ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 95 จากทั้งหมด 334 หน้า แสดงรายการที่ 1881 - 1900 จากข้อมูลทั้งหมด 6672 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1881 | การรายงานผลการบริหารราชการแผ่นดินและการผลักดันนโยบายของคณะรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ [ผลการดำเนินงานในเดือนตุลาคม 2557 ของรองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล)] | นร04 | 04/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) รายงานผลการบริหารราชการแผ่นดินและการผลักดันนโยบายของคณะรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ ประกอบด้วย ความคืบหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (โดยการเร่งรัดการใช้จ่ายเงินงบประมาณ) ความคืบหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (โดยการเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อย) การแก้ไขปัญหาสินค้ายางพารา การดำเนินการด้านพลังงาน การเร่งรัดโครงการด้านการคมนาคมขนส่ง การดำเนินการด้านการพาณิชย์ การดำเนินงานด้านอุตสาหกรรม การดำเนินการด้านการคลัง และการดำเนินการด้าน ICT ๒. ให้ทุกส่วนราชการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามแนวทางที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติไว้แล้วอย่างต่อเนื่อง เช่น การเบิกจ่ายงบประมาณสำหรับโครงการขนาดเล็กที่สามารถเริ่มดำเนินการได้ทันที เป็นต้น ทั้งนี้ ให้ระมัดระวังปัญหาการทุจริตที่อาจเกิดขึ้นจากการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณด้วย ๓. ให้กระทรวงพลังงานเผยแพร่ข้อมูลที่สร้างความตระหนักเรื่องการประหยัดพลังงานและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์พลังงานของไทยในปัจจุบัน รวมทั้งให้พิจารณาแนวทางส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน และให้เร่งทบทวนโควตาการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนซึ่งได้รับอนุมัติไปแล้วแต่ยังไม่มีความคืบหน้าในการดำเนินการใน ๓ ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ สำหรับโครงการที่คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐตรวจสอบแล้วพบว่าไม่มีความโปร่งใส ให้เร่งดำเนินการแก้ไขโดยเร็ว ๔. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ข้อมูลผลงานของผู้ประกอบการทางการเกษตรซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลและประสบความสำเร็จ เช่น ผู้ประกอบการแปรรูปยางที่ได้รับสินเชื่อและนำไปลงทุนแล้วประสบความสำเร็จ เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีและเป็นการเผยแพร่ผลงานของรัฐบาลอีกทางหนึ่ง ๕. ให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งสรุปผลการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวในสต็อกของรัฐบาลเพื่อแจ้งผลต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. และให้เร่งระบายข้าวในสต็อกโดยเร็วเพื่อลดปัญหาการเสื่อมคุณภาพ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) โดยให้ประสานคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อขอระบายข้าวที่เสร็จสิ้นกระบวนการตรวจสอบแล้ว ทั้งนี้ ต้องไม่ให้กระทบกับราคาข้าวทั้งในส่วนที่มีอยู่เดิมและข้าวในฤดูกาลใหม่ที่จะออกมาสู่ท้องตลาด นอกจากนี้ ให้เร่งตรวจสอบสต็อกยางพาราเพื่อจะได้เร่งระบายต่อไป ๖. ให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งดำเนินการตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๗ วันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๗ วันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๗ และวันที่ ๒ กันยายน ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ) เกี่ยวกับการส่งเสริมการปลูกพืชทดแทนตามแผนการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม (Zoning) ของพืชเกษตร และเร่งดำเนินโครงการต้นแบบศูนย์การเรียนรู้เพื่อสร้างความรู้ให้แก่เกษตรกรเกี่ยวกับการปลูกพืชทดแทน พืชหมุนเวียน และเกษตรผสมผสาน โดยนำองค์ความรู้จากโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ศูนย์การเรียนรู้เกษตรทฤษฎีใหม่ และปราชญ์ชาวบ้านมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ๗. ให้กระทรวงคมนาคมและกระทรวงการต่างประเทศดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) โดยพิจารณาทบทวนความตกลงระหว่างประเทศที่ได้ทำไว้กับประเทศต่าง ๆ ในด้านการคมนาคมว่าเรื่องใดสามารถดำเนินการต่อไปได้หรือเรื่องใดควรพิจารณาปรับปรุงแก้ไข โดยให้คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลักและไม่ให้ส่งผลประทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ๘. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติให้คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษเร่งรัดการดำเนินการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษเพื่อให้เริ่มดำเนินการได้โดยเร็ว ตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗ [เรื่อง ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (กนพ.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๗] และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) ๙. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณาเกี่ยวกับกรณีที่ราชอาณาจักรกัมพูชาประสงค์ให้ประเทศไทยไปลงทุนตั้งโรงงานผลิตน้ำผลไม้ในราชอาณาจักรกัมพูชา โดยให้ประสานผู้ที่สนใจจะไปลงทุนดังกล่าว ๑๐. ให้กระทรวงคมนาคมและกระทรวงมหาดไทยเร่งสำรวจและดำเนินการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุที่เกิดบริเวณเส้นทางที่เป็นจุดตัดทางรถไฟ โดยให้หามาตรการป้องกันและติดตั้งสัญญาณเตือนและอุปกรณ์ป้องกันเพื่อสร้างความปลอดภัยให้แก่ผู้ที่ต้องสัญจรผ่านบริเวณดังกล่าวโดยเร็ว
|
|||||||||||||||||||||
1882 | การขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารที่จะมีการรับรองระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 25 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง | กต | 04/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างเอกสาร จำนวน ๑๐ ฉบับ ซึ่งจะมีการรับรองระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๒๕ และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ ๑๒ ถึง ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ และหากมีความจำเป็นต้องแก้ไขร่างเอกสารในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก ๑.๑.๑ ร่างปฏิญญาว่าด้วยการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่สำนักเลขาธิการอาเซียนและการทบทวนองค์กรต่าง ๆ ของอาเซียน (Declaration on the Strengthening of the ASEAN Secretariat and Reviewing the ASEAN Organs) ๑.๑.๒ ร่างปฏิญญาเนปิดอว์ว่าด้วยวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียนภายหลังปี พ.ศ. ๒๕๕๘ (Nay Pyi Taw Declaration for the ASEAN Community’s Post-2015 Vision) ๑.๑.๓ ร่างแผนงานชั่วคราวอาเซียน-สหประชาชาติ พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๕๘ (ASEAN-UN Interim Work Plan for 2014-2015) ๑.๑.๔ ร่างปฏิญญาการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออกว่าด้วยการปราบปรามการลักลอบค้าสัตว์ป่า (East Asia Summit Declaration on Combating Wildlife Trafficking) ๑.๑.๕ ร่างแถลงการณ์การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออกว่าด้วยแนวทางในการตอบสนองอย่างเร่งด่วนต่อภัยพิบัติ (Statement on EAS Guidelines for Rapid Disaster Response) ๑.๑.๖ ร่างแถลงการณ์ร่วม/ปฏิญญาการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก ครั้งที่ ๙ ว่าด้วยการรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลาของภูมิภาค (Joint Statement/Declaration of the 9th East Asia Summit on Regional Response to the Outbreak of Ebola/Spread of Ebola) ๑.๑.๗ ร่างแถลงการณ์การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออกว่าด้วยความรุนแรงและความโหดร้ายที่เพิ่มขึ้นจากการกระทำขององค์กรก่อการร้าย/หัวรุนแรงในอิรักและซีเรีย (Draft EAS Statement on the Rise of Violence and Brutality Committed by Terrorist/Extremist Organizations in Iraq and Syria) ๑.๑.๘ ร่างแถลงการณ์การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออกว่าด้วยการส่งเสริมความร่วมมือทางทะเลของภูมิภาค (EAS Statement on Enhancing Regional Maritime Cooperation) ๑.๑.๙ ร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียน-สหรัฐฯ ว่าด้วยความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (ASEAN-U.S. Joint Statement on Climate Change) ๑.๑.๑๐ ร่างแถลงการณ์ร่วมผู้นำอาเซียน-ออสเตรเลียในโอกาสครบรอบ ๔๐ ปี แห่งความสัมพันธ์คู่เจรจาอาเซียน-ออสเตรเลีย (Joint ASEAN-Australia Leaders'' Statement on the 40th Anniversary of ASEAN-Australia Dialogue Relations) ๑.๒ ให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองเอกสาร ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับการปรับแก้ข้อความบางประการในร่างเอกสารฯ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
