตรวจลงตรา ณ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ให้มีความสะดวก รวดเร็วมากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติและเป็นการสร้างรายได้เข้าประเทศ และการเพิ่มช่องทางพิเศษในการตรวจลงตราให้แก่คนพิการและคนชรา เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศ ให้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๕๔ ซึ่งให้กระทรวงคมนาคมเป็นหน่วยงานหลักในการหารือร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พิจารณาแนวทางการบริหารจัดการพื้นที่ท่าอากาศยานให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้เต็มตามศักยภาพ รวมทั้งการพัฒนาระบบข้อมูลการตรวจสอบและคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้าให้เป็นมาตรฐานสากล ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ๑.๓.๒. ให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หน่วยงานของรัฐและรัฐวิสาหกิจที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงสนามบินสุวรรณภูมิตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเห็นชอบดำเนินโครงการสร้างรายได้จากนักท่องเที่ยวเดินทางระหว่างประเทศ (Transfer Passenger) ต่อไปได้ โดยไม่มีกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดโครงการฯ ๒. ในส่วนของมาตรการอื่น ๆ ให้ดำเนินการดังต่อไปนี้ ๒.๑ กรณียกเว้นการตรวจลงตราสำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีนและไต้หวันต้องยึดหลักถ้อยทีถ้อยปฏิบัติต่อกัน โดยให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและกระทรวงการต่างประเทศรับไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ส่วนกรณีการให้การตรวจลงตราแบบ Visa on Arrival แก่ชาวต่างประเทศ โดยเฉพาะภูมิภาคตะวันออกกลาง ให้กระทรวงการต่างประเทศรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องให้ได้ข้อยุติที่เหมาะสมต่อไป ๒.๒ การเปิดสถานกงสุล (ใหญ่) และสถานกงสุล (กิตติมศักดิ์) ในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น ให้กระทรวงการต่างประเทศรับไปพิจารณา ๒.๓ การให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการสนับสนุนให้สถานประกอบการโรงแรมมีการจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย รวมทั้งให้ผู้ประกอบการด้าน Service Apartment ดำเนินการให้ถูกต้องตามระเบียบ กฎหมายที่เกี่ยวข้องด้วย ให้กระทรวงมหาดไทยรับไปพิจารณาดำเนินการ ๒.๔ การให้ภาครัฐไม่ควรจัดนำเที่ยวแข่งขันกับภาคเอกชน ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงคมนาคม (องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ) รับไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ๓. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นและข้อสังเกตของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเด็นอื่น ๆ นอกเหนือจากข้างต้นของกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ อาทิ ความเห็นของกระทรวงคมนาคมเกี่ยวกับการไม่ขยายระยะเวลาการดำเนินมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๕๓ กรณีการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการขึ้นลงของอากาศยานและที่เก็บอากาศยาน (Landing and Parking Fee) และมาตรการเพื่อส่งเสริมกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยปรับปรุงบริการตรวจลงตรา ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้มีความสะดวก รวดเร็วมากยิ่งขึ้น และการเพิ่มช่องทางพิเศษในการตรวจลงตราให้แก่คนพิการและคนชราเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวก และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศ เป็นต้น ไปพิจารณาด้วย |
||||||||||||||||||||||||
.....