1883 | การรายงานผลการบริหารราชการแผ่นดินและการผลักดันนโยบายของคณะรัฐมนตรีด้านต่างประเทศ (การประชุมร่วมคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคณะรัฐมนตรี ครั้งที่ 2/2557) | กต | 04/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) รายงานผลการบริหารราชการแผ่นและการผลักดันนโยบายของคณะรัฐมนตรี ด้านการต่างประเทศ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ การเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ ๓๐-๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ ได้มีการหารือถึงความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชา โดยจะพัฒนาความร่วมมือทั้งด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ และการพัฒนา ทั้งนี้ ฝ่ายไทยได้เสนอให้จัดทำความตกลงเพื่อยกเว้นการเก็บภาษีซ้อนและอำนวยความสะดวกในการลงทุนในกัมพูชา รวมถึงเสนอให้กัมพูชาใช้ตลาดทุนของไทยเป็นแหล่งระดมทุนและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของไทยด้วย ๑.๒ ผลการดำเนินงานตามนโยบายในช่วงเดือนตุลาคม ๒๕๕๗ ๑.๒.๑ ด้านการต่างประเทศ ได้แก่ การเดินทางเยือนสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา การเข้าร่วมประชุมผู้นำเอเชียยุโรป ครั้งที่ ๑๐ ณ เมืองมิลาน สาธารณรัฐอิตาลี เยือนกรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา ของนายกรัฐมนตรี การเดินทางเยือนประเทศอื่น ๆ ของรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ๑.๒.๒ ด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ได้จัดโครงการเยาวชนคนดีรู้คุณแผ่นดิน ปี ๒๕๕๗ และจัดการประชุมหารือระดับผู้เชี่ยวชาญเรื่องเกษตรและอาหารเพื่อสุขภาพจากอุตสาหกรรมเมล็ดพันธุ์ถึงความมั่นคงด้านอาหารและโภชนาการ ๑.๒.๓ ด้านการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม ได้จัดงานประกวดศิลปะปูนปั้นแห่งประเทศไทย ครั้งที่ ๑๔ ประจำปี ๒๕๕๗ หัวข้อเรื่อง วัฒนธรรมอาเซียน และจัดเทศกาลภาพยนตร์โลกแห่งกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ ๑๒ เพื่อเผยแพร่ภาพยนตร์ต่างประเทศและภาพยนตร์ไทยให้ผู้ชมรู้จักวัฒนธรรมที่มีความหลากหลาย ๑.๒.๔ ด้านการปลูกฝังศีลธรรม ได้ดำเนินโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ด้วยการใช้บ้าน วัด และโรงเรียนเป็นกลไกในการขับเคลื่อน จัดโครงการเด็กไทยกับ IT ปี ๒ ค่านิยมไทยสร้างสังคมไทยเป็นสุข โดยใช้อุปกรณ์ IT เพื่อดึงดูดและสร้างความท้าทายในการจัดระดับค่านิยม ๑๒ ประการ ๑.๒.๕ ด้านการท่องเที่ยวและกีฬา ได้จัดงานเดิน-วิ่งมินิมาราธอนเชื่อมความสัมพันธ์ไทย-จีน ในโอกาสครบรอบ ๔๐ ปี และจัดการแสดงวัฒนธรรมร่วมในพิธีเปิดกิจกรรมเดินหน้าประเทศไทยร่วมปฏิรูป ๑.๒.๖ ด้านการพัฒนาสุขภาพร่างกาย ได้เพิ่มชั่วโมงพลศึกษาขึ้น ๑ ชั่วโมงต่อสัปดาห์ รวมทั้งสนับสนุนให้มีลานกีฬา สวนสาธารณะเพื่อเป็นแหล่งพักผ่อน เล่นกีฬา และออกกำลังกายของประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ ๑.๓ แผนการดำเนินการในห้วงต่อไป ๑.๓.๑ การทูตเชิงรุก ด้วยการเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การตอบรับการเยือนประเทศไทยของคณะนักธุรกิจที่เป็นผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทชั้นนำของสหรัฐฯ การประชุมผู้นำเอเปค ณ กรุงปักกิ่ง การประชุมผู้นำอาเซียน ณ กรุงเนปิดอว์ การประชุม ADC และกาiจัดงานรำลึกครบรอบ ๑๐ ปี ธรณีพิบัติภัยสึนามิในมหาสมุทรอินเดีย ณ จังหวัดพังงา ในวันที่ ๒๖-๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๗ ๑.๓.๒ การส่งเสริมการท่องเที่ยวและวัฒนธรรม เช่น จัดมหกรรมลอยกระทงประเพณีลอยกระทงเผาเทียนเล่นไฟ และนาฏยจักรกลแห่งอนาคต ดำเนินโครงการ ๑๒ เมืองต้องห้ามพลาด ๑.๓.๓ การยกระดับด้านการกีฬาไปสู่สากล โดยจะจัดการประชุมสมัชชาใหญ่สมาคมสหพันธ์โอลิมปิกแห่งชาติประจำปี ๒๕๕๗ จัดการแข่งขันกีฬา Asian Beach Games ครั้งที่ ๔ ประจำปี ๒๕๕๗ และการจัดเทศกาลหุ่นโลกกรุงเทพ Harmony World Puppet Carnival in Bangkok Thailand 2014 ๒. ให้ทุกส่วนราชการเร่งจัดส่งข้อมูลในความรับผิดชอบ เช่น แผนและยุทธศาสตร์ของหน่วยงาน ให้กระทรวงการต่างประเทศเพื่อใช้ประกอบการดำเนินการของศูนย์ความร่วมมือการค้าและการลงทุนของไทยในต่างประเทศตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๗ และวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) ๓. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวและเข้าชมการแข่งขันกีฬา Asian Beach Games ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ ๑๔-๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ณ จังหวัดภูเก็ต ๔. ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งผลักดันการจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าไทยในราชอาณาจักรบาห์เรนเพื่อเป็นแหล่งกระจายสินค้าไทยไปยังภูมิภาคตะวันออกกลาง
|
|||||||||||||||||||||
1884 | ข้อเสนอให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยประสานงานหลักของไทยกับองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก | พณ | 28/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยประสานงานหลักของไทยกับองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (World Intellectual Property Organization : WIPO) แทนกระทรวงการต่างประเทศ ๑.๒ ให้คณะผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การการค้าโลก (World Trade Organization : WTO) ซึ่งเป็นหน่วยงานของกระทรวงพาณิชย์ที่ประจำอยู่ ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ทำหน้าที่ประสานงานกับ WIPO แทนคณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา และแต่งตั้งให้เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำ WTO เป็นผู้แทนไทยใน WIPO แทนเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา ซึ่งจะช่วยให้การมีส่วนร่วมและแสดงบทบาทเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาของไทยในเวทีระหว่างประเทศต่าง ๆ มีความสอดคล้อง และสนับสนุนซึ่งกันและกัน ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ อาทิความคิดเห็นในประเด็นด้านกฎหมายเกี่ยวกับข้อเสนอที่จะให้กระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ประสานงานหลักกับ WIPO โดยดำเนินงานผ่านคณะผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การการค้าโลก ณ นครเจนีวา แทนกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งดำเนินงานผ่านคณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา เป็นกรณีการโอนภารกิจระหว่างหน่วยงาน ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงงานและบทบาทหน้าที่ของหน่วยงานตามนโยบายและความเหมาะสม ไม่ใช่เป็นกรณีการยุบรวมหรือยกเลิกหน่วยงานที่จะส่งผลกระทบต่อโครงสร้างของหน่วยงานในต่างประเทศ จึงเป็นประเด็นด้านนโยบายที่สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องแก้ไขกฎหมายภายในหรือระเบียบที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
1885 | เอกสารสำคัญที่จะรับรองในการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 22 และการประชุมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ 26 | กต | 28/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างปฏิญญาผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ ๒๒ มีสาระสำคัญระบุผลการดำเนินการตามเป้าหมายต่าง ๆ ภายใต้ประเด็นสำคัญของเอเปคประจำปี ๒๕๕๗ ได้แก่ การก้าวสู่การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในภูมิภาคผ่านการดำเนินการด้านต่าง ๆ การส่งเสริมการพัฒนาอย่างมีนวัตกรรม การปฏิรูปเศรษฐกิจ และการเจริญเติบโต รวมทั้งการส่งเสริมความเชื่อมโยงอย่างครอบคลุมและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และอนุมัติให้นายกรัฐมนตรีรับรองเอกสารดังกล่าว ๑.๒ เห็นชอบร่างถ้อยแถลงเอเปคในโอกาสก่อตั้งเอเปคครบ ๒๕ ปี มีเนื้อหาสำคัญคือ ชื่นชมผลการดำเนินงานและพัฒนาการที่ผ่านมาของเอเปค เน้นย้ำเจตนารมณ์ทางการเมืองและความมุ่งมั่นที่จะดำเนินงานในปัจจุบันให้เกิดผลเป็นรูปธรรม และแสดงวิสัยทัศน์ ข้อริเริ่ม และแผนการดำเนินงานด้านต่าง ๆ ของเอเปคในอนาคต อนุมัติให้นายกรัฐมนตรีรับรองเอกสารดังกล่าว ๑.๓ เห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมของรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ ๒๖ ที่ระบุถึงความคืบหน้าของความร่วมมือที่มีความสำคัญ อาทิ การผลักดันการเจรจารอบโดฮา การจัดตั้งเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก การบรรลุเป้าหมายโบกอร์ การส่งเสริมการเข้าร่วมในห่วงโซ่คุณค่าโลก การพัฒนาความเชื่อมโยงของห่วงโซ่อุปทาน การปฏิรูประบบเศรษฐกิจ การส่งเสริมเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ การพัฒนานวัตกรรม การสร้างการเจริญเติบโตอย่างครอบคลุม การพัฒนาเมือง และการสร้างความเชื่อมโยงภูมิภาค รวมถึงให้การรับรองเอกสารข้อเสนอแนะและข้อริเริ่มในสาขาความร่วมมือด้านต่าง ๆ ของเอเปค รวมทั้งสิ้น ๑๔ ฉบับ และอนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ร่วมรับรองเอกสารดังกล่าว ๑.๔ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างเอกสารทั้งสามฉบับดังกล่าวที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสาระสำคัญ หรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงพาณิชย์สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) เกี่ยวกับด้านต่างประเทศด้วย |
|||||||||||||||||||||
1886 | (ร่าง) กรอบข้อตกลงอาเซียนว่าด้วยการเข้าถึงและการแบ่งปันผลประโยชน์จากทรัพยากรชีวภาพและทรัพยากรพันธุกรรมอย่างยุติธรรมและเท่าเทียม | ทส | 28/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมยืนยันความเห็นเดิมของประเทศไทย ที่จะไม่ดำเนินการเกี่ยวกับ (ร่าง) กรอบข้อตกลงอาเซียนว่าด้วยการเข้าถึงและการแบ่งปันผลประโยชน์จากทรัพยากรชีวภาพและทรัพยากรพันธุกรรมอย่างยุติธรรมและเท่าเทียม เนื่องจากประเทศสมาชิกอาเซียนส่วนใหญ่ประสงค์จะเป็นภาคีของพิธีสารนาโงยาว่าด้วยการเข้าถึงทรัพยากรพันธุกรรมและการแบ่งปันผลประโยชน์ที่ได้จากการใช้ทรัพยากรพันธุกรรมอย่างยุติธรรมและเท่าเทียม ซึ่งเป็นกรอบการดำเนินงานระดับโลกที่ครอบคลุมการดำเนินงานด้านการเข้าถึงและการแบ่งปันผลประโยชน์อยู่แล้ว และเพื่อหลีกเลี่ยงความซ้ำซ้อนของกฎหมาย โดยสมาชิกอาเซียนอาจพิจารณารายละเอียดการดำเนินงานของพิธีสารนาโงยาฯ เพิ่มเติมต่อเนื่องร่วมกันเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของสมาชิกอาเซียน ๑.๒ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขความเห็น ตามข้อ ๑.๑ ที่มิใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้เป็นดุลยพินิจของหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเป็นผู้พิจารณา โดยไม่ต้องนำกลับมาเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาใหม่ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการเสนอร่างกฎหมายเพื่อการคุ้มครองดูแลทรัพยากรชีวภาพที่มีความหลากหลายของประเทศไทยตามขั้นตอนให้ครบถ้วนต่อไป ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณานำองค์ความรู้จากปราชญ์ชาวบ้านหรือภูมิปัญญาท้องถิ่นในเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องมาใช้เป็นข้อมูลในการศึกษา วิจัยและพัฒนาเพื่อนำไปสู่การใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ให้เป็นรูปธรรมต่อไป |
|||||||||||||||||||||
1887 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 28/10/2557 | ||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. เร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติและมติคณะรัฐมนตรี ๑.๑ ให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเร่งรัดดำเนินการดูแลผู้ลี้ภัยและปรับปรุงพื้นที่ควบคุมผู้ลี้ภัยทั้งหมดให้มีสภาพที่เหมาะสมเพียงพอต่อการพำนักในช่วงระหว่างรอการส่งกลับประเทศต้นทาง รวมทั้งการพิจารณาย้ายพื้นที่ควบคุมไปยังศูนย์พักพิงต่าง ๆ ตลอดจนเร่งการดำเนินการเพื่อผลักดันผู้ลี้ภัยดังกล่าวกลับประเทศต่อไปโดยเร็ว และรายงานความคืบหน้าให้คณะรัฐมนตรีทราบภายในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๗ ด้วย ๑.๒ ให้กระทรวงพาณิชย์เร่งดำเนินการตรวจสอบและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญาในเรื่องต่าง ๆ ของไทย และรายงานความคืบหน้าให้คณะรัฐมนตรีทราบภายในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๗ ๑.๓ ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเร่งสนับสนุนข้อมูลประกอบการดำเนินการเกี่ยวกับการมีอยู่ของคณะกรรมการตามประกาศหรือคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ รวมทั้งปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ และให้ทุกส่วนราชการเร่งดำเนินการสรรหาและแต่งตั้งคณะกรรมการและผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจในกำกับให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ทั้งนี้ การดำเนินการสรรหาและแต่งตั้งต้องยึดหลักความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน ๑.๔ ให้กระทรวงการคลังเร่งรัดการดำเนินการศึกษาแนวทางและมาตรการในการลดภาระหนี้สินครัวเรือนและหนี้นอกระบบโดยเร็ว และให้กำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาภาระหนี้สินที่เกิดจากการใช้บัตรเครดิต และรายงานความคืบหน้าต่อคณะรัฐมนตรีภายในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๗ ๑.๕ ให้กระทรวงการคลังเร่งรัดการดำเนินการรวบรวมผลการดำเนินงานของกองทุนที่อยู่ในความรับผิดชอบโดยเร็ว และรายงานความคืบหน้าให้คณะรัฐมนตรีทราบภายในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๗ ๒. ด้านเศรษฐกิจ ๒.๑ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาหาแนวทางการพัฒนาพื้นที่ที่กำหนดเป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษให้เป็นชุมชนเมืองใหม่ ประกอบด้วยพื้นที่อุตสาหกรรม พื้นที่การพาณิชย์ โรงแรมและที่พักอาศัย เพื่อรองรับการขยายตัวของเมืองในอนาคต โดยอาจพิจารณาแนวทางการพัฒนาเมืองคู่แฝดทางการค้าซึ่งเชื่อมโยงกับเมืองคู่ค้าหลักในประเทศเพื่อนบ้าน เป็นต้น ๒.๒ ให้ทุกส่วนราชการให้ความสำคัญกับการให้ความร่วมมือในการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษร่วมกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะการเข้าร่วมพัฒนาในเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายและพื้นที่โครงการที่เกี่ยวข้อง ๒.๓ ให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานผลการดำเนินการสนับสนุนผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมโดยการร่วมทุนให้เงินกู้หรือสนับสนุนผ่านกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในช่วงที่ผ่านมาต่อนายกรัฐมนตรีภายในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๗ ๒.๔ ให้กระทรวงพาณิชย์จัดทำข้อมูลการลดภาษีศุลกากร (tariff) และมาตรการที่ไม่ใช่ภาษี (non-tariffs) ที่ประเทศไทยมีภาระผูกพันต้องดำเนินการตามที่ได้ทำความตกลงกับประเทศต่าง ๆ ทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี โดยจัดทำข้อมูลดังกล่าว ณ ปัจจุบันและในปี ๒๕๕๘ รวมทั้งผลกระทบที่จะเกิดขึ้นเสนอนายกรัฐมนตรีภายในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๗ ๒.๕ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติติดตามและศึกษาการปรับโครงสร้างและการจัดการด้านพลังงานของประเทศอินโดนีเซีย ตามนโยบายของประธานาธิบดี วิโดโด เพื่อใช้ประกอบการดำเนินการในกรณีของประเทศไทย และรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบด้วย ๓. ด้านการต่างประเทศ ๓.๑ ให้ทุกส่วนราชการเร่งดำเนินการจัดเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับประเด็น/ท่าทีที่สำคัญของไทยในด้านเศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคง กฎหมาย เพื่อใช้ประกอบการประชุมหรือการเดินทางเยือนนานาประเทศของนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ ในการกำหนดประเด็นและท่าทีของไทยให้ครอบคลุมทั้งในฐานะของประเทศไทยและในฐานะที่ไทยเป็นสมาชิกของอาเซียนด้วย ๓.๒ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติศึกษาข้อมูลการจัดระเบียบที่อยู่อาศัยของสาธารณรัฐประชาชนจีนซึ่งได้มีการสร้างที่อยู่อาศัยให้แก่ประชาชนผู้มีรายได้น้อยเป็นตึกสูง เพื่อนำมาเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาชุมชนแออัดและการจัดระเบียบที่อยู่อาศัยของไทยต่อไป ๓.๓ ให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่ปฏิบัติหน้าที่ฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการร่วมระหว่างประเทศ (Joint Committee) พิจารณากำหนดให้มีการประชุมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การดำเนินการตามภารกิจของแต่ละคณะมีความก้าวหน้าและมีผลสัมฤทธิ์ โดยอาจจะกำหนดให้มีการประชุมทุกเดือน หรือทุกสองเดือน เป็นต้น ๓.๔ ให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติกำกับดูแลไม่ให้มีการดำเนินกิจกรรมของชนกลุ่มน้อยจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาในพื้นที่ประเทศไทยที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการสร้างสันติภาพและความเป็นเอกภาพภายในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เพื่อเป็นการสนับสนุนการดำเนินการดังกล่าวในฐานะที่ประเทศไทยเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิด ๔. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๔.๑ ให้กระทรวงมหาดไทยและกรุงเทพมหานครพิจารณากำหนดมาตรการดูแลพื้นที่สำคัญทั้งในกรุงเทพมหานครและทุกจังหวัดที่ไม่ควรเกิดน้ำท่วมขังเป็นเวลานาน โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่ราชการที่ให้บริการแก่ประชาชน เช่น โรงพยาบาล ๔.๒ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและกระทรวงคมนาคมกำหนดมาตรการดูแลความปลอดภัยในการเดินทางในช่วงเทศกาลท่องเที่ยว โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือที่สภาพภูมิอากาศเริ่มมีหมอกปกคลุมพื้นที่ต่าง ๆ ซึ่งจะมีผลต่อความปลอดภัยในการสัญจรของนักท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่ ๔.๓ ให้ทุกส่วนราชการเร่งดำเนินงาน/โครงการซึ่งกำหนดเริ่มดำเนินการในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ ๒๕๕๘ ตามแผนปฏิบัติการ (Action plan) ระยะ ๑ ปี ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว โดยเฉพาะโครงการที่เป็นการเตรียมการรองรับภัยแล้ง เช่น การขุดลอกคูคลอง และขุดบ่อเพื่อสำรองน้ำใช้ในช่วงภัยแล้ง เป็นต้น ๔.๔ ให้ทุกส่วนราชการดำเนินการสร้างการรับรู้ข้อมูล ข่าวสาร รวมทั้งชี้แจงประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการดำเนินงานของรัฐบาลให้ประชาชนทราบอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องโดยไม่ตอบโต้ให้เกิดความขัดแย้ง และอาจเชิญบุคคลซึ่งเป็นที่ยอมรับหรือเป็นที่น่าเชื่อถือของประชาชนเป็นผู้ประสานทำความเข้าใจดังกล่าว ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินการบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปอย่างราบรื่น
|
|||||||||||||||||||||
1888 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 21/10/2557 | ||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. เรื่องเร่งรัดดำเนินการตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคณะรัฐมนตรี ๑.๑ ให้กระทรวงมหาดไทยเร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์และสร้างความเข้าใจให้แก่ประชาชนถึงผลกระทบในแต่ละพื้นที่อันเนื่องจากภัยแล้งอย่างต่อเนื่อง เพื่อมิให้พืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหาย รวมทั้งหามาตรการเตรียมความพร้อมรองรับกรณีเกิดปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคด้วย ๑.๒ เนื่องจากในระยะนี้มีเหตุการณ์ที่แสดงถึงความไม่ปลอดภัยจากการท่องเที่ยวในประเทศไทยหลายกรณี เช่น การประทุษร้ายนักท่องเที่ยวจนถึงแก่ชีวิต อุบัติเหตุทางเรือ จึงให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งกำหนดมาตรการดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวอย่างเร่งด่วน รวมทั้งกำหนดบทลงโทษแก่ผู้กระทำความผิดอย่างเหมาะสม เพื่อให้ผู้ประกอบการเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเพิ่มความระมัดระวังในการให้บริการยิ่งขึ้น ๑.๓ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการพิจารณาหาแนวทางการจัดพื้นที่ทำกินหรือใช้ประกอบอาชีพให้แก่ประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่ได้รับผลกระทบจากการจัดระเบียบสังคมให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ๑.๔ ให้กระทรวงมหาดไทยเร่งรัดดำเนินการกำหนดมาตรการจัดระเบียบและแก้ไขปัญหาชุมชนแออัดโดยคำนึงถึงความสอดคล้องกับการจัดผังเมือง โดยพิจารณาจัดแบ่งพื้นที่เป็นส่วนที่อยู่อาศัยและส่วนที่เป็นศูนย์กลางการประกอบอาชีพและการพาณิชย์ รวมทั้งคำนึงถึงการขยายของเมืองที่สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาในอนาคตเพื่อให้การจัดผังเมืองเป็นไปอย่างมีระบบในระยะยาวต่อไป ๑.๕ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมเร่งรัดดำเนินการจัดทำรายงานข้อมูลข้อเท็จจริงกรณีการทำเหมืองแร่โปแตชในประเทศไทย โดยให้นำเสนอผลดี ผลเสีย ผลกระทบ มาตรการในการป้องกัน แก้ไขปัญหา และการให้ความช่วยเหลือดูแลสิ่งแวดล้อมและผู้เกี่ยวข้องในพื้นที่ รวมทั้งแนวทางการใช้ประโยชน์จากแร่โปแตชในประเทศไทยอย่างครบวงจร เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว และให้กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับกระทรวงมหาดไทยชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนเพื่อให้มีความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว และให้กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณาหาแนวทางการทำเหมืองแร่โปแตชและการทำเหมืองเกลือที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่เข้ามามีส่วนร่วมในการพิจารณาด้วย ๒. ด้านต่างประเทศ ๒.๑ ให้ทุกส่วนราชการจัดส่งข้อมูลในความรับผิดชอบ เช่น แผนและยุทธศาสตร์ของหน่วยงาน ให้กระทรวงการต่างประเทศเพื่อใช้ประกอบการดำเนินการของศูนย์ความร่วมมือการค้าและการลงทุนของไทยในต่างประเทศรวมทั้งจัดมุมประเทศไทย (Thai Corner) เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ประเทศไทยให้ต่างชาติได้รู้จักต่อไปด้วย ๒.๒ ให้กระทรวงการต่างประเทศร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงกลาโหม กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการเจรจาหรือการทำความตกลงระหว่างประเทศพิจารณาจัดกลุ่มประเทศตามประเด็นสำคัญที่จะใช้ในการเจรจาหรือทำความตกลงระหว่างประเทศ เช่น กลุ่มประเทศที่เป็นตลาดการส่งออก กลุ่มประเทศที่สนใจเข้ามาลงทุนในไทย เพื่อใช้ประโยชน์ในการเจรจาหรือทำความตกลงระหว่างประเทศในระยะต่อไป ทั้งนี้ ให้ทุกส่วนราชการพิจาณาตรวจสอบและทบทวนผลการดำเนินการตามบันทึกความตกลง บันทึกความเข้าใจ หรือเอกสารความร่วมมือระหว่างประเทศที่ได้เคยจัดทำไว้แล้ว เพื่อใช้ประกอบการจัดเตรียมข้อมูลในการเจรจาในอนาคตด้วย ๓. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๓.๑ ให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณากำหนดแนวทางให้ศูนย์บริการประชาชน ทำเนียบรัฐบาล ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของกระทรวงต่าง ๆ และศูนย์ดำรงธรรมประจำจังหวัด มีการทำงานที่เชื่อมโยงกันอย่างครบวงจร โดยเฉพาะให้มีการประสานงานกับกำนันหรือผู้ใหญ่บ้านในแต่ละพื้นที่เพื่อรับทราบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนจำแนกตามกลุ่มประเภทต่าง ๆ และให้กำนันหรือผู้ใหญ่บ้านเป็นผู้ประสานงานทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ นอกจากนั้น ให้ทุกส่วนราชการจัดให้มีเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานของแต่ละส่วนราชการไปประจำในแต่ละศูนย์ด้วย โดยเฉพาะในระดับภูมิภาค ให้กำชับเจ้าหน้าที่ให้ความร่วมมือกับผู้ว่าราชการจังหวัดในการดำเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างเต็มประสิทธิภาพด้วย ๓.๒ ให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ร่วมกับกระทรวงกลาโหมและกระทรวงการคลัง พิจารณาดำเนินการตรวจสอบข้อร้องเรียนกรณีการงดจ่ายเงินบำนาญและเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ และเรียกเงินเบี้ยหวัดและเงินค่าครองชีพคืน โดยให้ดำเนินการเรื่องดังกล่าวให้ถูกต้อง แล้วรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบต่อไป ๓.๓ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งแก้ไขปัญหาการปล่อยน้ำเสียของสถานประกอบการลงสู่ลำคลองของชุมชนในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตซึ่งส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมของแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศ และส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ ๓.๔ ให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม (กรมเจ้าท่า) กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาความเป็นไปได้ในการจัดพื้นที่สำหรับใช้ประโยชน์สาธารณะริมแม่น้ำเจ้าพระยา เช่น บริเวณธนาคารแห่งประเทศไทยและสะพานพระราม ๘ ในลักษณะของโครงการอเนกประสงค์ (mixed use) โดยการสร้างเขื่อนตลอดแนวพื้นที่ โดยเหนือแนวเขื่อนจัดเป็นพื้นที่สาธารณะเพื่อให้ประชาชนใช้ประโยชน์ในการพักผ่อน ออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ และใต้แนวเขื่อนก่อสร้างท่อระบายน้ำเพื่อนำน้ำออกสู่ทะเลและป้องกันปัญหาอุทกภัยในอนาคต ทั้งนี้ ควรศึกษาแนวทางการดำเนินการจากประเทศที่ได้มีการสร้างพื้นที่ใช้ประโยชน์ในลักษณะนี้แล้ว เช่น สาธารณรัฐเกาหลี ๓.๕ ให้ทุกส่วนราชการพิจารณาทบทวนแผนหรือยุทธศาสตร์ระยะยาวต่าง ๆ ที่อยู่ในความรับผิดชอบที่มีระยะเวลาดำเนินการของแผนหรือยุทธศาสตร์ในช่วงเวลาที่แตกต่างหรือเหลื่อมล้ำกัน โดยปรับกรอบระยะเวลาของแผนหรือยุทธศาสตร์ใหม่ให้สอดคล้องกับกรอบระยะเวลาของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อให้การดำเนินการตามแผนและการบูรณาการระหว่างแผนมีประสิทธิภาพและเป็นเอกภาพยิ่งขึ้น ๓.๖ ให้ทุกส่วนราชการถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนเกี่ยวกับการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลเฉพาะเรื่องที่ดำเนินการมีผลสัมฤทธิ์แล้วและประชาสัมพันธ์เรื่องที่อยู่ระหว่างการดำเนินการเฉพาะเท่าที่จำเป็นเท่านั้น
|
|||||||||||||||||||||
1889 | การแก้ไขปัญหายางพารา ตามมติคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2557 | กษ | 21/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบแนวทางการบริหารจัดการยางขององค์การสวนยาง และเห็นชอบการดำเนินงานตามโครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชนรักษาเสถียรภาพราคายาง โครงการชดเชยรายได้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง โครงการสนับสนุนสินเชื่อเกษตรกรชาวสวนยางรายย่อยเพื่อประกอบอาชีพเสริม และโครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบการยาง ตามมติคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยกรอบวงเงินและการบริหารงบประมาณในการดำเนิน ๔ โครงการดังกล่าว ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ เกี่ยวกับการหาตลาดผลิตภัณฑ์ยางให้กับผู้ประกอบการ การส่งเสริมให้มีการใช้ยางพาราเพื่อผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ยางในประเทศเพิ่มขึ้น การระบายสต็อกยางและรับซื้อยางเพื่อทดแทนปริมาณสต็อกที่ระบายออกสู่ตลาดในแต่ละครั้งควรพิจารณาตามความเหมาะสมของเงื่อนไขของราคาและภาวะตลาดในขณะนั้น การกำหนดมาตรการเพื่อบรรเทาปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำเป็นการเฉพาะหน้าอย่างเป็นระบบ โดยพิจารณาอัตราการให้ความช่วยเหลือที่ชัดเจนและเป็นธรรมแก่เกษตรกรทุกกลุ่ม การสนับสนุนองค์ความรู้และแนวทางพัฒนาอาชีพทางเลือกให้เหมาะสมกับเกษตรกรในแต่ละพื้นที่โดยการให้สินเชื่อแก่เกษตรกรชาวสวนยางรายย่อยเพื่อประกอบอาชีพเสริมต้องมีความรัดกุม เหมาะสมตามศักยภาพของเกษตรกรอย่างแท้จริง และการจัดทำฐานข้อมูลเกษตรกร การจ่ายเงิน จะต้องมีการจัดทำทะเบียนอย่างถูกต้อง ไม่รั่วไหล รวมทั้งมีการควบคุม ให้โปร่งใสและตรวจสอบได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ในการระบายยางในสต็อกของโครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชนรักษาเสถียรภาพราคายาง ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์พิจารณากำหนดราคาให้เหมาะสม โดยใช้ระดับคุณภาพยางเป็นเกณฑ์ ๓. ในส่วนของโครงการชดเชยรายได้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง ให้จ่ายเงินชดเชยรายได้ให้แก่เกษตรกรตามพื้นที่สวนยางเปิดกรีดที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิ์โดยช่วยเหลือแก่ครัวเรือนที่มีพื้นที่สวนยางเปิดกรีดไม่เกิน ๑๕ ไร่ อัตราไร่ละ ๑,๐๐๐ บาท และกรณีครัวเรือนที่มีพื้นที่สวนยางเปิดกรีดเกินกว่า ๑๕ ไร่ขึ้นไป ให้จ่ายไม่เกิน ๑๕ ไร่ ในอัตรา ๑,๐๐๐ บาทต่อไร่ หรือไม่เกินครัวเรือนละ ๑๕,๐๐๐ บาท (เช่น กรณีครัวเรือนที่มีพื้นที่สวนยางเปิดกรีด ๒๕ ไร่ จะได้รับการจ่ายเงินชดเชยรายได้ ๑๕,๐๐๐ บาท) โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงการคลัง (ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร) กำหนดแนวทางการดำเนินการจ่ายเงินที่ถูกต้อง โปร่งใส เป็นธรรม และตรวจสอบได้ โดยเฉพาะในเรื่องการตรวจสอบผู้มีสิทธิรับเงินชดเชยรายได้ โดยให้ประสานงานกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในการตรวจสอบความถูกต้องว่าเป็นพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิ์หรือสิทธิทำกินในพื้นที่นั้น ซึ่งรวมถึงประเภทเอกสารสิทธิ์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งเป็นที่ยอมรับของกรมป่าไม้ รวม ๔๖ รายการ ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอแนวทางการจ่ายเงินดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรีโดยด่วนก่อนดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
1890 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพิจารณามาตรการปกป้อง | พณ | 21/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพิจารณามาตรการปกป้องชุดใหม่ จำนวน ๗ คน แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๗) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายสุทธิพร จีระพันธุ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเกษตร ๒. นายมนู เลียวไพโรจน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการอุตสาหกรรม ๓. นางอุบล มลิลา ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารธุรกิจ ๔. นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการค้าระหว่างประเทศ ๕. นางสาวผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบัญชีและการเงินการคลัง ๖. นางฉวีวรรณ จันทนภุมมะ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ ๗. นางภาณุมาศ สิทธิเวคิน ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายการค้าระหว่างประเทศ
|
|||||||||||||||||||||
1891 | การยกเลิกภาษีนำเข้าและโควตานำเข้าสำหรับน้ำตาลทรายดิบจากอ้อยภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน - สาธารณรัฐเกาหลี (ASEAN-Korea Free Trade Agreement : AKFTA) | พณ | 21/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการยกเลิกภาษีและการยกเลิกโควตานำเข้าน้ำตาลทรายดิบจากอ้อยตามพิกัดอัตราศุลกากร (ปี ๒๐๑๒) ๑๗๐๑.๑๓.๐๐ และ ๑๗๐๑.๑๔.๐๐ โดยการโอนย้ายสินค้าดังกล่าวจากสินค้าอ่อนไหวเป็นสินค้าปกติและมีอัตราภาษีร้อยละ ๐ ทันที และแก้ไขข้อผูกพันอัตราภาษีของไทยตามพิธีสารฉบับที่สองเพื่อแก้ไขความตกลงการค้าสินค้าภายใต้กรอบความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี (ASEAN-Korea Free Trade Agreement : AKFTA) ๑.๒ มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงพาณิชย์ ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถดำเนินการตามข้อ ๑.๑ อาทิ ออกประกาศหรือปรับปรุงกฎระเบียบเพื่อรองรับการยกเลิกภาษีและยกเลิกโควตานำเข้าสินค้าน้ำตาลทรายดิบจากอ้อยภายใต้ AKFTA ให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว พร้อมทั้งแจ้งผลการดำเนินการให้กระทรวงพาณิชย์ทราบ เพื่อดำเนินการแจ้งต่อสาธารณรัฐเกาหลีเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างเป็นทางการต่อไป ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ผู้ประกอบการไทยรักษาคุณภาพ มาตรฐานและปริมาณการผลิตน้ำตาลทรายดิบจากอ้อยให้อยู่ในระดับสากลหรือพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งให้เพียงพอต่อความต้องการของตลาดทั้งภายในและภายนอกประเทศเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า รักษาขีดความสามารถและขยายสัดส่วนในตลาดต่อไป นอกจากนี้ ควรเร่งผลักดันการบริหารจัดการพื้นที่เพาะปลูกอ้อย (Zoning) ให้มีการเพาะปลูกในพื้นที่ที่เหมาะสม และสนับสนุนให้มีการนำเทคโนโลยี เครื่องมือ เครื่องจักรเข้ามาช่วยในการเพาะปลูกและเก็บเกี่ยว เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพให้ผลผลิตต่อไร่สูงขึ้น และลดปัญหาการขาดแคลนแรงงานและประสิทธิภาพแรงงานต่ำ ตลอดจนส่งเสริมให้มีการวิจัยและพัฒนาพันธุ์อ้อยที่ให้ผลผลิตและมีคุณภาพสูงที่เพิ่มมากขึ้นเพื่อรักษาความได้เปรียบเชิงแข่งขันในอุตสาหกรรมน้ำตาลของไทยในระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย |
|||||||||||||||||||||
1892 | ร่างความตกลงอาเซียนว่าด้วยบทบัญญัติเครื่องมือแพทย์ (ASEAN Agreement on Medical Device Directive) | สธ | 14/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบและอนุมัติการลงนามความตกลงอาเซียนว่าด้วยบทบัญญัติเครื่องมือแพทย์ (ASEAN Agreement on Medical Device Directive) ๑.๒ มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ลงนามในความตกลงฯ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญในความตกลงฯ ที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม มอบหมายให้ผู้ลงนามเป็นผู้ใช้ดุลยพินิจตามสถานการณ์ ตามความเหมาะสมที่จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยต่อไป ๑.๓ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ลงนามความตกลงฯ ๑.๔ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือแจ้งการมีผลใช้บังคับของความตกลงฯ เมื่อประเทศไทยได้ลงนามและดำเนินการตามกระบวนการภายในเสร็จสิ้นแล้ว ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับสาระสำคัญของความตกลงฯ มีการใช้ถ้อยคำที่มีลักษณะบังคับ แสดงถึงความมุ่งหมายที่จะก่อให้เกิดผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างกันตามกฎหมายระหว่างประเทศ กรณีจึงเข้าลักษณะเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๒๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ และโดยที่ร่างความตกลงฯ เป็นการปรับมาตรฐานและการตรวจสอบรับรองเครื่องมือแพทย์ซึ่งมีความแตกต่างกันในแต่ละประเทศสมาชิกเพื่อให้เกิดความสอดคล้อง อันเป็นการอำนวยความสะดวกต่อการค้าเสรี จึงเป็นหนังสือสัญญาเกี่ยวกับการค้าเสรีตามมาตรา ๒๓ วรรคสาม ของรัฐธรรมนูญฯ ซึ่งเข้าลักษณะเป็นหนังสือสัญญาซึ่งกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างกว้างขวางที่ต้องเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อขอความเห็นชอบตามมาตรา ๒๓ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญฯ |
|||||||||||||||||||||
1893 | แนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | นร | 14/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รายงานว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๗ ให้เสนอร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. .... เพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน นั้น เนื่องจากได้รับการประสานจากรองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) ว่า ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับร่างพระราชบัญญัติอื่น ซึ่งควรที่จะพิจารณาในคราวเดียวกัน ดังนั้น เพื่อความรอบคอบและสมบูรณ์ในการเสนอร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว จึงขอชะลอการบรรจุระเบียบวาระร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. .... ไว้ก่อน และเมื่อมีความพร้อมแล้วจะได้แจ้งให้ทราบเพื่อบรรจุระเบียบวาระไปในคราวเดียวกัน ๒. รับทราบแนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ ๑๖/๒๕๕๗ วันพฤหัสบดีที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๗ และครั้งที่ ๑๗/๒๕๕๗ วันศุกร์ที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๗ และเห็นชอบให้เสนอร่างพระราชบัญญัติต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน จำนวน ๓ ฉบับ คือ ๒.๑ ร่างพระราชบัญญัติสวนป่า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๒.๒ ร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แบ่งส่วนราชการในกระทรวงพาณิชย์) ๒.๓ ร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (จัดตั้งกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ)
|
|||||||||||||||||||||
1894 | แนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ [ร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ..... (แบ่งส่วนราชการในกระทรวงพาณิชย์)] | นร | 14/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้เสนอร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แบ่งส่วนราชการในกระทรวงพาณิชย์) ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||
1895 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้บารากู่และบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... | พณ | 14/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้บารากู่และบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้บารากู่และบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า รวมถึง พืช ผลไม้ พืชหมัก ผลไม้หมัก สาร สารสกัด หรือสิ่งอื่นใด ที่ใช้เป็นแหล่งกำเนิดควันหรือละอองไอน้ำ ซึ่งนำเข้ามาพร้อมกันเพื่อใช้กับอุปกรณ์ดังกล่าว เป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับบทอาศัยอำนาจ ควรระบุเป็น “บทอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง (๑) และมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ. ๒๕๒๒”เพื่อให้การระบุบทอาศัยอำนาจเป็นไปโดยชัดเจนและครบถ้วน รวมทั้งพิจารณาความเหมาะสมในการกำหนดให้ “บารากู่” รวมถึงยาสูบ ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อย ๒๔๐๓.๑๑.๐๐ ซึ่งเป็นพิกัดของยาสูบที่สามารถนำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยได้หากได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ. ๒๕๐๙ อีกครั้งหนึ่ง และควรกำหนดมาตรการทางกฎหมายเพื่อแก้ไขปัญหาในกรณีที่มีการจำหน่ายและโฆษณาบารากู่ บารากู่ไฟฟ้า และบุหรี่ไฟฟ้าภายในประเทศ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) รับไปกำกับ ดูแล ติดตามและตรวจสอบการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการกำหนดมาตรการเพื่อป้องกันมิให้มีการนำบารากู่และบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้าไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสมอันจะก่อให้เกิดปัญหาทางสุขภาพ อนามัย สังคม และความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนต่อไปด้วย ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภครับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปดำเนินการกำหนดมาตรการทางกฎหมายเพื่อใช้ในการแก้ไขปัญหาในกรณีที่มีการจำหน่ายและโฆษณาเกี่ยวกับสินค้าบารากู่และบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้าภายในประเทศด้วย |
|||||||||||||||||||||
1896 | รายงานการร้องเรียนของประชาชน | นร01 | 14/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานการร้องเรียนของประชาชนที่เดินทางมาร้องเรียน ณ ศูนย์บริการประชาชน ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๕๗ จำนวน ๔ กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มผู้ประกอบการผลิตเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตในประเทศไทย กลุ่มประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรม กลุ่มชมรมผู้ค้าน้ำมันจังหวัดนนทบุรี และสถาบันการจัดการที่ดินชุมชนแนวใหม่ ๕ ภาค (สกทช.) ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ๒. มอบหมายให้ผู้ที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ดังนี้ ๒.๑ กรณีกลุ่มผู้ประกอบการผลิตเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตในประเทศไทย ขอความอนุเคราะห์ในการปกป้องผู้ประกอบการผลิตเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตในประเทศไทยที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการนำเข้าเหล็กเส้นจากสาธารณรัฐประชาชนจีน มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) รับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ๒.๒ กรณีกลุ่มประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรม ขอให้พิจารณาตรวจสอบกระบวนการยุติธรรมในการบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ในคดีระหว่างบริษัท บริหารสินทรัพย์ กรุงศรีอยุธยา จำกัด กับ บริษัท ไทยประสิทธิผล จำกัด มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ๒.๓ กรณีกลุ่มชมรมผู้ค้าน้ำมันจังหวัดนนทบุรี ขอความเป็นธรรมเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีน้ำมันขององค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี เนื่องจากมีการออกข้อบัญญัติเรียกเก็บภาษีดังกล่าวในอัตราที่สูงทำให้ผู้ค้าน้ำมันในจังหวัดนนทบุรีได้รับความเดือดร้อน มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) รับไปเร่งรัดให้กระทรวงมหาดไทย โดยจังหวัดนนทบุรีดำเนินการชี้แจงข้อเท็จจริงกับกลุ่มผู้ร้องเรียนต่อไป ๒.๔ กรณีสถาบันการจัดการที่ดินชุมชนแนวใหม่ ๕ ภาค (สกทช.) ขอให้พิจารณาออกเอกสารสิทธิที่ดินให้แก่ราษฎรในพื้นที่ที่ไม่มีหน่วยงานใดรับผิดชอบและพื้นที่เขตป่าเขาฉกรรจ์โนนสาวเอ้ให้แก่ราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อนเรื่องที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยในพื้นที่อำเภอวังสมบูรณ์ จังหวัดสระแก้ว มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) รับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง |
|||||||||||||||||||||
1897 | ข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติและนายกรัฐมนตรี | นร | 07/10/2557 | ||||||||||||||||||
ในคราวประชุมร่วมคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคณะรัฐมนตรี หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติและนายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๑.๑ ให้ทุกส่วนราชการเร่งดำเนินโครงการที่มีประโยชน์ต่อประชาชนอย่างทั่วถึงให้เกิดเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพื่อมอบให้เป็นของขวัญปีใหม่แก่ประชาชน เช่น การจัดหารถเมล์ NGV ใหม่ โรงงานกำจัดขยะ เป็นต้น ๑.๒ ให้ทุกส่วนราชการพิจารณาเรื่องสำคัญที่ต้องดำเนินการและจัดทำเป็นแผนปฏิบัติการระยะ ๓ เดือน ๖ เดือน ๙ เดือน และ ๑ ปี พร้อมทั้งกำหนดผลสัมฤทธิ์และระยะเวลาแต่ละกิจกรรมเพื่อให้มีความชัดเจนในการปฏิบัติ รวมทั้งสามารถติดตามและประเมินผลการดำเนินการได้ แล้วส่งให้นายกรัฐมนตรีภายในวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๗ ๑.๓ ให้ทุกส่วนราชการจัดเตรียมข้อมูลในความรับผิดชอบเพื่อชี้แจงประชาชนผ่านรายการเดินหน้าประเทศไทยที่ออกอากาศทุกวันทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์ต่อประชาชน ทั้งนี้ หากส่วนราชการใดมีเรื่องจำเป็นจะต้องชี้แจงอย่างเร่งด่วนสามารถส่งเรื่องที่ต้องการชี้แจงให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณาก่อนได้ ๑.๔ ให้ทุกส่วนราชการติดตามข้อมูลข่าวสารและความคิดเห็นจากสื่อต่าง ๆ เกี่ยวกับภารกิจหรือการดำเนินงานในความรับผิดชอบ เพื่อใช้ประกอบการปรับปรุงแก้ไขให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น และหากข้อมูลใดที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงให้ส่วนราชการนั้นชี้แจงให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้องด้วย ๑.๕ ตามที่มีข่าวแพร่หลายอยู่ในขณะนี้ว่า จะมีการยุบเลิกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น ให้กระทรวงมหาดไทยเร่งชี้แจงสร้างความเข้าใจให้ส่วนราชการในสังกัดและประชาชนว่า รัฐบาลไม่มีนโยบายในเรื่องดังกล่าว ๒. ด้านเศรษฐกิจ ๒.๑ ให้ส่วนราชการที่มีหน้าที่ในการพิจารณาอนุญาตเกี่ยวกับการกำหนดมาตรฐานของสินค้า บริการ และอื่น ๆ เช่น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หาแนวทางการลดขั้นตอนในการพิจารณาอนุญาตเพื่อให้มีความสะดวก รวดเร็ว และสนับสนุนให้ผู้ประกอบการสามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ ๒.๒ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาเรื่องที่ดินทำกินขึ้น โดยให้มีผู้แทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นกรรมการ รวมทั้งให้มีผู้แทนจากภาคเอกชนและภาคประชาชนในพื้นที่เข้ามามีส่วนร่วมในคณะกรรมการด้วย ๒.๓ โดยที่ปัจจุบันประชาชนนิยมสัญจรด้วยรถจักรยานส่งผลให้มีความต้องการซื้อรถจักรยานสูงขึ้น แต่เนื่องจากรถจักรยานที่มีประสิทธิภาพมักจะมีราคาแพงและประเทศไทยยังมีช่องทางเดินรถสำหรับรถจักรยานน้อย จึงให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณาหาแนวทางการผลิตรถจักรยานที่มีมาตรฐานและจำหน่ายในราคาถูก และให้กระทรวงคมนาคมและกระทรวงมหาดไทยพิจารณาจัดช่องทางเดินรถที่มีความปลอดภัยสำหรับรถจักรยานในทุกจังหวัดด้วย ๓. ด้านสังคม ๓.๑ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีนโยบายในการจัดระเบียบสังคม เช่น การจัดระเบียบทางเท้า การจัดระเบียบชายหาด การจัดระเบียบพื้นที่เกษตรกรรมที่บุกรุกป่าสงวน นั้น ส่งผลให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่เคยใช้ประโยชน์ในพื้นที่เหล่านั้นได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก จึงให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาหาแนวทางการจัดพื้นที่ทำกินหรือใช้ประกอบอาชีพให้แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว เช่น การจัดตลาดนัดถนนคนเดินเพื่อให้ผู้ได้รับผลกระทบมีพื้นที่ในการค้าขายเป็นการชั่วคราว ๓.๒ ให้ทุกหน่วยงานนำข้อมูลโครงการในพระราชดำริต่าง ๆ แนวคิดเกษตรทฤษฎีใหม่ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นต้น เผยแพร่ต่อสาธารณชนในสื่อต่าง ๆ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะทางสื่อออนไลน์ เพื่อให้สะดวกในการเข้าถึงข้อมูล นอกจากนี้ ให้ห้องสมุดของสถานศึกษาจัดให้มีข้อมูลดังกล่าวเพื่อเป็นแหล่งความรู้ในสถานศึกษาด้วย ๔. ด้านการต่างประเทศ ๔.๑ ในการให้ความช่วยเหลือตามที่ต่างประเทศหรือองค์กรนานาชาติร้องขอ โดยการส่งบุคลากรเข้าร่วมปฏิบัติภารกิจต่าง ๆ เช่น การฟื้นฟูภัยพิบัติ การระงับภัยจากโรคระบาด นั้น ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบพิจารณาความจำเป็น เหมาะสม โดยคำนึงถึงความพร้อมของบุคลากร ความปลอดภัยและการป้องกันความเสี่ยงสำหรับบุคลากรที่จะต้องไปปฏิบัติหน้าที่ในต่างประเทศ ๔.๒ ให้กระทรวงการต่างประเทศประชาสัมพันธ์ชี้แจงการดำเนินงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีที่มุ่งเน้นการสร้างความสมานฉันท์ปรองดอง ความสงบเรียบร้อยของประเทศ โดยให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน เพื่อให้ต่างชาติมีความเข้าใจที่ถูกต้องในแนวทางการทำงานข้างต้น ๔.๓ ในการเตรียมประเด็นเพื่อใช้ในการเจรจาระหว่างประเทศ ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบพิจารณานำ ๔ ประเด็นหลักที่ทุกเวทีโลกให้ความสำคัญ ประกอบด้วย ๑) การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ๒) การแพร่ระบาดของโรคร้ายแรง (Pandemics) ๓) การก่อการร้ายของกลุ่มอิสลามหัวรุนแรง (ISIS/ISIL) และ ๔) การพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development) รวมในประเด็นการเจรจา รวมทั้งให้มุ่งนำเสนอประเด็นเกี่ยวกับการดำเนินการของรัฐบาลเพื่อเดินหน้าประเทศไทยตาม Roadmap ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
|
|||||||||||||||||||||
1898 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินงานโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง | กษ | 01/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินงานโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง จากเดิมสิ้นสุดวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๖ เป็นสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ เพื่อให้องค์การสวนยาง (อ.ส.ย.) บริหารจัดการยางพาราที่ได้รับซื้อไว้ ๒. อนุมัติให้ อ.ส.ย. ขยายระยะเวลาชำระคืนเงินกู้ต่อธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ตามระยะเวลาโครงการฯ ที่ขยายออกไป (๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗) โดยให้กระทรวงการคลังขยายระยะเวลาการค้ำประกันเงินกู้ที่ อ.ส.ย. ได้กู้เงินกับ ธ.ก.ส. ออกไปจนถึงสิ้นสุดระยะเวลาที่ขยายโครงการฯ พร้อมทั้งชดเชยต้นทุนเงินในอัตราดอกเบี้ย FDR+1 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๕๕ (เรื่อง การรักษาเสถียรภาพราคายาง) ๓. อนุมัติให้ อ.ส.ย. นำเงินค่าสินไหมทดแทนที่ได้รับจากบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด และบริษัท มิตรไทยโฮลดิ้ง จำกัด กรณีไฟไหม้โรงงานบริษัท มิตรไทยโฮลดิ้ง จำกัด จำนวน ๒๓๕.๓๓๕ ล้านบาท เพื่อชำระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่ค้างชำระ จำนวน ๑๘๒.๒๕๕ ล้านบาท ๔. สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในส่วนที่ขยายระยะเวลาโครงการฯ จากเดือนกรกฎาคม-ธันวาคม ๒๕๕๗ ได้แก่ ค่าดำเนินการ ค่าบริหารโครงการ และค่าเบี้ยประกันวินาศภัย ให้ อ.ส.ย. ใช้จ่ายจากวงเงินคงเหลือ จำนวน ๑๔๒.๑๐๐ ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายในส่วนที่ขยายระยะเวลาโครงการฯ ไปก่อน หากไม่เพียงพอ ให้ อ.ส.ย. ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนอีกครั้งหนึ่ง ๕. ส่วนงบประมาณรายจ่ายเพื่อให้ ธ.ก.ส. ชำระดอกเบี้ยคืนแหล่งเงินกู้ในช่วงการขยายระยะเวลาดำเนินโครงการออกไป นั้น ให้ ธ.ก.ส. ใช้เงินทุน ธ.ก.ส. สำรองจ่ายเป็นค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยดังกล่าวในเบื้องต้นก่อน และให้ ธ.ก.ส. เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ๖. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำกับ ติดตาม ตรวจสอบการดำเนินโครงการฯ อย่างเข้มงวด รวมทั้งให้ร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบสต็อกยาง จัดทำแผนการระบายสต็อกยางดังกล่าวให้ชัดเจน โดยให้ระบายยางที่ค้างอยู่ในสต็อกก่อน และเน้นการระบายยางให้แก่ผู้ประกอบการภายในประเทศเป็นลำดับแรก ทั้งนี้ ให้จัดทำรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบทุกเดือน เพื่อให้สามารถเร่งรัดการดำเนินงานและให้มีการปิดบัญชีโครงการฯ โดยเร็วตามกรอบระยะเวลาที่ขยายไว้ด้วย ๗. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับไปประสานงานกับฝ่ายความมั่นคง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ กระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณากำหนดแนวทางการสนับสนุนและมาตรการทางด้านความปลอดภัยให้กับผู้ประกอบการที่จะเข้าไปลงทุนประกอบกิจการเกี่ยวกับยางพาราและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ |
|||||||||||||||||||||
1899 | ปรับปรุงองค์ประกอบ และอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว | นร04 | 01/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๑๗/๒๕๕๗ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว ลงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ โดยมีองค์ประกอบของคณะกรรมการฯ และอำนาจหน้าที่ ดังนี้
๑. องค์ประกอบของคณะกรรมการฯ จำนวน ๑๘ คน มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เป็นรองประธานกรรมการ และปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นกรรมการและเลขานุการ ๒. อำนาจหน้าที่ ๒.๑ เสนอแนะนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาและแก้ไขปัญหาข้าวทั้งระบบ กำหนดมาตรการระยะสั้นและระยะยาวให้เชื่อมโยง ทั้งการผลิต การตลาด และการแปรรูป อย่างครบวงจร โดยครอบคลุมการขึ้นทะเบียนเกษตรกร การพัฒนาการผลิต การพัฒนาระบบตลาด การแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า การควบคุมคุณภาพและมาตรฐาน การวิจัยพัฒนา และเพิ่มการใช้ข้าวในประเทศ รวมทั้งแนวทางการเจรจาของไทยเกี่ยวกับข้าวระหว่างประเทศต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ ๒.๒ กำหนดและเสนอมาตรการเพื่อดูแลให้เกษตรกรมีรายได้ที่เหมาะสม โดยเน้นกลไกตลาด เสนอแผนปฏิบัติการ รวมทั้งงบประมาณที่ต้องใช้ในการดูแลระดับราคาข้าว เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องและคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบและอนุมัติตามขั้นตอน ๒.๓ ติดตามและกำกับดูแลการปฏิบัติตามนโยบายและยุทธศาสตร์ มาตรการ และแผนปฏิบัติการตามที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี ๒.๔ ติดตามและตรวจสอบการดำเนินโครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่ผ่านมาของรัฐบาล ๒.๕ แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ คณะทำงาน และคณะที่ปรึกษา เพื่อดำเนินการศึกษา วิเคราะห์ และเสนอแนะแนวทางในการบริหารจัดการข้าวต่อคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว ๒.๖ เชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง หรือขอเอกสารหลักฐาน โดยให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของทางราชการให้ความร่วมมือและสนับสนุนการดำเนินการของคณะกรรมการฯ ๒.๗ ดำเนินการอื่นตามที่นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีมอบหมาย
|
|||||||||||||||||||||
1900 | แต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการมันสำปะหลัง (นบมส.) และคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง | พณ | 01/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการมันสำปะหลัง (นบมส.) จำนวน ๑๙ คน มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานกรรมการ และอธิบดีกรมการค้าภายใน เป็นกรรมการและเลขานุการ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดย นบมส. มีอำนาจหน้าที่ ดังนี้ ๑.๑ เสนอกรอบนโยบาย ยุทธศาสตร์ และมาตรการเกี่ยวกับสินค้ามันสำปะหลังต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อให้การบริหารจัดการสินค้ามันสำปะหลังสอดคล้องกันทั้งระบบและมีการพัฒนาเพื่อเพิ่มศักยภาพและประสิทธิผลอย่างต่อเนื่อง ๑.๒ อนุมัติแผนงาน โครงการ และมาตรการเกี่ยวกับการผลิตและการตลาดมันสำปะหลัง ๑.๓ ส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาวิจัยและพัฒนาเพื่อเพิ่มคุณภาพ ลดต้นทุน และส่งเสริมการผลิตมันสำปะหลังที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ๑.๔ พิจารณาหลักเกณฑ์ และวิธีการสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกร สถาบันเกษตรกร ผู้ประกอบการลานมัน โรงแป้ง และผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เพื่อให้การบริหารจัดการมันสำปะหลังทั้งระบบเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ๑.๕ ติดตาม กำกับดูแลการปฏิบัติตามนโยบาย มาตรการและโครงการที่ได้รับการอนุมัติ ๑.๖ แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ คณะทำงาน และคณะที่ปรึกษา เพื่อดำเนินการด้านการผลิต การตลาด และการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับมันสำปะหลัง หรือตามที่ได้รับมอบหมาย ๑.๗ เชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล ข้อเท็จจริงและความเห็น รวมทั้งส่งเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการฯ ๒. ส่วนคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ให้กระทรวงพาณิชย์รับไปดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการมันสำปะหลังต่อไป
|
.....